Share

Chapter 30. ผลักเขาออกเบาๆ

            ธีรยามาถึงโรงพยาบาลเอกชนที่คุณกานดาพักรักษาตัวและเป็นที่ทำงานที่สองของเธอด้วย เจ้าของร่างเล็กมาที่ห้องพักผู้ป่วยพิเศษ เมื่อก้าวเข้ามาในห้องก็พบโจวเจียอียืนคุยกับคุณหมอเจ้าของไข้อยู่ก่อนแล้ว  เธอยืนรออยู่ไม่กี่นาทีทั้งหมดก็สนทนากันเสร็จ คุณหมอกับพยาบาลออกไปแล้วเธอจึงขยับเท้าเข้าไปไกล

            “หนูหมิวมาแล้ว”  คุณกานดาร้องทักทำให้โจวเจียอีหันไปมอง สีหน้าเขาอิดโรยไม่น้อยแต่ยังฝืนยิ้มให้

            “แม่ก็บอกแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไร เดี๋ยวก็กลับบ้านได้แล้ว” 

            “ครับ”

            “ลูกทำให้แม่รู้สึกแย่นะ” คุณกานดาดุลูกชายไม่จริงจังนัก

            “แม่อย่าพูดแบบนั้นสิครับ”

            “ก็เราเคยพูดเรื่องนี้กันแล้ว แม่เข้าใจว่าลูกต้องดูแลธุรกิจการงานต่างๆ แต่แม่ก็อยากอยู่เมืองไทย แม่เตรียมใจไว้แล้วว่าลูกอาจไม่ได้อยู่ใกล้ๆแม่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นอย่าโกรธตัวเองแบบนี้”

            “ผมเปล่า...”

            “อย่ามาเถียง แม่เป็นแม่นะ เลี้ยงมากับมือทำไมจะไม่รู้จักนิสัยลูกตัวเอง”  คุณกานดาหัวเราะออกมาแล้วส่งยิ้มให้ธีรยา “ยังดีที่ลูกมีคนรักที่ดี มีหนูหมิวอยู่ดูแลลูก แม่ก็สบายใจ”

            ธีรยาขยับแว่นสายตาแก้เขิน ระหว่างที่คุณกานดาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล เธอก็พยายามปลีกตัวมาคอยอยู่เป็นเพื่อน โจวเจียอีไม่สามารถเดินทางมาได้ทันทีที่รู้ข่าวกว่าจะมาถึงเมืองไทยก็ผ่านไปหนึ่งวัน แต่เพราะอาการของคุณกานดาไม่หนักหนาและตรวจร่างอย่างละเอียดแล้วไม่พบโรคแทรกซ้อน  อาการบ้านหมุนเกิดได้หลายปัจจัย แม้ตอนนี้ไม่ตรวจไม่แต่ถ้าไม่ดูแลสุขภาพให้ดีก็อาจเกิดอาการเช่นนี้ได้อีก

            “หมอก็บอกแล้วว่าพรุ่งนี้แม่กลับบ้านได้แล้ว เลิกทำหน้าเครียดเสียที” คุณกานดาอดบ่นลูกชายไม่ได้ แต่กระนั้นนางก็ดีใจที่ลูกชายมาหา “ดูท่าทางยังไม่ได้กินข้าวกินปลามาเลยสินะ หนูหมิวพาลูกชายหัวดื้อของแม่ไปกินข้าวหน่อยสิ”

            “ได้ค่ะคุณแม่” 

            “แต่ผมเพิ่งมาถึงนะครับ”

            “ก็ดูสภาพตัวเองก่อน หนักกว่าคนป่วยอย่างแม่อีก ไปๆ ไปกินข้าวก่อนค่อยมาหาแม่ แม่ไม่หนีไปไหนหรอก ประเดี๋ยวพยาบาลก็เข้ามาแล้ว”

            โจวเจียอียอมเดินออกมาจากห้องอย่างเงียบๆ เขาสั่งให้เจสันคอยดูอยู่ใกล้ๆ แล้วถอนหายใจเบาๆ หญิงสาวยื่นมือไปจับฝ่ามือของเขามากุมไว้ ไออุ่นจากมือเรียวเล็กทำให้ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่าเธอมีตัวตนจริงๆ ไม่ใช่เพียงภาพฝัน

            “อิริค?”  ธีรยาเรียกเขาด้วยความแปลกใจในสายตาที่จ้องมองและนาทีต่อมาเขาก็รวบร่างอ่อนนุ่มเข้ามากอด ซบหน้าลงกับบ่าของเธอ

            “เอ่อ...ไม่เป็นไรนะคะ คุณแม่คุณปลอดภัยแล้ว”

            “ขอบคุณครับ”

            เขาพูดแล้วกอดเธอแน่นขึ้น

            หญิงสาวลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังของเขาเบาๆ เธอก็ไม่เคย ‘ปลอบใจ’ ใครเหมือนกัน ยามที่ตัวเองเจอเรื่องทุกข์ใจก็มักนั่งกอดเข่าจมกับตัวเองปล่อยให้ทุกอย่างค่อยๆ เลือนหายไปเองแม้ในความจริงมันอาจไม่ได้จางไปจากเธอเลยก็ตาม

            “ดีจริงๆ ที่มีคุณอยู่ตรงนี้” เขาเงยหน้าขึ้นแล้วจูบแก้มนุ่มแผ่วเบา สูดเอากลิ่นอายที่คุ้นเคยทำให้หัวใจของเขาเต้นเป็นปกติ เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีผู้หญิงคนไหนที่ทำให้เขารู้สึกอย่างนี้ในชีวิตได้ เป็นความอบอุ่นสบายใจและหวงแหนจนแทบคลั่ง

            “อย่าคิดมากสิคะ คุณแม่ของคุณก็เป็นผู้มีพระคุณของหมิวด้วย ท่านช่วยเรื่องทุนการศึกษาของหมิว เรื่องอะไรที่หมิวทำเพื่อตอบแทนท่านได้ หมิวก็ยินดีทำให้ค่ะ”

            เธอผลักเขาออกเบาๆ แล้วกวาดตามองรอบตัว มีคนของเขายืนอยู่หลายคนจนเธอแปลกใจ

            “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมคุณพาบอร์ดี้การ์ดมาเยอะจัง”

            “ไม่มี” เขารวดเร็วเหมือนไม่ต้องคิดและยิ้ม  แต่เป็นรอยยิ้มที่ให้ความรู้สึกเสียวสันหลังมากกว่า “ผมยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวาน”

            “ชั้นล่างมีร้านสะดวกซื้อ ถ้าคุณกินได้เราไปหาอะไรรองท้องกินหน่อยดีไหมคะ”  เธอชินกับรอยยิ้มของเขาและไม่ได้รู้สึกว่ามันน่ากลัวเลย แต่กลับทำให้เขาดูมีเสน่ห์มายิ่งขึ้น

            ให้ตายสิ! นี่เธอกำลังหลงแฟนตัวเองใช่ไหมเนี้ย!

            “ทำไมคุณคิดว่าผมกินไม่ได้ล่ะ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปผมก็กินเป็นนะ”  โจวเจียอีอารมณ์ดีขึ้นแล้วโอบไหล่คนรักเดินเข้าลิฟต์เพื่อลงไปชั้นล่าง

            “กินให้ดูก่อนแล้วจะเชื่อ” เธอแลบลิ้นใส่ ได้ยินเสียงเขาหัวเราะในลำคอ แต่แค่นี้ก็ทำให้เธอสบายใจ แม้ใช้ชีวิตโดดเดี่ยวแต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เคยผูกพันกับใคร  ถ้าคุณแม่เพ็ญนภาเป็นลมล้มป่วย เธอก็ต้องเป็นทุกข์ร้อนกังวลใจไม่ต่างจากเขาที่เป็นอยู่ตอนนี้

            “ผมไม่อยากให้คุณคิดว่า ผมคบกับคุณเพื่อต้องการให้คุณมาดูแลแม่ของผม”

เขาพูดไปตามจริงแล้วปล่อยให้หญิงสาวจูงมือเขาออกไปที่ร้านสะดวกซื้อที่อยู่บริเวณชั้นล่างของโรงพยาบาล ด้านหน้าของร้านที่ติดกับกระจกใสเป็นที่สำหรับนั่งดื่มกาแฟหรือนั่งกินอาหารได้  เธอหยุดที่ตู้ขายอาหารแช่เย็นแล้วหันไปส่งยิ้มให้เขา

“เลือกได้เลยค่ะ มื้อนี้หมิวเลี้ยงเอง”

“หมิวครับ”

“ค่ะๆ หมิวเข้าใจ ก็เหมือนที่หมิวอยากให้คุณรู้ว่าหมิวคบกับคุณไม่ได้หวังเงินทองของคุณ”

“คุณจะหวังก็ได้นะ ผมอยากให้คุณใช้เงินในบัญชีผมเหมือนเป็นเงินของคุณ”

“อีริคนี่เหมือนอย่างที่นายป้องว่าหมิวเลย คุณจะทำให้ หมิวเสียนิสัยแล้ว” เธอหัวเราะแล้วเลือกเกี๊ยวน้ำสองกล่องแล้วยื่นให้พนักงานเพื่ออุ่นร้อนให้ แล้วชิงจ่ายเงินก่อนเขา

“แล้วถ้าวันหนึ่งเราเลิกกันล่ะคะ”

“ผมยังไม่เห็นเหตุผลให้เราเลิกกัน”  น้ำเสียงเขาเคร่งเครียดแล้วขยับปมเนคไทให้เลื่อนลงเล็กน้อยคล้ายระบายความอึดอัดที่สะสมมานาน “หรือคุณอยากเลิกกับผมแล้ว”

“ตอนนี้ยังค่ะ” เธอยิ้มแล้วดันแว่นสายตาชิดใบหน้า “แต่เผื่อคุณเบื่อหมิวไงคะ”

“คุณไม่ใช่คนน่าเบื่อ” เขาถอนหายใจโล่งอกเพราะใจคิดไปไกลกว่านั้น เขารับถ้วยเกี๊ยวน้ำที่อุ่นแล้วมาถือด้วยตัวเองแล้วพยักหน้าให้เธอไปนั่งรถที่เก้าอี้ทรงสูง หญิงสาวเดินไปหยิบน้ำสองขวดแล้วไปนั่งรอให้เขายกเกี๊ยวน้ำถ้วยเล็กๆ มาวางตรงหน้า  ปริมาณในถ้วยไม่ได้ทำให้อิ่มแต่ก็พอช่วยอุ่นกระเพาะของคนที่กำลังเครียดได้อยู่

“จริงสิ หมิวเคยบอกนายป้องว่าจะเลี้ยงเนื้อย่าง เอาไว้วันไหนคุณว่างเราไปกินด้วยกันนะคะ” 

“อยู่กับผมคุณก็กล้าพูดถึงผู้ชายคนอื่นนะ” เขาแสร้งทำตาดุใส่แล้วช่วยเป่าเกี๊ยวน้ำให้หญิงสาว

            “ปกป้องเป็นเพื่อนสนิทของหมิวนี่ หมิวก็อยากให้คุณเป็นเพื่อนกับเพื่อนของหมิวด้วย”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status