Share

Chapter 37. รู้อยู่แล้ว

            “แต่งงานโดยไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงเนี้ยนะ” คุณกานดาเค้นเสียงหัวเราะ “จะทำตัวเหมือนพ่อหรือไง พอเวลาเจอคนที่ตัวเองรักก็แอบเลี้ยงไว้ข้างนอก”

            “แม่ครับ มันไม่ใช่แบบนั้น ผมแค่ไม่มั่นใจความรู้สึกตัวเอง ผมรู้แค่ว่าผมชอบเวลาอยู่กับเธอ มีความสุขทุกครั้งที่เห็นเธอยิ้ม และอยากไม่ต้องการให้ใครแตะต้องเธออยากครอบครองเธอเพียงคนเดียว”

            คุณกานดาฟังแล้วก็พยักหน้า

“แม่กับพ่อแต่งงานกันเพราะความเหมาะสมและผลประโยชน์ แต่แม่ก็รักพ่อจากใจจริง ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมจากบ้านเกิดไปอยู่ที่จีน ไปเป็นคนแปลกหน้าที่นั้น  ความจริงแม่รู้อยู่แล้วว่าพ่อมีคนที่ชอบอยู่ แต่ต้องแต่งงานกับแม่ แต่เพราะแม่รักพ่อของลูกมากถึงได้หลอกตัวเองว่าพ่อแกรักแม่จริงจัง ทำเป็นไม่รู้เรื่องที่พ่อแกเลี้ยงผู้หญิงไว้นอกบ้าน”

            “แม่รู้อยู่แล้ว”

            “อืม...ไม่ใช่ว่าแม่ใจดำไม่อยากช่วยเด็ก แต่เห็นหน้าเด็กคนนั้นก็ตอกย้ำว่าพ่อแกนอกใจแม่ ไม่สิ พ่อแกไม่ได้รักแม่อยู่แล้วจะเรียกว่านอกใจก็ไม่ได้ เพราะเหตุนี้แม่ไม่อยากเห็นผู้หญิงคนไหนต้องมาเจอแบบแม่อีก  ลูกอยากช่วยหนูหมิว เป็นเรื่องที่ควรทำแต่ถ้าลูกไม่รักผู้หญิงคนนี้ก็ปล่อยให้เธอได้เจอคนที่รักเธอจริงดีกว่า”

            “ผมไม่ยอม! ผมไม่ให้หมิวกับใครหน้าไหนทั้งนั้น!”

            แค่คิดว่ามีชายอื่นแตะต้องธีรยา เขาก็แทบคลั่งตายแล้ว

            “ก็ลองคิดดูแล้วกันว่าลูกรู้สึกยังไงกันแน่” คนเป็นแม่ถอนหายใจหนักหน่วง “แม่เห็นหนูหมิวครั้งแรกที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เด็กคนนี้ดูผิวเผินเป็นคนอ่อนแอไม่สู้คน แต่จริงๆ เป็นคนเด็ดเดี่ยวและใจเย็น แม่คิดว่าหนูหมิวเหมาะกับคนใจร้อนอย่างลูก คอยช่วยเหนี่ยวรั้งไม่ให้ลูกทำเรื่องแผลงๆ ได้ ถึงได้พยายามจะเป็นแม่สื่อให้ แต่ถ้าหนูหมิวไม่รักไม่ชอบลูก แม่ก็ไม่ฝืนใจใคร แม่ก็จะรับหนูหมิวไว้เป็นลูกสาวบุญธรรมเอง ให้เป็นน้องสาวของลูก หาผู้ชายดีๆ ให้หนูหมิวแต่งงาน ลูกว่าดีไหม?”

            “ไม่ดี!” เขาเผลอขึ้นเสียงใส่มารดา จะไปดีได้ยังไง! เป็นผัวเป็นเมียกันแล้วจะให้มาเป็นพี่น้อง เขายอมไม่ได้เด็ดขาด

            “ผมรักหมิวและไม่ยอมให้หมิวไปแต่งงานกับใครทั้งนั้น”

            เขาประกาศออกมา

            “ดี” คุณกานดายิ้มอย่างพอใจ “คิดว่าเป็นพวกไหน? ตระกูลเจียงหรือเปล่า”

             โจวเจียอียิ้มออกมา   “แม่ก็คือแม่ ยังรู้เรื่องในบริษัทอย่างดี”

            “แม่แค่ไม่ได้เข้าไปยุ่งเรื่องการบริหาร แต่ไม่ได้หมายความว่าแม่หูหนวกตาบอด”  คุณกานดาหัวเราะออกมา “ดูแลผู้หญิงคนตระกูลโจวให้ดีอย่าให้บาดเจ็บแม้แต่ปลายเล็บ”

            “ครับแม่”  

            โจวเจียอีรีบลุกขึ้นแล้วแทบจะพุ่งตัวออกไปทันที  เวลานี้เขาเป็นห่วงดวงใจของเขาที่สุด ไม่รู้ว่าเธอจะเป็นอย่างไร จะตกใจกลัวมากน้อยแค่ไหน

            ใครบังอาจแตะต้องผู้หญิงของเขา มันไม่ได้ตายดีแน่!

..........

            หญิงสาวลืมตาขึ้นช้าๆ รู้สึกมึนงงสับสนไปหมด เธอถูกบังคับเข้าไปในรถเก๋งที่ตัวเองเข้าใจผิดไปว่า  เป็นรถที่เจสันส่งมา ขณะที่ดิ้นรนขัดขืนก็ถูกพวกมันต่อยที่เข้าท้องน้อย  เจ็บจุกจนหมดสติไปไม่รู้ตัว นึกว่าจะมีแต่ในละคร แต่ต้องมาเจอกับตัวเองก็ตกใจกลัวไม่น้อย  ยังดีที่เธออยู่บนเตียงนอนขาวสะอาดไม่ใช่รังหนูสกปรก  เธอยันกายขึ้นแล้วพยายามคว้านหาแว่นตาของเธอ และเหมือนคนที่อยู่ใกล้จะรู้ ยื่นแว่นตาใส่มือเรียวเล็ก

            “ขอบคุณค่ะ” 

            ธีรยาพูดอย่างเคยชิน เวลาให้หยิบอะไรให้ก็ขอบคุณไว้ก่อน เธอสวมแว่นตาเรียบร้อยก็มองเห็นชายอายุประมาณห้าสิบนั่งที่เก้าอี้นวมตัวใหญ่ที่ด้านข้างของเตียง ชายคนนั้นพยักหน้ารับแล้วสั่งให้ลูกน้องไปรินน้ำดื่มส่งให้หญิงสาว เธอรับมาดื่มอย่างไม่ลังเล

            “คุณ...คุณคือคนที่จับฉันมาเหรอคะ”  เธอถามไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะฟังภาษาไทยรู้เรื่องไหม ระยะหลังมานี่เธอเริ่มฝึกพูดและฟังภาษาจีนบ้าง แต่ยังไม่เข้าสมองนัก

            “สมกับเป็นผู้หญิงของโจวเจียอี ถึงขั้นนี้แล้วยังไม่มีท่าทีหวาดกลัวหรือหวีดร้องออกมา” ชายคนนั้นพูดภาษาไทยและยิ้มอย่างพอใจ “ผมแซ่เจียงชื่อซีฮัน”

            “ฉันคงไม่ต้องแนะนำตัวสินะคะ”  เธอขยับแว่นตาสายตาแล้วมองรอบตัว เหมือนจะอยู่ในเซฟเฮาท์สักที่ ก็นับว่ายังดีกว่าให้ฟื้นมาอยู่ในห้องสกปรก

            “คุณคงอยากรู้ว่าจับคุณมาทำไม?”

            “ค่ะ แต่คิดว่าคุณจับตัวฉันมาต่อรองกับอีริค”  เธอยิ้มไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัว “แต่คุณคงไม่รู้ว่าฉันไม่ได้สำคัญอะไรกับเขานัก ฉันก็เป็นแค่หมอในห้องแล็บเป็นเด็กกำพร้าไม่ได้มีใครหนุนหลังหรือสนับสนุนอีริคได้ เขาไม่จำเป็นต้องลงทุนมาช่วยฉันหรือตกลงข้อเสนอกับคุณ”

            “เดี๋ยวก็รู้ว่าคุณมีความหมายต่อประธานโจวมากแค่ไหน” เจียงซีฮั่นหัวเราะอารมณ์ดี “ที่นี่เป็นเซฟเฮาท์ของผม และนี่ก็ชั้นสอง คุณอย่าคิดปีนลงทางหน้าต่างเลยนะ ขาสั้นๆ ของคุณปีนไม่ไหวหรอก”

            ธีรยาฉีกยิ้ม ไม่ชอบให้ใครมาตอกย้ำความเตี้ยของตัวเองเลยจริงๆ

            “พักผ่อนตามสบายนะครับ สักครู่จะให้คนยกอาหารมาเสิร์ฟ ห้องน้ำอยู่ขวามือ”

            “ขอบคุณค่ะ” 

            ตอนพามาชกท้องจนสลบ ตอนนี้มาทำเป็นเลี้ยงข้าวตอบแทนเหรอ คิดว่าจะกินไหม ชิ!

            ธีรยารอจนเจียงซีฮันและลูกน้องออกไปแล้ว เธอจึงวาดเท้าลงจากเตียง แต่เพราะยังเจ็บท้องน้อยอยู่จึงขยับตัวไม่ได้มากนัก เธอเดินไปที่หน้าต่างมองออกไปเห็นทิวทัศน์ต้นไม้น้อยใหญ่ คงไม่ใช่หมู่บ้านในกรุงเทพฯ แต่ถ้าเป็นชานเมืองก็น่าจะได้ และไม่น่าจะเป็นต่างจังหวัดเพราะเธอมาที่นี่ใช้เวลาไม่นานนัก เธออาจหลับไปแค่หนึ่งหรือสองชั่วโมงเท่านั้น

            ร่างเล็กชะโงกหน้าลงไป ก็จริงอย่างที่ผู้ชายคนนั้นพูด เธอไม่มีปัญญาปีนลงไปแน่ๆ  แล้วเธอจะทำยังไงดี อะ! โทรศัพท์มือถือล่ะ!  เพียงคิดได้ก็รีบถลากลับมาที่เตียง กระเป๋าสะพายวางอยู่ข้างหมอน เธอเปิดกระเป๋าแล้วเทของทั้งหมดออกมา แต่มันไม่มีสิ่งที่ตามหา

            “หาโทรศัพท์อยู่หรือครับ เจ้านายผมเก็บไว้เรียบร้อยแล้ว”   ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นแล้วยกถาดอาหารมาวางให้ “เชิญครับ”

            “ขอบคุณค่ะ”  พูดไปแล้วก็อยากกัดลิ้นตัวเอง ไปขอบคุณเขาทำไมกัน! แต่โจ๊กร้อนๆ นี่ก็น่ากินจัง เอาเถอะ วันนี้กินลาเต้กับเค้กไปชิ้นเดียว ได้อะไรรองท้องหน่อยก็แล้วกัน

หญิงสาวตัดสินใจกินอาหารตรงหน้า เธอยังคงมีประโยชน์กับคนที่ชื่อเจียงซีฮัน เขาคงไม่กล้าทำร้ายเธอมากนัก ต่อให้เธอไม่สำคัญต่อโจวเจียอีแต่ก็เหมือนหมิ่นเกียรติของเขา

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status