“พี่ชายที่ไหนจะหึงน้องสาวขนาดนี้” เขาจ้องตาเธอ แต่หญิงสาวส่ายหน้าไปมา
“หึง? เข้าใจผิดแล้ว พี่หมอก้องกำลังจะแต่งงาน ก็หมิวเลือกชุดใส่ไปงานแต่งงานก็งานแต่งงานของพี่หมอก้องนี่แหละ”
“ผู้ชายด้วยกันเรื่องแค่นี้มองออก แต่ถึงยังไงผมก็ไม่ยอมปล่อยมือจากคุณเด็ดขาด”
เขายืนยันด้วยแววตาในขณะที่ปลายนิ้วแตะต้องที่กางเกงชั้นในตัวน้อยที่ปกปิดเนินเนื้ออวบอิ่ม เธอรีบตะครุบมือเขาไว้แต่มันก็ยังช้าเกินไป เขาแทรกนิ้วกร้านเข้าไปในร่องสาวและขยับนิ้วเป็นจังหวะทำให้เธอต้องกัดริมฝีปากกลั้นเสียงร้อง แต่นั้นยิ่งทำให้เขาขยับนิ้วหนักหน่วงมากขึ้น
“อึก...คุณ...อิริค..อ๊ะ!”
ธีรยาเอนหน้าซบกับบ่าแล้วกัดเสื้อของเขาเพื่อกลั้นเสียงครางของตัวเอง แม้รู้ว่ามีกระจกกั้น แต่ไม่รู้ว่าจะเก็บเสียงร้องที่น่าอายนี้ได้หรือไม่ ยิ่งเธอกลั้นเสียงร้องเขาก็ยิ่งสาวนิ้วเร็วขึ้น เธอแอบเห็นสีหน้าพอใจของเขาแล้วก็หงุดหงิดที่ตัวเองไม่เคยต้านทานเขาได้สักครั้ง มือเรียวดึงปกเสื้อเชิ้ตออกเพื่อให้เห็นลำคอของเขาก่อนจะอ้าปากกัดเข้าไป
“อา...ยัยหอยทาก คืนนี้คุณไม่ได้นอนแน่”
“อ๊ะ..อ๊า” เธอได้แต่ส่งเสียงอู้อี้กับลำคอของเขาพร้อมร่างที่เกร็งกระตุก ถูกเขาส่งให้ถึงจุดสุดยอดด้วยนิ้วเรียวยาวสองนิ้วนั้น ร่างบางอ่อนปวกเปียกเอนซบกับอกแกร่ง ชายหนุ่มยิ้มแล้วค่อยๆ ถอนนิ้วออกมา
ผู้หญิงที่เขาหมายตา ไม่มีทางยกให้คนอื่นแน่นอน.
บอดี้การ์ดหนุ่มเดินมาส่งเจ้านายถึงในห้องพักซึ่งเป็นห้องชุดในคอนโดสุดหรูหลายสิบล้าน ซึ่งปกติเจสันและบอดี้การ์ดคนสนิทอีกสองสามคนเข้ามาอยู่บ่อยครั้ง ทว่าไม่มีใครไหนเลยที่เจ้านายจะพาหญิงสาวเข้ามาในห้องนี้ หากบอสต้องการมีความสัมพันธ์ชั่วคราวก็มักเลือกใช้บริการของโรงแรมห้าดาว ห้องพักนี้เป็นเสมือนเซฟเฮาท์ส่วนตัวที่ไม่ให้ใครเข้ามาวุ่นวาย
เจสันเข้าใจได้ในทันทีว่าผู้หญิงคนนี้คือ ‘คนพิเศษ’ ที่เจ้านายหมายตาไว้เป็น ‘ว่าที่ภรรยา’ อย่างแน่นอน เรื่องแบบนี้เขาต้องป่าวประกาศให้เพื่อนผองรู้จะได้ทำตัวดีๆ กับ ว่าที่ภรรยาของบอสแล้ว
“จะไปไหนก็ไป อย่ามาวุ่นวายเกะกะสายตา” โจวเจียอีสั่งทันทีที่เห็นเจสันวางกระเป๋าโน้ตบุ๊กเรียบร้อยแล้ว
“ผมเปิดแอร์ให้แล้ว ให้ผมเตรียมน้ำอุ่นให้ไหมครับ”
เจสันยังทำหน้าด้านหน้าทนเพื่อเอาใจบอสและว่าที่ภรรยาที่เอาแต่ก้มหน้างุดยืนอยู่ข้างบอส
“ออกไป”
“ถ้างั้น อาหาร เครื่องดื่ม หรือแชมเปญ...”
