เธอช้อนตาขึ้นมองอย่างลังเล แต่เมื่อเห็นแววตาลุ่มลึกคู่นั้นราวกับอนุญาตให้ทำได้ตามใจ เธอจึงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออก เผยให้เห็นแผงอกกำยำและรอยสักรวมทั้งหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ
“อนาโตมี่สวยจริงๆ” เธอพึมพำไม่รู้ตัว
“ผมเพิ่งเคยถูกชมแบบนี้เป็นครั้งแรก”
เขาครางเสียงต่ำเมื่อปลายนิ้วไล้บนแผ่นอก พระเจ้า! เธอจะรู้ไหมว่าการสัมผัสแผ่วเบาแต่ปลุกเร้าเขามากแค่ไหน เหนือการคาดหมายเมื่อริมฝีปากสวยประทับที่ยอดอกสีน้ำตาลอ่อนจาง ปลายลิ้นไล้เลียก่อนดูดดึงเบาๆ
เสียงครางแผ่วจากลำคอของชายหนุ่มทำให้ธีรยาใจกล้าขึ้น เธอโยนความกลัวทิ้งไปเสื้อผ้าที่เขาปลดเปลื้องออกจนหมด เขาเหมือนขนมหวานราคาแพงที่เธอรู้ว่าไม่อาจได้ลิ้มรส แต่จะคิดมากไปทำไมในเมื่อเวลานี้เธอมีโอกาสกินให้เต็มที่ ทำที่อยากทำ ส่วนวันพรุ่งนี้คือเรื่องที่ยังมาไม่ถึง
แต่ถึงจะกล้าแค่ไหน เธอก็ยังเป็นแค่มือใหม่ แค่ปลดซิปกางเกงก็มือไม้สั่น เธอช้อนตาขึ้นมองเพื่อขอความช่วยเหลือ และเขาก็ใจดีไม่หัวเราะเยาะใส่ โจวเจียอีจับมือเรียวให้รูดซิปลงก่อนจะจับมือเธอให้สัมผัสแก่นกายที่อัดแน่นอยู่ใต้กางเกงชั้นใน ขนาดที่ยังไม่ตื่นตัวเต็มที่ยังใหญ่โตขนาดนี้ แม้รู้ดีว่าสรีสระผู้หญิงสามารถรับขนาดของผู้ชายได้ แต่ว่า..
“อย่ากลัว” เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้น “ผมสัญญาจะไม่ทำให้คุณเจ็บ”
“หมิวไม่ได้กลัวเจ็บค่ะ” เธอเงยหน้าขึ้นพร้อมดวงตาเป็นประกาย “แค่ไม่เก่งเลยกลัวจะทำให้คุณไม่มีความสุข”
“ถ้างั้นก็ฝึกบ่อยๆ ผมเป็นเทรนเนอร์ให้เอง”
“เทรนให้ผู้หญิงคนอื่นบ่อยหรือเปล่าคะ”
“คุณเป็นคนแรกต่างหากล่ะ”
เขายิ้มอารมณ์ดีแล้วเอื้อมมือเปิดน้ำให้น้ำไหลผ่านฝักบัว ละอองน้ำอุ่นไหลผ่านเรือนร่างเปลือยเปล่า มือใหญ่หยิบสบู่เหลวแล้วเทใส่ฝ่ามือก่อนลูบไล้เรือนร่างอวบอิ่ม หญิงสาวตัวเล็กแต่ซ่อนรูป หน้าอกหน้าใจรับกับเอวคอดและสะโพกผาย เขากอบกุมหน้าอกแล้วบีบเคล้นเรียกเสียงครางหวานออกมาจากริมฝีปากสวยที่เผยอขึ้น เธอปล่อยให้เขาลูบไล้ฟองครีมไปที่ซอกขา
“อือ...” คุณหมอห้องแล็บปรือตาขึ้นมอง แววตาของเขายังคงร้อนแรงเหมือนนิ้วมือที่แทรกเข้าไปในร่องรัก เขายกขาเธอขึ้นเล็กน้อยเพื่อขยับนิ้วระรัวได้ถนัดขึ้น
“อ๊ะ...อา อีริค...อื้อ...”
