.
.
.
“พี่จ๋า......” เอวาครางในลำคอ กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ตรงหน้าปรากฏชายคนหนึ่งที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาคมกล้าที่มองสบมาทำให้เอวาก้มหน้าหลบด้วยความหวาดกลัว
“กลับ” ไมเคิลพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะหมุนตัวหันหลังเดินกลับไปทันที น้ำเสียงและท่าทีเฉยชาของไมเคิล ทำให้เอวารู้สึกตัวหดเล็กลงอย่างช่วยไม่ได้ เด็กน้อยหันไปเหลือบมองบารอนที่ยืนอยู่ด้านข้าง ชายหนุ่มทำเพียงกุมมือเล็กเอาไว้แน่นหนา ยกมือเล็กขึ้นจรดริมฝีปาก กล่าวอย่างหนักแน่น
“รอพี่นะคะ” เอวาสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปทิศทางที่พี่ชายของตนเดินไป ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะหันมามองหรือยืนรอกันเช่นแต่ก่อน นั่นยิ่งทำให้เอวารู้สึกหวั่นใจและกลัวเกรงอยู่ลึกๆ
เด็กน้อยสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะก้าวขาเดินตามไปตามทิศทางที่บอดี้การ์ดกั้นเอาไว้ให้ เอวาพยายามสาวเท้าก้าวตามให้ทันคนเป็นพี่ชาย จนเมื่ออยู่ในระยะที่สามารถเอื้อมถึง เด็กน้อยก็สอดมือเข้าไป จับประสานกุมกับมือใหญ่เอาไว้อย่างที่เคยทำ ไมเคิลปรายตามองเล็กน้อย ก่อนจะดึงมือออก แล้วก้าวเดินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่การกระทำนั้นทำให้เอวาชะงัก หยุดยืนอยู่กับที่ ก้มมองมือของตนเองที่ว่างเปล่า แต่รู้สึกราวกับทำสิ่งสำคัญหล่นหายไปจนใจวูบโหวง เอวาเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น มองตามแผ่นหลังกว้างที่มุ่งตรงไปโดยไม่หันมามอง หยาดน้ำตาเริ่มเอ่อคลอบนดวงหน้าจนแผ่นหลังกว้างนั้นพร่าเลือน
“ฮึก” เอวาสูดน้ำมูกเล็กน้อย พยายามข่มกลั้นหยาดน้ำตาที่กำลังรินไหล ก้าวเดินตามหลังคนเป็นพี่ไป จนเมื่อถึงรถที่จอดรออยู่ เอวาก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อเห็นว่ารถที่ไมเคิลนั่งขับผ่านออกไปต่อหน้าต่อตา
“พี่จ๋า!!” เอวาร้องเรียกเสียงดังพร้อมๆ กับการวิ่งตามรถคันหรู ใช้มือน้อยๆ นั้นตบลงที่กระจกด้านข้างพร้อมกับการร้องตะโกนไปพลาง
“พี่จ๋า!! เดี๋ยวก่อน!!” เอวาร้องพร้อมกับการวิ่งตามไป แต่เหมือนว่าเสียงนั้นจะส่งไปไม่ถึง เมื่อแทนที่รถคันนั้นจะหยุดลง กลับเพิ่มความเร็วมากขึ้นจนกระชากเอวาที่กำลังจับประตูรถให้หกล้มตามไปด้วย
“พี่จ๋า!! ฮึก! ฮืออออออ” ในตอนนี้เด็กน้อยไม่สามารถข่มกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีกแล้ว เอวาที่ตัวถลอกปอกเปิก กำลังทรุดตัวนั่งร้องไห้บนพื้น ยกมือขึ้นปาดน้ำตามองตามหลังรถที่กำลังขับออกไปไกล
“ฮืออออ”
เอี๊ยดดดดดด!!
เสียงบดล้อกับถนนดังลั่นไปทั่วบริเวณ ก่อนที่รถคันนั้นจะหยุดลง พร้อมกับใครบางคนที่เปิดประตูรถลงมา
ชายคนนั้นไม่ได้เดินตรงมาหาเอวา แต่กลับเดินไปที่ตำแหน่งคนขับ จับดึงกระชากคนขับให้ลงมาจากตำแหน่งสารถี ยกปืนขึ้นเล็งแล้วลั่นไกอย่างไม่ลังเล จนชายคนนั้นล้มลงกับพื้น หยาดเลือดแผ่กระจายเป็นวงกว้าง
บอดี้การ์ดบางส่วนวิ่งกรูกันไปหาชายที่นอนคว่ำหน้าอยู่ในทันที ในขณะที่ไมเคิลเดินถือปืนเข้ามาใกล้เอวาด้วยท่าทีเฉยชาแต่ดูดุดัน ใบหน้าเรียบนิ่งแต่แววตานั้นคลุ้มคลั่งดั่งพายุโหม จนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเด็กน้อย มือแกร่งข้างหนึ่งจับลงที่ต้นแขนของเด็กน้อย แล้วบังคับให้ยืนขึ้น พร้อมกับดึงลากไปทางรถที่จอดอยู่ในทันที
“หนะ หนูเจ็บ ฮึก” เอวาร้องบอกเสียงสั่นเพราะอาการสะอื้นไห้ ไมเคิลไม่แม้แต่จะผ่อนแรงให้เด็กน้อยแต่อย่างใด ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ อย่างมั่นคง จนสุดท้ายก็มาถึงรถที่เปิดประตูค้างไว้อยู่ บอดี้การ์ดคนหนึ่งจัดการเปิดประตูข้างคนขับให้อย่างรู้งาน
ไมเคิลจับยัดเอวาเข้าไปข้างใน แล้วจึงปิดประตูลงด้วยตัวเองดังปัง! เดินอ้อมไปอีกฝั่ง เข้าประจำที่คนขับแล้วกระชากตัวรถออกไปทันที จนศีรษะของเด็กน้อยโขลกเข้ากับคอนโทรลหน้ารถ ไมเคิลทำเพียงปรายตามองแล้วขับรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ชายหนุ่มขบกรามเอาไว้แน่น พยายามสุดความสามารถที่จะข่มกลั้นอารมณ์ของตน เอวาเองก็ได้แต่นั่งร้องไห้อยู่ที่ด้านข้าง ยกมือขึ้นปาดน้ำตาอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่มืออีกข้างก็จิกกำเบาะรถเอาไว้แน่น ลำตัวสั่นระริกด้วยความกลัว ไมเคิลขับแซงซ้ายแซงขวา ความเร็วพุ่งทะยานถึงขีดสุด ไม่สนว่ามันจะเฉี่ยว จะชนกับใครมากแค่ไหน
ปัง!
เอวาสะดุ้งตกใจเมื่อไมเคิลขับปาดหน้ารถบรรทุกขนาดใหญ่ จนหลบไม่พ้นและถูกชนท้ายในที่สุด แต่ไมเคิลก็ยังคงนิ่งเฉยแถมยังเร่งความเร็วขึ้นอีกเพื่อนขับหนีดวงตาคมกล้ามองมุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัว แต่แล้วเอวาก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อไมเคิลเบียดออกด้านข้าง และครั้งนี้ก็เป็นฝั่งที่เอวากำลังนั่งอยู่
กระจกมองข้างนั้นหลุดห้อยต่องแต่ง เพราะการขับเบียดเสียดในที่แคบ ทำให้กระจกหลุดออกจากตัวรถ เอวาตัวสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว หยาดน้ำตาเปรอะเปื้อนไปทั่วใบหน้า แต่ไมเคิลยังคงนั่งนิ่ง ขับต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในขณะที่รถเหล่านั้นต่างพากันจอดรถ แล้วลงมาสบถด่าไล่หลัง ไมเคิลเหลือบตามองลงน้อย เห็นว่าบอดี้การ์ดของตนลงไปเคลียร์ให้แล้วก็ไม่สนใจอะไรอีก มุ่งตรงกลับบ้านอย่างรวดเร็ว
ใช้เวลาไม่นานนักไมเคิลกับเอวาก็มาถึงบ้านด้วยสภาพรถที่พังยับเยินไปทั่วคัน แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจ เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว เอวารีบลงจากรถ วิ่งตามหลังมาติดๆ ทันเห็นพี่ชายของตนเดินเข้าไปหาคนๆ หนึ่ง เงื้อมือขึ้นสูง และสะบัดฟาดลงไปเต็มแรง จนคนโดนนั้นถึงกับหน้าหัน หยาดเลือดไหลซึมลงมาเป็นทางในทันที
เอวามองภาพตรงหน้าด้วยความตื่นตระหนก ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อเห็นว่าใครที่ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อม เด็กน้อยก็รีบถลาตัวเข้าไปใกล้ในทันที
“พี่ซี!!”
หมับ!
ยังไม่ทันที่จะขยับตัวไปมากกว่านั้น เอวาก็ถูกจับกุมโดยโรมีโอที่เข้ามาล็อกตัวเอาไว้แน่น
“โรม! ปล่อยนะ!! ปล่อยหนู! โรมีโอ!!!” เอวาร้องตะโกนดังลั่น พยายามดิ้นหนีจากการจับกุมตัว
“ไม่ได้ครับ.... อันตรายเกินไป....” โรมีโอพูดเสียงเบา จับเอวาเอาไว้แน่น
“มันเป็นเพราะหนู! ความผิดหนู!! คนอื่นไม่เกี่ยว! พี่จ๋าฟังหนู!!” เอวาร้องตะโกนและพยายามดิ้นรน ในคราวนี้เหมือนว่าไมเคิลจะพอได้ยินเสียงบาง หันหันหน้ามามองช้าๆ แววตาเฉยชาเรียบนิ่ง
“จะได้รู้..... ว่าการกระทำที่สิ้นคิดของตัวเอง ทำให้ใครต้องเดือดร้อน”
ฉึก!!
“อึก!!”
“พี่ซี!!” สิ้นคำนั้นไมเคิลก็ปามีดเล็กที่พกติดตัวตลอดเวลาเข้าที่ร่างของซีนอนซึ่งบอบช้ำไปด้วยบาดแผล เอวากรีดร้องดังลั่นเมื่อเห็นภาพนั้น ก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างคนหมดหนทาง ซีนอนมองมีดที่ปักอยู่ที่หัวไหล่ซ้ายของตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นนายด้วยสายตาตัดพ้อ
“ฉันบอกแล้วว่านายต้องรับผิดชอบ... ซีนอน....”
เพี้ยะ!!
ไมเคิลพูดพร้อมกับยกมือขึ้นตบหน้าของซีนอนอีกครั้งอย่างรุนแรง
บัดนี้ใบหน้าที่เคยน่ารักสดใสตามแบบฉบับของซีนอนนั้นบวมช้ำและเต็มไปด้วยบาดแผล ใบหน้าปูดบวมไม่น่าดูเช่นแต่ก่อน ไมเคิลขยับเข้าไปใกล้คนที่กำลังนั่งคุกเข่า ข้ามร่างของบอดี้การ์ด 5 คนที่นอนคว่ำหน้าไร้ลมหายใจ ก่อนจะตรงไปขยุ้มผมของซีนอน กระชากอย่างรุนแรงบังคับให้เงยหน้าขึ้นมอง
“บอกฉันสิ..... นายจงใจใช่ไหม.....” ไมเคิลพูดเสียงเย็นข้างใบหู บังคับให้ซีนอนหันไปมาเอวาที่ถูกโรมีโอจับกุมตัว เด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นตัวโยนอย่างน่าสงสาร
“คะ ครับ... ผมจงใจ... ปล่อยให้คุณหนูหนีไป.....”
“ทำไม....” ไมเคิลดวงตาวาวโรจน์ ขณะมองจ้องเอวาไม่ละสายตา
“........”
“ตอบไม่ได้.... หรือไม่อยากตอบ.....” ไมเคิลพูดเสียงเหี้ยม ใช้ปลายมีดไล้ใบหน้าหวานนั้นช้าๆ ก่อนจะสอดมันเข้าไปในริมฝีปากบาง ทำให้ซีนอนเริ่มสะอึกสะอื้น
“หนึ่ง....”
“ฮึก!” ในคราวนี้เป็นซีนอนบ้างแล้วที่เริ่มหวาดกลัวจนตัวสั่น
“สอง....”
“ฮืออออ” ซีนอนน้ำตาไหลพราก เมื่อปลายมีดนั้นริมขยับ คมมีดกรีดลงที่ขอบปาก ไล้ไปตามกระพุ้งแก้ม บ่งบอกได้ว่าถ้าไม่ยอมตอบในเร็วๆ นี้ ไมเคิลจะฉีกปากของตนเพื่อเป็นการลงโทษ ไมเคิลกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเหี้ยมเกรียม เมื่อเห็นปฏิกิริยานั้น
“สะ-”
“หนู!! เป็นหนู!! เป็นเพราะหนูเอง!! ฮือออออ” เอวาร้องตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ไมเคิลที่กำลังจะตวัดมีดเฉือนริมฝีปากของซีนอนต้องหันไปมอง
“เพราะหนูข้อร้องพี่ซีให้ช่วย ฮืออออ อย่าทำอะไรพี่ซีเลยนะ ฮือออ” เอวาร้องไห้ไปพลางพูดไปพลาง ไมเคิลทำเพียงรอฟังเงียบๆ
“เพราะหนูขอร้องให้พี่ซีช่วย พี่เขาถึงได้วางแผนให้หนูออกไปเจอบาร์ค ฮือออ หนูผิดเองที่ไม่เชื่อฟัง ฮือ หนูขัดคำสั่งพี่จ๋า ฮือออ” เอวาร้องไห้ปานจะขาดใจ ไมเคิลแสยะยิ้มเหี้ยม เอ่ยปากเสียงเนิบช้า
“ยังไงมันก็ผิดอยู่ดี หึหึ.....”
ฉับ!!!!
“ไม่!!!!!”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก” ซีนอนกรีดร้องดังลั่นพร้อมกับลงไปดิ้นทุรนทุราย ยกมือขึ้นกุมปากของตัวเองที่มีเลือดไหลพราก เพราะไมเคิลทำการตัดเฉือนเนื้อบริเวณริมฝีปาก ทำให้เกิดแผลใหญ่ฉกรรจ์ ไมเคิลทิ้งซีนอนไว้ตรงนั้น แล้วยืดตัวขึ้นสูง ก้าวเท้าเดินมาหาเอวาด้วยท่าทีดุดัน หันไปมองโรมีโอเอ่ยปากเสียงเรียบ
“จัดการให้เรียบร้อย”
“ครับ” โรมีโอพยักหน้ารับ แต่ไม่ยอมปล่อยเอวาให้กับเจ้านายของตนเมื่อไมเคิลยื่นมือมา โรมีโอแสดงท่าทีลังเลยิ่งทำให้ดวงตาสีทองวาวโรจน์ ก่อนที่ไมเคิลจะจับลงที่ข้อมือเล็ก แล้วดึงกระชากเข้าหาตัวอย่างรวดเร็วและรุนแรง แต่โรมีโอก็ไม่ยอมปล่อยให้เอวาหลุดไปโดยง่าย จนกลายเป็นว่าเป็นการยื้อยุดระหว่างคนสองคน
“ฮึก! หนูเจ็บ!!” เอวาร้องออกมาทันที ทำไมเคิลตวัดสายตาไปมองโรมีโอ มองจ้องดุดันเปล่งเสียงต่ำในลำคอ
“ปล่อย.....”
“บอสครับ คุณหนูยังเด็ก ยังไม่รู้ความ บอสอย่า-”
“ปล่อย!!”
“โอ้ย!!! ฮือออออออ” ไมเคิลไม่สนใจฟังคำทัดทานของโรมีโอ จับดึงกระชากเอวาอีกครั้ง และครั้งนี้ก็รุนแรงเสียจนเอวาได้ยินกระดูกเคลื่อน ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั่วกาย จนเปล่งเสียงร้องออกมาดังลั่น และนั่นทำให้โรมีโอเผลอปล่อยมือด้วยความตกใจ
เมื่อไมเคิลได้ตัวเอวาไปก็จับยกขึ้นพาดบ่า พาเดินไปที่บนห้องของตนแทนที่จะเป็นห้องของร่างเล็ก ทันทีที่มาถึงชายหนุ่มก็จับเอวาโยนลงบนเตียงใหญ่ ไม่สนอาการบาดเจ็บตามเนื้อตัว ก่อนจะโถมตัวเองไปคร่อมทาบทับ ปิดกั้นทางหนี
“รู้ไหมว่าตัวเองทำอะไรลงไป” ไมเคิลพูดเสียงกระซิบแผ่วเบาข้างใบหู แต่ถ้อยคำนั้นหนักอึ้งราวกับก้อนหินขนาดใหญ่
“วันนี้มีคนตายไปทั้งหมด 6 คน และบาดเจ็บสาเหตุอีกหนึ่ง.... ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นเพราะเราขัดคำสั่งพี่.....” เอวาตัวสั่นระริกเมื่อได้ฟัง ภาพของบอดี้การ์ด 5 คนที่ติดตามตัวเองไปห้างสรรพสินค้าในวันนี้ผุดขึ้นมาในความทรงจำ อีกคนหนึ่งนั้นคือคนขับรถที่ทำให้เอวาหกล้มเป็นแผลจนได้เลือด ส่วนคนสุดท้ายคือซีนอนที่บิดตัวดิ้นเร้าไปกับพื้นที่เต็มไปด้วยเลือด ยกมือขึ้นปิดปากของตัวเองเอาไว้แน่น
“ฮึก ฮืออออ หนูไม่ได้ตั้งใจ ฮืออออ”
“ไม่.... เราตั้งใจ เพราะการกระทำที่สิ้นคิดของตัวเองทำให้คนทั้ง 6 คนนั้นต้องตาย.... ถ้าซีนอนไม่ใช่ระดับ S บางทีอาจจะเป็น 7.....”
“ฮือออ ขอโทษ ฮึก หนูขอโทษ ฮืออออ” เอวาน้ำตานองหน้า ดวงตาบวมช้ำจากการร้องไห้ติดต่อกันมาเป็นเวลานาน ไมเคิลลูบแขนข้างหนึ่งที่บิดเบี้ยวผิดรูป ก่อนจะกดไหล่ของเอวาให้นอนนิ่ง แล้วดันกลับเข้าไปอีกครั้งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
“อ๊ากกกกกกกกก” เอวากรีดร้องเสียงโหยหวน น้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับสายตาที่ตัดพ้อต่อว่า เต็มไปด้วยความเสียใจ เศร้าใจ และผิดหวัง
ไมเคิลกดจูบซับน้ำตาที่พวงแก้ม ไล่เรื่อยมาจนลำคอ เมื่อเห็นรอยรักสีกุหลาบก็กดฟัน กัดลงไปเต็มแรง จนจมูกได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ริมฝีปากรับรู้ถึงความอุ่นร้องที่เอ่อซึมตามไรฟัน
“โอ้ย!!! ฮือออ กลัวแล้ว ฮือออ หนูกลัวแล้ว.....” เอวาร้องออกมาอย่างคนไร้ทางสู้ ไมเคิลกลับยกยิ้มพึงพอใจ ลูบไล้ไปตามเนื้อตัว จนกระทั่งมาถึงข้อเท้าเล็กขาวสะอาด เอ่ยปากบอกเสียงเนิบช้า
“ตัวเล็กชอบหนีจากพี่มากใช่ไหมคะ” ไมเคิลกดจูบที่ข้อเท้าของเด็กน้อย เอวาส่ายหน้าไปมาอย่างต้องการจะปฏิเสธ ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“เท้าเล็กๆ คู่นี้ชอบที่จะวิ่งหนีออกไปไกลจากพี่..... ทั้งๆ ที่เคยเชื่อฟังมาตลอดแท้ๆ” ท้ายประโยคนั้นราวกับพึมพำกับตัวเอง ในชั่ววินาทีถัดมา คำพูดของไมเคิลก็ทำให้เลือดในกายของเอวาเย็นวาบ ความหวาดกลัวเข้าเกาะกุมอย่างรวดเร็ว
“ถ้าพี่ตัดขาคู่นี้ทิ้งไปตัวเล็กก็จะหนีไปไหนไม่ได้ถูกไหมคะ”
“มะ ไม่นะ ฮือออ ไม่นะ ไม่เอา... ไม่!!” เอวาเริ่มดิ้นรนและกรีดร้อง ไมเคิลยกยิ้มเหี้ยมเกรียม จับของเท้าเล็กเอาไว้มั่น
“พี่เสียดายเท้าสวยๆ นี่ค่ะ สบายใจได้ พี่ไม่ตัดมันทิ้งหรอก” ไมเคิลพูดด้วยรอยยิ้ม แต่ก็ไม่ทำให้เอวาวางใจได้แม้แต่น้อย เพราะรอยยิ้มที่ไม่จริงใจนั้น เด็กน้อยส่ายหน้าไปมาด้วยความหวาดกลัว ไมเคิลก็พูดออกมาอีกครั้ง
“ขาหักข้างหนึ่งจะใช้เวลาสักเท่าไหร่นะ.....”
“ไม่... ฮืออออ พี่จ๋า ไม่.... ฮือออ กลัว... หนูกลัวแล้ว ฮือออออ” เอวาถึงกับพนมมือยกขึ้นไหว้ ร่างกายสั่นสะท้านและหอบโยนอย่างรุนแรง ทำให้ไมเคิลแสดงสีหน้าแปลกใจออกมา
“กลัวเป็นด้วยหรอคะ?”
“ฮึก ฮืออออออ”
“ตัวเล็กว่าถ้ามันหักทั้งสองข้าง....... กี่วันถึงจะหาย?”
“ไม่นะ... ไม่เอา... ไม่! ฮือออออ” ไมเคิลยกยิ้ม กดจูบลงที่ข้อเท้าเล็กซึ่งพยายามดิ้นรนหนีออกจากมือกว้าง
“อยู่กับพี่นะคะ”
กร๊อบ!
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก” เอวาดิ้นทุรนทุราย น้ำตาไหลพราก เสียงกรีดร้องนั้นทำให้โรมีโอเปิดประตูผลั๊วะเข้ามาด้วยความรวดเร็ว ชายหนุ่มดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นสภาพคุณหนูของบ้านที่บิดกายไปมา ร้องไห้ราวคนจะขาดใจ ใบหน้าแดงก่ำร้องไห้โฮ
“ไมเคิล!!!” โรมีโอร้องตะโกนเสียงดังพร้อมกับพุ่งตัวไปผลักให้ไมเคิลออกห่าง อุ้มเอวาที่เริ่มแสดงอาการชักออกมาให้เห็นไว้ในอ้อมแขน ไมเคิลมองตามด้วยสายตานิ่งเฉย ไม่ยินดียินร้าย ขณะที่โรมีโอร้องตะโกนสั่งการจนวุ่นวาย ขณะนำตัวเอวาส่งโรงพยาบาล
.
.
.
เอวาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตนเองอยู่ในห้องพักขนาดใหญ่ รายล้อมไปด้วยกลิ่นฉุนที่ตนคุ้นเคย เพราะได้กลิ่นมันเป็นระยะเวลายาวนานในช่วงก่อนหน้า เอวาเหม่อมองเพดาน ปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาไม่ขาดสาย สะอื้นไห้เพียงลำพัง
ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับการเคาะเบาๆ ก่อนหน้า คนที่เข้ามาคือคุณหมอประจำตัวที่เข้ามาดูอาการ บอกให้รู้ว่าตอนนี้ที่ไหล่ซ้ายและข้อเท้าขวาข้อต่อหลุด ทางคุณหมอทำการต่อให้แล้ว แต่ต้องเข้าเฝือกอ่อนสักระยะหนึ่ง
เอวาพยักหน้ารับทั้งที่ยังคงน้ำตาไหลอยู่ หมอแอลลูบศีรษะเล็กอย่างเห็นใจ ก่อนจะผละไปจัดการงานของตน
โรมีโอเข้ามาเยี่ยมเอวาต่อจากนั้น และคอยดูแลไม่ห่าง จนกระทั่งเอวาออกจากโรงพยาบาล กลับมาพักที่บ้านของตน แต่ก็ยังคงไร้วี่แววของไมเคิล แม้ว่าเอวาจะเพียรถามจากโรมีโอมากแค่ไหน คำตอบที่ได้รับคือ
“บอสกำลังพักผ่อนครับ”
เอวาก็ไม่รู้ว่าคำว่าพักผ่อนนั้นหมายถึงอะไร แม้เด็กน้อยจะยังคงกลัวไมเคิลจับใจ แต่อย่างไรก็ยังอยากเจอ เพียงแต่ชายหนุ่มไม่โผล่หน้ามาแม้แต่น้อย เอวาเริ่มเหม่อมองหน้าต่างบ่อยขึ้น นิ่งเงียบมากขึ้น ทานอาหารได้น้อยลง
จากชั่วโมง เปลี่ยนเป็นวัน......
จากหนึ่งวัน เปลี่ยนเป็นหนึ่งสัปดาห์......
จากสัปดาห์เปลี่ยนเป็นเดือน......
คำถามที่ออกมาจากริมฝีปากเล็กยังคงเป็น
“พี่จ๋าไปไหน......”
“ทำไมถึงไม่มา.....”
“พี่จ๋าไม่รักหนูแล้ว....”
“ฮึก หนูเป็นเด็กไม่ดี ฮืออออ”
คนที่ใกล้ชิดกับเอวามากที่สุดในตอนนี้คือโรมีโอ ยิ่งได้ฟังยิ่งสะท้อนใจ ไม่อาจหาคำใดมาปลอบใจคุณหนูของตนได้ นอกจากการรวบตัวเด็กน้อยมากอดไว้ ลูบหลังลูบไหล่ปลอบโยน กระซิบเสียงเบาข้างใบหูว่าบอสยังคงรัก โรมีโอเองก็รัก และจะรักอย่างนั้นตลอดไป
ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเอวาร้องขอให้โรมีโอพาไปหาบารอนบ้าง แต่ชายหนุ่มก็ปฏิเสธเสียงหนักแน่นกลับมาทุกครั้ง แสดงถึงการไม่ยินยอม พร้อมทั้งหยิบยกเรื่องที่เกิดขึ้นมาพูดซ้ำ แม้ว่ามันจะทำร้ายจิตใจของเด็กน้อยก็ตาม
นอกจากนี้แล้วเอวายังถามหาถึงซีนอน โรมีโอก็ตอบตามจริงว่ากำลังพักรักษาตัว เพราะซีนอนเองก็โดนมาหนักเหมือนกัน พร้อมทั้งยังเล่าเรื่องราวในช่วงที่เกิดขึ้นก่อนหน้าให้เอวารับรู้ด้วย
เรื่องนั้นเริ่มต้นมาจากที่ไมเคิลมีธุระที่ห้างนั้นพอดี จึงอนุญาตให้ซีนอนพาเอวาออกมาเดินเที่ยวด้วยได้ ไมเคิลจะได้มาคอยดูแลและคอยรับกลับในทีเดียว จากการคำนวณเวลาแล้วคิดว่าน่าจะพอดีกัน แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อไมเคิลติดประชุมเสียก่อน จึงทำให้มาช้า
หลังจากการประชุม ไมเคิลก็มุ่งตรงมาที่ห้าง จัดการทำธุระของตนให้เรียบร้อย ในขณะนั้นเองที่เห็นเอวาและซีนอนกำลังลองเสื้อ ไมเคิลจึงเดินตามไปเงียบๆ แอบมองท่าทีสนุกสนานของน้องน้อยอยู่ห่างๆ ไม่ได้เข้าไปยุ่งวุ่นวาย
เพราะตนกับเอวามีเรื่องขัดใจกันอยู่ก็คือเรื่องของบารอน ทำให้ไมเคิลไม่อยากขัดจังหวะความสุขนั้น และแอบตามหลังไปเงียบๆ
จนกระทั่งมาถึงร้านสปา ไมเคิลตามเข้าไปติดๆ ติดต่อกับพนักงานและแจ้งความต้องการว่าจะเป็นคนนวดให้เอวาเอง เพราะไม่ต้องการให้ใครได้เห็นผิวขาวราวน้ำนม ไม่ต้องการให้มีคนได้สัมผัส หลังจากที่ตกลงกันได้และจ่ายเงินไปจำนวนหนึ่ง ไมเคิลก็เข้าไปในห้องของเอวา ที่ควรจะมีเอวาอยู่ในนั้น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า
ใบหน้าหล่อเหลาคมคายขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เดินดูห้องน้ำทีละห้องอย่างใจเย็น จนสุดท้ายก็ได้คำตอบว่าที่แห่งนี้ว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ภายในนี้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาดู และเห็นได้ว่าคนตัวเล็กกำลังเคลื่อนที่ออกห่างจากห้างสรรพสินค้ามากขึ้นเรื่อยๆ
เพียงเท่านั้นชายหนุ่มก็กำมือแน่น เอ่ยปากสั่งการกับโรมีโอให้จับกุมซีนอนและบอดี้การ์ดทั้งหมดกลับบ้าน ในขณะที่บางส่วนแบ่งมาติดตามและคุ้มกันไมเคิล และนั่นเป็นเหตุที่ทำให้ไมเคิลหาเอวาเจอภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น
เอวานั่งหน้าเศร้าน้ำตาไหลออกมาแต่ไร้เสียงสะอื้น จนโรมีโอทนไม่ไหวขยับเข้าไปกอดปลอบ ใช้อกของตนต่างผ้าซับน้ำตาให้เด็กน้อยด้วยความเต็มใจ ทั้งคู่ต่างตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเงียบๆ เพียงลำพัง ท่ามกลางหยาดน้ำตาที่ไหลรินลงมาไม่ขาดสาย.....
Michael Partย้อนกลับไปหนึ่งเดือนก่อนหน้า……หลังจากเรื่องวุ่นวายผ่านพ้นไป โรมีโอนำตัวเอวาส่งโรงพยาบาล เฝ้าดูอาการจนวางใจว่าเด็กน้อยจะไม่เป็นอะไร ชายหนุ่มก็มุ่งตรงกลับบ้านเพื่อไปจัดการปัญหาที่คฤหาสน์หลังงามนั้นต่อ ทันทีที่เห็นบอสของตนขังตัวเองไว้ในห้อง ชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะปล่อยหมัดหนักๆ ไปเรียกสติของบอสตัวเอง“หายบ้ารึยังครับ” โรมีโอถามเสียงเรียบด้วยดวงตาแววโรจน์ท่าทางขุ่นเคือง ไมเคิลทำเพียงแสยะยิ้มมุมปาก เอ่ยตอบเสียงเนิบช้า“น้อยไป.....”ผลั๊วะ! ผลั๊วะ! ผลั๊วะ!เมื่อบอสบอกว่าน้อยไป โรมีโอก็จัดให้ 3 ทีติดๆ กัน จนไมเคิลถึงกับเซ ชายหนุ่มสะบัดหน้าเล็กน้อย เอ่ยปากบอกอีกครั้งด้วยเสียงเยาะเย้ย“แรงมีแค่นี้? น้อยไป…..”ผลั๊วะ! ผลั๊วะ! ผลั๊วะ! ผลั๊วะ! ผลั๊วะ!เมื่อได้ยินแล้วโรมีโอจึงจัดให้อีกเน้นๆ 5 ที จนไมเคิลจุกจนถึงกับทรุดลงที่พื้น ยกมือขึ้นกุมท้องของตน“แค่กๆ”“คุณหนูมีแผลที่ข้อศอกกับหัวเข่า หัวไหล่และข้อเท้าที่หลุดก่อนหน้า ถูกต่อให้เข้าที่แล้วครับ แต่ยังต้องพันเผือกอ่อนและพักรักษาตัวอีกสักระยะ ส่วนบอดี้การ์ดทั้ง 6 คนนั้นทำการผ่าเอากระสุนออกแล้ว ตอนนี้กำลังรักษาตัว ส่วนคุณซีนอนนั้นเย็บแ
Ava Partตอนนี้เอวากำลังนั่งขดตัวเป็นก้อนกลมอยู่ที่ชานบ้าน ที่ด้านหลังนั้นถูกซ้อนด้วยคนๆ หนึ่ง บารอนที่ทำตัวเป็นเบาะรองนั่งโอบกอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขน ส่งมอบความอุ่นร้อนไปให้ผ่านผิวเนื้อที่สัมผัสกัน เอวาเหม่อมองไปที่ด้านหน้าซึ่งเป็นบริเวณทางเข้าของบ้านด้วยใจจดใจจ่อตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา เอวารับรู้ว่าพี่ชายของตนทำงานอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน มีเพียงโรมีโอเท่านั้นที่เข้าออกบ้านเป็นว่าเล่น ในตอนกลางวันก็ออกไปทำงานกับไมเคิล ตอนกลางคืนก็กลับมาดูแลตนก่อนเข้านอน เป็นเช่นนี้ตั้งแต่เด็กน้อยออกจากโรงพยาบาลบารอนที่ตอนนี้พักรักษาตัวหายดีแล้วและกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม ก็มุ่งตรงมาหาเอวาที่บ้านหลังนี้ในทันที หากแต่กลับถูกกันตัวไว้ ไม่ยอมให้เข้าไปโดยง่ายจากคำสั่งของไมเคิล แต่เพราะโรมีโอที่กลับมาพอดีและทันเห็นเหตุการณ์เข้า คุณหนูของบ้านร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร เมื่อคนรักของตนถูกทำร้าย ชายหนุ่มจึงเข้าไปช่วยจัดการให้ และพาบารอนไปทำแผลที่ห้องพยาบาล โดยมีคุณหนูของบ้านตามไปติดๆเด็กน้อยของบ้านนั่งทำแผลไปสะอึกสะอื้นไป จนทำให้บารอนต้องดึงเด็กน้อยเข้ามากอดไว้ ลูบหลังลูบไหล่ปลอบใจไปพ
Baron Partย้อนกลับไปคืนก่อนหน้า.....“คือ.....” โรมีโอพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ ทำให้บารอนเลิกคิ้วมอง ก่อนที่ผู้ช่วยคนสนิทของไมเคิลจะถอนหายใจ แล้วเอ่ยออกมาแผ่วเบา“บอส... ไม่อยากให้คุณเข้าใกล้คุณหนูอีกครับ....”“......” บารอนนั่งฟังนิ่งๆ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป“ผม... คงไม่อาจให้คุณเข้าใกล้คุณหนูได้อีก....”“......”“ขอโทษด้วยครับ” โรมีโอพูดพร้อมกับก้มหน้าลงต่ำ ก่อนจะยืดตัวขึ้นอีกครั้ง มองจ้องคนตรงข้ามที่ยังคงนิ่งเฉย“หึ.....” บารอนยกยิ้มมุมปาก หลังจากนั้นก็ยกมือขึ้นปิดปากกลั้วหัวเราะอย่างคนทนไม่ไหว เปล่งเสียงหัวเราะออกมาดังก้องไปทั่วห้องนั่งเล่นในยามค่ำคืน“หึหึ ฮ่าฮ่า” บารอนส่ายศีรษะไปมาขณะที่ไหล่ยังคงสั่นไหว โรมีโอมองท่าทีนั้นเงียบๆ จนกระทั่งเสียงหัวเราะนั้นเบาบางลงจนกลายเป็นเงียบสนิท บารอนนั่งจ้องโรมีโอไม่ละสายตา เอ่ยปากเสียงเนิบช้า“เอวาที่น่าสงสาร..... ดอกลิลลี่สีขาวที่เบ่งบานท่ามกลางกุหลาบสีเลือด.....” โรมีโอคิ้วกระตุกเข้าหากันเมื่อได้ยินคำเปรียบเปรยนั้น ก่อนจะยกยิ้มบาง แล้วเอ่ยแก้ไข“คุณหนูเป็นดอกเบญจมาศสีขาวที่น่ารักน่าชังต่างหากครับ” บารอนเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะเอ่ยปากตอบรับกลับไป“งั้น
Romeo Partตอนนี้เอวากำลังนั่งอยู่บนตักของไมเคิลราวกับตัวเองเป็นหมีโคอาล่า สองมือน้อยๆ นั้นจับกุมชุดสูทของคนเป็นพี่ชายเอาไว้แน่น เงยหน้าขึ้นมองส่งสายตาอ้อนวอนไปให้“นะ พี่จ๋าให้หนูไปนะ” ไมเคิลมองตอบกลับมาด้วยความนิ่งเฉยภายใต้ดวงตาลุ่มลึกที่ขุ่นมัว ก่อนจะตวัดสายตาไปมองทางโรมีโอ ทำให้ผู้ช่วยคนสนิทรีบก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาคมกริบของผู้เป็นนาย เพราะไมเคิลได้รับบัตรเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองการรับตำแหน่งของบารอน เมื่อ 2 วันก่อน และชายหนุ่มก็มีคำสั่งลงไปแล้วว่าของเอวาให้เผาทิ้ง ส่วนของตัวเองให้จัดส่งของขวัญ แต่โรมีโอกลับทำงานพลาดโดยการวางบัตรเชิญไว้บนโต๊ะขณะที่ผละไปจัดเตรียมอาหารว่างให้นายทั้งสองคน จนทำให้เอวาได้พบการ์ดเชิญนั้นและหันมารบเร้าร้องขอกับไมเคิลอยู่ตลอดเวลาใช่ว่าชายหนุ่มจะไม่ชอบที่น้องน้อยมาออดอ้อนเอาใจ แต่จะดีกว่านี้มากหากเอวาทำเพราะต้องการอ้อนเขาจริงๆ ไม่ใช่มีจุดประสงค์แอบแฝงอย่างการได้พบหน้าบารอนสักครั้งหลังจากที่ห่างกันมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง“ไม่ค่ะ” และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ไมเคิลเอ่ยปากปฏิเสธเสียงหนักแน่น ทำให้เอวาทำแก้มพองลมหน้ายู่อย่างขัดใจ จนอดไม่ได้ที่จะตีลงบนอกแกร่งของคนเป็น
ไมเคิลพาเอวามุ่งตรงกลับบ้านในทันที เมื่อกลับมาถึงแล้วก็อุ้มน้องน้อยขึ้นไปนอนภายในห้องควีน จัดการเปลี่ยนชุดและเช็ดตัวให้เด็กน้อยอย่างเบามือ ดวงตาคมกล้าวาวโรจน์ขึ้นอีกครั้งเมื่อพบรอยรักสีกุหลาบที่บารอนฝากไว้ปรากฏอยู่ประปรายบนลำคอขาวผ่องไมเคิลโน้มตัวลงไปใกล้ ประทับริมฝีปากซ้ำรอยนั้น แล้วดูดดุนอย่างรุนแรงจนเด็กน้อยครางอื้ออึงด้วยความเจ็บปวดนิดๆ เมื่อไมเคิลผละออกมาดูผลงาน ก็พบว่ารอยรักสีหวานที่ปรากฏขึ้นจางๆ บัดนี้กลับกลายเป็นสีแดงก่ำและห้อเลือดอย่างชัดเจนนั่นยิ่งทำให้ไมเคิลพึงพอใจเป็นอย่างมาก ไม่รอช้าที่จะประทับริมฝีปากลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าที่ใดที่มีรอยรักพาดผ่าน ริมฝีปากของไมเคิลก็ตามไปทับซ้ำรอย ราวกับจะลบเลื่อนตัวตนของคนๆ นั้น ออกไปจากร่างเล็กไมเคิลซุกไซร้ซอกคอขาว ยิ่งได้จุมพิต ยิ่งลุ่มหลง ยิ่งได้ดอมดม ยิ่งหลงใหล จากการกดจูบลบรอย กลับกลายเป็นการสร้างรอยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มลุ่มหลงมัวเมาอยู่ในห้วงอารมณ์ที่พัดโหมกระหน่ำ ยิ่งน้องน้อยส่งเสียงครางแผ่วในลำคออย่างขัดอกขัดใจ พลิกตัวหนีไปอีกทาง เปิดเผยแผ่นหลังขาวเนียนและกระดูกสันหลังที่เป็นแอ่งไล่ยาวลงมายิ่งทำให้คนมองรู้สึกคลุ้มคลั่งใ
“ตัวเล็กคะ....”“อื้อออ”“สายแล้วนะคะ ตื่นเร็ว” ไมเคิลพูดพร้อมยกยิ้มบางเบา ใช้นิ้วจิ้มแก้มขาวนุ่มนิ่มเบาๆ เอวาส่งเสียงครางแผ่ว แล้วจึงซุกหน้าลงกับตุ๊กตาเสือขาวอย่างต้องการหลีกหนีนิ้วมือแกร่งที่รบกวนการหลับใหล“หึหึ ตื่นเร็วค่ะ เดี๋ยวปวดท้องเอานะ” ไมเคิลพูดอีกครั้งพร้อมกับค่อยๆ ดึงเจ้าตุ๊กตาเสือขาวออกจากอ้อมกอดน้อยๆ ของคนตัวเล็ก ทำให้เอวต้องปรือตาขึ้นมอง สองมือน้อยๆ ยันกับที่นอนเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง ยกมือขยี้ตาไปมา เส้นผมสีดำขลับชี้ฟูไม่เป็นทรง“อย่าขยี้สิคะ” ไมเคิลร้องบอกก่อนจะใช้นิ้วโป้งเกลี่ยดวงตาให้ แล้วจึงขยับมือไปจัดทรงผมให้กับน้องน้อยด้วยความรักความเอ็นดู เอวากะพริบตาปริบๆ แล้วจึงปรับสายตาได้ เมื่อเห็นว่าเป็นใคร เด็กน้อยก็ส่งยิ้มหวาน อ้าแขนออกกว้าง ตั้งท่าจะโผเข้ากอด ร้องเรียกเสียงใส“พี่จ๋าาา”จึ้ก“เรายังมีเรื่องต้องคุยกันนะคะ” ไมเคิลใช้นิ้วชี้จิ้มลงที่หน้าผากของเด็กน้อยเอาไว้ เป็นการห้ามกลายๆ ไม่ให้เอวาเข้ามากอดได้ดั่งใจ เพียงได้ฟังเด็กน้อยก็ดวงตาเบิกกว้าง เริ่มนึกขึ้นมาได้บ้างแล้วตนเองทำอะไรลงไปบ้าง ไมเคิลส่งยิ้มหวานไปให้ แต่ภายในใจคนมองมันคือการแสยะยิ้มที่ส่งไป
“โรม.....”“......”“โรม.....”“......”“โรมีโอ!” ไมเคิลร้องเรียกชื่อเลขาคนสนิทเสียงดังเมื่อไม่ได้ยินถ้อยคำตอบรับจากอีกฝ่าย จากตอนแรกที่เป็นการเรียกธรรมดาๆ น้ำเสียงก็ค่อยๆ เข้มขึ้นแบบไต่ระดับ จนสุดท้ายความอดทนก็สิ้นสุดลงในครั้งที่ 3 นี้เอง จนทำให้ชายหนุ่มผู้มียศเป็นถึงลอร์ดต้องละปากกาในมือ เงยหน้าขึ้นมาด้วยท่าทีดุดัน“!!!” ไมเคิลถอนหายใจแล้วยกมือขึ้นคลึงนวดขมับของตนเองพลางส่ายศีรษะไปมา ถอนหายใจแล้วก้มลงทำงานของตัวเอง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไมเคิลเป็นแบบนี้......การทำงานในวันนี้ตลอดทั้งเช้าไมเคิลเป็นแบบนี้ไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง เมื่อร้องเรียกหาผู้ช่วยคนสนิทเมื่อต้องการเอกสาร สอบถามความเห็น หรือแม้กระทั่งต้องการเติมชา แต่ทุกครั้งจะจบลงที่ว่าภายในห้องทำงานของเขาไร้ร่างกายของผู้ช่วยหนุ่มที่คอยติดสอยห้อยตาม เพราะอาการบาดเจ็บที่ตนเป็นผู้กระทำ จนทำให้โรมีโอต้องนอนหลับพักผ่อนอยู่ที่บ้านถึงแม้ไมเคิลจะเป็นพวกเซ็กส์จัดและรักรุนแรงจนเข้าข่ายซาดิสม์ แต่ทุกครั้งอยู่ในระดับที่คู่นอนรับได้ ไม่ได้ถึงกับขนาดเลือดตกยางออกแบบนี้ แต่ที่ทำกับโรมีโอนั้นมันคือการลงโทษ ตามที่ได้บอกกับเจ้าตัวไปแล้ว และเพราะแบบนั้นท
Ava Partตอนนี้เอวากำลังหันซ้ายทีขวาทีพร้อมๆ กับการอ้าปากงับชิ้นเนื้อที่พวกพี่ๆ ผลัดกันป้อน เอวาตกอยู่กลางวงล้อมของชายหนุ่มหน้าตาดีทั้ง 4 คน จนกลายเป็นที่อิจฉาตาร้อนของคนที่เดินผ่าน คนที่เดินเข้าร้าน หรือแม้แต่พนักงานเสิร์ฟในวันนี้เอวาออกมาเที่ยวห้างกับพวกพี่ๆ ทั้ง 4 คนที่พึ่งกลับมาจากภารกิจของตัวเอง โดยที่แต่ละคนมีจุดหมายที่แตกต่างกัน อย่างโอเว่นนั้นตั้งใจไปดูอุปกรณ์ไอทีที่ออกมาใหม่เมื่อเร็วๆ นี้ ออสการ์ต้องการไปทำสปาผิวหลังจากที่กร่ำงานมาหลายสัปดาห์ เบลซนั้นอยากจะไปดูอุปกรณ์ออกกำลังกายเพิ่มเติมและจะไปหาซื้อของใช้ส่วนตัวด้วยอีกนิดหน่อย ส่วนซีนอนตั้งใจมาช็อปปิ้งโดยเฉพาะไม่ว่าจะเสื้อผ้าหน้าผม ซึ่งชายหนุ่มลั่นวาจาไว้แล้วว่าจะซื้อทุกอย่างที่อยากได้ให้คุ้มกับค่าเหนื่อยที่ลงแรงไปแต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าจะทานมื้อเที่ยงด้วยกันก่อน เพราะกลัวเด็กตัวเล็กที่สุดในกลุ่มจะปวดท้องเอาจนบอสหยิบปืนมายิงทิ้งรายคน โทษฐานที่ทำให้น้องน้อยต้องเป็นโรคกระเพาะ เพราะทานอาหารไม่ตรงเวลาดังนั้นแล้วตอนนี้เอวาจึงถูกห้อมล้อมด้วยชายหนุ่มรูปงามถึง 4 คน ซึ่งแต่ละคนพากันเอาอกเอาใจ อยากกินอะไรก็
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา