“แต่งงานโดยไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงเนี้ยนะ” คุณกานดาเค้นเสียงหัวเราะ “จะทำตัวเหมือนพ่อหรือไง พอเวลาเจอคนที่ตัวเองรักก็แอบเลี้ยงไว้ข้างนอก”
“แม่ครับ มันไม่ใช่แบบนั้น ผมแค่ไม่มั่นใจความรู้สึกตัวเอง ผมรู้แค่ว่าผมชอบเวลาอยู่กับเธอ มีความสุขทุกครั้งที่เห็นเธอยิ้ม และอยากไม่ต้องการให้ใครแตะต้องเธออยากครอบครองเธอเพียงคนเดียว”
คุณกานดาฟังแล้วก็พยักหน้า
“แม่กับพ่อแต่งงานกันเพราะความเหมาะสมและผลประโยชน์ แต่แม่ก็รักพ่อจากใจจริง ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมจากบ้านเกิดไปอยู่ที่จีน ไปเป็นคนแปลกหน้าที่นั้น ความจริงแม่รู้อยู่แล้วว่าพ่อมีคนที่ชอบอยู่ แต่ต้องแต่งงานกับแม่ แต่เพราะแม่รักพ่อของลูกมากถึงได้หลอกตัวเองว่าพ่อแกรักแม่จริงจัง ทำเป็นไม่รู้เรื่องที่พ่อแกเลี้ยงผู้หญิงไว้นอกบ้าน”
“แม่รู้อยู่แล้ว”
“อืม...ไม่ใช่ว่าแม่ใจดำไม่อยากช่วยเด็ก แต่เห็นหน้าเด็กคนนั้นก็ตอกย้ำว่าพ่อแกนอกใจแม่ ไม่สิ พ่อแกไม่ได้รักแม่อยู่แล้วจะเรียกว่านอกใจก็ไม่ได้ เพราะเหตุนี้แม่ไม่อยากเห็นผู้หญิงคนไหนต้องมาเจอแบบแม่อีก ลูกอยากช่วยหนูหมิว เป็นเรื่องที่ควรทำแต่ถ้าลูกไม่รักผู้หญิงคนนี้ก็ปล่อยให้เธอได้เจอคนที่รักเธอจริงดีกว่า”
“ผมไม่ยอม! ผมไม่ให้หมิวกับใครหน้าไหนทั้งนั้น!”
แค่คิดว่ามีชายอื่นแตะต้องธีรยา เขาก็แทบคลั่งตายแล้ว
“ก็ลองคิดดูแล้วกันว่าลูกรู้สึกยังไงกันแน่” คนเป็นแม่ถอนหายใจหนักหน่วง “แม่เห็นหนูหมิวครั้งแรกที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เด็กคนนี้ดูผิวเผินเป็นคนอ่อนแอไม่สู้คน แต่จริงๆ เป็นคนเด็ดเดี่ยวและใจเย็น แม่คิดว่าหนูหมิวเหมาะกับคนใจร้อนอย่างลูก คอยช่วยเหนี่ยวรั้งไม่ให้ลูกทำเรื่องแผลงๆ ได้ ถึงได้พยายามจะเป็นแม่สื่อให้ แต่ถ้าหนูหมิวไม่รักไม่ชอบลูก แม่ก็ไม่ฝืนใจใคร แม่ก็จะรับหนูหมิวไว้เป็นลูกสาวบุญธรรมเอง ให้เป็นน้องสาวของลูก หาผู้ชายดีๆ ให้หนูหมิวแต่งงาน ลูกว่าดีไหม?”
“ไม่ดี!” เขาเผลอขึ้นเสียงใส่มารดา จะไปดีได้ยังไง! เป็นผัวเป็นเมียกันแล้วจะให้มาเป็นพี่น้อง เขายอมไม่ได้เด็ดขาด
“ผมรักหมิวและไม่ยอมให้หมิวไปแต่งงานกับใครทั้งนั้น”
เขาประกาศออกมา
“ดี” คุณกานดายิ้มอย่างพอใจ “คิดว่าเป็นพวกไหน? ตระกูลเจียงหรือเปล่า”
โจวเจียอียิ้มออกมา “แม่ก็คือแม่ ยังรู้เรื่องในบริษัทอย่างดี”
“แม่แค่ไม่ได้เข้าไปยุ่งเรื่องการบริหาร แต่ไม่ได้หมายความว่าแม่หูหนวกตาบอด” คุณกานดาหัวเราะออกมา “ดูแลผู้หญิงคนตระกูลโจวให้ดีอย่าให้บาดเจ็บแม้แต่ปลายเล็บ”
“ครับแม่”
โจวเจียอีรีบลุกขึ้นแล้วแทบจะพุ่งตัวออกไปทันที เวลานี้เขาเป็นห่วงดวงใจของเขาที่สุด ไม่รู้ว่าเธอจะเป็นอย่างไร จะตกใจกลัวมากน้อยแค่ไหน
ใครบังอาจแตะต้องผู้หญิงของเขา มันไม่ได้ตายดีแน่!
..........
หญิงสาวลืมตาขึ้นช้าๆ รู้สึกมึนงงสับสนไปหมด เธอถูกบังคับเข้าไปในรถเก๋งที่ตัวเองเข้าใจผิดไปว่า เป็นรถที่เจสันส่งมา ขณะที่ดิ้นรนขัดขืนก็ถูกพวกมันต่อยที่เข้าท้องน้อย เจ็บจุกจนหมดสติไปไม่รู้ตัว นึกว่าจะมีแต่ในละคร แต่ต้องมาเจอกับตัวเองก็ตกใจกลัวไม่น้อย ยังดีที่เธออยู่บนเตียงนอนขาวสะอาดไม่ใช่รังหนูสกปรก เธอยันกายขึ้นแล้วพยายามคว้านหาแว่นตาของเธอ และเหมือนคนที่อยู่ใกล้จะรู้ ยื่นแว่นตาใส่มือเรียวเล็ก
“ขอบคุณค่ะ”
ธีรยาพูดอย่างเคยชิน เวลาให้หยิบอะไรให้ก็ขอบคุณไว้ก่อน เธอสวมแว่นตาเรียบร้อยก็มองเห็นชายอายุประมาณห้าสิบนั่งที่เก้าอี้นวมตัวใหญ่ที่ด้านข้างของเตียง ชายคนนั้นพยักหน้ารับแล้วสั่งให้ลูกน้องไปรินน้ำดื่มส่งให้หญิงสาว เธอรับมาดื่มอย่างไม่ลังเล
“คุณ...คุณคือคนที่จับฉันมาเหรอคะ” เธอถามไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะฟังภาษาไทยรู้เรื่องไหม ระยะหลังมานี่เธอเริ่มฝึกพูดและฟังภาษาจีนบ้าง แต่ยังไม่เข้าสมองนัก
“สมกับเป็นผู้หญิงของโจวเจียอี ถึงขั้นนี้แล้วยังไม่มีท่าทีหวาดกลัวหรือหวีดร้องออกมา” ชายคนนั้นพูดภาษาไทยและยิ้มอย่างพอใจ “ผมแซ่เจียงชื่อซีฮัน”
“ฉันคงไม่ต้องแนะนำตัวสินะคะ” เธอขยับแว่นตาสายตาแล้วมองรอบตัว เหมือนจะอยู่ในเซฟเฮาท์สักที่ ก็นับว่ายังดีกว่าให้ฟื้นมาอยู่ในห้องสกปรก
“คุณคงอยากรู้ว่าจับคุณมาทำไม?”
“ค่ะ แต่คิดว่าคุณจับตัวฉันมาต่อรองกับอีริค” เธอยิ้มไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัว “แต่คุณคงไม่รู้ว่าฉันไม่ได้สำคัญอะไรกับเขานัก ฉันก็เป็นแค่หมอในห้องแล็บเป็นเด็กกำพร้าไม่ได้มีใครหนุนหลังหรือสนับสนุนอีริคได้ เขาไม่จำเป็นต้องลงทุนมาช่วยฉันหรือตกลงข้อเสนอกับคุณ”
“เดี๋ยวก็รู้ว่าคุณมีความหมายต่อประธานโจวมากแค่ไหน” เจียงซีฮั่นหัวเราะอารมณ์ดี “ที่นี่เป็นเซฟเฮาท์ของผม และนี่ก็ชั้นสอง คุณอย่าคิดปีนลงทางหน้าต่างเลยนะ ขาสั้นๆ ของคุณปีนไม่ไหวหรอก”
ธีรยาฉีกยิ้ม ไม่ชอบให้ใครมาตอกย้ำความเตี้ยของตัวเองเลยจริงๆ
“พักผ่อนตามสบายนะครับ สักครู่จะให้คนยกอาหารมาเสิร์ฟ ห้องน้ำอยู่ขวามือ”
“ขอบคุณค่ะ”
ตอนพามาชกท้องจนสลบ ตอนนี้มาทำเป็นเลี้ยงข้าวตอบแทนเหรอ คิดว่าจะกินไหม ชิ!
ธีรยารอจนเจียงซีฮันและลูกน้องออกไปแล้ว เธอจึงวาดเท้าลงจากเตียง แต่เพราะยังเจ็บท้องน้อยอยู่จึงขยับตัวไม่ได้มากนัก เธอเดินไปที่หน้าต่างมองออกไปเห็นทิวทัศน์ต้นไม้น้อยใหญ่ คงไม่ใช่หมู่บ้านในกรุงเทพฯ แต่ถ้าเป็นชานเมืองก็น่าจะได้ และไม่น่าจะเป็นต่างจังหวัดเพราะเธอมาที่นี่ใช้เวลาไม่นานนัก เธออาจหลับไปแค่หนึ่งหรือสองชั่วโมงเท่านั้น
ร่างเล็กชะโงกหน้าลงไป ก็จริงอย่างที่ผู้ชายคนนั้นพูด เธอไม่มีปัญญาปีนลงไปแน่ๆ แล้วเธอจะทำยังไงดี อะ! โทรศัพท์มือถือล่ะ! เพียงคิดได้ก็รีบถลากลับมาที่เตียง กระเป๋าสะพายวางอยู่ข้างหมอน เธอเปิดกระเป๋าแล้วเทของทั้งหมดออกมา แต่มันไม่มีสิ่งที่ตามหา
“หาโทรศัพท์อยู่หรือครับ เจ้านายผมเก็บไว้เรียบร้อยแล้ว” ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นแล้วยกถาดอาหารมาวางให้ “เชิญครับ”
“ขอบคุณค่ะ” พูดไปแล้วก็อยากกัดลิ้นตัวเอง ไปขอบคุณเขาทำไมกัน! แต่โจ๊กร้อนๆ นี่ก็น่ากินจัง เอาเถอะ วันนี้กินลาเต้กับเค้กไปชิ้นเดียว ได้อะไรรองท้องหน่อยก็แล้วกัน
หญิงสาวตัดสินใจกินอาหารตรงหน้า เธอยังคงมีประโยชน์กับคนที่ชื่อเจียงซีฮัน เขาคงไม่กล้าทำร้ายเธอมากนัก ต่อให้เธอไม่สำคัญต่อโจวเจียอีแต่ก็เหมือนหมิ่นเกียรติของเขา
ธีรยากลืนโจ๊กลงคอแล้วก็อดคิดถึงอีริคไม่ได้ เธอมั่นใจว่าเขามาช่วย แต่..เขาช่วยเพราะหน้าที่หรือเพราะเป็นห่วงเธอจริงๆ ผู้ชายที่อยากแต่งงานกับเธอ แต่ไม่เคยบอกรักเธอสักคำ จริงอยู่ว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขามันเกิดจากเซ็กส์ชั่วคืน หากไม่เพราะ ‘บังเอิญ’ พบกันอีก คนที่ทำงานให้ห้องแล็บอย่างเธอก็คงไม่ได้พบนักธุรกิจระดับพันล้านที่แสนเอาแต่ใจจอมเผด็จการคนนั้น เธอยกมือแตะสร้อยที่สวมอยู่ เขาสวมสร้อยเส้นนี้ให้เธอตั้งแต่วันไปงานแต่งงานก้องภพแล้วก็ไม่เอาสร้อยคืน จากคนไม่ใส่เครื่องประดับก็ใส่จนเคยตัว เขาช่างเป็นคนนิสัยแย่ที่สุดที่มาเปลี่ยนชีวิตที่แสนเรียบง่ายของเธอ เหมือนน้ำตาหยดจะร่วงหล่น เธอกลั้นสะอื้นแล้วกลืนอาหารลงคอ อย่างไรก็ต้องดูแลตัวเองไม่ให้เป็นภาระหากต้องหนี เธอก็ต้องมีแรงหนี. ... โจวเจียอีก้าวเข้ามาในคฤหาสน์หลังงามชานเมืองกรุงเทพฯ ดูเหมือนเจ้าของบ้านไม่แปลกใจที่ได้เห็นเขานัก “รวดเร็วสมกับเป็นประธานโจว” เจียงซีฮันเอ่ยแล้วผายมือเชิญให้เขานั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม “อยากเจอผมก็มาเชิญผมสิ
เสียงลูกน้องตะโกนเตือน ธีรยากับโจวเจียอีหันไปมองพร้อมกัน เซียงซีฮันที่คิดว่าแอบหนีไปตอนชุลมุนกลับโผล่เข้ามาเหมือนสุนัขจนตรอก เขายกปืนเล็งมาทางโจวเจียอี เพียงเสียววินาที เพียงแค่การกระพริบตา ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เสียงปืนดังขึ้นสองนัด โจวเจียอีเบิกตากว้างไม่คิดว่าเลือดสีสดไหลทะลักจากรูกระสุนนั้นจะมาจากร่างของธีรยา “หมิว! บ้าจริง คุณมาบังกระสุนทำไม” “ไม่รู้ ขามันไปเอง” เธอเจ็บจนน้ำตาร่วงแถมเขายังตะคอกใส่อีก ไม่รู้ว่าเพราะเธอตัวเตี้ยหรือเพราะเจียงซีฮันเสียจังหวะเล็งเป้า กระสุนนัดแรกไปทางไหนไม่รู้ แต่นัดที่สองหัวไหล่ของเธอได้ “หมิว...” เขาอุ้มเธอเข้าไปในรถและสั่งให้ลูกน้องขับรถไปทันที “คุณทำแบบนี้ทำไม” “คุณจะบาดเจ็บไม่ได้” ธีรยาพูดขณะโจวเจียอีใช้เสื้อนอกของเขากดห้ามเลือด “คุณต้องบริจาคตับให้น้องชาย ห้ามคุณเป็นอันตรายหรือเสียเลือดเด็ดขาด” “หมิว” เขาครางออกมา ไม่คิดว่าเธอจะใส่ใจเรื่องนี้มากถึงขนาดนี้ “ตำแหน่งที่บาดเจ็บไม่อันตรายแต่คุณต้องช่วยกดห้ามเลือดไว้ก่อน” เ
หญิงสาวจ้องมองใบหน้าตนเองในกระจกเงาตรงหน้า เพราะไม่อาจกลั้นน้ำตาได้ทำให้เธอต้องหลบมาอยู่ในห้องน้ำ แต่เมื่ออยู่คนเดียวก็ดันร้องไห้หนักเข้าไปอีก จนสุดท้าย ‘ธีรยา’ ตัดสินใจเช็ดเครื่องสำอางออก ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่กล้าออกจากห้องน้ำด้วยสภาพหน้าตาเลอะเครื่องสำอางแน่ๆ อกหักที่ยังไม่ได้บอกรักมันเจ็บขนาดนี้เลยเหรอ แค่คิดน้ำตาของหญิงสาวเอ่อคลอขึ้นมาอีก ทั้งที่เธอก็พอรู้อยู่แล้วว่าพี่ก้องภพมีคนที่ ‘คุย’กันอยู่ แต่วันนี้พี่เขาประกาศเปิดตัวแฟนก็ทำให้เธออกหักอย่างเป็นทางการ ไม่น่าเอาวันหยุดมางานสัมมนาอะไรนี้เลย คิดว่าจะได้อยู่กับพี่ก้องภพมากขึ้นแต่กลับมาเจอเรื่องเซอร์ไพรแบบนี้ เธอน่าจะเอาวันหยุดไปทำอย่างอื่นดีกว่า... ดีกว่าอะไรเล่า ยังไงเรื่องพวกนี้เธอก็ต้องรับรู้ความจริงเข้าสักวัน มือเรียวหยิบกระดาษทิชชู่สั่งน้ำมูกแล้วล้างมือ เธอส่องตัวเองในกระจกอีกครั้งแล้วหยิบลิปสติกมาเติมริมฝีปาก ส่วนหน้าตาก็ช่างมันเถอะ โชคดีที่ไม่ได้ติดขนตาปลอมมา ไม่งั้นคงไม่ต่างจากซอมบี้สยองแน่ๆ ธีรยาสวมแว่นตาแล้วสำรวจตัวเองในชุดเดรสกระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อยสีไวน์แดง ตั้งใจให้ตัวเองสวยในสายตาค
โจวเจียอีหรือที่รู้จักกันอีกชื่อคืออีริค ชายหนุ่มลูกครึ่งจีน-ไทย มารดาของเขาเป็นคนไทย หลังจากบิดาเสียชีวิตเขาคือผู้รับช่วงต่อกิจการทั้งหมด ส่วนมารดาที่ไม่มีญาติหรือเพื่อนสนิทที่จีนอยากกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย เขาก็ตามใจผู้เป็นแม่ จัดหาบ้านช่องห้องหับที่ปลอดภัยเพราะตัวเขาไม่ได้มาอยู่ที่นี่ด้วย แต่เทียวไปเทียวมาเพราะเรื่องธุรกิจและเป็นห่วงมารดา เช่นวันนี้เขามาเซ็นสัญญาทางธุรกิจและมีเลี้ยงต้อนรับ ตัวเขาไม่ชอบงานเลี้ยงนักแต่ก็ต้องอยู่จนจบงานชายหนุ่มปลีกตัวออกมาและเดินลงมาว่าจะหาอะไรดื่มสักเล็กน้อยค่อยกลับขึ้นห้องไปนอนพัก และเตรียมตัวเดินทางกลับ แต่บังเอิญพบหญิงสาวคนหนึ่งเขา รู้สึกถูกชะตาตั้งแต่เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อยู่มาจนอายุสามสิบปีเพิ่งเคยรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงเป็นครั้งแรก เห็นเพียงแวบเดียวก็รู้สึกอยากครอบครองขึ้นมาทันที เขาเห็นเธอต้องการหลบผู้ชายที่เดินตามมาอยู่จึงฉวยโอกาสพามาที่ห้องของเขา ชายหนุ่มโบกมือไล่บอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าอยู่ให้ถอยห่าง คนตัวเล็กซุกซบในอกกว้างเดินแทบไม่ไหว เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว เธอก็เตะรองเท้าออกจากปลายเท้าแล้วเดินไปที่ริมระเบียงของห้องส
