หยวนไป่หลีรู้สึกว่าตนเองเป็นต้นเหตุ ที่ทำให้บุตรสาวต้องลำบากใจ เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่กิจการของนางเริ่มไปได้ดี ในวันที่นางกำลังออกไปตรวจดูสินค้านอกเมืองพร้อมบุตรสาวทั้งสอง
ได้มีสามีภรรยาคู่หนึ่งได้รับบาดเจ็บหนัก และในตอนนั้นบุตรสาวคนเล็กที่รอบรู้เรื่องสมุนไพรต่าง ๆ ได้นำมันมาให้นางช่วยชีวิตของทั้งคู่เอาไว้ได้ ใช้เวลาอยู่หลายวัน กว่าสองสามีภรรยาจะอาการดีขึ้น
เมื่อทั้งคู่หายเป็นปกติ ก่อนจะจากไปได้เอ่ยขอหมั้นหมายบุตรสาวหนึ่งในสองคนของนางให้เป็นสะใภ้เอก ด้วยอารามตกใจกับคำขอของอีกฝ่าย นางตอบรับไปทั้งที่ตั้งใจจะปฏิเสธ
แต่จนเวลาผ่านมาหลายปี ใต้เท้าผู้นั้นก็เงียบหายไป บุตรสาวสองคนต่างเลยวัยออกเรือนมามาก ก็ยังคงไร้วี่แววของคนที่เอ่ยขอหมั้นหมายบุตรสาวของนาง
ทว่าหยกที่สองสามีภรรยามอบให้ เพื่อเป็นสิ่งยืนยันการหมั้น เป็นเสมือนสิ่งที่ค้ำคอนางเอาไว้ มิอาจเอ่ยปากให้บุตรสาวคนใดออกเรือนกับผู้อื่นได้
จนเมื่อครึ่งเดือนก่อน นางได้รับจดหมายจากทางเมืองหลวง พร้อมการแจกแจงเรื่องการแต่งงาน และความเป็นไปของบุตรชาย เพียงอ่านถึงตำแหน่งของชายหนุ่ม นางก็รู้ได้ในทันที ว่าบุตรสาวคนใดที่ต้องแบกรับหน้าที่นี้
แม่ทัพย่อมมิอาจครองคู่กัน จะด้วยรักหรือไม่ ทว่าตำแหน่งของบุตรสาวคนเล็กนั้น มันเทียบเคียงกับตำแหน่งของชายหนุ่ม ผู้เป็นว่าที่ลูกเขย ภาระนั้นจึงต้องตกแก่คน ที่มิได้มีส่วนราชสำนักไปโดยปริยาย
“ท่านแม่อย่าได้กังวลเรื่องใดเลยเจ้าค่ะ ข้าเต็มใจที่จะแต่งงานในครั้งนี้ ที่ข้าห่วงคงเป็นเรื่องการค้า ซึ่งจะไม่มีข้าออกเดินทางไปได้เช่นเมื่อก่อน”
“เป็นแม่ที่มัวแตกตื่น จนพลั้งปากไปโดยมิทันคิด”
“ท่านแม่ ในตอนนั้นใครเลยจะนึกว่าขุนนางใหญ่ จะกล้าเอ่ยสู่ขอบุตรสาวชาวบ้านให้เป็นสะใภ้เอก คำตอบ ‘เจ้าค่ะ’ คำเดียวของท่านแม่ พวกเขาก็ทึกทักว่าเป็นการตอบตกลง ของหมั้นวางในมือยากนักจะเอ่ยกลับคำ เมื่อมันเป็นเช่นนี้แล้ว เราจะถอยให้คนพวกนั้นหมิ่นเอาทำไมกันเจ้าคะ”
“หากแม่มิใช่สตรีหม้ายที่สามีหย่าขาด แม่คงไม่คิดมากอันใดเลย”
“ความคิดของคนคร่ำครึ จะสตรีหม้ายแบบไหนมันก็ไม่ต่างกันหรอกเจ้าค่ะ ยกเว้นสตรีเหล่านั้นเป็นคนไม่ดี สามีจึงต้องหย่าขาด และนั่นคือที่มาของความคิดทางลบ เกี่ยวกับหญิงหม้ายของคนรุ่นเก่า แล้วก็พาลสอนลูกหลานผิด ๆ แล้วทำไมหญิงแก่ในสกุลร่ำรวยที่สามีตาย ไยถึงมีแต่คนก้มหัวให้เล่าเจ้าคะ นั่นเพราะมันแค่คำพูดที่ใช้กับชาวบ้านอย่างเรา ๆ เพื่อกดให้ต่ำกว่าพวกเขาเท่านั้นเจ้าค่ะ”
“ถึงจะอย่างนั้น พวกเขาคงทำให้เจ้าลำบากใจมิเว้นวัน”
“หึ ๆ ท่านแม่คิดว่าข้าหรือพวกเขา ที่ต้องอับอายและเสียหน้า ข้าคือแม่ค้าแม้จะมิใช่ประเภทปากตลาด แต่ข้ารู้ว่าจะทำให้พวกเขาแทรกแผ่นดินหนีแทบไม่ทันได้อย่างไรเจ้าเจ้าค่ะ
รบกับคนจองหองมันง่ายกว่าการค้า ที่ต้องพบเจออุปสรรคมากมาย ซึ่งกว่าเราจะได้เงินมาแต่ละตำลึง ล้วนเสี่ยงต่ออันตรายรอบด้าน ฉะนั้นมารดาของข้า จงวางใจในตัวบุตรสาวคนนี้ได้เลยเจ้าค่ะ”
หยวนไป่หลิงเอ่ยกับผู้เป็นแม่ พร้อมรอยยิ้มกว้าง นางมิได้ทะนงในความสามารถ แต่เพราะนางไม่อยากให้สตรีตรงหน้า ต้องรู้สึกไม่สบายใจไปมากกว่านี้ จึงเลือกที่จะเก็บทุกความรู้สึกเอาไว้ให้ลึกสุดของใจ
“แม่ภูมิใจในตัวเจ้าสองพี่น้องยิ่งนัก”
“เห็นหรือไม่เจ้าคะ ว่ามารดาข้าเป็นสตรีหม้าย ที่เลี้ยงลูกได้ดีทุกคน ข้าสองพี่น้องอาจมิใช่หญิงสาวในหอห้อง แต่ข้าสองพี่น้องก็ยืนได้ด้วยลำแข้งของตนเอง ปีกของบุรุษจะมีค่าก็ต่อเมื่อเขาเห็นค่าในตัวเรา หาไม่แล้วมันแค่ปีกที่แสดงถึงความเป็นชายเท่านั้น ไม่มีค่าที่เราจะไปเสียเวลายืนใต้ปีกคนแบบนั้นเจ้าค่ะ”
“เจ้าสองคนนี่นะ! อย่าเอาความเจ็บปวดในอดีตของแม่ มาตัดสินอนาคตตนเองเป็นอันขาด”
“ไม่เลยเจ้าค่ะ ข้าแค่เปรียบให้เห็นภาพเท่านั้น ความรักใช่ว่าไม่สวยงาม แค่เราต้องรู้จักที่จะเผื่อทุกความรู้สึก เพื่อมิให้ชอกช้ำในภายหน้าเจ้าค่ะ”
ใช่ว่านางจะมิเคยผ่านความรักในชีวิตใหม่นี้ แต่เพราะคำว่าบุตรสาวสตรีหม้าย ทำให้ชายหนุ่มที่เคยพูดคุย คิดเพียงแค่จะหยอกเล่น และหวังเพียงเรือนร่าง ซึ่งนางที่เคยผ่านความตายและเกิดใหม่มาแล้ว จะมาไร้เดียงสากับเรื่องแบบนี้ นางก็ไม่สมควรได้เกิดใหม่แล้ว
