Share

Chapter 15.  ยัยหอยทาก

            เธอขมวดคิ้วสีหน้ายุ่งเหยิง แอบคิดในใจว่าเขาจะมาแสดงความยินดีที่เธอก้าวหน้าไปอีกขั้น แต่ทำไมต้องทำหน้าโมโหอย่างนี้ด้วยนะ

            คราวนี้ก้องภพนิ่งงันไปครู่หนึ่ง รู้สึกว่าเขาจะเคยพูดประโยคนี้จริงๆ  ทำไมเขาต้องรู้เรื่องนี้จากปากคนอื่น ทั้งที่เวลาเธอมีเรื่องอะไรจะมาปรึกษาเขาเป็นคนแรกเสมอ และเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องหัวเสียจนแทบเก็บอาการไม่อยู่แบบนี้

            “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”

            เสียงทุ่มต่ำดังจากด้านหลัง ร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาใกล้แล้วถอดแว่นกันแดดออก ดวงตาสีน้ำตาลหรี่มองอย่างไม่พอใจนัก แต่กระนั้นก็ยังก้าวเข้าไปยืนเคียงข้างหญิงสาวที่ตนนัดหมายไว้

            “ไม่มีอะไรค่ะ” ธีรยาตอบด้วยรอยยิ้ม “มาเร็วจัง”

            “มาเร็วไม่ดีหรือ?”  โจวเจียอีถามแล้วยื่นมือไปช่วยถือกระเป๋าใส่โน้ตบุ๊คของหญิงสาว  เธอย่นจมูกใส่เขาแล้วหันไปแนะนำให้รู้จักกับผู้ชายที่เธอยืนคุยก่อนที่เขาจะมาปรากฏตัว

            “อีริคค่ะ นี่พี่หมอก้องค่ะ เป็นรุ่นพี่หมิวเอง”  เธอแนะนำง่ายๆ แล้วหันไปทางหมอก้องภพ “พี่หมอก้องคะ นี่...”

            “ผมแซ่โจวชื่อเจียอี ส่วนชื่ออีริคเรียกเฉพาะคนสนิทเท่านั้น” โจวเจียอีชิงพูดก่อนที่หญิงสาวจะพูดจบประโยคแล้วยกมือขึ้นโอบไหล่ของธีรยาไว้ “เป็นคนที่ตามจีบหมอหมิวอยู่ครับ”

            ถ้อยคำและการแสดงออกชัดเจนทำให้ใบหน้าหวานของธีรยาแดงเรื่อ ในขณะที่เพื่อนร่วมงานแอบยืนลุ้นอยู่ถึงกับหลุดเสียงวี๊ดว๊ายตื่นเต้นกันออกมา

            “คนนี้เองเหรอเจ้าของช่อดอกไม้กับขนมกล่องใหญ่”  รุ่นพี่ที่สนิทกันอดหยอกล้อไม่ได้ อีกใจก็อยากเห็นหน้าบุรุษสายเปย์ตัวจริงอยู่เหมือนกัน

            “ต้องขอโทษที่อาจรบกวนทุกท่านด้วยครับ”  โจวเจียอีเอ่ยพลางก้มศีรษะลงเล็กน้อยด้วยท่าทีอ่อนน้อม

            “รบกวนอะไรกัน พวกเราได้กินขนมของคุณด้วย อุ้ย!”  เพื่อนร่วมงานอีกคนพูดขึ้นแล้วรีบยกมือปิดปาก “คือหมอหมิวเป็นคนมีน้ำใจนะ มีอะไรก็แบ่งเพื่อนร่วมงานเสมอ”

            “ผมทราบครับก็เลยซื้อมาเผื่อคนทุกคนด้วย แต่ไม่ทราบว่าชอบหรือไม่ ถ้ามีสิ่งใดไม่ถูกใจโปรดแนะนำได้ครับ” เขายังคงแย้มยิ้มผิดกับสายตาที่พร้อมปะทะเมื่อสบตากับก้องภพ 

            “ไม่ต้องพูดจาเป็นทางการนักก็ได้ค่ะ...เอ่อ ...พูดภาษาไทยคล่องเชียวอยู่เมืองไทยนานหรือยังคะ”   รุ่นพี่อีกคนเริ่มสัมภาษณ์ด้วยความอยากรู้

            “คุณแม่เป็นคนไทยครับ หลังจากคุณพ่อเสีย คุณแม่ของผมก็ตั้งใจกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย ผมจึงมาทำธุรกิจที่นี่เพื่อจะได้ดูแลท่านด้วยครับ”

            “หน้าคุ้นๆ?”   ก้องภพพูดอย่างไม่เกรงใจ “คุณคือคนที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทที่แผนกฉุกเฉินใช่ไหม”

            “ครับ” โจวเจียอีก้มศีรษะเล็กน้อย “เป็นคนของผมที่ก่อเรื่องเอง ต้องขอโทษทุกท่านอีกครั้ง”

            “อ้อ! นี่คงปิ๊งหมอหมิวตั้งแต่ตอนนั้นสินะ” 

หลายคนเริ่มปะติปะต่อเรื่องราวเอาเอง  แต่ก็ทำให้ธีรยาโล่งอก เธอก็ไม่ได้อยากให้คนอื่นรู้เรื่องส่วนตัวมากนัก โดยเฉพาะคืนนั้นที่เธอมีความสัมพันธ์กับผู้ชายที่เจอหน้าเพียงแวบเดียว

“คุณมาทำธุรกิจอะไรที่เมืองไทย”  ก้องภพยกมือขึ้นกอดอก สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าไม่พอใจ

“ผมมีธุรกิจหลายอย่างครับ แต่แน่นอนว่าเป็นธุรกิจถูกกฎหมาย”  โจวเจียอียกยิ้มที่มุมปาก “ไม่ใช่ธุรกิจสีเทาที่คุณกำลังคิดแน่นอน”

“เป็นหมอดูด้วยเหรอครับถึงได้รู้ว่าผมคิดอะไร”

“ผมแค่นักธุรกิจครับเทียบอะไรกับหมออย่างคุณได้”

ธีรยาได้แต่กลอกตามองคนสองคนโต้เถียงกันไปมา  เธอประหลาดใจอย่างยิ่งที่เห็นท่าทางของก้องภพไม่เป็นมิตรชัดเจนอย่างนี้ ปกติก้องภพเป็นคนแย้มยิ้มพูดคุยหยอกล้อเป็นกันเองกับทุกคน แม้จะเจอคนเจ็บโมโหเหวี่ยงวีนใส่แต่ก็รับมือได้เสมอ

“พี่หมอก้องคะ คุณโจวเป็นลูกชายของคุณกานดาผู้อุปถัมภ์บ้านเด็กกำพร้าของคุณแม่เพ็ญนภา”

หญิงสาวพูดออกไปด้วยหวังว่าจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่ก้องภพกลับตวัดสายตามองอย่างหงุดหงิด

“แล้วยังไง หรือเดี๋ยวนี้หมิวเลือกคบคนที่ฐานะการเงินดูร่ำรวยเท่านั้นเหรอ”

“ไม่ใช่นะคะ”  ธีรยาพูดได้แค่นั้น เธอไม่คิดว่าจะถูกผู้ชายใจดีอย่างก้องภพตวาดใส่อย่างนี้เลย

“หมอก้องยุ่งอยู่ไม่ใช่เหรอ เตรียมงานแต่งงานไปถึงไหนแล้วล่ะ”  รุ่นพี่ของธีรยารีบพูดแทรกขึ้นด้วยเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีนัก ไม่ได้อยากเข้าข้างใครแต่ไม่อยากให้มีเรื่องชู้สาวเกิดขึ้นในแผนก

“เรื่องหมอหมิวไปทำงานแล็บเอกชนก็ไม่ได้ผิดกฎของทางโรงพยาบาล เรื่องนี้หมอหมิวก็ปรึกษาหัวหน้าก่อนแล้ว หมอก้องไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก”

ก้องภพจำใจต้องยอมปล่อยเรื่องนี้ไปทั้งที่ในใจยังไม่สงบ เขาสบตากับดวงตากลมวาวหลังแว่นตากรอบหนานั้นแล้วหมุนตัวเดินกลับไปที่แผนกของตน  โจวเจียอีหรี่ตามองตามร่างนั้นไปก่อนจะหันไปกล่าวลาคนอื่นๆในแผนกแล้วกุมมือเย็นเยียบของหญิงสาวไว้มั่น จูงมือเธอให้มาที่รถยนต์ที่จอดไว้ที่ลาดจอดรถด้านนอก

“เป็นอะไรไป”  เขาถามแล้วกระชับมือเล็กในอุ้งมือแน่นขึ้น “กลัวผู้ชายคนนั้นเหรอ”

“เปล่าค่ะ” ธีรยาได้สติแล้วส่ายหน้าไปมา “แต่ไม่เคยเห็นพี่หมอก้องเป็นแบบนี้มาก่อน ปกติเป็นคนใจดีและสุภาพมาก”

“ยัยหอยทากเอ๊ย!”

“หือ?...คุณว่าอะไรนะ”

โจวเจียส่งกระเป๋าใส่โน้ตบุ๊กให้เจสันที่ยืนรออยู่ด้านข้างรถยนต์ โจวเจียอีรอให้เจสันเปิดประตูรถแล้วก็ช้อนคนตัวเล็กอุ้มเข้าไปนั่งด้านในอย่างรวดเร็ว เสียงปิดประตูทำให้ธีรยาสะดุ้งโหยง ร่างเล็กดิ้นขลุกอยู่บนตักของเขา

“คุณจะทำอะไร...ว้าย! นี่อย่าถอดแว่นตา… อุ๊บ!”

เสียงของหญิงสาวถูกกลืนหายไปในอุ้งปากของชายหนุ่มที่มอบจุมพิตร้อนแรงและวงแขนที่โอบรัดแนบแน่น ตอกย้ำว่าเธอไม่สามารถไปจากเขาได้

ถูกปล้นจูบอย่างไม่ตั้งตัวทำเอาธีรยาตาลายแทบเป็นลม ยังดีที่เขารู้ว่าเธอเริ่มไม่ไหวแล้วจึงผละริมฝีปากออกปล่อยให้เธอสูดอากาศเข้าปอด เมื่อได้สติก็ยกมือขึ้นทุบแผ่นอกแกร่งไปสองสามที แล้วหันไปทางคนขับรถ ทำให้เห็นว่ามีกระจกดำมืดกั้นระหว่างฝั่งคนนั่งและคนขับ

“กลัวใครเห็นหรือไง”  เขาหัวเราะในลำคอแล้วใช้นิ้วโป้งเช็ดริมฝีปากเธอเบาๆ

“ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย”  เธอขึงตาใส่แม้ใบหน้าหวานแดงเรื่อ “คุณว่าหมิวเป็นหอยทากเหรอ”

“ก็จริงไหมล่ะ”  เขากอดเธอแน่นขึ้น มือข้างหนึ่งลูบไล้เรียวขาสวยที่อยู่ใต้กระโปรงสีม่วงอ่อน “คุณไม่รู้จริงๆหรือว่าหมอก้องอะไรนั้นคิดยังไงกับคุณ”

“คิดอะไร? พี่หมอก้องก็เห็นหมิวเป็นน้องสาวไง” เธอพูดแล้วตีหลังมือของเขาแต่อีกฝ่ายก็ไม่ท่าทีว่าจะหยุด  เพียงการลูบไล้เบาๆ ก็ทำให้เธอคิดถึงค่ำคืนที่เร้าร้อนร่วมกัน

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status