Share

Chapter 25.  ผมจริงใจ

            ธีรยาไม่รู้ต้องทำอย่างไร หลายปีที่รู้จักก้องภพ เขาไม่เคยทำแบบนี้กับเธอมาก่อนและยิ่งวันนี้ เวลานี้ ผู้หญิงคนเดียวที่เขาจะกอดได้คือเจ้าสาวของเขาซึ่งไม่ใช่เธอ

            “พี่ก้องปล่อยหมิวนะคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”

            “กลัวไอ้หมอนั้นเห็นหรือไง”

            “พี่หมอก้องช่วยพูดถึงคนรักของหมิวดีๆด้วยค่ะ” หญิงสาวดิ้นขลุกขลักแต่เขากลับกอดรัดแน่นขึ้น

            “ทำไมถึงเป็นผู้ชายคนนั้น!” เขากัดฟันกรอดด้วยความโมโห “หมิวยั่วให้พี่โกรธใช่ไหม ทำแบบนี้คิดดีแล้วเหรอ”

            “เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ หมิวจะคบกับใครก็ได้”

            ก้องภพหัวเราะเย้ยเยาะ “หรือจริงๆ แล้วหมิวก็กระสันอยากได้ผู้ชายรวย ถ้าอยากได้แบบนั้นทำไมไม่บอกพี่แต่แรก ถ้า..”

            “พี่หมอก้อง! ถ้าพี่ไม่ปล่อยหมิว หมิวจะร้องให้คนช่วย อย่าลืมนะคะว่าพี่หมอก้องแต่งงานแล้ว!”

            คำว่า ‘แต่งงาน’ เรียกสติของก้องภพได้ วงแขนที่กอดรัดคลายออกอย่างไม่รู้ตัว ธีรยาได้จังหวะรีบสะบัดตัวหลุดออก  หญิงสาวจ้องหน้าเขาด้วยความรู้สึกเสียใจ เธอรักและเคารพก้องภพมาก ไม่คิดว่าเขาจะทำเช่นนี้กับเธอ ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีหายไปหมดสิ้น ไม่มีถ้อยคำใดจะเอ่ยออกมาได้ เธอสูดลมหายใจลึกกลั้นหยดน้ำตาไว้แล้วรีบก้าวเร็วๆ ออกไปทันที

            ก้องภพหลับตาอย่างปวดร้าวแล้วลืมตามองฝ่ามือสองข้างของตนเอง ที่นิ้วข้างหนึ่งสวมแหวนแต่งงานเรียบร้อยแล้ว  คงไม่มีโอกาสได้กอดร่างเนียนนุ่มอีกแล้ว  หัวใจเจ็บปวดเหมือนสูญเสียของรักของหวงไป ทำไมเขาเพิ่งรู้ใจตัวเองว่ารู้สึกอย่างไรกับหญิงสาวคนนั้นในวันที่ไม่อาจแตะต้องเธอได้  เขาแหงนหน้ามองฟ้า ทำไมเรื่องราวมันถึงมาจุดนี้ได้ คงไม่มีวันที่เขากับเธอจะยิ้มให้กันอย่างสนิทใจเช่นแต่ก่อนอีกแล้ว

            ปกป้องทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้แล้วยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นดื่ม สายตาจ้องมองชายหนุ่มที่ดูหล่อเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว ผู้ชายแบบนี้ไม่น่าโคจรมาเจอธีรยาได้เลย มันเป็นเรื่องของพรหมลิขิตจริงๆ หรือ?

            เหอะ! ยัยโง่หัวอ่อนนั้นนะ โดนหลอกให้รักแน่ๆ

            โจวเจียอียกแก้วน้ำขึ้นดื่ม เขาปะทะสายตากับปกป้องและไม่คิดหลบตาซ้ำยังยกมุมปากยิ้มน้อยๆ เหมือนคนที่เหนือกว่า แน่นอนว่าเขาสั่งคนสืบเรื่องผู้ชายคนนี้มาแล้วและดูจากสายตาอีกฝ่ายก็เดาได้ไม่ยากว่าก็คงสืบเรื่องของเขามาเหมือนกัน

            “ผมจริงใจกับคุณธีรยา”  โจวเจียอีชิงพูดขึ้นก่อน

            “ไม่ยักรู้ว่านอกจากคุณโจวจะพูดภาษาไทยได้ดีแล้วยังอ่านใจคนอื่นได้อีก” ปกป้องยิ้มทะเล้น แล้วหยิบถั่วทอดส่งเข้าปาก “ถามจริงๆ เถอะ ยัยหมิวรู้เรื่องของคุณบ้างไหม”

            ดวงตาสีน้ำตาลหรี่ลงเล็กน้อยแต่ไม่แสดงท่าทีใดออกมา

“ผมไม่มีเรื่องอะไรปิดบัง เพียงแค่เธอจะรู้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม”

            ปกป้องผิวปากออกมาอย่างไม่เกรงมารยาท  

“ยัยหมิวเป็นเพื่อนผม เป็นเพื่อนรัก เราโตที่บ้านเด็กกำพร้าด้วยกัน และบอกไว้เลยว่าผมคิดกับหมิวมากกว่าเพื่อน และผมก็ไม่แคร์ด้วยว่าหมิวจะคิดยังไงกับผม ผมจะรอวันที่หมิวรู้ความจริงแล้วทิ้งคุณมาหาผม”

            “ดูคุณปกป้องมั่นใจเหลือเกินนะครับ”  เขายิ้มมุมปากแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ไม่ได้แตะต้องอาหารบนโต๊ะ ในขณะที่ปกป้องกินอย่างเอร็ดอร่อย

            “ท่าทางอาหารบ้านๆ คงไม่ถูกปากคุณโจวสินะ”

            “ผมแค่ยังไม่หิว” 

            โจวเจียยังพูดไม่จบประโยคก็เห็นธีรยาเดินตรงมาทางเขา แต่เมื่อเพ่งมองดูสีหน้าของหญิงสาวไม่สู้ดีนักทำให้รีบลุกขึ้นทันทีแล้วเป็นฝ่ายสาวเท้าเข้าไปหา

            “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”  เขาถามเสียงเบาแต่หนักแน่น น้ำเสียงนั้นทำให้ธีรยาได้สติ เธอกลั้นน้ำตามาตลอดทางเดิน ทว่าเพียงมือสองข้างของเขาประคองไหล่ไว้ น้ำตาก็จะไหลออกมา

            “หมิว...รู้สึกไม่ค่อยสบาย เรากลับเลยได้ไหมคะ”

            “ครับ”  เขาไม่เซ้าซี้ถาม และรู้ว่าไม่ควรถามในตอนนี้ ถ้าเธอต้องการไปก็คือไป

            ปกป้องเอี้ยวตัวไปมองด้านหลัง เห็นท่าทางผิดปกติของคนที่แอบรักก็ลุกขึ้นไปดูด้วยความเป็นห่วง

            “หน้าซีดเหมือนคนจะเป็นลม  ไม่สบายเหรอ” 

            “นิดหน่อย”  ธีรยาพยักหน้ารับแต่ไม่สบตากับเพื่อนสนิท “หมิวขอกลับก่อนนะ”

            ปกป้องกัดริมฝีปาก สายตาเลื่อนมองไปยันมือเรียวเล็กที่เกาะแขนชายหนุ่มหล่อเหลาคนนั้น เขาสูดลมหายใจลึก ควรเป็นเขาที่ดูแลเธอ เป็นความสะเพร่าที่เขาช้าเกินไปไม่คิดว่ายัยแว่นหนาที่เอาแต่อยู่ในห้องแล็บจะมีคนมาจีบและยังจีบสำเร็จอีกด้วย

            เรื่องที่เขาอยากเตือนธีรยาก็กลับไม่กล้าพูดออกไป วูบหนึ่งของความคิด บางทีเขาก็ไม่ควรเตือนเธอ ปล่อยให้เจอและเจ็บและเมื่อถึงเวลานั้น เขาจะเป็นฝ่ายอยู่เคียงข้างเธอเอง

            “อืมๆ  หมิวกลับก่อนเถอะ ดูแลตัวเองดีๆ” 

            โจวเจียอีตวัดสายตามองปกป้องครู่หนึ่งก่อนผงกศีรษะให้ เขากดโทรศัพท์ให้เจสันเอารถมารับแล้วประคองหญิงสาวเดินไปที่ด้านนอกเพื่อขึ้นรถกลับที่พัก

            เสียงปิดประตูรถทำให้ธีรยาตื่นจากภวังค์ เธอมองใบหน้าคมเข้มและดวงตาสีน้ำตาลที่จ้องมองอย่างห่วงใย ผู้ชายคนนี้แม้ดูร้ายและเอาแต่ใจ  แต่ก็แสดงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา

            “หมิว...”  โจวเจียอีโน้มหน้าลงไปใกล้ เพื่อสำรวจดูว่าเธอบาดเจ็บหรือเป็นอะไรหรือเปล่า หากเป็นคนอื่นเขาคงคาดคั้นเอาคำตอบ แต่กับผู้หญิงเปราะบางคนนี้ทำให้ผู้ชายแข็งกระด้างอย่างเรารู้จักทำตัว ‘อ่อนโยน’ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

            ทว่าหญิงสาวกลับยื่นริมฝีปากกดจูบกับริมฝีปากหยักสวย เธอขบเม้มกลีบปากเขาเบาๆ ก่อนแทรกลิ้นน้อยๆ เข้าไปในโพรงปากของเขา ทำเหมือนที่เขาเคยทำกับเธอ มือเรียวเล็กยื่นมือคล้องคอเขาไว้พร้อมเอนร่างเข้าหา  ชายหนุ่มหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วจูบตอบอย่างดูดดื่มและร้องแรงจนหญิงสาวต้องเป็นฝ่ายขยับตัวถอยหนีเพราะหายใจไม่ทัน เขาจึงยอมถอนจุมพิตแล้วส่งเสียงสั่งเจสันที่ทำหน้าที่พลขับ

            “ไปวิลล่า”

            “ครับ”

            เสียงเจสันรับคำทำให้ธีรยากระพริบตาปริบๆ แล้วนึกได้ว่าตอนนี้เธออยู่ในรถกับโจวเจียอี และที่สำคัญ เธอจูบเขาโดยมีคนอื่นอยู่ด้วย คุณหมอขี้อายหน้าแดงจัดแล้วก้มหน้างุดกับแผ่นอกของชายหนุ่ม

            “อายตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วล่ะ”  เขาหัวเราะในลำคอ

            “เราจะไปไหนคะ”

            “ไปที่ที่ทำได้มากกว่าจูบ”  

            ธีรยาเงยหน้าขึ้นก็พบรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ช่างเถอะ เขาก็เป็นแบบนี้ถึงทลายกำแพงที่โอบล้อมใจได้เข้ามาอยู่ในหัวใจของเธอได้อย่างง่ายดาย.

            ทันทีที่ก้าวเท้าลงจากรถ หญิงสาวกวาดสายตามองไปโดยรอบ เบื้องหน้าเป็นบ้านพักตากอากาศหลังงามที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติแสนร่มรื่น  ยังไม่ทันที่ธีรยาจะเอ่ยปากถามสิ่งใด ร่างเล็กก็ถูกช้อนตัวอุ้มขึ้นอย่างรวดเร็ว หญิงสาวร้องเสียงหลงแต่ยกมือขึ้นคล้องคอชายหนุ่มไว้ ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก

            “ไม่...ไม่ต้องอุ้มก็ได้ค่ะ”  เธออึกอักและเขินอายจึงหลุบตาลงไม่กล้ามองหน้าบรรดาบอดี้การ์ดของเขา

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status