ในตอนนั้นฐานะของมารดา แค่พอมีอยู่มีกินไม่อดอยาก ยังไม่อาจทำให้สกุลใดอยากชิดใกล้ ทว่าตอนนี้ในห้าเมืองชายแดนตะวันออก นางคือสตรีที่ร่ำรวยและทรงอำนาจที่สุด ประตูบ้านแทบจะไม่ว่างเว้นคนมาเทียวเคาะ จนบางครั้งมารดาของนางต้องแสดงเจ็บป่วย เพื่อไม่ให้ใครรบกวน
แต่กระนั้นก็ยังมิเว้นส่งของเยี่ยมมามิขาดสาย คำว่าสตรีหม้ายในห้าเมืองรอบข้าง ไม่มีใครหาญกล้าเอ่ยต่อหน้ามารดานางสักครั้ง แต่ลับหลังล้วนเหยียดหยัน หวังเพียงได้หนึ่งในสองพี่น้องร่วมสกุล เพื่อทรัพย์สินที่มีล้นมือของนางสามแม่ลูก คนประเภทนี้หรือนางจะนำมาร่วมในชีวิต
“หลินเอ๋อร์ ว่าอย่างไรบ้างกับเรื่องนี้”
“น้องรองมิได้คัดค้านเจ้าค่ะ อีกอย่างนี่เป็นหน้าที่ ซึ่งเราสามคนแบกรับกันมาเนิ่นนานแล้ว หากมันจะสิ้นสุดเสียที ย่อมเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับเรานะเจ้าคะ”
“แม่ขอบใจเจ้ามาก ที่ไม่ตำหนิกับเรื่องนี้ ทั้งที่จริง ๆ มันไม่ควรเกิดขึ้นเลย”
“มันคือโชคชะตาเจ้าค่ะ อย่าได้คิดให้เหนื่อยเลย แค่ในทุกวันนี้ ท่านแม่มีความสุข กินอิ่มนอนหลับอยู่อย่างสุขสบาย ข้าสองพี่น้องก็ไม่ต้องการสิ่งใดแล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้าสองพี่น้อง คือสิ่งล้ำค่าที่สุดสำหรับแม่”
จุดอ่อนของนางคือลูกแฝด ในฐานะแม่จะมีสิ่งใดที่ต้องกังวล เท่ากับความรู้สึกของลูก ๆ หญิงสาวช้อนตามองมารดา ก่อนจะคีบเนื้อวางในถ้วยของผู้เป็นแม่ ทุกความรู้สึกของมารดานางย่อมเข้าใจมันดี เพราะครั้งหนึ่งที่นางเคยอยู่ในอีกชีวิต นางก็เคยได้เป็น ‘แม่’ เช่นกัน
สองแม่ลูกเปลี่ยนเรื่องคุยให้สนุกสนานขึ้น จนเสร็จสิ้นมื้ออาหาร หยวนไป่หลิงจึงได้ออกไปจัดการเรื่องการค้า และกิจการที่มีให้เรียบร้อย ก่อนที่นางจะออกเดินทางในอีกสามวันข้างหน้า
เมืองหลวง ณ สกุลจ้าว ท่านมหาอำมาตย์จ้าวหยางจงนั่งใบหน้าเรียบตึง เมื่อบุตรชายคนโต ดูจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาสั่งการ “ข้าแสร้งหูหนวกตาบอด ยอมผัดผ่อนเรื่องนี้มานานหลายปี เจ้าเป็นบุรุษมันอาจไม่เสียหายอันใด แต่คุณหนูหยวนเล่านางเป็นสตรี ไยจะต้องมานั่งรอคู่หมั้นไม่เอาไหนเยี่ยงเจ้าอยู่เช่นนี้ด้วย มันถูกต้องแล้วหรือ” “จ่ายชดเชยนางไป