ยามค่ำคืนจวนสกุลชู ชูเยี่ยนได้สั่งการให้บ่าวไพร่กลับไปพักผ่อน เพื่อมิให้ใครล่วงรู้ความเป็นส่วนตัวของนาง หมับ! ร่างอิ่มถูกรวบกอดจากด้านหลัง ก่อนที่ใบหน้าของหญิงสาวจะแดงระเรื่อ เมื่อจมูกคมกดลงที่ลำคอหอมกรุ่น คืนนี้นางตั้งใจที่จะใช้น้ำหอมตัวใหม่เพื่อเขาโดยเฉพาะ นี่คือเหตุผลที่นางปฏิเสธบุรุษทุกคน เพียงเพื่อรอเวลาให้ความรักของนางและเขาสามารถประกาศต่อหน้าทุกคนได้ “ท่านทำเยี่ยงข้าเป็นสตรีไร้ราคา”หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ เมื่อมือหนาของชายหนุ่มเลื่อนไปตามร่างงาม “เจ้าก็รู้ว่าเราต้องได้ในสิ่งนั้นเสียก่อน ไม่ต้องห่วงตำแหน่งอันดับหนึ่งคือของเจ้าแต่ผู้เดียว” ชายหนุ่มกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “อื้อ...ข้าไม่อยากรอแล้วนี่เจ้าคะ” “ขอแค่จ้าวลู่เชียนและสกุลจ้าวหายไป แผนการของเราก็จะง่ายขึ้นอีกหลายเท่าตัว” “แต่คู่หมั้นของเขาคือนายหญิงแห่งมวลเมฆา มันไม่ง่ายที่จะล้มสกุลจ้าวนะเจ้าคะ” “อย่าห่วงเลย ไม่ช้าสกุลจ้าวและมวลเมฆาจะมิหลงเหลือแม้แต่ชื่อ ที่ดีไปกว่านั้น เจ้าไม่ต้องเข้าหาเขาแล้ว แต่เจ้าต้
ร่างที่กำลังโรมรันอยู่กับคนชุดดำจำนวนมาก คือคู่หมั้นของเขานั่นเอง แม่ทัพหนุ่มไม่รีรอให้เสียเวลา ร่างสูงพุ่งเข้าสู่การต่อสู้ในทันที ก่อนที่ดวงตาจะหันไปเห็นคนของเขาได้รับบาดเจ็บ โดยมีสาวใช้ของคู่หมั้นปกป้องอย่างสุดกำลัง “ตื่นมาทำไมกัน มิพักผ่อนต่ออีกสักหน่อยเล่า” “เจ้าประชดข้ารึ!” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยถาม เมื่อแผ่นหลังของทั้งคู่ชิดกัน “ข้าพูดจริง ท่านแม่ทัพเหนื่อยมาหลายวันแล้ว แค่นี้ว่าที่ภรรยาเยี่ยงข้ารับมือได้สบายมาก” หญิงสาวไม่ได้แสดงออกถึงอาการบาดเจ็บของตนเอง แต่เลือกที่จะเบนความสนใจของชายหนุ่มโดยการหยอกเย้า นางคืออดีตนักรบย่อมรู้จุดอ่อนแข็งของเหล่าแม่ทัพดี ในสยามรบดุดันราวพยัคฆ์ ทว่าถ้าเกิดเรื่องกับคนในบ้านจะอ่อนไหวราวลูกแมว เพราะนางก็เคยเป็นเช่นนั้นมาก่อน “ข้าคือสามี ย่อมต้องปกป้องภรรยาและครอบครัว” การต่อสู้เป็นไปอย่างหนักหน่วง เมื่อศัตรูไม่มีทีท่าว่าจะถอย คงเพราะเรือนของเขาอยู่ไกลจากเรือนหลังอื่น ทหารยามจึงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น แม่ทัพหนุ่มพยายามปลอบใจตนเอง ว่ามันจะไม่เกิดเรื่องกับพ่อแม่และน้องชายหญิง
แม่ทัพหนุ่มไม่รู้ว่าจะเอ่ยสิ่งใดออกมาในตอนนี้ จึงเลือกที่จะตอบรับแม่ทัพสาวเบา ๆ ก่อนจะขยับออกมาเล็กน้อยเท่านั้น หยวนไป่หลินไม่ได้รู้สึกกดดันอันใดกับสายตา ที่มองการรักษาของนาง แต่ที่น่าห่วงคือพิษมันกระจายไปมากพอสมควรเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ แม่ทัพสาวจึงได้ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมกายให้แก่พี่สาว แล้วลุกออกมาเพื่อดูอาการของว่าที่พี่เขย ซึ่งดูเหมือนเลือดที่ไหลไม่หยุด จะมิได้ทำให้ร่างสูงใหญ่รู้สึกรู้สาอันใด เพราะสายตาของเขาจับจ้องอยู่กับใบหน้าไร้สีเลือดของคนบนเตียง“ท่านแม่ทัพ ขอข้าดูแผลสักหน่อยเถิด พี่ใหญ่ปลอดภัยแล้วท่านแม่ทัพมิต้องกังวล”แม่ทัพหนุ่มจึงยอมนั่งลงให้น้องสาวคู่หมั้นได้ดูแผล ทว่าสายตายังไม่ละจากคนบนเตียง ไม่เคยมีสตรีใดกล้าที่จะปกป้องคนอื่น ทั้งที่ตนเองบาดเจ็บอยู่เช่นนี้ นางแสดงชัดว่ามิได้ชื่นชอบเขา แต่นางก็ยังปกป้องเขาทั้งที่รู้ว่าอันตรายแค่ไหน“ท่านแม่ทัพอย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ พี่ใหญ่หนักกว่านี้นางก็เคยผ่านมาแล้ว นางทำการค้าย่อมต้องพบเจออันตรายรอบด้าน มิว่าโจรป่าหรือคู่แข่งที่หมายกำจัดนางให้พ้นเส้นทางการค้า”“อันตรายขนาดนั้น ยังจะทำการค้าใหญ่โตไปทำไมกัน”“การเกิดมาในครอบครัวที่มีเพียงสตรี
แม่ทัพสาวเอ่ยเบา ๆ ก่อนจะประสานมือให้แก่ท่านมหาอำมาตย์และว่าที่พี่เขย หญิงสาวก้าวจากไปราวกับอาการเจ็บป่วยของพี่สาว เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยต่างจากแม่ทัพหนุ่มที่รีบสาวเท้ายาว ๆ เพื่อเร่งกลับจวน เพื่อมั่นใจว่าคนเจ็บนั้นอาการดีขึ้น อย่างที่หยวนไป่หลินยืนยัน โดยไม่คิดที่จะรอผู้เป็นพ่อ ที่ได้แต่ยืนหัวเราะร่าด้วยความยินดี ที่บุตรชายรู้จักหัวใจตนเองมากขึ้นเรือนลู่เชียน “นายหญิงดีขึ้นบ้างไหมเจ้าคะ” “ข้าดีขึ้นมากแล้ว” “ท่านแม่ทัพ ดูจะเป็นห่วงนายหญิงมากเลยนะเจ้าคะ” “หึ ๆ ก็ต้องห่วงเป็นธรรมดา ในเมื่อข้าบาดเจ็บเพราะปกป้องเขา” อู่หรงทำได้แค่ยิ้มแห้ง ๆ ใช่ว่านางไม่อยากให้ผู้เป็นนายแต่งงานเสียเมื่อไหร่ แต่ก็ห่วงใยผู้เป็นนายด้วยเช่นกัน “หลิงเอ๋อร์ เจ้ากินข้าวกินยาแล้วหรือยัง” อู่หรงรีบก้มหน้าซ่อนยิ้ม เมื่อแม่ทัพหนุ่มส่งเสียงมาก่อนตัวจะก้าวเข้ามาด้านใน หยวนไป่หลิงได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ คนอะไรตายยากยิ่งนัก ยังมิทันสิ้นคำก็มาโผล่อยู่ตรงนี้เสียแล้ว “ย่อมต้องกินแล้วเจ้าค่ะ” “อู่หรงเจ้าไปเรือนท่านแม่
นางมิใช่คนดีขาวสะอาดเยี่ยงแม่ชี ที่จะทำงานเพียงอย่างเดียวแล้วเก่งกาจอยู่รอด ด้านมืดของนางคือทำงานเป็นคนขายข่าว แน่นอนว่าว่าทุกข่าวย่อมหลากหลายวิธีที่จะได้มา ทั้งซื่อตรงและเล่ห์เหลี่ยม “เอาล่ะ! เรามาดูการร่ายรำกันดีกว่า” กู้ฮูหยินเอ่ยแทรกขึ้น เพื่อมิให้เรื่องบานปลายไปกว่านี้ นางไม่คิดว่าสตรีบ้านนอกเช่นหยวนไป่หลิง จะมีฝีปากกล้าทั้งยังวางตัวได้เป็นอย่างดีเช่นนี้ หากยังมีการโต้เถียงกันต่อไป คงได้เป็นพวกนางเองที่ต้องอับอาย “ไหน ๆ ค่ำคืนนี้พี่หญิงไป่หลิงก็มาร่วมดื่มกับเราแล้ว พี่หญิงพอที่จะแสงดารร่ายรำให้เราดูได้หรือไม่เจ้าคะ”ชูเยี่ยนรีบเอ่ยขึ้น เมื่อแขกฝ่ายชายเดินเข้ามาใกล้แล้ว รอยยิ้มของหญิงสาว เต็มไปด้วยความสาแก่ใจ เพราะหญิงชาวบ้านโดยทั่วไป ยากนักจะได้มีโอกาสร่ำเรียนการร่ายรำ หยวนไป่หลิงหันมองไปยังแขกฝ่ายชาย ที่ตอนนี้ได้เดินมาร่วมนั่งดื่ม เพื่อรอชมการร่ายรำ แน่นอนว่าคู่หมั้นของนาง และน้องสาวพร้อมว่าที่น้องเขยของนางก็มาถึงพอดี “การแสดงของสตรีบ้านนอก อาจไม่ตรึงใจทุกท่าน แต่ข้าหยวนไป่หลิงจะขอร่ายรำเป็นการขอบคุณน้ำใจของทุกท่าน ที่เ
เสียงหัวเราะคิกคักของเหล่าภรรยาขุนนางหลายคน ทำให้หยวนไป่หลิงยกยิ้มน้อย ๆ ส่วนแม่ทัพสาวยกสุราขึ้นดื่ม พร้อมทำเสียงในลำคอ เป็นการไว้อาลัยแก่สตรีปากมากเหล่านี้ “หึ ๆ ข้ามิแปลกใจเลย ว่าทำไมถึงเคยเห็นลูกและภรรยาของขุนนาง ที่สิ้นไร้ทั้งอำนาจและลมหายใจ ต่างไปใช้ชีวิตเริงร่าในหอนางโลม” “สามหาว! เจ้ากล้าดีเยี่ยงไร มาลบหลู่สตรีชั้นสูงเช่นพวกข้า” “สูงหรือต่ำก็เดินดินทั้งสิ้น พวกท่านเป็นหมัดที่เกาะบนกายมารดาข้าหรือเจ้าคะ ถึงได้รู้ดีไปเสียทุกอย่าง อยากให้ข้าพูดบ้างไหมว่ามีสตรีบางคนในนี้ ชอบกล่าวว่าสามีสนองความสุขได้ไม่พอ แต่คนขับรถม้าร่างกำยำ กลับสนองได้อย่างถึงใจกว่า ออ...บางคนก็ชื่นชอบเข้าหอนางโลมเพื่อเสพสมกับหญิงงาม ยังมีอีก...” “คุณหนูหยวน ข้าเข้าใจว่าเจ้าไม่พอใจที่ฮูหยินทั้งหลายหมิ่นมารดาของท่าน แต่ก็ไม่ควรที่จะกล่าวหาผู้อื่นไปทั่วเช่นนี้ ไม่มีหลักฐานจะพูดจาลอย ๆ ไม่ได้” ท่านเจ้ากรมกู้รีบเอ่ยแทรก เมื่อเห็นว่าจะมีครอบครัวของเหล่าสหาย กำลังจะตกที่นั่งลำบาก หากเกิดมีการสืบเสาะหาความจริงขึ้นมา “ใต้เท้าพูดว่าไร้หลั
หยวนไป่หลิงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม เมื่อคำตอบของเขาทำให้จ้าวลู่เหลียนทำเสียงจิจ๊ะในลำคอ การสนทนาระหว่างสองพี่น้องเป็นอย่างครื้นเครง ส่วนหยวนไป่หลิงทำเพียงนั่งฟังเงียบ ๆ ทว่าเบื้องหลังบนถนนอันมืดมิด มีร่างของชายชุดดำกว่าสิบคน ไล่ติดตามรถม้า เพื่อรอจังหวะลงมือตามคำสั่ง กึก! ทว่ายังไม่ทันที่จะได้เคลื่อนตัวต่อ ทั้งหมดจำต้องหยุดเท้า