Romeo Part
“ฮือออ โรมจ๋า โรม....” เด็กน้อยสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของชายคนหนึ่งที่ตนยกให้เป็นเสมือนพี่ชายอีกคน โรมีโอถอนหายใจแผ่วเบา สองมือคอยโอบอุ้มประคองและลูบไล้แผ่นหลังเล็กบางนั้นอยู่ตลอดเวลา
เวลาผ่านไปเนินนานกว่าที่เสียงร่ำไห้นั้นจะหยุดลง โรมีโอก้มลงมองคนในอ้อมแขน พบว่าคุณหนูของบ้านร้องไห้หนักจนผล็อยหลับไปเสียแล้ว
ดังนั้นแล้วผู้ช่วยหนุ่มจึงค่อยๆ จับร่างเล็กให้เอนตัวลงนอน ขยับเข้าไปในห้องน้ำ หยิบผ้าผืนเล็กและกะละมังออกมา ผ้าขนหนูนุ่มนิ่มลูบไล้ไปทั่วกายบาง แววตาที่ชายหนุ่มทอดมองเต็มไปด้วยความอาทรใจ ปลายนิ้วเกลี่ยแพขนตางอนไปมา แล้วเช็ดตัวจนเสร็จเรียบร้อย ผลัดเปลี่ยนเสื้อให้เป็นชุดสำหรับใส่นอนสบายตัว แล้วทิ้งตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอนข้างๆ ฝ่ามือลูบไล้ศีรษะและใบหน้าหวานไปมา ราวกับจะช่วยกล่อมนอนให้นอนหลับฝันดี
แกร๊ก!
เสียงเปิดประตูดังขึ้นแผ่วเบา แต่กระนั้น ก็ไม่ได้ทำให้โรมีโอหันไปสนใจมอง ใครบางคนเดินเข้ามาใกล้และหยุดลงที่ข้างเตียงอีกฝั่งหนึ่ง น้ำเสียงที่เคยทรงพลังเปี่ยมไปด้วยอำนาจแหบพร่าไร้เสียง
“ออกไป.....”
“ไม่” เสียงตอบปฏิเสธดังกลับมาในทันที ทำให้คนที่มีดวงตาสีทองเรืองรองเข้มขึ้น กดเสียงลงต่ำจนคล้ายกับเสียงคำรามในลำคอ
“ฉันบอก... ให้ออกไป!” เสียงนั้นคล้ายกับการตวาด แต่มันกลับแผ่วเบากว่านั้นมากนัก โรมีโอเลื่อนสายตาขึ้นมองสบ จ้องตาไม่ลดละ ไม่ยอมแพ้ เอ่ยตอบกลับมาด้วยเสียงเย็นชา
“คุณต่างหากที่ต้องออกไป” น้ำเสียงที่แสดงถึงความเหินห่างและไร้ซึ่งความเกรงกลัวอย่างที่เคยเป็นดังออกจากริมฝีปาก ทำให้ไมเคิลกัดฟันแน่น กดเสียงลงต่ำจนเกือบจะกลายเป็นการคำรามในลำคอ
“อย่าคิดว่าฉันไม่กล้า โรมีโอ.....” ชื่อเต็มของชายหนุ่มถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปาก โรมีโอเองก็มองจ้องสบมาไม่ลดล่ะ
“ถ้าคุณกล้าก็ทำเลยไมเคิล.....” ถ้อยคำที่น้อยครั้งนักจะได้ยินการท้าทายอำนาจของชายหนุ่ม ทำให้ไมเคิลยืนนิ่ง กำหมัดเอาไว้แน่น ทั้งคู่จ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร และสุดท้ายก็เป็นโรมีโอที่ละสายตาออกไปก่อน แต่สายตานั้นกลับย้อนไปมองจ้องน้องน้อยที่กำลังนอนหลับซุกตัวอยู่ในอ้อมอก
และท่าทีที่ไม่สนใจคนเป็นนายนั้นทำให้ไมเคิลคลายมือออกจากการกำหมัดเอาไว้แน่น ขยับกายเข้าใกล้และทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอีกข้างหนึ่งที่ว่างอยู่ของน้องน้อย กลายเป็นว่าบุคคลทั้ง 3 นอนเบียดกันอยู่บนเตียงกว้าง โดยมีเด็กน้อยนอนคั่นอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองคน
ความเงียบโรยตัวลงอย่างช้าๆ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา แต่กลับไม่มีใครนอนหลับลงยกเว้นก็เพียงแต่เด็กน้อยที่นอนอยู่ตรงกลางที่ผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย .....
“ฮึก” เสียงสะอื้นเบาๆ ในลำคอ เกิดขึ้นในตอนเช้าที่แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่อง ทำให้ทั้งโรมีโอและไมเคิลขยับตัวลุกขึ้นในทันที ศีรษะของทั้งคู่ชนกันเบาๆ จึงทำให้ต้องเงยหน้ามอง โรมีโอชะงักนิ่งไปชั่วครู่ แล้วจึงขยับออกถอยห่างอย่างช้าๆ วงแขนที่โอบกอดมาทั้งคืนเริ่มคลายออกอย่างนุ่มนวล
เด็กน้อยผู้เป็นที่รักของคนทั้งบ้านปรือตาฉ่ำวาวขึ้นอย่างช้าๆ ครางเสียงแหบแห้งร้องเรียกคนที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้
“ฮึก พี่จ๋า......”
“ตัวเล็ก......” ไมเคิลครางรับกลับไป ขยับตัวเข้าไปคร่อมเด็กน้อยเอาไว้ ยกมือขึ้นลูบไล้ปาดน้ำตาออกจากดวงหน้าที่แดงก่ำอย่างอ่อนโยน
“พี่ขอโทษนะคะ.....”
“ฮึก พี่จ๋า....”
“พี่ขอโทษค่ะ ตัวเล็ก.....” พูดบอกพร้อมกดริมฝีปากที่ขมับและข้างแก้ม เพียงเท่านั้นเด็กน้อยก็ตวัดวงแขนโอบกอดรอบคอของคนเป็นพี่ ซุกหน้าร้องไห้อยู่ที่ซอกคอ ไมเคิลใช้ฝ่ามือลูบเส้นผมนุ่มมือไปมา โรมีโอที่นั่งมองภาพนั้นอยู่ยอมตัดใจเดินออกจากห้องมาเงียบๆ และผละไปจัดการงานต่างๆ ที่ตนดูแลรับผิดชอบ และกลับเข้าห้องควีนมาอีกครั้งเมื่อตระเตรียมทุกอย่างเสร็จสิ้น เห็นว่าสองพี่น้องนอนกอดกันกลม ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ บ่งบอกได้ว่าทุกอย่างคลี่คลายลงแล้ว โรมีโอจึงปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ ปล่อยให้บุคคลทั้งสองได้นอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่ แล้วผละไปจัดการงานในส่วนของไมเคิลแทน
หลังจากปิดประตูลงโรมีโอก็ลอบถอนหายใจออกมาช้าๆ หวังเพียงว่าหลังจากนี้จะไม่มีเรื่องยุ่งวุ่นวายอะไรเกิดขึ้นอีก......
.
.
.
Michael Part
ไมเคิลที่ได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มลืมตาขึ้นช้าๆ บนอกของตนรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากศีรษะเล็กที่กำลังนอนซุกซบ รอยยิ้มแต่งแต้มขึ้นบางเบาที่มุมปาก ก่อนจะกระชับวงแขนให้โอบกอดเด็กตัวเล็กแนบแน่นขึ้น ถูไถจมูกและซุกไซร้ไปมา กดจูบหนักๆ ที่ขมับ บ่งบอกถึงความรักใคร่
ภายในหัวสมองครุ่นคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่เกิดขึ้น.....
หลังจากที่ไล่บารอนกลับไปแล้ว ไมเคิลก็เดินเข้าไปสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำ หวังให้สายน้ำเย็นๆ ช่วยดับความร้อนรุ่มที่เกิดขึ้น เนิ่นนานนับชั่วโมงที่ชายหนุ่มยืนนิ่งๆ ใต้สายน้ำนั้น ก่อนจะขยับมือไปหมุนปิดสายน้ำที่กำลังไหล จัดการอาบน้ำแต่งตัวและเดินออกจากห้อง
ในตอนที่กำลังจะเปิดประตูเข้าห้องของน้องน้อยกลับต้องชะงักลง เพราะเสียงร้องสะอื้นไห้ของเด็กน้อยยังคงลอดออกมาให้ได้ยิน ไมเคิลยืนหันหลังพิงประตู หยิบบุหรี่ขึ้นออกมาสูบเพียงลำพังเงียบๆ คนเดียว
เวลาไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้า
จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นทำให้เลื่อนสายตาไปมองที่มาของเสียงนั้น เห็นโอเว่นถือแฮมเบอร์เกอร์เข้ามาใกล้และเดินกินไปพลาง
“บอสทำไร” เสียงทักมาพร้อมกับกระพุ้งแก้มที่บวมตุ่ย ไมเคิลไม่ได้พูดอะไรออกไปนอกจากยืนสูบบุหรี่เงียบๆ โอเว่นขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามออกไปอีกหน
“ทำไมไม่เข้าไปล่ะครับ?” ไมเคิลเลื่อนสายตามองบานประตูที่ตนยืนพิงอยู่ พึ่งรู้ในตอนนี้เองว่าเสียงร้องไห้เงียบลงไปแล้ว เพราะจมอยู่กับความคิดของตนเองจนไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง ดังนั้นไมเคิลจึงดับบุหรี่ลง แล้วเดินเข้าห้องไปในที่สุด ทิ้งให้โอเว่นยืนเกาหัวแล้วหยักไหล่อย่างไม่สนใจ ใช้นิ้วดันแว่นขึ้นเล็กน้อย แล้วออกตัวเดินกลับห้องต่อ
เข้ามาแล้วใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่าย ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาจะทำให้ผู้ช่วยคนสนิทโกรธไปด้วย จนถึงขั้นฝ่าฝืนคำสั่ง และไม่ยอมปล่อยเด็กน้อยให้เขาได้เข้าใกล้ แต่ไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับไมเคิล เพราะน้องน้อยสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด ดังนั้นแล้วจึงทิ้งตัวลงนอนกอดเด็กน้อยจากทางด้านหลัง กดริมฝีปากลงที่ต้นคออยู่บ่อยครั้ง และดูดดุนฝากฝังรอยรักให้ขึ้นสีจาง
จวบจนกระทั่งยามเช้ามาถึง เด็กน้อยที่นอนสะอื้นมาทั้งคืนก็ตื่นขึ้นจากนิทราด้วยดวงตาที่เปียกชื้น เอวานอนร้องไห้ซุกกับบ่าของเขาเนิ่นนาน จนกระทั่งสงบลง น้ำเสียงแหบพร่าสั่นเครือก็ทำเอาใจคนฟังสะท้านไหว
“พี่จ๋ารักบาร์คหรอ.......”
“ไม่ค่ะ พี่ไม่ได้รัก” พูดพร้อมวางคางเกยบนศีรษะ เอวาสูดน้ำมูก ก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง
“แต่พี่จ๋ากับบาร์ค.....”
“มันไม่มีอะไรทั้งนั้นค่ะ พี่ไม่ได้รักบาร์ค แต่พี่รักตัวเล็ก หนูรู้ใช่ไหมคะ” แววตาของเด็กน้อยที่กำลังซุกอกเงยขึ้นมองสบ เห็นความเสียใจและความหวาดหวั่นปรากฏขึ้นภายในดวงตา จนไมเคิลกดจูบลงไปบนริมฝีปากเล็กบางนั้นเบาๆ
“มันจะไม่เกิดขึ้นอีกค่ะ เชื่อใจพี่นะ” เอวาใช้มือขยุ้มเสื้อของคนพี่เอาไว้แน่น นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง เพียงเท่านั้นก็ทำให้ไมเคิลยิ้มออก ใช้วงแขนกอดกระชับเด็กน้อยให้กายแนบแน่น ถูไถจมูกไปตามดวงหน้าอย่างลุ่มหลง
“นอนกับพี่ก่อนนะคะ”
“แต่หนูไม่ง่วง.....”
“นอนกับพี่นะ... นะคะตัวเล็ก” เพียงเอ่ยคำอ้อนวอน ใบหน้าจิ้มลิ้มก็กดรับพยักหน้าอย่างว่าง่าย แล้วใช้มือลูบเส้นผมของคนพี่ไปมาแผ่วเบา ช่วยกล่อมให้เข้าสู่นิทรา จนเมื่อเป็นที่พอใจของคนพี่ ไมเคิลก็จับคว้ามือเล็กเอาไว้ จับอย่างทะนุถนอม กดจูบลงไปหนักแน่น แล้วนอนกุมมือเอาไว้ ก่อนที่เปลือกตาจะปิดพับลง เอวาที่นอนนิ่งๆ มาพักใหญ่ก็หลับลงไปอีกครั้งเช่นกัน
และตอนนี้ไมเคิลก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความปลอดโปร่ง นอนคลอเคลียกับเด็กน้อยด้วยความสุขใจ จนกระทั่งเอวาตื่นขึ้นเพราะถูกรบกวน ไมเคิลจึงยอมหยุดมือ แล้วชักชวนให้อาบน้ำด้วยกัน ซึ่งเด็กน้อยก็ยอมตามเข้ามาในห้องน้ำไม่อิดออด
บุคคลทั้งสองนอนอิงแอบแนบชิดกันในอ่างน้ำขนาดใหญ่ พูดคุยเล่นกันไปมาถึงกิจกรรมที่จะทำในวันนี้ อย่างการเข้าครัวทำอาหารและการแวะเข้าไปหามิลาด้าเจ้าเสือขาวตัวโต หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ไมเคิลก็พาเอวาลงมาทานอาหารเช้าในตอนเที่ยงวัน
ซึ่งโรมีโอนั้นจัดการตระเตรียมข้าวปลาอาหารขึ้นโต๊ะเอาไว้ให้ และนั่งลงรับประทานอาหารร่วมกัน โดยที่ดูแลเอาใจใส่น้องน้อยเป็นพิเศษ และเลือกที่จะเมินเฉยกับเจ้านายของตนอย่างผิดวิสัย ไมเคิลได้แต่ลอบมองใบหน้าของผู้ช่วยคนสนิทที่ไม่แม้แต่จะชายตาแลมองคนเป็นนาย
จนกระทั่งสบโอกาส ตอนที่น้องน้อยลุกขึ้นเอาจานอาหารไปเก็บในห้องครัวและทำอาหารไว้ปิกนิกต่อทันที ไมเคิลก็พูดขึ้นลอยๆ ให้พอได้ยินกันสองคน
“อย่าคิดว่าฉันจะง้อนาย โรม..... นายไม่ได้สำคัญขนาดนั้น......” คำพูดนั้นทำให้โรมีโอที่กำลังจะลุกขึ้นเอาจานไปเก็บในห้องครัวตามคุณหนูของบ้านหยุดชะงัก หันกลับมามองและเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงไม่ใคร่จะสนใจนัก
