“คุณ...อย่ามาล้อเล่นกันแบบนี้” ธีรยาจ้องตาเขาอย่างไม่เกรงกลัวอีกฝ่าย “ฉันไม่ใช่ของเล่นของคุณนะ”
ดวงตาคมปลาบจ้องมองคนตัวเล็ก เขาพอใจกับท่าทีไม่สะทกสะท้านแม้ถูกสายตาของเขากดดันอยู่ มุมปากยกยิ้มขึ้นก่อนเอ่ย
“ทำไมคิดว่าผมเล่นๆ กับคุณเล่า”
“ก็...คนอย่างคุณ...”
“คนอย่างผม?” เขาชิงพูดแทรกขึ้นมาก่อน “คนอย่างผมไม่คู่ควรกับคุณหมอย่างคุณเหรอ”
“มะ..ไม่ใช่แบบนั้น...เอ่อ...คือ..ฉันเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่รู้ว่าพ่อแม่เป็นใครแต่คุณมีฐานะทางสังคมดีกว่าแล้วก็...”
เธออึกอักพลันหน้าเห่อร้อนขึ้นมา “เรื่องคืนนั้นมันก็แค่วันไนท์สแตนด์ เราไม่ควรเจอกันอีก”
“แค่วันไนท์สแตนด์?” เขาหรี่ตาจ้องมองใบหน้าหวานที่แดงเรื่อ “ผมไม่คิดว่าเรื่องคืนนั้นเป็นแค่วันไนท์สแตนด์ และเป็นคุณต่างหากที่ทิ้งผม”
“คะ? ฉันนะเหรอ” นิ้วเรียวชี้ที่หน้าตัวเองอย่างงุนงง
“ผมเขียนโน้ตวางไว้บนหมอน ให้คุณรอผม ผมมีนัดกับลูกค้าตอนสิบโมงเช้า แต่พอผมเสร็จธุระแล้วกลับเข้ามาเจอแค่ที่นอนยับยู่ยี่นี่นะ”
“ก็...ฉันไม่เห็นโน้ตอะไรเลย แต่ถึงเห็น...ฉันก็คง...” ใช่... เธอไม่คิดจะสานต่อความสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าอยู่แล้ว แล้วเธอก็จ้องหน้าเขากลับ “นี่คุณคงไม่ได้คิดแค้นฉันถึงขนาดยกลูกน้องมาตีกันในโรงพยาบาลหรอกนะ!”
“เรื่องนั้นมันไม่ควรเกิดขึ้นและไม่ใช่ความตั้งใจของผม” เขาทำหน้านิ่งเคร่งขรึม “คนของผมทำผิด ผมต้องรับผิดชอบ แต่เรื่องของคุณ ผมไม่รู้ว่าวันนั้นคุณอยู่ที่นั้น”
ปกติคนอย่างโจวเจียอีไม่นอนเตียงเดียวกับผู้หญิงแปลกหน้าโดยเฉพาะผู้หญิงที่มีเซ็กส์ชั่วคราว แต่คืนนั้นเขาละเมิดกฎตัวเอง จับคนตัวเล็กกินไปหลายรอบจนเธอหมดแรงหลับใหล เขามีนัดกับลูกค้าในช่วงสิบโมงเช้า จึงต้องปล่อยให้เธอนอนหลับอยู่อย่างนั้น และเป็นกังวลว่าเธอจะตกใจถ้าตื่นมาเห็นบอดี้การ์ดของเขาเข้าจึงไม่ได้สั่งให้ลูกน้องเฝ้าเธอไว้ และไม่ได้เปิดกระเป๋าดูบัตรประชาชนเธอด้วยซ้ำ ก็แน่ละ เขาไม่เคยเจอผู้หญิงหนีลงจากเตียงเขาอย่างนี้มาก่อน
“ฉัน...” หญิงสาวไม่รู้จะพูดยังไงให้เขาปล่อยเธอไป “ฉันไม่อนุญาตให้คุณจีบฉัน”
“หือ?” คราวนี้โจวเจียอียิ้มออกมาแล้วโน้มหน้าลงใกล้ทำให้อีกฝ่ายถอยหลังหนี แต่เขาโอบรัดร่างเล็กไว้ได้ทันก่อนที่เจ้าตัวจะถอยออกไปนอกห้องลองชุด
“ทำไมไม่ให้ผมจีบคุณล่ะ คุณเองก็โสดนี่”
“คุณรู้ได้ไงว่าฉันโสด”
“ถ้าไม่โสดคืนนั้นจะมาอยู่บนเตียงผมเหรอ และถ้าคุณมีแฟนคงไม่ต้องมาหาเช่าชุดคนเดียวแบบนี้และวันหยุดของคุณก็คงไม่ไปช่วยงานคุณน้าเพ็ญนภาหรอก และที่สำคัญคุณคงไม่ทำเหมือนคนอกหักขนาดนี้”
“ฉัน...ฉัน...”
อาการเธอมันเห็นได้ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ?
นิ้วกร้านเชยปลายคางหญิงสาวขึ้น “วิธีช่วยให้มูฟออนจากการอกหักที่ดีและรวดเร็วที่สุดคือผมไงล่ะ”
“ทำไมต้องเป็นคุณด้วย” เธอพึมพำอยากหลบตาแต่เพราะถูกเขาบังคับไว้จึงได้แต่จ้องมองดวงตาของเขาจนเห็นเงาตัวเองในดวงตาคู่นั้น
“คุณมีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่าและตื่นเต้นกว่าเหรอ” เขายิ้มกริ่ม “ผมไม่เคยเป็นตัวเลือกให้ใคร แต่ครั้งนี้จะยอมเป็นตัวเลือกให้คุณ อะไรที่คุณไม่เคยลองทำ ทำไมไม่ลองกับผม คุณอาจอยู่ในเซฟโซนจนไม่อยากให้ใครเข้าไปแตะต้องในพื้นที่ของคุณ แต่ถ้าคุณได้ลองคบกับผมรับรองได้ว่า คุณมีเรื่องให้เซอร์ไพร์สแน่นอน”
“ฉันไม่ชอบเรื่องเซอร์ไพร์ส” เธอพูดแทบจะทันทีที่ได้ยินเขาพูดคำนี้ แน่นอนว่า ชีวิตเธอมีแบบแผนมาตลอด เธอไม่ชอบเรื่องนอกเหนือการคาดเดา
“ก็นั้นแหละ ผมถึงได้ชวนคุณออกจากเซฟโซนมาเจอผม”
“ปล่อยได้แล้วค่ะ” เธอขยับตัวยุกยิกใช้สองมือดันแผ่น อกของเขา แต่อีกฝ่ายกลับรัดแน่นขึ้น “นี่คุณ ปล่อยฉันได้แล้ว ไม่งั้นฉันร้องให้คนช่วยจริงๆด้วย คุณได้เสียหน้าแน่”
“คุณก็ตอบตกลงก่อน”
“ตกลงอะไร?”
“ตกลงคบกับผม”
“ไม่คิดว่ามันเร็วไปหน่อยเหรอ”
“ที่รัก เราข้ามขั้นกระโดดขึ้นเตียงกันไปแล้ว เราเข้ากันดีขนาดนั้น คุณจะอยากให้มันผ่านเลยไปเฉยๆ ได้เหรอ”
“ฉันจะไปรู้ได้ไง เพิ่งเคยมีเซ็กส์ครั้งแรกกับคุณคนเดียว ยังไม่เคยลองกับคนอื่นต้องเปรียบเทียบดูก่อนว่า อุ๊บ!”
ริมฝีปากสวยถูกปิดด้วยริมฝีปากของชายหนุ่ม เขาบดจูบอย่างเอาแต่ใจไม่สนใจว่าหญิงสาวในอ้อมอกจะดิ้นรนเพียงใด ยิ่งเธอขยับหนีเขายิ่งรัดเธอแน่นขึ้น จนเธอต้องยกมือขึ้นทุบแผ่นอกของเขาแรงๆ ทำให้เขายอมถอนจูบและจ้องมองริมฝีปากที่เปียกชื้นเพราะเขา
“ผมไม่อนุญาต” ดวงตาร้อนแรงจ้องมองพลางใช้นิ้วโป้งเช็ดริมฝีปากสวยเบาๆ “ผมไม่ให้คุณขึ้นเตียงกับใครเด็ดขาด ถ้าอยากลองท่าแปลกหรือจะเอาท์ดอร์ ผมจัดให้คุณเอง”
“คุณ!”
“ผมหิวแล้ว เราไปกินมื้อเที่ยงเถอะ” เขายิ้มกริ่ม “ใส่ชุดนี้แหละไม่ต้องเปลี่ยนแล้ว ที่เหลือก็เอาใส่ถุงไปทั้งหมด”
“คุณ!”
“อิริค” เขาย้ำแล้วหมุนตัวหญิงสาวสำรวจดูว่ารูดซิปด้านหลังเรียบร้อยดีแล้ว “เผื่อคุณลืมชื่อผม”
“คือ...” จูบของเขาทำเอาเธอมึนงงไปหมด ยังไม่ทันตั้งสติได้เต็มร้อยก็ถูกเขาโอบไหล่ออกมาจากห้องลองเสื้อผ้า ได้ยินเขาพูดภาษาอังกฤษรัวใส่พนักงานแล้วพาเธอออกมานอกร้านทันที
“เดี๋ยวก่อน...” ธีรยาหันไปมองด้านหลังอย่างงุนงงพลันเห็นว่ามีชายในชุดสูทสีเข้มคล้ายยืนรอรับเสื้อผ้าของเธอแล้ว
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวคนของผมจะหิ้วของมาให้เอง” โจวเจียอีโอบไหล่หญิงสาวมาที่ร้านอาหารไม่ไกลนัก “อาหารญี่ปุ่นนะ”
“ถ้าฉันบอกว่าไม่ล่ะ”
“ผมอยากกินอาหารญี่ปุ่น” เขาหันมามองแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ “คุณทำผมหิว ถ้าไม่ได้กินอะไรตอนนี้ผมต้องลากคุณไปจับกินลงท้องแน่ๆ”
‘นี่มันเหตุผลอะไร’
ธีรยาไม่ทันได้ปฏิเสธ ผู้ชายคนนี้ก็พาเธอเข้าในร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตบแต่งเรียบง่ายหรูหรา พนักงานเดินนำไปที่ห้องส่วนตัว
“คุณแพ้อาหารอะไรบ้างไหม”
“ไม่ค่ะ ฉันกินได้ทุกอย่าง”
เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วสั่งอาหารกับพนักงาน “ขออนุญาตสั่งให้เลยนะครับ”
จู่ๆ ก็ทำสุภาพขึ้นมา หญิงสาวแทบตามไม่ทัน เอาเถอะ เขาเป็นเจ้ามือนี่ อยากกินอะไรก็ตามใจเลย
“เอ่อ...ปกติคุณมีบอดี้การ์ดติดตามแบบนี้เสมอเหรอ” เธอถามอย่างเพิ่งนึกได้ ครู่หนึ่งพนักงานก็นำชาร้อนมาเสิร์ฟ เขารอจนไม่มีใครแล้วจึงพูดขึ้น
“อืม ...คุณกลัวเหรอ” “กลัวอาชีพคุณมากกว่า” คราวนี้โจวเจียอียิ้มออกมา “เมื่อก่อนคนไทยมองคนจีนเป็นเหมือนพี่น้องไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวเห็นคนจีนต้องเป็นจีนเทาหรือไง” “เอ่อ...ก็ไม่ใช่...ฉันแค่ไม่รู้ว่าคุณทำงานอะไรแล้วอีกอย่างคนทั่วๆไปใครเขามีบอดี้การ์ดติดตามแบบนี้” “ก็จริงของคุณ” เขาจิบน้ำชาแล้วถอนหายใจเบาๆ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้มันไม่ง่ายเลย “หน้าที่พวกเขาเป็นบอดี้การ์ด แต่ก็สนิทกันเหมือนคนในครอบครัว แต่ไม่ว่าอย่างไร ผมก็คือเจ้านายและเป็นจ่าฝูง จะทำตัวสนิทกับพวกเขามากก็ไม่ดีนัก” ธีรยาจิบน้ำชาเลียนแบบเขา น้ำชาอุ่นร้อนกำลังดีและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ดีจริงๆ โจวเจียอีเห็นสีหน้าอีกฝ่ายผ่อนคลายลงมากก็หยิบสมาร์ทโฟนออกมาเลื่อนหน้าจอแล้วยื่นให้เธอดู “คะ?” เธอนั่งอยู่ข้างเขา แต่ชายหนุ่มก็เอียงตัวเข้ามาใกล้จนไหล่ชิดกัน “คุณอยากรู้จักผมไม่ใช่เหรอ ผมเลยเซิร์สชื่อผมให้คุณดูไง” เขาพูดแสร้างทำหน้าซื่อ “ผมเป็นนักธุรกิจมีชื่อเสียงพอสมควร แต่ก็มีทั้งชื่อเสียงและชื่อเสียคุณคงต้องใช้เวลาพิจารณาสักหน่อย
ธีรยามองแผ่นหลังของก้องภพอย่างงุนงง สีหน้าเขาดูแปลกๆ และเมื่อครู่เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดออกมา ปกติเขาเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาและเป็นกันเอง พอเห็นสีหน้านิ่งขรึมแล้วเธอก็อดเป็นกังวลไม่ได้ หรือเขามีเรื่องไม่สบายแต่ไม่กล้าพูด หญิงสาวได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจแล้วกลับไปทำงานของตนเองพร้อมถุงขนมจากผู้ชายช่างตื้อคนนั้น ‘ผมกลับไปดูงานที่ไต้หวัน ผมให้ลูกน้องไปส่งดอกไม้และขนมให้คุณ คุณจะได้ไม่ต้องกลัวเจอคนแปลกหน้าหรือคิดว่าเป็นพวกมิจฉาชีพ’ ‘ไม่เห็นต้องส่งของอะไรพวกนี้มาเลย’ ‘ก็ผมจีบคุณอยู่ไง’ ธีรยาจำได้ว่าพูดตอบเขาไปทางโทรศัพท์ แม้ปากพูดไปแบบนั้นแต่ช่อดอกกุหลาบสีชมพูหวานสวยก็เล่นเอาใจเธอละลายได้เหมือนกัน จากดอกไม้ก็เป็นขนม ต่อไปเขาจะส่งอะไรให้เธออีกนะ ไม่เอาสิธีรยา! อย่าทำเหมือนรอคอยให้เขาส่งของมาให้แบบนี้สิ! ก้องภพรู้สึกแปลกๆ เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้ว่ามีผู้ชายมาจีบธีรยา แต่หญิงสาวเป็นคนหัวอ่อน ไม่สิ เรียกว่าความรู้สึกช้าน่าจะถูก กว่าจะรู้ว่าผู้ชายคนนั้นมาจีบ ผู้ชายคนนั้นถอนใจจากเด็
“เราถูกย้ายมาทำงานที่กรุงเทพฯ แล้ว” “จริงเหรอ แบบนี้ก็ดีเลยสิ” ธีรยายิ้มกว้าง “พักแถวไหนล่ะ แบบนี้ก็ดีเลยนะจะได้กลับไปช่วยงานแม่เพ็ญนภาได้” “อะไรกัน นี่อย่าบอกนะว่าหมิวยังกลับไปที่บ้านนั้นอีกนะ” ปกป้องทำตาโต “ทำไมจะกลับไปไม่ได้ล่ะ ป้องนั้นแหละ ทำไมไม่กลับไปหาแม่เพ็ญนภาบ้าง” “ไม่อยากฟังบ่น” ปกป้องยักไหล่ “เลิกงานแล้วมีนัดที่ไหนไหม ไปหาอะไรกินกัน ป้องเลี้ยงเองในฐานะที่ได้ย้ายกลับมาอยู่ใกล้หมิว” “เรื่องกินไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว” หญิงสาวพยักหน้ารับแต่ก็อดกวาดตามองรอบๆไม่ได้ ไม่เอาน่า เธอไม่ได้รอใครเสียหน่อย ทำไมต้องมองหาด้วยเล่า “รอใครหรือเปล่า นัดพี่หมอก้องไว้เหรอ” ปกป้องถามเพราะสังเกตได้ว่าธีรยาเหมือนมองหาใครอยู่ แถมยังแต่งหน้าทาปากอีกด้วย ปกติไม่ค่อยเห็นคนตัวเล็กแต่งหน้าสักเท่าไหร่ “เปล่า” หญิงสาวส่ายหน้ายืนยัน “ไปเถอะ หิวแล้ว ว่าแต่เจ้ามือจะเลือกร้านให้หรือให้หมิวเลือกร้านเอง” “หมิวเลือกเลยสิ อยากกินอะไร ป๋าจ่ายเอง” “อืม เราเห็นร้านบะหมี่ติดแอร์เปิดใหม่ใกล้ๆ โรงพย
“เอาไว้คราวหน้าเรามารับหมิวไปหาอะไรอร่อยๆ กินอีกนะ” “ได้สิ คราวหน้าหมิวเลี้ยงคืนนะ” “ตามใจ” ปกป้องยิ้มแล้วลังเลอยู่ครู่หนึ่งจนธีรยาเอ่ยปากถาม “มีอะไรหรือเปล่า” “เปล่าๆ ไม่มีอะไร หมิวขึ้นห้องเถอะ พรุ่งนี้ต้องทำงานใช่ไหม” “อื้ม ป้องก็เหมือนกัน กลับบ้านดีๆนะ” “งั้นเราไปล่ะ” ธีรยายืนรอจนรถของปกป้องเคลื่อนไปสุดสายตาแล้วเธอจึงเดินเข้ามาในคอนโด เพราะใจลอยคิดเรื่องอื่นอยู่จึงไม่ทันรู้ว่ามีคนก้าวมายืนซ้อนด้านหลัง เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดข้อความถึงปกป้อง ‘ถึงห้องแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง’ เพราะฝ่ายนั้นเอาแต่ย้ำหนักหนาว่า ถึงห้องแล้วต้องส่งข้อความมาบอกเขา แต่ขณะที่รอลิฟต์อยู่ก็รู้สึกว่าคนด้านหลังยืนชิดเธอเกินไป ร่างเล็กจึงขยับเท้าตั้งใจหลบให้คนด้านหลังเข้าไปในลิฟต์ก่อน แต่ไหล่ของเธอถูกมือใหญ่จับไว้มั่นแล้วดันเข้าไปด้านในทันทีที่ลิฟต์เปิดประตูออก “อ๊ะ! คุณ...” ธีรยาเอี้ยวตัวหันไปมองจึงรู้ว่าคนที่อยู่ด้านหลังคือ...“อีริค ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่” “ก็คุณอยู่ที่นี่ผมก็อยู่ที่นี่สิ ช
“ได้ ถ้าคุณลืม ผมจะทบทวนว่าเราเป็นอะไรกัน”คนตัวเล็กขยับตัวดิ้นรนทำให้กระโปรงร่นขึ้นเห็นเรียวขาขาวผ่อง โจวเจียอีใช้มือเพียงข้างเดียวก็รวบข้อมือสองข้างของเธอกดไว้เหนือศีรษะแล้วโน้มหน้าลงจูบกลีบปากที่พูดจาแทงใจเขาเหลือเกิน ไอร้อนจากกายเขาผสานกับกลิ่นน้ำหอมเกิดเป็นกลิ่นกายเฉพาะตัว คล้ายปลุกเร้าความทรงจำในค่ำคืนนั้นให้หวนกลับมาอีกครั้ง หญิงสาวหน้าตาแตกตื่น คราวนี้เธอกลัวเขาขึ้นมาจริงๆ ร่างกายของเธอแข็งเกร็งขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ โจวเจียอีรับรู้ได้ว่า การกระทำของตนทำให้เธอตกใจ จึงจำใจผละจากริมฝีปากที่บวมเจ่อเล็กน้อยแล้วถอนหายใจหนักหน่วงก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆ แต่เพราะเตียงเล็กทำให้เขาต้องดึงเธอมากอดไว้“ขอโทษ...”“คะ?”“คุณกลัวสินะ”“หมิวตกใจค่ะ” เธอสารภาพ “เรา...เราค่อยเป็นค่อยไปได้ไหม”“อื้ม...” เขากอดเธอแน่นขึ้น “ถึงยังไงตอนนี้ผมก็มีอะไรกับคุณไม่ได้”“คะ?” เธอผงกศีรษะขึ้นมองใบหน้าชายหนุ่ม “คุณไม่สบายเหรอ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”โจวเจียอีหัวเราะ ก่อนจูบหน้าผากเธอเบาๆ“เปล่า ผมแต่ไม่ได้เตรียมตัวมามีเซ็กส์กับคุณ”“คุณ...พูดตรงไปหรือเปล่า” คราวนี้เธอหน้าแดงขึ้นมาอีกรอบ“ผมเป็นคนตรงไ
เธอขมวดคิ้วสีหน้ายุ่งเหยิง แอบคิดในใจว่าเขาจะมาแสดงความยินดีที่เธอก้าวหน้าไปอีกขั้น แต่ทำไมต้องทำหน้าโมโหอย่างนี้ด้วยนะ คราวนี้ก้องภพนิ่งงันไปครู่หนึ่ง รู้สึกว่าเขาจะเคยพูดประโยคนี้จริงๆ ทำไมเขาต้องรู้เรื่องนี้จากปากคนอื่น ทั้งที่เวลาเธอมีเรื่องอะไรจะมาปรึกษาเขาเป็นคนแรกเสมอ และเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องหัวเสียจนแทบเก็บอาการไม่อยู่แบบนี้ “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงทุ่มต่ำดังจากด้านหลัง ร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาใกล้แล้วถอดแว่นกันแดดออก ดวงตาสีน้ำตาลหรี่มองอย่างไม่พอใจนัก แต่กระนั้นก็ยังก้าวเข้าไปยืนเคียงข้างหญิงสาวที่ตนนัดหมายไว้ “ไม่มีอะไรค่ะ” ธีรยาตอบด้วยรอยยิ้ม “มาเร็วจัง” “มาเร็วไม่ดีหรือ?” โจวเจียอีถามแล้วยื่นมือไปช่วยถือกระเป๋าใส่โน้ตบุ๊คของหญิงสาว เธอย่นจมูกใส่เขาแล้วหันไปแนะนำให้รู้จักกับผู้ชายที่เธอยืนคุยก่อนที่เขาจะมาปรากฏตัว “อีริคค่ะ นี่พี่หมอก้องค่ะ เป็นรุ่นพี่หมิวเอง” เธอแนะนำง่ายๆ แล้วหันไปทางหมอก้องภพ “พี่หมอก้องคะ นี่...” “ผมแซ่โจวชื่อเจียอี ส่วนชื่ออีริคเรียกเฉพาะค
“พี่ชายที่ไหนจะหึงน้องสาวขนาดนี้” เขาจ้องตาเธอ แต่หญิงสาวส่ายหน้าไปมา“หึง? เข้าใจผิดแล้ว พี่หมอก้องกำลังจะแต่งงาน ก็หมิวเลือกชุดใส่ไปงานแต่งงานก็งานแต่งงานของพี่หมอก้องนี่แหละ”“ผู้ชายด้วยกันเรื่องแค่นี้มองออก แต่ถึงยังไงผมก็ไม่ยอมปล่อยมือจากคุณเด็ดขาด”เขายืนยันด้วยแววตาในขณะที่ปลายนิ้วแตะต้องที่กางเกงชั้นในตัวน้อยที่ปกปิดเนินเนื้ออวบอิ่ม เธอรีบตะครุบมือเขาไว้แต่มันก็ยังช้าเกินไป เขาแทรกนิ้วกร้านเข้าไปในร่องสาวและขยับนิ้วเป็นจังหวะทำให้เธอต้องกัดริมฝีปากกลั้นเสียงร้อง แต่นั้นยิ่งทำให้เขาขยับนิ้วหนักหน่วงมากขึ้น“อึก...คุณ...อิริค..อ๊ะ!”ธีรยาเอนหน้าซบกับบ่าแล้วกัดเสื้อของเขาเพื่อกลั้นเสียงครางของตัวเอง แม้รู้ว่ามีกระจกกั้น แต่ไม่รู้ว่าจะเก็บเสียงร้องที่น่าอายนี้ได้หรือไม่ ยิ่งเธอกลั้นเสียงร้องเขาก็ยิ่งสาวนิ้วเร็วขึ้น เธอแอบเห็นสีหน้าพอใจของเขาแล้วก็หงุดหงิดที่ตัวเองไม่เคยต้านทานเขาได้สักครั้ง มือเรียวดึงปกเสื้อเชิ้ตออกเพื่อให้เห็นลำคอของเขาก่อนจะอ้าปากกัดเข้าไป“อา...ยัยหอยทาก คืนนี้คุณไม่ได้นอนแน่”“อ๊ะ..อ๊า” เธอได้แต่ส่งเสียงอู้อี้กับลำคอของเขาพร้อมร่างที่เกร็งกระตุก ถูกเขาส่งใ
เธอช้อนตาขึ้นมองอย่างลังเล แต่เมื่อเห็นแววตาลุ่มลึกคู่นั้นราวกับอนุญาตให้ทำได้ตามใจ เธอจึงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออก เผยให้เห็นแผงอกกำยำและรอยสักรวมทั้งหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ “อนาโตมี่สวยจริงๆ” เธอพึมพำไม่รู้ตัว “ผมเพิ่งเคยถูกชมแบบนี้เป็นครั้งแรก”เขาครางเสียงต่ำเมื่อปลายนิ้วไล้บนแผ่นอก พระเจ้า! เธอจะรู้ไหมว่าการสัมผัสแผ่วเบาแต่ปลุกเร้าเขามากแค่ไหน เหนือการคาดหมายเมื่อริมฝีปากสวยประทับที่ยอดอกสีน้ำตาลอ่อนจาง ปลายลิ้นไล้เลียก่อนดูดดึงเบาๆ เสียงครางแผ่วจากลำคอของชายหนุ่มทำให้ธีรยาใจกล้าขึ้น เธอโยนความกลัวทิ้งไปเสื้อผ้าที่เขาปลดเปลื้องออกจนหมด เขาเหมือนขนมหวานราคาแพงที่เธอรู้ว่าไม่อาจได้ลิ้มรส แต่จะคิดมากไปทำไมในเมื่อเวลานี้เธอมีโอกาสกินให้เต็มที่ ทำที่อยากทำ ส่วนวันพรุ่งนี้คือเรื่องที่ยังมาไม่ถึง แต่ถึงจะกล้าแค่ไหน เธอก็ยังเป็นแค่มือใหม่ แค่ปลดซิปกางเกงก็มือไม้สั่น เธอช้อนตาขึ้นมองเพื่อขอความช่วยเหลือ และเขาก็ใจดีไม่หัวเราะเยาะใส่ โจวเจียอีจับมือเรียวให้รูดซิปลงก่อนจะจับมือเธอให้สัมผัสแก่นกายที่อัดแน่นอยู่ใต้กางเกงชั้นใน ขนาด