Ava Part
“เอวา!! วางมันลงเดี๋ยวนี้!!”
“ไม่!!”
เอวาร้องตะโกนกลับไปพร้อมทั้งใช้ปลายมีดชี้เข้าหาบารอนไปพลาง ตัวของเด็กน้อยสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม สีหน้าไม่สู้ดี บารอนเก็บคืนท่าทีกลับมาสงบนิ่งตามเดิม เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“วางมันลงซะเอวา”
“ไม่..... อยะ อย่าเข้ามานะบาร์ค หนูจะ.... หนูจะฟันจริงๆ นะ” เด็กตัวเล็กเอ่ยบอกเสียงสั่น ในขณะที่บารอนขยับเท้าเดินเข้าไปใกล้ จนปลายมีดนั้นจิ้มลงที่เหนือแผ่นอก บริเวณหัวใจ เอวาชักมีดกลับอย่างเกรงกลัว หากแต่บารอนกลับจับข้อมือเล็กเอาไว้ได้ทัน แล้วบังคับให้ปลายมีดกดลงให้ลึกมากยิ่งขึ้นอย่างช้าๆ
“กดลงมาเลยค่ะ.....” บารอนพูดพร้อมกับเดินเข้าหาปลายมีดมากยิ่งขึ้น มือก็จับดึงบังคับทิศทางให้เด็กน้อยแท่งมีดลงที่อกของตัวเอง พูดด้วยรอยยิ้มติดใบหน้าน้อยๆ
“กดมีดลงมาแรงๆ ......”
“หยะ หยุดนะ...”
“กดลงไปให้มิด....” หยาดโลหิตเริ่มไหลซึมผ่านเนื้อผ้าอย่างช้าๆ เอวามองคนตรงข้ามหน้าตาตื่น ภายในดวงตาของบารอนนั้นไม่ได้เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธแต่อย่างใด บัดนี้มันถูกแทนที่ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง เอวาพยายามที่จะชักมีดกลับคืน พร้อมส่ายหน้าไปมาอย่างแรง เอ่ยปากพูดเสียงสั่น
“มะ มะ ไม่นะ ปล่อย ฮึก ปล่อยหนู!” แทนที่บารอนจะทำตาม กลับบังคับให้กดปลายมีดลงไปลึกยิ่งขึ้น จนมันแท่งทะลุผิวเนื้อเข้าไปแล้ว เอวายิ่งผวา ดวงตาเบิกกว้าง เงยหน้าขึ้นมองคนตรงข้ามด้วยหยาดน้ำตาเอ่อคลอ
“แทงพี่เลยค่ะ..... ให้พี่ได้ชดใช้ในสิ่งที่พี่ทำ.....” ใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มติดอยู่เป็นนิจเริ่มมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอ เอวามองท่าทีนั้นด้วยความไม่เข้าใจ หากแต่ก็ยังยื้อมือไว้ ไม่ยอมให้ปลายมีดทิ่มแทงผิวเนื้อไปมากกว่านี้
“ไม่.... ไม่เอา.... ไม่เอา!!!” เอวาเอ่ยปากเสียงแผ่วในคราแรก และครั้งถัดมามันก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยออกมาก็แปรเปลี่ยนเป็นการร้องตะโกน
เด็กน้อยตะโกนออกมาดังลั่นพร้อมกับดึงกระชากปลายมีดออกจากอกของชายตรงข้าม แล้วหันหลังเริ่มออกวิ่ง มุ่งตรงไปที่ประตูด้านหน้า แล้วเปิดมันออกกว้างอย่างรุนแรง
“ตัวเล็ก!!!” บารอนร้องตะโกนตามไป ชายหนุ่มออกตัววิ่งตามไปติดๆ เห็นแผ่นหลังเล็กบางภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตา บารอนใช้มือข้างหนึ่งยกขึ้นกุมแผลของตน ในขณะที่อีกข้างพยายามเอื้อมคว้าตัวของเด็กน้อยเอาไว้
“ตัวเล็กอย่าไปค่ะ!!” บารอนยังคงร้องตะโกนบอกเสียงดังไปทั่วพื้นที่ เอวาหันหลังกลับมามองเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไป ก้าวขาออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต บารอนรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายของตนเร่งความเร็วขึ้นไปอีก จนกระทั่งจับปอยผมกลุ่มหนึ่งที่พลิ้วไหวตามแรงลมของเด็กน้อยเอาไว้ได้ ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะใช้มือพันเส้นผมนั้นให้แน่นขึ้นแล้วจับดึงกระชากจนเด็กน้อยหน้าหงายตามแรงดึงรั้ง
“อ้ะ!!! ไม่นะ!!” เอวาใช้สองมือของตนเอื้อมจับเส้นผมของตัวเอง โดยหลงลืมไปว่าในมือยังคงถือมีดทำครัวเอาไว้อยู่เล่มหนึ่ง จนปลายมีดนั้นกรีดเข้ากับข้อมือของบารอนเป็นทางยาว แต่นั่นก็ไม่อาจทำให้บารอนยอมปล่อยมือได้แต่อย่างใด กลับกันกลับจับกุมกระชับแน่นขึ้นไปอีก
“ไม่นะ! ปล่อยหนู!!” ในขณะที่ชุลมุนวุ่นวาย มีดที่เอวาถืออยู่ถูกสับเปลี่ยนทิศทางของคมมีดอย่างรวดเร็ว และตัดฉับลงอย่างไม่ลังเล!
ฉับ!!!
สิ้นเสียงนั้น เด็กน้อยก็ออกตัววิ่งอีกครั้งเมื่อเป็นอิสระ บารอนมองเส้นผมสีดำสนิทในมือและพบว่าปอยเส้นผมที่ตนใช้จับดึงรั้งเด็กน้อยนั้นถูกตัดขาดสะบั้นลงอย่างไม่ลังเล บารอนสะบัดเส้นผมในมือทิ้งแล้วเริ่มออกวิ่งอีกครั้ง และในครั้งนี้ตั้งใจไว้แน่วแน่ว่าอย่างไรก็ต้องจับคว้าเด็กตัวเล็กเอาไว้ให้ได้
ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าให้ก้าวตามหลังคนที่เริ่มแรงตก เอวาหน้าเริ่มเผือดสีเพราะความเจ็บปวดจากช่องทางด้านหลัง ทำให้ความเร็วในการวิ่งเริ่มช้าลงอย่างเห็นได้ชัด หากแต่เด็กน้อยยังไม่ยอมแพ้ สองขาก้าวเท้าอย่างมั่นคงแม้ว่าจะเจ็บหนึบที่ช่องทางจนไม่อยากขยับตัวแล้วก็ตามที
บารอนเร่งฝีเท้าเข้ามาใกล้ จนกระทั่งถึงตัวเด็กน้อย ก็จัดการรวบเอวเล็กบางเอาไว้แน่น มือข้างหนึ่งเอื้อมไปจับข้อมือเล็กแล้วบิดให้ทิ้งมีดลงซะ
การกระทำนั้นทำให้มีดกระเด็นหลุดออกจากมือ และทำให้ทั้งคู่ล้มกลิ้งไปบนพื้นที่เต็มไปด้วยใบไม้แห้งกรอบ เอวาเอื้อมมือไปคว้ามีดเอาไว้สุดความสามารถ ในขณะที่บารอนนั้นงวนอยู่กับการจับล็อกเด็กตัวเล็กให้หยุดนิ่ง จนกระทั่งเอวาเอื้อมคว้ามีดมาไว้ในมือได้ ก็พลิกกายขึ้นคร่อมอย่างรวดเร็วและจ่อมีดลงที่ตำแหน่งเดิมอย่างไม่ลังเล
“อย่าขยับ ไม่งั้นหนูแทงจริงๆ นะ” เอวาร้องบอกพร้อมกับเหลือบตาขึ้นมองคนที่อยู่ใต้ร่าง หากแต่การกระทำนั้นต้องชะงักไป เมื่อเห็นบารอนนอนส่งยิ้มบางๆ แล้วจับที่ข้อมือเล็กอีกครั้ง
“แทงเลยค่ะ.... จะกี่แผลก็ได้ตามใจหนูเลย.....” พูดพร้อมกับกดข้อมือเล็กอีกครั้ง เด็กน้อยมองตามด้วยความไม่เข้าใจ เอ่ยปากถามเสียงแหบพร่าอย่างต้องการคำตอบ
“ทำไม......”
“เพราะพี่ทำผิดค่ะ พี่ทำร้ายตัวเล็ก และมันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถแก้ไขได้ลงไป”
“หนะ หนูไม่เข้าใจ......”
“พี่รักไมเคิลค่ะตัวเล็ก..... รักมากก็แค้นมาก ไมเคิลมองแต่ตัวเล็ก ไม่เคยมองพี่เลย ไม่เคย.....” ดวงตาสีน้ำตาลเหลือบแดงมีหยาดน้ำปรากฏอยู่จางๆ ความเสียใจถูกแสดงออกผ่านทางสีหน้า ท่าทาง และดวงตาที่เศร้าหมอง
“ตัวเล็กกลับเข้าบ้านนะคะ ข้างนอกอันตราย กลับไปอยู่ในบ้าน รอให้ฟ้าสว่างแล้วค่อยขับรถออกไป” บารอนพูดพร้อมยกมือขึ้นลูบแก้มใสที่ขึ้นสีแดงก่ำจากการออกแรงวิ่งเบาๆ
“ขอโทษสำหรับทุกอย่างค่ะ” เพียงแค่นั้น บารอนก็กระแทกฝ่ามือของตนที่กำลังกอบกุมมือเล็กของเอวาเอาไว้อย่างรุนแรง
ฉึก!!!
“อึก!” เอวาดวงตาเบิกกว้างขยับเลื่อนใบมีดให้หลบออกจากทิศทางอันตราย จนปลายมีดนั้นขยับไปอยู่เหนือหัวใจและถูกฝังลงไปจนมิดด้าม บารอนแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา กระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ บารอนเหลือบตามองดูหนึ่งครั้ง ก่อนจะยกยิ้มเย้ยหยันตัวเอง กอบกุมมือเล็กของเด็กน้อยที่นั่งคร่อมอยู่บนตัว บังคับให้ดึงมีดออก แล้วตั้งท่าจะกดลงไปใหม่อีกครั้งที่ตำแหน่งหัวใจ!
“ไม่!!!!” เอวาร้องออกมาเสียงดังแล้วสะบัดมีดให้หลุดออกไปจากตัวจนกระเด็นไปไกล
“ตัวเล็ก!!!” เสียงที่ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้เอวาต้องหันไปมอง นัยน์ตากลมโตสีฟ้าครามสดใสเบิกกว้าง ก่อนที่ริมฝีปากจะเริ่มสั่นระริก หยาดน้ำตาไหลอาบดวงหน้าอย่างรวดเร็ว มาพร้อมกับการเอ่ยชื่อของคนที่ร้องเรียกหา
“พี่จ๋า.....” เอวาร้องเรียกคนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า บารอนเองก็หันไปมองบ้างเช่นกัน เห็นไมเคิลเดินเข้ามาใกล้ ในมือนั้นมีปืนหนึ่งกระบอกที่ถูกขึ้นรังเพลิงเอาไว้แล้ว เอวาที่เห็นพี่ชายของตนก็โผเข้าหา ซึ่งไมเคิลเองก็อ้าแขนรับร่างเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอดด้วยความเต็มใจ
บารอนกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง มือถูกยกขึ้นกุมบาดแผลที่มีหยาดโลหิตไหลรินจนชุ่มโชก กลิ่นคาวคลุ้งแตะจมูก ก่อนจะกระจายไปทั่ว บารอนอดที่จะหัวเราะเย้ยหยันให้ตัวเองไม่ได้ แม้ใกล้ตายฟ้ายังคงใจร้ายให้เขาได้เห็นภาพบาดตาจนใจเจ็บไปหมด
ชายชุดดำกลุ่มหนึ่งกระจายตัวล้อมรอบตัวของบารอนที่นอนกุมอกอยู่บนพื้น และมีโรมีโอที่ยกเท้าขึ้นเหยียบแผ่นอกของบารอนเอาไว้แน่นพร้อมจ่อปืนที่หน้าผาก ใบหน้านั้นเรียบนิ่งจนน่ากลัว ความกดดันและจิตสังหารแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ ความกดดันนั้นทำให้ใครหลายคนเริ่มขยับตัวอย่างอึดอัด
บารอนเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าของโรมีโอในตอนนี้ดั่งรูปปั้นแกะสลักจากช่างฝีมือดีระดับโลก ใบหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ หากแต่ภายในดวงตานั้นกลับประกายเจิดจ้าเต็มไปด้วยโทสะและความกรุ่นโกรธรุนแรง ยังไม่ทันที่บารอนจะได้เอ่ยปากพูดอะไร ไมเคิลก็เดินก้าวเท้าเข้ามาหา ในอ้อมแขนมีเด็กน้อยที่ซุกหน้าลงกับอก ร้องไห้กระซิกๆ อย่างน่าสงสาร
ไมเคิลใช้แขนข้างหนึ่งโอบกอดเอาไว้แน่น มืออีกข้างจับปืนมุ่งตรงมาทางเขาอย่างมั่นคง บารอนส่งยิ้มอ่อนล้าไปให้กับคนที่ตนมอบใจ ยิ่งเมื่อเห็นว่าใบหน้าของไมเคิลที่เคยปกปิดไว้ครึ่งหนึ่ง บัดนี้กลับถูกเสยขึ้นไปด้านบน เปิดเผยรอยแผลเป็น เป็นทางยาวลากลงมาจากหน้าผากจนถึงแก้ม ดวงตาสีฟ้าสดใสสอดรับกับดวงตาสีเหลืองทองเป็นประกายคมกล้า
นั่นทำให้บารอนรู้ว่าตนจะไม่มีทางรอดอีกต่อไป........
“ฆ่าฉัน.... อึก! ฆ่าฉันเลยไมค์” บารอนเอ่ยปากพูดด้วยความยากลำบาก รับรู้ได้ว่าภายในปากและลำคอกำลังลิ้มรสเลือดที่คลุ้งกระจายไปทั่ว เรี่ยวแรงเริ่มถดถอยลดน้อยลง มือที่ยกขึ้นปิดบาดแผลเริ่มขยับเลื่อนออกอย่างอ่อนล้า
“หุบปาก.......” น้ำเสียงเย็นชามาพร้อมสายตาที่มองเหยียดต่ำ กดให้บารอนรู้สึกว่าตนเองต่ำต้อยด้อยค่า
“ตัวเล็กคะ คนดีของพี่....”
“ฮึก ฮึก พี่จ๋า.....”
“หนูปิดตาก่อนนะคะ ได้ยินเสียงอะไรก็ห้ามลืมตา ถ้ากลัวก็กอดพี่ไว้แน่นๆ ตกลงไหมคะ” เอวาเงยหน้าขึ้นมอง คิ้วคู่สวยขมวดเข้าหากันอย่างช้าๆ ขบเม้มริมฝีปาก พร้อมเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ
“พี่จ๋า ฮึก จะทำอะไรครับ?”
“พี่จะจัดการเรื่องนี้ค่ะ ตัวเล็กเป็นเด็กดีนะคะ” ไมเคิลพูดพร้อมลูบศีรษะเล็กไปพลางอย่างถนอม ส่งยิ้มบางเบา
“หนูเป็นเด็กดี..... แต่....”
“ไม่แต่นะคะ ฟังพี่นะ” แม้จะเป็นประโยคคำสั่ง แต่น้ำเสียงนั้นอ่อนหวานมาพร้อมการกระทำที่อ่อนโยน เอวาก้มหน้าลงเล็กน้อย ดวงตากลมโตเลื่อนไปหาคนที่นอนกุมบาดแผลหน้าซีดหน้าเซียว ลมหายใจเริ่มติดขัดและขาดห้วง
“แต่.... พี่จ๋าปล่อยบาร์คไปได้ไหม.....” ไมเคิลที่ได้ยินดังนั้นก็พลันหน้าตึง ใบหน้ากลับมาเรียบเฉยในทันที เอวาจับกุมมือใหญ่ของคนพี่ที่โอบกอดตนเอาไว้ แล้วเอ่ยความในใจออกมา
“หนูไม่อยากให้บาร์คตาย..... บาร์คแค่หลงผิด”
“มันจะหลงผิดกับใครที่ไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ตัวเล็กของพี่ค่ะ” ไมเคิลเอ่ยตอบเสียงแข็ง ไม่ยอมลงให้เช่นกัน เอวาจับกุมมือใหญ่เอาไว้แน่น แล้วช้อนสายตาขึ้นมอง ภายในนั้นเต็มไปด้วยความเว้าวอนร้องขอชีวิตให้กับชายที่ทำร้ายตน
“นะ..... อย่าฆ่าบาร์คเลยนะ” ไมเคิลยืนนิ่งไม่ยอมขยับ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เด็กน้อยรู้คำตอบ เอวาสวมกอดเข้าที่เอวสอบของคนเป็นพี่ ถูไถใบหน้าอย่างออดอ้อน แล้วช้อนสายตาขึ้นอีกครั้ง
“พี่จ๋า.....”
ปัง!!!
“!!!”
เอวาสะดุ้งสุดตัว ดวงตาเบิกกว้าง หันกลับไปมองบารอนอย่างรวดเร็ว สิ่งที่พบคือหยาดโลหิตที่ไหลซึมออกจากหน้าอกแกร่งแผ่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มนอนหลับตานิ่ง มือที่เคยยกขึ้นกดทับบาดแผลถูกปล่อยตกลงที่ข้างกาย หยาดโลหิตเริ่มกระจายตัวออกเป็นวงกว้าง จนกลิ่นคาวคละคลุ้งลอยขึ้นแตะจมูก ดวงตากลมโตมีหยาดน้ำเอ่อคลอ ก่อนที่มันจะกลิ้งตกลงกระทบผิวแก้ม เอวาเงยหน้าขึ้นมองคนเป็นพี่อย่างคาดไม่ถึง เห็นเพียงชายที่ตนไม่รู้จัก ใบหน้านั้นราบเรียบไร้ความรู้สึกใด ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำบอกอย่างเย็นชา
“ลากตัวมันไปให้พ้นหน้าฉัน......” เพียงเท่านั้นชายชุดดำก็พากันไปรุมล้อมร่างของบารอน แล้วช่วยกันคนละไม้คนละมือในการเคลื่อนย้ายร่างของบารอนออกไปให้พ้นหน้าของราชามังกร
“ไม่.... ไม่นะบาร์ค.... ไม่!!!” เอวากรีดร้องตะโกน พยายามที่จะเอื้อมคว้าร่างสูงที่ถูกอุ้มออกไปจากพื้นที่ ไมเคิลใช้สองมือในการโอบรัดร่างของเด็กน้อยเอาไว้แน่น กักขังให้ตกอยู่ภายในอ้อมแขนอย่างแน่นหนา ในขณะที่เอวากรีดร้องตะโกนดังก้อง
“ไม่นะบาร์ค! ไม่!! ทำได้ยังไง! พี่จ๋าทำได้ยังไง!!!!” ไมเคิลได้ฟังคำพูดตัดพ้อต่อว่าก็ยิ่งกอดรัดร่างเล็กมากยิ่งขึ้นไปอีก โรมีโอเก็บปืนของตนไว้ใต้เสื้อสูทสีดำด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ขยับไปยืนคุมเชิงอยู่ที่ด้านหลัง มองสองพี่น้องที่ยื้อยุดกันไปมา
“บาร์คเป็นเพื่อนของพี่จ๋านะ ฮึก ฮืออออออ พี่จ๋าใจร้าย ฮืออออออ”
“.......”
“ใจร้าย.... คนใจร้าย!” เด็กน้อยพูดบอกพร้อมเบะริมฝีปากร่ำไห้ออกมาอย่างสุดทน สองมือยกขึ้นแล้วทุบลงที่อกแกร่งของคนพี่ไปมา
“ใจร้าย อ้ะ! ฮือออ พี่จ๋า อึก! ใจ......” เอวาพูดถ้อยคำออกมาพร้อมกับตัวที่เริ่มเอนเอียง รู้สึกราวกับโลกหมุนและงุนงงจนต้องจับปกเสื้อของไมเคิลเอาไว้แน่นเพื่อใช้เป็นหลักยึด หากแต่เด็กน้อยไม่สามารถต้านทานอาการนั้นได้ สิ่งสุดท้ายที่รับรู้ก่อนจะหมดสติไปคือใบหน้าตื่นตระหนกตกใจของคนเป็นพี่ที่ร้องเรียกเขาเสียงดังลั่น
“ตัวเล็ก!!!!”
.
.
.
Michael Part
ดวงตาสีทองที่เคยเรืองรองบัดนี้กลับขุ่นมัวและเศร้าหมองอย่างที่ไม่เคยเป็น ใบหน้าที่เคยหล่อเหลากลับดูอิดโรยไร้เรี่ยวแรงแต่ยังคงปักหลักนั่งนิ่งๆ อยู่กับที่ สายตาทอดมองเพียงเด็กตัวเล็กที่กำลังหายใจเข้าออกสม่ำเสมอไม่ละสายตา
ไมเคิลนั่งจับมือของเด็กน้อยมาตลอด 3 วัน ไม่ยอมขยับหายไปไหน งานการถูกละเลยและทิ้งไว้ให้โรมีโอคอยจัดการดูแล ในขณะที่ตัวเองนั่งเฝ้าอยู่ข้างกายไม่ยอมห่าง
“บอสครับ ไปพักหน่อยเถอะครับ” ไมเคิลปรายสายตามองไปยังโรมีโอที่นั่งอยู่ตรงข้าม ก่อนจะเลื่อนสายตากลับมามองน้องน้อยตามเดิมเป็นการบ่งบอกกลายๆ ว่า ‘ไม่’ โดยไร้เสียง
ตั้งแต่ที่ไมเคิลไปช่วยเอวากลับมาได้ และลั่นไกปืนยิงบารอนทั้งๆ ที่น้องขอให้ไว้ชีวิต เอวาก็เป็นลมล้มพับไป และนั่นทำให้ไมเคิลรู้ว่าตัวเล็กของเขาเป็นไข้ ลำตัวร้อนผ่าวราวกับไฟ จนต้องรีบนำส่งโรงพยาบาล และหลังจากที่ฉีดยาเฝ้าอาการหนึ่งคืน ก็ทำเรื่องนำตัวกลับมานอนพักที่บ้าน และจ้างหมอพยาบาลมาคอยดูแลใกล้ชิด แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่เท่ากับไมเคิลที่นั่งติดขอบเตียง กินที่นี่ นอนที่นี่ แม้ว่าห้องของตนจะอยู่ห่างไปเพียงกำแพงกั้น
ฝ่ามือใหญ่ของไมเคิลกอบกุมมือน้อยเอาไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างนั้นถูกโรมีโอจับกุมเอาไว้เช่นกัน ทั้งสองนั่งมองหน้ากันแล้วจึงกลับไปสนใจเด็กน้อยที่หลับใหล ภาวนาให้ฟื้นขึ้นมาเร็วๆ
อาการของเอวาส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ เมื่อเจ้าตัวเล็กที่เป็นสีสันของบ้านนอนหลับใหลไม่ได้สติ ไมเคิลและโรมีโอก็พากันไม่กินไม่นอน ความไม่สบายใจนั้นส่งผลกระทบถึงทีมงานระดับ S ที่ถูกเรียกให้มารวมตัว เมื่อเจ้านายของบ้านกินไม่ได้นอนไม่หลับ เหล่าเมดสาวและบอดี้การ์ดภายในบ้านก็พลอยเป็นตามไปด้วย จากบ้านหลังเล็กที่มีเสียงหวานเจื้อยแจ้วก็กลับกลายเป็นเงียบเหงาอ้างว้าง
“นอนเยอะเกินไปแล้วนะคะ” ไมเคิลพูดพร้อมยกมือเล็กขึ้นจรดริมฝีปาก กดแนบประทับรอยจูบเอาไว้หนักแน่น ก่อนจะนำมือนั้นเข้าแนบที่ใบหน้า ดวงตามองจ้องใบหน้าหวานล้ำที่ซีดเซียวและผายผอมลงอย่างเห็นได้ชัด
“มิลาด้าคิดถึงคุณหนูมากนะครับ..... บอสเองก็เช่นกัน.... และผมก็ด้วย....” โรมีโอพูดขึ้นบ้างแล้วเหลือบตามองเจ้านายของตน แต่ไมเคิลไม่ได้หันมาสนใจ ยังคงนั่งมองใบหน้านั้นราวตกอยู่ในภวังค์ ฝ่ามือใหญ่ขยับเข้าไปลูบศีรษะเล็กแผ่วเบา ไมเคิลพูดด้วยเสียงที่แหบพร่าไร้แรง
“อย่าทรมานพี่ได้ไหมคะ...... รีบตื่นมานะ... กลับมาหาพี่” ไมเคิลขยับตัวลุกขึ้นช้าๆ แล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง ทอดกายนอนข้างๆ ใช้แขนของตนต่างหมอนให้เด็กน้อย ขยับกายเข้าไปใกล้ ส่งมอบอุ่นไอจากผิวเนื้อให้กับเด็กน้อย กกกอดไว้ในอ้อมกอดอย่างหวงแหน
โรมีโอเองก็ตามขึ้นเตียงมาเช่นกัน ทิ้งตัวลงนอนที่ด้านข้าง นอนชันแขนข้างหนึ่งและลูบเส้นผมสีดำที่ถูกตัดสั้นระต้นคอ ก่อนที่ทั้งสามคนจะจมลงสู่ห้วงนิทราไปพร้อมกันท่ามกลางความเงียบสงัดในยามค่ำคืน......
