ธีรยากลืนโจ๊กลงคอแล้วก็อดคิดถึงอีริคไม่ได้ เธอมั่นใจว่าเขามาช่วย แต่..เขาช่วยเพราะหน้าที่หรือเพราะเป็นห่วงเธอจริงๆ ผู้ชายที่อยากแต่งงานกับเธอ แต่ไม่เคยบอกรักเธอสักคำ จริงอยู่ว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขามันเกิดจากเซ็กส์ชั่วคืน หากไม่เพราะ ‘บังเอิญ’ พบกันอีก คนที่ทำงานให้ห้องแล็บอย่างเธอก็คงไม่ได้พบนักธุรกิจระดับพันล้านที่แสนเอาแต่ใจจอมเผด็จการคนนั้น เธอยกมือแตะสร้อยที่สวมอยู่ เขาสวมสร้อยเส้นนี้ให้เธอตั้งแต่วันไปงานแต่งงานก้องภพแล้วก็ไม่เอาสร้อยคืน จากคนไม่ใส่เครื่องประดับก็ใส่จนเคยตัว เขาช่างเป็นคนนิสัยแย่ที่สุดที่มาเปลี่ยนชีวิตที่แสนเรียบง่ายของเธอ
เหมือนน้ำตาหยดจะร่วงหล่น เธอกลั้นสะอื้นแล้วกลืนอาหารลงคอ อย่างไรก็ต้องดูแลตัวเองไม่ให้เป็นภาระ
หากต้องหนี เธอก็ต้องมีแรงหนี.
...
โจวเจียอีก้าวเข้ามาในคฤหาสน์หลังงามชานเมืองกรุงเทพฯ ดูเหมือนเจ้าของบ้านไม่แปลกใจที่ได้เห็นเขานัก
“รวดเร็วสมกับเป็นประธานโจว” เจียงซีฮันเอ่ยแล้วผายมือเชิญให้เขานั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม
“อยากเจอผมก็มาเชิญผมสิ ทำไมต้องทำให้ยุ่งยากแบบนี้”
โจวเจียอีนั่งลงโดยมีเจสันยืนอยู่ด้านหลัง ส่วนปกป้องที่ตามมาด้วยมาในฐานะบอดี้การ์ดติดตามโจวเจียอี และเขาก็ไม่เข้าใจภาษาจีนที่คนพวกนี้พูดกันอยู่ จึงได้แต่ยืนทำหน้าตึงเลียนแบบเจสัน
“ก็แค่อยากให้คุณโจวมาเป็นหุ้นส่วนกับผม กิจการในไทยเรามาร่วมมือกันดีกว่า” เจียงซีฮันแกว่งแก้วเหล้าในมือเล่น
“โดยใช้ชื่อผมบังหน้าอย่างนั้นเหรอ คุณก็รู้เรื่องผิดกฎหมายผมไม่ทำ”
“มันก็ไม่ใช่ผิดกฎหมายเสียทีเดียว เราก็ซิกแซกได้เหมือนที่เคยทำ”
“ผมปฎิเสธ เราไม่ทำอะไรเสื่อมเสียทั้งชื่อเสียง ศีลธรรมและผิดกฎหมาย”
“อุดมการณ์ของคุณโจวเหมือนคุณพ่อของคุณไม่มีผิด ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ” เจียงซีฮันหัวเราะออกมา “เห็นทีว่าการเจรจาการค้านี้ไม่สำเร็จ เราคงปิดดีลกันแค่นี้”
“ส่งคนของผมมา”
“ถ้าผู้หญิงของคุณสำคัญ ก็มาทำสัญญาตกลงร่วมงานกันไม่ดีกว่าหรือ?”
“สกุลโจวไม่ใช่ผู้หญิงเป็นเครื่องมือ และผมจะพาตัวผู้หญิงของผมกลับ”
“มาถึงขั้นนี้แล้ว ผมก็ไม่มีอะไรจะเสียเหมือนกัน” เจียงซีฮันยิ้มแล้วยกเหล้าขึ้นดื่มจนหมดก่อนปาแก้วเหล้าลงพื้น “จัดการ!”
รวดเร็วเสียจนปกป้องที่เป็นตำรวจยังตกใจ เจสันชักปืนยิ่งใส่อีกฝ่าย โจวเจียอีหมุนตัวหลบอย่างว่องไวราวกับเจอสถานการณ์เช่นนี้มานับครั้งไม่ถ้วน เขายกมือแตะที่เครื่องส่งสัญญาที่ใส่ไว้ในหูแล้วพูด
“ไห่เทาส่งตำแหน่งของธีรยามา”
“ชั้นสองห้องปีกขวาครับ”
โจวเจียอีชักปืนออกมาแล้วหันไปพูดกับปกป้อง “คุณจะอยู่ที่นี่หรือไปกับผม”
“ผมจะไปช่วยยัยหมิว”
“ตามหลังผมให้ดี”
“เฮ้ยๆ ผมเป็นตำรวจ”
“ตอนนี้คุณไม่ใช่ตำรวจ”
โจวเจียอีเดินไปตามทาง ระหว่างทางเจอคนของเจียงซีฮันแต่ลูกน้องของเขาเข้ามาจัดการไม่ให้ขวางทางเดินของเจ้านาย ปกป้องมองอย่างตะลึงงัน คนพวกนี้ฝึกซ้อมมาดีไม่ใช่แค่นักเลงข้างถนน แต่ทักษะการต่อสู้ระดับหน่วยซีล (SEAL) เลยก็ว่าได้ ไม่เอาถึงตายแค่คางเหลือง!
“คุณรู้ได้ยังไงว่าหมิวอยู่ที่ไหน”
“ผมซ่อนเครื่องติดตามที่สร้อยคอของหมิว” เขาพูดแล้วเดินตรงไปอย่างมุ่งมั่น “พรุ่งนี้ผมให้เลขาของผมส่งหลักฐานของเจียงซีฮันให้ มันอยู่ในกลุ่มจีนเทาที่คุณตามหา”
“นี่คุณรู้ด้วยเหรอ” ปกป้องตกใจ
โจวเจียอีปรายตาเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไร ประตูห้องด้านหน้าทีการ์ดตัวใหญ่สองคนยืนขวางอยู่ เจสันที่ตามมาจากชั้นล่างเข้าไปปะทะด้วยหมัดและเท้า ราวกับกำลังดูการต่อสู้แบบในซีรีย์จีน ปกป้องเห็นเลือดซึมจากแผลบนหน้าของเจสัน ไอ้หมอนี้คงซัดคนเพลินลืมไปว่าตัวเองเพิ่งหัวแตก ตำรวจหนุ่มอดไม่ได้ยืนเท้าไปช่วย เจสันถึงกับหันมามองเพราะไม่คิดว่าตำรวจคนนี้จะรู้ศิลปะป้องกันตัว
“อย่ามาดูถูก ผมไม่ใช่ตำรวจนั่งโต๊ะอย่างเดียว” ปกป้องหัวเสียแล้วใส่หมัดหนักๆ ใส่คนของเจียงซีฮัน
โจวเจียอีไม่มีเวลามาสนใจใครอีก ทันทีที่เจสันยกเท้าถีบประตูจนเปิดออก เขาก็รีบพุ่งเข้าไปทันที แต่ทันทีที่ประตูเปิดออก โคมไฟอันหนึ่งก็ลอยมาทางเขาพอดี ประสาทการรับรู้ฉับไวทำให้เขาหลบได้ทัน
“หมิว!”
“อีริค!”
ธีรยาที่ยืนอยู่อีกฟากของห้องถึงกับอ้าปากค้าง เธอได้ยินเสียงดังจากด้านนอก ไม่แน่ใจว่าเสียงปืนหรือเสียงอะไร แต่ก็ป้องกันตัวเองไว้ก่อน ที่หาได้ก็โคมไว้ข้างเตียงนอนนี้แหละ
“คุณนี่นะ” โจวเจียอีหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก แต่เธอก็คือธีรยา ผู้หญิงที่เขาหลงรักอย่างไม่รู้ตัว “มาเถอะ ออกไปจากที่นี่ก่อน”
“คุณมาแล้ว” ธีรยาไม่คิดว่าเขาจะมาช่วยจริงๆ ความกดดันทั้งหลายทั้งปวงกลายเป็นหยดน้ำตาไหลอาบแก้ม
“ที่รัก!คุณบาดเจ็บเหรอ” โจวเจียอีรีบปาดเข้าไปสำรวจดูหญิงสาว เธอส่ายหน้าไปมาแล้วซุกหน้ากับแผ่นอกอุ่นที่ทำให้ใจของเธอสงบ
“คุณมาแล้ว คุณมาจริงๆ”
“ยัยหอยทาก ยังไงผมก็ต้องมาช่วยคุณ” เขาโอบกอดเธอไว้ “ผมมารับคุณแล้ว รีบกลับบ้านเรากันก่อนเถอะ”
“ค่ะ”
หญิงสาวรู้ดีว่าไม่ใช่เวลาที่จะมาร้องไห้ตอนนี้ ดูจากสถานการณ์แล้วต้องรีบออกไปจากที่นี่ เธอยกมือปาดน้ำตาแล้วฝืนยิ้มออกมา โจวเจียอีส่งยิ้มให้คนเก่งของเขาแล้วโอบคนตัวเล็กไว้เพื่อปกป้องเธอ
“นายป้อง...เจสัน” ธีรยาแปลกใจที่เห็นเพื่อนสนิทมาช่วยเธอด้วย
“รีบออกไปก่อนเถอะครับ ทางนี้พวกเราจะจัดการเอง” เจสันรีบพูดขึ้น
“ให้ไห่เทามาเก็บกวาดให้เรียบร้อย” เขาไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเคยเกิดเรื่องใดที่นี่ และยิ่งไม่ต้องการให้ธีรยาแปดเปื้อนเรื่องพวกนี้
“ครับผม!”
ปกป้องทำท่าจะเดินตามธีรยากับโจวเจียอี แต่เจสันดึงคอเสื้อปกป้องไว้ก่อน เขาหันมาสบถใส่อย่างหัวเสีย
“ดึงทำไมเนี้ย! จะตามไปไม่ทันแล้ว”
“คุณจะตามไปเป็นก้างขวางคอเหรอ”
“ผมก็เป็นห่วงเพื่อนผม”
“หน้าที่นั้นให้บอสของผมทำเถอะ! คุณกลับพร้อมผมนี่แหละ ดูสิ แผลบนหัวผมปริแล้ว”
ปกป้องหันไปอีกที เพื่อนสาวก็หายลงบันไดไปแล้ว เขาได้โอดครวญในอก ไม่มีจังหวะได้แสดงบทพระเอกบ้างเลย ใช่สิ!เขาเป็นแค่พระรองนี่นะ!
ลูกน้องเห็นบอสใหญ่ออกมาจากด้านในก็รีบเปิดประตูรถให้ทันที ธีรยาถอนหายใจโล่งอกที่ทุกอย่างจบลงด้วยดี อย่างน้อยก็ไม่ถึงกับนองเลือดเหมือนในซีรีย์ซึ่งเธอก็ไม่ค่อยได้ดูนักหรอก แต่ที่สำคัญเธอไม่อยากเป็นต้นเหตุให้คนอื่นต้องมาลำบาก หากเธอเอะใจสักนิดว่ารถที่มารับไม่คุ้นตาและมาเร็วเกินไป ใครต่อใครคงไม่ต้องลำบากขนาดนี้
“หมิวครับ ขึ้นรถก่อนเรื่องทั้งหมดผมจะเล่าให้ฟัง”
“ค่ะ” เธอพยักหน้าให้เขา เธอวางความเชื่อใจไว้ที่ตัวผู้ชายคนนี้
“บอส! ระวัง!”
เสียงลูกน้องตะโกนเตือน ธีรยากับโจวเจียอีหันไปมองพร้อมกัน เซียงซีฮันที่คิดว่าแอบหนีไปตอนชุลมุนกลับโผล่เข้ามาเหมือนสุนัขจนตรอก เขายกปืนเล็งมาทางโจวเจียอี เพียงเสียววินาที เพียงแค่การกระพริบตา ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เสียงปืนดังขึ้นสองนัด โจวเจียอีเบิกตากว้างไม่คิดว่าเลือดสีสดไหลทะลักจากรูกระสุนนั้นจะมาจากร่างของธีรยา “หมิว! บ้าจริง คุณมาบังกระสุนทำไม” “ไม่รู้ ขามันไปเอง” เธอเจ็บจนน้ำตาร่วงแถมเขายังตะคอกใส่อีก ไม่รู้ว่าเพราะเธอตัวเตี้ยหรือเพราะเจียงซีฮันเสียจังหวะเล็งเป้า กระสุนนัดแรกไปทางไหนไม่รู้ แต่นัดที่สองหัวไหล่ของเธอได้ “หมิว...” เขาอุ้มเธอเข้าไปในรถและสั่งให้ลูกน้องขับรถไปทันที “คุณทำแบบนี้ทำไม” “คุณจะบาดเจ็บไม่ได้” ธีรยาพูดขณะโจวเจียอีใช้เสื้อนอกของเขากดห้ามเลือด “คุณต้องบริจาคตับให้น้องชาย ห้ามคุณเป็นอันตรายหรือเสียเลือดเด็ดขาด” “หมิว” เขาครางออกมา ไม่คิดว่าเธอจะใส่ใจเรื่องนี้มากถึงขนาดนี้ “ตำแหน่งที่บาดเจ็บไม่อันตรายแต่คุณต้องช่วยกดห้ามเลือดไว้ก่อน” เ
หญิงสาวจ้องมองใบหน้าตนเองในกระจกเงาตรงหน้า เพราะไม่อาจกลั้นน้ำตาได้ทำให้เธอต้องหลบมาอยู่ในห้องน้ำ แต่เมื่ออยู่คนเดียวก็ดันร้องไห้หนักเข้าไปอีก จนสุดท้าย ‘ธีรยา’ ตัดสินใจเช็ดเครื่องสำอางออก ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่กล้าออกจากห้องน้ำด้วยสภาพหน้าตาเลอะเครื่องสำอางแน่ๆ อกหักที่ยังไม่ได้บอกรักมันเจ็บขนาดนี้เลยเหรอ แค่คิดน้ำตาของหญิงสาวเอ่อคลอขึ้นมาอีก ทั้งที่เธอก็พอรู้อยู่แล้วว่าพี่ก้องภพมีคนที่ ‘คุย’กันอยู่ แต่วันนี้พี่เขาประกาศเปิดตัวแฟนก็ทำให้เธออกหักอย่างเป็นทางการ ไม่น่าเอาวันหยุดมางานสัมมนาอะไรนี้เลย คิดว่าจะได้อยู่กับพี่ก้องภพมากขึ้นแต่กลับมาเจอเรื่องเซอร์ไพรแบบนี้ เธอน่าจะเอาวันหยุดไปทำอย่างอื่นดีกว่า... ดีกว่าอะไรเล่า ยังไงเรื่องพวกนี้เธอก็ต้องรับรู้ความจริงเข้าสักวัน มือเรียวหยิบกระดาษทิชชู่สั่งน้ำมูกแล้วล้างมือ เธอส่องตัวเองในกระจกอีกครั้งแล้วหยิบลิปสติกมาเติมริมฝีปาก ส่วนหน้าตาก็ช่างมันเถอะ โชคดีที่ไม่ได้ติดขนตาปลอมมา ไม่งั้นคงไม่ต่างจากซอมบี้สยองแน่ๆ ธีรยาสวมแว่นตาแล้วสำรวจตัวเองในชุดเดรสกระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อยสีไวน์แดง ตั้งใจให้ตัวเองสวยในสายตาค
โจวเจียอีหรือที่รู้จักกันอีกชื่อคืออีริค ชายหนุ่มลูกครึ่งจีน-ไทย มารดาของเขาเป็นคนไทย หลังจากบิดาเสียชีวิตเขาคือผู้รับช่วงต่อกิจการทั้งหมด ส่วนมารดาที่ไม่มีญาติหรือเพื่อนสนิทที่จีนอยากกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย เขาก็ตามใจผู้เป็นแม่ จัดหาบ้านช่องห้องหับที่ปลอดภัยเพราะตัวเขาไม่ได้มาอยู่ที่นี่ด้วย แต่เทียวไปเทียวมาเพราะเรื่องธุรกิจและเป็นห่วงมารดา เช่นวันนี้เขามาเซ็นสัญญาทางธุรกิจและมีเลี้ยงต้อนรับ ตัวเขาไม่ชอบงานเลี้ยงนักแต่ก็ต้องอยู่จนจบงานชายหนุ่มปลีกตัวออกมาและเดินลงมาว่าจะหาอะไรดื่มสักเล็กน้อยค่อยกลับขึ้นห้องไปนอนพัก และเตรียมตัวเดินทางกลับ แต่บังเอิญพบหญิงสาวคนหนึ่งเขา รู้สึกถูกชะตาตั้งแต่เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อยู่มาจนอายุสามสิบปีเพิ่งเคยรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงเป็นครั้งแรก เห็นเพียงแวบเดียวก็รู้สึกอยากครอบครองขึ้นมาทันที เขาเห็นเธอต้องการหลบผู้ชายที่เดินตามมาอยู่จึงฉวยโอกาสพามาที่ห้องของเขา ชายหนุ่มโบกมือไล่บอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าอยู่ให้ถอยห่าง คนตัวเล็กซุกซบในอกกว้างเดินแทบไม่ไหว เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว เธอก็เตะรองเท้าออกจากปลายเท้าแล้วเดินไปที่ริมระเบียงของห้องส
ชายหนุ่มเต็มไปด้วยความปรารถนาจะครอบครอง เขาโน้มหน้าลงจูบกลีบปากหวานฉ่ำอีกครั้ง สัมผัสเรือนร่างเธออีกหนแต่เท่าไรก็เหมือนไม่พอ ริมฝีปากร้อนพรมจูบที่ลำคอก่อนจะปลดชุดชั้นในเธออกเผยทรวงอกอวบอิ่ม ความเมามายอาจทำให้ธีรยาใจกล้าและปลดปล่อยตัวเองกับความต้องการลึกเร้นอยู่ภายใน เพียงริมฝีปากเขาครอบครองปลายถัน ร่างบางก็สั่นระริกขึ้นมา เสียงครางหวานหลุดจากปากสวย ปลายลิ้นรัวที่ปลายอดอกสลับดูดดึงและยิ่งใช้มือบีบเคล้นจนเธอแทบคลั่ง ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางยิ่งทำให้ชายหนุ่มพึ่งพอใจ เขาซุกไซ้ทรวงอกอวบอิ่มพอดีมืออย่างหิวกระหาย ร่างบิดเร้าไปมายิ่งบดเบียดเสียดสีกระตุ้นให้แท่งเอ็นของเขาแข็งขันราวกับเสาหินที่รอตอกกระแทกในร่องสวาทที่เปียกแฉะ แต่มันยังไม่ชื้นเปียกแฉะมากพอ เพียงใช้นิ้วสัมผัสก็รับรู้ได้ว่าช่องทางนี้ช่างคับแคบนักจะนำพาเอ็นอุ่นของเขาเข้าไปเขาต้องเตรียมเธอให้พร้อมกว่านี้ “อึก...คุณ...คุณ...” ธีรยาส่ายหน้าไปมาจนเส้นผมสยาย นิ้วร้ายกาจแทรกเข้าไปในส่วนที่ไม่เคยมีใครสัมผัส เพียงการขยับนิ้วเข้าออกก็ทำให้เธอเสียวซ่านไปทั่วร่าง “อีริค” เขาพูดเสียงพร่า “เรียกชื่อผม”
หญิงสาวในชุดกระโปรงสีหวานสวมเสื้อกาวน์สั้นเดินเข้ามาในแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลพร้อมถุงขนมในมือ มือเรียวขยับแว่นตาให้ชิดใบหน้าก่อนผลักบานประตูเข้าไป เวลานี้ไม่มีคนไข้หนัก คุณหมอหนุ่มกำลังนั่งอ่านเคสคนไข้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ “พี่หมอก้องยุ่งหรือเปล่าคะ” คนถูกทักเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “น้องหมิวมาถึงER มีอะไรหรือเปล่าเอ่ย” หมิว-ธีรยา คุณหมอคนสวยส่ายหน้า เธออยู่แผนกพยาธิวิทยาแต่ตอนนี้ออกเวรแล้วจึงเดินมาที่แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เพื่อพบหมอก้องภพซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่จบจากโรงเรียนมัธยมเดียวกันและมหาวิทยาลัยเดียวกัน แม้จะห่างกันหลายรุ่นก็ตาม และใช่..เป็นคนที่ทำให้เธออกหัก “สองสามวันก่อนพยาบาลแพรวเล่าให้ฟังว่าขนมในห้องERหายไป พอดีหมิวได้ขนมถั่วทอดโบราณเจ้าอร่อยมา ก็เลยเอาฝากพี่หมอก้องค่ะ” “แหม! เรื่องน่าอายแบบนั้นเอาไปคุยเล่นกันอีก” ก้องภพหัวเราะร่า เขาเป็นคนอารมณ์ดี หัวเราะง่าย ผิดกับเวลารักษาคนเจ็บหรือคนไข้จะจริงจังจนน่ากลัว ธีรยาพลอยหัวเราะตามไปด้วยแล้วยื่นถุงกระดาษที่ใส่ขนมส่งให้เขา “ไม่เกรงใจนะ”
เธอทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงนะ เพราะเมาเหรอ? เธอถามตัวเองเป็นร้อยเป็นพันครั้ง จะเรียกว่าเมาก็พูดได้ไม่เต็มปาก เธอยังมีสติพอตัดสินใจในการกระทำของตัวเอง แต่เธอก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าถูกผู้ชายคนนั้นจับพลิกคว่ำพลิกหงายไปกี่รอบและถึงจุดสุดยอดไปกี่ครั้ง ร้องครางจนเสียงแหบไปเลย แต่เธอกลับจำไม่ได้แน่ชัดว่าผู้ชายคนนั้นชื่ออะไร เหมือนเขาจะบอกเธออยู่นะ ส่วนเธอก็มั่นใจว่าไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดไว้ให้เขา เธอเพลียจนผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ แต่รู้สึกตัวตื่นตอนที่พี่ก้องภพโทรหา เธอจึงรู้ว่าไม่ได้นอนที่ห้องตัวเอง หลังจากตั้งสติได้ก็รีบพาร่างเปลือยเปล่าสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วและหิ้วรองเท้ากับกระเป๋าสะพายออกมาจากห้องนั้น หลังจากกลับมาที่ห้องตัวเองก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เก็บกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางกลับ แต่นึกขึ้นได้ เธอไม่มั่นใจว่า...เขาใช้ถุงยางอนามัยหรือเปล่าทำให้เธอต้องตาลีตาเหลือกไปซื้อยาคุมฉุกเฉินป้องกันไว้ก่อน นัวเนียกันขนาดนั้น เธอกลับจำหน้าเขาไม่ได้ จะเรียกว่าจำไม่ได้ก็ไม่ใช่ เหมือนมันเลือนรางเสียมากกว่า “ลูกหมิว?” “คะ!” ธีรยาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ “แม
ธีรยาส่งยิ้มหวานแล้วลุกขึ้นยืน ไหนๆเจ้าบ้านก็เปิดไฟเขียวแล้ว ขอเดินสำรวจดูหน่อยเถอะนะ เผื่อเจออะไรไม่ดีจะได้รีบดึงแม่ออกมา หญิงสาวเดินออกมานอกห้องรับแขก ลังเลครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจเดินไปตามทางที่ออกไปสวนด้านนอก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ริอาจใจกล้าขึ้นไปชั้นบนของคฤหาสน์ เธอจึงเดินดูรอบๆ บริเวณบ้าน สวนหย่อมขนาดใหญ่ให้ความร่มรื่นจนเธอลืมว่าตัวเองมาสำรวจจับผิดเรื่องอะไร บ้านของเธอหลังเล็กแต่อบอุ่น แต่ถ้ามีบริเวณกว้างๆ แบบนี้ก็คงดีไม่น้อย ได้เดินเล่นผ่อนคลายบ้าง เสียดายที่เธอมาเอาเสียเย็นย่ำมองไม่เห็นว่ามีต้นไม้อะไรบ้าง ดูไปดูมาเจ้าของบ้านอาจจัดปาร์ตี้ที่บ้านบ่อย เพราะบริเวณสามารถจัดงานเลี้ยงขนาดย่อมได้เลย จังหวะที่หมุนตัวกลับ ร่างเล็กก็ปะทะเข้ากับแผ่นอกกว้างจนเกือบล้ม มือใหญ่ยื่นมาประคองไหล่เธอไว้ได้ทัน ธีรยายกมือขึ้นดันแว่นตาให้เข้าที่แล้วก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น “คุณ!” “คุณ...”ชายหนุ่มที่ปกติใบหน้านิ่งไร้อารมณ์แต่ยามนี้มุมปากยกยิ้มขึ้น แรกทีเดียวเขามองผ่านๆ เห็นเงาร่างไม่คุ้นเคยอยู่ที่สวนหย่อม หากเป็นเพื่อนแม่ก็ดูจะอายุน้อยไปหน่อย แม้จะเห็นแต่แผ
“โรงพยาบาล?” กานดาทำท่าตกใจ “ลูกไม่สบายเหรอ”“เปล่าครับ พอดีลูกน้องทำเรื่องไว้” เขายิ้มและส่งสายตาให้หญิงสาว “วันนั้นคุณคงเสียขวัญน่าดู แต่ทางทนายของเราติดต่อชดใช้ค่าเสียหายและบริจาคเงินให้ทางโรงพยาบาลแล้ว” “เสียขวัญ? นี่มันเรื่องอะไรกันยัยหมิว ไม่เห็นเล่าให้แม่ฟังเลย” คราวนี้คุณเพ็ญนภาทำหน้ากังวล ธีรยาจึงจำเป็นต้องเปิดปากพูดบ้าง ไม่อย่างนั้นแม่จะเป็นกังวลเรื่องงานของเธอ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คนทะเลาะกันที่โรงพยาบาลค่ะ เรื่องพวกนี้ทางผู้ใหญ่เป็นคนดูแลจัดการ หมิวไม่รู้เรื่องด้วย แล้วอีกอย่างก็คนละแผนกกัน” “อ่อ...มิน่าล่ะ ผมกลับไปที่แผนกฉุกเฉินอีกครั้งแต่ไม่พบคุณ” เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ จริงๆ เขาก็อยากเจอคุณหมอคนสวยอยู่เหมือนกัน เป็นครั้งแรกที่เขาอนุญาตให้ผู้หญิงที่มีเซ็กส์นอนบนเตียงเดียวกัน ถึงไม่อนุญาตเธอก็โดนเขาจับกินจนสิ้นเรี่ยวแรงไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าตอนเช้าเขาออกไปคุยงานกับลูกค้า กลับเข้ามาพบแค่ที่นอนยับยู่ กระดาษโน้ตที่เขียนไว้ให้เธออยู่รอกินข้าวเที่ยงด้วยกันก็เหมือนกับไม่ถูกหยิบขึ้นมาอ่านเลย เขาทั้งหงุดหงิด โมโห เสียหน้า