“ผมไม่ได้อยากให้คุณมาง้อผมไมค์ สิ่งที่ผมรู้คือคุณทำให้คุณหนูของผมเสียใจกับเรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
“แม้ว่านายจะเป็นหนึ่งในบุคคลเหล่านั้นน่ะหรอ?” ไมเคิลถามพร้อมกับตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก ก่อนจะรวบช้อน เงยหน้าขึ้นมองสบตาผู้ช่วยคนสนิท
“ใช่ แต่ผมไม่เคยทำให้คุณหนูต้องร้องไห้เสียใจ.... ไม่เคยเลยสักครั้ง....” สิ้นคำพูดนั้นชายหนุ่มก็เดินสะบัดผมจากไป ทิ้งให้ไมเคิลครุ่นคิดตามคำพูดนั้น และจริงดังว่า จนอดที่จะรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ เมื่อสาเหตุของหยาดน้ำตาของยอดดวงใจล้วนมาจากเขาทั้งสิ้น
ในวันนั้นไมเคิลผูกติดกับน้องน้อยทั้งวัน เข้าครัวทำอาหารปิกนิกด้วยกัน แวะไปหามิลาด้าและนั่งเล่นกับเจ้าเสือขาวโดยที่มีโรมีโอยืนดูความเรียบร้อยที่ด้านหลังอย่างเช่นทุกที หลังจากใช้เวลาด้วยกันกับมิลาด้าจนค่ำ บุคคลทั้งหมดก็กลับเข้ามาในบ้าน และได้เห็นว่ามีใครบางคนกำลังนั่งรออยู่กับทีมระดับ S ของเขา และกำลังพูดคุยเล่นกันอย่างสนุกสนาน
“บาร์ค....” เสียงหวานใสของเอวาครางชื่อออกมาแผ่วเบา ในขณะที่ไมเคิลหน้าตาเคร่งขรึมและตึงเครียด เอ่ยปากบอกเสียงเข้ม
“ไปคุยกับฉันที่ห้องบาร์ค......” พูดจบก็เดินนำออกไป ก่อนจะหยุดชะงัก แล้วหันมาพูดให้ชัดเจนอีกหน
“ห้องทำงาน....” สิ้นคำนั้นก็ออกตัวเดินต่อโดยมีบารอนเดินตามไปติดๆ ทิ้งให้เอวาและโรมีโอมองตามหลังรวมถึงสมาชิกคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องนั้นด้วย
ไมเคิลเดินนำบารอนมาที่ห้องทำงาน ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ประจำตัว หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบและคาบไว้บนริมฝีปาก ในขณะที่บารอนเดินมาทิ้งสะโพกพิงโต๊ะทำงาน
“เรื่องของเรา-”
“ฉันรู้” ยังไม่ทันที่ไมเคิลจะพูดจบ บารอนก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน ก่อนจะดึงเอาบุหรี่ที่ไมเคิลคาบอยู่บนริมฝีปากเอาไปสูบแทน
“........”
“ฉันรู้มาตั้งนานแล้วไมค์ สำหรับเรามันแค่เซ็กส์ ไม่ใช่รัก เพราะนายไม่เคยจูบฉันเลย..... และฉันคิดว่ากับคนอื่นนายก็คงไม่จูบเหมือนกัน”
“........”
“จะเอายังไงต่อ?” บารอนถามพร้อมเอี้ยวตัวหันมาหา เลิกคิ้วขึ้นมอง
“ฉันเห็นนายเป็นเพื่อนบาร์ค ไม่มีมากกว่านี้.....”
“โอเค เพื่อนก็เพื่อน” พูดพร้อมปล่อยควันสีขาวออกจากริมฝีปาก
“ขอโทษ....” บารอนโบกมือไปมา ก่อนจะตอบกลับไป
“เพราะเราสองคนต่างรู้อยู่แล้วไมค์ ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ต่อจากนี้หากฉันไปนอนกับใครนายห้ามมาหึงหวงฉันแล้วกัน”
“หึ ไม่มีวัน....”
“เฮ้ มันเจ็บนะ” บารอนพูดพร้อมขมวดคิ้ว ก่อนจะขยี้บุหรี่ลงในถาดรอง
“เพื่อนก็เพื่อน.....” บารอนพูดย้ำไว้เพียงเท่านั้นแล้วเดินออกจากห้องไป ไมเคิลเอนหลังลงกับพนักพิง หลับตาลงช้าๆ ให้กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เขารู้ว่าบารอนเสียใจ แต่เก็บซ่อนอาการไว้ไม่แสดงออกมาให้เขาเห็น
ไมเคิลมองงานที่กองอยู่บนโต๊ะในขณะนี้ถูกจัดเก็บและคัดแยกอย่างเป็นระเบียบโดยผู้ช่วยคนสนิท เอกสารจำเป็นและเร่งด่วนถูกเขาเซ็นอนุมัติให้โดยไม่ต้องมีการอ่านทวนซ้ำอีกครั้ง เพราะมั่นใจและไว้ใจในฝีมือของลูกน้องคนสนิทคนนี้ที่ทำงานร่วมกันมานาน
ไมเคิลใช้เวลาอีกครู่หนึ่งในการเคลียร์งานที่คั่งค้างบนโต๊ะจนเสร็จเรียบร้อยดี จึงออกจากห้องทำงานและเดินกลับเข้ามาที่ห้องนั่งเล่น เห็นโรมีโอนั่งร่วมกลุ่มอยู่ด้วย ด้วยท่าทีที่สบายๆ อย่างการนั่งไขว่ห้าง ในมือถือแก้วไวน์โคลงไปมาเล็กน้อย
“เอกสารฉันเซ็นแล้ว ดำเนินการได้เลย....” คำพูดนั้นบอกกับผู้ช่วยคนสนิท ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวยาวสีแดงสดที่นุ่มฟู โรมีโอทำเพียงปรายสายตามองและพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะเบนทิศทางไป
ท่าทีนั้นทำให้ไมเคิลคิ้วกระตุก ท่าทีไม่ใส่ใจที่ได้รับนั้นทำให้เกิดอารมณ์คุกรุ่นอยู่ในอก แต่สิ่งที่ทำมีเพียงการเก็บซ่อนความรู้สึกภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉยไร้ความรู้สึก และเอ่ยถามถึงใครอีกคนแทน
“ตัวเล็กล่ะ......”
“บาร์คมีเรื่องอยากคุยด้วย” ซีนอนเป็นคนตอบให้แทน ก่อนจะเบนความสนใจไปหาเรื่องที่คุยค้างไว้ บุคคลทั้งหมดรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ต่างจากปกติระหว่างเจ้านายและลูกน้องอย่างไมเคิลและโรมีโอ เพราะคนหนึ่งนั่งพูดคุยหัวเราะกับคนอื่นเป็นปกติ แต่บอสใหญ่กลับมองจ้องไม่ละสายตาและมีความกดดันกลายๆ ปรากฏอยู่ แต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้โรมีโอหันไปสนใจได้เลยแม้แต่น้อย
จนในที่สุดการรอคอยก็สิ้นสุดลง เมื่อบารอนเดินกลับมาที่เดิมและมีเอวาเดินตามมาด้วย ไมเคิลหรี่ตามองจ้อง หาความผิดปกติของน้องน้อย แต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากการส่งยิ้มมาให้อย่างทุกที จึงทำให้ไมเคิลพอวางใจได้บ้าง
ไมเคิลดึงน้องน้อยให้มาทรุดตัวนั่งลงบนตัก และไม่มีใครสนใจแต่อย่างใดเนื่องจากเห็นจนชินตา แต่กลับมีสายตาสองคู่ที่ลอบมองมาเป็นระยะพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่เกิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
บรรยากาศระหว่างไมเคิลและโรมยังคงเป็นไปอย่างอึมครึมเช่นเดิม จนตอนนี้ก็ผ่านเลยไปเกือบสัปดาห์แล้ว แต่ดูเหมือนทั้งคู่จะยังคงเป็นแบบนี้ต่อไปอีกเรื่อยๆไมเคิลมองตามคนที่เดินไปเดินมาภายในห้องไม่ละสายตา ตั้งแต่เดินไปชงชา จัดเตรียมขนม นำมาวางลงตรงหน้า แล้วขยับไปจัดเอกสาร หยิบเอาแฟ้มที่ต้องการออกไป เดินไปทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะทำงานตัวเอง แล้วผุดลุกขึ้นมาอีกครั้ง ขยับไปที่ตู้เอกสาร หยิบแฟ้มออกมาหนึ่งเล่ม และเดินกลับมาที่เดิมการทำงานทุกอย่างยังคงเป็นไปเช่นเดิม ไม่มีอะไรติดขัด ทั้งคู่ยังคงทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพียงแต่ไม่เหมือนเดิมแต่เดิมโรมีโอก็ไม่ใช่คนช่างพูดอยู่แล้ว อีกฝ่ายจะพูดเมื่อจำเป็น ไม่ทำอะไรที่เป็นการขัดใจเขา ตอนนี้ก็ไม่ต่างกัน ติดอยู่ตรงที่ว่ารอยยิ้มที่เคยมีติดอยู่บนใบหน้าเป็นนิจได้เลือนหายไป......กึก!ไมเคิลหยุดมือที่กำลังขยับเซ็นชื่อบนเอกสาร เงยหน้ามองคนที่หยุดอยู่ตรงข้าม เห็นผู้ช่วยคนสนิทวางเอกสารลงตรงหน้า พร้อมเอ่ยปากอธิบาย“งานสุดท้ายของวันนี้ครับ”“อืม....” ไมเคิลครางรับในลำคอแผ่วเบา และเลื่อนเอกสารเข้ามาดูใกล้ๆ“พรุ่งนี้บอสมีเข้าพบพระนางตอน 9 โมงเช้าครับ” ไมเคิลพยักหน้าร
**คำเตือน**ฉากต่อไปนี้มีความรุนแรง ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน และห้ามลอกเลียนแบบโดยเด็ดขาด!!!Micheal Part“อะไรนะ? ......” น้ำเสียงกดต่ำมาพร้อมใบหน้าที่เครียดขึ้ง ไมเคิลหันไปมองหน้าผู้ช่วยคนสนิท ข่มความโมโหที่พลันปะทุขึ้นในอก กัดฟันพูดเสียงต่ำในลำคอ“เกิดขึ้นได้ยังไง.......”“........”“เกิดขึ้นได้ยัง!!!!”เพล้ง!!!!เสียงตวาดมาพร้อมกับการยกกำปั้นขึ้นทุบโต๊ะที่อยู่ตรงกลางระหว่างบุคคลทั้ง 3 จนมันแตกกระจายพังลงตรงหน้า นั่นทำให้บุคคลในบริเวณโดยรอบพากันก้มหน้าหลบสายตา กันนาร์ขยับเข้ามาปกป้องคนที่มีศักดิ์เป็นองค์ราชินี ในขณะที่โรมีโอทำเพียงมองจ้องนายของตนเงียบๆ“หาให้เจอ...... ตามหาเอวาให้เจอ!!!!” คำสั่งนั้นมาพร้อมกับการผุดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ ไมเคิลก้าวเท้ายาวๆ เดินกลับไปที่รถ ความเป็นห่วงสุมอยู่เต็มอกจนหลงลืมการทำความเคารพองค์ราชินี กันนาร์ขยับกายเข้ามาหาชายหนุ่ม หมายจะบังคับให้ทูลลาตามกฎเสียก่อน แต่หญิงสาวเพียงคนเดียวในที่นี้ยกมือขึ้นห้ามเอาไว้ พร้อมถ้อยคำแผ่วเบาอย่างเข้าอกเข้าใจ“ปล่อยเขาไป”ไมเคิลขึ้นมานั่งบนรถตรงที่นั่งคนขับอย่างรวดเร็ว โรมีโอที่วิ่งตามมาเห็นรถเริ่มกระชากตัวออกก็รีบเร
Romeo Partตอนนี้เรียกได้ว่าใครก็เข้าหน้าบอสใหญ่ไม่ติด แม้แต่ตัวของโรมเอง.....ชายหนุ่มยกมือขึ้นนวดหัวคิ้วของตนอย่างเหนื่อยอ่อน ดวงตาฉายแววเหนื่อยล้า แต่เพราะความเป็นห่วงคุณหนูเล็กของบ้านจึงยังไม่มีใครแยกย้ายไปพักผ่อนแต่อย่างใด มีเพียงบอสใหญ่ของบ้านที่เก็บตัวเงียบ ในขณะที่ทีมระดับ S ทั้ง 8 ทำงานเต็มความสามารถโอเว่นนั่งจ้องอยู่หน้าคอมไม่ละสายตา สองมือรัวนิ้วบนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว โอเว่นจัดการค้นหาบ้านพักทั้งหมดของบารอนที่มีอยู่ในครอบครอง และบอกพิกัดให้กับทีม ซึ่งระดับ S ทั้งหมดที่เหลืออยู่ก็กระจายตัวไปตามพื้นที่ต่างๆ เผื่อว่าจำเป็นต้องมีการปะทะตอนนี้ผ่านไปแล้ว 3 วัน ความคืบหน้าก็ยังไม่ปรากฏให้เห็น ไมเคิลเองก็เก็บตัวอยู่ภายในห้อง ไม่มีใครกล้าเข้าไปอีกเมื่อเห็นร่องรอยที่เกิดขึ้นกับโรมีโอ“โรม คุณไปพักบ้างดีไหม” กันนาร์ที่ถูกองค์ราชินีส่งตัวมาช่วยในการค้นหาเอ่ยทักอย่างเป็นห่วง หากแต่ชายหนุ่มเจ้าของชื่อกลับส่ายหน้าไปมาและส่งยิ้มให้บางเบา กันนาร์ถอนหายใจแล้วบอกให้เมดสาวนำอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาให้“อย่างน้อยก็ทำอะไรสักอย่างกับแผลนั่นเถอะ หน้าสวยๆ ของคุณพังไปหมดแล้ว” กันนาร์พูดพร้อมลา
ดวงตากลมโตที่บวมช้ำค่อยๆ ปรือขึ้นอย่างช้าๆ แพขนตางามงอนกะพริบถี่ๆ อยู่หลายครั้งเพื่อปรับสายตา ห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ที่เคยเห็นจนชินตามาตลอด 3 วัน บัดนี้กลับแปรเปลี่ยนไป กลับกลายเป็นห้องขนาดกลางที่มีเฟอร์นิเจอร์เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม อย่างโต๊ะเครื่องแป้งและชั้นวางทีวี หากแต่ห้องที่อยู่อาศัยในตอนนี้เก่ากว่ามาก คล้ายกับห้องร้างที่ไร้ซึ่งคนอยู่อาศัย“แค่กๆ” เด็กน้อยไอออกมาเบาๆ เมื่อรู้สึกลำคอแห้งผากและคัดจมูก เนื่องจากฝุ่นที่จับตัวหนาอยู่ทั่วทุกพื้นที่ แถมยังรู้สึกแสบผิวและคันคะเยอไปหมด เนื่องจากนอนทับฝุ่นคละคลุ้ง นอกจากนี้แล้วเอวายังพบว่าตนสวมใส่เสื้อผ้าครบทุกชิ้น แม้ว่าเนื้อผ้าจะไม่ได้ดีมากนักและขนาดก็โอเวอร์ไซส์ไปเยอะ แต่ก็ยังดีกว่ากายเปลือยเปล่าล่อนจ้อน“อึก!” เอวาร้องครางออกมาเบาๆ เมื่อความปวดเมื่อยแล่นไปตามเนื้อตัวอย่างรวดเร็วฟ่อ!เสียงบางอย่างทำให้เอวาหยุดขยับตัว แล้วหันไปมองทางต้นเสียงอย่างช้าๆ พบว่าที่ปลายเท้าของตนมีงูตัวหนึ่งกำลังนอนขดอยู่ และตอนนี้มันก็กำลังผงกหัวขึ้นชูคอสูงจากฟูกนอน เด็กน้อยหน้าเผือดสี ความกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจ ไม่รู้แน่ชัดว่างูตรงหน้านี้มีพิษหรือไม่ในขณะที่หนึ่งค
Ava Part“เอวา!! วางมันลงเดี๋ยวนี้!!”“ไม่!!”เอวาร้องตะโกนกลับไปพร้อมทั้งใช้ปลายมีดชี้เข้าหาบารอนไปพลาง ตัวของเด็กน้อยสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม สีหน้าไม่สู้ดี บารอนเก็บคืนท่าทีกลับมาสงบนิ่งตามเดิม เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“วางมันลงซะเอวา”“ไม่..... อยะ อย่าเข้ามานะบาร์ค หนูจะ.... หนูจะฟันจริงๆ นะ” เด็กตัวเล็กเอ่ยบอกเสียงสั่น ในขณะที่บารอนขยับเท้าเดินเข้าไปใกล้ จนปลายมีดนั้นจิ้มลงที่เหนือแผ่นอก บริเวณหัวใจ เอวาชักมีดกลับอย่างเกรงกลัว หากแต่บารอนกลับจับข้อมือเล็กเอาไว้ได้ทัน แล้วบังคับให้ปลายมีดกดลงให้ลึกมากยิ่งขึ้นอย่างช้าๆ“กดลงมาเลยค่ะ.....” บารอนพูดพร้อมกับเดินเข้าหาปลายมีดมากยิ่งขึ้น มือก็จับดึงบังคับทิศทางให้เด็กน้อยแท่งมีดลงที่อกของตัวเอง พูดด้วยรอยยิ้มติดใบหน้าน้อยๆ“กดมีดลงมาแรงๆ ......”“หยะ หยุดนะ...”“กดลงไปให้มิด....” หยาดโลหิตเริ่มไหลซึมผ่านเนื้อผ้าอย่างช้าๆ เอวามองคนตรงข้ามหน้าตาตื่น ภายในดวงตาของบารอนนั้นไม่ได้เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธแต่อย่างใด บัดนี้มันถูกแทนที่ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง เอวาพยายามที่จะชักมีดกลับคืน พร้อมส่ายหน้าไปมาอย่างแรง เอ่ยปากพูดเสียงสั่น“มะ ม
“โรม......”“ครับ”“ลากตัวมันไป..... จัดการให้เรียบร้อย.......”“เยส มายลอร์ด”...ตอนนี้ไมเคิลกำลังนั่งมองเด็กน้อยที่เดินไปเดินมาภายในห้องนอน หยิบจับนั่นนู่นนี่อย่างชินมือ ก่อนจะหันมาพยักหน้าให้ บ่งบอกว่าพร้อมแล้วไมเคิลหลับตาลงช้าๆ ลอบถอนหายใจ แล้วจึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง ผุดลุกขึ้นจากโซฟา เดินก้าวเท้าเข้าไปหาน้องน้อยอย่างมั่นคง ยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กแผ่วเบา“แน่ใจนะคะ?”“.....”“ตัวเล็ก?” ไมเคิลมองจ้องเด็กน้อยที่ยืนกำชายเสื้อเอาไว้แน่น ริมฝีปากถูกขบเม้มอย่างชั่งใจ แต่ในท้ายที่สุดแล้ว น้องน้อยก็พยักหน้ารับ เอ่ยถ้อยคำออกมาแผ่วเบา“หนูจะไป....” ดังนั้นแล้วไมเคิลจึงจับจูงเด็กน้อยให้ออกจากห้อง เดินไปตามทางที่คุ้นเคย สองมือยังคงกอบกุมกันไว้แน่นไม่ยอมให้ห่างจากตัวหลังจากที่เวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ เอวาก็รักษาตัวเองจนหายเป็นปลิดทิ้ง ร่างเล็กที่เคยผายผอมกลับมามีน้ำมีนวลเนื้อตัวนุ่มนิ่มดั่งเดิมจากการประโคมข้าวปลาอาหาร ขนมและน้ำหวานเป็นการเอาใจ จากชายหนุ่มทั้งสองคนคือไมเคิลและโรมีโอส่วนทีมระดับ S ที่ถูกเรียกตัวกลับมานั้นได้กระจัดกระจายไปตามมุมต่างๆ ทั่วโลก หลังจากที่ตามหาเด็กน้อยผู้ครอบครัวดวงใจมั
Michael Partตึกตึกตึกเสียงรองเท้าคัทชูสีดำเงาวับดังสะท้อนก้องไปทั่วพื้นที่ท่ามกลางความมืดมิดที่มีแสงจันทร์และแสงดาวรำไรชายรูปร่างสูงโปร่งเดินนำทางอยู่ด้านหน้า ที่ด้านหลังมีเจ้านายหนุ่มเดินตามมาเงียบๆ เงาดำทะมึนแผ่ขยายไปทั่วจนคนนำทางเหลือบมองเล็กน้อยอย่างกังวลใจ โรมีโอนำทางไมเคิลไปที่ชั้นดาดฟ้าที่ถูกตกแต่งใหม่ตามคำสั่งของไมเคิลที่ด้านบนของคฤหาสน์ชั้นดาดฟ้า มีการสร้างกำแพงล้อมรอบเอาไว้ด้วยอิฐสีดำสนิท ทำให้กลางวันดูดความร้อนจนอบอ้าวคล้ายเตาอบขนาดใหญ่ กลางคืนก็หนาวเย็นเกินจะต้านทาน ที่ด้านบนเป็นลูกกรงขนาดใหญ่ซึ่งมีกระจกกันกระสุนแบบสั่งทำพิเศษถูกติดตั้งไว้ นอกจากนี้แล้วยังเป็นจุดรวมแสงยิ่งทำให้แผดเผาจนอาจก่อให้เกิดประกายความร้อนโรมีโอไขกุญแจที่สั่งทำพิเศษเพื่อใช้กับห้องนี้โดยเฉพาะและเปิดเข้าไปช้าๆ เผยให้เห็นร่างของชายคนหนึ่งที่กำลังถูกตรึงรั้งด้วยโซ่เส้นใหญ่ที่ห้อยลงจากจุดกึ่งกลางของลูกกรง และนอกจากนี้ที่ด้านข้างกำแพงยังมีชายอีกคนที่ถูกบังคับให้นั่งลงข้างๆ หันมองคนที่กึ่งกลางห้องนั้นอย่างบังคับอยู่ในที เพราะมีสายรัดล็อกศีรษะ บังคับไม่ให้หันหน้าหนีไปทางอื่นไมเคิลเดินไปทรุดตัวนั่งลงบ
ดวงตากลมโตที่บวมช้ำทอดมองคนบนเตียงที่ยังคงหายใจเข้าออกสงบนิ่ง แผ่นอกกระเพื่อมไหวตามจังหวะการหายใจ ฝ่ามือใหญ่ถูกเกาะกุมไว้ด้วยมือเล็กที่จับกระชับเอาไว้มั่น เรือนผมสีแดงของชายหนุ่มระไปกับหมอน ใบหน้าทรุดโทรมหมองคล้ำ ร่างกายซูบผอมจนเห็นซี่โครงได้อย่างชัดเจน ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยผ้าพันแผลอยู่หลายแห่ง ที่ข้อแขนมีสายน้ำเกลือถูกเสียบคาไว้เอวานั่งมองคนบนเตียงอย่างเหม่อลอย เมื่อได้ฟังคำเฉลยที่มาจากผู้ช่วยคนสนิทของพี่ชายที่เผยออกมาจนหมดเปลือก“บอสฉีดยาที่มาจากสารสกัดของคลอสตริเดียมให้กับคุณบารอนครับ ส่งผลให้เป็นอัมพาตชั่วคราว แม้ว่าจะใช้เพียงน้อยนิดก็ตาม หลังจากนั้นก็ส่งคุณบารอนไปรอคุณหนูที่ห้องดับจิตในสภาพที่เย็นจัดครับ....”เอวาได้ยินก็ถึงกับหลั่งน้ำตา ความสงสารก่อเกิดภายในจิตใจหลังจากที่ไมเคิลหันหลังเดินจากไป และเอวาก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก แต่ถึงกระนั้นเด็กน้อยก็ใช้เวลาไม่นานนักในการตั้งสติ และออกคำสั่งให้โรมีโอปล่อยคนทั้งคู่ออกมา หากแต่ชายหนุ่มกลับทำมากกว่านั้น ด้วยการประสานงานกับทีมแพทย์และรายการสภาวะต่างๆ ของคนทั้งคู่ให้ฟังอย่างละเอียด ร่วมถึงปริมาณในการได้รับสารเสพติดและยาชนิดอื่นๆ ที่ใ
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา