มีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าเขาไม่ได้มีเซ็กส์ดุเดือดอย่างนี้มานานแล้ว ที่ผ่านมาเขาควบคุมความต้องการของตัวเองได้อย่างดี และเมื่อมีธีรยาเขาก็มักจะ ‘อ่อนโยน’ กับเธอเสมอ แต่ครั้งนี้ได้ปลดปล่อยตัวเองจนหมดสิ้น และนานแล้วที่เขาไม่ได้มีเซ็กส์แบบไร้เครื่องป้องกันเช่นนี้ แต่เขาไม่คิดว่านี่เป็นลูกไม้ที่เธอจะใช้จับเขา แน่นอนว่าก่อนหน้านี้เขาจะไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แต่ครั้งนี้...กับผู้หญิงคนนี้ เขารู้สึกต้องการเธอและอยากทำทุกวิถีทางที่จะครอบครองเธอไว้
หญิงสาวปรับลมหายใจครู่หนึ่งแล้วลืมตามองคนที่เธอนอนหนุนแขน มือใหญ่ยกขึ้นมาเกลี่ยเส้นผมที่เคลียแก้มเธอออกเบาๆ เธอรับรู้ได้ถึงของเหลวที่ยังไหลออกมาจากร่องรัก มันน่าอายจนเธอขยับตัวขยุกขยิกพยายามกลั้นไม่ให้มันไหลออกมา
“ไม่สบายตัวเหรอ” โจวเจียอีถามพลางยันกายขึ้นมองคนตัวเล็ก “ผมขอโทษ ผมยั้งใจไม่อยู่จริงๆ”
“เปล่าคะ ไม่ใช่แบบนั้น” เธอยิ้มเขินๆแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมกายเปลือยเปล่า “หมิวแค่คิดว่าตัวเองทำให้ที่นอนคุณเลอะเทอะ”
เขาเลิกคิ้วงุนงงก่อนคลี่ยิ้มออกมา “ไหนๆ ก็ต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอน เราทำกันอีกรอบดีไหม”
“น้อยๆหน่อย ให้หมิวพักก่อน” เธอทุบอกแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสบตาเขาอย่างครุ่นคิด
“มีอะไรอยากถามผมหรือเปล่า” เขาเดาสายตาของเธอได้แต่ไม่รู้ว่าเธอสงสัยอะไรอยู่
ธีรยายันกายขึ้นนั่งเพื่อสบตากับดวงตาสีน้ำตาล “หมิวคิดไปเองหรือเปล่า รู้สึกเหมือนว่าคุณชอบเห็นเวลาหมิวถึงจุดสุดยอด”
“อืม” เขาพยักหน้ารับ “ผมชอบเห็นสีหน้าคุณ น้ำเสียงคุณ เวลาคุณเสร็จมันเหมือนปลดปล่อยตัวเองออกมาทั้งหมด ได้เห็นตัวตนจริงของคุณ และอีกอย่างผมอยากเห็นคุณมีความสุข คุณชอบหรือเปล่าล่ะ”
เธอยิ้มน้อยๆ ไม่ได้เอ่ยตอบแต่ทิ้งตัวลงไปนอนตามเดิม
เขาหัวเราะในลำคอแล้วโน้มหน้าลงไปใกล้
“อีกรอบนะ”
“คนหื่น!”
“อื้ม ก็หื่นกับคุณคนเดียว”
เจ้าของร่างเย้ายวนได้พักผ่อนเต็มอิ่มก็ลืมตาตื่น หญิงสาวพบว่าข้างกายว่างเปล่าจึงยันกายขึ้นจากเตียงหนานุ่ม การไม่เห็นเขาอยู่ข้างๆ ทำให้รู้สึกโหวกเหวงในอกชอบกล ทั้งที่ผ่านมาก็นอนคนเดียวมาตลอด เธอไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้แต่อธิบายไม่ได้ว่ามันคือความรู้สึกแบบไหนกัน
ธีรยาสลัดความคิดในหัวแล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า และแน่นอนว่าเป็นเขาที่เตรียมไว้ให้เหมือนเดิม พลันคิดถึงฉากรักเร่าร้อนที่เริ่มต้นตั้งแต่ปิดบานประตู ชุดเดรสที่ใส่มาท่าทางจะถูกเขากระชากขาดคามือไปแล้วกระมัง ตายแล้ว! ไม่รู้มันหล่นตรงไหนของบ้านบ้าง แว่นตาและกระเป๋าสะพายวางอยู่บนเสื้อผ้าชุดใหม่ หญิงสาวรีบอาบน้ำสวมชุดกระโปรงยาวคลุมเข่าสีม่วงอ่อน เธอแปรงผมแล้วก็เดินลงมาชั้นล่าง เสียงคนพูดคุยกันทำให้เธอชะงักไปเล็กน้อย ชายหนุ่มสวมแว่นตากรอบสีเงินเงยหน้าขึ้นสบตากับหญิงสาว การพูดคุยชะงักไป
โจวเจียอีรับรู้ถึงสายตาของเลขาของเขา ชายหนุ่มนั่งที่โซฟาตัวยาวใหญ่ เขาเพียงเอี้ยวใบหน้าหันไปมอง
“ทำไมตื่นเร็ว หรือไม่มีผมอยู่เลยนอนไม่หลับเหรอ?”
หญิงสาวหน้าแดงเล็กน้อย เธอปรับสีหน้าครู่หนึ่งแล้วเอ่ยออกมา
“หมิวไม่รู้ว่าคุณมีแขก”
“เข้ามาเถอะ คนของผมทั้งนั้น ยังไงคุณก็ต้องรู้จักพวกเขา”
หญิงสาวเดินเข้าไปใกล้ บอดี้การ์ดสองสามคนที่ยืนอยู่นั้น เธอรู้จักดี แต่ผู้ชายที่สวมเชิ้ตแขนยาวสีเทาเข้ากับเนคไทสีเข้มคนนี้ เธอไม่เคยพบเขามาก่อน โจวเจียอีหนุ่มตบเบาะที่ว่างข้างตัว เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนเดินเข้าไปนั่งข้างๆ เมื่อเธอนั่งลงแล้วเขาก็ยื่นนิ้วไปเกี่ยวสร้อยคอที่เธอสวมอยู่ขึ้นแล้วยิ้มอย่างพอใจ
“ใส่ติดตัวไว้นะ มันเหมาะกับคุณมาก”
“ปกติหมิวไม่ใส่เครื่องประดับ”
“ถือว่าเป็นของแทนใจผม”
เขาพูดหน้านิ่งแต่คนฟังหน้าแดง ยิ่งพูดต่อหน้าคนอื่น เธอยิ่งทำอะไรไม่ถูกได้แต่พยักหน้ารับ
“คนนี้เป็นเลขาผม ปรกติเขาจะประจำอยู่ไต้หวันชื่อซ่งไห่เทาเรียกไห่เทาก็ได้ เขาพูดภาษาไทยได้ที่จริงพูดได้หลายภาษาด้วย”
ซ่งไห่เทากระตุกยิ้มที่มุมปากพลางขยับแว่นสายตาเล็กน้อย “สวัสดีครับคุณธีรยา”
“สวัสดีค่ะ” เธอยิ้มนิดๆ แล้วย้ายสายตามาที่โจวเจียอีที่สวมเสื้อคลุมสีขาว สาบเสื้อที่ทบกันไม่เรียบร้อยเผยให้เห็นรอยสักบนแผ่นอกกำยำ หญิงสาวหน้าเห่อร้อนขึ้นมาเมื่อสังเกตเห็นว่าบนแผ่นอกของเขามีรอยกัดที่เธอทำทิ้งไว้ ทำให้เธอได้แต่ก้มหน้างุดอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ถ้าเธอเห็น คนอื่นก็ต้องเห็นเหมือนกัน แล้วนี่...เขาไม่อายหรือไงนะ
“ตกลงจัดการตามที่ฉันสั่งนั้นแหละ” โจวเจียอีสรุปพลางใช้ปลายนิ้วไล้ลำคอของหญิงสาว
“ครับ”
ประธานหนุ่มกวาดตามองลูกน้องที่ยืนประสานมือกันตรงหน้าแล้วเอ่ยขึ้นด้วยภาษาจีน
“ปกติเรื่องยากกว่านี้พวกนายจัดการกันเองได้ไม่ใช่เรอะ ทำไมครั้งนี้ถึงเห่เสนอหน้ามาถึงเมืองไทย”
เจสันได้ยินถึงกับกลั้นหัวเราะจนไหล่สะเทือนแล้วลอบมองไปทางซ่งไห่เทา
“คงมีใครบางคนอยากเห็นหน้านายหญิงนะครับ”
ซ่งไห่เทาร้อนตัวรีบปฏิเสธทันที “ไม่ใช่นะครับ เรื่องนี้เร่งด่วนจริงๆ”
“ช่างเถอะ มาแล้วก็อยู่สักสองสามวันก็ได้ ทางโน้นก็มีคนดูแลอยู่แล้วนี่” โจวเจียอีโบกมือไปมา “พวกนายนี่มันทำเสียเรื่องจริงๆ”
“ไม่ใช่ความผิดของผมนะครับบอส” เจสันรีบออกตัว เขาแสนภักดีกับบอสยิ่งกว่าสุนัขอัลเซเชียนเสียอีก
“ช่างเถอะ เตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ”
“ครับ”
ทั้งหมดประสานเสียงขานรับแล้วแยกย้ายออกไปเหลือเพียงสองหนุ่มสาวที่นั่งอยู่บนโซฟา ธีรยารอจนมั่นใจว่าไม่มีใครอื่นแล้วจึงเอ่ยถาม
“มีเรื่องที่หมิวรู้ไม่ได้เหรอคะ”
“ครับ?” ดวงตาสีน้ำตาลมีแววงุนงง
“ก็คุณพูดภาษาจีนกันนี่ แสดงว่าไม่อยากให้หมิวรู้ใช่ไหมคะ”
“เรื่องนั้น...” เขานึกขึ้นได้เลยหัวเราะออกมา “ไม่มีอะไร ผมแค่ตำหนิลูกน้องผม”
“ถ้าคุณไม่อยากตำหนิลูกน้องของคุณต่อหน้าหมิว ก็แค่ให้หมิวไปอยู่ที่อื่นก่อนก็ได้ ทำแบบนี้ลูกน้องคุณจะเสียกำลังใจได้นะคะ”
ดวงตาสีน้ำตาลทรงเสน่ห์หรี่ลงเล็กน้อยก่อนพยักหน้ารับความคิดของอีกฝ่าย “อื้ม คราวหน้าผมจะระวัง”
“อย่าหาว่าหมิวก้าวก่ายเรื่องของคุณเลยนะคะ หมิวก็เป็นทำงานเป็นลูกจ้าง ถ้าถูกหัวหน้าตำหนิต่อหน้าคนอื่นก็เสียความรู้สึกเหมือนกัน”
“เข้าใจแล้วครับ” เขาดึงมือเธอมากุมไว้ “ว่าแต่คุณอารมณ์ดีขึ้นหรือยัง?”
“คะ?”
“เมื่อวานคุณมีเรื่องไม่สบายใจ” เขาคลึงนิ้วมือของเธอเล่น “ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร ผมแค่เป็นห่วงคุณ ปกติผมทำงานไม่ได้อยู่ใกล้คุณตลอดเวลา แล้วผมก็ไม่ใช่ผู้ชายที่จะเอาอกเอาใจผู้หญิงด้วย”
“คุณนี่นะเอาใจผู้หญิงไม่เก่ง” เธอทำจมูกย่นใส่เขา“ผิดแล้วผมเอาใจไม่เก่งแต่เอาเก่งนะ เรื่องนี้ผมมั่นใจ”“อีริค!” เธอขึงตาใส่ด้วยใบหน้าแดงเรื่อ“ให้ตายสิ” เขาพึมพำ “ผมเองก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ คุณร่ายมนตร์ใส่ผมหรือเปล่า”“คุณเชื่อเรื่องไร้สาระพวกนั้นด้วยหรือคะ?” เธอหัวเราะเสียงใส ความจริงเธอลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้เธอมีเรื่องรบกวนจิตใจอยู่ เป็นใครกันแน่ที่ร่ายมนตร์ใส่เธอ“แต่ก่อนผมไม่เคยเชื่อเรื่องdestiny แต่การได้พบคุณมันอยู่นอกเหนือความคาดหมาย บางทีพรหมลิขิตอาจมีจริงก็ได้”หญิงสาวได้แต่อมยิ้ม นั้นสิ ผู้หญิงจืดชืดอย่างเธอได้เจอกับผู้ชายสุดเพอร์เฟกต์อย่างเขาได้ ถ้าวันนั้นก้องภพไม่ประกาศตัวคนรัก เธอคงไม่อกหักจนเสียการควบคุมแล้วได้เจอเขาที่หน้าลิฟต์พอดีอย่างนั้น แถมเจอกันด้วยความบังเอิญอีกด้วย ธีรยาไม่อยากคิดถึงเรื่องของก้องภพอีก คิดเสียว่าทุกอย่างระหว่างเธอกับก้องภพจบลงแล้ว เหลือเพียงความเป็นเพื่อนร่วมงานและรุ่นพี่รุ่นน้องเท่านั้นเมื่ออีกฝ่ายไม่พูด โจวเจียอีกก็ไม่เซ้าซี้ถาม เขาเป็นคนยึดมั่นกับปัจจุบันมากกว่ารื้อฟื้นเรื่องในอดีต เวลานี้ ‘ใจ’ ของเธออยู่ท
“คุณท่านให้คุณหมอตรวจอย่างละเอียดดีกว่านะคะ ถ้าผิดปกติอะไรจะได้รักษาได้ทันเวลา” เธอพูดไปตามตรง “เรียกคุณทงคุณท่านอะไรห่างเหินจริงๆ” คุณกานดาส่ายหน้าไปมา “เรียกแม่สิ” “เอ่อ..” เธออึกอักเล็กน้อยก่อนพูดเสียงเบา “คุณแม่...” “อื้ม ฟังแล้วรื่นหูดีจริง เอาตามที่หนูหมิวคิดว่าดีเถอะนะ แม่นะยังไงก็ได้” “ค่ะ” เธอยิ้มน้อยๆ แล้วหันไปคุยกับคุณหมอ ไม่กี่นาทีทั้งคุณหมอและพยาบาลก็ออกไป เธอจึงหันมาทางคุณกานดาแล้วประคองท่านลงนอนที่เตียง “นี่ถ้าไม่มีหนูหมิวอยู่ใกล้ๆ แม่ต้องลำบากแน่ๆ” คุณกานดายิ้มแล้วยื่นมือไปลูบแก้มนุ่มของอีกฝ่าย “คบกันแล้วก็ไม่ต้องเขินอายอะไร มากินข้าวบ้านแม่บ้าง ทั้งคู่นั้นแหละ” “คือ...หนูเพิ่งคบกับอีริคค่ะก็เลย...” “แม่เข้าใจ” นางหัวเราะแต่เสียงแหบแห้ง วันนี้อาการไม่ค่อยดีทั้งวันแต่ก็คิดว่าไม่มีอะไร พอค่ำมาเกิดบ้านหมุนล้มลง คนรับใช้กับแม่บ้านแตกตื่นรีบเรียกรถพยาบาล เธอจึงได้มานอนอยู่ในห้องผู้ป่วยพิเศษแบบนี้ ที่จริงนางก็ไม่รู้หรอกว่าโจวเจียอีคบกับธีรยาถึงขั้นไหนแค่ได้ยินลูกชายพูดว่ากำ
ธีรยามาถึงโรงพยาบาลเอกชนที่คุณกานดาพักรักษาตัวและเป็นที่ทำงานที่สองของเธอด้วย เจ้าของร่างเล็กมาที่ห้องพักผู้ป่วยพิเศษ เมื่อก้าวเข้ามาในห้องก็พบโจวเจียอียืนคุยกับคุณหมอเจ้าของไข้อยู่ก่อนแล้ว เธอยืนรออยู่ไม่กี่นาทีทั้งหมดก็สนทนากันเสร็จ คุณหมอกับพยาบาลออกไปแล้วเธอจึงขยับเท้าเข้าไปไกล “หนูหมิวมาแล้ว” คุณกานดาร้องทักทำให้โจวเจียอีหันไปมอง สีหน้าเขาอิดโรยไม่น้อยแต่ยังฝืนยิ้มให้ “แม่ก็บอกแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไร เดี๋ยวก็กลับบ้านได้แล้ว” “ครับ” “ลูกทำให้แม่รู้สึกแย่นะ” คุณกานดาดุลูกชายไม่จริงจังนัก “แม่อย่าพูดแบบนั้นสิครับ” “ก็เราเคยพูดเรื่องนี้กันแล้ว แม่เข้าใจว่าลูกต้องดูแลธุรกิจการงานต่างๆ แต่แม่ก็อยากอยู่เมืองไทย แม่เตรียมใจไว้แล้วว่าลูกอาจไม่ได้อยู่ใกล้ๆแม่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นอย่าโกรธตัวเองแบบนี้” “ผมเปล่า...” “อย่ามาเถียง แม่เป็นแม่นะ เลี้ยงมากับมือทำไมจะไม่รู้จักนิสัยลูกตัวเอง” คุณกานดาหัวเราะออกมาแล้วส่งยิ้มให้ธีรยา “ยังดีที่ลูกมีคนรักที่ดี มีหนูหมิวอยู่ดูแลลูก แม่ก็สบายใจ”
“ถามเพื่อนคุณหรือยังว่าอยากสนิทกับผมหรือเปล่า” เขาหัวเราะในลำคอแล้วจัดการเกี๊ยวน้ำในถ้วยของตัวเอง ธีรยายิ้มขำแล้วกินอาหารตรงหน้า เธอนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “สบายใจขึ้นบ้างไหมคะ หมิวก็...ปลอบใจคนไม่เก่ง อาการของคุณแม่คุณไม่น่าเป็นห่วงจริงๆค่ะ” “ครับ ขอบคุณอีกครั้ง” ธีรยามองเสี้ยวหน้าที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า เธอกินเสร็จแล้วก็ลุกไปหยิบผ้าเย็นจากชั้นจ่ายเงินแล้วเดินเร็วๆ กลับมาหาเขา “ใช้ผ้าเย็นนี่ค่ะ จะช่วยให้สดชื่นขึ้น” “ขอบคุณครับ” “ขอบคุณบ่อยไปแล้วค่ะ” เธอยิ้มและเมื่อเห็นว่าเขายกน้ำขึ้นดื่มแล้วก็ช่วยเช็ดหน้าให้ “คุณไม่น่าจะเป็นคนพูดคำว่าขอบคุณเป็นเลยนะ” “ก็เพราะเป็นคุณไง” เขาเองยังประหลาดใจที่ตัวเองเป็นคนอย่างนี้ได้ “ตอนนั้นพ่อผมป่วยหนักและผมก็กลับมาดูใจท่านไม่ท่าน ท่านจากไปก่อนที่ผมจะไปถึงแค่ไม่กี่นาที ผมเลยกลัวว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นอีก ทั้งที่แม่บอกว่าสิ่งสุดท้ายที่พ่อห่วงคือคือพ่อเป็นห่วงความรู้สึกผม แต่พ่อก็ฝืนทนรอผมไม่ไหว” “อีริคค่ะ หมิวเสียใจด้วย” คราวนี้เธอ
“เอ่อ...” เธออึกอักขึ้นมา ไปอยู่บ้านเดียวกันแบบนั้นไม่เท่ากับว่าสถานะเธอคือ ‘ลูกสะใภ้’ อย่างนั้นเหรอ มันไม่เหมือนเวลาเธอไปค้างที่คอนโดของเขาเป็นครั้งคราว เอ่อ ...หลายครั้งหลายคราวต่างหาก “ขอโทษ ผมทำให้คุณอึดอัดอีกแล้ว” “ไม่ใช่ค่ะหมิวแค่คิดว่ามันเร็วไปไหมคะ คือ...” “ไปในฐานะแขกของท่านก็ได้ครับ” เขายิ้มอย่างเข้าใจ ผู้หญิงคนอื่นอยากกระโจนมานั่งตำแหน่ง ‘สะใภ้ตระกูลโจว’ แต่เธอกลับลังเล กล้าๆ กลัวๆ ที่จะก้าวเข้ามาใกล้เขา แต่จากคนที่ปิดใจและยอมให้เขากุมมือไว้อย่างนี้ก็นับว่า ‘ใกล้’ มากแล้วจริงๆ “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ” เธอไม่อาจปฏิเสธผู้มีพระคุณของตัวเองได้ เธอเผลอสบตากับดวงตาสีน้ำตาลของเขาแล้วเรื่องราวที่คุยกับปกป้องก็ผุดขึ้นมาในสมองรบกวนความคิดของเธอ “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” เขาถามเพราะเห็นสีหน้าเธอไม่ดีนัก “คืนนี้ผมอยู่เฝ้าคุณแม่เองได้ คุณกลับไปนอนพักที่คอนโดผมดีกว่าไหม ผมจะให้เจสันไปส่ง” “ไม่เป็นไรคะหมิวอยู่เป็นเพื่อนคุณดีกว่า ท่าทางคุณก็เหนื่อยเหมือนกัน หมิวขอตัวเข้าห้องน้ำสักประเดี๋ยวนะคะ” ค
ท่าทางของคุณกานดาเหมือนจะเป็นลม ธีรยาเข้าไปประคองให้เอนหลังนอนบนเตียง แต่นางโบกมือห้ามไว้ก่อน “แล้วนี่นึกยังไงถึงมาแสดงตัว หรือเพราะเห็นแม่ใกล้ตายเลยอยากให้มารับส่วนแบ่งมรดกของพ่อแก” “แม่ครับ ไม่ใช่แบบนั้นครับ ปกติคุณพ่อให้ผมจัดการค่าใช้จ่ายรายเดือนให้คุณน้าเหมยลี่ และในส่วนมรดกที่คุณพ่อแบ่งให้หมิงเจ๋อนั้นก็ไม่ได้แตะต้องส่วนของคุณแม่เลย ที่ผ่านมาคุณพ่อเลี้ยงดูน้าเหมยลี่มาอย่างลับๆ จนกระทั่งถึงคราวที่คุณพ่อเสีย พ่อให้ผมช่วยดูแลหมิงเจ๋อจนกว่าเขาจะบรรลุนิติภาวะ” “แล้วทำไมถึงเสนอหน้ากันมาที่เมืองไทย ก็รู้ว่าแม่อยู่ที่นี่ แม่ไม่ได้อยากรับรู้เรื่องที่พ่อนอกใจแม่หรอกนะ!” “คุณกานดาค่ะ ใจเย็นๆค่ะ” ธีรยาลูบหลังเบาๆ เธอโล่งใจที่ไม่ใช่ลูกของโจวเจียอี ไม่ใช่ว่าเธอรังเกียจเด็ก เธอแค่กลัวว่าตัวเองจะเป็นมือที่สามในชีวีตคนอื่น “เดิมที่ก็ไม่จะให้คุณแม่รู้เรื่องนี้ แต่...หมิงเจ๋อร่างกายไม่แข็งแรง ตับทำงานผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิดตอนนี้อาการทรุดลงและต้องปลูกถ่ายตับ...” “อย่าบอกว่าต้องใช้ตับของลูกนะ!” คุณกานดาตวาดเสียงสั่นแล้วตวัดสายตาจ
คนตัวสูงรั้งร่างบอบบางเข้ามากอด“ผมอยากกลับไปห้องของเราจัง” “อย่าดื้อค่ะ” โจวเจียอีเงยหน้าหัวเราะแล้วยกมือสองมือประคองใบหน้าหวานสบตากับดวงตาหลังแว่นตาแสนเชย แต่ภายใต้ดวงตาใสกระจ่างคือความอ่อนโยนอย่างที่เขาไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน “คราวนี้คุณเชื่อใจผมได้หรือยัง ผมไม่เคยมีใครและไม่เคยซุกเมียเก็บไว้” แน่นอนว่าเขาไม่อยากเป็นเหมือนพ่อ และไม่อยากเห็นคนที่เขารักต้องทุกข์ใจเช่นที่แม่เขาต้องเผชิญ รัก...เขารู้จักคำนี้จริงๆหรือ? “จะรับไว้พิจารณานะคะ” “โธ่ หมิว...” เขาครางอย่างอ่อนใจ “เอาไว้หมิวหาเวลาเรียนภาษาจีนก่อน เวลาคุณพูดอะไร หมิวจะได้ฟังออกว่าคุณไม่ได้ปิดบังอะไรอีก” “ได้ ผมสอนให้เอง”“ค่าสอนแพงไหมคะ ระดับประธานโจวมาสอนเอง หมิว จะจ่ายไม่ไหวเอานะสิ”“อื้ม...ผมคิดเป็นอย่างอื่นก็แล้วกัน”สายตากรุ้มกริ่มของเขาทำให้หญิงสาวเขินหน้าแดง เธอทุบอกเขาแก้เขินแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย วันนี้เกิดเรื่องมากมาย แต่มันก็คุ้มค่าที่ได้รู้ว่าเขาไม่ได้มีใครอื่นซุกซ่อนไว้จริงๆ.
“ถ้าไม่มีอะไร เราต้องกลับไปทำงานต่อ” “ยัยหมิว!” “จะเรียกทำไม” เธอขึงตาใส่แล้วพูดอย่างเพิ่งนึกได้ “นายทำเจสันเจ็บ คราวนี้ดูแลเขาด้วย” “อ้าว ทำไมต้องเป็นเราล่ะ” “ได้ ถ้าอย่างนั้นหมิวไปดูแลเอง” “โอ๊ย! ถ้างั้นหมิวไม่ต้องไป เราไปเอง!” เจสันกลั้นยิ้มขำ จะบอกว่าไม่ต้องดูแลเขาก็ได้ ขนาดถูกยิงกระสุนทะลุท้อง เขายังนอนพักฟื้นคนเดียว แต่แค่คิดอยากแกล้งเพื่อนของคุณธีรยาจึงไม่ปฏิเสธข้อเสนอนี้ “คุณธีรยาใกล้เลิกงานแล้ว ผมรอส่งคุณธีรยาก่อนดีกว่าครับ” “ไม่ต้อง วันนี้หมิวจะไปบ้านคุณแม่” “คุณแม่?” ปกป้องถามอย่างงุนงง “หมายถึงแม่ของอีริคนะ” คราวนี้หญิงสาวหน้าแดงขึ้นมา “นี่ถึงขั้นไปเจอญาติผู้ใหญ่กันแล้วเหรอ” ปกป้องทำหน้ายุ่งแต่ในใจแอบเจ็บอยู่ไม่น้อย ความหวังให้เธอเป็น ‘แฟน’ ของเขา “ก็...เกี่ยวอะไรกับนายด้วยเล่า เอาล่ะๆ หมิวไปทำงานต่อแล้ว เจสันกลับไปพักผ่อนเถอะ ประเดี๋ยวแผลจะอักเสบเอา” “ครับ ถ้าอย่างนั้นผมให้บอดี้การ์ดคนอื่นมาดูแลคุณธีรย