Share

Chapter 21.  หงุดหงิด

            “ไม่มีอะไร”  ธีรยาหงุดหงิด แล้วตวัดตามองก้องภพอย่างขุ่นเคือง “ลูกน้องมีเรื่องต่างหาก แต่คุณโจวเป็นหัวหน้ามาไกล่เกลี่ยเสียค่าปรับให้ลูกน้องค่ะ”

            “ไม่ทันไรก็พูดแก้ต่างแทนกันแล้ว”  ก้องภพทำเสียงเหอะในลำคอ

            “หมิวพูดเรื่องจริงต่างหาก”

            “เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเถียงพี่สักคำ เดี๋ยวนี้พูดถึงคนนั้นนี่กล้าเถียงแทนเลยเหรอ”

            “ก็...”

            “พี่ก้องคะ ผู้ใหญ่รออยู่นะคะ”  เขมิกากระตุกแขนเสื้อของก้องภพเบาๆ ทำให้ก้องภพได้สติ เขาลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนคว้ามือเรียวของว่าที่เจ้าสาวแล้วกึ่งลากกึ่งจูงออกไป

            “เกิดอะไรขึ้นเนี้ย”  ปกป้องทำหน้างง แต่ที่งงกว่าคือคนที่เขาหมายตามาตั้งแต่เด็กมีแฟนโดยที่เขาไม่รู้!

“หมิว...”

            “ค่อยคุยกันวันหลังก็แล้วกัน”   เธอปวดหัวขึ้นมาตุบๆ ขึ้นมา “นายต้องกลับไปที่ทำงานอีกหรือเปล่า ยังไงคืนนี้ต้องระวังมีไข้ กินข้าวแล้วกินยาพักผ่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ โทรหาหมิวแล้วส่งโลเคชั่นมา หมิวจะไปดู เข้าใจนะ”

            “อืมๆ”   ปกป้องอยากคุยกับธีรยามากกว่านี้แต่เขาต้องกลับไปทำรายงานที่เจ็บตัวนี่ก่อน “เดี๋ยวเราโทรนะ”

            หญิงสาวเดินออกมาแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพี่หมอก้องถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้  เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูเวลา แต่ก็อดคิดถึงผู้ชายคนที่เป็น ‘แฟน’ หมาดๆ ของเธอไม่ได้ เขากลับไปทำงานไต้หวันแต่สัญญาว่าจะกลับมาให้ทันไปร่วมงานแต่งงานก้องภพพร้อมเธอ  แม้เธอจะไม่รู้เรื่องงานของเขามากนักแต่เธอก็เชื่อใจว่าเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่คนอื่นคิดกัน  อย่างน้อย ผู้ชายคนนั้นก็ ‘อ่อนโยน’ กับเธอมากจริงๆ

            เขมิกาถูกก้องภพจูงมือออกมาที่รถยนต์ที่จอดอยู่ที่ลาดจอดรถ เมื่อพ้นสายตาคนอื่นเขมิกาก็กระตุกมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของว่าที่เจ้าบ่าว  ก้องภพมองหญิงสาวอย่างงุนงงแต่เธอกลับยกมือขึ้นกอดอกแล้วพูดน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย

            “พี่ก้องอยากยกเลิกงานแต่งงานไหมคะ”

            “เข็ม...เข็มพูดอะไรออกมา วันเสาร์เราก็จะแต่งงานกันแล้วนะ”

            “แต่ท่าทางพี่ก้องเหมือนไม่พร้อมนี่คะ”  แม้จะเจ็บปวดแต่ก็ต้องพูดออกไป “เข็มไม่อยากฝืนใจพี่ก้อง ถ้าพี่ก้องไม่พร้อม เข็มจะคุยกับผู้ใหญ่เองค่ะ”

            “ไม่ได้นะเข็ม”  ก้องภพยอมรับว่าตัวเองหวั่นไหวและเผลอคิดว่าการแต่งงานครั้งนี้อาจเร็วเกินไป แต่พอฝ่ายหญิงชิงพูดออกมาก่อน เขากลับรู้สึกว่าไม่ควรให้ทุกอย่างยุติลง

            “ทำไมคะ เข็มยังมีความหมายกับพี่ก้องอยู่เหรอ”

ปากพูดไปแบบนั้น แต่ในใจเจ็บเสียยิ่งกว่าเจ็บ เธอเองก็ไม่ต้องการปล่อยมือจากเขา และยิ่งล้มเลิกงานแต่งงานไม่ได้เด็ดขาด หน้าตาของคนในครอบครัวทั้งสองตระกูลจะเป็นอย่างไร  แต่ผู้ชายอย่างก้องภพ ยิ่งบีบบังคับเขาก็จะยิ่งถอยห่าง เธอจึงต้องพยายามทำเป็นฝ่ายใจกว้างทั้งที่อยากกรีดร้องออกมาสุดเสียง

            “ไม่เอาน่าเข็ม พี่ขอโทษที่ไม่ได้ใส่ใจเข็ม”

            “เข็มรู้ว่าพี่ก้องสนิทกับหมอหมิว แต่แบบนี้มันเกินไปไหมคะ”

            “พี่กับหมิวไม่มีอะไรกัน เราแค่พี่น้องกัน!”

            “ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆนี่คะ แล้วหมอหมิวก็สวยด้วย เก่งด้วย อยู่ที่ทำงานเดียวกันอีก”

            “ไม่เอาสิเข็ม พี่เป็นห่วงหมิวจริงๆ พี่ก็แค่...กลัวหมิวถูกคนหลอก หมิวหัวอ่อนโดนหลอกง่ายจะตาย ไม่รู้ผู้ชายคนนั้นมันหลอกให้หมิวรักแล้วทิ้งหรือเปล่า”

            “แต่เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งในชีวิตของหมอหมิวนะคะ”

เขมิกาพยายามอย่างที่สุดที่จะทำใจเย็นกับก้องภพ ยิ่งฟังเขาพูดเรื่องผู้หญิงที่ชื่อธีรยา เธอยิ่งอยากบีบมือตัวเองแน่นขึ้นจนเล็บจิกฝ่ามือ  

“ก็จริงอย่างที่เข็มพูด ขอบใจที่เตือนสติพี่นะครับ”

“แล้ว...งานแต่งงานของเรา...”

“ก็ต้องแต่งสิครับ”  เขายื่นมือไปคว้ามือของหญิงสาวมากุมไว้ “เจ้าสาวของพี่คือเข็มคนเดียวเท่านั้น”

พูดออกไปแล้วแต่หัวใจเจ็บแปลบชอบกล จู่ๆ ก้องภพก็นึกภาพธีรยาในชุดเจ้าสาวแสนหวานและมีเขายืนอยู่เคียงข้าง  ให้ตายสิ! เมื่อก่อนไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้ แต่ทำไมมาคิดเอาตอนนี้ ตอนที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว หรือจะมีทางให้เขาสานสัมพันธ์กับธีรยาในฐานะอื่น  ถ้าเธอยอม...

บ้าจริง! เขาคิดอะไรอยู่ ยังไม่ทันแต่งงานก็คิดจะมีเมียเก็บได้ยังไงกัน!

            แม้บริสุทธิ์ใจ แต่ธีรยาก็คิดว่าคำพูดของก้องภพมีเหตุผล เธอไม่ใช่เด็กหญิงตัวน้อยๆ ไม่ประสีประสา และที่สำคัญตอนนี้มีก็มีคนคบหาดูใจแล้ว แต่จะไม่ไปดูแลเพื่อนที่บาดเจ็บก็ทำไม่ได้

            ‘ให้เจสันไปเป็นเพื่อนคุณ’

            ‘จะดีหรือคะ เขาเป็นคนของคุณนะ’

            ‘คนของผมก็เหมือนคนของคุณ ผมให้เขาอยู่เมืองไทยเพื่อดูแลคุณ’

            ‘หมิวทำงานให้ห้องแล็บไม่ต้องมีบอดี้การคุ้มครองหรอก’

            ‘เอาเป็นว่า คุณสามารถใช้งานเจสันได้ จะให้เขาหิ้วขวดน้ำหรือแบกถังแก๊สก็ได้’

            คราวนี้ธีรยาหัวเราะออกมา ‘ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอยืมคนของคุณหน่อยนะคะ’

            ‘ด้วยความยินดีครับ  แล้วก็...ขอบคุณที่มาปรึกษาเรื่องนี้กับผม’

            ‘ทำไมเหรอคะ?’

            ‘นั้นทำให้ผมรู้สึกว่าคุณแคร์ความรู้สึกของผมไง’

            ‘ก็...ต้องแคร์สิ...คุณเป็นคนพิเศษนี่’

            ‘ชื่นใจจัง  ไม่ต้องห่วงนะผมกลับไปทันเป็นงานแต่งของก้องภพแน่นอน’

            ธีรยาจำได้ว่าตัวเองหัวเราะคิกคัก อารมณ์ขุ่นมัวหายไปหมดสิ้น เธอเองก็เพียงเคยมีแฟน ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองถูกต้องหรือไม่ การรักษาระยะห่างหรือการมีพื้นที่ส่วนตัวของแต่ละคน หลายต่อหลายเรื่องที่เคยได้ยินมา เมื่อถึงคราวตัวเองเธอกลับรู้สึกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรู้สึกของกันและกัน

            “ถึงแล้วครับคุณธีรยา”  เจสันเอ่ยหลังจอดรถที่หน้าอพาทเม้นต์แห่งหนึ่ง

            “เรียกหมิวก็ได้เราเจอกันบ่อยแล้วนะคะ”

            “ไม่ได้ครับ คุณเป็นผู้หญิงของบอส ผมจะเรียกชื่อเล่นของคุณไม่ได้”

            “นี่มันยุคไหนแล้ว” เธอส่ายหน้าไปมา แต่การมีคนขับรถให้แบบนี้ก็สะดวกสบายดีเหมือนกัน “คุณพูดภาษาไทยได้ดีเลยนะคะ”

            “ถ้าอยากทำงานกับบอสต้องฝึกเรื่องภาษาครับ บอสจ้างคนมาสอน”

            “แสดงว่าทำงานกับอีริครายได้ดีคุ้มค่าสินะคะ”

            “ครับ”  เจสันยิ้มรับแล้วลงจากรถมาเปิดประตูให้ผู้หญิงของบอส “อันที่จริงบอสให้ชีวิตใหม่ผม ถ้าไม่ใช่บอสยื่นมือให้โอกาส ผมก็คงเป็นแค่นักเลงข้างถนนไม่มีชีวิตที่ดีแบบนี้”

            เธอพยักหน้ารับแล้วก้าวลงจากรถ

เจสันหิ้วปิ่นโตและถุงใส่ผลไม้ เขาแอบเขม่นในใจว่าทำไมผู้ชายคนนั้นได้กินอาหารที่คุณธีรยาลงมือทำด้วยตัวเอง แต่ธีรยาแค่ต้องการประหยัดเงินและรู้ว่าคนเจ็บอย่างปกป้องต้องดูแลเรื่องอาหารสักหน่อย

“เจสันทำงานกับอีริคมากี่ปีแล้วคะ”  เธอถามพลางพิมพ์ข้อความส่งให้ปกป้อง

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status