Share

Chapter 19.  อย่ามาแกล้งทำเป็นไม่รู้

            “สเต็กเนื้อวัว สลัดผักผักโขมอบชีสแล้วก็ไวน์แดง”  เขาบรรยายเมนูอาหารของค่ำนี้ “หรูพอไหมครับ”

            หญิงสาวพยักหน้ารับ “ระดับประธานโจวลงมือทำให้กินนี่ก็เรียกว่าหรูแล้ว”

            “ผมทำอาหารได้ไม่กี่อย่าง” เขายอมรับ “ถ้าคุณไม่โอเค. เราสั่งอย่างอื่นมาได้นะ”

            “ก็บอกแล้วไงคะ ว่าหมิวกินง่ายอยู่ง่าย หรือไม่ก็...คราวหน้าให้หมิวทำกับข้าวให้คุณกิน”

            “คุณพูดเองนะ” เขาพูดยิ้มๆ แล้วยกจานสเต็กมาวางบนโต๊ะอาหาร

            “ถึงหมิวจะเป็นหมอในห้องแล็บแต่ก็ถนัดใช้มีดนะคะ”  เธอฉีกยิ้มใส่ “อ้อ! แต่หมิวทำเป็นแต่เมนูง่ายๆ นะ ตอนอยู่บ้านเด็กกำพร้าก็ต้องช่วยแม่ครัวทำอาหารอยู่บ่อยๆ”

            “ขอแค่คุณทำให้ผมกิน ผมกินได้ทั้งนั้น”  เขาเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งแล้วเดินไปหยิบแก้วมารินไวน์สองแก้ว

            “คุณ...จะไม่ใส่เสื้อหน่อยเหรอ” 

            “ผมขี้ร้อน” เขายิ้มกริ่ม

            “ใส่เสื้อเถอะคะ หมิวไม่มีสมาธิกินข้าว”  เธอย่นจมูกใส่ เขาหัวเราะแล้วเดินหายไปไม่กี่นาทีกลับมาพร้อมร่างสูงโปร่งที่สวมเสื้อยืดคอวีสีเข้ม เขาเดินอ้อมมาด้านหลังแล้วรวบผมเธอเป็นมวยใช้ดินสอแทนปิ่นปักผมให้เธอ

            “ห้องผมไม่มผ้ารัดผม คราวหน้าผมจะหาไว้ให้”  เขาพูดหลังจากรวบผมให้เธอแล้วเพราะเกรงว่าเธอจะกินไม่สะดวก แต่ผมเธอยาวนุ่มลื่นมือจนอยากสัมผัสไปทั้งชีวิต

            “หมิวมีสำรองในกระเป๋าค่ะ”  เธอขอบคุณเขาอีกครั้ง จริงๆ เธอไม่ได้อยากไว้ผมยาวสลวยอะไรนักแต่เพราะไม่ค่อยมีเวลาจัดการผมตัวเอง ถ้ารู้สึกว่ายาวมากก็แค่คว้ากรรไกรมาตัดเอง เป็นครั้งแรกที่มีคนมารวบผมให้แบบนี้  รู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน

            “เพิ่มรสชาติครับ” มือใหญ่รินไวน์ใส่แก้วสองใบแล้วส่งให้หญิงสาว   

            “ปกติหมิวไม่ค่อยดื่มนะคะ”  เธอรับมาจิบเล็กน้อยและเริ่มลงมือกินสเต็กอย่างหิวโหย คงเพราะใช้พลังงานไปมากเลยหิวขนาดนี้

            “วันนั้นคุณยังดื่มเลย”

            “ก็...วันนั้นอกหัก”

            “หือ? ใครกล้าหักอกคุณ”

เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้ หั่นสเต็กเป็นชิ้นพอดีคำแล้วละเลียดกินช้าๆ สายตามองหญิงสาวที่นั่งตรงข้ามอย่างเอ็นดู เธอตัวเล็กแต่กินจุ เขาชอบผู้หญิงที่กินแบบไม่หวงว่าจะอ้วนหรือผอมหรือต้องคำนวนแคลอรี่ตลอดเวลา  เธอไม่ได้กินแบบตะกละตะกราม แต่กินได้น่าอร่อยจนเขาคิดว่าฝีมือตัวเองต้องระดับเชฟมิชลินสตาร์แน่ๆ

“อย่ามาแกล้งทำเป็นไม่รู้”  เธอเบ้ปากใส่ อาหารอร่อยทำให้อารมณ์ดีจริงๆ

“ผู้ชายตาไม่ถึงกับยัยหอยทาก”  เขาโคลงศีรษะไปมาแล้วรินไวน์เติมให้แก้วของเธอ

“คุณพูดเล่นกับหมิวก็พูดได้นะ แต่พูดแบบนี้ให้คนอื่นได้ยิน พี่หมอก้องจะเสียหายเอา”  เธอเตือนเขา ตัวเธอไม่มีอะไรอยู่แล้ว แต่พี่หมอก้องกำลังจะแต่งงาน ถ้าว่าที่ภรรยาได้ยินเข้าคงไม่สบายใจแน่นอน

“ผู้ชายที่ทำให้คุณอกหักคือหมอก้องอะไรนั้นจริงๆสินะ”

“อืม”  หญิงสาวพยักหน้ารับ “หมิวไม่ปิดบังคุณ เพราะคุณจริงใจกับหมิว แต่เรื่องนั้นเป็นความรู้สึกที่หมิวมีต่อพี่หมอก้องอยู่ฝ่ายเดียวค่ะ”

“คุณไม่เคยบอกเขาเหรอ”  โจวเจียอีเลื่อนจานสลัดผักให้หญิงสาว

“ไม่ค่ะ”

“ทำไม?”

“ก็...”  เธอจิ้มมะเขือเทศแล้วส่งเข้าปาก สบตากับดวงตาคมคู่นั้นแล้วหลุบตาลง

“คุณคิดว่าตัวเองเป็นโตมาในบ้านเด็กกำพร้าไม่เหมาะสมคู่ควรกับผู้ชายคนนั้นสินะ”  เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “เหมือนกับที่คุณปิดกั้นไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้”

“คุณเข้าใกล้หมิวมากที่สุดแล้ว”  เธอแย้งแล้วกินผักโขม อบชีส “อันนี้ก็อร่อย”

“ทำไมคุณด้อยค่าตัวเองขนาดนี้นะ” เขาส่ายหน้าไปมา

“เจียมตัวต่างหากไม่ใช่ด้อยค่า”  มือเรียวยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม

“คุณไม่ควรรู้สึกแบบนั้น”

            “หมิวต้องรู้สึกสิ ต้องสำเหนียกตลอดเวลา คนอื่นมาชี้นิ้วจิ้มหัวจะได้ไม่รู้สึกรู้สาอะไร”

            “หมิว” เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ผมไม่รู้ว่าคุณเจออะไรมา แต่คุณผ่านมันมาแล้ว ตอนนี้คุณมีหน้าที่การงานที่ดี ผมเองได้ยินเรื่องของคุณบ่อยๆ จนคิดว่าคุณเป็นลูกสาวแท้ๆ ของคุณน้าเพ็ญนภาด้วยซ้ำไป แม้คุณเติบโตมาในบ้านเด็กกำพร้าแต่คุณใช้ชีวิตที่ได้ดี บางคนที่เกิดมาในครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมแต่ยังมีใช้ชีวิตไม่ดีเท่าคุณเลย”

            “คุณคิดแบบนั้นเหรอคะ? คุณคบกับหมิว คุณจะไม่อายเหรอคะ ถ้าคนอื่นถามถึง”

            “ไม่” เขายืนยัน “คุณมาถึงจุดนี้ได้ด้วยตัวเอง นั้นคือสิ่งที่ควรภาคภูมิใจต่างหาก พูดแล้วจะหาว่าคุย ผมเจอคนมาเยอะ ลูกเศรษฐีใช้ชีวิตไม่เป็น ใช้เงินเป็นน้ำ สร้างเรื่องสร้างภาระมาให้พ่อแม่ต้องตามล้างตามเช็ด คิดดูสิ เทียบกับคุณแล้ว ชีวิตคุณดีกว่าพวกเขาหลายสิบเท่านัก”

            “คุณก็พูดให้หมิวดีใจ”

            “ผมพูดจากใจ ผู้หญิงที่ผมถูกใจย่อมดีที่สุดเสมอ”

            คราวนี้ธีรยาหัวเราะออกมา “คุณรู้ไหม คนเรามักถูกสัญชาตญาณหรือแรงขับภายในดึงดูดซึ่งกันและกันเสมอ โดยมีฮอร์โมนทางเพศเป็นตัวขับเคลื่อน ในผู้ชายจะมีฮอร์โมนเพศชาย คือ เทสโทสเตอโรนที่มาจากการผลิตของอัณฑะ และในผู้หญิงจะมีฮอร์โมนเพศหญิง คือ เอสโตรเจนที่มาจากการผลิตของรังไข่ ซึ่งทั้งสองมีศูนย์กลางการควบคุมอยู่ในสมองส่วนไฮโปทาลามัส เราเรียกว่าความใคร่ ส่วนความหลงใหล หรือการตกหลุมรัก อาการตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก และอาจทำอะไรโดยที่ไม่รู้ตัว ซึ่งการทำงานของสมองจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มสารเคมีที่ชื่อว่า “โมโนเอมีน” ได้แก่ โดปามีน (Dopamine) เป็นสารแห่งความสุขที่จะหลั่งออกมาหลังรู้สึกพึงพอใจ  อีพิเนฟริน (Epinehrine) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ อะดรีนาลีน จะกระตุ้นให้เราเกิดความรู้สึกตื่นเต้น เขินอายเวลาเจอคนที่ชอบ เซโรโทนิน (Serotonin) จะส่งผลต่อการแสดงออก เมื่อสมองหลั่งสารชนิดนี้ออกมาเราจะเกิดพฤติกรรมบางอย่างโดยที่ไม่รู้ตัว เช่น การเผลอยิ้ม ส่วนความผูกพัน เป็นความสัมพันธ์ในระยะยาว โดยถูกกระตุ้นจากฮอร์โมนสองชนิดคือ ออกซิโตซิน (Oxytocin) เป็นฮอร์โมนด้านความสัมพันธ์ หากคู่รัก หรือคนในครอบครัวมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันบ่อย ๆ จะทำให้สมองหลั่งสารชนิดนี้ออกมามาก  วาโสเปรสซิน (Vasopressin) เป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทต่อคู่รัก ทำให้เกิดความรู้สึกอยากใช้ชีวิตร่วมกัน”

เธอหยุดพูดแล้วสบตากับเขาที่ตั้งใจฟังอยู่

“ตอนนี้หมิวคิดว่า...หลังจากถูกคุณกระตุ้นให้ถึงจุดออกัสซั่มทำให้หลั่งฮฮร์โมนเอ็นดอร์ฟิน (endorphin )หรือสารแห่งความสุขออกมา ทำให้หมิวคิดว่าตอนนี้...หมิวคงชอบคุณแล้วล่ะค่ะ คุณอีริค”

“เอ่อ...”  โจวเจียอีนิ่งงันไปอึดใจ “คุณสารภาพว่าชอบผมใช่ไหม”

“อืม...”  เธอสบตากับเขาก่อนหลุบตา “ชอบคุณไปแล้ว และก็กลัวที่จะหลงรักคุณด้วยนะสิ อาการแบบนี้ หมิวยังวินิจฉัยไม่ได้ว่าจะจัดการยังไงดี หรือต้องปรึกษาจิตแพทย์หรือเปล่าก็ไม่รู้”

“คุณนี่ก็...ไม่ใช่หอยทากเสียหน่อย” เขาหัวเราะออกมา “ทำไมต้องกลัวที่จะรักผม ผมเป็นคนอันตรายเหรอ”

“กลัวคุณหักอกฉันต่างหากล่ะ” เธอแลบลิ้นใส่ แล้วแกว่งแก้วไวน์ที่ว่างเปล่า หัวใจของเธอก็ว่างเปล่าเหมือนแก้วใบนี้ที่รอความรู้สึกของใครสักคนมาเติมเต็ม

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status