“อื้ออออ” เสียงของเอวาครางเบาๆ เมื่อรับรู้ได้ว่าตามเนื้อตัวมีความฉ่ำชื้นลูบไล้ จนต้องปรือสายตาขึ้นมองอย่างช่วยไม่ได้ คนแรกที่เห็นคือโรมีโอที่แสดงสีหน้าตกใจออกมา ดวงตาสีฟ้าสดใสนั้นชะงักค้าง ภายในมือมีผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่งถือเอาไว้อยู่ ก่อนที่ความรู้สึกถัดมานั้นคือแรงกุมกระชับที่ฝ่ามือบีบแน่นจนรู้สึกเจ็บ ทำให้ต้องหันหน้าไปมองและพบว่าพี่ชายของตนกำลังมองมาด้วยความดีใจ แม้ใบหน้าจะไม่แปรเปลี่ยน แต่ในดวงตานั้นปรากฏร่องรอยความยืนดี
“ฮึก! พี่จ๋า........” เด็กน้อยผุดตัวลุกขึ้นและโผเข้ากอดคนเป็นพี่ จนผ้าห่มที่คลุมกายร่นไปกองที่ตัก เปิดเผยเนื้อตัวที่ขาวนวลกระจ่างตา มีรอยรักปรากฏอยู่บ้างประปราย แต่ก็ซีดจางเต็มที ไมเคิลรับเด็กน้อยเข้ามากอดไว้ทั้งตัว ลูบหลังลูบไหล่ปลอบใจ กระซิบข้างใบหู
“ขอบคุณค่ะ... ขอบคุณที่อดทน ขอบคุณที่รอพี่ ขอบคุณที่รอดชีวิตมาได้.... ตัวเล็กของพี่” ไมเคิลกอดรัดเด็กน้อยเอาไว้แน่น ด้วยกลัวว่าจะหายไปที่ใดอีก เอวาซุกหน้าลงกับบ่ากว้างร้องไห้กระจองอแงราวกับเป็นเด็กน้อยอายุ 4 ขวบ เหมือนเมื่อครั้งที่แรกเจอ
โรมีโอยกยิ้มให้กับภาพนั้น ความสุขปรากฏขึ้นภายในจิตใจ ก่อนจะจัดการเก็บข้าวของ และออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบ ปล่อยให้สองพี่น้องได้มีเวลาอยู่ร่วมกัน
ไมเคิลนั่งปลอบเอวาที่ร้องไห้ซ้อนอยู่บนตักอย่างอ่อนโยน ฝ่ามือใหญ่ลูบเส้นผมและแผ่นหลังของเด็กตัวเล็ก พร้อมจัดท่าทางและหาผ้ามาคลุมร่างกายที่เปลือยเปล่าป้องกันลมหนาวที่แตะกระทบผิวกาย ไมเคิลคลอเคลียเด็กน้อยไม่ห่าง ทั้งกอด ทั้งหอม กดจูบแผ่วเบา ปลอบขวัญคนตัวเล็กอย่างเต็มใจ ยินยอมทำให้แม้จะกินเวลาไปมากกว่าชั่วโมง
จนเมื่อเด็กน้อยเริ่มคลายอาการสะอื้นก็ค่อยๆ ผละออกอย่างช้าๆ เมื่อรับรู้ถึงความผิดปกติ
“พี่จ๋า..... ฮึก ผมหนูหาย” เอวาลูบเส้นผมของตัวอย่างไม่คุ้นชินเท่าไหร่นัก เพราะแต่เดิมเส้นผมของตนเคยยาวมากถึงกลางหลัง บัดนี้ลูบมาถึงต้นคอก็สุดปลายผมเสียแล้ว จากผมยาวสลวยกลับกลายเป็นผมซอยสั้นระต้นคอ ให้ความรู้สึกเบาสบายที่มากกว่า
“พี่ให้ช่างมาตัดเองค่ะ เพราะผมหนูแหว่งไม่เท่ากัน เลยต้องแก้ทรงใหม่” เอวาทำปากยู่อย่างน่ารักน่ารัก ก่อนจะค่อยๆ ขบคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พลันดวงตาสีฟ้าก็เบิกกว้าง หันไปมองคนเป็นพี่ด้วยหัวใจที่สั่นไหว หวาดกลัวในคำตอบ
“พี่จ๋า.... บาร์ค..... บารอน..... ขะ เขา....” เพียงแค่ได้ยินชื่อ ไมเคิลก็เบนหน้าหนีคล้ายไม่อยากรับฟัง เอวาเขย่าตัวคนเป็นพี่เล็กน้อย เร่งเร้าเอาคำตอบ
“พี่จ๋า บาร์คล่ะ บาร์คอยู่ที่ไหน”
“หนูจะไปสนใจมันทำไมคะ”
“บาร์ค...... บาร์คเป็นพี่.... เป็นเพื่อน.... เขา.... เขายังไม่ตายใช่ไหม ฮึก พี่จ๋า ตอบหนู เขายังอยู่ใช่ไหม”
“......” ไมเคิลใช้ความเงียบเป็นคำตอบ ไม่ได้ปริปากบอกเล่าเรื่องราวอะไรอีก เพียงเท่านั้นก็ทำให้เอวาร้องไห้โฮ
“บาร์คเขา เขาบอกหนู ฮึก ฮือออ เขาบอกว่าเขาผิด ฮือ เขาบอกให้หนูฆ่าเขา.... แต่หนูทำไม่ได้ หนูทำร้ายเขาไม่ได้ ฮือออ เขาเป็นพี่ชายของหนู ฮือออ”
“พี่ชายของหนูมีแค่พี่ก็พอแล้วค่ะ ไม่จำเป็นต้องมีคนอื่นเพิ่ม”
“ฮือออ หนูไม่ได้อยากให้เขาตาย หนูไม่อยากให้เขาตาย ฮึก ฮืออออ” เอวาพูดด้วยเสียงแหบพร่า ดวงตาเริ่มปูดบวมจากการร้องไห้อย่างหนัก
“เราจะคุยเรื่องนี้กันที่หลังค่ะ ตอนนี้ตัวเล็กต้องนอนพักก่อน” ไมเคิลพูดพร้อมกับจับตัวเด็กน้อยให้เอนลงตามแรง จัดท่าทาง หมอนข้างและผ้าห่มให้พร้อมสรรพ
“พี่จะพาหนูไปหาเขาค่ะ เพื่อเอ่ยคำลา....”
“สัญญานะ พี่จ๋าสัญญากับหนู”
“ค่ะ พี่สัญญา” ไมเคิลพูดพร้อมกับยื่นนิ้วออกไปเกี่ยวก้อยกับนิ้วเล็ก กล่อมให้เด็กน้อยเข้าสู่ห้วงนิทราไปอย่างช้าๆ ด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานละมุน
“โรม......”“ครับ”“ลากตัวมันไป..... จัดการให้เรียบร้อย.......”“เยส มายลอร์ด”...ตอนนี้ไมเคิลกำลังนั่งมองเด็กน้อยที่เดินไปเดินมาภายในห้องนอน หยิบจับนั่นนู่นนี่อย่างชินมือ ก่อนจะหันมาพยักหน้าให้ บ่งบอกว่าพร้อมแล้วไมเคิลหลับตาลงช้าๆ ลอบถอนหายใจ แล้วจึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง ผุดลุกขึ้นจากโซฟา เดินก้าวเท้าเข้าไปหาน้องน้อยอย่างมั่นคง ยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กแผ่วเบา“แน่ใจนะคะ?”“.....”“ตัวเล็ก?” ไมเคิลมองจ้องเด็กน้อยที่ยืนกำชายเสื้อเอาไว้แน่น ริมฝีปากถูกขบเม้มอย่างชั่งใจ แต่ในท้ายที่สุดแล้ว น้องน้อยก็พยักหน้ารับ เอ่ยถ้อยคำออกมาแผ่วเบา“หนูจะไป....” ดังนั้นแล้วไมเคิลจึงจับจูงเด็กน้อยให้ออกจากห้อง เดินไปตามทางที่คุ้นเคย สองมือยังคงกอบกุมกันไว้แน่นไม่ยอมให้ห่างจากตัวหลังจากที่เวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ เอวาก็รักษาตัวเองจนหายเป็นปลิดทิ้ง ร่างเล็กที่เคยผายผอมกลับมามีน้ำมีนวลเนื้อตัวนุ่มนิ่มดั่งเดิมจากการประโคมข้าวปลาอาหาร ขนมและน้ำหวานเป็นการเอาใจ จากชายหนุ่มทั้งสองคนคือไมเคิลและโรมีโอส่วนทีมระดับ S ที่ถูกเรียกตัวกลับมานั้นได้กระจัดกระจายไปตามมุมต่างๆ ทั่วโลก หลังจากที่ตามหาเด็กน้อยผู้ครอบครัวดวงใจมั
Michael Partตึกตึกตึกเสียงรองเท้าคัทชูสีดำเงาวับดังสะท้อนก้องไปทั่วพื้นที่ท่ามกลางความมืดมิดที่มีแสงจันทร์และแสงดาวรำไรชายรูปร่างสูงโปร่งเดินนำทางอยู่ด้านหน้า ที่ด้านหลังมีเจ้านายหนุ่มเดินตามมาเงียบๆ เงาดำทะมึนแผ่ขยายไปทั่วจนคนนำทางเหลือบมองเล็กน้อยอย่างกังวลใจ โรมีโอนำทางไมเคิลไปที่ชั้นดาดฟ้าที่ถูกตกแต่งใหม่ตามคำสั่งของไมเคิลที่ด้านบนของคฤหาสน์ชั้นดาดฟ้า มีการสร้างกำแพงล้อมรอบเอาไว้ด้วยอิฐสีดำสนิท ทำให้กลางวันดูดความร้อนจนอบอ้าวคล้ายเตาอบขนาดใหญ่ กลางคืนก็หนาวเย็นเกินจะต้านทาน ที่ด้านบนเป็นลูกกรงขนาดใหญ่ซึ่งมีกระจกกันกระสุนแบบสั่งทำพิเศษถูกติดตั้งไว้ นอกจากนี้แล้วยังเป็นจุดรวมแสงยิ่งทำให้แผดเผาจนอาจก่อให้เกิดประกายความร้อนโรมีโอไขกุญแจที่สั่งทำพิเศษเพื่อใช้กับห้องนี้โดยเฉพาะและเปิดเข้าไปช้าๆ เผยให้เห็นร่างของชายคนหนึ่งที่กำลังถูกตรึงรั้งด้วยโซ่เส้นใหญ่ที่ห้อยลงจากจุดกึ่งกลางของลูกกรง และนอกจากนี้ที่ด้านข้างกำแพงยังมีชายอีกคนที่ถูกบังคับให้นั่งลงข้างๆ หันมองคนที่กึ่งกลางห้องนั้นอย่างบังคับอยู่ในที เพราะมีสายรัดล็อกศีรษะ บังคับไม่ให้หันหน้าหนีไปทางอื่นไมเคิลเดินไปทรุดตัวนั่งลงบ
ดวงตากลมโตที่บวมช้ำทอดมองคนบนเตียงที่ยังคงหายใจเข้าออกสงบนิ่ง แผ่นอกกระเพื่อมไหวตามจังหวะการหายใจ ฝ่ามือใหญ่ถูกเกาะกุมไว้ด้วยมือเล็กที่จับกระชับเอาไว้มั่น เรือนผมสีแดงของชายหนุ่มระไปกับหมอน ใบหน้าทรุดโทรมหมองคล้ำ ร่างกายซูบผอมจนเห็นซี่โครงได้อย่างชัดเจน ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยผ้าพันแผลอยู่หลายแห่ง ที่ข้อแขนมีสายน้ำเกลือถูกเสียบคาไว้เอวานั่งมองคนบนเตียงอย่างเหม่อลอย เมื่อได้ฟังคำเฉลยที่มาจากผู้ช่วยคนสนิทของพี่ชายที่เผยออกมาจนหมดเปลือก“บอสฉีดยาที่มาจากสารสกัดของคลอสตริเดียมให้กับคุณบารอนครับ ส่งผลให้เป็นอัมพาตชั่วคราว แม้ว่าจะใช้เพียงน้อยนิดก็ตาม หลังจากนั้นก็ส่งคุณบารอนไปรอคุณหนูที่ห้องดับจิตในสภาพที่เย็นจัดครับ....”เอวาได้ยินก็ถึงกับหลั่งน้ำตา ความสงสารก่อเกิดภายในจิตใจหลังจากที่ไมเคิลหันหลังเดินจากไป และเอวาก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก แต่ถึงกระนั้นเด็กน้อยก็ใช้เวลาไม่นานนักในการตั้งสติ และออกคำสั่งให้โรมีโอปล่อยคนทั้งคู่ออกมา หากแต่ชายหนุ่มกลับทำมากกว่านั้น ด้วยการประสานงานกับทีมแพทย์และรายการสภาวะต่างๆ ของคนทั้งคู่ให้ฟังอย่างละเอียด ร่วมถึงปริมาณในการได้รับสารเสพติดและยาชนิดอื่นๆ ที่ใ
Ava Partตอนนี้เอวากำลังนั่งมองคนบนเตียงด้วยอาการเหนื่อยอ่อน เหงื่อผุดซึมทั่วใบหน้าหวานล้ำ เสื้อสีฟ้าอ่อนเปียกชื้นแนบไปกับลำตัวบาง สาเหตุมาจากคนที่กำลังนอนหลับพักผ่อน ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ แต่แขนและขาถูกจับมัดตรึงเอาไว้แน่น…..อยากยา......นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับบารอน ชายหนุ่มมีอาการคลุ้มคลั่งและทำลายข้าวของ เอวาพยายามที่จะเข้าไปหยุดยั้งการกระทำนั้นและพยายามที่จะดึงสติของบารอนให้กลับมาดังเดิม และผลสุดท้ายจบลงที่การทำร้ายร่างกายเด็กตัวเล็ก ข้าวของกระจัดกระจายไปทั่วห้อง จนบอดี้การ์ดต้องกรูกันเข้ามาจับกุม กดบารอนลงกับพื้นโดยไม่สนใจบาดแผลตามตัวแม้แต่น้อยเพียงไม่นานหลังจากนั้นบุรุษพยาบาลก็มาฉีดยานอนหลับเพื่อให้หมดสติลง จับมัดแขนและขาเอาไว้แน่นหนา ป้องกันการเกิดเหตุแบบนั้นอีก เอวานั่งหน้าเศร้าอยู่ที่ด้านข้าง หันไปถามหาเหตุผลจากหมอสาวประจำกายและผู้ที่เป็นเจ้าของไข้อย่างต้องการคำตอบ“ทำไมถึงเป็นนั้นครับ.... เมื่อคืนเขายังดีๆ อยู่เลย...”“เมื่อคืนเขาน่าจะยังพอมีสติอยู่บ้างค่ะ แต่พอขาดยาไปนาน.... ก็เลยแสดงออกในลักษณะนั้น คงจะต้องเข้าสู่การบำบัดต่อไป” แอลพูดตามตรงอย่างไม่ปกปิด เอวาอดที่จะเอ่
Michael Partเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์แล้วที่ไมเคิลออกเดินทางมาจัดการธุระของตน ชายหนุ่มกำลังนั่งกอดอกมองหน้าจอมอนิเตอร์ที่รายล้อมตัวด้วยสีหน้านิ่งๆ โรมีโอวางแก้วชาหอมกรุ่นลงตรงหน้า พร้อมกับแก้วทรงสวยที่ใส่พานาค้อตต้าและขนมทีรามิสุไว้คู่กันไมเคิลปรายตามองเล็กน้อยแต่ไม่ได้ให้ความสนใจกับสิ่งเหล่านั้น ดวงตาสีเฮเซลนัทเลื่อนกลับไปมองที่หน้าจออีกครั้ง มองหน้าจอที่ขึ้นกะพริบเป็นดวงๆ กระจายกันไปอย่างครุ่นคิดสาเหตุที่เขาต้องมาอยู่ตรงนี้เพราะองค์ราชินีทรงโปรดให้เข้าเฝ้า ทำให้ไมเคิลต้องตัดใจออกจากห้องของน้องน้อยที่ตนเก็บตัวเงียบมาหลายวัน แล้วแต่งชุดประจำกายพร้อมประดับยศเพื่อเข้าเฝ้าพระนางจากการพูดคุยครั้งก่อนหน้าที่ถูกขัดจังหวะเพราะเด็กน้อยหายตัวไป ทำให้ไมเคิลละทิ้งหน้าที่มาออกตามหาดวงใจของตน พระองค์ไม่ได้รับสั่งตำหนิอะไร ทั้งยังพูดอย่างเข้าอกเข้าใจ แต่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ลุกลามไปจนยากเกินแก้ ถึงได้มีคำสั่งให้ไมเคิลลงมาดูด้วยตนเอง และนั่นทำให้ชายหนุ่มต้องจากมาทั้งที่ไม่เต็มใจ แต่หน้าที่ค้ำคอไว้ยากที่จะปฏิเสธ“สืบได้รึยัง.......” ไมเคิลเอ่ยถามกับคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเสียงนิ่ง โรมีโอขยั
Michael Partตอนนี้ผ่านมาครบหนึ่งเดือนแล้วที่ไมเคิลต้องมาอยู่ต่างเมืองแบบนี้ ใบหน้าของไมเคิลเคร่งขรึมต่างจากวันแรกๆ มากมายนักสาเหตุนั้นก็เป็นเพราะน้องน้อยเจ้าของดวงใจยังคงไม่ยอมกลับบ้าน การโทรมาหาในครั้งนั้นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีเรื่องของหุ้นของบาลักซ์ที่ถูกถอนออกไปจนหมด ทำให้ต้องอัดฉีดเงินตราเข้าไปเป็นจำนวนมาก เร่งหาคนมีความสามารถเข้ามาแทนที่ คอยเสริมในส่วนที่ขาด และเรื่องที่ละเลยไม่ได้เลยก็คือเรื่องการก่อสงครามระหว่างองค์กรกับประชาชนที่เป็นเหตุให้เขาต้องอยู่ที่นี่ดวงตาสีทองเรืองรองคมกล้า กดสายตามองต่ำนั่งไขว่ห้างเหมือนนั่งอยู่บนบัลลังก์อันสูงส่ง ที่บนตัวนั้นมีเสื้อคลุมสีดำสนิทปักลายดิ้นสีทองรูปลายมังกรคำรามเช่นเดียวกันกับรอยสักที่ลำคอกลายเป็นภาพที่คุ้นเคยของผู้พบเห็น แต่ไม่ใช่สำหรับนักวิจัยสาวที่กำลังนอนหอบหายใจแรงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความทรมาน“นักวิจัยที่ติดเชื้อเสียเอง.......” ไมเคิลยกยิ้มเยาะเย้ยส่งให้กับหญิงสาวที่มีเลือดไหลซึมตามรูขุมขน ดวงตาทั้งสองข้างสีแดงก่ำ และมีหยาดโลหิตไหลอาบทั่วร่าง“ให้ทุกข์แก่ท่าน..... ทุกข์นั้นถึงตัว....” ไมเคิล
“นั่ง......” น้ำเสียงดุดันเอ่ยออกมาเรียบนิ่งดุจคลื่นยักษ์ใต้มหาสมุทรกว้าง เอวากัดริมฝีปากอย่างกังวล ขยับจะไปนั่งบนโซฟาข้างๆ พี่ชายอย่างกล้าๆ กลัวๆ“ที่พื้น....” น้ำเสียงทรงอำนาจของไมเคิลทำให้เอวาชะงัก เงยหน้ามองคนเป็นพี่ด้วยความน้อยใจ หากแต่เห็นเพียงความเงียบนิ่งไร้แววใดปรากฏเอวาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วทรุดตัวนั่งลงบนพื้นอย่างช้าๆ โดยที่มีโรมีโอมองตามไม่ละสายตาจากทางด้านหลังคนที่เป็นเจ้านายจนเมื่อเอวานั่งเรียบร้อยแล้ว ไมเคิลก็โน้มตัวมาข้างหน้า ใช้มือจับปลายคางเล็กให้เงยหน้าขึ้น มองจ้องนิ่งๆ ไม่ปริปากพูดคำใดความอึดอัดแผ่กระจายไปทั่ว จนเอวากลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดกลัว พลางคิดไปถึงชั่วโมงก่อนหน้า ระหว่างเดินทางกลับบ้านของตน......บนรถที่วิ่งด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ความเงียบครอบงำจนน่าอึดอัดใจ โรมีโอเหลือบสายตามองเจ้านายทั้งสองคนที่ด้านหลังอยู่เงียบๆ ไม่พูดอะไรออกมา ไมเคิลนั่งไขว่ห้างกอดอก ดวงตามองตรงไม่แม้จะสนใจเด็กน้อยที่นั่งข้าง ความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากคนเป็นพี่ ทำให้เอวาไม่กล้าคุยเล่นหยอกด้วยเหมือนแต่ก่อน ทำได้เพียงนั่งชิดติดประตูฝั่งหนึ่ง พยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเพื่อไม่ให้คนพี่ข
Ava Partตอนนี้เด็กตัวเล็กกำลังนั่งมองพี่ชายที่กำลังเดินออกจากห้องไปตาละห้อย ริมฝีปากเล็กเอ่ยพึมพำออกมาแผ่วเบา หากแต่คนอยู่ข้างกายตลอดเวลาอย่างโรมีโอก็ยังคงได้ยินชัดเจน“แต่พี่จ๋าบอกว่าจะอยู่กับหนู.......” ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มหงอยเหงาและมีความกลัวปะปนแฝงไว้อยู่ ทำให้คนมองใจอ่อนยวบ ขยับเข้าไปข้างกาย กำลังจะอ้าปากถามกับคุณหนูของตน ก็เป็นอันต้องหยุดชะงัก เมื่อเจือน้ำเสียงทุ้มต่ำเรียบนิ่งของคนเป็นนายเรียกเร่งเร้า“โรม.......” โรมีโอมองสลับไปมาระหว่างเจ้านายของตน และคุณหนูคนเล็กของบ้าน ก่อนจะต้องตัดใจเดินออกมาเพราะมีสายตาคมกล้าคอยเสียดแทง ดึงนั้นแล้วผู้ช่วยหนุ่มจึงจำใจหยิบกระเป๋าเอกสาร แล้วเดินตามเจ้านายไปติดๆ แต่กระนั้นก็ยังอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองคุณหนูของตน ก่อนที่ประตูรถยนต์จะปิดลงและเคลื่อนตัวออกจากบ้านไปเอวามองตามหลังรถคันหรูตาละห้อย ก่อนจะกระโดดลงจากเก้าอี้ เดินกลับเข้าห้องของตน จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นชุดที่กระชับเข้ารูป แล้วมุ่งตรงไปที่ทิศทางหนึ่งเพื่อออกกำลังกายเอวาใช้เวลาออกกำลังกายอยู่ครู่ใหญ่ จนกระทั่งมีเมดสาวเข้ามาตามว่าคุณหมอมาถึงแล้ว เด็กน้อยถึงยอมเดินกลับเข้าห้องตัวเอง แ
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา