Share

Chapter 28. เป็นห่วง

“คุณนี่นะเอาใจผู้หญิงไม่เก่ง”  เธอทำจมูกย่นใส่เขา

“ผิดแล้วผมเอาใจไม่เก่งแต่เอาเก่งนะ เรื่องนี้ผมมั่นใจ”

“อีริค!”   เธอขึงตาใส่ด้วยใบหน้าแดงเรื่อ

“ให้ตายสิ” เขาพึมพำ “ผมเองก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ คุณร่ายมนตร์ใส่ผมหรือเปล่า”

“คุณเชื่อเรื่องไร้สาระพวกนั้นด้วยหรือคะ?”  เธอหัวเราะเสียงใส ความจริงเธอลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้เธอมีเรื่องรบกวนจิตใจอยู่  เป็นใครกันแน่ที่ร่ายมนตร์ใส่เธอ

“แต่ก่อนผมไม่เคยเชื่อเรื่องdestiny แต่การได้พบคุณมันอยู่นอกเหนือความคาดหมาย บางทีพรหมลิขิตอาจมีจริงก็ได้”

หญิงสาวได้แต่อมยิ้ม นั้นสิ ผู้หญิงจืดชืดอย่างเธอได้เจอกับผู้ชายสุดเพอร์เฟกต์อย่างเขาได้ ถ้าวันนั้นก้องภพไม่ประกาศตัวคนรัก เธอคงไม่อกหักจนเสียการควบคุมแล้วได้เจอเขาที่หน้าลิฟต์พอดีอย่างนั้น แถมเจอกันด้วยความบังเอิญอีกด้วย ธีรยาไม่อยากคิดถึงเรื่องของก้องภพอีก  คิดเสียว่าทุกอย่างระหว่างเธอกับก้องภพจบลงแล้ว เหลือเพียงความเป็นเพื่อนร่วมงานและรุ่นพี่รุ่นน้องเท่านั้น

เมื่ออีกฝ่ายไม่พูด โจวเจียอีกก็ไม่เซ้าซี้ถาม เขาเป็นคนยึดมั่นกับปัจจุบันมากกว่ารื้อฟื้นเรื่องในอดีต เวลานี้ ‘ใจ’ ของเธออยู่ที่เขาก็พอแล้ว

“อ้อ! นายป้อง เอ๊ย! ปกป้องพูดอะไรไม่ดีกับคุณหรือเปล่า”  หญิงสาวถามอย่างเพิ่งนึกได้ “หมอนี่ชอบหาเรื่องคนอื่นอยู่เรื่อย แต่ก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของหมิว คุณอย่าถือสาเขาเลยนะ”

“ก็ไม่มีอะไรนี่” เขายิ้มแล้วยกมือข้างหนึ่งปัดเส้นผมที่เคลียแก้มของเธอออก สายตาเลื่อนไปหยุดที่รอยkiss mark  บนลำคอขาวผ่อง เขาอมยิ้มแล้วเดาว่าเธอคงไม่ทันสังเกตเห็นเป็นแน่

“เพื่อนคุณเป็นตำรวจใช่ไหม”

“ค่ะ” ตอบไปแล้วก็หัวเราะออกมา “ใครจะไปคิดว่าเด็กอันธพาลอย่างปกป้องจะโตมาเป็นตำรวจได้”

“เพื่อนคุณเป็นห่วงคุณมาก กลัวว่าผมจะทำให้คุณเสียใจ”

หญิงสาวเอียงคอมองเขาเล็กน้อย “แล้วคุณจะทำให้ฉันเสียใจไหมคะ”

“คำพูดไม่มีความหมายเท่าการกระทำ ผมจะทำให้คุณเชื่อด้วยหัวใจของคุณเอง”

หญิงสาวเขินหน้าแดงแล้วขยับตัวออกห่างเขาเล็กน้อย “ประธานโจวค่ะ นับวันคุณจะพูดจาเหมือนถอดมาจากหนังสือนิยายรักแล้วนะคะ”

“ผมพูดจากความรู้สึกของผมล้วนๆเลยนะ” เขาตัดพ้อแต่หัวเราะออกมา “คุณหิวมากไหม? ประเดี๋ยวผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเราออกเดินทางกัน หาอะไรกินระหว่างทางกลับกรุงเทพฯก็แล้วกัน”

“ก็ได้ค่ะ” เธอพยักหน้ารับ “จริงๆ การมาที่นี่ก็ไม่ได้อยู่ในแผนของเราอยู่แล้ว อย่าบอกว่าคุณมีบ้านพักทุกจังหวัดในประเทศไทยนะ”

“ไม่หรอก” เขาหัวเราะ  คนที่มีตารางชีวิตตรงเป๊ะเสมอมาอย่างเขากลับทำอะไรตามใจและนอกเหนือการวางแผนและยากเกินการควบคุม นั้นก็เพราะธีรยาล้วนๆ  ผู้หญิงคนนี้เหมือนเกิดมาเพื่อทำให้เขารู้จักตัวเองในมุมที่เขายังไม่อยากยอมรับนัก

“ไปแต่งตัวค่ะ หมิวรอที่นี่นะ”

“ไม่ช่วยผมหน่อยเหรอ”  เขาอ้อนแววตาวิบวับ

“ไม่ค่ะ” เธอยืนกรานเสียงแข็ง เพราะรู้ดีว่าถ้าเธออยู่กับเขาสองแบบนั้นคงไม่ได้แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าแน่ๆ

โจวเจียอีหัวเราะแล้วลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับขึ้นไปชั้นบน  ธีรยาถอนหายใจโล่งอกที่เขาไม่ลากเธอกลับขึ้นห้อง ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องออกไปไหนแน่  หญิงสาวลุกขึ้นแล้วเดินเล่น ให้ตายสิ! เขาสปอยล์เธอจนจะเสียนิสัยอยู่แล้วนะ แต่...อีกไม่กี่วันเธอก็จะไปทำงานที่แล็บเอกชนคงไม่มีเวลามาทำตัวเกเรแบบนี้

หญิงสาวมองไปที่ด้านนอกเห็นซุ้มดอกไม้บานสะพรั่ง ตั้งใจเดินไปดูเสียหน่อย เมื่อวานเข้ามาก็กอดรัดฟัดเหวี่ยงไม่ได้ดูความสวยงามของบ้านเลยสักนิด ทว่าเมื่อเลื่อนประตูเปิดออกร่างของเด็กชายวัยประมาณสิบสองขวบก็ชนเข้าอย่างจัง โชคดีที่เธอคว้าประตูทรงตัวไว้ได้ทันไม่อย่างงั้นคงล้มก้นกระแทกพื้นแล้ว

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”  เธอถามอย่างกังวล

เด็กชายเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาสีน้ำตาลมีแววหวาดกลัวและตื่นตกใจ ยังไม่ทันพูดอะไร ชายหนุ่มสวมแว่นตากรอบเงินก็สาวเท้าเข้ามาแล้วยื่นมือไปจับไหล่เด็กชายไว้  เด็กน้อยหมุนตัวไปหลบอยู่ด้านหลังซ่งไห่เทา ธีรยาไม่รู้ว่าทั้งสองพูดอะไรกันเพราะสนทนาเป็นภาษาจีน เห็นเพียงเด็กน้อยก้มศีรษะให้เล็กน้อยแล้วรีบวิ่งไปทันที

“เอ่อ..”  ซ่งไห่เทาหันรีหันขวาง

ธีรยายิ้มให้แล้วโบกให้อีกฝ่ายตามเด็กชายไป

“มีอะไรหรือเปล่า”  โจวเจียอีถามขณะที่เดินมาทางหญิงสาว

ธีรยาไม่อยากทำตัวเป็นคนขี้ฟ้อง ก็เพิ่งคุยกับเรื่องลูกน้องของเขาไป เธอจึงยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมาก่อนยื่นมือไปช่วยติดกระดุมเม็ดที่สามให้เขา

“ร้อน” เขายิ้มๆ เจตนาไม่ติดกระดุมเองนั้นแหละ  เขาชอบเห็นเธอหวงเขา

“คุณเป็นของหมิวนะ หมิวไม่อยากให้คนอื่นเห็นของๆหมิว”  หญิงสาวแลบลิ้นใส่ ก็เธออายรอยบนอกของเขาต่างหากล่ะ

“เอาไว้คราวหน้าค่อยหาวันหยุดมาพักผ่อนกัน”

“ค่ะ”  เธอยิ้มรับ

“อื้ม จะดีกว่านี้ถ้าคุณเปลี่ยนใจมาอยู่คอนโดเดียวกับผมนะ”

“จะรับไว้พิจารณาค่ะ”  เธอหัวเราะเสียงใสแล้วจ้องมองดวงตาสีน้ำตาลของเขา

อืม...เด็กคนเมื่อครู่รู้สึกคุ้นหน้ายังไงไม่รู้สิ

หรือจะคิดไปเองนะ.

……

            หญิงสาวสวมเสื้อกาวน์สีขาวออกจากห้องแล็บกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาที่ห้องผู้ป่วยพิเศษที่อยู่อีกตึก แม้จะเป็นเวลาสามทุ่มแล้วก็ตาม  เธอหยุดหน้าห้องเพื่อให้แน่ใจว่าเข้าไปถูกห้อง แต่เพียงยื่นหน้าเข้าไปก็ได้ยินเสียงคุณหมอพูดคุยกับคนไข้บนเตียง

            “ขอโทษค่ะ”  ธีรยาเอ่ยขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้

            “หนูหมิวมาพอดี เข้ามาสิ”  คุณกานดากวักมือเรียกและเมื่อหญิงสาวเข้าไปใกล้ก็คว้ามือเรียวเล็กไว้แล้วส่งยิ้ม “คุณหมอมีอะไรก็พูดมาได้เลยค่ะ นี่หนูหมิวเป็นแฟนของลูกชายฉันเอง”

            ธีรยาเขินอายขึ้นมา ไม่รู้ว่าเรื่องของเธอกับโจวเจียอีมาถึงหูของคุณกานดาแล้ว  คุณหมอกับพยาบาลมองหน้ากันเล็กน้อยเพราะผู้หญิงคนนี้สวมเสื้อกาวน์ที่อกปักโลโก้ของโรงพยาบาลอยู่

            “สวัสดีค่ะ ชื่อธีรยาค่ะทำงานอยู่ห้องแล็บ”

หญิงสาวแนะนำตัวเองเพราะเข้าใจสายตาขอทุกคน เธอเพิ่งมาทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนได้ไม่นานและยังเป็นงานในห้องแล็บที่เจอผู้คนน้อยมากอีกด้วย

            คุณหมอพยักหน้ารับแล้วอธิบาย “คนไข้มาด้วยอาการบ้านหมุน ตามประวัติที่เคยรักษาที่นี่คนไข้เป็นเบาหวานและความดันโลหิตสูง หมออยากให้อยู่ดูอาการและทำ MRI ตรวจเรื่องหลอดเลือดที่สมองให้ชัดเจน”

            หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างเข้าใจแล้วหันมาทางคุณกานดาที่ใบหน้าซีดเซียว

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status