ชายหนุ่มเต็มไปด้วยความปรารถนาจะครอบครอง เขาโน้มหน้าลงจูบกลีบปากหวานฉ่ำอีกครั้ง สัมผัสเรือนร่างเธออีกหนแต่เท่าไรก็เหมือนไม่พอ ริมฝีปากร้อนพรมจูบที่ลำคอก่อนจะปลดชุดชั้นในเธออกเผยทรวงอกอวบอิ่ม ความเมามายอาจทำให้ธีรยาใจกล้าและปลดปล่อยตัวเองกับความต้องการลึกเร้นอยู่ภายใน เพียงริมฝีปากเขาครอบครองปลายถัน ร่างบางก็สั่นระริกขึ้นมา เสียงครางหวานหลุดจากปากสวย ปลายลิ้นรัวที่ปลายอดอกสลับดูดดึงและยิ่งใช้มือบีบเคล้นจนเธอแทบคลั่ง ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางยิ่งทำให้ชายหนุ่มพึ่งพอใจ เขาซุกไซ้ทรวงอกอวบอิ่มพอดีมืออย่างหิวกระหาย ร่างบิดเร้าไปมายิ่งบดเบียดเสียดสีกระตุ้นให้แท่งเอ็นของเขาแข็งขันราวกับเสาหินที่รอตอกกระแทกในร่องสวาทที่เปียกแฉะ แต่มันยังไม่ชื้นเปียกแฉะมากพอ เพียงใช้นิ้วสัมผัสก็รับรู้ได้ว่าช่องทางนี้ช่างคับแคบนักจะนำพาเอ็นอุ่นของเขาเข้าไปเขาต้องเตรียมเธอให้พร้อมกว่านี้ “อึก...คุณ...คุณ...” ธีรยาส่ายหน้าไปมาจนเส้นผมสยาย นิ้วร้ายกาจแทรกเข้าไปในส่วนที่ไม่เคยมีใครสัมผัส เพียงการขยับนิ้วเข้าออกก็ทำให้เธอเสียวซ่านไปทั่วร่าง “อีริค” เขาพูดเสียงพร่า “เรียกชื่อผม”
หญิงสาวในชุดกระโปรงสีหวานสวมเสื้อกาวน์สั้นเดินเข้ามาในแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลพร้อมถุงขนมในมือ มือเรียวขยับแว่นตาให้ชิดใบหน้าก่อนผลักบานประตูเข้าไป เวลานี้ไม่มีคนไข้หนัก คุณหมอหนุ่มกำลังนั่งอ่านเคสคนไข้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ “พี่หมอก้องยุ่งหรือเปล่าคะ” คนถูกทักเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “น้องหมิวมาถึงER มีอะไรหรือเปล่าเอ่ย” หมิว-ธีรยา คุณหมอคนสวยส่ายหน้า เธออยู่แผนกพยาธิวิทยาแต่ตอนนี้ออกเวรแล้วจึงเดินมาที่แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เพื่อพบหมอก้องภพซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่จบจากโรงเรียนมัธยมเดียวกันและมหาวิทยาลัยเดียวกัน แม้จะห่างกันหลายรุ่นก็ตาม และใช่..เป็นคนที่ทำให้เธออกหัก “สองสามวันก่อนพยาบาลแพรวเล่าให้ฟังว่าขนมในห้องERหายไป พอดีหมิวได้ขนมถั่วทอดโบราณเจ้าอร่อยมา ก็เลยเอาฝากพี่หมอก้องค่ะ” “แหม! เรื่องน่าอายแบบนั้นเอาไปคุยเล่นกันอีก” ก้องภพหัวเราะร่า เขาเป็นคนอารมณ์ดี หัวเราะง่าย ผิดกับเวลารักษาคนเจ็บหรือคนไข้จะจริงจังจนน่ากลัว ธีรยาพลอยหัวเราะตามไปด้วยแล้วยื่นถุงกระดาษที่ใส่ขนมส่งให้เขา “ไม่เกรงใจนะ”
เธอทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงนะ เพราะเมาเหรอ? เธอถามตัวเองเป็นร้อยเป็นพันครั้ง จะเรียกว่าเมาก็พูดได้ไม่เต็มปาก เธอยังมีสติพอตัดสินใจในการกระทำของตัวเอง แต่เธอก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าถูกผู้ชายคนนั้นจับพลิกคว่ำพลิกหงายไปกี่รอบและถึงจุดสุดยอดไปกี่ครั้ง ร้องครางจนเสียงแหบไปเลย แต่เธอกลับจำไม่ได้แน่ชัดว่าผู้ชายคนนั้นชื่ออะไร เหมือนเขาจะบอกเธออยู่นะ ส่วนเธอก็มั่นใจว่าไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดไว้ให้เขา เธอเพลียจนผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ แต่รู้สึกตัวตื่นตอนที่พี่ก้องภพโทรหา เธอจึงรู้ว่าไม่ได้นอนที่ห้องตัวเอง หลังจากตั้งสติได้ก็รีบพาร่างเปลือยเปล่าสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วและหิ้วรองเท้ากับกระเป๋าสะพายออกมาจากห้องนั้น หลังจากกลับมาที่ห้องตัวเองก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เก็บกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางกลับ แต่นึกขึ้นได้ เธอไม่มั่นใจว่า...เขาใช้ถุงยางอนามัยหรือเปล่าทำให้เธอต้องตาลีตาเหลือกไปซื้อยาคุมฉุกเฉินป้องกันไว้ก่อน นัวเนียกันขนาดนั้น เธอกลับจำหน้าเขาไม่ได้ จะเรียกว่าจำไม่ได้ก็ไม่ใช่ เหมือนมันเลือนรางเสียมากกว่า “ลูกหมิว?” “คะ!” ธีรยาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ “แม
ธีรยาส่งยิ้มหวานแล้วลุกขึ้นยืน ไหนๆเจ้าบ้านก็เปิดไฟเขียวแล้ว ขอเดินสำรวจดูหน่อยเถอะนะ เผื่อเจออะไรไม่ดีจะได้รีบดึงแม่ออกมา หญิงสาวเดินออกมานอกห้องรับแขก ลังเลครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจเดินไปตามทางที่ออกไปสวนด้านนอก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ริอาจใจกล้าขึ้นไปชั้นบนของคฤหาสน์ เธอจึงเดินดูรอบๆ บริเวณบ้าน สวนหย่อมขนาดใหญ่ให้ความร่มรื่นจนเธอลืมว่าตัวเองมาสำรวจจับผิดเรื่องอะไร บ้านของเธอหลังเล็กแต่อบอุ่น แต่ถ้ามีบริเวณกว้างๆ แบบนี้ก็คงดีไม่น้อย ได้เดินเล่นผ่อนคลายบ้าง เสียดายที่เธอมาเอาเสียเย็นย่ำมองไม่เห็นว่ามีต้นไม้อะไรบ้าง ดูไปดูมาเจ้าของบ้านอาจจัดปาร์ตี้ที่บ้านบ่อย เพราะบริเวณสามารถจัดงานเลี้ยงขนาดย่อมได้เลย จังหวะที่หมุนตัวกลับ ร่างเล็กก็ปะทะเข้ากับแผ่นอกกว้างจนเกือบล้ม มือใหญ่ยื่นมาประคองไหล่เธอไว้ได้ทัน ธีรยายกมือขึ้นดันแว่นตาให้เข้าที่แล้วก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น “คุณ!” “คุณ...”ชายหนุ่มที่ปกติใบหน้านิ่งไร้อารมณ์แต่ยามนี้มุมปากยกยิ้มขึ้น แรกทีเดียวเขามองผ่านๆ เห็นเงาร่างไม่คุ้นเคยอยู่ที่สวนหย่อม หากเป็นเพื่อนแม่ก็ดูจะอายุน้อยไปหน่อย แม้จะเห็นแต่แผ