เมื่อเบื้องหน้านั้นมีเงาร่างของคนที่อยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ปรากฏขึ้น จำยวนเพียงแค่หยิบมือ ยังอาจหาญมาขวางทางพวกเขาอยู่อีกหรือ “หลีกไป!” “จ่ายมาก่อนแล้วพวกข้าจะหลีกทางให้” “โจรชั้นต่ำ! เจ้ารู้ไหมว่ากำลังพูดอยู่กับใคร” “ไม่รู้และไม่อยากรู้” “ฆ่าพวกมันซะ!” สิ้นคำสั่งชายชุดดำ ต่างกรูกันเข้าหาคนที่ขัดขวางในทันที ทว่า...เพียงพริบตาคนชุดดำทั้งห้าได้ร่วงลงแน่นิ่ง ด้วยการลงมือของหนึ่งในคนที่ขัดขวาง ผู้นำกลุ่มนักฆ่าถึงกับเหงื่อโทรมกาย เมื่อพอจะคาดเดาได้ว่าคนชุดขาวทั้งห้าตรงหน้า มาจากที่ไหน! ไม่เคยมีใครรอดจากน้ำมือของวิหกฟ้าได้ หากคนกลุ่มนี้ได้ลงมือ คำเดียวทำน
“ขอบคุณเจ้าค่ะ แดดร้อนนัก เช็ดหน้าสักหน่อยนะเจ้าคะ” หยวนไป่หลิงยื่นส่งผ้าเช็ดหน้า ที่นางจุ่มลงในอ่างน้ำที่ลอยด้วยดอกเหมยกุ้ยให้แก่แม่ทัพหนุ่ม การกระทำของสองหนุ่มสาว ทำให้หญิงสาวอีกสองนาง ต่างพากันยิ้มจนแทบหุบไม่ลงเลยทีเดียว “ขอบใจเจ้ามาก” แม่ทัพหนุ่มกระตุกม้าให้ออกเดินไปด้านหน้า ก่อนจะยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นชิดจมูก บุรุษที่ไม่ค่อยมีรอยยิ้มมาก่อน เวลานี้กลับมีประดับใบหน้าอยู่เป็นนิจ “ช่างน่าริษยานัก” “หากท่านชายยินยอมที่จะรักใครสักคน ก็มิต้องริษยาข้าแล้วขอรับ” “เหอะ! มันง่ายปานนั้นเลยรึ! กับการที่จะมีคนรัก เจ้าก็รู้ดีว่าภายหน้าข้าต้องพบเจอสิ่งใด” “ท่านชายต้องรู้จักการเปลี่ยนแปลงบ้างขอรับ เมื่อใดที่มีอำนาจในมือ จะเปลี่ยนให้เป็นชีวิตของเราสักเรื่องย่อมไม่ผิด แม้จะได้ไม่ทั้งหมดก็ตามที แค่เรื่องเดียวก็คุ้มแล้วขอรับ” “ขอบใจเจ้ามาก ที่มิเคยทอดทิ้งข้ากับเสด็จปู่” “ทุกอย่างอยู่ที่พระเมตตา ของฝ่าบาทกับท่านชายขอรับ” ลั่วหยางเข้าใจในคำพูดของแม่ทัพหนุ่มในทันที หากเขามิเห็นค
“เหนื่อยหรือไม่ลูกรัก”หยวนไป่หลีเดินเข้ามาหาบุตรสาวด้วยรอยยิ้มละมุน ใบหน้างามของมารดามิเคยจืดจางรอยยิ้มเลย แม้ในยามที่เหน็ดเหนื่อย สองพี่น้องเดินเข้าโอบประคองผู้เป็นแม่คนละข้าง“แค่ท่านแม่มีความสุข แค่นี้นับว่าน้อยมากเจ้าค่ะ”หยวนไป่หลิง ซบใบหน้าลงกับไหล่ของมารดาด้วยความรักใคร่ หยวนไป่หลียกมือขึ้นวางบนแก้มของบุตรสาวทั้งสอง“เจ้าสองพี่น้องล้วนคือความสุขของแม่ รวมถึงเจ้าตัวเล็กของแม่ทุกคนด้วย”หยวนไป่หลีมองไปยังหลาน ๆ ที่กำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน กว่าจะมีวันนี้นางสามแม่ลูก ล้วนผ่านการเสียน้ำตากันมาไม่น้อยเลย“ข้ารักท่านแม่เจ้าค่ะ”สองพี่น้องพูดขึ้นพร้อมกัน หากวันนั้นที่บิดาทอดทิ้ง มารดามิคิดถึงพวกนางที่อยู่ในท้อง ป่านนี้คงไร้ลมหายใจตั้งแต่มิทันลืมตาดูโลก“ท่านแม่ต้องกลับชายแดนเหนือกับข้านะเจ้าคะ คู่แฝดนั่นกำลังซุกซนนัก บิดาพวกนางล้วนมิเคยขัดใจลูกสักครั้ง”หยวนไป่หลินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเว้าวอน เพราะพี่สาวที่ใกล้คลอดมีแม่สามีอยู่เคียงข้างแล้ว แต่นางที่ต้องออกทำหน้าที่รักษาชายแดน ย่อมไม่มีเวลาที่จะดูแลคู่แฝดได้อย่างเต็มที่ หากปล่อยให้สามีของนางเลี้ยงลูกลำพัง เห็นที่จะไร้ความเป็นสตรีอ
เป็นคำอวยพรของสหายทั้งหลาย ก่อนจะผลักร่างเมามายของเจ้าบ่าวเข้าภายในห้อง พร้อมปิดประตูให้เป็นที่เรียบร้อย หลังจากประตูปิดลงร่างสูงพลันยืดตัวตรง ก่อนจะก้าวไปยังเตียงนอนด้วยรอยยิ้มอิ่มเอม สุราแค่นี้หรือจะทำอันใดเขาได้ แม่ทัพหนุ่มหย่อนกายลงนั่งเคียงข้างภรรยา ก่อนจะค่อย ๆ เป็นผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก รอยยิ้มละมุนคือสิ่งที่เขาปรารถนาได้เห็นมันมาตลอดทั้งวัน “หิวหรือไม่!” “เจ้าค่ะ” “เช่นนั้นเราไปกินข้าวกัน” แม่ทัพหนุ่มประคองภรรยาให้เดินไปยังโต๊ะกลางห้อง ที่มีการจัดเตรียมอาหารเอาไว้รอท่าแล้ว โดยมีเตาอุ่นสำหรับทำให้อาหารยังคงความร้อน คู่สามีภรรยาต่างสบตากัน เมื่อสุรามงคลได้ถูกแลกเปลี่ยนแล้ว การสนทนาเป็นไปอย่างนุ่มนวล ต่างจากเมื่อแรกพบหน้า เรื่องราวที่พวกเขาผ่านมันมาด้วยกัน ล้วนเต็มไปด้วยความทรงจำมากมาย “จะอยู่ตรงนี้กันทั้งคืนเลยรึ! ดึกแล้วมิรู้จักกลับบ้านไปหลับนอน” แม่ทัพสาวเอ่ยถามสหาย ที่พากันแอบอยู่หลังพุ่มดอกไม้หน้าห้องหอ เสียงของนางไม่ได้เบาเลยสักนิด ป่านนี้คนด้านในคงได้ยินกันหมดแล้ว
สองวันถัดมาการเดินทางของคนจากชายแดน ได้แยกเป็นสองคณะ ซึ่งแขกคนสำคัญล้วนอยู่ในขบวนสินค้าจากชายแดน ส่วนในคณะจะเป็นคนของมวลเมฆา ที่ปลอมตัวเป็นคณะของแขกต่างแคว้น การเดินทางทั้งสองคณะนั้นจะแยกไปคนละเส้นทาง และจากสาสน์ลับที่บอกถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ทำให้ทั้งสองคณะต่างเร่งเดินทางชนิดที่เรียกได้ว่ามิได้หลับนอนกันเลยทีเดียว เพราะหากล่าช้า อาจเกิดการสูญเสียที่ยากจะกู้คืนมาได้ หยวนไป่หลิงพยายามป้อนยาให้แก่จ้าวลู่เชียน ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาอาการไข้ของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น ผลคงมาจากความมั่นใจ ว่าตนเองทนไหวต่อการเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อย จนมันลุกลามเป็นหนักขึ้น “กินยาสักหน่อยเถอะนะเจ้าคะ หาไม่แล้วเราอาจต้องทิ้งท่านไว้ระหว่างทาง” หมับ! แม่ทัพหนุ่มรวบจับข้อมือของหญิงสาวเอาไว้ ก่อนจะพยายามลืมตามองใบหน้าของสตรีใจร้าย ที่คิดจะทิ้งเขาเอาไว้กลางทาง นางช่างไม่มีหัวใจเอาเสียเลย “เจ้ากล้ารึ!” “ท่านเคยเห็นข้าขู่ใครหรือไม่เล่า” “แต่มันขม!” หยวนไป่หลิงได้แต่อมยิ้ม เมื่อคนตัวโตแสร้งเว้าวอนราวเด็กสิบขว
“โหวปู้หยา ข้ารู้จักเจ้าและอำนาจที่เจ้าพยายามไขว่คว้ามันได้เป็นอย่างดี แค่ความคิดที่เจ้าจะแตะต้องเขา ข้าก็พร้อมที่จะปลิดลมหายใจเจ้าอย่างไม่คิดที่จะลังเล”หยวนไป่หลิงโน้มใบหน้าเข้าใกล้อีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ ให้ได้ยินเพียงสองคน โหวปู้หยาขบกรามแน่นเมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาว คนที่เคยเอ่ยเช่นนี้กับเขา มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ‘เชียวอิง’อึก! หยวนไป่หลิงดันดาบในมือจนมิดด้าม มือบางอีกข้างที่ลูบยังลำคอของชินอ๋อง มันทำให้เขารู้สึกราวแมวข่วนเบา ๆ ก่อนที่ทุกอย่างในครรลองสายตาจะพร่าเลือน“ตอนท่านสังหารสามีข้า แม้ความปราณีสักนิดก็ไม่มี การที่ข้าทำเยี่ยงนี้ใช่เมตตาต่อท่าน แต่ข้ามิอยากให้ลูกของข้าเห็นภาพที่ไม่ชวนมอง”หยวนไป่หลิงเอ่ยเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างสง่า แล้วหมุนกายเดินกลับไปหาจ้าวลู่เชียน ซึ่งแม่ทัพหนุ่มเองก็รีบถลามาโอบกอดหญิงสาวเอาไว้แน่น ก่อนจะผละออกแล้วจับร่างงามหมุนไปมา เพื่อดูให้แน่ใจว่านางปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน ก่อนจะรวบกอดหญิงสาวอีกครั้ง“ท่านพ่อ! ฮือ ๆ พวกท่านทำกับเราเยี่ยงนี้ได้อย่างไรกัน บิดาข้าเป็นถึงโอรสฮ่องเต้นะ”ท่านหญิงโหวถลาเข้าสวมกอดร่างอ่อนแรงของบิดา ที่ตอนนี้มีลมหายใจเหลือเ
“หากเจ้ายังคิดขวางทางข้า เกิดอะไรขึ้นอย่าได้หาว่าข้าไม่เตือน” “เช่นนั้นรึ!” หยวนไป่หลิงยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ทุกคนเปิดทาง ในเมื่อวันนี้มาถึงนางก็จะจบเรื่องนี้ด้วยตนเอง แม่ทัพหนุ่มคิดที่จะห้ามปราม ทว่าท่านชายลั่วกลับรั้งเขาเอาไว้ แววตาเชื่อมั่นของผู้เป็นนาย ที่มีต่อคู่หมั้นของเขา มันทำให้แม่ทัพหนุ่มหวาดหวั่นอยู่ในใจ เกรงว่าคู่แข่งทางหัวใจจะมาเหนือความคาดหมาย “เจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ เอาไว้จบเรื่องนี้ข้าจะเล่าให้ฟัง” ลั่วหยางเอ่ยกับแม่ทัพหนุ่มเบา ๆ พร้อมส่ายหน้าอย่างระอาใจ ตอนที่ไม่เคยรักใคร่ ปากก็มีแต่จะถอนหมั้น