Baron Part
ย้อนกลับไปคืนก่อนหน้า.....
“คือ.....” โรมีโอพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ ทำให้บารอนเลิกคิ้วมอง ก่อนที่ผู้ช่วยคนสนิทของไมเคิลจะถอนหายใจ แล้วเอ่ยออกมาแผ่วเบา
“บอส... ไม่อยากให้คุณเข้าใกล้คุณหนูอีกครับ....”
“......” บารอนนั่งฟังนิ่งๆ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
“ผม... คงไม่อาจให้คุณเข้าใกล้คุณหนูได้อีก....”
“......”
“ขอโทษด้วยครับ” โรมีโอพูดพร้อมกับก้มหน้าลงต่ำ ก่อนจะยืดตัวขึ้นอีกครั้ง มองจ้องคนตรงข้ามที่ยังคงนิ่งเฉย
“หึ.....” บารอนยกยิ้มมุมปาก หลังจากนั้นก็ยกมือขึ้นปิดปากกลั้วหัวเราะอย่างคนทนไม่ไหว เปล่งเสียงหัวเราะออกมาดังก้องไปทั่วห้องนั่งเล่นในยามค่ำคืน
“หึหึ ฮ่าฮ่า” บารอนส่ายศีรษะไปมาขณะที่ไหล่ยังคงสั่นไหว โรมีโอมองท่าทีนั้นเงียบๆ จนกระทั่งเสียงหัวเราะนั้นเบาบางลงจนกลายเป็นเงียบสนิท บารอนนั่งจ้องโรมีโอไม่ละสายตา เอ่ยปากเสียงเนิบช้า
“เอวาที่น่าสงสาร..... ดอกลิลลี่สีขาวที่เบ่งบานท่ามกลางกุหลาบสีเลือด.....” โรมีโอคิ้วกระตุกเข้าหากันเมื่อได้ยินคำเปรียบเปรยนั้น ก่อนจะยกยิ้มบาง แล้วเอ่ยแก้ไข
“คุณหนูเป็นดอกเบญจมาศสีขาวที่น่ารักน่าชังต่างหากครับ” บารอนเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะเอ่ยปากตอบรับกลับไป
“งั้นรึ.....” สิ้นคำพูดนั้นทั้งคู่ก็ตกอยู่ในความเงียบอีกหน
“ไมค์อยู่ที่ไหน? ฉันจะไปคุยกับเขาเอง”
“ตอนนี้บอสไม่ต้องการพบใครครับ ต้องขอโทษด้วย”
“ไม่อยากพบใคร หรือหลบหน้าฉันกันแน่” บารอนพูดด้วยน้ำเสียงดูแคลนขึ้นจมูก โรมีโอไม่สนใจท่าทีนั้น ย้ำคำหนักแน่น
“บอสไม่มีความจำเป็นต้องหลบหน้าคุณครับ คุณเองก็น่าจะรู้ดี” คำพูดนั้นของโรมีโอทำให้บารอนถึงกับสะอึก เพราะใช่ มันควรจะเป็นเขามากกว่าที่เป็นฝ่ายหลบหน้าหลังจากเกิดเรื่องราวครั้งนั้นขึ้น บารอนหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาใหม่พร้อมๆ กับการผุดตัวลุกขึ้นจากโซฟาเอ่ยปากไปพลาง
“เอาล่ะ นายไม่บอกก็ไม่เป็นไรโรม ฉันมีวิธีของฉัน” บารอนพูดพร้อมกับก้าวเท้าออกจากคฤหาสน์หลังงาม มุ่งตรงไปที่รถของตนเอง แล้วขับออกจากบ้านหลังนั้น โดยมีใครบางคนมองตามจนลับสายตา
บารอนมุ่งตรงมาที่บ้านของตนเอง เดินเข้าไปหาใครบางคนถึงห้องนอน ไม่สนว่าตอนนี้จะเป็นเวลากี่โมงกี่ยาม ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป บุคคลภายในห้องก็ตวัดสายตามองทันที เอ่ยตำหนิเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่บุกรุกห้องนอนของตนในยามวิกาล
“ไร้มารยาท”
“จะบอกว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนรึเปล่าล่ะ?” บารอนย้อนถามกลับไปพร้อมยืนกอดอกพิงกรอบประตูห้อง
“หึ พ่อแม่มันสั่งสอน แต่ลูกโง่อย่างแกมันไม่จำ” บารอนยักไหล่ส่งให้อย่างไม่ใส่ใจ เอ่ยปากเข้าเรื่องของตนเองในทันที
“ผมต้องใช้คน” คนฟังที่เอนกายอยู่บนเตียงใหญ่เหลือบตามองเพียงชั่วครู่ แล้วก้มลงอ่านเอกสารในมือต่อเช่นเดิมพร้อมเอ่ยปากตอบกลับไป
“แกจะได้ก็ต่อเมื่อเซ็นรับตำแหน่งประธาน”
“อืม เอามาเลย” คำพูดนั้นทำให้คนฟังถึงกับชะงัก เงยหน้าขึ้นมองพร้อมหรี่ตา ครุ่นคิดกับตัวเองเพียงเงียบๆ ก่อนจะแสยะยิ้มมุมปาก
“หึ ไอ้เด็กนั่นทำให้แกเป็นได้ถึงขนาดนี้เชียว..... น่าประทับใจ” แม้จะพูดจาแดกดัน แต่กายสูงใหญ่ที่ภูมิฐานของคนเป็นพ่อก็ยังหยัดกายขึ้นยืน เดินมุ่งตรงไปที่ห้องทำงานซึ่งอยู่ข้างกัน ทำให้บารอนถอนหายใจแล้วเดินตามไปติดๆ
บาร็อคค้นหาเอกสารเพียงชั่วครู่ แล้วจึงวางลงบนโต๊ะ โดยที่มีบุตรชายของตนยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ในมือถือตราประทับประจำตระกูลเอาไว้หมุนเล่นไปมา
“ได้อำนาจไปใช่ว่าไอ้เด็กนั่นจะยอมให้เข้าใกล้น้องชายมัน หึ มันเลี้ยงไว้กินเองไม่รู้รึไง” ชายสูงวัยกว่าพูดพร้อมวางปากกาเอาไว้ให้ บารอนกลอกตามอง ก่อนจะหยิบปากนั้นขึ้นมาถือไว้ในมือ เอ่ยตอบกลับไปพลาง
“แย่งมามันสนุกกว่านี่” บารอนผุดยิ้มพรายบนริมฝีปาก ขณะจรดปลายปากกาลงนามด้วยลายมือสวยงามตวัดลากเส้นอย่างช่ำชองเป็นชื่อของตนเอง
“สักวันแกจะแพ้ภัยตัวเอง” บาร็อคพูดอย่างไม่ใส่ใจ รับเอาเอกสารคืนมาแล้วส่งตรงประทับประจำตระกูลไปให้
“ทุกสิ่งที่เป็นของฉัน แกจะได้มันไปครอง พรุ่งนี้ฉันจะแจ้งในที่ประชุมและแกต้องเข้าร่วม ส่วนเรื่องไอ้เด็กสองพี่น้องนั่น จัดการเอาเองไม่เกี่ยวกับฉัน”
“โอเค แค่นี้ใช่ไหม”
“ใช่” บาร็อคพูดขณะที่มองบุตรชายของตนหมุนกายหันหลัง เตรียมที่จะออกจากห้องไป ในตอนที่ประตูกำลังเปิดออกกว้าง บาร็อคก็ร้องเรียกเอาก่อนที่ร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้ามจะออกจากห้องไป
“บารอน” เจ้าของชื่อหยุดชะงัก หันมามองเพียงเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่ายังคงหยุดเดินเพื่อยืนฟัง
“ไม่ว่าอย่างไรแกก็ห้ามตาย..... ห้ามเป็นศพให้ฉันเห็น......” บารอนยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป
“หึ ไม่มีวัน” บารอนพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะปิดประตูลงในที่สุด ก้มมองตราประทับในมือ กำมันเอาไว้แน่น และในวันนั้นเขาก็เรียกใช้ ‘คน’ ในทันที
ทั้งสายลับและสายสืบ ทุกเส้นสายที่มี ถูกส่งออกไปปฏิบัติหน้าที่ เฟ้นหาตัวสุนัขรับใช้ของราชินีที่ห่างหายไปถึงสองเดือน บุคคลเดียวที่เข้าถึงได้มีเพียงผู้ช่วยคนสนิท ทำให้บารอนพุ่งเป้าไปที่โรมีโอเป็นหลัก และเพียงแค่วันเดียวก็รู้ผล.....
ตอนนี้บารอนกำลังอยู่ในชุดสูทเป็นทางการนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะของห้องประชุมขนาดใหญ่ ที่ด้านข้างเป็นบิดาของตนที่กำลังพูดเรื่องการขึ้นรับตำแหน่ง จนสุดท้ายก็หันมาหาและบอกให้กล่าวอะไรกับคณะกรรมการสักเล็กน้อย ทำให้บารอนลุกขึ้นยืน ยิ่งเสริมสร้างความภูมิฐานและแผ่อำนาจกดดันได้มากขึ้น
ดวงตาคมกล้าไล่กวาดมองคณะกรรมการแต่ละคนจนคนที่ได้สบตาพากันหันหน้าหลบไม่กล้าสบตาเท่าไหร่นัก บารอนยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ยปากด้วยเสียงก้องกังวานไปทั่วห้อง
“ผมหวังว่าพวกคุณจะรับวิธีการทำงานของผมได้... หากใครรับไม่ได้ก็เดินออกไปซะตั้งแต่ตอนนี้ และหากผมจับได้ว่าใครโกงกิน..... ผมจะไม่ปล่อยเอาไว้แน่ ขอบคุณครับ” เหล่าคณะกรรมการต่างมีสีหน้าไม่สู้ดี ต่างจากบาร็อคที่ดูท่าจะชอบใจกับการออกตัวแรงของบุตรชายเป็นอย่างมาก
หลังจากออกจากห้องประชุม บารอนก็มุ่งตรงไปสถานที่แห่งหนึ่งในทันที มันเป็นสถานที่ๆ เอวาเคยมาพักรักษาตัวอยู่ในช่วงก่อนหน้าที่เขาไม่ได้มาเยี่ยมเลยแม้แต่น้อย ใครจะรู้ว่าสองพี่น้องอยู่ห่างกันแค่กำแพงกั้นแค่นี้
บารอนเดินไปตามทางของโรงพยาบาลบนชั้นสูงสุดของตึกซึ่งเป็นห้อง VIP เดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสุดทาง บอดี้การ์ดสองคนยกมือขึ้นกันประตูไว้ บ่งบอกว่าไม่ยินยอมให้เข้าไปข้างใน คนที่ติดตามมาของบารอนเองก็ยกปืนขึ้นเล็งในทันทีและนั่นทำให้คนที่ทำหน้าที่เฝ้าหน้าประตูต้องเล็งปืนไปทางอีกฝ่าย กลายเป็นบอดี้การ์ดของทั้งคู่กำลังยกปืนขึ้นประจันหน้ากันและกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
บารอนยกมือขึ้นเล็กน้อยเชิงบ่งบอกให้ลดปืนลง กำลังจะเอื้อมมือเปิดประตู แต่ก็ต้องชะงักเมื่อคนหลังบานประตูเป็นฝ่ายเปิดออกมาแทน โรมีโอมองคนที่ยืนอยู่ตรงข้าม ก่อนจะเผยมือเชื้อเชิญพร้อมเอ่ยถ้อยคำ
“บอสรอคุณอยู่ครับ” บารอนแสดงสีหน้าสงสัยออกมาเพียงชั่วครู่ ก่อนที่มันจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว เดินเข้าไปนั่งที่ด้านข้างของเตียงผู้ป่วย เอ่ยปากถามไปพลาง
“ไม่คิดว่านายจะอยู่สภาพนี้” ไมเคิลยกมือขึ้นดู พลิกไปมาอย่างสนใจแล้วเอ่ยตอบเสียงนิ่ง
“ก็แค่ชดใช้.....”
“เอวาคงไม่ดีใจสักเท่าไหร่”
“ไม่เกี่ยวกับนาย....” ไมเคิลพูดด้วยเสียงเย็นชา ต่างจากโรมีโอที่เอ่ยแทรกขึ้น
“ผมเคยพูดไปแล้วครับ”
“โรม....” ไมเคิลเอ่ยเสียงกดต่ำ ทำให้โรมีโอกลอกตา แล้วจึงนั่งเงียบตามเดิม
“รู้ได้ยังไงว่าฉันจะมา” บารอนเอ่ยถามอย่างสนใจ ไมเคิลเหลือบตามองเล็กน้อยเอ่ยตอบเสียงเนิบช้าอยู่ในที
“น้ำหนัก.....” บารอนเท้าแขนลงกับเตียงของไมเคิล เอ่ยด้วยเสียงยั่วเย้า
“นั่นสินะ ก็นายเคยอุ้มมาแล้วนี่” ไมเคิลปรายตามองด้วยความเย็นชา ทำให้บารอนเผยรอยยิ้มออกมาพร้อมการหัวเราะเบาๆ ในลำคอ
“หึหึ เอาไว้ฉันจะไปฝึกบ้าง แต่คงเป็นการอุ้มเด็กตัวเล็กคนนั้นนั่นละนะ” เพียงแค่ได้ยิน ใบหน้าของไมเคิลก็เหี้ยมเกรียมดุดัน มองจ้องเขม็ง ความกดดันเริ่มแผ่ขยายออกไปทั่วห้องจนน่าอึดอัด ต่างจากบารอนที่ยังอยู่ในท่าทีสบายๆ
“อยู่ให้ห่างจากเอวาซะบารอน... ไม่งั้นตระกูลของนายจะเหลือแต่ชื่อไว้ให้จำ.....” ไมเคิลพูดเสียงเหี้ยมลอดไรฟัน บารอนเลิกคิ้วขึ้นอย่าสนอกสนใจ
“น่ากลัวจริงนะ คุณสุนัขรับใช้ราชินี จะยืมมือพระนางหรือยังไงกันนะ” บารอนพูดพร้อมเอียงคอมอง ยิ่งเห็นไมเคิลกำมือแน่นจนเลือดไหลซึมก็ยิ่งชอบอกชอบใจ ก่อนที่จะปรับท่าทางใหม่ เอ่ยปากเป็นการเป็นงานมากขึ้น
“กลับบ้านซะไมเคิล เอวารอนายอยู่”
“ไม่ใช่เรื่องของนาย...... บาร์ค”
“ไม่ละ มันคือเรื่องของฉัน ก็นะ คนรักของฉันร้องไห้ทุกวัน คร่ำครวญหาแต่คนที่หายหัวไปจนน่ารำคาญ” ไมเคิลมองคนพูดด้วยสายตาเย็นชา แล้วจึงตอบกลับไปอีกครั้งด้วยประโยคเดิม
“ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย..... ไม่ใช่เรื่องของนายบารอน..... ไสหัวไปซะ.....”
“บอกแล้วไง ว่ามันคือเรื่องของฉัน” บารอนพูดพร้อมกับยักไหล่ โยนของบางสิ่งไปบนตักของไมเคิล
“เด็กนั่นกำลังจะตาย.... กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ดูเอาเองแล้วกัน ว่านายทำอะไรลงไป” บารอนพูดขึ้นพร้อมกับลุกจากเก้าอี้ตัวเล็กข้างเตียง เดินมุ่งตรงไปที่ประตูห้อง โดยมีสายตาของโรมีโอมองจ้องไม่ละสายตา
“อ้อ ฉันจะบอกอะไรให้นะ เอวาน่ะ นายรักเขามากใช่ไหมไมเคิล.....” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับหมุนตัวกลับมา แสยะยิ้มส่งให้
“ฉันจะแย่งเขามาจากนายเอง หึหึ” บารอนพูดจบก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ไมเคิลนั่งกำมืออยู่บนเตียงผู้ป่วยมองจ้องไม่ละสายตา ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันมาสนใจกับสิ่งที่บารอนทิ้งเอาไว้ให้ ถึงได้เห็นว่าเป็นภาพของคนตัวเล็กที่เอาแต่นั่งเหม่อในอิริยาบถต่างๆ ซึ่งมีความแตกต่างกันทั้งเวลา สถานที่ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือดวงตาแดงช้ำที่พร้อมจะร่ำไห้ตลอดเวลา และจำนวนภาพของมันมีมากกว่า 50 ภาพ แต่ละภาพนั้นระบุวันที่เอาไว้อย่างชัดเจน จนเริ่มมองเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของเด็กน้อย ทำให้ไมเคิลเอ่ยปากสั่งการในทันที
“โรม....”
“ครับ”
“เก็บของ... ฉันจะกลับบ้าน.....” คนที่ได้รับคำสั่งเผยรอยยิ้มกว้าง ตอบรับด้วยความเต็มใจ
“ครับ บอส”
.
.
.
