Ava Part
ตอนนี้เด็กตัวเล็กกำลังนั่งมองพี่ชายที่กำลังเดินออกจากห้องไปตาละห้อย ริมฝีปากเล็กเอ่ยพึมพำออกมาแผ่วเบา หากแต่คนอยู่ข้างกายตลอดเวลาอย่างโรมีโอก็ยังคงได้ยินชัดเจน
“แต่พี่จ๋าบอกว่าจะอยู่กับหนู.......” ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มหงอยเหงาและมีความกลัวปะปนแฝงไว้อยู่ ทำให้คนมองใจอ่อนยวบ ขยับเข้าไปข้างกาย กำลังจะอ้าปากถามกับคุณหนูของตน ก็เป็นอันต้องหยุดชะงัก เมื่อเจือน้ำเสียงทุ้มต่ำเรียบนิ่งของคนเป็นนายเรียกเร่งเร้า
“โรม.......” โรมีโอมองสลับไปมาระหว่างเจ้านายของตน และคุณหนูคนเล็กของบ้าน ก่อนจะต้องตัดใจเดินออกมาเพราะมีสายตาคมกล้าคอยเสียดแทง ดึงนั้นแล้วผู้ช่วยหนุ่มจึงจำใจหยิบกระเป๋าเอกสาร แล้วเดินตามเจ้านายไปติดๆ แต่กระนั้นก็ยังอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองคุณหนูของตน ก่อนที่ประตูรถยนต์จะปิดลงและเคลื่อนตัวออกจากบ้านไป
เอวามองตามหลังรถคันหรูตาละห้อย ก่อนจะกระโดดลงจากเก้าอี้ เดินกลับเข้าห้องของตน จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นชุดที่กระชับเข้ารูป แล้วมุ่งตรงไปที่ทิศทางหนึ่งเพื่อออกกำลังกาย
เอวาใช้เวลาออกกำลังกายอยู่ครู่ใหญ่ จนกระทั่งมีเมดสาวเข้ามาตามว่าคุณหมอมาถึงแล้ว เด็กน้อยถึงยอมเดินกลับเข้าห้องตัวเอง แล้วจัดการอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ ล้างคราบเหงื่อไคลออกจากตัว ในขณะที่เอ่ยปากบอกเมดสาวไปพลาง ว่าให้เชิญคุณหมอไปเตรียมอุปกรณ์รอได้เลย
เอวากลับออกมาจากห้องอีกครั้ง หลังจากที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เมื่อเดินออกมาจากห้องก็มีเมดสาวยืนรออยู่ก่อนแล้ว พร้อมทำหน้าที่นำทาง พาไปพบคุณหมอที่ตระเตรียมข้าวของอยู่ที่ห้องๆ หนึ่ง
ห้องที่ถูกพาไปเป็นห้องพยาบาลภายในคฤหาสน์ เอวายืนทำใจอยู่ที่หน้าประตูห้อง หัวใจเต้นเร็วระรัวด้วยความตื่นกลัว ริมฝีปากถูกขบเม้มแน่น สองมือกำชายกางเกงขยำไปมาจนยับย่น
“คุณหนูคะ” เสียงของเมดสาวข้างกายคล้ายเรียกสติ ทำให้เด็กน้อยสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะเอื้อมมือเปิดประตูเข้าไป ภายในมีเตียงผู้ป่วยถูกปรับขึ้นสูงในท่าเอนหลัง มีหมอนอยู่ที่ข้างเตียงหนึ่งใบ และถูกคลุมไว้ด้วยผ้ายางกันเปรอะเปื้อน
เด็กตัวน้อยกลั้นใจเดินเข้าไปใกล้ แนะนำตัวกับคุณหมอชราท่านหนึ่งที่ถูกส่งมา ทั้งคู่แนะนำตัวกันอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่คุณหมอจะสั่งให้เอวาขึ้นไปนอนบนเตียงและเหยียดแขนออกมา เอวาทำตามอย่างว่าง่าย แต่ภายในใจนั้นปั่นป่วน
ชายชราท่าทางใจพูดด้วยเสียงนุ่มทุ้ม พร้อมกับใช้สายยางรัดที่ต้นแขนเพื่อห้ามเลือด และใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เย็นๆ ไล้วนไปมาที่ข้อมือขาว ก่อนจะกดปลายเข็มลงที่ข้อมือช้าๆ จนเอวาสะดุ้งเฮือกหลับตาปี๋ ยิ่งเมื่อยาที่ถูกบรรจุไว้ภายในฉีดไหลเข้าสู่เส้นเลือด ความรู้สึกปวดจี๊ดก็แล่นขึ้นมาทันที ทำให้เอวากำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่น
จนกระทั่งเข็มถูกถอนออกไปช้าๆ และคุณหมอบอกว่าต้องรอยาออกฤทธิ์สักครู่ เอวาจึงเบือนสายตาหนี หันไปมองที่หน้าต่างด้านข้าง ความน้อยใจแล่นพล่านไปทั่วหัวใจดวงน้อยจนอยากจะร่ำไห้ แต่เมื่อคิดว่าเหตุผลนั้นงี่เง่าเกินไปก็เลือกที่จะฮึ้บไว้ พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
ความชานั้นเริ่มแผ่กระจายไปทั่วจนแม้จะขยับนิ้วก็ยังไม่รู้สึก ในตอนที่คุณหมอหันไปเตรียมอุปกรณ์มาฆ่าเชื้อ ประตูห้องก็ถูกเคาะเบาๆ ก่อนจะเปิดออกกว้าง เผยให้เห็นใบหน้าของคนที่มาขัดจังหวะ
“พี่ซี....” เอวาร้องเรียกอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นใครบางคนเข้ามาใกล้ พร้อมกับลากเก้าอี้มานั่งลงที่ด้านข้างอีกฝั่งพร้อมพูดไปพลาง
“โรมส่งฉันมา” ว่าจบก็กอดอก เอนหลังพิงเก้าอี้ เลิกคิ้วถามเมื่อเห็นข้อมือขาวนวลยังไม่ถูกทำอะไร
“ยังไม่ผ่าอีกรึ?” เพียงเท่านั้นคนฟังก็พลันหน้าซีดหน้าเซียว กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
“กำลังจะเริ่มครับ” คุณหมอพูดยิ้มๆ ในขณะที่เอวาหันขวับ ริมฝีปากเริ่มบิดเบ้สั่นระริก
“เฮ้ อย่าร้องนะ” เสียงของซีนอนร้องเตือนพร้อมมองตาดุ ในขณะที่เอวาหันกลับไปหาคนพูดอีกครั้ง น้ำเสียงเริ่มสั่นเครือ
“พี่ซี... ฮึก”
“หยุดเลยนะ ฉันปลอบคนไม่เป็น” ซีนอนเริ่มหน้าตาตื่นขึ้นมาบ้างหลังจากเห็นหยาดน้ำใสๆ เอ่อคลอที่ดวงตา
“ฮึก ฮืออออ”
“เฮ้ย!” เอวาเปล่งเสียงร้องไห้จ้า ในขณะที่ซีนอนผุดลุกขึ้นด้วยความตกใจ ขยับเข้าไปใกล้ จับดึงศีรษะเล็กให้หันมาซบอกของตัวเอง
“ไม่ร้องดิ”
“ฮะ ฮึก! แงงงงงง หนูกละ-”
“เสร็จแล้วครับ” ยังไม่ทันพูดจบประโยคดี เอวาก็หยุดชะงัก น้ำตาพลันหยุดไหล กะพริบตาปริบๆ ผละออกจากอ้อมกอดของซีนอน หันกลับไปมองแผลของตัวเองที่ถูกผ้าก๊อซผืนหนึ่งแปะไว้ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปนัก ก่อนจะหันไปกะพริบตาปริบๆ ใส่คุณหมอผู้ชรา
"ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำนะครับ” คุณหมอพูดด้วยท่าทางใจดี ทำให้เอวาหน้าอ๋อยิ่งกว่าเดิม พอหันไปมองซีนอนก็เห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้าเซ็งจัดส่งให้ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของเด็กน้อยที่นั่งงงอยู่บนเตียง
“แค่เนี้ยะ อันแค่เนี้ยยยยยะ เท่าขี้เล็บเนี้ย!” ซีนอนพูดพร้อมกะขนาดให้เด็กน้อยดู เพราะอีกฝ่ายไว้เล็บยาวอยู่แล้ว และขนาดที่กะให้ดูก็แค่อันเล็กๆ เท่าปลายเล็บเท่านั้นเอง เอวายังคงกะพริบตาปริบๆ ก้มมองดูแผลของตนเองที่มีรอยเลือดซึมจางๆ จนชักจะสงสัย อยากจะแกะผ้าปิดแผลเปิดออกดู ว่าขนาดบาดแผลมันเท่าไหร่กันแน่ ทำไมมันช่างง่ายดายรวดเร็วถึงเพียงนี้ กำลังจะแกะออกดูดั่งใจสั่ง ใครบางคนก็ตีมือเพี้ยะจนต้องหดมือกลับแทบไม่ทัน
“ยังจะซนอีก!” ซีนอนเอ่ยเสียงดุ ทำให้เอวาทำแก้มพองลม ก้มลงบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว ซีนอนมองท่าทีนั้นพร้อมส่ายหัวไปมาอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะหันไปบอกกับคุณหมอที่กำลังเก็บของอยู่ฝั่งตรงข้าม
“เดี๋ยวผมไปส่งครับ” คนเป็นหมอส่งยิ้มให้พร้อมพยักหน้ารับ ก่อนที่จะพากันออกไปจากห้อง โดยที่มีเอวากระโดดลงจากเตียง เดินตามหลังต้อยๆ ยังคงมองแผลตัวเองด้วยความฉงนใจ
“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ครับ ขอบคุณมากเลยนะครับ” ซีนอนเอ่ยบอกพร้อมกับยื่นมือไปจับเป็นการขอบคุณ คุณหมอชราส่งยิ้มบางเบา เมื่อเห็นคนไข้ของตัวเองโผล่หน้าออกมาจากทางด้านหลัง เอ่ยบอกขอบคุณแผ่วเบา
“อ๊ะ” ในตอนที่กำลังจะหมุนตัวกลับ ก็คล้ายกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก้มลงค้นของในกระเป๋า แล้วส่งหลอดยามาให้ พร้อมเอ่ยบอก
“ทาบ่อยๆ นะครับ จะได้ไม่เหลือแผลเป็น คุณไมเคิลกำชับมาเป็นพิเศษเลยครับ” เพียงเท่านั้นคนฟังก็พลันใจอุ่นวาบ พยักหน้ารัวๆ เหมือนตุ๊กตาเสียกบาล ยื่นมือออกไปรับมาถือไว้ ก่อนที่คนเป็นหมอจะเอ่ยปากขอตัวกลับในที่สุด
“เอาไงล่ะทีนี้ ฉันคิดว่าจะนานซะอีก โรมีโออุตส่าห์รับงานแทนทั้งที” เอวากะพริบตาปริบๆ ขณะที่ยืนฟัง ซีนอนยกมือขึ้นลูบริมฝีปากอย่างครุ่นคิด มองสลับไปมาระหว่างรถยนต์กับเด็กน้อยคล้ายกับกำลังตัดสินใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาในที่สุด
“ฮัลโหล”
[ครับ มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นรึเปล่าครับ?] เสียงปลายสายตอบกลับมานิ่งๆ แต่เสียงรอบกายไม่นิ่งตาม เมื่อเสียง ผลั๊วะ พลั่ก ตุ้บ ดังออกมาให้ได้ยินอย่างต่อเนื่อง
[ย๊ากกกกก ปัง!]
“เฮ้อ นายช่วยจัดการให้เสร็จแล้วค่อยรับสายจะได้ไหม”
[คงไม่ได้ครับ สำหรับผมคุณหนูสำคัญที่สุด (ตุ้บ!!) แล้วตกลงมีอะไรครับ? คุณหนูโอเครึเปล่า?] เสียงปลายสายถามกลับมาอีกครั้ง พร้อมเสียงกร๊อบแกร๊บและเสียงร้องครางที่ดังตามมา ดีว่าตอนนี้ไม่ได้เปิดลำโพง ไม่งั้นคนที่กำลังเอียงคอมองจดจ้องด้วยดวงตาใสแป๋วนั้นคงไม่แคล้วได้เอ่ยปากถามให้หาสงสัยเป็นแน่
ซีนอนยกมือขึ้นนวดหัวคิ้ว ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยปากถามในที่สุด
“ฉันพาเอวาไปเที่ยวได้ไหม”
[ไม่ได้ครับ]
“ทำไม” ถามพร้อมกับขมวดคิ้วหมุน ทำหน้ายุ่งเมื่อคำตอบไม่เป็นอย่างที่หวัง
[คุณหนูโดนกักบริเวณอยู่ครับ] เพียงเท่านั้นคนฟังก็เลิกคิ้วขึ้น ต้องใจจะหันไปถามคนตัวเล็กข้างกายให้หายสงสัยว่าไปทำอะไรมา หากก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อดวงตาใสแจ๋วเปล่งประกายเจิดจ้า เต็มไปด้วยความยินดี ทำให้ซีนอนหรี่ตามอง แล้วถามออกไปแทนเพื่อขอคำอธิบาย
“ทำไมถึงโดนกักบริเวณ?”
[เพราะคุณหนูไปนอนค้างอ้างแรมกับผู้ชาย และเกิดจะพลาดท่ามีอะไรกัน ซึ่งคนๆ นั้นก็คือคุณบารอน และบอสก็ไม่ชอบใจเอามากๆ ครับ] เพียงได้ฟังคิ้วก็ขมวดเข้าหากันอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยปากพึมพำอยู่คนเดียว
“ไม่ใช่ว่าไอ้เจ้านั่นมันข่มขืนหรอกหรอ?” เอวาที่ได้ยินก็ทำหน้าเศร้า หงอยเหงาลง หูลู่หางตก ไหล่ห่อเข้าหากันอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อรู้ว่าคำตอบไปที่อีกฝ่ายจะพูดคืออะไร
[ก็ใช่ครับ แต่เหมือนคุณหนูจะมีความรู้สึกดีๆ มอบให้คุณบารอนด้วยเช่นกัน คุณแอลบอกว่าคุณหนูป่วยเป็นสต๊อกโฮมล์ซินโดรม บอสเลยจับแยกคนทั้งคู่ออกจากกันครับ]
“อ้อ เลยสั่งกักบริเวณสินะ อื้มมม” ซีนอนครางในลำคอ เอวาพลันมือตกอยู่ข้างกายเมื่อรู้ว่าตนหมดหวังที่จะได้ออกไป ซีนอนมองท่าทีนั้น ก่อนจะเอ่ยถามอีกหน
“ถ้าฉันจะพาตัวเล็กไปเที่ยวละ ช็อปปิ้งน่ะ สัญญาว่าจะไม่ทำหายระหว่างทางจะว่าไง ยอมให้มีคนติดตามด้วยเอ้า ฝากถามบอสให้หน่อยสิ”
[ (ตุ้บ!) เฮ้อออ ผมจะถามบอสให้ครับ เดี๋ยวผมแจ้งกลับไปนะครับ]
ติ้ด!
อีกฝ่ายพูดจบก็ตัดสายไป ในตอนนั้นเองที่เอวากระตุกชายเสื้อเบาๆ ช้อนสายตามองด้วยแววตาออดอ้อนสุดฤทธิ์ ซีนอนยกยิ้มมุมปากพร้อมขยิบตาให้ เพียงเท่านั้นคนตัวเล็กก็ยิ้มหน้าบาน
ซีนอนและเอวายืนรอไม่นานนัก ก็ได้รับการติดต่อกลับมาจากโรมีโอ ก่อนที่ปลายสายจะบอกถ้อยคำจากเจ้านายของตนฝากไว้ให้
[บอสบอกว่าไปได้ครับ ให้คนติดตามไปด้วยส่วนหนึ่ง แต่ถ้าคุณหนูนอกลู่นอกทางเมื่อไหร่ คนที่จะโดนทำโทษก็คือคุณ......] เพียงแค่ฟังก็เสียวสันหลังวูบ แต่เมื่อได้สบกับดวงตาใสแจ๋วเป็นประกาย ซีนอนก็ต้องเอ่ยปากตอบรับอยู่ในที
“โอเค”
[คุณซีนอน.....]
“หืม?” ซีนอนครางรับในลำคอพร้อมเลิกคิ้วรอฟัง แม้ว่าปลายสายจะไม่เห็นก็ตามที
[ช่วยทำให้คุณหนูกลับมาสดใสด้วยนะครับ.....]
ติ้ด!
สิ้นประโยคนั้นซีนอนได้แต่ยืนงง ไม่เข้าใจว่าตนจะไปทำให้เด็กน้อยคนนี้สดใสได้ยังไง หรือมันจะมีนัยแฝงอะไรสักอย่างที่อีกฝ่ายต้องการส่งถึง ซีนอนขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลง แล้วหมุดตัวไปหาเอวา พยักหน้าส่งให้
เด็กน้อยฉีกยิ้มกว้าง เดินขึ้นด้านบนด้วยท่าทีที่ร่าเริง ขึ้นไปเก็บเอาข้าวของส่วนตัวลงมา ก่อนจะพยักหน้าเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ซีนอนลุกขึ้นจากโซฟา เดินไปที่รถ เปิดประตูให้เด็กตัวเล็กขึ้นไปก่อนและปิดท้ายด้วยตนเอง ก่อนที่รถยนต์คันหรูจะมุ่งหน้าขับออกไปช้าๆ
ซีนอนพาเอวามาที่ห้างสรรพสินค้ากลางเมืองใหญ่ ตั้งแต่การก้าวเท้าเข้ามาภายในห้าง ดวงตากลมก็หลุกหลิก มองไล่ไปเรื่อยๆ เหมือนสนใจสิ่งของรอบกาย หากแต่คนที่เฝ้ามองและจับสังเกตอยู่เสมอกลับยกยิ้มขำ หากซีนอนไม่ใส่ใจเด็กตัวเล็กคนนี้ให้มากพอ ไม่แน่ว่าอาจจะทำหายระหว่างการเดินเที่ยวก็ได้ ดังนั้นแล้วทั้งคู่จึงพากันเข้าร้านเสื้อผ้า จับตัวนั้น ตัวนี้ลองสวมใส่ ในขณะที่ลูกน้องทั้งหมดรอที่ด้านนอก
“ตัวเล็ก มาลองนี่หน่อย” ซีนอนร้องเรียก พร้อมกับพยักหน้า ในมือคือเสื้อคลุมสเวตเตอร์มีฮู้ดที่ด้านหลังสีสันสดใสลายคุณหมีน้อยสีเหลืองน้ำตาล
เอวาเดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย เอื้อมมือจะหยิบเสื้อตัวนั้นไป แต่ซีนอนกลับขืนไว้ แล้วเป็นฝ่ายเอ่ยปากบอกแทน
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง” เด็กน้อยทำหน้างง เพราะห้องลองเสื้อไม่ได้อยู่ไกลเลยสักนิด และไม่มีทางที่จะหลงแน่นอน หากแต่ซีนอนกลับเดินไปที่ห้องลองเสื้อ แล้วจัดการเปิดประตูเข้าไป พร้อมพาตัวเองเข้าไปตาม ก่อนจะพยักหน้าเรียกให้เด็กน้อยเข้าไปใกล้
เอวามองอย่างระแวดระวัง ไม่เข้าใจการกระทำสักเท่าไหร่ และเพราะท่าทีนั้น ทำให้ซีนอนหงุดหงิดใจ ดึงแขนเล็กเรียวเข้ามาใกล้ จนเอวาเซถลาเข้ามาทั้งตัว
“อ๊ะ!” เด็กน้อยร้องเสียงดังอย่างตกใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ใบหน้าของตนเองและซีนอนห่างกันเพียงคืบ รับรู้ได้ถึงลมหายใจที่รินรดระหว่างกัน จนหน้าแดงวาบอย่างคุมไม่อยู่
“หึหึ” ซีนอนหัวเราะในลำคอ ผละถอยออกห่างพร้อมส่ายหน้าไปมา ขยับอ้อมไปทางด้านหลังแล้วเอื้อมมือปิดประตูลง ก่อนจะยืนพิงประตู กอดอกมองนิ่งๆ พร้อมเอ่ยปากสั่งการ
“ถอดเสื้อ”
“ห๊ะ?!” ซีนอนทำหน้างง ก่อนจะตอบกลับมา
“งงอะไร เข้ามาลองเสื้อ ก็ต้องถอดเสื้ออยู่แล้ว”
“อะ อ่อ....”
“อายพี่? ไม่ต้องอายหรอก ผู้ชายเหมือนกัน” ว่าพร้อมยักไหล่ ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาส่งให้เด็กน้อย
“ระหว่างเปลี่ยนก็ฟังไปพลางแล้วกัน เดี๋ยวพี่จะพาไปร้านสปา ว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง มีทางออกอยู่ที่ประตูด้านหลัง” พูดพร้อมกับมองเด็กน้อยที่ค่อยๆ ถอดเสื้อออกจากตัว เปิดเผยผิวขาวๆ ที่มีรอยแดงเรื่อประปราย ก่อนจะทำท่านึกขึ้นได้
“จำเป็นต้องใช้นี่สินะ” ว่าแล้วก็หยิบเงินออกมาจำนวนหนึ่ง แล้วยื่นส่งให้ เอวาที่สวมใส่เสื้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยื่นมือไปรับอย่างงงๆ
“ทำไม...”
“อยากเจอใช่ไหมล่ะ แต่เรื่องนี้พี่ไม่รู้ไม่เห็นนะ เราแอบหนีออกไปเอง” พูดพร้อมขยับตัวเข้าไปยืนใกล้ๆ ดึงฮู้ดมาคลุมหัวแล้วจับหมุนตัวไปมา พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“เข้ากับเราดี เอาล่ะ ถอดออกสิ” เอวายอมทำตามอย่างว่าง่าย ยอมถอดเสื้อออกอีกครั้ง ซีนอนยื่นมือไปสัมผัสผิวขาวราวน้ำนมนั้นอย่างสนใจ จนคนโดนสะดุ้งหันขวับมามอง หากแต่ซีนอนกลับไม่สนใจ ยังคงลูบไล้ผิวเนื้อนุ่มนั้นไปมา
“นุ่มชะมัด น่ากัดสุดๆ”
“งื้ออออ” เอวาร้องครางในลำคอพร้อมกับถอยหนีอย่างหวาดระแวง จนไปชนเข้ากับกระจกด้านหลัง ซีนอนยกมือขึ้นกุมท้อง หัวเราะท้องคัดท้องแข็งให้กับท่าทีนั้น ยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้า พร้อมยกมือยอมแพ้
“เอาล่ะๆ เอาเสื้อมา พี่จะไปจ่ายเงิน เราก็แต่งตัวให้เรียบร้อยล่ะ” ว่าจบก็คว้าเสื้อไปไว้ในมือ เปิดประตูออกไปจากห้อง ในขณะที่เอวาลนลานรีบหยิบเสื้อของตนขึ้นมาสวมใส่
หลังจากที่ชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ซีนอนก็พาเอวาออกจากร้าน มุ่งตรงไปที่ร้านสปา สั่งให้บอดี้การ์ด ดูแลแค่ข้างนอกร้าน แล้วจึงเข้าไปกับเอวาแค่สองคน แม้อีกฝ่ายจะมีท่าทีอิดออด ไม่ยอมทำตาม แต่เมื่อโดนมองแรงจากซีนอน จึงไม่กล้าขัดคำสั่ง ยินยอมรออยู่ที่ด้านนอกแต่โดยดี
ซีนอนซื้อคอร์สสปาของตนเองและของเอวา ก่อนจะยื่นส่งชุดที่พึ่งซื้อมาหมาดๆ ไปให้ โน้มตัวลงพูดข้างหูของเด็กน้อยเสียงเบาเคล้าความสนุกสนาน
“ตัวเล็ก หากโดนบอสจับได้ ให้อ้อนบอสเยอะๆ นะ”
“อ้อนเยอะๆ ยังไง” ร้องถามพร้อมเอียงคอมองตาปริบๆ ในขณะที่ซีนอนยกยิ้มมุมปากดูเจ้าเล่ห์ แต่ก็ยังยอมตอบแบบไม่ปิดบังเลยสักนิด
“เรียกบอสว่า แด๊ดดี๊ แล้วก็เติมคะๆ ขาๆ แบบที่บอสชอบคุยกับตัวเล็กไง แค่นี้บอสก็ยอมใจอ่อนแล้ว” เอวามองคนพูดตาโต ร้องถามตาวาว
“จริงหรอ!”
“จริงสิ ฮึฮึ” พูดด้วยรอยยิ้มขำ อยากจะเห็นหน้าบอสตอนตื่นตะลึงใจจะขาด เลยเรียกสติกลับมาอีกครั้ง แล้วร้องบอก
“รีบไปเปลี่ยนชุดไป ใช้ทางออกที่ด้านหลัง แล้วระวังด้วยล่ะ กลับมาก่อนครบ 3 ชั่วโมง” เด็กน้อยพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะวิ่งปรู๊ดไปที่ห้องน้ำภายใน จัดการเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่ที่พึ่งได้รับมา หลังจากนั้นก็มองซ้ายมองขวา แล้วขยับไปที่ประตูด้านหลัง ซึ่งเป็นลิฟต์ขนส่งสินค้าสำหรับพนักงาน
เอวาหัวใจเต้นตึกตักรัวเร็ว ทั้งหวาดกลัว หวาดระแวง ว่าบอดี้การ์ดสองคนนั้นจะรู้ จนเมื่อกระทั่งสองเท้าเหยียบลงที่ด้านนอกตัวอาคาร ก็ราวกับรู้สึกได้รับการปลดปล่อย เด็กน้อยวิ่งดี๊ด๊าไปเรียกรถแท็กซี่ที่ขับผ่านไปผ่านมา เมื่อได้แล้วก็กระโจนขึ้นรถ ร้องบอกจุดหมายปลายทางอย่างรวดเร็ว
เอวาใช้เวลาเดินทางนานกว่าปกติเล็กน้อยจนเด็กน้อยร้อนใจเพราะการจราจรที่ติดขัด กว่าจะมาก็มาถึงโรงพยาบาลก็ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมง เด็กน้อยไม่รอช้าที่จะพุ่งตัวไปหาคนที่อยู่ในชั้น VIP ของโรงพยาบาล ทันทีที่เปิดประตูห้องเข้าไปก็เห็นชายคนหนึ่งที่พักรักษาตัวอยู่ คนบนเตียงค่อยๆ หันหน้ามาช้าๆ ลดหนังสือในมือลงพร้อมกับส่งยิ้มมาให้
“ตัวเล็ก” เพียงเท่านั้นเด็กน้อยก็พุ่งเข้าใส่ กอดหมับที่รอบคอของบารอน รัดเอาไว้แน่น จนชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ ตวัดแขนรวบเอาเด็กน้อยมากอดไว้ จับให้ขึ้นมานั่งบนเตียง จนกลายเป็นว่าเอวากำลังนั่งคุกเข่าคร่อมตักอีกฝ่าย ในขณะที่สองแขนยังคงโอบกอดเอาไว้แน่น
“เป็นอะไรไปคะ” บารอนถามเสียงนุ่ม สองมือลูบแผ่นหลังเล็กบางสลับขึ้นลงไปมาคล้ายกับการปลอบให้สงบลง
เอวายังคงกอดอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งตนเองพอใจถึงได้ผละออก ร้องบอกเสียงสั่นเครือหน้าตาหงอยเหงา
“พี่จ๋ากักบริเวณหนู....” ทันทีที่ได้ฟังบารอนก็ขมวดคิ้วหมุน เอ่ยปากถามด้วยความไม่แน่ใจ
“แล้วนี่มาได้ยังไงคะ”
“หนูหนีมา....”
“ตัวเล็กครับ.....” บารอนครางในลำคอ ลูบกลุ่มผมสีดำนุ่มลื่นดุจแพรไหมด้วยความอ่อนโยน
“ไมค์รู้จะโกรธเอาได้นะคะ” เอวาสะบัดหน้าหนี ร้องบอกอย่างแง่งอน
“พี่จ๋าไม่มีเหตุผล!” ว่าพร้อมทำแก้มพองลม บ่งบอกให้รู้ว่างอนอยู่ บารอนจึงเอ่ยบอกด้วยเสียงนุ่มทุ้มอีกครั้ง
“ไมค์มีเหตุผลค่ะ และเหตุผลที่ว่านั้นก็เพราะเป็นห่วงตัวเล็กไงคะ” ว่าแล้วก็กดจูบที่ขมับและพวงแก้มซ้ำๆ จนแก้มนุ่มแดงเรื่อ เด็กน้อยถึงได้หัวเราะคิกคักอีกหน บารอนเกลี่ยแก้มใสไปมาแผ่วเบา
“ตอนนี้พี่รู้แล้วค่ะว่าตัวเล็กถูกกักบริเวณ เพราะฉะนั้นตอนนี้ตัวเล็กรีบกลับไปก่อนนะคะ” เอวาทำหน้าซึมลงทันตา
“แต่หนู-”
“พี่ไม่อยากให้ตัวเล็กโดนทำโทษเพิ่มเพราะพี่หรอกนะคะ” บารอนขัดขึ้นอย่างนุ่มนวล ระมัดระวังในคำพูดมาเป็นพิเศษ
“เอาไว้พี่หายแล้วพี่จะไปรับตัวเล็กเองครับ รอพี่นะ” ชายหนุ่มเอ่ยบอกพร้อมกับกดจูบที่ริมฝีปากบางซ้ำๆ เมื่อเห็นว่าน้องน้อยยังคงนิ่งอยู่ จึงก้มลงซุกไซร้ซอกคอขาว ฝากฝังรอยรักสีหวานเอาไว้ที่ลำคอ ความร้อนจากริมฝีปากที่ดูดดุน ทำให้เสียงครางหวานลอยมาผะแผ่ว ก่อนที่บารอนจะเอ่ยย้ำอีกครั้งหลังจากผละริมฝีปากออก
“นะคะ”
“อื้อออ” เอวาครางรับในลำคอ สติยังกลับมาไม่เต็มร้อยเท่าไหร่นัก แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การตอบรับนั้นทำให้ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มออกมาในที่สุด
“ตัวเล็กน่ารักมากค่ะ” ว่าแล้วก็จับต้นคอของเอวาให้โน้มลง ประกบริมฝีปาก กอดจูบดูดดื่ม ส่งปลายลิ้นไปกวาดต้อนเอาหยาดน้ำหวานอย่างตะกรุมตะกราม โหยหาและฝากฝังสลักไว้ในความทรงจำ ริมฝีปากบดขยี้กันซ้ำแล้วซ้ำเล่า สองมือของคนตัวเล็กแปะป่ายไปทั่วอย่างคนไม่ประสา ในขณะที่ของบารอนนั้นบีบขย้ำเนื้อตัว ลมหายใจหอบกระชั้นพร้อมกับความต้องการที่โหมปะทุ
กว่าจะตัดใจยอมผละออกได้ก็กินเวลานานนับนาที เด็กน้อยตัวอ่อนปวกเปียกทรุดตัวลงพิงกับอกแกร่ง ขดตัวเป็นก้อนกลมอยู่ที่หว่างขา บารอนหัวเราะเสียงนุ่มในลำคอ ลูบแผ่นหลังเล็กไปมาอย่างปลอบโยน นั่งกอดเอาไว้นิ่งๆ จนเมื่อลมหายใจของเด็กน้อยกลับมาเป็นปกติ บารอนจึงเชยคางเล็กให้เงยหน้าขึ้น ประทับริมฝีปากลงไปเร็วๆ อีกครั้ง
“รอพี่นะคะ”
“อื้อ”
“อีกไม่นานพี่จะไปรับค่ะ” เอวาพยักหน้าหงึกๆ บารอนจึงกดจูบที่หน้าผากมนเบาๆ อีกหน ก่อนจะจับให้เด็กน้อยปีนลงจากเตียง พร้อมตัวเองที่เดินตามไปติดๆ ก่อนสายตาจะเลื่อนไปมองที่ข้อมือขาว ซึ่งมีผ้าก๊อซแปะติดเอาไว้ ทำให้คิ้วคู่คมขมวดเข้าหากันแน่น
“บาร์คจ๋าเป็นอะไร” เอวาถามพร้อมเอียงคอมอง หากแต่บารอนกลับส่งรอยยิ้มบาง เอ่ยถามออกมาเสียงนุ่มด้วยความไม่แน่ใจนัก
"นี่.... ไปโดนอะไรมาคะ"
"อ๊ะ!! " เอวาสะดุ้งตกใจตัวชาวาบ พึ่งจะจำได้ก็ตอนนี้เองที่ตนพึ่งจะโดนฝังชิพไปหมาดๆ แต่เพราะตื่นเต้นดีใจที่จะได้เจอหน้าจึงหลงลืมไปเสียสนิท ใบหน้าเล็กพลันเผือดสี อ้อมแอ้มตอบ
"พี่จ๋าให้หนูฝั่งชิพ....." บารอนลอบถอนหายใจออกมาแผ่วเบา คิดว่าตอนนี้ไมเคิลคงจะรู้แล้วแน่ๆ จึงลูบศีรษะเล็กเบาๆ แล้วเอ่ยปาก
“ตัวเล็กต้องรีบตรงกลับบ้านเลยนะ รู้ไหม” ในตอนนี้บุคคลทั้งสองมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้อง บารอนประคองแก้มใสไว้ด้วยสองมือ ก้มลงประทับริมฝีปากอีกหน ดันร่างเล็กให้ชิดติดประตูและตะโบมจูบไม่ว่างเว้น เป็นการส่งท้ายที่ทำให้ใจเอวาตัวอ่อนยวบจนชายหนุ่มต้องช่วยประคอง
“ฮึฮึ ยืนไหวไหมคะ”
“วะ ไหวครับ” เด็กน้อยเกาะประตูแล้วค่อยๆ ยันตัวขึ้นยืน กดจูบที่ปลายคางของบารอนอีกครั้ง เอ่ยย้ำคำสัญญา
“หนูจะรอนะ”
“ค่ะ” ดังนั้นแล้วเด็กน้อยจึงเปิดประตูออกไป แต่ก็มีอันต้องชะงัก เมื่อพบว่าใครบางคนยืนอยู่ที่ตรงหน้าประตู
“พี่จ๋า......”
...“พี่จ๋า......” เอวาครางในลำคอ กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ตรงหน้าปรากฏชายคนหนึ่งที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาคมกล้าที่มองสบมาทำให้เอวาก้มหน้าหลบด้วยความหวาดกลัว“กลับ” ไมเคิลพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะหมุนตัวหันหลังเดินกลับไปทันที น้ำเสียงและท่าทีเฉยชาของไมเคิล ทำให้เอวารู้สึกตัวหดเล็กลงอย่างช่วยไม่ได้ เด็กน้อยหันไปเหลือบมองบารอนที่ยืนอยู่ด้านข้าง ชายหนุ่มทำเพียงกุมมือเล็กเอาไว้แน่นหนา ยกมือเล็กขึ้นจรดริมฝีปาก กล่าวอย่างหนักแน่น“รอพี่นะคะ” เอวาสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปทิศทางที่พี่ชายของตนเดินไป ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะหันมามองหรือยืนรอกันเช่นแต่ก่อน นั่นยิ่งทำให้เอวารู้สึกหวั่นใจและกลัวเกรงอยู่ลึกๆเด็กน้อยสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะก้าวขาเดินตามไปตามทิศทางที่บอดี้การ์ดกั้นเอาไว้ให้ เอวาพยายามสาวเท้าก้าวตามให้ทันคนเป็นพี่ชาย จนเมื่ออยู่ในระยะที่สามารถเอื้อมถึง เด็กน้อยก็สอดมือเข้าไป จับประสานกุมกับมือใหญ่เอาไว้อย่างที่เคยทำ ไมเคิลปรายตามองเล็กน้อย ก่อนจะดึงมือออก แล้วก้าวเดินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่การกระทำนั้นทำให้เอวาชะงัก หยุดยืนอยู่กับที่ ก้มมองมือของตนเองที่ว
Michael Partย้อนกลับไปหนึ่งเดือนก่อนหน้า……หลังจากเรื่องวุ่นวายผ่านพ้นไป โรมีโอนำตัวเอวาส่งโรงพยาบาล เฝ้าดูอาการจนวางใจว่าเด็กน้อยจะไม่เป็นอะไร ชายหนุ่มก็มุ่งตรงกลับบ้านเพื่อไปจัดการปัญหาที่คฤหาสน์หลังงามนั้นต่อ ทันทีที่เห็นบอสของตนขังตัวเองไว้ในห้อง ชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะปล่อยหมัดหนักๆ ไปเรียกสติของบอสตัวเอง“หายบ้ารึยังครับ” โรมีโอถามเสียงเรียบด้วยดวงตาแววโรจน์ท่าทางขุ่นเคือง ไมเคิลทำเพียงแสยะยิ้มมุมปาก เอ่ยตอบเสียงเนิบช้า“น้อยไป.....”ผลั๊วะ! ผลั๊วะ! ผลั๊วะ!เมื่อบอสบอกว่าน้อยไป โรมีโอก็จัดให้ 3 ทีติดๆ กัน จนไมเคิลถึงกับเซ ชายหนุ่มสะบัดหน้าเล็กน้อย เอ่ยปากบอกอีกครั้งด้วยเสียงเยาะเย้ย“แรงมีแค่นี้? น้อยไป…..”ผลั๊วะ! ผลั๊วะ! ผลั๊วะ! ผลั๊วะ! ผลั๊วะ!เมื่อได้ยินแล้วโรมีโอจึงจัดให้อีกเน้นๆ 5 ที จนไมเคิลจุกจนถึงกับทรุดลงที่พื้น ยกมือขึ้นกุมท้องของตน“แค่กๆ”“คุณหนูมีแผลที่ข้อศอกกับหัวเข่า หัวไหล่และข้อเท้าที่หลุดก่อนหน้า ถูกต่อให้เข้าที่แล้วครับ แต่ยังต้องพันเผือกอ่อนและพักรักษาตัวอีกสักระยะ ส่วนบอดี้การ์ดทั้ง 6 คนนั้นทำการผ่าเอากระสุนออกแล้ว ตอนนี้กำลังรักษาตัว ส่วนคุณซีนอนนั้นเย็บแ
Ava Partตอนนี้เอวากำลังนั่งขดตัวเป็นก้อนกลมอยู่ที่ชานบ้าน ที่ด้านหลังนั้นถูกซ้อนด้วยคนๆ หนึ่ง บารอนที่ทำตัวเป็นเบาะรองนั่งโอบกอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขน ส่งมอบความอุ่นร้อนไปให้ผ่านผิวเนื้อที่สัมผัสกัน เอวาเหม่อมองไปที่ด้านหน้าซึ่งเป็นบริเวณทางเข้าของบ้านด้วยใจจดใจจ่อตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา เอวารับรู้ว่าพี่ชายของตนทำงานอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน มีเพียงโรมีโอเท่านั้นที่เข้าออกบ้านเป็นว่าเล่น ในตอนกลางวันก็ออกไปทำงานกับไมเคิล ตอนกลางคืนก็กลับมาดูแลตนก่อนเข้านอน เป็นเช่นนี้ตั้งแต่เด็กน้อยออกจากโรงพยาบาลบารอนที่ตอนนี้พักรักษาตัวหายดีแล้วและกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม ก็มุ่งตรงมาหาเอวาที่บ้านหลังนี้ในทันที หากแต่กลับถูกกันตัวไว้ ไม่ยอมให้เข้าไปโดยง่ายจากคำสั่งของไมเคิล แต่เพราะโรมีโอที่กลับมาพอดีและทันเห็นเหตุการณ์เข้า คุณหนูของบ้านร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร เมื่อคนรักของตนถูกทำร้าย ชายหนุ่มจึงเข้าไปช่วยจัดการให้ และพาบารอนไปทำแผลที่ห้องพยาบาล โดยมีคุณหนูของบ้านตามไปติดๆเด็กน้อยของบ้านนั่งทำแผลไปสะอึกสะอื้นไป จนทำให้บารอนต้องดึงเด็กน้อยเข้ามากอดไว้ ลูบหลังลูบไหล่ปลอบใจไปพ
Baron Partย้อนกลับไปคืนก่อนหน้า.....“คือ.....” โรมีโอพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ ทำให้บารอนเลิกคิ้วมอง ก่อนที่ผู้ช่วยคนสนิทของไมเคิลจะถอนหายใจ แล้วเอ่ยออกมาแผ่วเบา“บอส... ไม่อยากให้คุณเข้าใกล้คุณหนูอีกครับ....”“......” บารอนนั่งฟังนิ่งๆ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป“ผม... คงไม่อาจให้คุณเข้าใกล้คุณหนูได้อีก....”“......”“ขอโทษด้วยครับ” โรมีโอพูดพร้อมกับก้มหน้าลงต่ำ ก่อนจะยืดตัวขึ้นอีกครั้ง มองจ้องคนตรงข้ามที่ยังคงนิ่งเฉย“หึ.....” บารอนยกยิ้มมุมปาก หลังจากนั้นก็ยกมือขึ้นปิดปากกลั้วหัวเราะอย่างคนทนไม่ไหว เปล่งเสียงหัวเราะออกมาดังก้องไปทั่วห้องนั่งเล่นในยามค่ำคืน“หึหึ ฮ่าฮ่า” บารอนส่ายศีรษะไปมาขณะที่ไหล่ยังคงสั่นไหว โรมีโอมองท่าทีนั้นเงียบๆ จนกระทั่งเสียงหัวเราะนั้นเบาบางลงจนกลายเป็นเงียบสนิท บารอนนั่งจ้องโรมีโอไม่ละสายตา เอ่ยปากเสียงเนิบช้า“เอวาที่น่าสงสาร..... ดอกลิลลี่สีขาวที่เบ่งบานท่ามกลางกุหลาบสีเลือด.....” โรมีโอคิ้วกระตุกเข้าหากันเมื่อได้ยินคำเปรียบเปรยนั้น ก่อนจะยกยิ้มบาง แล้วเอ่ยแก้ไข“คุณหนูเป็นดอกเบญจมาศสีขาวที่น่ารักน่าชังต่างหากครับ” บารอนเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะเอ่ยปากตอบรับกลับไป“งั้น
Romeo Partตอนนี้เอวากำลังนั่งอยู่บนตักของไมเคิลราวกับตัวเองเป็นหมีโคอาล่า สองมือน้อยๆ นั้นจับกุมชุดสูทของคนเป็นพี่ชายเอาไว้แน่น เงยหน้าขึ้นมองส่งสายตาอ้อนวอนไปให้“นะ พี่จ๋าให้หนูไปนะ” ไมเคิลมองตอบกลับมาด้วยความนิ่งเฉยภายใต้ดวงตาลุ่มลึกที่ขุ่นมัว ก่อนจะตวัดสายตาไปมองทางโรมีโอ ทำให้ผู้ช่วยคนสนิทรีบก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาคมกริบของผู้เป็นนาย เพราะไมเคิลได้รับบัตรเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองการรับตำแหน่งของบารอน เมื่อ 2 วันก่อน และชายหนุ่มก็มีคำสั่งลงไปแล้วว่าของเอวาให้เผาทิ้ง ส่วนของตัวเองให้จัดส่งของขวัญ แต่โรมีโอกลับทำงานพลาดโดยการวางบัตรเชิญไว้บนโต๊ะขณะที่ผละไปจัดเตรียมอาหารว่างให้นายทั้งสองคน จนทำให้เอวาได้พบการ์ดเชิญนั้นและหันมารบเร้าร้องขอกับไมเคิลอยู่ตลอดเวลาใช่ว่าชายหนุ่มจะไม่ชอบที่น้องน้อยมาออดอ้อนเอาใจ แต่จะดีกว่านี้มากหากเอวาทำเพราะต้องการอ้อนเขาจริงๆ ไม่ใช่มีจุดประสงค์แอบแฝงอย่างการได้พบหน้าบารอนสักครั้งหลังจากที่ห่างกันมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง“ไม่ค่ะ” และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ไมเคิลเอ่ยปากปฏิเสธเสียงหนักแน่น ทำให้เอวาทำแก้มพองลมหน้ายู่อย่างขัดใจ จนอดไม่ได้ที่จะตีลงบนอกแกร่งของคนเป็น
ไมเคิลพาเอวามุ่งตรงกลับบ้านในทันที เมื่อกลับมาถึงแล้วก็อุ้มน้องน้อยขึ้นไปนอนภายในห้องควีน จัดการเปลี่ยนชุดและเช็ดตัวให้เด็กน้อยอย่างเบามือ ดวงตาคมกล้าวาวโรจน์ขึ้นอีกครั้งเมื่อพบรอยรักสีกุหลาบที่บารอนฝากไว้ปรากฏอยู่ประปรายบนลำคอขาวผ่องไมเคิลโน้มตัวลงไปใกล้ ประทับริมฝีปากซ้ำรอยนั้น แล้วดูดดุนอย่างรุนแรงจนเด็กน้อยครางอื้ออึงด้วยความเจ็บปวดนิดๆ เมื่อไมเคิลผละออกมาดูผลงาน ก็พบว่ารอยรักสีหวานที่ปรากฏขึ้นจางๆ บัดนี้กลับกลายเป็นสีแดงก่ำและห้อเลือดอย่างชัดเจนนั่นยิ่งทำให้ไมเคิลพึงพอใจเป็นอย่างมาก ไม่รอช้าที่จะประทับริมฝีปากลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าที่ใดที่มีรอยรักพาดผ่าน ริมฝีปากของไมเคิลก็ตามไปทับซ้ำรอย ราวกับจะลบเลื่อนตัวตนของคนๆ นั้น ออกไปจากร่างเล็กไมเคิลซุกไซร้ซอกคอขาว ยิ่งได้จุมพิต ยิ่งลุ่มหลง ยิ่งได้ดอมดม ยิ่งหลงใหล จากการกดจูบลบรอย กลับกลายเป็นการสร้างรอยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มลุ่มหลงมัวเมาอยู่ในห้วงอารมณ์ที่พัดโหมกระหน่ำ ยิ่งน้องน้อยส่งเสียงครางแผ่วในลำคออย่างขัดอกขัดใจ พลิกตัวหนีไปอีกทาง เปิดเผยแผ่นหลังขาวเนียนและกระดูกสันหลังที่เป็นแอ่งไล่ยาวลงมายิ่งทำให้คนมองรู้สึกคลุ้มคลั่งใ
“ตัวเล็กคะ....”“อื้อออ”“สายแล้วนะคะ ตื่นเร็ว” ไมเคิลพูดพร้อมยกยิ้มบางเบา ใช้นิ้วจิ้มแก้มขาวนุ่มนิ่มเบาๆ เอวาส่งเสียงครางแผ่ว แล้วจึงซุกหน้าลงกับตุ๊กตาเสือขาวอย่างต้องการหลีกหนีนิ้วมือแกร่งที่รบกวนการหลับใหล“หึหึ ตื่นเร็วค่ะ เดี๋ยวปวดท้องเอานะ” ไมเคิลพูดอีกครั้งพร้อมกับค่อยๆ ดึงเจ้าตุ๊กตาเสือขาวออกจากอ้อมกอดน้อยๆ ของคนตัวเล็ก ทำให้เอวต้องปรือตาขึ้นมอง สองมือน้อยๆ ยันกับที่นอนเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง ยกมือขยี้ตาไปมา เส้นผมสีดำขลับชี้ฟูไม่เป็นทรง“อย่าขยี้สิคะ” ไมเคิลร้องบอกก่อนจะใช้นิ้วโป้งเกลี่ยดวงตาให้ แล้วจึงขยับมือไปจัดทรงผมให้กับน้องน้อยด้วยความรักความเอ็นดู เอวากะพริบตาปริบๆ แล้วจึงปรับสายตาได้ เมื่อเห็นว่าเป็นใคร เด็กน้อยก็ส่งยิ้มหวาน อ้าแขนออกกว้าง ตั้งท่าจะโผเข้ากอด ร้องเรียกเสียงใส“พี่จ๋าาา”จึ้ก“เรายังมีเรื่องต้องคุยกันนะคะ” ไมเคิลใช้นิ้วชี้จิ้มลงที่หน้าผากของเด็กน้อยเอาไว้ เป็นการห้ามกลายๆ ไม่ให้เอวาเข้ามากอดได้ดั่งใจ เพียงได้ฟังเด็กน้อยก็ดวงตาเบิกกว้าง เริ่มนึกขึ้นมาได้บ้างแล้วตนเองทำอะไรลงไปบ้าง ไมเคิลส่งยิ้มหวานไปให้ แต่ภายในใจคนมองมันคือการแสยะยิ้มที่ส่งไป
“โรม.....”“......”“โรม.....”“......”“โรมีโอ!” ไมเคิลร้องเรียกชื่อเลขาคนสนิทเสียงดังเมื่อไม่ได้ยินถ้อยคำตอบรับจากอีกฝ่าย จากตอนแรกที่เป็นการเรียกธรรมดาๆ น้ำเสียงก็ค่อยๆ เข้มขึ้นแบบไต่ระดับ จนสุดท้ายความอดทนก็สิ้นสุดลงในครั้งที่ 3 นี้เอง จนทำให้ชายหนุ่มผู้มียศเป็นถึงลอร์ดต้องละปากกาในมือ เงยหน้าขึ้นมาด้วยท่าทีดุดัน“!!!” ไมเคิลถอนหายใจแล้วยกมือขึ้นคลึงนวดขมับของตนเองพลางส่ายศีรษะไปมา ถอนหายใจแล้วก้มลงทำงานของตัวเอง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไมเคิลเป็นแบบนี้......การทำงานในวันนี้ตลอดทั้งเช้าไมเคิลเป็นแบบนี้ไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง เมื่อร้องเรียกหาผู้ช่วยคนสนิทเมื่อต้องการเอกสาร สอบถามความเห็น หรือแม้กระทั่งต้องการเติมชา แต่ทุกครั้งจะจบลงที่ว่าภายในห้องทำงานของเขาไร้ร่างกายของผู้ช่วยหนุ่มที่คอยติดสอยห้อยตาม เพราะอาการบาดเจ็บที่ตนเป็นผู้กระทำ จนทำให้โรมีโอต้องนอนหลับพักผ่อนอยู่ที่บ้านถึงแม้ไมเคิลจะเป็นพวกเซ็กส์จัดและรักรุนแรงจนเข้าข่ายซาดิสม์ แต่ทุกครั้งอยู่ในระดับที่คู่นอนรับได้ ไม่ได้ถึงกับขนาดเลือดตกยางออกแบบนี้ แต่ที่ทำกับโรมีโอนั้นมันคือการลงโทษ ตามที่ได้บอกกับเจ้าตัวไปแล้ว และเพราะแบบนั้นท
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา