Share

Chapter 23.  จะชมว่าหล่อก็ได้

“รู้แล้วนะ เจอกันวันงานแต่งพี่หมอนั้นนะ”

“ทำไมต้องเรียกพี่หมอก้องแบบนั้นนะ”  เธอส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจ ทั้งสองพูดคุยกันอีกเล็กน้อยแล้วธีรยาก็ขอตัวกลับ

ประตูห้องปิดลงแล้ว ปกป้องเดินไปที่หยิบโน้ตบุ๊คมาเปิดขึ้นทันทีแล้วเสิร์ซชื่อผู้ชายที่ธีรยากำลังคบหาดูใจอยู่ อ่านข่าวมาเยอะ ได้ยินมาแยะ อย่าว่าเขาอคติเลย แต่เขาไม่ไว้ใจผู้ชายคนนั้นเลยจริงๆ.

..

            หญิงสาวอยู่ในชุดเดรสไหล่กว้างอวดไหล่สวย กระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อยรับกับรองเท้าส้นสูงที่นานๆ จะสวมสักครั้ง ผมยาวถูกดัดเป็นลอนสวยแปลกตา ใบหน้าหวานแต้มแต่งสีสันอย่างพอดี ริมฝีปากอิ่มเคลือบสีส้มอมชมพูและวันนี้เธอใส่คอนแทคเลนส์แทนแว่นสายตากรอบหนาที่สวมเป็นประจำ  เจ้าของร่างเล็กสูง 155 เซนติเมตร   หมุนตัวหน้ากระจกบานใหญ่ตรงหน้าไม่คิดว่าจะได้เห็นตัวเอง ‘สวย’ ขนาดนี้

            ธีรยามองเงาที่สะท้อนอยู่ในกระจก เห็นโจวเจียอีหยุดมองเธออยู่ก็หมุนตัวกลับไปส่งยิ้มให้เขาพลางยกมือขึ้นแตะเรือนผมอย่างเก้อเขิน

            “คุณมาแล้วเหรอ” 

            “ขอโทษที่มาช้าไปหน่อย”

โจวเจียอีตื่นจากภวังค์แล้วเดินเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นหอมละมุนจากหญิงสาว เขาไม่รู้ว่าควรเรียกว่ากลิ่นอะไร เหมือนเป็นกลิ่นหอมจางๆ กลิ่นที่เป็นกลิ่นเฉพาะตัวของธีรยาและดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคน ‘ตัวหอม’

            “ไม่ช้าหรอกค่ะ หมิวเพิ่งแต่งหน้าเสร็จ ช่างแต่งหน้าที่คุณจ้างมาเก่งจริงๆ ทำให้หมิวสวยขนาดนี้”

            “คุณสวยอยู่แล้ว” เขาเอ่ยชม เพราะตัวเองติดงานทำให้เดินทางล่าช้าแต่ก็ให้เจสันไปรับธีรยามาที่ร้านจัดการแปลงโฉมคุณหมอในห้องแล็บให้กลายเป็นเจ้าหญิงแสนสวย ส่วนเขาใช้เวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เปลี่ยนเสื้อไม่นานนัก แต่เมื่อเดินออกมาก็เป็นจังหวะที่หญิงสาวแปลงโฉมเสร็จพอดี

            “คุณก็...ไม่เลวเลยค่ะ”

            “จะชมว่าหล่อก็ได้”  เขาหัวเราะอารมณ์ดีแล้วล้วงมือหยิบสร้อยคอจากกระเป๋าเสื้อมาสวมให้เธอ “คอคุณโล่งไปนะ ใส่สร้อยสักเส้นกำลังดี”

            “ปกติหมิวไม่ค่อยใส่เครื่องประดับ”

แม้ไม่มีกฎห้ามแต่เพราะทำงานในห้องแล็บเธอชินกับไม่ใส่เครื่องประดับแม้กระทั่งต่างหู  และเธอเองก็ไม่มีความรู้เรื่องอัญมณีของมีค่าเหล่านี้ แต่ที่แน่ๆ สร้อยคอรูปดอกไม้เล็กๆ สลับกับผีเสื้อตัวน้อยไม่ใหญ่โตสะดุดตาถูกใจเธอมาก ราวกับรู้ว่าเธอชอบของชิ้นเล็กๆ แบบนี้

            “ผมลืมต่างหูของคุณ”  โจวเจียอีหัวเราะเก้อๆ

            “แค่นี้ก็มากพอแล้วค่ะ” เธอส่งยิ้มแล้วกวาดตามอง ไม่มีใครสนใจมองมาทางเธอและเขา ทำให้ธีรยาทำใจกล้าเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบริมฝีปากของเขาเร็วๆ ไปทีหนึ่งก่อนพูดเสียงแผ่วเบาปนเขินอาย

            “ขอบคุณค่ะ”

            โจวเจียอียืนนิ่งไปชั่วขณะ เพราะปกติผู้หญิงคนนี้ขี้อายไม่คอยแสดงออกว่ารู้สึกยังไง แต่เมื่อครู่เธอเป็นฝ่าย ‘จูบ’ เขาก่อน แม้เป็นจูบเร็วๆ ที่ไม่น่าจะเรียกจูบได้เลย แต่อย่างน้อย ยัยหอยทากน้อยของเขาก็มีพัฒนาการขึ้นมาแล้ว

            “อิริค...”   เธอเขินจนหน้าแดงเหมือนคนเป็นไข้แล้ว

            “ครับ”  เขายิ้มกริ่มดวงตาพราวระยับแล้วโอบเอวแล้วเดินนำออกมาด้านนอก “เดินทางเถอะ เดี๋ยวไม่ทันงานรอบเช้า”

            “อื้ม”  เธอยิ้มแล้วเกาะแขนกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม

            งานแต่งงานของก้องภพจัดขึ้นที่บ้านเจ้าสาวซึ่งอยู่ชานเมืองใช้เวลาเดินทางไม่นานนัก  แม้เจ้าสาวเอ่ยย้ำว่าเป็นงานเล็กๆ แต่เมื่อมาถึงก็ดูว่าไม่ได้งานเล็กอย่างที่คิด ทั้งสองมาถึงงานทันเวลาแห่ขันหมากพอดี เจ้าบ่าวอยู่ในชุดไทยประยุกต์เสื้อสูทสีชมพูนุ่งโจงกระเบนสีขาวไข่มุก แม้ใบหน้ายิ้มแย้มแต่ดูเหนื่อยล้าอยู่บ้าง  เจ้าบ่าวมองไปยังแขกที่เข้ามาใหม่ หญิงสาวในชุดกระโปรงสีหวานก้าวเข้ามาพร้อมรอยยิ้มและมีชายหนุ่มสวมสูทสีเทาอยู่เคียงข้าง ดูขัดหูขัดตาเขานักแต่ก็ยังต้องฝืนยิ้มให้ แวบหนึ่งก้องภพเผลอคิดไปว่า หากเวลานี้เจ้าสาวของเขาคือธีรยา เขาจะมีความสุขมากขนาดไหน

            “ยินดีด้วยค่ะพี่หมอก้อง” ธีรยาเอ่ยจากใจจริง

            ถ้อยคำของธีรยาเรียกสติของก้องภพให้ตื่นจากภวังค์ เขาแค่พยักหน้ารับแล้วตวัดสายตามองทางโจวเจียอีก่อนหันไปสนใจกลุ่มเพื่อนเจ้าบ่าวในกลุ่มขบวนแห่ขันหมาก

            “คุณเคยมางานแบบนี้ไหมคะ”  ธีรยาหันไปถามโจวเจียอี คว้ามือเขาแล้วพามาตรงทางเข้าบ้านเจ้าสาวซึ่งมีการกั้นประตูเงินประตูทอง

            “นี่เป็นครั้งแรกที่มางานแบบนี้”  โจวเจียอีกลัวหญิงสาวจะร้อนจึงยกมือขึ้นบังแดดให้ “ผมเคยไปแต่งานกินเลี้ยง”

            “ถือว่ามาเปิดหูเปิดตานะ”  เธอหัวเราะเสียงใส 

            “อืม ผมจะถือว่ามาเรียนรู้งาน” เขาก้มมองสบตากับหญิงสาว “ผมพร้อมแต่งแล้วนะ”

            หญิงสาวเขินหน้าแดง “เราเพิ่งคบกันนะคะ”

            “แต่คุณคือคนที่ผมรอมานาน” 

            ท่าทางหยอกล้อของคู่รักอยู่ในสายตาเจ้าบ่าวทำให้เขายิ่งหงุดหงิดรำคาญใจ แต่ก้องภพก็ต้องทำเป็นมองไม่เห็นเพราะเขาคือเจ้าบ่าวและไม่ต้องการทำให้ใครต่อใครเสียใจหากเขาคิดจะล้มเลิกงานในตอนนี้

            งานแต่งพิธีเช้าเต็มรูปแบบ ทั้งขบวนแห่งใหญ่โตทำให้ญาติทางฝั่งเจ้าสาวยิ้มปลื้ม พิธีสงฆ์ก็ถูกต้องตามพิธีแสดงให้เห็นว่าเจ้าสาวที่เป็นฝ่ายตระเตรียมงานทำได้ดียิ่ง สินสอดทองหมั้นถูกวางไว้เบื้องหน้าพ่อแม่ทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย ทั้งเงินสดเครื่องประดับทองและเพชรละลานตา ใครจะรู้ว่าหมอก้องภพที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายขับรถเก๋งมือสองจะมีทรัพย์สินมากถึงเพียงนี้  และที่สำคัญเจ้าสาวสวยมาก

            ธีรยารวมกลุ่มกับเพื่อนที่ทำงานโรงพยาบาลเดียวกัน บางคนพอจะสลับเวรลางานมางานแต่งงานได้ก็มาร่วมแสดงความยินดี เธอเข้าแถวรอรำน้ำสังข์คู่บ่าวสาว ระหว่างนั้นเธออธิบายพิธีต่างๆ ให้โจวเจียอีกเข้า

            “ซ้อมไว้งานตัวเองเหรอหมอหมิว”  เพื่อนร่วมงานอดแซวไม่ได้

            “ไม่ใช่นะคะ” เธอรีบโบกมือไปมาใบหน้าแดงก่ำ “แค่อธิบายให้เขาเข้าใจ”

            “ศึกษาไว้ก็ดีแล้ว”  เพื่อนร่วมงานหัวเราะคิกคักแอบขยิบตาให้ชายหนุ่มที่ยืนยิ้มอยู่

            “พวกเขาชอบหยอกเล่นเฉยๆ คุณไม่ต้องคิดมากนะคะ”  ธีรยาพูดเสียงเบา

            “ทำไมล่ะ คุณไม่อยากแต่งงานเหรอ”

‘เท่าที่รู้ผู้หญิงชอบงานแต่งงานนี่นะ’

            “หมิวตัวคนเดียวไม่มีใคร  ถ้าจัดงานแต่งงานเชิญใครมาเล่า”  เธอหัวเราะไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยคิดฝันอยากสวมชุดเจ้าสาวสวยงามแต่เธอแค่ไม่อยากฝันเพ้อจนเกินไป  เธอมันเด็กกำพร้านี่นะ ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนมาร่วมแสดงความยินดีอย่างนี้หรอก

            “คุณ...อยากตามหาพ่อแม่หรือเปล่า”

            หญิงสาวส่ายหน้าไปมา แต่เมื่อเขาเงียบเธอจึงพูดออกมา

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status