Share

Chapter 27. ไม่สบายตัวเหรอ

            มีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าเขาไม่ได้มีเซ็กส์ดุเดือดอย่างนี้มานานแล้ว ที่ผ่านมาเขาควบคุมความต้องการของตัวเองได้อย่างดี และเมื่อมีธีรยาเขาก็มักจะ ‘อ่อนโยน’ กับเธอเสมอ แต่ครั้งนี้ได้ปลดปล่อยตัวเองจนหมดสิ้น และนานแล้วที่เขาไม่ได้มีเซ็กส์แบบไร้เครื่องป้องกันเช่นนี้  แต่เขาไม่คิดว่านี่เป็นลูกไม้ที่เธอจะใช้จับเขา แน่นอนว่าก่อนหน้านี้เขาจะไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แต่ครั้งนี้...กับผู้หญิงคนนี้ เขารู้สึกต้องการเธอและอยากทำทุกวิถีทางที่จะครอบครองเธอไว้

            หญิงสาวปรับลมหายใจครู่หนึ่งแล้วลืมตามองคนที่เธอนอนหนุนแขน  มือใหญ่ยกขึ้นมาเกลี่ยเส้นผมที่เคลียแก้มเธอออกเบาๆ เธอรับรู้ได้ถึงของเหลวที่ยังไหลออกมาจากร่องรัก มันน่าอายจนเธอขยับตัวขยุกขยิกพยายามกลั้นไม่ให้มันไหลออกมา

            “ไม่สบายตัวเหรอ”  โจวเจียอีถามพลางยันกายขึ้นมองคนตัวเล็ก “ผมขอโทษ ผมยั้งใจไม่อยู่จริงๆ”

            “เปล่าคะ ไม่ใช่แบบนั้น”  เธอยิ้มเขินๆแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมกายเปลือยเปล่า “หมิวแค่คิดว่าตัวเองทำให้ที่นอนคุณเลอะเทอะ”

            เขาเลิกคิ้วงุนงงก่อนคลี่ยิ้มออกมา “ไหนๆ ก็ต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอน เราทำกันอีกรอบดีไหม”

            “น้อยๆหน่อย ให้หมิวพักก่อน”  เธอทุบอกแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสบตาเขาอย่างครุ่นคิด

            “มีอะไรอยากถามผมหรือเปล่า”  เขาเดาสายตาของเธอได้แต่ไม่รู้ว่าเธอสงสัยอะไรอยู่

            ธีรยายันกายขึ้นนั่งเพื่อสบตากับดวงตาสีน้ำตาล “หมิวคิดไปเองหรือเปล่า รู้สึกเหมือนว่าคุณชอบเห็นเวลาหมิวถึงจุดสุดยอด”

            “อืม”  เขาพยักหน้ารับ “ผมชอบเห็นสีหน้าคุณ น้ำเสียงคุณ เวลาคุณเสร็จมันเหมือนปลดปล่อยตัวเองออกมาทั้งหมด ได้เห็นตัวตนจริงของคุณ และอีกอย่างผมอยากเห็นคุณมีความสุข คุณชอบหรือเปล่าล่ะ”

            เธอยิ้มน้อยๆ ไม่ได้เอ่ยตอบแต่ทิ้งตัวลงไปนอนตามเดิม

            เขาหัวเราะในลำคอแล้วโน้มหน้าลงไปใกล้

            “อีกรอบนะ”

            “คนหื่น!”

            “อื้ม ก็หื่นกับคุณคนเดียว”     

            เจ้าของร่างเย้ายวนได้พักผ่อนเต็มอิ่มก็ลืมตาตื่น หญิงสาวพบว่าข้างกายว่างเปล่าจึงยันกายขึ้นจากเตียงหนานุ่ม การไม่เห็นเขาอยู่ข้างๆ ทำให้รู้สึกโหวกเหวงในอกชอบกล ทั้งที่ผ่านมาก็นอนคนเดียวมาตลอด เธอไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้แต่อธิบายไม่ได้ว่ามันคือความรู้สึกแบบไหนกัน

            ธีรยาสลัดความคิดในหัวแล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า และแน่นอนว่าเป็นเขาที่เตรียมไว้ให้เหมือนเดิม พลันคิดถึงฉากรักเร่าร้อนที่เริ่มต้นตั้งแต่ปิดบานประตู ชุดเดรสที่ใส่มาท่าทางจะถูกเขากระชากขาดคามือไปแล้วกระมัง ตายแล้ว! ไม่รู้มันหล่นตรงไหนของบ้านบ้าง แว่นตาและกระเป๋าสะพายวางอยู่บนเสื้อผ้าชุดใหม่     หญิงสาวรีบอาบน้ำสวมชุดกระโปรงยาวคลุมเข่าสีม่วงอ่อน  เธอแปรงผมแล้วก็เดินลงมาชั้นล่าง เสียงคนพูดคุยกันทำให้เธอชะงักไปเล็กน้อย ชายหนุ่มสวมแว่นตากรอบสีเงินเงยหน้าขึ้นสบตากับหญิงสาว การพูดคุยชะงักไป

            โจวเจียอีรับรู้ถึงสายตาของเลขาของเขา  ชายหนุ่มนั่งที่โซฟาตัวยาวใหญ่ เขาเพียงเอี้ยวใบหน้าหันไปมอง

            “ทำไมตื่นเร็ว หรือไม่มีผมอยู่เลยนอนไม่หลับเหรอ?” 

            หญิงสาวหน้าแดงเล็กน้อย เธอปรับสีหน้าครู่หนึ่งแล้วเอ่ยออกมา

            “หมิวไม่รู้ว่าคุณมีแขก”

            “เข้ามาเถอะ คนของผมทั้งนั้น ยังไงคุณก็ต้องรู้จักพวกเขา”

            หญิงสาวเดินเข้าไปใกล้ บอดี้การ์ดสองสามคนที่ยืนอยู่นั้น เธอรู้จักดี แต่ผู้ชายที่สวมเชิ้ตแขนยาวสีเทาเข้ากับเนคไทสีเข้มคนนี้ เธอไม่เคยพบเขามาก่อน โจวเจียอีหนุ่มตบเบาะที่ว่างข้างตัว เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนเดินเข้าไปนั่งข้างๆ  เมื่อเธอนั่งลงแล้วเขาก็ยื่นนิ้วไปเกี่ยวสร้อยคอที่เธอสวมอยู่ขึ้นแล้วยิ้มอย่างพอใจ

            “ใส่ติดตัวไว้นะ มันเหมาะกับคุณมาก”

            “ปกติหมิวไม่ใส่เครื่องประดับ”

            “ถือว่าเป็นของแทนใจผม”

            เขาพูดหน้านิ่งแต่คนฟังหน้าแดง ยิ่งพูดต่อหน้าคนอื่น เธอยิ่งทำอะไรไม่ถูกได้แต่พยักหน้ารับ

            “คนนี้เป็นเลขาผม ปรกติเขาจะประจำอยู่ไต้หวันชื่อซ่งไห่เทาเรียกไห่เทาก็ได้ เขาพูดภาษาไทยได้ที่จริงพูดได้หลายภาษาด้วย”

            ซ่งไห่เทากระตุกยิ้มที่มุมปากพลางขยับแว่นสายตาเล็กน้อย “สวัสดีครับคุณธีรยา”

            “สวัสดีค่ะ”  เธอยิ้มนิดๆ แล้วย้ายสายตามาที่โจวเจียอีที่สวมเสื้อคลุมสีขาว สาบเสื้อที่ทบกันไม่เรียบร้อยเผยให้เห็นรอยสักบนแผ่นอกกำยำ หญิงสาวหน้าเห่อร้อนขึ้นมาเมื่อสังเกตเห็นว่าบนแผ่นอกของเขามีรอยกัดที่เธอทำทิ้งไว้ ทำให้เธอได้แต่ก้มหน้างุดอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร  ถ้าเธอเห็น คนอื่นก็ต้องเห็นเหมือนกัน แล้วนี่...เขาไม่อายหรือไงนะ

            “ตกลงจัดการตามที่ฉันสั่งนั้นแหละ”  โจวเจียอีสรุปพลางใช้ปลายนิ้วไล้ลำคอของหญิงสาว

            “ครับ” 

            ประธานหนุ่มกวาดตามองลูกน้องที่ยืนประสานมือกันตรงหน้าแล้วเอ่ยขึ้นด้วยภาษาจีน

“ปกติเรื่องยากกว่านี้พวกนายจัดการกันเองได้ไม่ใช่เรอะ ทำไมครั้งนี้ถึงเห่เสนอหน้ามาถึงเมืองไทย”

เจสันได้ยินถึงกับกลั้นหัวเราะจนไหล่สะเทือนแล้วลอบมองไปทางซ่งไห่เทา

“คงมีใครบางคนอยากเห็นหน้านายหญิงนะครับ”

ซ่งไห่เทาร้อนตัวรีบปฏิเสธทันที “ไม่ใช่นะครับ เรื่องนี้เร่งด่วนจริงๆ”

“ช่างเถอะ มาแล้วก็อยู่สักสองสามวันก็ได้ ทางโน้นก็มีคนดูแลอยู่แล้วนี่”  โจวเจียอีโบกมือไปมา “พวกนายนี่มันทำเสียเรื่องจริงๆ”

“ไม่ใช่ความผิดของผมนะครับบอส” เจสันรีบออกตัว เขาแสนภักดีกับบอสยิ่งกว่าสุนัขอัลเซเชียนเสียอีก

“ช่างเถอะ เตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ”

“ครับ” 

ทั้งหมดประสานเสียงขานรับแล้วแยกย้ายออกไปเหลือเพียงสองหนุ่มสาวที่นั่งอยู่บนโซฟา ธีรยารอจนมั่นใจว่าไม่มีใครอื่นแล้วจึงเอ่ยถาม

“มีเรื่องที่หมิวรู้ไม่ได้เหรอคะ”

“ครับ?”  ดวงตาสีน้ำตาลมีแววงุนงง

“ก็คุณพูดภาษาจีนกันนี่ แสดงว่าไม่อยากให้หมิวรู้ใช่ไหมคะ”

“เรื่องนั้น...” เขานึกขึ้นได้เลยหัวเราะออกมา “ไม่มีอะไร ผมแค่ตำหนิลูกน้องผม”

“ถ้าคุณไม่อยากตำหนิลูกน้องของคุณต่อหน้าหมิว ก็แค่ให้หมิวไปอยู่ที่อื่นก่อนก็ได้  ทำแบบนี้ลูกน้องคุณจะเสียกำลังใจได้นะคะ”

ดวงตาสีน้ำตาลทรงเสน่ห์หรี่ลงเล็กน้อยก่อนพยักหน้ารับความคิดของอีกฝ่าย “อื้ม คราวหน้าผมจะระวัง”

“อย่าหาว่าหมิวก้าวก่ายเรื่องของคุณเลยนะคะ หมิวก็เป็นทำงานเป็นลูกจ้าง ถ้าถูกหัวหน้าตำหนิต่อหน้าคนอื่นก็เสียความรู้สึกเหมือนกัน”  

“เข้าใจแล้วครับ”  เขาดึงมือเธอมากุมไว้ “ว่าแต่คุณอารมณ์ดีขึ้นหรือยัง?”

“คะ?”

“เมื่อวานคุณมีเรื่องไม่สบายใจ”  เขาคลึงนิ้วมือของเธอเล่น “ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร ผมแค่เป็นห่วงคุณ ปกติผมทำงานไม่ได้อยู่ใกล้คุณตลอดเวลา แล้วผมก็ไม่ใช่ผู้ชายที่จะเอาอกเอาใจผู้หญิงด้วย”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status