เธอใกล้จะหมดแรงแต่เขากลับรัดเอวบางไว้แล้วเป็นฝ่ายเด้งเอวขึ้นสวน ร่างเล็กกระเด็นกระดอนอยู่บนร่างของเขา เธอกอดคอเขาไว้แล้วปล่อยให้เขากระแทกลำเอ็นใส่ เพียงพริบตาเขาก็ประคองแผ่นหลังของเธอนอนราบไปกับที่นอนโดยที่แก่นกายยังสอดใส่อยู่ เธอผวาเฮือกเพราะท่อนเนื้อร้อนระอุนั้นไถลเข้าไปลึกมาก เขาโยกสะโพกช้าลงแต่บดคลึงและสาวลำออกมาเกือบสุดก่อนกดกระแทกกลับเข้าไปใหม่ เสียงหวานครางกระเส่าไม่หยุด เหงื่อเม็ดโตไหลอาบร่างกำยำที่เคลื่อนไหวอยู่ด้านบน สองขาเรียวโอบรัดเอวสอบอย่างไม่รู้ตัว
โจวเจียอีซอยเอวดุดันและดิบเถื่อน เสียงครวญครางของคนใต้ร่างเร่งเร้าให้เขาขยับโยกจนร่างเธอสั่นคลอนตามแรงกระแทก ทรวงอกอวบอิ่มถูกบดเบียดจนแผ่งอกกำยำ ริมฝีปากที่เผยอขึ้นเพื่อหายใจถูกเขาประกบจูบดูดกลีบอย่างเร่าร้อน ช่องทางคับแคบบีบรัดความเป็นชายจนเขาแทบคลั่ง ลมหายใจหอบกระชั้นดังอย่างต่อเนื่อง กลีบเนื้อสาวที่โอบรัดลำเอ็นบวมเป่งทั้งดูดกลืนและบีบรัดแก่นกายที่ขยายใหญ่ เขาไม่อาจต้านทานการตอบรับอย่างซื่อสัตย์ของเธอได้ ความเสียดเสียวที่ได้รับทำให้เขาขยับสะโพกกระแทกเข้าไปอย่างรุนแรงก่อนจะถอนตัวตนออกมาจนเกือบสุดแล้วกระแทกกลับไปซ้ำๆอย่างนั้น
หญิงสาวเบือนหน้าหลบริมฝีปากของเขาเพื่อสูดเอาอากาศ แต่ลิ้นร้อนยังระรานใบหูของเธอ เสียงเนื้อกระทบเนื้อยังดังต่อเนื่อง ร่างบางเกร็งกระตุกไปอีกครั้งแต่เขายังไม่หยุดเคลื่อนไหว ยังคงตอกตรึงลำเอ็นอย่างดิบเถื่อนแต่แสนเร้าร้อนและทำให้เธอแทบหลอมละลายอยู่ใต้ร่างของเขา
“อีริค...ไม่ไหวแล้ว พักก่อน แฮ่กๆ”
“อีกนิด ผมใกล้แล้ว อะ ..อื้ม...”
ยิ่งใกล้ถึงจุดหมายเขายิ่งเร่งจังหวะรุกเร้า ขยับเปลี่ยนท่าจับสองขาเธอขึ้นพาดบ่าแล้วซอยสะโพกถี่รัวจนร่างเธอสั่นระริก
“อีริค! ได้โปรด! ช้าหน่อย!”
ท่าทางแสนทรมานของเธอกลับเย้ายวนอย่างไม่น่าเชื่อ เขาจับจ้องทุกสีหน้าท่าทางของเธอ ประกาศกร้าวในอกและทุกการตอกลำเอ็นว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่เป็นคนทำให้เธอสุขสมได้อย่างนี้ หญิงสาวสั่นสะท้านจากสัมผัสร้อนแรงที่ได้รับ
ครั้งนี้เหมือนเขาจะไม่ปรานีเธอเลยสักนิด ระลอกความเสียวซ่านถาโถมไม่หยุดหย่อน เธอร้องครางจนแทบไม่มีเสียง ชายหนุ่มกระแทกกระทั้นอย่างรุนแรง ผนังอ่อนนุ่มตอดรัดทำให้เขาขยับซอยได้ยากยิ่ง แต่น้ำหวานที่ไหลจนเปียกเยิ้มทำให้เขายังคงซอยเอวได้ไม่หยุด ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยสีหน้าอารมณ์อันหลากหลาย ดวงตางามมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอ เขาส่งตัวตนเข้าไปจนสุดปลดปล่อยความปรารถนาที่อัดแน่นมานานในกายสาว เธอผวาเข้ากอดเขาอย่างลืมตัว สองร่างกายกันแน่นจนเหลือเพียงเสียงครางยาวและหัวใจที่เต้นรัว
สวรรค์! เขาไม่เคยรู้สึกปลดปล่อยอย่างนี้มานานแค่ไหนนะ
โจวเจียอีแปลกใจตัวเองที่ไม่อาจควบคุมความต้องการได้ถึงเพียงนี้ เขาไม่ได้ขาดแคลนผู้หญิง แต่ทุกครั้งเหมือนแค่ปลดปล่อยความต้องการไปตามธรรมชาติ แต่กับธีรยานั้นแตกต่างออกไป เขาต้องการและปรารถนาเพียงเธอเท่านั้น เหมือนยิ่งกินก็ยิ่งหิว ยิ่งดื่มก็ยิ่งกระหาย ตะกละตะกลามอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ซ้ำยังเอาอกเอาใจอยากเห็นเธอถึงจุดสุดยอดหลายๆ ครั้ง
“คุณ...ตัวหนัก ขยับออกไปหน่อย”
คนตัวเล็กเริ่มประท้วง ชายหนุ่มได้สติค่อยๆ ถอนแก่นกายออกแล้วพลิกตัวออกจากร่างเนียนนุ่มที่เวลานี้กลายเป็นสีแดงจ้ำเพราะน้ำมือของเขาเอง
“พอข้ามแม่น้ำได้ก็รื้อสะพานทิ้งเลยเหรอ” โจวเจียอีกหัวเราะในลำคอแล้วประคองร่างเธอให้นอนอย่างสบายบนเตียงของเขา นี่ก็อีก...เขาไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนมานอนร่วมเตียงอย่างนี้ด้วย
“พูดอะไรไม่เข้าใจเลย” ธีรยาพึมพำทั้งที่ดวงตาแทบลืมไม่ขึ้น แต่มือยังควานหาผ้าห่มมาคลุมร่างเปลือยเปล่า “ฉันไม่ไหวแล้วจริงๆนะ”
“อืม... ผมให้คุณพักสิบนาทีแล้วเราค่อยเริ่มรอบใหม่กัน”
“สิบนาที! บ้าไปแล้ว” เธอลืมตามองเขาแต่พอเห็นรอยยิ้มที่แทบจะเรียกว่าหัวเราะนั้นแล้วก็รู้ว่าถูกเขาหลอกเข้าให้แล้ว เธอจึงทำเสียงอ่อนอ้อนขึ้นมาทันที
“อีริค...หมิวไม่ไหวจริงๆ นะคะ”
ชายหนุ่มหัวเราะออกมา เธอรู้จัก ‘อ้อน’ เขาแล้วหรือเนี้ย มือใหญ่ดึงผ้าห่มคลุมร่างให้เรียบร้อยแล้วเขาโน้มหน้าลงจูบหน้าผากเธอเบาๆ
“นี่แค่เริ่มต้น...ยัยหอยทากน้อยของผม”
หญิงสาวสวมชุดนอนที่เป็นเสื้อเชิ้ตตัวยาวเหนือเข่าเล็กน้อย ผ้านุ่มลื่นมือสีชมพูอมส้มแบบเรียบๆ แต่ราคาบนป้ายทำให้เธอต้องคิดหนัก แต่ไม่มีเสื้อชุดอื่นให้เธอใส่ ทีแรกธีรยาก็คิดจะติดเสื้อผ้ามาสักชุด แต่รู้สึกเหมือน ‘ตั้งใจ’ มาค้างกับเขามากไปหน่อย จึงไม่ได้เตรียมอะไรมาเป็นพิเศษ แต่โจวเจียอีก็เตรียมไว้เธอเสร็จสรรพ
หลังจากนัวเนียกันจนผ้าปูที่นอนยับยู่ เขาก็เข้าไปอาบน้ำอีกรอบก่อนสวมเพียงกางเกงผ้าฝ้ายขายาวเดินออกไป เขาคงคิดว่าเธอหลับแต่ไม่เลย แม้อ่อนเพลียแต่สมองโล่งจนน่าประหลาดใจ หรือเป็นผลจากเอ็นโดรฟินที่หลั่งออกมาจากใต้สมอง
มิน่าเล่า คนถึงพูดกันเล่นๆ ว่าเวลาเครียดให้มีเซ็กส์ เธอแสร้งหลับจนมั่นใจว่าเขาไม่กลับเข้ามาอีกจึงลุกขึ้นเตียงเข้าไปอาบน้ำอีกครั้ง คราวนี้เธอเห็นเขาวางชุดนอนไว้ให้ ส่วนเสื้อผ้าของเธอที่ถูกเขาถอดออกก็ดูเหมือนว่าเขาจะจัดการเก็บให้เรียบร้อย การใส่ใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้บอกเลยว่าสร้างความประทับใจมาก พอเห็นว่าเขาเก็บเสื้อผ้าเธอให้ เธอจึงเป็นฝ่ายจัดผ้าปูที่นอนให้เรียบตึงแม้ว่าจะทำให้ยากอยู่สักหน่อย เมื่อในห้องเรียบร้อยดีเธอจึงสวมรองเท้าสลิปเปอร์ที่หลวมไปสักหน่อยเดินตามเสียงก๊อกแก๊กที่ดังมาจากในห้องครัวทันสมัย เขายืนเปลือยแผ่นอกอยู่หน้าเตาอบ
“มีอะไรให้หมิวช่วยไหมคะ” เธอส่งเสียงออกไปในขณะที่กลิ่นอาหารหอมกรุ่นโชยมาแตะปลายจมูก
“เสร็จพอดี” โจวเจียอีตอบแล้วหันกลับมามองคนตัวเล็กที่สวมชุดนอนที่เขาซื้อให้ “คุณทำให้ห้องผมอบอุ่นขึ้นนะ”
“หือ? หมิวเป็นเครื่องฮีทเตอร์ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” เสียงหวานใสหัวเราะขึ้นพลางขยับแว่นสายตา “หรือไม่คุณก็ปรับอุณหภูมิแอร์ในห้องนี้สักหน่อย”
โจวเจียอีเชื่อว่าหญิงสาวไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด เขาใช้ชีวิตคนเดียวจนเคยชิน ยิ่งในห้องนี้ที่ไม่ค่อยตอนรับใครนัก แต่เขากลับยอมให้เธอก้าวเข้ามา
“ผมหุงข้าวไม่เป็น เคยลองแล้วแต่มันแฉะหรือไม่ก็แข็งจนกินไม่ได้ ก็เลยทำของที่ตัวเองถนัด”
“สเต็กเหรอคะ” สาวแว่นร่างเล็กยื่นหน้าไปใกล้ “กลิ่นหอมเชียว”
“คุณชอบแบบไหน”
“ฉันกินง่ายค่ะ อะไรก็ได้”
“สเต็กเนื้อวัว สลัดผักผักโขมอบชีสแล้วก็ไวน์แดง” เขาบรรยายเมนูอาหารของค่ำนี้ “หรูพอไหมครับ” หญิงสาวพยักหน้ารับ “ระดับประธานโจวลงมือทำให้กินนี่ก็เรียกว่าหรูแล้ว” “ผมทำอาหารได้ไม่กี่อย่าง” เขายอมรับ “ถ้าคุณไม่โอเค. เราสั่งอย่างอื่นมาได้นะ” “ก็บอกแล้วไงคะ ว่าหมิวกินง่ายอยู่ง่าย หรือไม่ก็...คราวหน้าให้หมิวทำกับข้าวให้คุณกิน” “คุณพูดเองนะ” เขาพูดยิ้มๆ แล้วยกจานสเต็กมาวางบนโต๊ะอาหาร “ถึงหมิวจะเป็นหมอในห้องแล็บแต่ก็ถนัดใช้มีดนะคะ” เธอฉีกยิ้มใส่ “อ้อ! แต่หมิวทำเป็นแต่เมนูง่ายๆ นะ ตอนอยู่บ้านเด็กกำพร้าก็ต้องช่วยแม่ครัวทำอาหารอยู่บ่อยๆ” “ขอแค่คุณทำให้ผมกิน ผมกินได้ทั้งนั้น” เขาเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งแล้วเดินไปหยิบแก้วมารินไวน์สองแก้ว “คุณ...จะไม่ใส่เสื้อหน่อยเหรอ” “ผมขี้ร้อน” เขายิ้มกริ่ม “ใส่เสื้อเถอะคะ หมิวไม่มีสมาธิกินข้าว” เธอย่นจมูกใส่ เขาหัวเราะแล้วเดินหายไปไม่กี่นาทีกลับมาพร้อมร่างสูงโปร่งที่สวมเสื้อยืดคอวีสีเข้ม เขาเดินอ้อมมาด้านหลังแล้วรวบผมเธอเป็นมวยใช้ดินสอแทนปิ
“ผมสัญญา ผมไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน”“อย่าเพิ่งสัญญาอะไรแบบนั้นเลย เราเพิ่งเริ่มต้นกันเอง”“แค่คุณให้โอกาสเริ่มต้น ผมก็ดีใจแล้ว” “ถ้างั้น...เรามาลองคบกันอย่างเป็นทางการดีไหมคะ” “ด้วยความยินดีและเต็มใจยิ่งครับ เติมไวน์อีกไหม?”“คุณจะมอมไวน์หมิวเหรอคะ” “ดื่มฉลองกับผมหน่อย ผมจีบหอยทากน้อยติดเสียที”“อิริค! หมิวไม่ใช่หอยทากน้อยนะ”เสียงหวานใสหัวเราะออกมาทำลายบรรยากาศ ห้องที่อึมครึมเหมือนเจ้าของห้องพลันเปลี่ยนไปทันทีที่มีหญิงสาวเข้ามาในห้องบางที...ไม่ใช่เพียงแค่เธอเท่านั้นที่ทำลายเปลือกที่ห่อหุ้มตัวเองออก แต่เป็นเขาเช่นกันที่เปิดใจ ‘รัก’ ใครคนหนึ่งจากหัวใจที่แท้จริง.......... หญิงสาวก้าวเร็วๆ จนแทบจะกลายเป็นวิ่งมาที่แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เพียงผลักบานประตูเข้าไปก็กวาดสายตามองหาคนที่ต้องการพบ กำลังอ้าปากจะถามพยาบาลแต่ก็มองเห็นเงาร่างที่คุ้นตาเสียก่อนจึงรีบเดินเข้าไปหา ก้องภพรับรู้ได้ว่ามีคนเข้ามาใกล้แต่ประสบการณ์ทำให้มีสมาธิจัดการกับแผลตรงหน้าจนเสร็จเรียบร้อย “เป็นยังไงบ้างคะ” ธีรยาเอ่ยปากถามอย่างเป็นกังวล “ไม่เป็นไรไกลหัวใจตั้งเยอะ”
“ไม่มีอะไร” ธีรยาหงุดหงิด แล้วตวัดตามองก้องภพอย่างขุ่นเคือง “ลูกน้องมีเรื่องต่างหาก แต่คุณโจวเป็นหัวหน้ามาไกล่เกลี่ยเสียค่าปรับให้ลูกน้องค่ะ” “ไม่ทันไรก็พูดแก้ต่างแทนกันแล้ว” ก้องภพทำเสียงเหอะในลำคอ “หมิวพูดเรื่องจริงต่างหาก” “เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเถียงพี่สักคำ เดี๋ยวนี้พูดถึงคนนั้นนี่กล้าเถียงแทนเลยเหรอ” “ก็...” “พี่ก้องคะ ผู้ใหญ่รออยู่นะคะ” เขมิกากระตุกแขนเสื้อของก้องภพเบาๆ ทำให้ก้องภพได้สติ เขาลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนคว้ามือเรียวของว่าที่เจ้าสาวแล้วกึ่งลากกึ่งจูงออกไป “เกิดอะไรขึ้นเนี้ย” ปกป้องทำหน้างง แต่ที่งงกว่าคือคนที่เขาหมายตามาตั้งแต่เด็กมีแฟนโดยที่เขาไม่รู้!“หมิว...” “ค่อยคุยกันวันหลังก็แล้วกัน” เธอปวดหัวขึ้นมาตุบๆ ขึ้นมา “นายต้องกลับไปที่ทำงานอีกหรือเปล่า ยังไงคืนนี้ต้องระวังมีไข้ กินข้าวแล้วกินยาพักผ่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ โทรหาหมิวแล้วส่งโลเคชั่นมา หมิวจะไปดู เข้าใจนะ” “อืมๆ” ปกป้องอยากคุยกับธีรยามากกว่านี้แต่เขาต้องกลับไปทำรายงานที่เจ็บตัวนี่ก่อน “เดี๋ยวเราโทรนะ”
“สิบสองปีแล้วครับ”“โอ้ว! นานจริง แสดงว่าต้องรู้เรื่องของอีริคบ้างใช่ไหม” เธอเงยหน้ามองบอดี้การ์ดของโจวเจียอีด้วยแววตาเปี่ยมความหวัง แต่ดวงตาหลังแว่นตากรอบหนาพราวระยับจนคนมองนิ่งงันไปชั่วขณะ“คือหมิวอยากรู้ว่าอีริคชอบกินอะไรบ้าง หรือไม่ชอบอะไร เผื่อหมิวจะทำให้เขาได้บ้าง”“อ้อ! เรื่องนั้นได้เลยครับ ถามผมได้ทุกเรื่องเลยครับ” เจสันรีบพูดขึ้น แบบนี้ถ้าบอสรู้เข้าต้องดีใจแน่ๆ“แล้วบอสของคุณมีผู้หญิงเยอะไหมคะ”“แค่กๆ...เรื่องนั้น””“ช่างเถอะค่ะ ถือว่าหมิวไม่เคยพูดแล้วกัน”เขาอายุสามสิบแล้ว ถ้าเคยมีแฟนมาก่อนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ปัจจุบันต่างหากที่เธอต้องสนใจทั้งสองเดินขึ้นบันไดมาที่ชั้นสามตามที่ปกป้องบอกไว้ เจสันเคาะประตูห้องอย่างมีมารยาทไม่กี่วินาทีต่อมาเจ้าของห้องก็เปิดประตูมาพร้อมใบหน้าที่มีรอยช้ำ“เขียวแล้ว” ธีรยาอดเอานิ้วจิ้มที่มุมปากของเขาไม่ได้ “นายนี่มันเหมือนเด็กจริงๆ”“มาเยี่ยมหรือมาบ่น” ปกป้องเบ้ปากแต่เพราะเจ็บปากจึงเผลอร้องซี๊ดออกมา เขาปรายตามองไปยังชายชาวจีนสวมชุดสูทสีเข้มที่ยืนอยู่ด้านข้าง ดูไม่เข้ากับปิ่นโตสีพาสเทลที่ถืออยู่“หมอนั้น...แฟนเธอเหรอ”“ไม่ใช่” ธีรยารีบปฏ
“รู้แล้วนะ เจอกันวันงานแต่งพี่หมอนั้นนะ”“ทำไมต้องเรียกพี่หมอก้องแบบนั้นนะ” เธอส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจ ทั้งสองพูดคุยกันอีกเล็กน้อยแล้วธีรยาก็ขอตัวกลับประตูห้องปิดลงแล้ว ปกป้องเดินไปที่หยิบโน้ตบุ๊คมาเปิดขึ้นทันทีแล้วเสิร์ซชื่อผู้ชายที่ธีรยากำลังคบหาดูใจอยู่ อ่านข่าวมาเยอะ ได้ยินมาแยะ อย่าว่าเขาอคติเลย แต่เขาไม่ไว้ใจผู้ชายคนนั้นเลยจริงๆ... หญิงสาวอยู่ในชุดเดรสไหล่กว้างอวดไหล่สวย กระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อยรับกับรองเท้าส้นสูงที่นานๆ จะสวมสักครั้ง ผมยาวถูกดัดเป็นลอนสวยแปลกตา ใบหน้าหวานแต้มแต่งสีสันอย่างพอดี ริมฝีปากอิ่มเคลือบสีส้มอมชมพูและวันนี้เธอใส่คอนแทคเลนส์แทนแว่นสายตากรอบหนาที่สวมเป็นประจำ เจ้าของร่างเล็กสูง 155 เซนติเมตร หมุนตัวหน้ากระจกบานใหญ่ตรงหน้าไม่คิดว่าจะได้เห็นตัวเอง ‘สวย’ ขนาดนี้ ธีรยามองเงาที่สะท้อนอยู่ในกระจก เห็นโจวเจียอีหยุดมองเธออยู่ก็หมุนตัวกลับไปส่งยิ้มให้เขาพลางยกมือขึ้นแตะเรือนผมอย่างเก้อเขิน “คุณมาแล้วเหรอ” “ขอโทษที่มาช้าไปหน่อย”โจวเจียอีตื่นจากภวังค์แล้วเดินเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นหอมละมุนจากหญิงสาว เขาไม่รู
“พูดจริงๆนะ หมิวไม่คิดเรื่องตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงหรอก หากพวกเขาอยากเจอหมิวคงมาตามหาหมิวตั้งนานแล้วละ พวกเขาคงมีครอบครัวใหม่กันไปแล้ว อย่าให้การมีตัวตนของหมิวทำให้พวกเขาเดือนร้อนใจหรือไม่มีความสุขดีกว่า” เธอส่งยิ้มให้เขา“จริงๆ นะคะ” “ครับ” เขาบีบมือเธอ “คุณมีผมอยู่นะ ไม่ได้ตัวคนเดียว ครอบครัวผมก็คือครอบครัวของคุณ” “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเข้าไปรดน้ำสังข์และอวยพรให้คู่บ่าวสาว วันนี้เขมิกาสวยเจิดจ้าสมเป็นเจ้าสาวจริงๆ เห็นแบบนี้ก็แล้วเธอพลอยสบายใจไปด้วย เรื่องบาดหมางเข้าใจผิดคงคลี่คลายในไม่ช้า เขมิกายิ้มรับคำอวยพรพลางปรายตามองเจ้าบ่าวที่นั่งอยู่เคียงข้าง แม้เขายิ้มแต่แววตาตรงข้าม แต่ช่างเถอะ เพราะตอนนี้เขาคือสามีของเธอแล้ว เขาคงไม่กล้าทำร้ายจิตใจเธอและคนในครอบครัวแน่นอน พิธีเช้าดำเนินไปจนเสร็จสิ้นด้วยดี แขกเรื่อเข้ามาถ่ายรูปกับคู่บ่าวสาว ธีรยาคว้ามือโจวเจียอีให้เข้าไปถ่ายรูปด้วยกัน “ขอแสดงความยินดีด้วยครับ” โจวเจียอีกเอ่ยอย่างสุภาพและไม่สนใจสายตาของก้องภพ เขาจับมือผู้หญิงคนตนเองแน่นราวกับตอกย้ำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาไม่มี
ธีรยาไม่รู้ต้องทำอย่างไร หลายปีที่รู้จักก้องภพ เขาไม่เคยทำแบบนี้กับเธอมาก่อนและยิ่งวันนี้ เวลานี้ ผู้หญิงคนเดียวที่เขาจะกอดได้คือเจ้าสาวของเขาซึ่งไม่ใช่เธอ “พี่ก้องปล่อยหมิวนะคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” “กลัวไอ้หมอนั้นเห็นหรือไง” “พี่หมอก้องช่วยพูดถึงคนรักของหมิวดีๆด้วยค่ะ” หญิงสาวดิ้นขลุกขลักแต่เขากลับกอดรัดแน่นขึ้น “ทำไมถึงเป็นผู้ชายคนนั้น!” เขากัดฟันกรอดด้วยความโมโห “หมิวยั่วให้พี่โกรธใช่ไหม ทำแบบนี้คิดดีแล้วเหรอ” “เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ หมิวจะคบกับใครก็ได้” ก้องภพหัวเราะเย้ยเยาะ “หรือจริงๆ แล้วหมิวก็กระสันอยากได้ผู้ชายรวย ถ้าอยากได้แบบนั้นทำไมไม่บอกพี่แต่แรก ถ้า..” “พี่หมอก้อง! ถ้าพี่ไม่ปล่อยหมิว หมิวจะร้องให้คนช่วย อย่าลืมนะคะว่าพี่หมอก้องแต่งงานแล้ว!” คำว่า ‘แต่งงาน’ เรียกสติของก้องภพได้ วงแขนที่กอดรัดคลายออกอย่างไม่รู้ตัว ธีรยาได้จังหวะรีบสะบัดตัวหลุดออก หญิงสาวจ้องหน้าเขาด้วยความรู้สึกเสียใจ เธอรักและเคารพก้องภพมาก ไม่คิดว่าเขาจะทำเช่นนี้กับเธอ ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีหายไป
“คราวนี้ไม่ได้แล้ว” เขาพูดน้ำเสียงเคร่งเครียดก่อนก้มมองสบตากับคนในอ้อมแขน “คุณทำผมเครื่องร้อนแล้ว” “เอ่อ...” ธีรยาเข้าใจได้ในทันทีเพราะมีบางสิ่งดุนดันอยู่ “หมิวไม่ได้ตั้งใจ” เธอไม่ได้ตั้งใจ แต่เขานะ...ตั้งโด่แล้ว! โจวเจียอีอุ้มร่างนุ่มนิ่มเข้าด้านใน เขาสาวเท้ายาวๆ อุ้มร่างเธอว่างบนเคาน์เตอร์เครื่องดื่มแล้วกดจูบอย่างหิวกระหาย มือใหญ่เลื่อนไปที่แผ่นหลังเพื่อหาซิปซ่อนแล้วจัดการรูดออกอย่างรวดเร็ว “อื้อ...ช้าหน่อยค่ะ” ธีรยาประท้วงเบาๆ เมื่อเขายอมถอนจูบให้เธอได้สูดอากาศหายใจ ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นราวกับลูกไฟที่พร้อมจะหลอมละลายเธอไปด้วยสัมผัสของเขา “ผมทนไม่ไหวแล้ว” เขาพูดเสียงพร่าแล้วขบเม้มติ่งหู “ทะ...ที่นี่...ตรงนี้เหรอคะ...” หญิงสาวถามเสียงสั่นเสื้อผ้าเลื่อนหล่นจากกาย ร่วมรักกันหลายครั้งแต่ก็อยู่ในห้องมิดชิด แต่นี่...กลางบ้านแบบนี้ เธอ... “ไม่มีคนอื่นในบ้านหลังนี้” โจวเจียอีพูดอย่างรู้ทันความคิดของคนขี้อาย “ที่นี่มีแค่คุณกับผม” หญิงสาวลอบมองรอบข้างไม่เห็นมีใครอื่นจริงๆ ยังไม่ทั