และท่านพ่อก็ช่วยหาสามีที่ดีให้แก่นาง เท่านี้นางก็ดีใจจนเนื้อเต้นแล้ว”แม่ทัพหนุ่มเอ่ยขึ้น อย่างไม่คิดจะแยแสต่อความรู้สึกของคู่หมั้น เพราะสตรีที่เลยวัยออกเรือน ทั้งยังมีฐานะธรรมดา เงินทองย่อมล้ำค่ากว่าสามีที่ไม่เคยมอบใจให้นางมาก่อนเลย “ชดเชยเช่นนั้นรึ! เจ้าคิดว่าชีวิตของข้ากับมารดาของเจ้า มีค่าแค่เงินไม่กี่ร้อยตำลึงเท่านั้นรึ! เจ้าเป็นถึงแม่ทัพ! ย่อมน่าจะรู้ดีว่าสิ่งใดควรสิ่งใดมิควร” แม่ทัพหนุ่มนิ่งงันไปในทันที เมื่อสิ่งที่บิดาเอ่ยมานั้น ไม่มีเรื่องใดที่ผิดเลย เขายืดเวลาในการแต่งงานออกมานานหลายปี แต่แล้ววันนี้ก็มาถึงจนได้ เมื่อบิดายื่นคำขาดเรื่องการแต่งงานที่ยืดเยื้อมานานเมื่อหลายปีก่อน ในตอนที่พ่อแม่ของ
“ใต้เท้ากล่าวชมเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”หยวนไป่หลิงยิ้มน้อย ๆ ทำตามแบบฉบับของสตรีในหอห้อง นับว่านางลดวามเย็นชาทางสีหน้าลงหลายส่วน เพื่อมิให้ผู้ใดติฉินนินทาหรือตำหนิไปถึงมารดาได้ “เรียกท่านพ่อท่านแม่จะดีกว่า เราคือครอบครัวเดียวกันแล้วนะ” จ้าวฮูหยินเอ่ยขึ้น พร้อมเดินเข้าประคองว่าที่สะใภ้ นับว่าสามีของนางตาแหลมนัก มิว่าท่าทีหรือความงาม หยวนไป่หลิงจัดอยู่ในหญิงงามที่หาตัวจับยากเลยทีเดียวแต่ถึงอย่างไรนางก็คงต้องดูถึงความสามารถอื่น ๆ ของหญิงสาวอีกสักหน่อย เพื่อไม่ให้บุตรชายตัวดี นำมาเป็นข้ออ้างปฏิเสธการแต่งงานได้ ซึ่งจากที่นางรู้เกี่ยวกับหยวนไป่หลิงมานั้น ยากนักที่บุตรชายตัวดีของนางจะหาข้ออ้างยกเลิกการแต่งงานอย่างที่ใจหวังแม้ความรักบังคับใจกันไม่ได้ แต่สำหรับชีวิตของคนที่เกิดในสกุลขุนนาง ยากนักจะเลือกเส้นทางหัวใจได้เองทั้งหมด มิเว้นแม่แต่ผู้ครองแผ่นดินการที่สามีของนางเลือกบุตรสาวสกุลหยวนมาเป็นสะใภ้ ล้วนมีเหตุผลอื่นแอบแฝง นอกเหนือจากคำว่าบุญคุณ ชีวิตของขุนนางล้วนมีปลายดาบจ่อลำคอทั้งสิ้น ถ้าวันใดเกิดเหตุมิคาดฝันขึ้นมา สายเลือดของพวกเขาจะยังคงอยู่ แม้จะในฐานะชา
ชายแดนแคว้นฉู่-แคว้นเว่ย รถม้าที่วิ่งด้วยความเร็ว เสียหลักหลุดออกนอกเส้นทาง ชนเข้ากับต้นไม้จนเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก คนด้านในใช้มือข้างหนึ่งยันกายเอาไว้ อีกข้างกอดกระชับห่อผ้าสีทองเอาไว้แน่น “ท่านแม่ทัพ เป็นอันใดไหมขอรับ” ชายหนุ่มรีบเปิดประตูรถม้า พร้อมเอ่ยถามผู้เป็นนาย “ท่านพี่ชุน โปรดช่วยข้าสักครั้งเถิด พาเขาไป! อย่าให้ใครรู้ถึงการมีอยู่ของเขา จนกว่าจะถึงเวลาอันเหมาะสม อึก!” หญิงสาวเอ่ยร้องขอชายหนุ่ม ก่อนกล่ำกลืนเลือดที่เกือบจะพุ่งออกมา กลับลงคอไปอย่างยากลำบาก “เราจะไปด้วยกันขอรับ” เชียวอิงขยับห่อผ้าสีทองออกห่างกายเล็กน้อย ก่อนจะก้มมองยังช่วงท้องของนาง ชุนหานจงถึงกับใบหน้าถอดสี บาดแผลนี้นางปกปิดเอาไว้นานเท่าใดแล้ว “ได้โปรดท่านพี่ชุน ชีวิตของข้าหากแลกกับเขาได้ข้ายินดี” ชุนหานจงไม่อาจเอ่ยคำใดออกมาได้ ศัตรูไล่หลังมาอย่างกระชั้นชิด เวลาในการตัดสินใจย่อมมีไม่มาก มือที่แดงชานไปด้วยเลือดของศัตรู ยื่นออกไปรับห่อผ้าสีทองมาไว้ในอ้อมแขน “ท่านแม่ทัพโปรดถนอมตัวด้วย” ร่างสูงขบกรามแน่น เพื่อข่
หยวนไป่หลิงลุกขึ้น เดินไปยังโต๊ะน้ำชา ซึ่งมีกาสุราหวานวางอยู่ หญิงสาวรินน้ำสีอำพันในลงจอก ก่อนจะยกดื่มเพื่อดับความคับแค้น ที่มันกำลังจะครอบงำนางจากความฝันเมื่อครู่ชีวิตใหม่ของนางควรจะราบเรียบ ทว่าเมื่อตอนอายุได้ห้าขวบ ความทรงจำอันคุ้นเคยได้หลังไหลเข้ามาราวสายน้ำ ทั้งสุขทุกข์ฉายชัดอยู่ในหัว เหมือนมันจะบอกแก่นางแล้วว่าถึงเวลาที่ต้องเลือกว่าจะเดินกลับไปเพื่อแก้แค้น หรือจะก้าวต่อไปในชีวิตที่สงบสุข ซึ่งอันที่จริงมันก็มิได้สงบสุขอันใด ออกจากลำบากเสียมากกว่า และนางเลือกที่จะใช้ความทรงจำนั้น สร้างอนาคตให้ตนเองกับครอบครัวต่อให้ก้าวกลับไปเพื่อทวงแค้น มันจะมีประโยชน์อันใดถ้าไร้เงินทองและอำนาจ หากจะใช้เรือนร่างเข้าแลก เพื่อการแก้แค้นมันไม่คุ้มเอาเสียเลย เพราะมันมีค่าเกินกว่าจะไปพลีให้ใคร เพียงเพื่อปีนป่ายในสิ่งที่ต้องการความแค้นยังคงมี แต่มันอยู่ที่นางจะเลือกมองมันแบบใด หากโชคชะตาต้องการให้นางทวงความเป็นธรรม มิช้ามันจะนำพานางกลับไปเอง ส่วนเรื่องลูกนั้น นางสุขใจที่เห็นเขาเติบโตอยู่ในที่ปลอดภัยใช่ว่านางไม่คิดถึงเขา แต่นางไม่อาจไปยืนตรงหน้าเขา แล้วบอกว่านี่คือแม่ได้ นางในตอนนี้คือหญิงสาววัยไล่เ