“ครางออกมา ผมชอบเสียงคุณ”
“อีริค...สะ..เสียวจัง...”
“ชอบหรือเปล่า”
“ชะ...ชอบ..ชอบค่ะ”
“ผมชอบเห็นคุณเสร็จ” เขาเพิ่มจำนวนนิ้วแล้วเร่งรัว น้ำทั้งและฟองสบู่และเมือกสวาททำให้เขาขยับนิ้วได้เร็วขึ้น และยังขยี้จุดเสียวทำให้เธอครางหนักกว่าเดิม
“ตรงนี้สินะ คุณชอบใช่ไหม” เขายิ้มร้ายกาจ “คุณแฉะมากเลย”
เม็ดไข่มุกที่บวมเป่งและความเสียวซ่านที่เขาสร้างขึ้นส่งให้ร่างบางเกร็งกระตุกเพราะถึงจุดสุดยอด เธอหวีดร้องออกมาแล้วโอบร่างกำยำเพื่อทรงตัว
“อีริค...คุณแกล้งหมิวเหรอ..” เธอประท้วงเพราะถูกเขาทำให้เสร็จคานิ้วถึงสองรอบแล้ว
“คุณต่างหากที่แกล้งผม”
เขายิ้มแล้วล้างฟองสบู่ออกจากร่างเปลือยเปล่าของเธอและเขาก่อนหยิบผ้าเช็ดตัวมาซับน้ำอย่างเบามือ แล้วอุ้มเธอออกมาวางบนเตียงนอนหนานุ่ม
“คราวนี้ถึงทีผมแล้วนะ”
......
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างอย่างตกใจ แม้สายตาสั้นมากแต่ก็มองเห็นว่าชายหนุ่มนั่งคุกเข่าตรงหน้าเพื่อทำสิ่งใด ร่างเล็กกระถดหนีแต่อีกฝ่ายไวกว่าคว้าเอวไว้แล้วยื่นปลายลิ้นตวัดที่กลีบเนื้อสาว
“อา...คุณ...อีริค..อย่านะ ตรงนั้นมัน...”
ธีรยาร้องห้ามทั้งที่ในใจตรงข้าม ลิ้นของเขาช่างร้ายกาจเหมือนตัวเขา ร่างกายที่ยังชื้นอยู่กลับร้อนรุ่มขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เธอต้องครวญครางออกมาอีกครั้ง ลิ้นร้อนโลมเลียกลีบเนื้อหวานฉ่ำจนเรียวขาสั่นระริก เขาใช้นิ้วเปิดช่องทางคับแคบให้กว้างมากขึ้นก่อนส่งลิ้นเข้าไปกระตุ้นจุดเสียวกระสัน ร่างเล็กดิ้นพล่านอย่างคุมตัวเองไม่อยู่ ผนังอ่อนนุ่มตอดรัดหนุบหนับเขายิ่งละเลงลิ้นและส่งนิ้วเข้าไปช่วยเพิ่มความเสียวซ่าน สะพายกลมกลึงส่ายไปมาเรียกร้องให้เขามอบความซ่านสยิวให้อีกครั้ง
“อ๊ะ...ไม่ไหวแล้ว อ๊ะ ...อร๊ายย”
ทันทีที่ความเสียวซ่านแผ่กระจายไปทั่วร่าง หัวสมองของเธอขาวโพลนไปหมด ร่างทั้งร่างเหมือนถูกส่งขึ้นไปแตะที่ขอบฝันพร้อมกับการเกร็งกระตุกและน้ำหวานหลั่งทะลักออกมามากจนเปื้อนเปรอะต้นขา เขาเงยหน้าขึ้นยิ้มอย่างพอใจ
“ผมชอบเห็นคุณเสร็จ เวลาคุณถึงจุดออกัสซั่มหน้าตาเซ็กซี่มาก” น้ำเสียงเขาแหบพร่าเต็มไปด้วยความปรารถนาแล้วขยับตัวขึ้นนั่งบนเตียง แก่นกายใหญ่โตตั้งตระหง่าน เขาจับลำเอ็นรูดเบาๆ ก่อนหยิบถุงยางอนามัยไซส์พิเศษมาสวม
“ที่รัก ถึงตาคุณแล้ว”
“อะ...อะไรคะ” มือใหม่อย่างเธอได้แต่กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ใครจะรู้ว่าผู้ชายเปลือยก็เย้ายวนจนแทบเสียการควบคุมอย่างนี้
“มาสิ” เขายื่นมือไปดึงมือเธอไว้ “อยู่บนตัวผม”
ใบหน้าหวานแดงจัดแล้วส่ายหน้าไปมา
“หมิวทำไม่เป็น...”
“ลองดู” เขายิ้มเซ็กซี่ แววตาเว้าวอนและรอคอย
เขารู้ว่าเธอก็ต้องการเช่นกัน แต่ยังใจเย็นอดกลั้นให้เธอค่อยๆ ขยับตัวไปนั่งคร่อมบนร่างของเขา มือใหญ่ประคองเอวบางไว้ให้เธอค่อยๆ ยกเอวเธอขึ้นเพื่อให้ลำเอ็นของเขามุดเข้าไปในโพรงสวาทที่ฉ่ำไปด้วยน้ำรัก
“อึก...อึก...อีริค...ของคุณมันใหญ่...มัน อึก..อ๊ะ...”
“อีกนิด กดลงมาแบบนั้นแหละ อื้ม รัดลำผมแน่นมาก โอ้ววว ที่รักคุณยอดมากเข้าไปหมดแล้ว”
“แน่นไปหมด ท่านี้มันลึกมากเลยนะคะ” เธอแทบจะร้องไห้ออกมา ท่อนเนื้อของเขามันทั้งใหญ่ทั้งยาวกว่าจะเข้าไปหมดเธอแทบต้องกลั้นหายใจ
“คุณรู้สึกดีเหมือนผมไหม” เขายิ้มแล้วเริ่มนวดคลึงหน้าอกคู่สวยเบื้องหน้าเพิ่มความเสียวซ่านให้หญิงสาวที่อยู่ด้านบนและให้เธอผ่อนคลายในขณะที่เขาแทบคลั่งเพราะร่องรักนั้นตอดรัดแน่นมาก
หญิงสาวพยักหน้าแทนคำตอบ ต่อให้ปากเธอโกหกเขาก็คงรู้ได้อยู่ดีว่าเวลานี้มันยอดเยี่ยมมากแค่ไหน
“คุณต้องขยับแล้ว ไม่งั้นผมคลั่งแน่”
“อื้ม” เธอพยักหน้ารับอย่างอายๆ แล้วค่อยๆ ขยับสะโพกขึ้นที่ละน้อย เสียงครางต่ำจากลำคอของเขาทำให้เธอได้ใจ น้ำหวานที่หลั่งออกมาเคลือบลำเอ็นที่สวมถุงยางอนามัยบางเฉียบทำให้เธอขยับตัวได้ดีขึ้น เมื่อรู้จังหวะก็เริ่มขย่มลำเอ็นด้วยความเสียวซ่านอย่างที่ใจเรียงร้อง
“โอ้ว ซี๊ดดด อย่างนั้นแหละ ตามใจคุณเลย อื้ม...ดี...” เขาเอ่ยชมแล้วอ้าปากงับยอดอกที่สั่นไหวอยู่เบื้องหน้า สองมือก็ช่วยจับเอวบางให้ขย่มบนลำเอ็นของเขาได้ถนัดและหยัดสะโพกของตนขึ้นรับจังหวะขย่มของเธอ
“มะ...ไม่ไหวแล้ว อ๊ะ...”
เธอใกล้จะหมดแรงแต่เขากลับรัดเอวบางไว้แล้วเป็นฝ่ายเด้งเอวขึ้นสวน ร่างเล็กกระเด็นกระดอนอยู่บนร่างของเขา เธอกอดคอเขาไว้แล้วปล่อยให้เขากระแทกลำเอ็นใส่ เพียงพริบตาเขาก็ประคองแผ่นหลังของเธอนอนราบไปกับที่นอนโดยที่แก่นกายยังสอดใส่อยู่ เธอผวาเฮือกเพราะท่อนเนื้อร้อนระอุนั้นไถลเข้าไปลึกมาก เขาโยกสะโพกช้าลงแต่บดคลึงและสาวลำออกมาเกือบสุดก่อนกดกระแทกกลับเข้าไปใหม่ เสียงหวานครางกระเส่าไม่หยุด เหงื่อเม็ดโตไหลอาบร่างกำยำที่เคลื่อนไหวอยู่ด้านบน สองขาเรียวโอบรัดเอวสอบอย่างไม่รู้ตัวโจวเจียอีซอยเอวดุดันและดิบเถื่อน เสียงครวญครางของคนใต้ร่างเร่งเร้าให้เขาขยับโยกจนร่างเธอสั่นคลอนตามแรงกระแทก ทรวงอกอวบอิ่มถูกบดเบียดจนแผ่งอกกำยำ ริมฝีปากที่เผยอขึ้นเพื่อหายใจถูกเขาประกบจูบดูดกลีบอย่างเร่าร้อน ช่องทางคับแคบบีบรัดความเป็นชายจนเขาแทบคลั่ง ลมหายใจหอบกระชั้นดังอย่างต่อเนื่อง กลีบเนื้อสาวที่โอบรัดลำเอ็นบวมเป่งทั้งดูดกลืนและบีบรัดแก่นกายที่ขยายใหญ่ เขาไม่อาจต้านทานการตอบรับอย่างซื่อสัตย์ของเธอได้ ความเสียดเสียวที่ได้รับทำให้เขาขยับสะโพกกระแทกเข้าไปอย่างรุนแรงก่อนจะถอนตัวตนออกมาจนเกือบสุดแล้วกระแทกกลั
“สเต็กเนื้อวัว สลัดผักผักโขมอบชีสแล้วก็ไวน์แดง” เขาบรรยายเมนูอาหารของค่ำนี้ “หรูพอไหมครับ” หญิงสาวพยักหน้ารับ “ระดับประธานโจวลงมือทำให้กินนี่ก็เรียกว่าหรูแล้ว” “ผมทำอาหารได้ไม่กี่อย่าง” เขายอมรับ “ถ้าคุณไม่โอเค. เราสั่งอย่างอื่นมาได้นะ” “ก็บอกแล้วไงคะ ว่าหมิวกินง่ายอยู่ง่าย หรือไม่ก็...คราวหน้าให้หมิวทำกับข้าวให้คุณกิน” “คุณพูดเองนะ” เขาพูดยิ้มๆ แล้วยกจานสเต็กมาวางบนโต๊ะอาหาร “ถึงหมิวจะเป็นหมอในห้องแล็บแต่ก็ถนัดใช้มีดนะคะ” เธอฉีกยิ้มใส่ “อ้อ! แต่หมิวทำเป็นแต่เมนูง่ายๆ นะ ตอนอยู่บ้านเด็กกำพร้าก็ต้องช่วยแม่ครัวทำอาหารอยู่บ่อยๆ” “ขอแค่คุณทำให้ผมกิน ผมกินได้ทั้งนั้น” เขาเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งแล้วเดินไปหยิบแก้วมารินไวน์สองแก้ว “คุณ...จะไม่ใส่เสื้อหน่อยเหรอ” “ผมขี้ร้อน” เขายิ้มกริ่ม “ใส่เสื้อเถอะคะ หมิวไม่มีสมาธิกินข้าว” เธอย่นจมูกใส่ เขาหัวเราะแล้วเดินหายไปไม่กี่นาทีกลับมาพร้อมร่างสูงโปร่งที่สวมเสื้อยืดคอวีสีเข้ม เขาเดินอ้อมมาด้านหลังแล้วรวบผมเธอเป็นมวยใช้ดินสอแทนปิ
“ผมสัญญา ผมไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน”“อย่าเพิ่งสัญญาอะไรแบบนั้นเลย เราเพิ่งเริ่มต้นกันเอง”“แค่คุณให้โอกาสเริ่มต้น ผมก็ดีใจแล้ว” “ถ้างั้น...เรามาลองคบกันอย่างเป็นทางการดีไหมคะ” “ด้วยความยินดีและเต็มใจยิ่งครับ เติมไวน์อีกไหม?”“คุณจะมอมไวน์หมิวเหรอคะ” “ดื่มฉลองกับผมหน่อย ผมจีบหอยทากน้อยติดเสียที”“อิริค! หมิวไม่ใช่หอยทากน้อยนะ”เสียงหวานใสหัวเราะออกมาทำลายบรรยากาศ ห้องที่อึมครึมเหมือนเจ้าของห้องพลันเปลี่ยนไปทันทีที่มีหญิงสาวเข้ามาในห้องบางที...ไม่ใช่เพียงแค่เธอเท่านั้นที่ทำลายเปลือกที่ห่อหุ้มตัวเองออก แต่เป็นเขาเช่นกันที่เปิดใจ ‘รัก’ ใครคนหนึ่งจากหัวใจที่แท้จริง.......... หญิงสาวก้าวเร็วๆ จนแทบจะกลายเป็นวิ่งมาที่แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เพียงผลักบานประตูเข้าไปก็กวาดสายตามองหาคนที่ต้องการพบ กำลังอ้าปากจะถามพยาบาลแต่ก็มองเห็นเงาร่างที่คุ้นตาเสียก่อนจึงรีบเดินเข้าไปหา ก้องภพรับรู้ได้ว่ามีคนเข้ามาใกล้แต่ประสบการณ์ทำให้มีสมาธิจัดการกับแผลตรงหน้าจนเสร็จเรียบร้อย “เป็นยังไงบ้างคะ” ธีรยาเอ่ยปากถามอย่างเป็นกังวล “ไม่เป็นไรไกลหัวใจตั้งเยอะ”
“ไม่มีอะไร” ธีรยาหงุดหงิด แล้วตวัดตามองก้องภพอย่างขุ่นเคือง “ลูกน้องมีเรื่องต่างหาก แต่คุณโจวเป็นหัวหน้ามาไกล่เกลี่ยเสียค่าปรับให้ลูกน้องค่ะ” “ไม่ทันไรก็พูดแก้ต่างแทนกันแล้ว” ก้องภพทำเสียงเหอะในลำคอ “หมิวพูดเรื่องจริงต่างหาก” “เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเถียงพี่สักคำ เดี๋ยวนี้พูดถึงคนนั้นนี่กล้าเถียงแทนเลยเหรอ” “ก็...” “พี่ก้องคะ ผู้ใหญ่รออยู่นะคะ” เขมิกากระตุกแขนเสื้อของก้องภพเบาๆ ทำให้ก้องภพได้สติ เขาลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนคว้ามือเรียวของว่าที่เจ้าสาวแล้วกึ่งลากกึ่งจูงออกไป “เกิดอะไรขึ้นเนี้ย” ปกป้องทำหน้างง แต่ที่งงกว่าคือคนที่เขาหมายตามาตั้งแต่เด็กมีแฟนโดยที่เขาไม่รู้!“หมิว...” “ค่อยคุยกันวันหลังก็แล้วกัน” เธอปวดหัวขึ้นมาตุบๆ ขึ้นมา “นายต้องกลับไปที่ทำงานอีกหรือเปล่า ยังไงคืนนี้ต้องระวังมีไข้ กินข้าวแล้วกินยาพักผ่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ โทรหาหมิวแล้วส่งโลเคชั่นมา หมิวจะไปดู เข้าใจนะ” “อืมๆ” ปกป้องอยากคุยกับธีรยามากกว่านี้แต่เขาต้องกลับไปทำรายงานที่เจ็บตัวนี่ก่อน “เดี๋ยวเราโทรนะ”
“สิบสองปีแล้วครับ”“โอ้ว! นานจริง แสดงว่าต้องรู้เรื่องของอีริคบ้างใช่ไหม” เธอเงยหน้ามองบอดี้การ์ดของโจวเจียอีด้วยแววตาเปี่ยมความหวัง แต่ดวงตาหลังแว่นตากรอบหนาพราวระยับจนคนมองนิ่งงันไปชั่วขณะ“คือหมิวอยากรู้ว่าอีริคชอบกินอะไรบ้าง หรือไม่ชอบอะไร เผื่อหมิวจะทำให้เขาได้บ้าง”“อ้อ! เรื่องนั้นได้เลยครับ ถามผมได้ทุกเรื่องเลยครับ” เจสันรีบพูดขึ้น แบบนี้ถ้าบอสรู้เข้าต้องดีใจแน่ๆ“แล้วบอสของคุณมีผู้หญิงเยอะไหมคะ”“แค่กๆ...เรื่องนั้น””“ช่างเถอะค่ะ ถือว่าหมิวไม่เคยพูดแล้วกัน”เขาอายุสามสิบแล้ว ถ้าเคยมีแฟนมาก่อนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ปัจจุบันต่างหากที่เธอต้องสนใจทั้งสองเดินขึ้นบันไดมาที่ชั้นสามตามที่ปกป้องบอกไว้ เจสันเคาะประตูห้องอย่างมีมารยาทไม่กี่วินาทีต่อมาเจ้าของห้องก็เปิดประตูมาพร้อมใบหน้าที่มีรอยช้ำ“เขียวแล้ว” ธีรยาอดเอานิ้วจิ้มที่มุมปากของเขาไม่ได้ “นายนี่มันเหมือนเด็กจริงๆ”“มาเยี่ยมหรือมาบ่น” ปกป้องเบ้ปากแต่เพราะเจ็บปากจึงเผลอร้องซี๊ดออกมา เขาปรายตามองไปยังชายชาวจีนสวมชุดสูทสีเข้มที่ยืนอยู่ด้านข้าง ดูไม่เข้ากับปิ่นโตสีพาสเทลที่ถืออยู่“หมอนั้น...แฟนเธอเหรอ”“ไม่ใช่” ธีรยารีบปฏ
“รู้แล้วนะ เจอกันวันงานแต่งพี่หมอนั้นนะ”“ทำไมต้องเรียกพี่หมอก้องแบบนั้นนะ” เธอส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจ ทั้งสองพูดคุยกันอีกเล็กน้อยแล้วธีรยาก็ขอตัวกลับประตูห้องปิดลงแล้ว ปกป้องเดินไปที่หยิบโน้ตบุ๊คมาเปิดขึ้นทันทีแล้วเสิร์ซชื่อผู้ชายที่ธีรยากำลังคบหาดูใจอยู่ อ่านข่าวมาเยอะ ได้ยินมาแยะ อย่าว่าเขาอคติเลย แต่เขาไม่ไว้ใจผู้ชายคนนั้นเลยจริงๆ... หญิงสาวอยู่ในชุดเดรสไหล่กว้างอวดไหล่สวย กระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อยรับกับรองเท้าส้นสูงที่นานๆ จะสวมสักครั้ง ผมยาวถูกดัดเป็นลอนสวยแปลกตา ใบหน้าหวานแต้มแต่งสีสันอย่างพอดี ริมฝีปากอิ่มเคลือบสีส้มอมชมพูและวันนี้เธอใส่คอนแทคเลนส์แทนแว่นสายตากรอบหนาที่สวมเป็นประจำ เจ้าของร่างเล็กสูง 155 เซนติเมตร หมุนตัวหน้ากระจกบานใหญ่ตรงหน้าไม่คิดว่าจะได้เห็นตัวเอง ‘สวย’ ขนาดนี้ ธีรยามองเงาที่สะท้อนอยู่ในกระจก เห็นโจวเจียอีหยุดมองเธออยู่ก็หมุนตัวกลับไปส่งยิ้มให้เขาพลางยกมือขึ้นแตะเรือนผมอย่างเก้อเขิน “คุณมาแล้วเหรอ” “ขอโทษที่มาช้าไปหน่อย”โจวเจียอีตื่นจากภวังค์แล้วเดินเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นหอมละมุนจากหญิงสาว เขาไม่รู
“พูดจริงๆนะ หมิวไม่คิดเรื่องตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงหรอก หากพวกเขาอยากเจอหมิวคงมาตามหาหมิวตั้งนานแล้วละ พวกเขาคงมีครอบครัวใหม่กันไปแล้ว อย่าให้การมีตัวตนของหมิวทำให้พวกเขาเดือนร้อนใจหรือไม่มีความสุขดีกว่า” เธอส่งยิ้มให้เขา“จริงๆ นะคะ” “ครับ” เขาบีบมือเธอ “คุณมีผมอยู่นะ ไม่ได้ตัวคนเดียว ครอบครัวผมก็คือครอบครัวของคุณ” “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเข้าไปรดน้ำสังข์และอวยพรให้คู่บ่าวสาว วันนี้เขมิกาสวยเจิดจ้าสมเป็นเจ้าสาวจริงๆ เห็นแบบนี้ก็แล้วเธอพลอยสบายใจไปด้วย เรื่องบาดหมางเข้าใจผิดคงคลี่คลายในไม่ช้า เขมิกายิ้มรับคำอวยพรพลางปรายตามองเจ้าบ่าวที่นั่งอยู่เคียงข้าง แม้เขายิ้มแต่แววตาตรงข้าม แต่ช่างเถอะ เพราะตอนนี้เขาคือสามีของเธอแล้ว เขาคงไม่กล้าทำร้ายจิตใจเธอและคนในครอบครัวแน่นอน พิธีเช้าดำเนินไปจนเสร็จสิ้นด้วยดี แขกเรื่อเข้ามาถ่ายรูปกับคู่บ่าวสาว ธีรยาคว้ามือโจวเจียอีให้เข้าไปถ่ายรูปด้วยกัน “ขอแสดงความยินดีด้วยครับ” โจวเจียอีกเอ่ยอย่างสุภาพและไม่สนใจสายตาของก้องภพ เขาจับมือผู้หญิงคนตนเองแน่นราวกับตอกย้ำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาไม่มี
ธีรยาไม่รู้ต้องทำอย่างไร หลายปีที่รู้จักก้องภพ เขาไม่เคยทำแบบนี้กับเธอมาก่อนและยิ่งวันนี้ เวลานี้ ผู้หญิงคนเดียวที่เขาจะกอดได้คือเจ้าสาวของเขาซึ่งไม่ใช่เธอ “พี่ก้องปล่อยหมิวนะคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” “กลัวไอ้หมอนั้นเห็นหรือไง” “พี่หมอก้องช่วยพูดถึงคนรักของหมิวดีๆด้วยค่ะ” หญิงสาวดิ้นขลุกขลักแต่เขากลับกอดรัดแน่นขึ้น “ทำไมถึงเป็นผู้ชายคนนั้น!” เขากัดฟันกรอดด้วยความโมโห “หมิวยั่วให้พี่โกรธใช่ไหม ทำแบบนี้คิดดีแล้วเหรอ” “เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ หมิวจะคบกับใครก็ได้” ก้องภพหัวเราะเย้ยเยาะ “หรือจริงๆ แล้วหมิวก็กระสันอยากได้ผู้ชายรวย ถ้าอยากได้แบบนั้นทำไมไม่บอกพี่แต่แรก ถ้า..” “พี่หมอก้อง! ถ้าพี่ไม่ปล่อยหมิว หมิวจะร้องให้คนช่วย อย่าลืมนะคะว่าพี่หมอก้องแต่งงานแล้ว!” คำว่า ‘แต่งงาน’ เรียกสติของก้องภพได้ วงแขนที่กอดรัดคลายออกอย่างไม่รู้ตัว ธีรยาได้จังหวะรีบสะบัดตัวหลุดออก หญิงสาวจ้องหน้าเขาด้วยความรู้สึกเสียใจ เธอรักและเคารพก้องภพมาก ไม่คิดว่าเขาจะทำเช่นนี้กับเธอ ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีหายไป