Share

Chapter 31. ทำไมถามแบบนั้น

            “ถามเพื่อนคุณหรือยังว่าอยากสนิทกับผมหรือเปล่า” เขาหัวเราะในลำคอแล้วจัดการเกี๊ยวน้ำในถ้วยของตัวเอง ธีรยายิ้มขำแล้วกินอาหารตรงหน้า เธอนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ย

            “สบายใจขึ้นบ้างไหมคะ หมิวก็...ปลอบใจคนไม่เก่ง อาการของคุณแม่คุณไม่น่าเป็นห่วงจริงๆค่ะ”

            “ครับ ขอบคุณอีกครั้ง”

            ธีรยามองเสี้ยวหน้าที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า เธอกินเสร็จแล้วก็ลุกไปหยิบผ้าเย็นจากชั้นจ่ายเงินแล้วเดินเร็วๆ กลับมาหาเขา

            “ใช้ผ้าเย็นนี่ค่ะ จะช่วยให้สดชื่นขึ้น”

            “ขอบคุณครับ”

            “ขอบคุณบ่อยไปแล้วค่ะ” เธอยิ้มและเมื่อเห็นว่าเขายกน้ำขึ้นดื่มแล้วก็ช่วยเช็ดหน้าให้ “คุณไม่น่าจะเป็นคนพูดคำว่าขอบคุณเป็นเลยนะ”

            “ก็เพราะเป็นคุณไง”  เขาเองยังประหลาดใจที่ตัวเองเป็นคนอย่างนี้ได้ “ตอนนั้นพ่อผมป่วยหนักและผมก็กลับมาดูใจท่านไม่ท่าน ท่านจากไปก่อนที่ผมจะไปถึงแค่ไม่กี่นาที ผมเลยกลัวว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นอีก ทั้งที่แม่บอกว่าสิ่งสุดท้ายที่พ่อห่วงคือคือพ่อเป็นห่วงความรู้สึกผม แต่พ่อก็ฝืนทนรอผมไม่ไหว”

            “อีริคค่ะ หมิวเสียใจด้วย”

            คราวนี้เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงกลัวขนาดนั้น.

            ปกป้อง : ว่างมั้ย คุยด้วยหน่อย

            เสียงข้อความในโปรแกรมไลน์ดังขึ้น ธีรยาที่กำลังเก็บกระเป๋าหลังเลิกงาน เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอ่านข้อความแล้วพิมพ์ตอบไป

            หมอหมิว : คุยได้ เพิ่งเลิกงาน

            ปกป้อง : เป็นไงบ้าง ตั้งแต่วันงานแต่หมอก้องก็เงียบไป

            หมอหมิว : เราสบายดีไม่เป็นไรหรอก

            ธีรยาไม่ได้โกหกเพื่อนสนิท หลังจากเหตุการณ์ที่งานแต่งงานในวันนั้น เธอไม่ได้ติดต่อก้องภพและไม่ได้ไปหาเขาที่แผนกฉุกเฉินอีก ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีสลายไปหมดสิ้น  เธอไม่อยากเจอหน้าเขาอีกแล้ว

            ปกป้อง : แล้วกับหมอนั้นล่ะ

            หมอหมิว : หมอไหน?

            ปกป้อง : แฟนเธอ!

            หมอหมิว : เรียกแฟนเพื่อนให้ดีๆ หน่อย

            หญิงสาวหัวเราะคิกคักแล้วเอนหลังกับเก้าอี้ ได้เวลาเลิกงานแล้ว เธอจะขึ้นไปดูคุณกานดา ดีที่วันนี้เธอเตรียมเสื้อผ้าสำรองมาด้วย คิดว่ายังไงคืนนี้ต้องได้นอนค้างที่นี่แน่ๆ พรุ่งนี้เช้าจะได้มีเสื้อผ้าชุดใหม่ใส่ไปทำงานได้ทันที

            ปกป้อง : หมิวจริงจังกับผู้ชายคนนี้จริงๆเหรอ

            หมอหมิว : ทำไมถามแบบนั้น

            ปกป้อง : รู้จักเขาดีแล้ว?

            หมอหมิว : ศึกษาดูใจอยู่

            ปกป้อง : ถ้าเกิดเขามีลูกมีเมียอยู่แล้วจะทำไง

            หมอหมิว : ……..

            ปกป้อง : เรารู้ว่ามันอาจก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของหมิว แต่หมิวเป็นเพื่อนซี้เรา เป็นคนที่เราไม่อยากเห็นน้ำตามากที่สุด ลองดูลิงก์ที่เราส่งให้ก็ได้

            ธีรยาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนกดลิงก์ที่ปกป้องส่งเข้าไปดูคราวๆ มันเป็นภาษาจีนซึ่งเธอไม่เข้าใจ แต่ภาพถ่ายที่เหมือนแอบถ่ายนั้น เป็นรูปโจวเจียอีกับเด็กชายวัยประมาณสิบสองหรือสิบสามปี  บางภาพก็มีรูปเขายืนคุยกับผู้หญิงที่เห็นเพียงแผ่นหลังและจูงมือเด็กชายคนนั้นที่ดูไปดูมาก็หน้าตาคล้ายโจวเจียอี

            ไม่สิ เธอเคยเจอเด็กชายคนนี้มาก่อน คนที่เจอที่วิลล่าคราวนั้น

            ปกป้อง : หมิว อยู่ไหม?

            หมอหมิว : อืม

            ปกป้อง : ไม่ต้องเชื่อเราก็ได้ เราแค่อยากเตือน แล้วธุรกิจของเขามันก็ออกเทาๆนะ เราเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะหลอกหมิว

            หมอหมิว : ขอบใจนะ เราต้องออกจากแผนกแล้ว

            ปกป้อง : มีอะไรโทรหาเราได้นะ

            หมอหมิว : ขอบใจ

            ธีรยารู้สึกมือไม้เย็นไปหมด เรื่องที่เธอกลัวจะเป็นจริงหรือ? แต่ข่าวพวกนี้ก็เป็นภาษาจีน เธอคงต้องใช้กูลเกิ้ลช่วยแปลถึงจะพอเข้าใจเรื่องราวได้  เธอเคยเอาชื่อของโจวเจียอีไปค้นประวัติในอินเตอร์เนทเกี่ยวกับตัวเขาร่วมถึงกิจการของเขา แต่พอถึงหน้าเวบที่เป็นภาษาจีนเธอก็ไม่ได้เข้าไปดูอีก จะเอ่ยปากถามตรงๆ ก็เกรงตัวเธอเองจะไม่เชื่อทุกคำพูดของเขา

            หน้าคล้ายกันขนาดนั้น ดวงตาสีน้ำตาล และอายุของเด็กอีก ถ้าบอกเป็นพ่อลูกกันก็น่าเชื่ออยู่หรอก

            หญิงสาวถอดแว่นสายตาออกมาเช็ดเลนส์พลางครุ่นคิดเรื่องที่รับรู้มา เธอเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกแม่นำมาทิ้งไว้ที่สถานสงเคราะห์ แน่นอนว่าเธอวาดหวังว่าชีวิตตัวเองจะไม่ต้องเผชิญเรื่องราวอย่างนี้ ไม่ว่าแม่ที่แท้จริงของเธอจะมีเหตุผลใดที่ทอดทิ้งเธอ แต่เธอจะไม่เป็นอย่างนั้น  เธอจะไม่ทำร้ายทำลายชีวิตครอบครัวคนอื่นรวมทั้งไม่ทำลายชีวิตตัวเองด้วย

            “หมอหมิวยังไม่กลับเหรอครับ” 

            “กำลังจะกลับค่ะ”

            เธอทักทายคนอื่นๆ เล็กน้อย สวมแว่นตาตามเดิมแล้วสะพายกระเป๋าเดินมาที่ลิฟต์ กดหมายเลขชั้นพลางถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า เรื่องนี้รบกวนจิตใจเธอเหลือเกิน  เมื่อออกจากลิฟต์แล้วเดินไปห้องที่คุณกานดาพักอยู่  มือเรียวเคาะประตูห้องสองสามครั้งก่อนค่อยๆ เปิดเข้าไปอย่างเบามือ ในห้องเปิดไฟสลัวไม่รบกวนคนป่วยที่นอนหลับอยู่  ที่มุมหนึ่งของห้องมีโซฟาขนาดใหญ่ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองนั่งอ่านข้อความที่หน้าจอแท็บแล็ตราวกับจมดิ่งไปในนั้น แต่กระนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปเมื่อรู้ว่าคนรักเดินมาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ เขา

            “เหนื่อยไหมครับ คุณแม่บอกว่าคุณมานอนที่นี่เป็นเพื่อนท่าน เช้ามาก็ไปทำงานที่โรงพยาบาลรัฐ”

            ธีรยามองฝ่ามือของเขาแล้ววางมือของตนลงไป เขาออกแรงกระตุกไม่แรงนักแต่ร่างเล็กเสียหลักมานั่งบนตักแกร่ง เธอเกือบหลุดเสียงร้องตกใจรีบยกมือขึ้นปิดปากแล้วมองไปยังเตียงคนป่วยที่หลับสนิท

            “อีริค!”  เธอทำตาดุใส่ ไม่กล้าส่งเสียงดังนัก “ปล่อยค่ะ แม่คุณนอนอยู่นะ”

            “แค่นั่งเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย” เขายิ้มอารมณ์ดีขึ้น สีหน้าแตกต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ เธอยกมือขึ้นแตะผมที่ยังชื้นอยู่อย่างเบามือ

            “คุณสระผมเหรอ ทำไมไม่เช็ดให้แห้ง เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอกค่ะ”

            “พ่อผมชอบพูดว่าผมอึดเหมือนวัว”  โจวเจียอียิ้มมองเลยไปยังมารดาที่หลับสนิทแล้วยื่นหน้าไปจูบริมฝีปากหวานอย่างคิดถึง มือหนึ่งยกขึ้นประคองท้ายทอยไม่ให้เธอหลบหนี เพราะรู้ว่าเธอขี้อายและสถานที่ไม่เหมาะนัก แต่เขาก็อดใจไม่ไหวแรงคิดถึงมันมีมากเหลือเกิน

            “อื้อ!” มือน้อยๆ ทุบแผ่นอกแกร่ง   เขาจูบจนพอใจแล้วจึงยอมปล่อย ใบหน้าหวานแดงเรื่อ เธอหันไปมองคนป่วยอีกครั้งแล้วหันมาทำตาดุใส่

“อีริค!”

            “ครับ”  ส่งเสียงขานรับแล้วกอดเธอ มีเพียงการกอดเท่านั้นที่ทำให้เขารู้ว่าเธออยู่ตรงนี้ และถ้าจะให้ดีต้องได้ร่วมรักจะยิ่งรู้สึกว่าเธออยู่ตรงหน้าเขาจริงๆ

            ให้ตายเถอะ! นับวันเขาก็ยิ่งหลงผู้หญิงคนนี้จนแทบจะบ้าอยู่แล้ว

            “พรุ่งนี้คุณแม่คุณก็กลับแล้ว คุณไปอยู่บ้านดูแลท่านดีกว่าไหมคะ”

            “ครับ คงเป็นแบบนั้น ผมจ้างพยาบาลพิเศษไปดูแลท่านด้วย”

            “ก็ดีค่ะ” สำหรับคนที่ไม่มีปัญหาเรื่องเงินอย่างเขา จ้างพยาบาลพิเศษไปคอยดูแลน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

            “แม่บ่นอยากให้คุณไปพักที่บ้านกับท่าน”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status