แต่มาดูตอนนี้สิน่า! แทบจะสิงร่างของหยวนไป่หลิงแล้ว ทุกคนเดินออกมายืนอยู่โดยรอบลานกว้างด้านหน้าเรือน เพื่อดูการต่อสู้ระหว่างฮูหยินแม่ทัพแคว้นเยี่ย กับอดีตองค์รัชทายาทจากแคว้นฉู่ หยวนไป่หลิงส่งสัญญาณให้อู่หรง นำอาวุธมามอบแก่โหวปู้หยา “จ้าวฮูหยิน เรื่องนี้ข้าขอเป็นคนชำระความเองได้หรือไม่” เว่ยหลงก้าวเข้ามาเอ่ยขอต่อหญิงสาว “บิดาเจ้ายังตายใต้คมดาบของข้า เจ้าจะ...อ๊ะ!” ปลายกระบี
เสียงของบิดาที่ก้าวผ่าน ทำให้คนที่นอนน้ำตานองหน้า อยากที่จะร้องเรียกขอความช่วยเหลือยิ่งนัก แม้จะมิเสียกายแต่เมื่อใครมาเห็นนางในสภาพนี้ ชื่อเสียงของนางย่อมป่นปี้จะมีบุรุษสูงศักดิ์ใดเล่าจะต้องการนางอีก เกิดมามิเคยอดสูเยี่ยงนี้มาก่อน หญิงสาวทำได้เพียงรำพันอยู่ภายในใจ ด้วยความบอบช้ำจนยากจะเยียวยาภายในห้องนอนแม่ทัพหนุ่มกับคู่หมั้น ทั้งคู่ต่างนั่งจ้องตากัน คล้ายกับว่าใครหลบสายตาก่อน ผู้นั้นพ่ายแพ้ในทันที“ใบหน้าของข้ามีสิ่งใดติดอยู่หรือเจ้าคะ”“ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้เจ้าหมางใจ”หยวนไป่หลิงคลี่ยิ้มน้อย ๆ ทว่าภายในใจของนางกำลังขำขัน เรื่องที่นางลงมือต่อท่านชายจากฉู่ คงทำให้คนตรงหน้ารู้สึกไม่ปลอดภัยแล้วกระมัง“ที่ข้าทำเช่นนั้น เพื่อตัดทุกวงจรความมิรู้พอของเขา หากเขายังมีมันอยู่ มิแคล้ววนเวียนทำร้ายสตรีไปทั่ว โดยมิสนลูกใครเมียใครเจ้าค่ะ”“ข้าไม่คิดที่จะใช้มันพร่ำเพรื่อกับผู้ใด นอกจากภรรยา”แม่ทัพหนุ่มยังคงไม่วายกังวล เกรงว่าตนเองอาจเป็นรายต่อไป หากมีสตรีใดเข้าใกล้เขา เช่นที่ท่านหญิงแคว้นฉู่ได้ทำกับเขาเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อนนี้“นอนพักเถอะเจ้าค่ะ พรุ่งนี้เรายังมีเรื่องให้จัดการอีกมาก
ร่างสูงถูกพาหายไปยังอีกด้านของมุมถนน ก่อนที่จะพากันแนบกายเข้ากับกำแพง แล้วมองกลับไปยังถนนที่เพิ่งจากมา องครักษ์หนุ่มขมวดคิ้วจนชิด เมื่อเห็นร่างของคนที่เขาเพิ่งร่วมดื่มสุรา กำลังมองหาใครสักคน ซึ่งเดาได้ว่าเป็นตัวเขา “ท่านพ่อมาได้อย่างไรขอรับ” หลังจากลับร่างขององค์รัชทายาทจากฉู่ไปแล้ว ชายหนุ่มได้หันกลับมาถามบิดา ยิ่งเห็นการแต่งกายที่ผิดแผกไปจากเดิม ความสงสัยยิ่งมากขึ้นนับเท่าทวีคูณ “ฟังให้ดี! เจ้าจะต้องไม่เข้าใกล้คนผู้นั้นอีก หากเลี่ยงไม่ได้ก็ระวังตัวให้มาก” “ท่านพ่อพูดเหมือนเขาคิดจะทำร้ายข้า” “ใช่!” “ข้าจะระวังตัวขอรับ”แม้จะสงสัยในคำของบิดา แต่เพื่อมิให้บิดาต้องเป็นกังวล ชายหนุ่มจึงได้รับปากในทันที โดยไม่คิดที่จะซักถามถึงเหตุผล “เจ้ากลับไปพักได้แล้ว การมาในครั้งนี้ของเจ้า แม้ว่าพ่อจะไม่เต็มใจเท่าไหร่ แต่มันคือเส้นทางที่เจ้าเลือก พ่อจะคอยปกป้องเจ้าเอง” “ข้าโตแล้วนะขอรับ” “ตราบใดที่ข้ายังหายใจ เจ้าจะเป็นเด็กอยู่เสมอ แม่ของเจ้าคงตำหนิพ่อแน่ หากเจ้าเป็นอันใดไป”
“ปล่อยข้านะ! เจ้ากล้าดีเยี่ยงไรถึงได้เข้ามาในเรือนของข้า” “เรือนเจ้าแต่เป็นจวนของพี่สะใภ้ข้า ฉะนั้นข้าในฐานะน้องสามีของนาง สามารถไปได้ทุกที่ที่ข้าต้องการ” “เจ้าน่าจะรู้นะว่าทำเช่นนี้ จะเกิดสิ่งใดตามมา” “หึ ๆ ระหว่างข้าที่ปกป้องเกียรติของพี่ชาย กับเจ้าที่เป็นสตรีไร้ยางอาย เจ้าคิดว่าใครต้องอยู่อย่างอดสูกว่ากัน” “ฮ่า ๆ พี่สะใภ้ของเจ้าตอนนี้จะเป็น...” “เป็นอย่างไรรึ!” เสียงจากด้านหน้าประตู ทำให้คนพูดถึงกับชาหนึบไปทั้งร่าง เป็นไปไม่ได้ที่หยวนไป่หลิงจะอยู่ที่นี่ แล้วพี่ชายของนางเล่าอยู่ที่ใดกัน อ๊ะ! ร่างงามถูกลากลงจากเตียง “เป็นไม่ได้! เจ้ามาได้อย่างไร!” “ท่านพี่! รีบลุกไปอาบน้ำให้สะอาดเดี๋ยวนี้ หาไม่แล้วข้าจะให้ท่านนอนข้างนอก” ร่างสูงที่นอนไร้สติอยู่เมื่อครู พลันดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะรีบลงจากเตียงเดินหายออกจากห้องไป ราวกับเมื่อครู่ที่ผ่านมา เขามิได้มึนงงด้วยฤทธิ์ยาที่ใส่ลงในจอกสุราของเขา หยวนไป่หลิงมองคนที่นั่งกองอยู่กับพื้น ด้วยสภาพน่าอเนจอนาถ ใบหน้าซีดขาวข
กลิ่นสุราที่เป่าราดรดบนใบหน้า ทำให้หยวนไป่หลิงจำต้องเบือนหน้าหนี ด้วยกลิ่นสุรารสแรงบวกกับกลิ่นกาย ทำให้หญิงสาวแทบอาเจียนออกมาเสียให้ได้ “ข้าจะเก็บเจ้าไว้เป็นของเล่นนาน ๆ หากเจ้าทำให้ข้าพอใจ ตำแหน่งอนุในจวนข้าจะมอบมันแก่เจ้า” “หึ ๆ อย่างนั้นรึ!” ร่างสูงของโหวซือหยงถึงกับผงะ เมื่อน้ำเสียงที่เคยอ้อแอ้ บัดนี้มันกลับแปรเปลี่ยนเป็นปกติ “จะ...เจ้า!” ใบหน้าที่ตื่นตกใจเมื่อครู่ กลายเป็นบิดเบี้ยวราวคนวิปลาส ก่อนจะวางมือบนลำคอของหญิงสาว พร้อมออกแรงบีบ อึก! ลำคอของเขาเองก็ถูกรวบจากมือบอบบางนั้นเช่นกัน ดวงตาราวคนวิปลาสเริ่มเบิกกว้าง เมื่อแรงของเขาที่เพิ่มในการบีบลำคอของหญิงสาว มันดูไร้น้ำหนักไปเสียอย่างนั้น ทว่ากลับเป็นมือของนางที่แข็งราวกับเหล็กกล้า ทั้งที่คนใต้ร่างเป็นเพียงสตรีบอบบางเท่านั้น “บิดาเจ้าไม่เคยสอนหรือ ว่าส่วนใดบ้างของร่างกาย ที่สามารถทำให้คู่ต่อสู้ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง” ปึก! ร่างสูงถูกถีบจนกระเด็นลงจากเตียง หยวนไป่หลิงบนเตียงลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะก้าวลงจากเตียงมาหยุดยืน อยู่ไม่ห่างจากท่านชายจากฉู่