“ออกไป!”
“ครับผม!”
เจสันรีบรับคำแล้วสาวเท้าออกไปทันที โจวเจียอีส่ายหน้าไปมา เขาไม่ไว้ใจลูกน้องเดินไปปิดประตูห้องด้วยตนเอง เมื่อเดินกลับมาอีกทีก็เห็นหญิงสาววางกระเป๋าสะพายที่โซฟาแล้วทำทีเดินสำรวจดูห้องของเขา
“อยากสำรวจดูก่อนไหม”
“คุณคงเก็บซ่อนหลักฐานไว้ก่อนฉันมาแล้วล่ะ” เธอหันมาแล้วแลบลิ้นใส่ ยังดีที่เขาคืนแว่นตาให้ไม่อย่างนั้นคนสายตาสั้นอย่างเธอมองอะไรก็เบลอไปหมด
“ไม่มีหรอก” เขาหัวเราะแล้วสาวเท้าเข้าไปใกล้ “นอกจากโสดสนิทแล้วยังไม่เลี้ยงผู้หญิงไว้ที่ไหนอีกด้วย”
“ไม่เห็นอยากรู้เสียหน่อย” เธอหลุบตาลงแต่ถูกสองมือประคองใบหน้าให้สบตากับดวงตาสีน้ำตาล
“แต่ผมอยากให้คุณรู้ในทุกเรื่องของผม”
เขาโน้มหน้ามาใกล้แต่มือเรียวเล็กยื่นไปปิดปากเขาไว้ก่อนที่จะถูกจูบอีกครั้ง
“ดะ..เดี๋ยวค่ะ...ขอ..ขอหมิวเข้าห้องน้ำก่อน”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วยอมปล่อยคนตัวเล็ก “ใช้ห้องน้ำในห้องนอนผมดีกว่า กว้างดี”
“บ้า! หมิวแค่จะเข้าห้องน้ำ”
“คุณจะอาบน้ำด้วยก็ได้นะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
“หมิวไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยน” เธอพึมพำออกมาอย่างไม่รู้ตัว ปล่อยให้เขาจูงมือเดินไปที่ห้องนอนใหญ่ แน่นอนว่าห้องชุดของเขากว้างขวางเหมือนในซีรีย์ที่เธอเคยดู ห้องเท่ารังหนูของเธอย่อมเทียบไม่ได้อยู่แล้ว
“ผมเตรียมไว้ให้แล้ว แปรงสีฟันอันใหม่ ผ้าเช็ดตัวกับเสื้อคลุมอยู่ตรงนั้น” เขาชี้ให้เธอดู
“ไม่เห็นต้องเตรียมให้เลย”
จะดูเหมือนคนอยู่ด้วยกันมากไปหน่อยไหม?
“ห้องผมอยู่ใกล้ที่ทำงานใหม่ของคุณ ถ้าวันไหนคุณเลิกงานดึกแล้วเหนื่อยเดินทางก็มานอนห้องผมได้ ผมจะให้รหัสเข้าห้องกับคุณ”
“คุณอยู่เมืองไทยตลอดเหรอคะ”
เจ้าของห้องไม่อยู่ จะให้เธอมาอยู่ก็ยังไงอยู่นะ
ราวกับรู้ความคิดของอีกฝ่าย เขายิ้มมุมปากแล้วยื่นหน้าไปจุ๊บหน้าผากเธอ
“ห้องผมคุณจะเข้าออกยังไงก็ได้ ไม่ต้องรอผม หรืออยากจะไปบ้านแม่ผมก็ได้ ท่านคงดีใจที่เห็นว่าที่ลูกสะใภ้มาหา”
“พูดอะไรไม่รู้ คุณออกไปนะ หมิวจะเข้าห้องน้ำ”
เธอเขินหน้าแดงแล้วผลักเขาออก ห้องน้ำที่หมายถึงห้องอาบน้ำมันกว้างอย่างที่เขาพูดจริงๆ แถมมีอ่างอาบน้ำจากุชี่อีกด้วย ยิ่งทำให้รู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างเธอกับเขามากขึ้นไปอีก หญิงสาวสะบัดหน้าไปมาแล้วจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วก็มาล้างมือ
หญิงสาวยืนมองตัวเองในกระจก หน้าตาเธอก็ไม่ได้สะสวยระดับนางงามหรือดารา ทำไมเขาถึงดูใส่ใจจริงจังขนาดนี้ บางทีเธอก็กลัวว่าตัวเองจะ ‘หลงรัก’ เขาเข้าให้จริงๆ กลัวว่ารักไปแล้วจะเมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วเธอจะรับความเจ็บปวดนั้นไม่ได้ หรือบางทีเธอพอใจกับการแอบรักใครสักคนมายาวนานก็เป็นได้ ตอนที่เธอรู้ว่าพี่หมอก้องจะแต่งงาน เธอเจ็บหัวใจมากจริงๆ อาการอกหักจนแทบทรงตัวไม่ไหว แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกโล่งใจที่ในที่สุดเธอก็สามารถปล่อยมือให้กับความรักที่เป็นไปไม่ได้นี่เสียที แต่กับโจวเจียอีเหมือนเป็นแค่ความฝัน เธอกลัวว่าวันหนึ่งถ้ารักเขาจนหมดใจแล้วเขาเปลี่ยนไป เธอจะรับความเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ได้ โลกของเธอคือห้องแล็บแต่โลกของเขานั้นแตกต่างจากเธอเหลือเกิน
ธีรยายิ้มเศร้าๆ ให้ตัวเองแล้วถอดแว่นตาออกวางไว้ที่อ่างล้าง เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามครั้งก่อนจะเปิดเข้ามา
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?” น้ำเสียงทุ่มต่ำถามอย่างเป็นกังวล
“เปล่าค่ะ” เธอส่ายหน้าไปมา เธอคงเข้าห้องน้ำนานจนเขาเป็นห่วงสินะ...หญิงสาวบอกตัวเองแล้วพูดแก้เก้อออกไป
“หมิวว่าจะขออาบน้ำสักหน่อยค่ะ เอ๊ะ! หรือคุณจะใช้ห้องน้ำ หมิวออกไปก่อนก็ได้นะ...”
รอยยิ้มร้ายกาจผุดขึ้นที่มุมปาก ชายหนุ่มสาวเท้าเข้าไปใกล้ทำให้คนตัวเล็กถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว ได้สติอีกทีก็เมื่อแผ่นหลังชิดกับผนังห้องน้ำ
“อืม ผมจะใช้ห้องน้ำเหมือนกัน แต่ผมอยากอาบน้ำกับคุณ”
ริมฝีปากหยักสวยทาบทับลงอีกครั้ง ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของหญิงสาว มือใหญ่เคลื่อนไหวรวดเร็วคล่องแคล่วปลดเปลื้องเสื้อผ้าของคนตัวเล็กออกอย่างรวดเร็วราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ ถูกเขาจูบหลายครั้งแต่เธอยังไม่ประสีประสานัก กว่าจะจับจังหวะสูดอากาศหายใจได้ก็แทบไม่มีแรงทรงตัว เขาแลบลิ้นไล้เลียริมฝีปากสวยเบาๆสลับกับขบเม้มกลีบปากหวาน ปล้นสติของเธอไปหมดสิ้น ปลายนิ้วเรียวงามแตะที่กระดุมเสื้อเชิ้ตของเขา
เธอช้อนตาขึ้นมองอย่างลังเล แต่เมื่อเห็นแววตาลุ่มลึกคู่นั้นราวกับอนุญาตให้ทำได้ตามใจ เธอจึงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออก เผยให้เห็นแผงอกกำยำและรอยสักรวมทั้งหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ “อนาโตมี่สวยจริงๆ” เธอพึมพำไม่รู้ตัว “ผมเพิ่งเคยถูกชมแบบนี้เป็นครั้งแรก”เขาครางเสียงต่ำเมื่อปลายนิ้วไล้บนแผ่นอก พระเจ้า! เธอจะรู้ไหมว่าการสัมผัสแผ่วเบาแต่ปลุกเร้าเขามากแค่ไหน เหนือการคาดหมายเมื่อริมฝีปากสวยประทับที่ยอดอกสีน้ำตาลอ่อนจาง ปลายลิ้นไล้เลียก่อนดูดดึงเบาๆ เสียงครางแผ่วจากลำคอของชายหนุ่มทำให้ธีรยาใจกล้าขึ้น เธอโยนความกลัวทิ้งไปเสื้อผ้าที่เขาปลดเปลื้องออกจนหมด เขาเหมือนขนมหวานราคาแพงที่เธอรู้ว่าไม่อาจได้ลิ้มรส แต่จะคิดมากไปทำไมในเมื่อเวลานี้เธอมีโอกาสกินให้เต็มที่ ทำที่อยากทำ ส่วนวันพรุ่งนี้คือเรื่องที่ยังมาไม่ถึง แต่ถึงจะกล้าแค่ไหน เธอก็ยังเป็นแค่มือใหม่ แค่ปลดซิปกางเกงก็มือไม้สั่น เธอช้อนตาขึ้นมองเพื่อขอความช่วยเหลือ และเขาก็ใจดีไม่หัวเราะเยาะใส่ โจวเจียอีจับมือเรียวให้รูดซิปลงก่อนจะจับมือเธอให้สัมผัสแก่นกายที่อัดแน่นอยู่ใต้กางเกงชั้นใน ขนาด
เธอใกล้จะหมดแรงแต่เขากลับรัดเอวบางไว้แล้วเป็นฝ่ายเด้งเอวขึ้นสวน ร่างเล็กกระเด็นกระดอนอยู่บนร่างของเขา เธอกอดคอเขาไว้แล้วปล่อยให้เขากระแทกลำเอ็นใส่ เพียงพริบตาเขาก็ประคองแผ่นหลังของเธอนอนราบไปกับที่นอนโดยที่แก่นกายยังสอดใส่อยู่ เธอผวาเฮือกเพราะท่อนเนื้อร้อนระอุนั้นไถลเข้าไปลึกมาก เขาโยกสะโพกช้าลงแต่บดคลึงและสาวลำออกมาเกือบสุดก่อนกดกระแทกกลับเข้าไปใหม่ เสียงหวานครางกระเส่าไม่หยุด เหงื่อเม็ดโตไหลอาบร่างกำยำที่เคลื่อนไหวอยู่ด้านบน สองขาเรียวโอบรัดเอวสอบอย่างไม่รู้ตัวโจวเจียอีซอยเอวดุดันและดิบเถื่อน เสียงครวญครางของคนใต้ร่างเร่งเร้าให้เขาขยับโยกจนร่างเธอสั่นคลอนตามแรงกระแทก ทรวงอกอวบอิ่มถูกบดเบียดจนแผ่งอกกำยำ ริมฝีปากที่เผยอขึ้นเพื่อหายใจถูกเขาประกบจูบดูดกลีบอย่างเร่าร้อน ช่องทางคับแคบบีบรัดความเป็นชายจนเขาแทบคลั่ง ลมหายใจหอบกระชั้นดังอย่างต่อเนื่อง กลีบเนื้อสาวที่โอบรัดลำเอ็นบวมเป่งทั้งดูดกลืนและบีบรัดแก่นกายที่ขยายใหญ่ เขาไม่อาจต้านทานการตอบรับอย่างซื่อสัตย์ของเธอได้ ความเสียดเสียวที่ได้รับทำให้เขาขยับสะโพกกระแทกเข้าไปอย่างรุนแรงก่อนจะถอนตัวตนออกมาจนเกือบสุดแล้วกระแทกกลั
“สเต็กเนื้อวัว สลัดผักผักโขมอบชีสแล้วก็ไวน์แดง” เขาบรรยายเมนูอาหารของค่ำนี้ “หรูพอไหมครับ” หญิงสาวพยักหน้ารับ “ระดับประธานโจวลงมือทำให้กินนี่ก็เรียกว่าหรูแล้ว” “ผมทำอาหารได้ไม่กี่อย่าง” เขายอมรับ “ถ้าคุณไม่โอเค. เราสั่งอย่างอื่นมาได้นะ” “ก็บอกแล้วไงคะ ว่าหมิวกินง่ายอยู่ง่าย หรือไม่ก็...คราวหน้าให้หมิวทำกับข้าวให้คุณกิน” “คุณพูดเองนะ” เขาพูดยิ้มๆ แล้วยกจานสเต็กมาวางบนโต๊ะอาหาร “ถึงหมิวจะเป็นหมอในห้องแล็บแต่ก็ถนัดใช้มีดนะคะ” เธอฉีกยิ้มใส่ “อ้อ! แต่หมิวทำเป็นแต่เมนูง่ายๆ นะ ตอนอยู่บ้านเด็กกำพร้าก็ต้องช่วยแม่ครัวทำอาหารอยู่บ่อยๆ” “ขอแค่คุณทำให้ผมกิน ผมกินได้ทั้งนั้น” เขาเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งแล้วเดินไปหยิบแก้วมารินไวน์สองแก้ว “คุณ...จะไม่ใส่เสื้อหน่อยเหรอ” “ผมขี้ร้อน” เขายิ้มกริ่ม “ใส่เสื้อเถอะคะ หมิวไม่มีสมาธิกินข้าว” เธอย่นจมูกใส่ เขาหัวเราะแล้วเดินหายไปไม่กี่นาทีกลับมาพร้อมร่างสูงโปร่งที่สวมเสื้อยืดคอวีสีเข้ม เขาเดินอ้อมมาด้านหลังแล้วรวบผมเธอเป็นมวยใช้ดินสอแทนปิ
“ผมสัญญา ผมไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน”“อย่าเพิ่งสัญญาอะไรแบบนั้นเลย เราเพิ่งเริ่มต้นกันเอง”“แค่คุณให้โอกาสเริ่มต้น ผมก็ดีใจแล้ว” “ถ้างั้น...เรามาลองคบกันอย่างเป็นทางการดีไหมคะ” “ด้วยความยินดีและเต็มใจยิ่งครับ เติมไวน์อีกไหม?”“คุณจะมอมไวน์หมิวเหรอคะ” “ดื่มฉลองกับผมหน่อย ผมจีบหอยทากน้อยติดเสียที”“อิริค! หมิวไม่ใช่หอยทากน้อยนะ”เสียงหวานใสหัวเราะออกมาทำลายบรรยากาศ ห้องที่อึมครึมเหมือนเจ้าของห้องพลันเปลี่ยนไปทันทีที่มีหญิงสาวเข้ามาในห้องบางที...ไม่ใช่เพียงแค่เธอเท่านั้นที่ทำลายเปลือกที่ห่อหุ้มตัวเองออก แต่เป็นเขาเช่นกันที่เปิดใจ ‘รัก’ ใครคนหนึ่งจากหัวใจที่แท้จริง.......... หญิงสาวก้าวเร็วๆ จนแทบจะกลายเป็นวิ่งมาที่แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เพียงผลักบานประตูเข้าไปก็กวาดสายตามองหาคนที่ต้องการพบ กำลังอ้าปากจะถามพยาบาลแต่ก็มองเห็นเงาร่างที่คุ้นตาเสียก่อนจึงรีบเดินเข้าไปหา ก้องภพรับรู้ได้ว่ามีคนเข้ามาใกล้แต่ประสบการณ์ทำให้มีสมาธิจัดการกับแผลตรงหน้าจนเสร็จเรียบร้อย “เป็นยังไงบ้างคะ” ธีรยาเอ่ยปากถามอย่างเป็นกังวล “ไม่เป็นไรไกลหัวใจตั้งเยอะ”
“ไม่มีอะไร” ธีรยาหงุดหงิด แล้วตวัดตามองก้องภพอย่างขุ่นเคือง “ลูกน้องมีเรื่องต่างหาก แต่คุณโจวเป็นหัวหน้ามาไกล่เกลี่ยเสียค่าปรับให้ลูกน้องค่ะ” “ไม่ทันไรก็พูดแก้ต่างแทนกันแล้ว” ก้องภพทำเสียงเหอะในลำคอ “หมิวพูดเรื่องจริงต่างหาก” “เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเถียงพี่สักคำ เดี๋ยวนี้พูดถึงคนนั้นนี่กล้าเถียงแทนเลยเหรอ” “ก็...” “พี่ก้องคะ ผู้ใหญ่รออยู่นะคะ” เขมิกากระตุกแขนเสื้อของก้องภพเบาๆ ทำให้ก้องภพได้สติ เขาลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนคว้ามือเรียวของว่าที่เจ้าสาวแล้วกึ่งลากกึ่งจูงออกไป “เกิดอะไรขึ้นเนี้ย” ปกป้องทำหน้างง แต่ที่งงกว่าคือคนที่เขาหมายตามาตั้งแต่เด็กมีแฟนโดยที่เขาไม่รู้!“หมิว...” “ค่อยคุยกันวันหลังก็แล้วกัน” เธอปวดหัวขึ้นมาตุบๆ ขึ้นมา “นายต้องกลับไปที่ทำงานอีกหรือเปล่า ยังไงคืนนี้ต้องระวังมีไข้ กินข้าวแล้วกินยาพักผ่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ โทรหาหมิวแล้วส่งโลเคชั่นมา หมิวจะไปดู เข้าใจนะ” “อืมๆ” ปกป้องอยากคุยกับธีรยามากกว่านี้แต่เขาต้องกลับไปทำรายงานที่เจ็บตัวนี่ก่อน “เดี๋ยวเราโทรนะ”
“สิบสองปีแล้วครับ”“โอ้ว! นานจริง แสดงว่าต้องรู้เรื่องของอีริคบ้างใช่ไหม” เธอเงยหน้ามองบอดี้การ์ดของโจวเจียอีด้วยแววตาเปี่ยมความหวัง แต่ดวงตาหลังแว่นตากรอบหนาพราวระยับจนคนมองนิ่งงันไปชั่วขณะ“คือหมิวอยากรู้ว่าอีริคชอบกินอะไรบ้าง หรือไม่ชอบอะไร เผื่อหมิวจะทำให้เขาได้บ้าง”“อ้อ! เรื่องนั้นได้เลยครับ ถามผมได้ทุกเรื่องเลยครับ” เจสันรีบพูดขึ้น แบบนี้ถ้าบอสรู้เข้าต้องดีใจแน่ๆ“แล้วบอสของคุณมีผู้หญิงเยอะไหมคะ”“แค่กๆ...เรื่องนั้น””“ช่างเถอะค่ะ ถือว่าหมิวไม่เคยพูดแล้วกัน”เขาอายุสามสิบแล้ว ถ้าเคยมีแฟนมาก่อนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ปัจจุบันต่างหากที่เธอต้องสนใจทั้งสองเดินขึ้นบันไดมาที่ชั้นสามตามที่ปกป้องบอกไว้ เจสันเคาะประตูห้องอย่างมีมารยาทไม่กี่วินาทีต่อมาเจ้าของห้องก็เปิดประตูมาพร้อมใบหน้าที่มีรอยช้ำ“เขียวแล้ว” ธีรยาอดเอานิ้วจิ้มที่มุมปากของเขาไม่ได้ “นายนี่มันเหมือนเด็กจริงๆ”“มาเยี่ยมหรือมาบ่น” ปกป้องเบ้ปากแต่เพราะเจ็บปากจึงเผลอร้องซี๊ดออกมา เขาปรายตามองไปยังชายชาวจีนสวมชุดสูทสีเข้มที่ยืนอยู่ด้านข้าง ดูไม่เข้ากับปิ่นโตสีพาสเทลที่ถืออยู่“หมอนั้น...แฟนเธอเหรอ”“ไม่ใช่” ธีรยารีบปฏ
“รู้แล้วนะ เจอกันวันงานแต่งพี่หมอนั้นนะ”“ทำไมต้องเรียกพี่หมอก้องแบบนั้นนะ” เธอส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจ ทั้งสองพูดคุยกันอีกเล็กน้อยแล้วธีรยาก็ขอตัวกลับประตูห้องปิดลงแล้ว ปกป้องเดินไปที่หยิบโน้ตบุ๊คมาเปิดขึ้นทันทีแล้วเสิร์ซชื่อผู้ชายที่ธีรยากำลังคบหาดูใจอยู่ อ่านข่าวมาเยอะ ได้ยินมาแยะ อย่าว่าเขาอคติเลย แต่เขาไม่ไว้ใจผู้ชายคนนั้นเลยจริงๆ... หญิงสาวอยู่ในชุดเดรสไหล่กว้างอวดไหล่สวย กระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อยรับกับรองเท้าส้นสูงที่นานๆ จะสวมสักครั้ง ผมยาวถูกดัดเป็นลอนสวยแปลกตา ใบหน้าหวานแต้มแต่งสีสันอย่างพอดี ริมฝีปากอิ่มเคลือบสีส้มอมชมพูและวันนี้เธอใส่คอนแทคเลนส์แทนแว่นสายตากรอบหนาที่สวมเป็นประจำ เจ้าของร่างเล็กสูง 155 เซนติเมตร หมุนตัวหน้ากระจกบานใหญ่ตรงหน้าไม่คิดว่าจะได้เห็นตัวเอง ‘สวย’ ขนาดนี้ ธีรยามองเงาที่สะท้อนอยู่ในกระจก เห็นโจวเจียอีหยุดมองเธออยู่ก็หมุนตัวกลับไปส่งยิ้มให้เขาพลางยกมือขึ้นแตะเรือนผมอย่างเก้อเขิน “คุณมาแล้วเหรอ” “ขอโทษที่มาช้าไปหน่อย”โจวเจียอีตื่นจากภวังค์แล้วเดินเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นหอมละมุนจากหญิงสาว เขาไม่รู
“พูดจริงๆนะ หมิวไม่คิดเรื่องตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงหรอก หากพวกเขาอยากเจอหมิวคงมาตามหาหมิวตั้งนานแล้วละ พวกเขาคงมีครอบครัวใหม่กันไปแล้ว อย่าให้การมีตัวตนของหมิวทำให้พวกเขาเดือนร้อนใจหรือไม่มีความสุขดีกว่า” เธอส่งยิ้มให้เขา“จริงๆ นะคะ” “ครับ” เขาบีบมือเธอ “คุณมีผมอยู่นะ ไม่ได้ตัวคนเดียว ครอบครัวผมก็คือครอบครัวของคุณ” “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเข้าไปรดน้ำสังข์และอวยพรให้คู่บ่าวสาว วันนี้เขมิกาสวยเจิดจ้าสมเป็นเจ้าสาวจริงๆ เห็นแบบนี้ก็แล้วเธอพลอยสบายใจไปด้วย เรื่องบาดหมางเข้าใจผิดคงคลี่คลายในไม่ช้า เขมิกายิ้มรับคำอวยพรพลางปรายตามองเจ้าบ่าวที่นั่งอยู่เคียงข้าง แม้เขายิ้มแต่แววตาตรงข้าม แต่ช่างเถอะ เพราะตอนนี้เขาคือสามีของเธอแล้ว เขาคงไม่กล้าทำร้ายจิตใจเธอและคนในครอบครัวแน่นอน พิธีเช้าดำเนินไปจนเสร็จสิ้นด้วยดี แขกเรื่อเข้ามาถ่ายรูปกับคู่บ่าวสาว ธีรยาคว้ามือโจวเจียอีให้เข้าไปถ่ายรูปด้วยกัน “ขอแสดงความยินดีด้วยครับ” โจวเจียอีกเอ่ยอย่างสุภาพและไม่สนใจสายตาของก้องภพ เขาจับมือผู้หญิงคนตนเองแน่นราวกับตอกย้ำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาไม่มี