“ผมสัญญา ผมไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน”
“อย่าเพิ่งสัญญาอะไรแบบนั้นเลย เราเพิ่งเริ่มต้นกันเอง”
“แค่คุณให้โอกาสเริ่มต้น ผมก็ดีใจแล้ว”
“ถ้างั้น...เรามาลองคบกันอย่างเป็นทางการดีไหมคะ”
“ด้วยความยินดีและเต็มใจยิ่งครับ เติมไวน์อีกไหม?”
“คุณจะมอมไวน์หมิวเหรอคะ”
“ดื่มฉลองกับผมหน่อย ผมจีบหอยทากน้อยติดเสียที”
“อิริค! หมิวไม่ใช่หอยทากน้อยนะ”
เสียงหวานใสหัวเราะออกมาทำลายบรรยากาศ ห้องที่อึมครึมเหมือนเจ้าของห้องพลันเปลี่ยนไปทันทีที่มีหญิงสาวเข้ามาในห้อง
บางที...
ไม่ใช่เพียงแค่เธอเท่านั้นที่ทำลายเปลือกที่ห่อหุ้มตัวเองออก แต่เป็นเขาเช่นกันที่เปิดใจ ‘รัก’ ใครคนหนึ่งจากหัวใจที่แท้จริง
..........
หญิงสาวก้าวเร็วๆ จนแทบจะกลายเป็นวิ่งมาที่แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เพียงผลักบานประตูเข้าไปก็กวาดสายตามองหาคนที่ต้องการพบ กำลังอ้าปากจะถามพยาบาลแต่ก็มองเห็นเงาร่างที่คุ้นตาเสียก่อนจึงรีบเดินเข้าไปหา
ก้องภพรับรู้ได้ว่ามีคนเข้ามาใกล้แต่ประสบการณ์ทำให้มีสมาธิจัดการกับแผลตรงหน้าจนเสร็จเรียบร้อย
“เป็นยังไงบ้างคะ” ธีรยาเอ่ยปากถามอย่างเป็นกังวล
“ไม่เป็นไรไกลหัวใจตั้งเยอะ”
“เลือดเปื้อนเสื้อขนาดนี้ไม่เป็นอะไรจริงๆเหรอ” หญิงสาวไม่อยากเชื่อนักเพราะเพื่อนคนนี้มักชอบพูดว่า ‘ไม่เป็นไร’ มาตั้งแต่เด็ก
“เอ็กซ์เรย์แล้วไม่มีอะไรกระทบกระเทือน แผลที่หัวก็เย็บไปแค่สิบเข็ม ส่วนเสื้อเปื้อนเลือดนี้น่าจะเลือดคนอื่น” ก้องภพเอ่ยเสียงเรียบแล้วหันไปคุยกับพยาบาล
“ก็ไหนว่าเป็นตำรวจไซเบอร์ ทำไมถึงโชกเลือดแบบนี้ หรือว่าไปมีเรื่องกับคนอื่นมา”
“โอ๊ย!ยัยขาสั้น คิดในแง่ดีหน่อยสิ”
ปกป้องแยกเขียวใส่หญิงสาว แต่เพราะปากแตกจึงทำให้หน้าตาดูบิดเบี้ยวมากกว่าเดิม ก้องภพรู้จักปกป้องดีเหมือนที่ปกป้องรู้จักก้องภพ เพียงแต่ไม่ได้สนิทสนมเหมือนธีรยา คุณหมอในห้องแล็บถอนหายใจแล้วดันแว่นตาชิดใบหน้าด้วยความเคยชิน
“เห็นนายเช็กอินห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล หมิวตกใจแทบแย่” แม้อยากรู้แต่ไม่กล้าถามมากนัก เพราะเกรงว่าจะกระทบเรื่องงานของปกป้อง
“มีเวลาเช็กอินได้ก็ไม่เป็นอะไรมากหรอก” ก้องภพถอดถุงมือยางออกแล้วโยนทิ้งใส่ถังขยะ “ฉีดยาบาดทะยักครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ อืม ผมว่าคุณฉีดกระตุ้นอีกก็ดีนะ”
“ไม่ต้องก็ได้มั้งครับ ปีที่แล้วผมก็ฉีดไปแล้ว” ปกป้องพูดแล้วกับหมอก้องภพแต่สายตาอยู่ที่ธีรยา “ปีที่แล้วไปโดนหมากัด โดนฉีดทั้งบาดทะยักและพิษสุนัขบ้า”
“นายนี่มัน...” ธีรยาส่ายหน้าไปมา “ตอนเด็กเป็นยังไง โตมาก็ยังนิสัยเดิม ทะเลาะกับหมาแมวก็เคยทำ”
“ใช่ที่ไหนเล่า นั้นมันเรื่องจำเป็นต่างหาก ต้องไปช่วยหมาที่ติดในบ้านที่เจ้าของทิ้งไปต่างหาก แต่มันคงตกใจเลยงับเข้าให้”
“ยังไงก็โดนหมากัดอยู่ดีนั้นแหละ” ถึงปากจะบ่นแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ จากบาดแผลไม่น่าเป็นห่วงนักแต่หลังจากนี้ต้องระบมและอาจมีการอักเสบแน่นอน “พี่หมอก้องคะ พี่จ่ายยา...”
“พี่เป็นหมอเจ้าของเคสรู้ว่าต้องทำยังไง”
ก้องภพพูดเสียงเรียบแล้วหันไปพิมพ์ข้อมูลที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แม้กระทั่งพยาบาลยังแปลกใจ เพราะปกติหมอก้องภพคือหมอที่สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
ธีรยาหน้าเจือนไป เธอได้แต่ขยับแว่นตาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี ตั้งแต่วันนั้นก็ดูเหมือน เอ่อ... ไม่สิ พี่หมอก้องทำตัวเย็นชาและห่างเหิน เธอไม่รู้และไม่เข้าใจว่าเพราะเรื่องใดที่ทำให้เขาเป็นอย่างนี้ แค่เธอไปทำงานที่แล็บเอกชนไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้นี่นะ หรือเพราะใกล้จะแต่งงานแล้ว เมื่อคิดถึงจุดนี้ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิดและยิ่งต้องรักษาระยะห่างให้มากขึ้น หากไม่เพราะวันนี้เห็นปกป้องเช็กอินที่โรงพยาบาล เธอคงไม่กล้าก้าวเข้ามาในห้องนี้
ปกป้องไม่ได้สนิทกับหมอก้องภพแต่ก็รู้จักผ่านธีรยา แม้ไม่สนิทแต่ก็มองออกว่าอีกฝ่ายสีหน้าไม่พอใจนัก แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องใด แต่ที่แน่ๆ มันทำให้เขาสามารถใช้ความเป็นเพื่อนแทรกที่ในหัวใจของธีรยาได้
“ขอโทษค่ะ” ในที่สุดหญิงสาวก็พูดออกมาได้ เธอไม่กล้ามองหน้าพี่หมอก้องคนดีจึงหันมายิ้มบางๆ ให้ปกป้อง “หมิวไปรอข้างนอกนะ จริงสิ นายอยู่คนเดียวดูแลตัวเองลำบากไหม ให้หมิวช่วยอะไรหรือเปล่า”
เธอพูดอย่างเพิ่งนึกได้ ปกป้องเพิ่งย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ แล้วครั้งล่าสุดเพื่อนซี้ก็บอกยังไม่มีแฟน แผลวันนี้อาจยังไม่เจ็บเท่าไหร่ แต่หลังจากนี้อาจจะอักเสบมีไข้ได้
“อ้อ! ...”
“ว่าแต่คนอื่น ตัวเองก็ไม่ใช่เด็กเหมือนกัน เป็นผู้หญิงจะไปอยู่ในห้องผู้ชายสองต่อสองได้ยังไง”
ก้องภพพูดแทรกขึ้นมาทันที ยังไงเขาก็รู้นิสัยของธีรยาดีที่สุด เธอเป็นห่วงคนอื่นเสมอจนหลายครั้งก็ลืมไปว่าตัวเองจะถูกมองยังไง
“แต่เพื่อนก็ต้องดูแลเพื่อนสิคะ”
“ผู้ชายผู้หญิงเป็นเพื่อนกันได้ด้วยเหรอ”
“พี่หมอก้อง...”
“เอ่อ...คือ...”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
เสียงของเขมิกาทำให้ทุกคนได้สติ ทุกสายตาหันไปจับจ้องยังหญิงสาวที่เข้ามาใหม่ แม้รู้ดีว่าห้องฉุกเฉินจะเข้าได้เฉพาะบุคลกรทางการแพทย์แต่เวลานี้เหมือนทุกคนจะรู้ว่าต้องการกรรมการห้ามศึก จึงยอมให้เขมิกาเข้ามาโดยง่าย
“เข็มมาทำไม” ก้องภพพยายามปรับน้ำเสียงตัวเองให้อ่อนลง “ผมกำลังออกเวรพอดี”
“ก็คิดว่าน่าจะมีคนลืมว่าตัวเองต้องไปเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวนะสิคะ” เขมิกายิ้มกว้างแต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้ไปถึงดวงตา “เข็มต้องเตือนไหมคะว่าวันเสาร์นี้แล้ว คุณลางานไว้แล้วนี่คะ เข็มเลยมารับเพราะคิดว่าคุณน่าจะยุ่งจนลืม”
“เอ่อ ... ผมลืมจริงๆ” ก้องภพสารภาพไปตามตรง เขาเผลอจ้องมองธีรยา ไม่ว่าอย่างไรสถานะของเขากับผู้หญิงคนนั้นก็เป็นเพียงแค่รุ่นพี่กับรุ่นน้อง พี่ชายกับน้องสาวเท่านั้น
แต่ทำไมเขารู้สึกว้าวุ้นใจถึงเพียงนี้
“พี่หมอก้องจะแต่งงานแล้วเหรอครับ ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ”
ปกป้องแสร้งทำเป็นไม่รู้ทั้งที่เคยได้ยินจากปากธีรยามาก่อน
“ขอบคุณค่ะ” เขมิกายิ้มรับ “เพื่อนของหมอหมิวเหรอคะ ยังไงก็ขอเชิญร่วมงานด้วยนะคะ งานเล็กๆค่ะ”
“ขอบคุณครับ” ปกป้องฉีกยิ้มแม้จะปากเจ็บอยู่ก็ตาม แล้วหันมาทางธีรยา “เราไปรับนะ”
“หมอหมิวมีคนไปด้วยแล้วละมั้ง” ก้องภพพูดแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขายื่นชาร์ตคนเจ็บส่งให้พยาบาลรับช่วงต่อ “ฝากเชิญแฟนหมอหมิวด้วยแล้วกันนะ”
“แฟน?” ปกป้องทำหน้าตาแตกตื่น “หมิวมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ใครเป็นแฟนหมิว”
“ก็...”
“น่าจะเคยเห็นนะ ที่เป็นข่าวเดือนที่แล้ว มีเหตุวิวาทที่ห้องฉุกเฉินที่นี่ คลิปล้านวิวเลยทีเดียว”
“หมิว! มีเรื่องอะไรกันแน่”
“ไม่มีอะไร” ธีรยาหงุดหงิด แล้วตวัดตามองก้องภพอย่างขุ่นเคือง “ลูกน้องมีเรื่องต่างหาก แต่คุณโจวเป็นหัวหน้ามาไกล่เกลี่ยเสียค่าปรับให้ลูกน้องค่ะ” “ไม่ทันไรก็พูดแก้ต่างแทนกันแล้ว” ก้องภพทำเสียงเหอะในลำคอ “หมิวพูดเรื่องจริงต่างหาก” “เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเถียงพี่สักคำ เดี๋ยวนี้พูดถึงคนนั้นนี่กล้าเถียงแทนเลยเหรอ” “ก็...” “พี่ก้องคะ ผู้ใหญ่รออยู่นะคะ” เขมิกากระตุกแขนเสื้อของก้องภพเบาๆ ทำให้ก้องภพได้สติ เขาลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนคว้ามือเรียวของว่าที่เจ้าสาวแล้วกึ่งลากกึ่งจูงออกไป “เกิดอะไรขึ้นเนี้ย” ปกป้องทำหน้างง แต่ที่งงกว่าคือคนที่เขาหมายตามาตั้งแต่เด็กมีแฟนโดยที่เขาไม่รู้!“หมิว...” “ค่อยคุยกันวันหลังก็แล้วกัน” เธอปวดหัวขึ้นมาตุบๆ ขึ้นมา “นายต้องกลับไปที่ทำงานอีกหรือเปล่า ยังไงคืนนี้ต้องระวังมีไข้ กินข้าวแล้วกินยาพักผ่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ โทรหาหมิวแล้วส่งโลเคชั่นมา หมิวจะไปดู เข้าใจนะ” “อืมๆ” ปกป้องอยากคุยกับธีรยามากกว่านี้แต่เขาต้องกลับไปทำรายงานที่เจ็บตัวนี่ก่อน “เดี๋ยวเราโทรนะ”
“สิบสองปีแล้วครับ”“โอ้ว! นานจริง แสดงว่าต้องรู้เรื่องของอีริคบ้างใช่ไหม” เธอเงยหน้ามองบอดี้การ์ดของโจวเจียอีด้วยแววตาเปี่ยมความหวัง แต่ดวงตาหลังแว่นตากรอบหนาพราวระยับจนคนมองนิ่งงันไปชั่วขณะ“คือหมิวอยากรู้ว่าอีริคชอบกินอะไรบ้าง หรือไม่ชอบอะไร เผื่อหมิวจะทำให้เขาได้บ้าง”“อ้อ! เรื่องนั้นได้เลยครับ ถามผมได้ทุกเรื่องเลยครับ” เจสันรีบพูดขึ้น แบบนี้ถ้าบอสรู้เข้าต้องดีใจแน่ๆ“แล้วบอสของคุณมีผู้หญิงเยอะไหมคะ”“แค่กๆ...เรื่องนั้น””“ช่างเถอะค่ะ ถือว่าหมิวไม่เคยพูดแล้วกัน”เขาอายุสามสิบแล้ว ถ้าเคยมีแฟนมาก่อนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ปัจจุบันต่างหากที่เธอต้องสนใจทั้งสองเดินขึ้นบันไดมาที่ชั้นสามตามที่ปกป้องบอกไว้ เจสันเคาะประตูห้องอย่างมีมารยาทไม่กี่วินาทีต่อมาเจ้าของห้องก็เปิดประตูมาพร้อมใบหน้าที่มีรอยช้ำ“เขียวแล้ว” ธีรยาอดเอานิ้วจิ้มที่มุมปากของเขาไม่ได้ “นายนี่มันเหมือนเด็กจริงๆ”“มาเยี่ยมหรือมาบ่น” ปกป้องเบ้ปากแต่เพราะเจ็บปากจึงเผลอร้องซี๊ดออกมา เขาปรายตามองไปยังชายชาวจีนสวมชุดสูทสีเข้มที่ยืนอยู่ด้านข้าง ดูไม่เข้ากับปิ่นโตสีพาสเทลที่ถืออยู่“หมอนั้น...แฟนเธอเหรอ”“ไม่ใช่” ธีรยารีบปฏ
“รู้แล้วนะ เจอกันวันงานแต่งพี่หมอนั้นนะ”“ทำไมต้องเรียกพี่หมอก้องแบบนั้นนะ” เธอส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจ ทั้งสองพูดคุยกันอีกเล็กน้อยแล้วธีรยาก็ขอตัวกลับประตูห้องปิดลงแล้ว ปกป้องเดินไปที่หยิบโน้ตบุ๊คมาเปิดขึ้นทันทีแล้วเสิร์ซชื่อผู้ชายที่ธีรยากำลังคบหาดูใจอยู่ อ่านข่าวมาเยอะ ได้ยินมาแยะ อย่าว่าเขาอคติเลย แต่เขาไม่ไว้ใจผู้ชายคนนั้นเลยจริงๆ... หญิงสาวอยู่ในชุดเดรสไหล่กว้างอวดไหล่สวย กระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อยรับกับรองเท้าส้นสูงที่นานๆ จะสวมสักครั้ง ผมยาวถูกดัดเป็นลอนสวยแปลกตา ใบหน้าหวานแต้มแต่งสีสันอย่างพอดี ริมฝีปากอิ่มเคลือบสีส้มอมชมพูและวันนี้เธอใส่คอนแทคเลนส์แทนแว่นสายตากรอบหนาที่สวมเป็นประจำ เจ้าของร่างเล็กสูง 155 เซนติเมตร หมุนตัวหน้ากระจกบานใหญ่ตรงหน้าไม่คิดว่าจะได้เห็นตัวเอง ‘สวย’ ขนาดนี้ ธีรยามองเงาที่สะท้อนอยู่ในกระจก เห็นโจวเจียอีหยุดมองเธออยู่ก็หมุนตัวกลับไปส่งยิ้มให้เขาพลางยกมือขึ้นแตะเรือนผมอย่างเก้อเขิน “คุณมาแล้วเหรอ” “ขอโทษที่มาช้าไปหน่อย”โจวเจียอีตื่นจากภวังค์แล้วเดินเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นหอมละมุนจากหญิงสาว เขาไม่รู
“พูดจริงๆนะ หมิวไม่คิดเรื่องตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงหรอก หากพวกเขาอยากเจอหมิวคงมาตามหาหมิวตั้งนานแล้วละ พวกเขาคงมีครอบครัวใหม่กันไปแล้ว อย่าให้การมีตัวตนของหมิวทำให้พวกเขาเดือนร้อนใจหรือไม่มีความสุขดีกว่า” เธอส่งยิ้มให้เขา“จริงๆ นะคะ” “ครับ” เขาบีบมือเธอ “คุณมีผมอยู่นะ ไม่ได้ตัวคนเดียว ครอบครัวผมก็คือครอบครัวของคุณ” “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเข้าไปรดน้ำสังข์และอวยพรให้คู่บ่าวสาว วันนี้เขมิกาสวยเจิดจ้าสมเป็นเจ้าสาวจริงๆ เห็นแบบนี้ก็แล้วเธอพลอยสบายใจไปด้วย เรื่องบาดหมางเข้าใจผิดคงคลี่คลายในไม่ช้า เขมิกายิ้มรับคำอวยพรพลางปรายตามองเจ้าบ่าวที่นั่งอยู่เคียงข้าง แม้เขายิ้มแต่แววตาตรงข้าม แต่ช่างเถอะ เพราะตอนนี้เขาคือสามีของเธอแล้ว เขาคงไม่กล้าทำร้ายจิตใจเธอและคนในครอบครัวแน่นอน พิธีเช้าดำเนินไปจนเสร็จสิ้นด้วยดี แขกเรื่อเข้ามาถ่ายรูปกับคู่บ่าวสาว ธีรยาคว้ามือโจวเจียอีให้เข้าไปถ่ายรูปด้วยกัน “ขอแสดงความยินดีด้วยครับ” โจวเจียอีกเอ่ยอย่างสุภาพและไม่สนใจสายตาของก้องภพ เขาจับมือผู้หญิงคนตนเองแน่นราวกับตอกย้ำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาไม่มี
ธีรยาไม่รู้ต้องทำอย่างไร หลายปีที่รู้จักก้องภพ เขาไม่เคยทำแบบนี้กับเธอมาก่อนและยิ่งวันนี้ เวลานี้ ผู้หญิงคนเดียวที่เขาจะกอดได้คือเจ้าสาวของเขาซึ่งไม่ใช่เธอ “พี่ก้องปล่อยหมิวนะคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” “กลัวไอ้หมอนั้นเห็นหรือไง” “พี่หมอก้องช่วยพูดถึงคนรักของหมิวดีๆด้วยค่ะ” หญิงสาวดิ้นขลุกขลักแต่เขากลับกอดรัดแน่นขึ้น “ทำไมถึงเป็นผู้ชายคนนั้น!” เขากัดฟันกรอดด้วยความโมโห “หมิวยั่วให้พี่โกรธใช่ไหม ทำแบบนี้คิดดีแล้วเหรอ” “เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ หมิวจะคบกับใครก็ได้” ก้องภพหัวเราะเย้ยเยาะ “หรือจริงๆ แล้วหมิวก็กระสันอยากได้ผู้ชายรวย ถ้าอยากได้แบบนั้นทำไมไม่บอกพี่แต่แรก ถ้า..” “พี่หมอก้อง! ถ้าพี่ไม่ปล่อยหมิว หมิวจะร้องให้คนช่วย อย่าลืมนะคะว่าพี่หมอก้องแต่งงานแล้ว!” คำว่า ‘แต่งงาน’ เรียกสติของก้องภพได้ วงแขนที่กอดรัดคลายออกอย่างไม่รู้ตัว ธีรยาได้จังหวะรีบสะบัดตัวหลุดออก หญิงสาวจ้องหน้าเขาด้วยความรู้สึกเสียใจ เธอรักและเคารพก้องภพมาก ไม่คิดว่าเขาจะทำเช่นนี้กับเธอ ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีหายไป
“คราวนี้ไม่ได้แล้ว” เขาพูดน้ำเสียงเคร่งเครียดก่อนก้มมองสบตากับคนในอ้อมแขน “คุณทำผมเครื่องร้อนแล้ว” “เอ่อ...” ธีรยาเข้าใจได้ในทันทีเพราะมีบางสิ่งดุนดันอยู่ “หมิวไม่ได้ตั้งใจ” เธอไม่ได้ตั้งใจ แต่เขานะ...ตั้งโด่แล้ว! โจวเจียอีอุ้มร่างนุ่มนิ่มเข้าด้านใน เขาสาวเท้ายาวๆ อุ้มร่างเธอว่างบนเคาน์เตอร์เครื่องดื่มแล้วกดจูบอย่างหิวกระหาย มือใหญ่เลื่อนไปที่แผ่นหลังเพื่อหาซิปซ่อนแล้วจัดการรูดออกอย่างรวดเร็ว “อื้อ...ช้าหน่อยค่ะ” ธีรยาประท้วงเบาๆ เมื่อเขายอมถอนจูบให้เธอได้สูดอากาศหายใจ ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นราวกับลูกไฟที่พร้อมจะหลอมละลายเธอไปด้วยสัมผัสของเขา “ผมทนไม่ไหวแล้ว” เขาพูดเสียงพร่าแล้วขบเม้มติ่งหู “ทะ...ที่นี่...ตรงนี้เหรอคะ...” หญิงสาวถามเสียงสั่นเสื้อผ้าเลื่อนหล่นจากกาย ร่วมรักกันหลายครั้งแต่ก็อยู่ในห้องมิดชิด แต่นี่...กลางบ้านแบบนี้ เธอ... “ไม่มีคนอื่นในบ้านหลังนี้” โจวเจียอีพูดอย่างรู้ทันความคิดของคนขี้อาย “ที่นี่มีแค่คุณกับผม” หญิงสาวลอบมองรอบข้างไม่เห็นมีใครอื่นจริงๆ ยังไม่ทั
มีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าเขาไม่ได้มีเซ็กส์ดุเดือดอย่างนี้มานานแล้ว ที่ผ่านมาเขาควบคุมความต้องการของตัวเองได้อย่างดี และเมื่อมีธีรยาเขาก็มักจะ ‘อ่อนโยน’ กับเธอเสมอ แต่ครั้งนี้ได้ปลดปล่อยตัวเองจนหมดสิ้น และนานแล้วที่เขาไม่ได้มีเซ็กส์แบบไร้เครื่องป้องกันเช่นนี้ แต่เขาไม่คิดว่านี่เป็นลูกไม้ที่เธอจะใช้จับเขา แน่นอนว่าก่อนหน้านี้เขาจะไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แต่ครั้งนี้...กับผู้หญิงคนนี้ เขารู้สึกต้องการเธอและอยากทำทุกวิถีทางที่จะครอบครองเธอไว้ หญิงสาวปรับลมหายใจครู่หนึ่งแล้วลืมตามองคนที่เธอนอนหนุนแขน มือใหญ่ยกขึ้นมาเกลี่ยเส้นผมที่เคลียแก้มเธอออกเบาๆ เธอรับรู้ได้ถึงของเหลวที่ยังไหลออกมาจากร่องรัก มันน่าอายจนเธอขยับตัวขยุกขยิกพยายามกลั้นไม่ให้มันไหลออกมา “ไม่สบายตัวเหรอ” โจวเจียอีถามพลางยันกายขึ้นมองคนตัวเล็ก “ผมขอโทษ ผมยั้งใจไม่อยู่จริงๆ” “เปล่าคะ ไม่ใช่แบบนั้น” เธอยิ้มเขินๆแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมกายเปลือยเปล่า “หมิวแค่คิดว่าตัวเองทำให้ที่นอนคุณเลอะเทอะ” เขาเลิกคิ้วงุนงงก่อนคลี่ยิ้มออกมา “ไหนๆ ก็ต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอน เราทำกันอีกรอบ
“คุณนี่นะเอาใจผู้หญิงไม่เก่ง” เธอทำจมูกย่นใส่เขา“ผิดแล้วผมเอาใจไม่เก่งแต่เอาเก่งนะ เรื่องนี้ผมมั่นใจ”“อีริค!” เธอขึงตาใส่ด้วยใบหน้าแดงเรื่อ“ให้ตายสิ” เขาพึมพำ “ผมเองก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ คุณร่ายมนตร์ใส่ผมหรือเปล่า”“คุณเชื่อเรื่องไร้สาระพวกนั้นด้วยหรือคะ?” เธอหัวเราะเสียงใส ความจริงเธอลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้เธอมีเรื่องรบกวนจิตใจอยู่ เป็นใครกันแน่ที่ร่ายมนตร์ใส่เธอ“แต่ก่อนผมไม่เคยเชื่อเรื่องdestiny แต่การได้พบคุณมันอยู่นอกเหนือความคาดหมาย บางทีพรหมลิขิตอาจมีจริงก็ได้”หญิงสาวได้แต่อมยิ้ม นั้นสิ ผู้หญิงจืดชืดอย่างเธอได้เจอกับผู้ชายสุดเพอร์เฟกต์อย่างเขาได้ ถ้าวันนั้นก้องภพไม่ประกาศตัวคนรัก เธอคงไม่อกหักจนเสียการควบคุมแล้วได้เจอเขาที่หน้าลิฟต์พอดีอย่างนั้น แถมเจอกันด้วยความบังเอิญอีกด้วย ธีรยาไม่อยากคิดถึงเรื่องของก้องภพอีก คิดเสียว่าทุกอย่างระหว่างเธอกับก้องภพจบลงแล้ว เหลือเพียงความเป็นเพื่อนร่วมงานและรุ่นพี่รุ่นน้องเท่านั้นเมื่ออีกฝ่ายไม่พูด โจวเจียอีกก็ไม่เซ้าซี้ถาม เขาเป็นคนยึดมั่นกับปัจจุบันมากกว่ารื้อฟื้นเรื่องในอดีต เวลานี้ ‘ใจ’ ของเธออยู่ท