Michael Part
ชีวิตของไมเคิลในตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นปกติสุข ราชินีไม่ได้เรียกใช้ งานที่ทำอยู่ในตอนนี้คืองานบริษัททั่วไปที่ไม่ยุ่งยากเท่าไหร่นัก แถมยังมีโรมีโอและระดับ S ทั้ง 8 คอยเป็นมือเป็นเท้าในการทำงาน ส่วนซีนอนนั้นไมเคิลได้ส่งไปทำศัลยกรรมใบหน้าที่ต่างประเทศ จึงยังไม่สามารถรับงานได้ในเร็วๆ นี้
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ชายหนุ่มหนักใจ นั่นก็คืออาการของน้องน้อยยอดดวงใจ ที่นั่งเหม่ออยู่บ่อยครั้ง ถอนหายใจวันละหลายหน ท่าทางหงอยเหงาเศร้าซึม และไมเคิลเองก็พอจะรับรู้ถึงสาเหตุนั้น เพียงแต่ไม่ยอมเอ่ยปากถามเพื่อเป็นการเปิดช่องทางให้กับน้องน้อย
“เฮ้อ.....” ไมเคิลเหลือบตามองคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ซึ่งถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ในช่วงเวลาพักเบรกในการทำงานของวัน ตรงหน้าของเอวามีน้ำชาและขนมที่โรมีโอเตรียมมาให้เต็มไปหมด เอาใจเด็กน้อยโดยเฉพาะ หากแต่เอวาไม่แตะต้องมันแม้แต่น้อย จนทำให้ไมเคิลอดที่จะหยอกเย้าไม่ได้
“ขนมไม่อร่อยหรอคะ” เอวาหันหน้ามาหา เม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น ก่อนจะส่ายหน้าไปมาเชิงปฏิเสธ
“แล้วทำไมถึงไม่ทาน? สงสัยว่าพี่คงต้องทำอะไรสักอย่างกับปาตีซีเยซะแล้ว” ไมเคิลพูดพร้อมกับขยับเปลี่ยนท่า นั่งไขว่ห้าง วางมือประสานบทตัก พูดกับเอวาด้วยรอยยิ้ม
“หนู..... หนูแค่ไม่อยากทาน....” เอวาตอบอ้อมแอ้มกลับมา ทำให้ไมเคิลเลิกคิ้วขึ้นมอง
“ไม่สบายรึเปล่าคะ มาหาพี่หน่อยสิคะ” ไมเคิลพูดพร้อมอ้าแขนออกกว้าง เอวากระโดดลงจากเก้าอี้ของตนเอง เดินเตาะแตะเข้าไปหาคนเป็นพี่ ทันทีที่อยู่ในระยะเอื้อมถึง ไมเคิลก็รวบคนตัวเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมแขน ก้มหน้าลงต่ำจนหน้าผากแนบชิดติดกัน
“อื้มมม ไม่มีไข้” พูดพึมพำพร้อมกับการกดจูบที่ขมับเด็กน้อยอย่างแสนรัก ลอบสูดดมกลิ่นหอมของผิวกายนุ่มนิ่มจากคนในอ้อมแขน ถูไถจมูกไปมา ปัดไล้ข้างแก้มของเด็กน้อย
“หนู.... หนูคิดถึงบาร์คจ๋า.....”
“ตัวเล็กคะ ตัวเล็กก็รู้นี่คะว่าพี่บอกไว้ว่ายังไง”
“ห้ามไม่ให้หนูพูดเรื่องบาร์คจ๋าอีก..... แต่พี่จ๋า.... บาร์คจ๋าเป็นคนรักของหนู” เอวาพูดพร้อมกับขยุ้มเสื้อบริเวณอกของไมเคิล ช้อนสายตาขึ้นมองอย่างเว้าวอน ต่างจากไมเคิลที่มองตอบกลับมาด้วยแววตาเรียบนิ่งไร้ความรู้สึก
“ตัวเล็กป่วยค่ะ ตัวเล็กไม่ได้รักเขาจริงๆ หรอก” ไมเคิลพูดพร้อมส่ายหน้าช้าๆ เอวาเอ่ยท้วงในทันที
“ไม่ใช่นะ! หนูรักบาร์คจ๋าจริงๆ!” พูดจบเด็กน้อยก็เม้มปากแน่น
“พี่ถามจริงๆ นะคะตัวเล็ก เราจะรักคนที่ข่มขืนเราได้จริงๆ หรอ”
“หนะ หนู....” ไมเคิลมองดูท่าทีนั้น ยกมือขึ้นเกลี่ยผิวแก้มของเด็กน้อยไปพลาง
“ทั้งที่พี่ทะนุถนอมขนาดนี้ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ไม่เคยขัดใจอยากได้อะไรพี่หามาให้ตลอด พี่ให้ทั้งอำนาจ เงินตรา และความรัก ทำไมตัวเล็กถึงยังต้องการความรักจากมันมากกว่าพี่..... ทำไมถึงยังต้องการคนที่ทำร้ายตัวเองได้ลง.....”
“หนู.... หนู....” ในคราวนี้เป็นเอวาที่ไร้ซึ่งคำตอบ ดวงตากลมโตมองสบกับดวงตาสีเฮเซลนัทสีทองเรืองรอง ความไม่แน่ใจปรากฏขึ้นภายในดวงตาสีฟ้าสดใสของเอวา ก่อนที่ดวงตานั้นจะแสดงถึงความเด็ดเดี่ยว ตัดสินใจแน่วแน่ เด็กน้อยก็เอ่ยปากตอบกลับไป
“เพราะว่าหนู-”
“บอสครับ” คำพูดของเอวาถูกขัดจังหวะโดยคนที่มาใหม่ ทำให้ต้องหันไปมองเช่นเดียวกันกับไมเคิล โรมีโอขยับเดินเข้ามาใกล้ ภายในมือมีเอกสารมาสองฉบับซึ่งมีหน้าตาเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน ต่างกันตรงที่ชื่อที่ระบุบนหน้าซองเท่านั้น
โรมีโอที่ขยับเดินเข้ามาใกล้ชะงักไปเมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนก็ยืนอยู่ด้วย เพราะมองมาจากทางด้านหลังและถูกบอสของตนกกกอดเอาไว้ ทำให้เอวาจมหายไปภายใต้ร่างแกร่งเสียจนมิด โรมีโอจึงไม่ทันระวัง เดินเข้ามาหาเช่นนี้ ดังนั้นแล้วผู้ช่วยคนสนิทของไมเคิลจึงต้องจำใจ ยื่นส่งเอกสารทั้งสองฉบับส่งให้กับนายของตน
“จดหมายเชิญครับ” ไมเคิลรับมันมาถือไว้ในมือ บนหน้าซองจดหมายระบุชื่อของไมเคิลและเอวาไว้อย่างชัดเจน ด้วยตัวหนังสือตัวเขียนภาษาอังกฤษปั๊มนูนสีทองสอดรับเข้ากันกับจดหมายสีเงินเรียบหรู ตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลๆ หนึ่งถูกปั๊มลงด้วยเทียนไขสีทองเป็นประกายเด่นชัด
“อันนั้นของหนู” เอวาพูดพร้อมกับเอื้อมมือหมายจะจับคว้า หากแต่ไมเคิลกลับขยับหนี ทำให้เอวากะพริบตาปริบๆ ด้วยความงุนงง
“ตัวเล็กไม่ต้องไปนะคะ พี่อยากให้ตัวเล็กพักผ่อน” เอวาทำหน้าสงสัยออกมา ทำให้ไมเคิลยกมือขึ้นจิ้มแก้มนุ่มอย่างหยอกเย้า
“ตัวเล็กของพี่น่ารักขนาดนี้ พี่ไม่อยากให้ใครเห็น พี่หวง.....” ทอดท้ายเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึก เอวาหัวเราะคิกคักส่งให้
“คิกๆ ถึงจะมีคนเห็น แต่เค้าไม่ได้ตัวหนูไปนี่น่า หนูจะอยู่กับพี่จ๋า” เด็กน้อยพูดพร้อมกับกอดหมับเข้าที่ลำตัวของคนเป็นพี่ ถูไถใบหน้าไปมาอย่างออดอ้อน
“จริงหรอคะ เมื่อกี้ยังบ่นถึงคนอื่นอยู่เลย” ไมเคิลแกล้งพูดพร้อมการสะบัดหน้าหันหนีไปอีกทาง แสดงอาการแง่งอนให้น้องน้อยหันมาง้อ ซึ่งนั่นทำให้เอวายิ้มกว้างมากกว่าเดิม ยกมือขึ้นตะปบสองแก้มของคนเป็นพี่ชาย ทำหน้ายู่ส่งให้แทน
“พี่จ๋ายังไม่แก่ซะหน่อย อย่าขี้น้อยใจเลยนะ หัวล้านไม่รู้ด้วย”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพี่ให้ทีมคิดสูตรยาปลูกผม”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าพี่จ๋าหัวล้านคงตลกน่าดูเลย” เอวาหัวเราะออกมาเต็มเสียง และนั่นทำให้ใครบางคนที่ยืนอยู่ด้วยหลุดหัวเราะออกมาเช่นกัน
“ฮะฮะ อุ้บ! แค่กๆ” โรมีโอที่โดนสายตาคมกล้าตวัดฉับมามองในทันทีที่หลุดเสียงหัวเราะ ทำให้ถึงกับสะอึกและไอโขลกออกมาในทันที ก่อนจะกระแอมไอ แกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไมเคิลจึงกลับไปสนใจน้องน้อยอีกหน และพูดคุยหยอกล้อกันไปมา
จวบจนกระทั่งหมดเวลาพักเบรก ชายหนุ่มจึงปล่อยให้เอวาได้ไปพักผ่อนในห้องของตนเอง นอกจากนี้แล้วยังส่งจดหมายเชิญนั้นให้กับโรมีโอ เอ่ยปากเสียงเย็น
“ของเอวาเผาทิ้ง..... ส่วนของฉันส่งของไปตามสมควร....”
“ครับ บอส” โรมีโอรับคำแล้วรับของมาถือไว้แทน ก้มหน้าลงมองจดหมายนั้นอีก
“จดหมายเชิญงั้นหรอ......” สิ่งที่อยู่ในมือของโรมีโอตอนนี้คือจดหมายเชิญเข้างานเลี้ยงสวมใส่หน้ากาก ซึ่งเป็นการฉลองการรับตำแหน่งของตระกูลบาลักซ์ คนที่ส่งจดหมายนี้มาไม่ใช่ใคร แต่เป็นบารอนที่ขึ้นกุมอำนาจของตระกูลแทนบิดาของตน ซึ่งงานนี้จะจัดขึ้นที่คฤหาสน์ของบาลักซ์ และงานจะมีขึ้นในอีก 3 วันข้างหน้า
ข้อมูลที่ได้รับมานั้นทำให้โรมีโอขมวดคิ้วหมุน ไม่แน่ใจว่าบารอนจะมาไม้ไหนกันแน่ ไม่รู้ว่าเป็นการเชื้อเชิญตามมารยาท หรือว่าต้องการให้ไปร่วมงานจริงๆ และอีกสิ่งที่เขาสงสัยนั่นก็คือทำไมถึงต้องแยกกันระหว่างเอวาและไมเคิล...... สิ่งนี้ทำให้หัวสมองของคนเป็นเลขาวิ่งเร็วจี๋เพื่อหาคำตอบ คาดเดาทิศทางที่จะเป็นไปได้ ในที่สุดความคิดก็ตกผลึก เคาะจดหมายเชิญกับมือของตนเบาๆ ก่อนจะก้าวเดินตามบอสของตนที่มุ่งหน้าไปที่ห้องทำงานในทันที
Romeo Partตอนนี้เอวากำลังนั่งอยู่บนตักของไมเคิลราวกับตัวเองเป็นหมีโคอาล่า สองมือน้อยๆ นั้นจับกุมชุดสูทของคนเป็นพี่ชายเอาไว้แน่น เงยหน้าขึ้นมองส่งสายตาอ้อนวอนไปให้“นะ พี่จ๋าให้หนูไปนะ” ไมเคิลมองตอบกลับมาด้วยความนิ่งเฉยภายใต้ดวงตาลุ่มลึกที่ขุ่นมัว ก่อนจะตวัดสายตาไปมองทางโรมีโอ ทำให้ผู้ช่วยคนสนิทรีบก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาคมกริบของผู้เป็นนาย เพราะไมเคิลได้รับบัตรเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองการรับตำแหน่งของบารอน เมื่อ 2 วันก่อน และชายหนุ่มก็มีคำสั่งลงไปแล้วว่าของเอวาให้เผาทิ้ง ส่วนของตัวเองให้จัดส่งของขวัญ แต่โรมีโอกลับทำงานพลาดโดยการวางบัตรเชิญไว้บนโต๊ะขณะที่ผละไปจัดเตรียมอาหารว่างให้นายทั้งสองคน จนทำให้เอวาได้พบการ์ดเชิญนั้นและหันมารบเร้าร้องขอกับไมเคิลอยู่ตลอดเวลาใช่ว่าชายหนุ่มจะไม่ชอบที่น้องน้อยมาออดอ้อนเอาใจ แต่จะดีกว่านี้มากหากเอวาทำเพราะต้องการอ้อนเขาจริงๆ ไม่ใช่มีจุดประสงค์แอบแฝงอย่างการได้พบหน้าบารอนสักครั้งหลังจากที่ห่างกันมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง“ไม่ค่ะ” และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ไมเคิลเอ่ยปากปฏิเสธเสียงหนักแน่น ทำให้เอวาทำแก้มพองลมหน้ายู่อย่างขัดใจ จนอดไม่ได้ที่จะตีลงบนอกแกร่งของคนเป็น
ไมเคิลพาเอวามุ่งตรงกลับบ้านในทันที เมื่อกลับมาถึงแล้วก็อุ้มน้องน้อยขึ้นไปนอนภายในห้องควีน จัดการเปลี่ยนชุดและเช็ดตัวให้เด็กน้อยอย่างเบามือ ดวงตาคมกล้าวาวโรจน์ขึ้นอีกครั้งเมื่อพบรอยรักสีกุหลาบที่บารอนฝากไว้ปรากฏอยู่ประปรายบนลำคอขาวผ่องไมเคิลโน้มตัวลงไปใกล้ ประทับริมฝีปากซ้ำรอยนั้น แล้วดูดดุนอย่างรุนแรงจนเด็กน้อยครางอื้ออึงด้วยความเจ็บปวดนิดๆ เมื่อไมเคิลผละออกมาดูผลงาน ก็พบว่ารอยรักสีหวานที่ปรากฏขึ้นจางๆ บัดนี้กลับกลายเป็นสีแดงก่ำและห้อเลือดอย่างชัดเจนนั่นยิ่งทำให้ไมเคิลพึงพอใจเป็นอย่างมาก ไม่รอช้าที่จะประทับริมฝีปากลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าที่ใดที่มีรอยรักพาดผ่าน ริมฝีปากของไมเคิลก็ตามไปทับซ้ำรอย ราวกับจะลบเลื่อนตัวตนของคนๆ นั้น ออกไปจากร่างเล็กไมเคิลซุกไซร้ซอกคอขาว ยิ่งได้จุมพิต ยิ่งลุ่มหลง ยิ่งได้ดอมดม ยิ่งหลงใหล จากการกดจูบลบรอย กลับกลายเป็นการสร้างรอยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มลุ่มหลงมัวเมาอยู่ในห้วงอารมณ์ที่พัดโหมกระหน่ำ ยิ่งน้องน้อยส่งเสียงครางแผ่วในลำคออย่างขัดอกขัดใจ พลิกตัวหนีไปอีกทาง เปิดเผยแผ่นหลังขาวเนียนและกระดูกสันหลังที่เป็นแอ่งไล่ยาวลงมายิ่งทำให้คนมองรู้สึกคลุ้มคลั่งใ
“ตัวเล็กคะ....”“อื้อออ”“สายแล้วนะคะ ตื่นเร็ว” ไมเคิลพูดพร้อมยกยิ้มบางเบา ใช้นิ้วจิ้มแก้มขาวนุ่มนิ่มเบาๆ เอวาส่งเสียงครางแผ่ว แล้วจึงซุกหน้าลงกับตุ๊กตาเสือขาวอย่างต้องการหลีกหนีนิ้วมือแกร่งที่รบกวนการหลับใหล“หึหึ ตื่นเร็วค่ะ เดี๋ยวปวดท้องเอานะ” ไมเคิลพูดอีกครั้งพร้อมกับค่อยๆ ดึงเจ้าตุ๊กตาเสือขาวออกจากอ้อมกอดน้อยๆ ของคนตัวเล็ก ทำให้เอวต้องปรือตาขึ้นมอง สองมือน้อยๆ ยันกับที่นอนเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง ยกมือขยี้ตาไปมา เส้นผมสีดำขลับชี้ฟูไม่เป็นทรง“อย่าขยี้สิคะ” ไมเคิลร้องบอกก่อนจะใช้นิ้วโป้งเกลี่ยดวงตาให้ แล้วจึงขยับมือไปจัดทรงผมให้กับน้องน้อยด้วยความรักความเอ็นดู เอวากะพริบตาปริบๆ แล้วจึงปรับสายตาได้ เมื่อเห็นว่าเป็นใคร เด็กน้อยก็ส่งยิ้มหวาน อ้าแขนออกกว้าง ตั้งท่าจะโผเข้ากอด ร้องเรียกเสียงใส“พี่จ๋าาา”จึ้ก“เรายังมีเรื่องต้องคุยกันนะคะ” ไมเคิลใช้นิ้วชี้จิ้มลงที่หน้าผากของเด็กน้อยเอาไว้ เป็นการห้ามกลายๆ ไม่ให้เอวาเข้ามากอดได้ดั่งใจ เพียงได้ฟังเด็กน้อยก็ดวงตาเบิกกว้าง เริ่มนึกขึ้นมาได้บ้างแล้วตนเองทำอะไรลงไปบ้าง ไมเคิลส่งยิ้มหวานไปให้ แต่ภายในใจคนมองมันคือการแสยะยิ้มที่ส่งไป
“โรม.....”“......”“โรม.....”“......”“โรมีโอ!” ไมเคิลร้องเรียกชื่อเลขาคนสนิทเสียงดังเมื่อไม่ได้ยินถ้อยคำตอบรับจากอีกฝ่าย จากตอนแรกที่เป็นการเรียกธรรมดาๆ น้ำเสียงก็ค่อยๆ เข้มขึ้นแบบไต่ระดับ จนสุดท้ายความอดทนก็สิ้นสุดลงในครั้งที่ 3 นี้เอง จนทำให้ชายหนุ่มผู้มียศเป็นถึงลอร์ดต้องละปากกาในมือ เงยหน้าขึ้นมาด้วยท่าทีดุดัน“!!!” ไมเคิลถอนหายใจแล้วยกมือขึ้นคลึงนวดขมับของตนเองพลางส่ายศีรษะไปมา ถอนหายใจแล้วก้มลงทำงานของตัวเอง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไมเคิลเป็นแบบนี้......การทำงานในวันนี้ตลอดทั้งเช้าไมเคิลเป็นแบบนี้ไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง เมื่อร้องเรียกหาผู้ช่วยคนสนิทเมื่อต้องการเอกสาร สอบถามความเห็น หรือแม้กระทั่งต้องการเติมชา แต่ทุกครั้งจะจบลงที่ว่าภายในห้องทำงานของเขาไร้ร่างกายของผู้ช่วยหนุ่มที่คอยติดสอยห้อยตาม เพราะอาการบาดเจ็บที่ตนเป็นผู้กระทำ จนทำให้โรมีโอต้องนอนหลับพักผ่อนอยู่ที่บ้านถึงแม้ไมเคิลจะเป็นพวกเซ็กส์จัดและรักรุนแรงจนเข้าข่ายซาดิสม์ แต่ทุกครั้งอยู่ในระดับที่คู่นอนรับได้ ไม่ได้ถึงกับขนาดเลือดตกยางออกแบบนี้ แต่ที่ทำกับโรมีโอนั้นมันคือการลงโทษ ตามที่ได้บอกกับเจ้าตัวไปแล้ว และเพราะแบบนั้นท
Ava Partตอนนี้เอวากำลังหันซ้ายทีขวาทีพร้อมๆ กับการอ้าปากงับชิ้นเนื้อที่พวกพี่ๆ ผลัดกันป้อน เอวาตกอยู่กลางวงล้อมของชายหนุ่มหน้าตาดีทั้ง 4 คน จนกลายเป็นที่อิจฉาตาร้อนของคนที่เดินผ่าน คนที่เดินเข้าร้าน หรือแม้แต่พนักงานเสิร์ฟในวันนี้เอวาออกมาเที่ยวห้างกับพวกพี่ๆ ทั้ง 4 คนที่พึ่งกลับมาจากภารกิจของตัวเอง โดยที่แต่ละคนมีจุดหมายที่แตกต่างกัน อย่างโอเว่นนั้นตั้งใจไปดูอุปกรณ์ไอทีที่ออกมาใหม่เมื่อเร็วๆ นี้ ออสการ์ต้องการไปทำสปาผิวหลังจากที่กร่ำงานมาหลายสัปดาห์ เบลซนั้นอยากจะไปดูอุปกรณ์ออกกำลังกายเพิ่มเติมและจะไปหาซื้อของใช้ส่วนตัวด้วยอีกนิดหน่อย ส่วนซีนอนตั้งใจมาช็อปปิ้งโดยเฉพาะไม่ว่าจะเสื้อผ้าหน้าผม ซึ่งชายหนุ่มลั่นวาจาไว้แล้วว่าจะซื้อทุกอย่างที่อยากได้ให้คุ้มกับค่าเหนื่อยที่ลงแรงไปแต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าจะทานมื้อเที่ยงด้วยกันก่อน เพราะกลัวเด็กตัวเล็กที่สุดในกลุ่มจะปวดท้องเอาจนบอสหยิบปืนมายิงทิ้งรายคน โทษฐานที่ทำให้น้องน้อยต้องเป็นโรคกระเพาะ เพราะทานอาหารไม่ตรงเวลาดังนั้นแล้วตอนนี้เอวาจึงถูกห้อมล้อมด้วยชายหนุ่มรูปงามถึง 4 คน ซึ่งแต่ละคนพากันเอาอกเอาใจ อยากกินอะไรก็
Ava Partเอวาตื่นขึ้นอีกครั้งที่ห้องๆ หนึ่ง ห้องขนาดเล็กที่ปิดทึบทั้งสี่ด้าน มีเพียงเตียงนอนและประตูเท่านั้นเท่าที่เห็น ดวงตากลมโตกลอกกลิ้งไปมา ครางในลำคอเล็กน้อย ความเจ็บที่ข้อมือแล่นริ้วขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนต้องก้มลงมองดู“เป็นแผลเป็นแน่เลย....” เด็กน้อยเอ่ยปากพร้อมกับลูบรอยแผลที่ถูกเย็บเอาไว้อย่างหยาบๆ นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีก ไม่มีแม้แต่การทำแผลหรือพันผ้าปิดให้ ทำให้เด็กน้อยแสดงสีหน้ากังวลออกมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ตัว“ที่นี่.... ที่ไหน” คิ้วคู่งามขมวดเข้าหากันแน่น ดวงตากลมโตเริ่มเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใส เมื่อนึกถึงใครบางคนที่ทำให้ตนต้องมาอยู่ที่นี่ มาอยู่ในสภาพนี้เอวานั่งร่ำไห้เพียงลำพัง จนเมื่ออาการสะอื้นเริ่มจางไป เด็กน้อยก็ก้มลงมองสำรวจตัวเองหลังจากที่ตื่นมาในคราแรกไม่มีโอกาสได้ทำ สิ่งที่หายไปจากตัวนอกจากเครื่องมือสื่อสารและเครื่องประดับก็ไม่มีอะไรอื่นอีก เอวายังคงสวมใส่ชุดเอี๊ยมน่ารักสดใสชุดเดิม ถุงเท้าและรองเท้าผ้าใบเช่นเดิม เด็กน้อยขยับตัวเข้าไปนั่งชิดมุมห้อง นั่งรอเวลาอย่างเงียบๆเวลาไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้า จวบจนกระทั่งบานประตูถูกเปิดอ้าออก ใครบางคนก้าวเท้าเข้ามาใกล้
Romeo Partตอนนี้โรมีโอกำลังยืนอยู่ด้านนอกตามคำสั่งของบอสใหญ่ โดยกำหนดให้แบ่งคนออกเป็น 3 ทีม ทีมแรกจะเข้าไปปิดล้อมตึก ทีมที่สองจะบุกเข้าไปค้นหาคุณหนูของบ้าน และทีมที่สามจะปิดล้อมที่วงนอกสุดอีกชั้นหนึ่งเพื่อป้องกันความผิดพลาดปัง! ปัง! ปัง!โรมีโอรัวไกปืนในมืออย่างไม่ลังเล มองจ้องชาย 3 คนที่เซล้มลงบนพื้น ตัวกระตุกเล็กน้อยแล้วแน่นิ่งไป บอสของเขาวางแผนมาดี เมื่ออีกฝ่ายส่งคนมาปิดล้อมจริงๆ และนั่นทำให้โรมีโอต้องหันมาจัดการกับคนโดยรอบนี้ก่อน ในขณะเดียวกันนั้นหูก็ยังคงได้ยินเสียงจากเครื่องดักฟังที่ติดตามตัวของบอสใหญ่ไป เรื่องราวที่ได้ฟังทำให้โรมีโอถึงกับขมวดคิ้วแน่น[เอวาอยู่ที่ไหน.....][ในตึกนี้แหละ หาสิ หึหึ][......][รีบหน่อยนะ ก่อนที่มันจะหมดโอกาส]ทำไมถึงต้องรีบ? ก่อนที่จะหมดโอกาส? ภายในหัวสมองของผู้ช่วยหนุ่มหมุนเร็วจี๋ นึกแค้นใจที่ไม่ได้อยู่หน้าจอมอนิเตอร์ คนที่มองเห็นภาพเหตุการณ์ต่างๆ ได้มีเพียงแค่โอเว่นคนเดียวเท่านั้นโรมีโอเดินมุ่งตรงมาที่หน้าตึก ระหว่างทางก็ยิงปืนปามีดคร่าชีวิตไปหลายสิบคน แต่ใบหน้านั้นกลับไม่มีความเกรงกลัวหรือแยแสใดๆ ยังคงครุ่นคิด คิดไม่ตกกับถ้อยคำนั้น ในขณะที่ไม
Michael Part“อือ......” เสียงครางแหบพร่าดังขึ้นจากในลำคอของชายหนุ่ม ทำให้โรมีโอที่นั่งทำงานอยู่ตรงโซฟาเงยหน้าขึ้นมองในทันที เห็นบอสของตนแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา คิ้วขมวดหมุน ด้วยความเป็นห่วง จึงถอดแว่นออกวางลงบนโต๊ะ แล้วขยับเดินเข้ามาดูใกล้ๆ เห็นเปลือกตาของคนเป็นนายขยับไปมาคล้ายว่าจะตื่นขึ้นในไม่ช้า ทำให้โรมีโอมองจ้องด้วยใจจดใจจ่อ“อึก เอวา....” เสียงเรียกแหบพร่าแต่ทำให้คนมองเผยรอยยิ้มกว้างด้วยความโล่งใจเพราะไมเคิลไม่ได้อยู่ใกล้กับจุดระเบิด แต่ก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย แรงระเบิดนั้นอัดกระแทกร่างจนกระเด็นทะลุหน้าต่างออกมาที่ด้านนอก กระแทกเข้ากับต้นไม้และหมดสติลง ดังนั้นแล้วบาดแผลตามตัวถือว่าไม่ร้ายแรงเท่าไหร่นักถ้าเทียบกับบาดแผลจากการต่อสู้ครั้งที่ผ่านๆ มา เพียงแต่ครั้งนี้ถึงกับหมดสติ จึงใช้เวลาหนึ่งวันเต็มในการฟื้นตื่นขึ้นจากนิทราโรมีโอกุลีกุจ่อหันไปเทน้ำและเสียบหลอดใส่แก้วอย่างว่องไว ปรับเตียงของเจ้านายให้เอนขึ้นเล็กน้อย ขยับเข้าไปใกล้พร้อมร้องเรียก“บอสครับ ดื่มน้ำก่อนครับ” ไมเคิลยอมดื่มน้ำอย่างว่าง่าย เพราะยังคงมึนงงจากการนอนหลับเป็นระยะเวลายาวนาน หลังจากที่ความชุ่มฉ่ำไหลผ่านลงคอไปแล
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา