เมื่อเกิดใหม่อีกครั้งได้เป็นบุตรสาวสตรีหม้าย ที่ผู้คนล้วนตราหน้าว่ามันคือคำสาป และเขาคู่หมั้นที่เลื่อนการแต่งงานมานับสิบปี ซึ่งตอกย้ำว่านางคือคนที่ไม่มีใครต้องการ แล้วอย่างไรผู้ใดสนใจเรื่องไร้สาระนี่เล่า! นางมิได้เติบโตด้วยบุรุษ แต่ด้วยน้ำนมมารดา ไยต้องใส่ใจให้สิ้นเปลืองเวลาชีวิต
View More“เหนื่อยหรือไม่ลูกรัก”หยวนไป่หลีเดินเข้ามาหาบุตรสาวด้วยรอยยิ้มละมุน ใบหน้างามของมารดามิเคยจืดจางรอยยิ้มเลย แม้ในยามที่เหน็ดเหนื่อย สองพี่น้องเดินเข้าโอบประคองผู้เป็นแม่คนละข้าง“แค่ท่านแม่มีความสุข แค่นี้นับว่าน้อยมากเจ้าค่ะ”หยวนไป่หลิง ซบใบหน้าลงกับไหล่ของมารดาด้วยความรักใคร่ หยวนไป่หลียกมือขึ้นวางบนแก้มของบุตรสาวทั้งสอง“เจ้าสองพี่น้องล้วนคือความสุขของแม่ รวมถึงเจ้าตัวเล็กของแม่ทุกคนด้วย”หยวนไป่หลีมองไปยังหลาน ๆ ที่กำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน กว่าจะมีวันนี้นางสามแม่ลูก ล้วนผ่านการเสียน้ำตากันมาไม่น้อยเลย“ข้ารักท่านแม่เจ้าค่ะ”สองพี่น้องพูดขึ้นพร้อมกัน หากวันนั้นที่บิดาทอดทิ้ง มารดามิคิดถึงพวกนางที่อยู่ในท้อง ป่านนี้คงไร้ลมหายใจตั้งแต่มิทันลืมตาดูโลก“ท่านแม่ต้องกลับชายแดนเหนือกับข้านะเจ้าคะ คู่แฝดนั่นกำลังซุกซนนัก บิดาพวกนางล้วนมิเคยขัดใจลูกสักครั้ง”หยวนไป่หลินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเว้าวอน เพราะพี่สาวที่ใกล้คลอดมีแม่สามีอยู่เคียงข้างแล้ว แต่นางที่ต้องออกทำหน้าที่รักษาชายแดน ย่อมไม่มีเวลาที่จะดูแลคู่แฝดได้อย่างเต็มที่ หากปล่อยให้สามีของนางเลี้ยงลูกลำพัง เห็นที่จะไร้ความเป็นสตรีอ
เป็นคำอวยพรของสหายทั้งหลาย ก่อนจะผลักร่างเมามายของเจ้าบ่าวเข้าภายในห้อง พร้อมปิดประตูให้เป็นที่เรียบร้อย หลังจากประตูปิดลงร่างสูงพลันยืดตัวตรง ก่อนจะก้าวไปยังเตียงนอนด้วยรอยยิ้มอิ่มเอม สุราแค่นี้หรือจะทำอันใดเขาได้ แม่ทัพหนุ่มหย่อนกายลงนั่งเคียงข้างภรรยา ก่อนจะค่อย ๆ เป็นผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก รอยยิ้มละมุนคือสิ่งที่เขาปรารถนาได้เห็นมันมาตลอดทั้งวัน “หิวหรือไม่!” “เจ้าค่ะ” “เช่นนั้นเราไปกินข้าวกัน” แม่ทัพหนุ่มประคองภรรยาให้เดินไปยังโต๊ะกลางห้อง ที่มีการจัดเตรียมอาหารเอาไว้รอท่าแล้ว โดยมีเตาอุ่นสำหรับทำให้อาหารยังคงความร้อน คู่สามีภรรยาต่างสบตากัน เมื่อสุรามงคลได้ถูกแลกเปลี่ยนแล้ว การสนทนาเป็นไปอย่างนุ่มนวล ต่างจากเมื่อแรกพบหน้า เรื่องราวที่พวกเขาผ่านมันมาด้วยกัน ล้วนเต็มไปด้วยความทรงจำมากมาย “จะอยู่ตรงนี้กันทั้งคืนเลยรึ! ดึกแล้วมิรู้จักกลับบ้านไปหลับนอน” แม่ทัพสาวเอ่ยถามสหาย ที่พากันแอบอยู่หลังพุ่มดอกไม้หน้าห้องหอ เสียงของนางไม่ได้เบาเลยสักนิด ป่านนี้คนด้านในคงได้ยินกันหมดแล้ว
สองวันถัดมาการเดินทางของคนจากชายแดน ได้แยกเป็นสองคณะ ซึ่งแขกคนสำคัญล้วนอยู่ในขบวนสินค้าจากชายแดน ส่วนในคณะจะเป็นคนของมวลเมฆา ที่ปลอมตัวเป็นคณะของแขกต่างแคว้น การเดินทางทั้งสองคณะนั้นจะแยกไปคนละเส้นทาง และจากสาสน์ลับที่บอกถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ทำให้ทั้งสองคณะต่างเร่งเดินทางชนิดที่เรียกได้ว่ามิได้หลับนอนกันเลยทีเดียว เพราะหากล่าช้า อาจเกิดการสูญเสียที่ยากจะกู้คืนมาได้ หยวนไป่หลิงพยายามป้อนยาให้แก่จ้าวลู่เชียน ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาอาการไข้ของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น ผลคงมาจากความมั่นใจ ว่าตนเองทนไหวต่อการเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อย จนมันลุกลามเป็นหนักขึ้น “กินยาสักหน่อยเถอะนะเจ้าคะ หาไม่แล้วเราอาจต้องทิ้งท่านไว้ระหว่างทาง” หมับ! แม่ทัพหนุ่มรวบจับข้อมือของหญิงสาวเอาไว้ ก่อนจะพยายามลืมตามองใบหน้าของสตรีใจร้าย ที่คิดจะทิ้งเขาเอาไว้กลางทาง นางช่างไม่มีหัวใจเอาเสียเลย “เจ้ากล้ารึ!” “ท่านเคยเห็นข้าขู่ใครหรือไม่เล่า” “แต่มันขม!” หยวนไป่หลิงได้แต่อมยิ้ม เมื่อคนตัวโตแสร้งเว้าวอนราวเด็กสิบขว
“โหวปู้หยา ข้ารู้จักเจ้าและอำนาจที่เจ้าพยายามไขว่คว้ามันได้เป็นอย่างดี แค่ความคิดที่เจ้าจะแตะต้องเขา ข้าก็พร้อมที่จะปลิดลมหายใจเจ้าอย่างไม่คิดที่จะลังเล”หยวนไป่หลิงโน้มใบหน้าเข้าใกล้อีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ ให้ได้ยินเพียงสองคน โหวปู้หยาขบกรามแน่นเมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาว คนที่เคยเอ่ยเช่นนี้กับเขา มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ‘เชียวอิง’อึก! หยวนไป่หลิงดันดาบในมือจนมิดด้าม มือบางอีกข้างที่ลูบยังลำคอของชินอ๋อง มันทำให้เขารู้สึกราวแมวข่วนเบา ๆ ก่อนที่ทุกอย่างในครรลองสายตาจะพร่าเลือน“ตอนท่านสังหารสามีข้า แม้ความปราณีสักนิดก็ไม่มี การที่ข้าทำเยี่ยงนี้ใช่เมตตาต่อท่าน แต่ข้ามิอยากให้ลูกของข้าเห็นภาพที่ไม่ชวนมอง”หยวนไป่หลิงเอ่ยเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างสง่า แล้วหมุนกายเดินกลับไปหาจ้าวลู่เชียน ซึ่งแม่ทัพหนุ่มเองก็รีบถลามาโอบกอดหญิงสาวเอาไว้แน่น ก่อนจะผละออกแล้วจับร่างงามหมุนไปมา เพื่อดูให้แน่ใจว่านางปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน ก่อนจะรวบกอดหญิงสาวอีกครั้ง“ท่านพ่อ! ฮือ ๆ พวกท่านทำกับเราเยี่ยงนี้ได้อย่างไรกัน บิดาข้าเป็นถึงโอรสฮ่องเต้นะ”ท่านหญิงโหวถลาเข้าสวมกอดร่างอ่อนแรงของบิดา ที่ตอนนี้มีลมหายใจเหลือเ
“หากเจ้ายังคิดขวางทางข้า เกิดอะไรขึ้นอย่าได้หาว่าข้าไม่เตือน” “เช่นนั้นรึ!” หยวนไป่หลิงยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ทุกคนเปิดทาง ในเมื่อวันนี้มาถึงนางก็จะจบเรื่องนี้ด้วยตนเอง แม่ทัพหนุ่มคิดที่จะห้ามปราม ทว่าท่านชายลั่วกลับรั้งเขาเอาไว้ แววตาเชื่อมั่นของผู้เป็นนาย ที่มีต่อคู่หมั้นของเขา มันทำให้แม่ทัพหนุ่มหวาดหวั่นอยู่ในใจ เกรงว่าคู่แข่งทางหัวใจจะมาเหนือความคาดหมาย “เจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ เอาไว้จบเรื่องนี้ข้าจะเล่าให้ฟัง” ลั่วหยางเอ่ยกับแม่ทัพหนุ่มเบา ๆ พร้อมส่ายหน้าอย่างระอาใจ ตอนที่ไม่เคยรักใคร่ ปากก็มีแต่จะถอนหมั้น แต่มาดูตอนนี้สิน่า! แทบจะสิงร่างของหยวนไป่หลิงแล้ว ทุกคนเดินออกมายืนอยู่โดยรอบลานกว้างด้านหน้าเรือน เพื่อดูการต่อสู้ระหว่างฮูหยินแม่ทัพแคว้นเยี่ย กับอดีตองค์รัชทายาทจากแคว้นฉู่ หยวนไป่หลิงส่งสัญญาณให้อู่หรง นำอาวุธมามอบแก่โหวปู้หยา “จ้าวฮูหยิน เรื่องนี้ข้าขอเป็นคนชำระความเองได้หรือไม่” เว่ยหลงก้าวเข้ามาเอ่ยขอต่อหญิงสาว “บิดาเจ้ายังตายใต้คมดาบของข้า เจ้าจะ...อ๊ะ!” ปลายกระบี
เสียงของบิดาที่ก้าวผ่าน ทำให้คนที่นอนน้ำตานองหน้า อยากที่จะร้องเรียกขอความช่วยเหลือยิ่งนัก แม้จะมิเสียกายแต่เมื่อใครมาเห็นนางในสภาพนี้ ชื่อเสียงของนางย่อมป่นปี้จะมีบุรุษสูงศักดิ์ใดเล่าจะต้องการนางอีก เกิดมามิเคยอดสูเยี่ยงนี้มาก่อน หญิงสาวทำได้เพียงรำพันอยู่ภายในใจ ด้วยความบอบช้ำจนยากจะเยียวยาภายในห้องนอนแม่ทัพหนุ่มกับคู่หมั้น ทั้งคู่ต่างนั่งจ้องตากัน คล้ายกับว่าใครหลบสายตาก่อน ผู้นั้นพ่ายแพ้ในทันที“ใบหน้าของข้ามีสิ่งใดติดอยู่หรือเจ้าคะ”“ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้เจ้าหมางใจ”หยวนไป่หลิงคลี่ยิ้มน้อย ๆ ทว่าภายในใจของนางกำลังขำขัน เรื่องที่นางลงมือต่อท่านชายจากฉู่ คงทำให้คนตรงหน้ารู้สึกไม่ปลอดภัยแล้วกระมัง“ที่ข้าทำเช่นนั้น เพื่อตัดทุกวงจรความมิรู้พอของเขา หากเขายังมีมันอยู่ มิแคล้ววนเวียนทำร้ายสตรีไปทั่ว โดยมิสนลูกใครเมียใครเจ้าค่ะ”“ข้าไม่คิดที่จะใช้มันพร่ำเพรื่อกับผู้ใด นอกจากภรรยา”แม่ทัพหนุ่มยังคงไม่วายกังวล เกรงว่าตนเองอาจเป็นรายต่อไป หากมีสตรีใดเข้าใกล้เขา เช่นที่ท่านหญิงแคว้นฉู่ได้ทำกับเขาเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อนนี้“นอนพักเถอะเจ้าค่ะ พรุ่งนี้เรายังมีเรื่องให้จัดการอีกมาก
ร่างสูงถูกพาหายไปยังอีกด้านของมุมถนน ก่อนที่จะพากันแนบกายเข้ากับกำแพง แล้วมองกลับไปยังถนนที่เพิ่งจากมา องครักษ์หนุ่มขมวดคิ้วจนชิด เมื่อเห็นร่างของคนที่เขาเพิ่งร่วมดื่มสุรา กำลังมองหาใครสักคน ซึ่งเดาได้ว่าเป็นตัวเขา “ท่านพ่อมาได้อย่างไรขอรับ” หลังจากลับร่างขององค์รัชทายาทจากฉู่ไปแล้ว ชายหนุ่มได้หันกลับมาถามบิดา ยิ่งเห็นการแต่งกายที่ผิดแผกไปจากเดิม ความสงสัยยิ่งมากขึ้นนับเท่าทวีคูณ “ฟังให้ดี! เจ้าจะต้องไม่เข้าใกล้คนผู้นั้นอีก หากเลี่ยงไม่ได้ก็ระวังตัวให้มาก” “ท่านพ่อพูดเหมือนเขาคิดจะทำร้ายข้า” “ใช่!” “ข้าจะระวังตัวขอรับ”แม้จะสงสัยในคำของบิดา แต่เพื่อมิให้บิดาต้องเป็นกังวล ชายหนุ่มจึงได้รับปากในทันที โดยไม่คิดที่จะซักถามถึงเหตุผล “เจ้ากลับไปพักได้แล้ว การมาในครั้งนี้ของเจ้า แม้ว่าพ่อจะไม่เต็มใจเท่าไหร่ แต่มันคือเส้นทางที่เจ้าเลือก พ่อจะคอยปกป้องเจ้าเอง” “ข้าโตแล้วนะขอรับ” “ตราบใดที่ข้ายังหายใจ เจ้าจะเป็นเด็กอยู่เสมอ แม่ของเจ้าคงตำหนิพ่อแน่ หากเจ้าเป็นอันใดไป”
“ปล่อยข้านะ! เจ้ากล้าดีเยี่ยงไรถึงได้เข้ามาในเรือนของข้า” “เรือนเจ้าแต่เป็นจวนของพี่สะใภ้ข้า ฉะนั้นข้าในฐานะน้องสามีของนาง สามารถไปได้ทุกที่ที่ข้าต้องการ” “เจ้าน่าจะรู้นะว่าทำเช่นนี้ จะเกิดสิ่งใดตามมา” “หึ ๆ ระหว่างข้าที่ปกป้องเกียรติของพี่ชาย กับเจ้าที่เป็นสตรีไร้ยางอาย เจ้าคิดว่าใครต้องอยู่อย่างอดสูกว่ากัน” “ฮ่า ๆ พี่สะใภ้ของเจ้าตอนนี้จะเป็น...” “เป็นอย่างไรรึ!” เสียงจากด้านหน้าประตู ทำให้คนพูดถึงกับชาหนึบไปทั้งร่าง เป็นไปไม่ได้ที่หยวนไป่หลิงจะอยู่ที่นี่ แล้วพี่ชายของนางเล่าอยู่ที่ใดกัน อ๊ะ! ร่างงามถูกลากลงจากเตียง “เป็นไม่ได้! เจ้ามาได้อย่างไร!” “ท่านพี่! รีบลุกไปอาบน้ำให้สะอาดเดี๋ยวนี้ หาไม่แล้วข้าจะให้ท่านนอนข้างนอก” ร่างสูงที่นอนไร้สติอยู่เมื่อครู พลันดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะรีบลงจากเตียงเดินหายออกจากห้องไป ราวกับเมื่อครู่ที่ผ่านมา เขามิได้มึนงงด้วยฤทธิ์ยาที่ใส่ลงในจอกสุราของเขา หยวนไป่หลิงมองคนที่นั่งกองอยู่กับพื้น ด้วยสภาพน่าอเนจอนาถ ใบหน้าซีดขาวข
กลิ่นสุราที่เป่าราดรดบนใบหน้า ทำให้หยวนไป่หลิงจำต้องเบือนหน้าหนี ด้วยกลิ่นสุรารสแรงบวกกับกลิ่นกาย ทำให้หญิงสาวแทบอาเจียนออกมาเสียให้ได้ “ข้าจะเก็บเจ้าไว้เป็นของเล่นนาน ๆ หากเจ้าทำให้ข้าพอใจ ตำแหน่งอนุในจวนข้าจะมอบมันแก่เจ้า” “หึ ๆ อย่างนั้นรึ!” ร่างสูงของโหวซือหยงถึงกับผงะ เมื่อน้ำเสียงที่เคยอ้อแอ้ บัดนี้มันกลับแปรเปลี่ยนเป็นปกติ “จะ...เจ้า!” ใบหน้าที่ตื่นตกใจเมื่อครู่ กลายเป็นบิดเบี้ยวราวคนวิปลาส ก่อนจะวางมือบนลำคอของหญิงสาว พร้อมออกแรงบีบ อึก! ลำคอของเขาเองก็ถูกรวบจากมือบอบบางนั้นเช่นกัน ดวงตาราวคนวิปลาสเริ่มเบิกกว้าง เมื่อแรงของเขาที่เพิ่มในการบีบลำคอของหญิงสาว มันดูไร้น้ำหนักไปเสียอย่างนั้น ทว่ากลับเป็นมือของนางที่แข็งราวกับเหล็กกล้า ทั้งที่คนใต้ร่างเป็นเพียงสตรีบอบบางเท่านั้น “บิดาเจ้าไม่เคยสอนหรือ ว่าส่วนใดบ้างของร่างกาย ที่สามารถทำให้คู่ต่อสู้ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง” ปึก! ร่างสูงถูกถีบจนกระเด็นลงจากเตียง หยวนไป่หลิงบนเตียงลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะก้าวลงจากเตียงมาหยุดยืน อยู่ไม่ห่างจากท่านชายจากฉู่
ชายแดนแคว้นฉู่-แคว้นเว่ย รถม้าที่วิ่งด้วยความเร็ว เสียหลักหลุดออกนอกเส้นทาง ชนเข้ากับต้นไม้จนเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก คนด้านในใช้มือข้างหนึ่งยันกายเอาไว้ อีกข้างกอดกระชับห่อผ้าสีทองเอาไว้แน่น “ท่านแม่ทัพ เป็นอันใดไหมขอรับ” ชายหนุ่มรีบเปิดประตูรถม้า พร้อมเอ่ยถามผู้เป็นนาย “ท่านพี่ชุน โปรดช่วยข้าสักครั้งเถิด พาเขาไป! อย่าให้ใครรู้ถึงการมีอยู่ของเขา จนกว่าจะถึงเวลาอันเหมาะสม อึก!” หญิงสาวเอ่ยร้องขอชายหนุ่ม ก่อนกล่ำกลืนเลือดที่เกือบจะพุ่งออกมา กลับลงคอไปอย่างยากลำบาก “เราจะไปด้วยกันขอรับ” เชียวอิงขยับห่อผ้าสีทองออกห่างกายเล็กน้อย ก่อนจะก้มมองยังช่วงท้องของนาง ชุนหานจงถึงกับใบหน้าถอดสี บาดแผลนี้นางปกปิดเอาไว้นานเท่าใดแล้ว “ได้โปรดท่านพี่ชุน ชีวิตของข้าหากแลกกับเขาได้ข้ายินดี” ชุนหานจงไม่อาจเอ่ยคำใดออกมาได้ ศัตรูไล่หลังมาอย่างกระชั้นชิด เวลาในการตัดสินใจย่อมมีไม่มาก มือที่แดงชานไปด้วยเลือดของศัตรู ยื่นออกไปรับห่อผ้าสีทองมาไว้ในอ้อมแขน “ท่านแม่ทัพโปรดถนอมตัวด้วย” ร่างสูงขบกรามแน่น เพื่อข่...
Comments