“ไม่มีอะไร” ธีรยาหงุดหงิด แล้วตวัดตามองก้องภพอย่างขุ่นเคือง “ลูกน้องมีเรื่องต่างหาก แต่คุณโจวเป็นหัวหน้ามาไกล่เกลี่ยเสียค่าปรับให้ลูกน้องค่ะ”
“ไม่ทันไรก็พูดแก้ต่างแทนกันแล้ว” ก้องภพทำเสียงเหอะในลำคอ
“หมิวพูดเรื่องจริงต่างหาก”
“เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเถียงพี่สักคำ เดี๋ยวนี้พูดถึงคนนั้นนี่กล้าเถียงแทนเลยเหรอ”
“ก็...”
“พี่ก้องคะ ผู้ใหญ่รออยู่นะคะ” เขมิกากระตุกแขนเสื้อของก้องภพเบาๆ ทำให้ก้องภพได้สติ เขาลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนคว้ามือเรียวของว่าที่เจ้าสาวแล้วกึ่งลากกึ่งจูงออกไป
“เกิดอะไรขึ้นเนี้ย” ปกป้องทำหน้างง แต่ที่งงกว่าคือคนที่เขาหมายตามาตั้งแต่เด็กมีแฟนโดยที่เขาไม่รู้!
“หมิว...”
“ค่อยคุยกันวันหลังก็แล้วกัน” เธอปวดหัวขึ้นมาตุบๆ ขึ้นมา “นายต้องกลับไปที่ทำงานอีกหรือเปล่า ยังไงคืนนี้ต้องระวังมีไข้ กินข้าวแล้วกินยาพักผ่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ โทรหาหมิวแล้วส่งโลเคชั่นมา หมิวจะไปดู เข้าใจนะ”
“อืมๆ” ปกป้องอยากคุยกับธีรยามากกว่านี้แต่เขาต้องกลับไปทำรายงานที่เจ็บตัวนี่ก่อน “เดี๋ยวเราโทรนะ”
หญิงสาวเดินออกมาแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพี่หมอก้องถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูเวลา แต่ก็อดคิดถึงผู้ชายคนที่เป็น ‘แฟน’ หมาดๆ ของเธอไม่ได้ เขากลับไปทำงานไต้หวันแต่สัญญาว่าจะกลับมาให้ทันไปร่วมงานแต่งงานก้องภพพร้อมเธอ แม้เธอจะไม่รู้เรื่องงานของเขามากนักแต่เธอก็เชื่อใจว่าเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่คนอื่นคิดกัน อย่างน้อย ผู้ชายคนนั้นก็ ‘อ่อนโยน’ กับเธอมากจริงๆ
เขมิกาถูกก้องภพจูงมือออกมาที่รถยนต์ที่จอดอยู่ที่ลาดจอดรถ เมื่อพ้นสายตาคนอื่นเขมิกาก็กระตุกมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของว่าที่เจ้าบ่าว ก้องภพมองหญิงสาวอย่างงุนงงแต่เธอกลับยกมือขึ้นกอดอกแล้วพูดน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย
“พี่ก้องอยากยกเลิกงานแต่งงานไหมคะ”
“เข็ม...เข็มพูดอะไรออกมา วันเสาร์เราก็จะแต่งงานกันแล้วนะ”
“แต่ท่าทางพี่ก้องเหมือนไม่พร้อมนี่คะ” แม้จะเจ็บปวดแต่ก็ต้องพูดออกไป “เข็มไม่อยากฝืนใจพี่ก้อง ถ้าพี่ก้องไม่พร้อม เข็มจะคุยกับผู้ใหญ่เองค่ะ”
“ไม่ได้นะเข็ม” ก้องภพยอมรับว่าตัวเองหวั่นไหวและเผลอคิดว่าการแต่งงานครั้งนี้อาจเร็วเกินไป แต่พอฝ่ายหญิงชิงพูดออกมาก่อน เขากลับรู้สึกว่าไม่ควรให้ทุกอย่างยุติลง
“ทำไมคะ เข็มยังมีความหมายกับพี่ก้องอยู่เหรอ”
ปากพูดไปแบบนั้น แต่ในใจเจ็บเสียยิ่งกว่าเจ็บ เธอเองก็ไม่ต้องการปล่อยมือจากเขา และยิ่งล้มเลิกงานแต่งงานไม่ได้เด็ดขาด หน้าตาของคนในครอบครัวทั้งสองตระกูลจะเป็นอย่างไร แต่ผู้ชายอย่างก้องภพ ยิ่งบีบบังคับเขาก็จะยิ่งถอยห่าง เธอจึงต้องพยายามทำเป็นฝ่ายใจกว้างทั้งที่อยากกรีดร้องออกมาสุดเสียง
“ไม่เอาน่าเข็ม พี่ขอโทษที่ไม่ได้ใส่ใจเข็ม”
“เข็มรู้ว่าพี่ก้องสนิทกับหมอหมิว แต่แบบนี้มันเกินไปไหมคะ”
“พี่กับหมิวไม่มีอะไรกัน เราแค่พี่น้องกัน!”
“ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆนี่คะ แล้วหมอหมิวก็สวยด้วย เก่งด้วย อยู่ที่ทำงานเดียวกันอีก”
“ไม่เอาสิเข็ม พี่เป็นห่วงหมิวจริงๆ พี่ก็แค่...กลัวหมิวถูกคนหลอก หมิวหัวอ่อนโดนหลอกง่ายจะตาย ไม่รู้ผู้ชายคนนั้นมันหลอกให้หมิวรักแล้วทิ้งหรือเปล่า”
“แต่เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งในชีวิตของหมอหมิวนะคะ”
เขมิกาพยายามอย่างที่สุดที่จะทำใจเย็นกับก้องภพ ยิ่งฟังเขาพูดเรื่องผู้หญิงที่ชื่อธีรยา เธอยิ่งอยากบีบมือตัวเองแน่นขึ้นจนเล็บจิกฝ่ามือ
“ก็จริงอย่างที่เข็มพูด ขอบใจที่เตือนสติพี่นะครับ”
“แล้ว...งานแต่งงานของเรา...”
“ก็ต้องแต่งสิครับ” เขายื่นมือไปคว้ามือของหญิงสาวมากุมไว้ “เจ้าสาวของพี่คือเข็มคนเดียวเท่านั้น”
พูดออกไปแล้วแต่หัวใจเจ็บแปลบชอบกล จู่ๆ ก้องภพก็นึกภาพธีรยาในชุดเจ้าสาวแสนหวานและมีเขายืนอยู่เคียงข้าง ให้ตายสิ! เมื่อก่อนไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้ แต่ทำไมมาคิดเอาตอนนี้ ตอนที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว หรือจะมีทางให้เขาสานสัมพันธ์กับธีรยาในฐานะอื่น ถ้าเธอยอม...
บ้าจริง! เขาคิดอะไรอยู่ ยังไม่ทันแต่งงานก็คิดจะมีเมียเก็บได้ยังไงกัน!
แม้บริสุทธิ์ใจ แต่ธีรยาก็คิดว่าคำพูดของก้องภพมีเหตุผล เธอไม่ใช่เด็กหญิงตัวน้อยๆ ไม่ประสีประสา และที่สำคัญตอนนี้มีก็มีคนคบหาดูใจแล้ว แต่จะไม่ไปดูแลเพื่อนที่บาดเจ็บก็ทำไม่ได้
‘ให้เจสันไปเป็นเพื่อนคุณ’
‘จะดีหรือคะ เขาเป็นคนของคุณนะ’
‘คนของผมก็เหมือนคนของคุณ ผมให้เขาอยู่เมืองไทยเพื่อดูแลคุณ’
‘หมิวทำงานให้ห้องแล็บไม่ต้องมีบอดี้การคุ้มครองหรอก’
‘เอาเป็นว่า คุณสามารถใช้งานเจสันได้ จะให้เขาหิ้วขวดน้ำหรือแบกถังแก๊สก็ได้’
คราวนี้ธีรยาหัวเราะออกมา ‘ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอยืมคนของคุณหน่อยนะคะ’
‘ด้วยความยินดีครับ แล้วก็...ขอบคุณที่มาปรึกษาเรื่องนี้กับผม’
‘ทำไมเหรอคะ?’
‘นั้นทำให้ผมรู้สึกว่าคุณแคร์ความรู้สึกของผมไง’
‘ก็...ต้องแคร์สิ...คุณเป็นคนพิเศษนี่’
‘ชื่นใจจัง ไม่ต้องห่วงนะผมกลับไปทันเป็นงานแต่งของก้องภพแน่นอน’
ธีรยาจำได้ว่าตัวเองหัวเราะคิกคัก อารมณ์ขุ่นมัวหายไปหมดสิ้น เธอเองก็เพียงเคยมีแฟน ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองถูกต้องหรือไม่ การรักษาระยะห่างหรือการมีพื้นที่ส่วนตัวของแต่ละคน หลายต่อหลายเรื่องที่เคยได้ยินมา เมื่อถึงคราวตัวเองเธอกลับรู้สึกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรู้สึกของกันและกัน
“ถึงแล้วครับคุณธีรยา” เจสันเอ่ยหลังจอดรถที่หน้าอพาทเม้นต์แห่งหนึ่ง
“เรียกหมิวก็ได้เราเจอกันบ่อยแล้วนะคะ”
“ไม่ได้ครับ คุณเป็นผู้หญิงของบอส ผมจะเรียกชื่อเล่นของคุณไม่ได้”
“นี่มันยุคไหนแล้ว” เธอส่ายหน้าไปมา แต่การมีคนขับรถให้แบบนี้ก็สะดวกสบายดีเหมือนกัน “คุณพูดภาษาไทยได้ดีเลยนะคะ”
“ถ้าอยากทำงานกับบอสต้องฝึกเรื่องภาษาครับ บอสจ้างคนมาสอน”
“แสดงว่าทำงานกับอีริครายได้ดีคุ้มค่าสินะคะ”
“ครับ” เจสันยิ้มรับแล้วลงจากรถมาเปิดประตูให้ผู้หญิงของบอส “อันที่จริงบอสให้ชีวิตใหม่ผม ถ้าไม่ใช่บอสยื่นมือให้โอกาส ผมก็คงเป็นแค่นักเลงข้างถนนไม่มีชีวิตที่ดีแบบนี้”
เธอพยักหน้ารับแล้วก้าวลงจากรถ
เจสันหิ้วปิ่นโตและถุงใส่ผลไม้ เขาแอบเขม่นในใจว่าทำไมผู้ชายคนนั้นได้กินอาหารที่คุณธีรยาลงมือทำด้วยตัวเอง แต่ธีรยาแค่ต้องการประหยัดเงินและรู้ว่าคนเจ็บอย่างปกป้องต้องดูแลเรื่องอาหารสักหน่อย
“เจสันทำงานกับอีริคมากี่ปีแล้วคะ” เธอถามพลางพิมพ์ข้อความส่งให้ปกป้อง
“สิบสองปีแล้วครับ”“โอ้ว! นานจริง แสดงว่าต้องรู้เรื่องของอีริคบ้างใช่ไหม” เธอเงยหน้ามองบอดี้การ์ดของโจวเจียอีด้วยแววตาเปี่ยมความหวัง แต่ดวงตาหลังแว่นตากรอบหนาพราวระยับจนคนมองนิ่งงันไปชั่วขณะ“คือหมิวอยากรู้ว่าอีริคชอบกินอะไรบ้าง หรือไม่ชอบอะไร เผื่อหมิวจะทำให้เขาได้บ้าง”“อ้อ! เรื่องนั้นได้เลยครับ ถามผมได้ทุกเรื่องเลยครับ” เจสันรีบพูดขึ้น แบบนี้ถ้าบอสรู้เข้าต้องดีใจแน่ๆ“แล้วบอสของคุณมีผู้หญิงเยอะไหมคะ”“แค่กๆ...เรื่องนั้น””“ช่างเถอะค่ะ ถือว่าหมิวไม่เคยพูดแล้วกัน”เขาอายุสามสิบแล้ว ถ้าเคยมีแฟนมาก่อนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ปัจจุบันต่างหากที่เธอต้องสนใจทั้งสองเดินขึ้นบันไดมาที่ชั้นสามตามที่ปกป้องบอกไว้ เจสันเคาะประตูห้องอย่างมีมารยาทไม่กี่วินาทีต่อมาเจ้าของห้องก็เปิดประตูมาพร้อมใบหน้าที่มีรอยช้ำ“เขียวแล้ว” ธีรยาอดเอานิ้วจิ้มที่มุมปากของเขาไม่ได้ “นายนี่มันเหมือนเด็กจริงๆ”“มาเยี่ยมหรือมาบ่น” ปกป้องเบ้ปากแต่เพราะเจ็บปากจึงเผลอร้องซี๊ดออกมา เขาปรายตามองไปยังชายชาวจีนสวมชุดสูทสีเข้มที่ยืนอยู่ด้านข้าง ดูไม่เข้ากับปิ่นโตสีพาสเทลที่ถืออยู่“หมอนั้น...แฟนเธอเหรอ”“ไม่ใช่” ธีรยารีบปฏ
“รู้แล้วนะ เจอกันวันงานแต่งพี่หมอนั้นนะ”“ทำไมต้องเรียกพี่หมอก้องแบบนั้นนะ” เธอส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจ ทั้งสองพูดคุยกันอีกเล็กน้อยแล้วธีรยาก็ขอตัวกลับประตูห้องปิดลงแล้ว ปกป้องเดินไปที่หยิบโน้ตบุ๊คมาเปิดขึ้นทันทีแล้วเสิร์ซชื่อผู้ชายที่ธีรยากำลังคบหาดูใจอยู่ อ่านข่าวมาเยอะ ได้ยินมาแยะ อย่าว่าเขาอคติเลย แต่เขาไม่ไว้ใจผู้ชายคนนั้นเลยจริงๆ... หญิงสาวอยู่ในชุดเดรสไหล่กว้างอวดไหล่สวย กระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อยรับกับรองเท้าส้นสูงที่นานๆ จะสวมสักครั้ง ผมยาวถูกดัดเป็นลอนสวยแปลกตา ใบหน้าหวานแต้มแต่งสีสันอย่างพอดี ริมฝีปากอิ่มเคลือบสีส้มอมชมพูและวันนี้เธอใส่คอนแทคเลนส์แทนแว่นสายตากรอบหนาที่สวมเป็นประจำ เจ้าของร่างเล็กสูง 155 เซนติเมตร หมุนตัวหน้ากระจกบานใหญ่ตรงหน้าไม่คิดว่าจะได้เห็นตัวเอง ‘สวย’ ขนาดนี้ ธีรยามองเงาที่สะท้อนอยู่ในกระจก เห็นโจวเจียอีหยุดมองเธออยู่ก็หมุนตัวกลับไปส่งยิ้มให้เขาพลางยกมือขึ้นแตะเรือนผมอย่างเก้อเขิน “คุณมาแล้วเหรอ” “ขอโทษที่มาช้าไปหน่อย”โจวเจียอีตื่นจากภวังค์แล้วเดินเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นหอมละมุนจากหญิงสาว เขาไม่รู
“พูดจริงๆนะ หมิวไม่คิดเรื่องตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงหรอก หากพวกเขาอยากเจอหมิวคงมาตามหาหมิวตั้งนานแล้วละ พวกเขาคงมีครอบครัวใหม่กันไปแล้ว อย่าให้การมีตัวตนของหมิวทำให้พวกเขาเดือนร้อนใจหรือไม่มีความสุขดีกว่า” เธอส่งยิ้มให้เขา“จริงๆ นะคะ” “ครับ” เขาบีบมือเธอ “คุณมีผมอยู่นะ ไม่ได้ตัวคนเดียว ครอบครัวผมก็คือครอบครัวของคุณ” “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเข้าไปรดน้ำสังข์และอวยพรให้คู่บ่าวสาว วันนี้เขมิกาสวยเจิดจ้าสมเป็นเจ้าสาวจริงๆ เห็นแบบนี้ก็แล้วเธอพลอยสบายใจไปด้วย เรื่องบาดหมางเข้าใจผิดคงคลี่คลายในไม่ช้า เขมิกายิ้มรับคำอวยพรพลางปรายตามองเจ้าบ่าวที่นั่งอยู่เคียงข้าง แม้เขายิ้มแต่แววตาตรงข้าม แต่ช่างเถอะ เพราะตอนนี้เขาคือสามีของเธอแล้ว เขาคงไม่กล้าทำร้ายจิตใจเธอและคนในครอบครัวแน่นอน พิธีเช้าดำเนินไปจนเสร็จสิ้นด้วยดี แขกเรื่อเข้ามาถ่ายรูปกับคู่บ่าวสาว ธีรยาคว้ามือโจวเจียอีให้เข้าไปถ่ายรูปด้วยกัน “ขอแสดงความยินดีด้วยครับ” โจวเจียอีกเอ่ยอย่างสุภาพและไม่สนใจสายตาของก้องภพ เขาจับมือผู้หญิงคนตนเองแน่นราวกับตอกย้ำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาไม่มี
ธีรยาไม่รู้ต้องทำอย่างไร หลายปีที่รู้จักก้องภพ เขาไม่เคยทำแบบนี้กับเธอมาก่อนและยิ่งวันนี้ เวลานี้ ผู้หญิงคนเดียวที่เขาจะกอดได้คือเจ้าสาวของเขาซึ่งไม่ใช่เธอ “พี่ก้องปล่อยหมิวนะคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” “กลัวไอ้หมอนั้นเห็นหรือไง” “พี่หมอก้องช่วยพูดถึงคนรักของหมิวดีๆด้วยค่ะ” หญิงสาวดิ้นขลุกขลักแต่เขากลับกอดรัดแน่นขึ้น “ทำไมถึงเป็นผู้ชายคนนั้น!” เขากัดฟันกรอดด้วยความโมโห “หมิวยั่วให้พี่โกรธใช่ไหม ทำแบบนี้คิดดีแล้วเหรอ” “เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ หมิวจะคบกับใครก็ได้” ก้องภพหัวเราะเย้ยเยาะ “หรือจริงๆ แล้วหมิวก็กระสันอยากได้ผู้ชายรวย ถ้าอยากได้แบบนั้นทำไมไม่บอกพี่แต่แรก ถ้า..” “พี่หมอก้อง! ถ้าพี่ไม่ปล่อยหมิว หมิวจะร้องให้คนช่วย อย่าลืมนะคะว่าพี่หมอก้องแต่งงานแล้ว!” คำว่า ‘แต่งงาน’ เรียกสติของก้องภพได้ วงแขนที่กอดรัดคลายออกอย่างไม่รู้ตัว ธีรยาได้จังหวะรีบสะบัดตัวหลุดออก หญิงสาวจ้องหน้าเขาด้วยความรู้สึกเสียใจ เธอรักและเคารพก้องภพมาก ไม่คิดว่าเขาจะทำเช่นนี้กับเธอ ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีหายไป
“คราวนี้ไม่ได้แล้ว” เขาพูดน้ำเสียงเคร่งเครียดก่อนก้มมองสบตากับคนในอ้อมแขน “คุณทำผมเครื่องร้อนแล้ว” “เอ่อ...” ธีรยาเข้าใจได้ในทันทีเพราะมีบางสิ่งดุนดันอยู่ “หมิวไม่ได้ตั้งใจ” เธอไม่ได้ตั้งใจ แต่เขานะ...ตั้งโด่แล้ว! โจวเจียอีอุ้มร่างนุ่มนิ่มเข้าด้านใน เขาสาวเท้ายาวๆ อุ้มร่างเธอว่างบนเคาน์เตอร์เครื่องดื่มแล้วกดจูบอย่างหิวกระหาย มือใหญ่เลื่อนไปที่แผ่นหลังเพื่อหาซิปซ่อนแล้วจัดการรูดออกอย่างรวดเร็ว “อื้อ...ช้าหน่อยค่ะ” ธีรยาประท้วงเบาๆ เมื่อเขายอมถอนจูบให้เธอได้สูดอากาศหายใจ ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นราวกับลูกไฟที่พร้อมจะหลอมละลายเธอไปด้วยสัมผัสของเขา “ผมทนไม่ไหวแล้ว” เขาพูดเสียงพร่าแล้วขบเม้มติ่งหู “ทะ...ที่นี่...ตรงนี้เหรอคะ...” หญิงสาวถามเสียงสั่นเสื้อผ้าเลื่อนหล่นจากกาย ร่วมรักกันหลายครั้งแต่ก็อยู่ในห้องมิดชิด แต่นี่...กลางบ้านแบบนี้ เธอ... “ไม่มีคนอื่นในบ้านหลังนี้” โจวเจียอีพูดอย่างรู้ทันความคิดของคนขี้อาย “ที่นี่มีแค่คุณกับผม” หญิงสาวลอบมองรอบข้างไม่เห็นมีใครอื่นจริงๆ ยังไม่ทั
มีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าเขาไม่ได้มีเซ็กส์ดุเดือดอย่างนี้มานานแล้ว ที่ผ่านมาเขาควบคุมความต้องการของตัวเองได้อย่างดี และเมื่อมีธีรยาเขาก็มักจะ ‘อ่อนโยน’ กับเธอเสมอ แต่ครั้งนี้ได้ปลดปล่อยตัวเองจนหมดสิ้น และนานแล้วที่เขาไม่ได้มีเซ็กส์แบบไร้เครื่องป้องกันเช่นนี้ แต่เขาไม่คิดว่านี่เป็นลูกไม้ที่เธอจะใช้จับเขา แน่นอนว่าก่อนหน้านี้เขาจะไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แต่ครั้งนี้...กับผู้หญิงคนนี้ เขารู้สึกต้องการเธอและอยากทำทุกวิถีทางที่จะครอบครองเธอไว้ หญิงสาวปรับลมหายใจครู่หนึ่งแล้วลืมตามองคนที่เธอนอนหนุนแขน มือใหญ่ยกขึ้นมาเกลี่ยเส้นผมที่เคลียแก้มเธอออกเบาๆ เธอรับรู้ได้ถึงของเหลวที่ยังไหลออกมาจากร่องรัก มันน่าอายจนเธอขยับตัวขยุกขยิกพยายามกลั้นไม่ให้มันไหลออกมา “ไม่สบายตัวเหรอ” โจวเจียอีถามพลางยันกายขึ้นมองคนตัวเล็ก “ผมขอโทษ ผมยั้งใจไม่อยู่จริงๆ” “เปล่าคะ ไม่ใช่แบบนั้น” เธอยิ้มเขินๆแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมกายเปลือยเปล่า “หมิวแค่คิดว่าตัวเองทำให้ที่นอนคุณเลอะเทอะ” เขาเลิกคิ้วงุนงงก่อนคลี่ยิ้มออกมา “ไหนๆ ก็ต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอน เราทำกันอีกรอบ
“คุณนี่นะเอาใจผู้หญิงไม่เก่ง” เธอทำจมูกย่นใส่เขา“ผิดแล้วผมเอาใจไม่เก่งแต่เอาเก่งนะ เรื่องนี้ผมมั่นใจ”“อีริค!” เธอขึงตาใส่ด้วยใบหน้าแดงเรื่อ“ให้ตายสิ” เขาพึมพำ “ผมเองก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ คุณร่ายมนตร์ใส่ผมหรือเปล่า”“คุณเชื่อเรื่องไร้สาระพวกนั้นด้วยหรือคะ?” เธอหัวเราะเสียงใส ความจริงเธอลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้เธอมีเรื่องรบกวนจิตใจอยู่ เป็นใครกันแน่ที่ร่ายมนตร์ใส่เธอ“แต่ก่อนผมไม่เคยเชื่อเรื่องdestiny แต่การได้พบคุณมันอยู่นอกเหนือความคาดหมาย บางทีพรหมลิขิตอาจมีจริงก็ได้”หญิงสาวได้แต่อมยิ้ม นั้นสิ ผู้หญิงจืดชืดอย่างเธอได้เจอกับผู้ชายสุดเพอร์เฟกต์อย่างเขาได้ ถ้าวันนั้นก้องภพไม่ประกาศตัวคนรัก เธอคงไม่อกหักจนเสียการควบคุมแล้วได้เจอเขาที่หน้าลิฟต์พอดีอย่างนั้น แถมเจอกันด้วยความบังเอิญอีกด้วย ธีรยาไม่อยากคิดถึงเรื่องของก้องภพอีก คิดเสียว่าทุกอย่างระหว่างเธอกับก้องภพจบลงแล้ว เหลือเพียงความเป็นเพื่อนร่วมงานและรุ่นพี่รุ่นน้องเท่านั้นเมื่ออีกฝ่ายไม่พูด โจวเจียอีกก็ไม่เซ้าซี้ถาม เขาเป็นคนยึดมั่นกับปัจจุบันมากกว่ารื้อฟื้นเรื่องในอดีต เวลานี้ ‘ใจ’ ของเธออยู่ท
“คุณท่านให้คุณหมอตรวจอย่างละเอียดดีกว่านะคะ ถ้าผิดปกติอะไรจะได้รักษาได้ทันเวลา” เธอพูดไปตามตรง “เรียกคุณทงคุณท่านอะไรห่างเหินจริงๆ” คุณกานดาส่ายหน้าไปมา “เรียกแม่สิ” “เอ่อ..” เธออึกอักเล็กน้อยก่อนพูดเสียงเบา “คุณแม่...” “อื้ม ฟังแล้วรื่นหูดีจริง เอาตามที่หนูหมิวคิดว่าดีเถอะนะ แม่นะยังไงก็ได้” “ค่ะ” เธอยิ้มน้อยๆ แล้วหันไปคุยกับคุณหมอ ไม่กี่นาทีทั้งคุณหมอและพยาบาลก็ออกไป เธอจึงหันมาทางคุณกานดาแล้วประคองท่านลงนอนที่เตียง “นี่ถ้าไม่มีหนูหมิวอยู่ใกล้ๆ แม่ต้องลำบากแน่ๆ” คุณกานดายิ้มแล้วยื่นมือไปลูบแก้มนุ่มของอีกฝ่าย “คบกันแล้วก็ไม่ต้องเขินอายอะไร มากินข้าวบ้านแม่บ้าง ทั้งคู่นั้นแหละ” “คือ...หนูเพิ่งคบกับอีริคค่ะก็เลย...” “แม่เข้าใจ” นางหัวเราะแต่เสียงแหบแห้ง วันนี้อาการไม่ค่อยดีทั้งวันแต่ก็คิดว่าไม่มีอะไร พอค่ำมาเกิดบ้านหมุนล้มลง คนรับใช้กับแม่บ้านแตกตื่นรีบเรียกรถพยาบาล เธอจึงได้มานอนอยู่ในห้องผู้ป่วยพิเศษแบบนี้ ที่จริงนางก็ไม่รู้หรอกว่าโจวเจียอีคบกับธีรยาถึงขั้นไหนแค่ได้ยินลูกชายพูดว่ากำ