Romeo Part
ตอนนี้โรมีโอกำลังยืนอยู่ด้านนอกตามคำสั่งของบอสใหญ่ โดยกำหนดให้แบ่งคนออกเป็น 3 ทีม ทีมแรกจะเข้าไปปิดล้อมตึก ทีมที่สองจะบุกเข้าไปค้นหาคุณหนูของบ้าน และทีมที่สามจะปิดล้อมที่วงนอกสุดอีกชั้นหนึ่งเพื่อป้องกันความผิดพลาด
ปัง! ปัง! ปัง!
โรมีโอรัวไกปืนในมืออย่างไม่ลังเล มองจ้องชาย 3 คนที่เซล้มลงบนพื้น ตัวกระตุกเล็กน้อยแล้วแน่นิ่งไป บอสของเขาวางแผนมาดี เมื่ออีกฝ่ายส่งคนมาปิดล้อมจริงๆ และนั่นทำให้โรมีโอต้องหันมาจัดการกับคนโดยรอบนี้ก่อน ในขณะเดียวกันนั้นหูก็ยังคงได้ยินเสียงจากเครื่องดักฟังที่ติดตามตัวของบอสใหญ่ไป เรื่องราวที่ได้ฟังทำให้โรมีโอถึงกับขมวดคิ้วแน่น
[เอวาอยู่ที่ไหน.....]
[ในตึกนี้แหละ หาสิ หึหึ]
[......]
[รีบหน่อยนะ ก่อนที่มันจะหมดโอกาส]
ทำไมถึงต้องรีบ? ก่อนที่จะหมดโอกาส? ภายในหัวสมองของผู้ช่วยหนุ่มหมุนเร็วจี๋ นึกแค้นใจที่ไม่ได้อยู่หน้าจอมอนิเตอร์ คนที่มองเห็นภาพเหตุการณ์ต่างๆ ได้มีเพียงแค่โอเว่นคนเดียวเท่านั้น
โรมีโอเดินมุ่งตรงมาที่หน้าตึก ระหว่างทางก็ยิงปืนปามีดคร่าชีวิตไปหลายสิบคน แต่ใบหน้านั้นกลับไม่มีความเกรงกลัวหรือแยแสใดๆ ยังคงครุ่นคิด คิดไม่ตกกับถ้อยคำนั้น ในขณะที่ไมเคิลพูดคุยกับบอสฝ่ายตรงข้าม
จนกระทั่งโรมีโอมาหยุดอยู่ที่หน้าตึก ใครบางคนก็พุ่งทะลุหน้าต่างออกมา แต่จากการดักฟังเมื่อครู่ไม่ต้องมองดูก็รู้ว่าเป็นใคร ดังนั้นแล้วชายหนุ่มจึงยกปืนขึ้นเล็งและลั่นไกอย่างไม่ลังเลในทันที เมื่อผู้ช่วยคนสนิทเปิดฉาก คนอื่นๆ ก็ระดมยิงตามเช่นกัน เสียงของเฮลิคอปเตอร์ดังขึ้นที่ด้านบน พร้อมกับใครบางคนที่โผล่หน้ามายกนิ้วโป้งให้กับภารกิจของตนซึ่งก็คือโคลด์นั่นเอง โรมีโอเผยรอยยิ้มมุมปาก เสยเส้นผมที่ปรกหน้าขึ้นเล็กน้อยเชิงขอบคุณ
แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องหันกลับมาที่ทิศทางเดิม เมื่อได้ยินเสียงสบถดังลั่นของบอสตนเอง อย่างที่ยากนักจะได้ยิน
[เวรเอ๊ย!! เอวา!! ]
ตู้ม!!! ตู้ม!!! ตู้ม!!!
โครม!!!
ยังไม่ทันได้จับใจความ เสียงระเบิดก็ดังกึกก้องสะท้านฟ้า เปลวไฟสีแดงพวยพุ่งโชติช่วงท่ามกลางความมืดมิด ตึกอาคารทั้งหลังพังลงภายในพริบตา โรมีโอได้แต่ยืนนิ่งค้าง เลือดในกายเย็นวาบดุจภูเขาน้ำแข็ง ใบหน้าซีดจางไร้สีเลือด มองจ้องภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง
“คะ คุณหนู......” ชายหนุ่มเอ่ยปากด้วยเสียงแหบพร่า แทบฟังไม่ได้ศัพท์ ก่อนที่จะระเบิดเสียงร้องดังลั่น พร้อมกับการถลันพาร่างของตนมุ่งตรงเข้าไปในเปลวเพลิงอย่างไม่คิดชีวิต
“คุณหนู!!!” โรมีโอดิ้นรนขัดขืน เมื่อกลุ่มบอดี้การ์ดต่างพากันเข้ามาจับล็อกตัว ไม่ให้ให้เข้าหากองไฟที่กำลังลุกท่วม
“ปล่อย! ปล่อย!! คุณหนูอยู่ในนั้น!! ปล่อยผม!!” โรมีโอพยายามตะเกียกตะกายมุ่งหน้าเข้าหากองไฟ ไม่ได้รับรู้เลยสักนิดว่าที่ด้านหลังของตนนั้นมีใครบางคนก้าวอาดๆ เข้ามาหา พร้อมกับยกมือฟาดลงที่ใบหน้าของโรมีโออย่างแรง
“สติโรมีโอ!!” ใบหน้าของโรมีโอพลันมืดครึ้ม ตวัดสายตาหันกลับมามองจ้องคนมาใหม่อย่างดุดัน ดวงตาสีฟ้าที่เปล่งประกายล้ำลึกและกระจ่างใสอยู่เป็นนิจ มาบัดนี้กลับคมกล้าดุจราชสีห์ที่จ้องมองศัตรู
“สติงั้นหรอ...... คุณหนูอยู่ในนั้น! ภายใต้ซากอาคารนั้น! จะให้ผมใจเย็นได้ยังไง!!!” โรมีโอระเบิดอารมณ์ออกมาเสียงดังลั่น ผลักอกคนตรงข้ามอย่างเอาเรื่อง หากแต่อีกฝ่ายไม่ถือสา พยายามใช้เหตุและผลอธิบาย
“สิ่งที่คุณต้องทำตอนนี้คือควบคุมเพลิงไว้ให้ได้! แล้วถึงจะเข้าไปได้! ไม่ใช่ทะเล่อทะล่าเข้าไปแบบนี้!”
“แล้วแบบนั้นผมจะช่วยชีวิตคุณหนูได้ยังไง!! ผมจะช่วยเอวาได้ยังไง!!” โรมีโอในตอนนี้เรียกได้ว่าคลุ้มคลั่ง เหตุและผลใดล้วนไม่สำคัญในตอนนี้ สิ่งที่ปรากฏในความคิดคือเด็กน้อยตัวเล็กที่บอบบาง บัดนี้ตกอยู่ภายใต้เศษซากอาคาร ไม่รู้เป็นรู้ตายยิ่งทำให้ใจร้อนรนร้อยเท่าพันทวี
“.....”
แกร๊ก!
“อย่ามาขวางทางผมกันนาร์ แม้องครักษ์ราชินี ผมก็ปลิดชีวิตคุณได้” โรมีโอยกปืนขึ้นสูง จดจ่อไปที่หน้าผากของชายตรงหน้า ในแววตาไม่มีความลังเลใด และบ่งบอกให้รู้ว่าจะไม่ยอมเสียเวลาไปมากกว่านี้ กันนาร์ที่มายังสถานที่แห่งนี้ตามคำสั่งองค์ราชินีได้แต่ถอนหายใจ หมุนตัวไปที่รถ ดังนั้นแล้วโรมีโอจึงหมุนกายเดินมุ่งตรงเข้าไปในกองเพลิง
ในตอนที่โรมีโอเข้าใกล้จนรับรู้ได้ถึงไอร้อน ท่อนแขนของตนก็ถูกฉุดรั้งไว้ พร้อมกับน้ำขวดใหญ่ที่รินราดรดบนศีรษะ
“คุณจะเข้าไปก็ต้องรู้จักเตรียมตัว” กันนาร์พูดพร้อมกับเทน้ำลงบนผ้าเช็ดหน้าของตน บิดพอหมาด แล้วส่งมันให้โรมีโอ ชายหนุ่มรับเอามาถือไว้ ในขณะที่กันนาร์ดึงยางมัดผมที่ข้อมือออกไป รวบเส้นผมที่หนักอึ้งชุ่มน้ำขึ้นสูง แล้วจับมัดเป็นมวยผมป้องกันไฟไหม้ผมให้อีกที
“คุณเข้าไปก่อน ผมจะรีบตามไปหลังจากสั่งการข้างนอกเสร็จ”
“ขอบคุณ” โรมีโอพูดเพียงเท่านั้น รับน้ำที่เหลืออยู่อีกเล็กน้อยติดมือมาด้วย ใช้ผ้าปิดจมูก แล้วกระโดดข้ามเปลวไฟที่แผดเผาเข้าไปภายใน
โรมีโอใช้ผ้าชุบน้ำปิดจมูกของตนเอง วิ่งไปตามทางที่สามารถข้ามผ่านไปได้ หลบเศษซากที่กำลังร่วงหล่นลงมาอีกหนอย่างระมัดระวัง ภายในใจของผู้ช่วยหนุ่มร้อนรน ดวงตาสีฟ้าสดใสไล่มองหาทั่วทุกพื้นที่ พยายามมองหาคนตัวเล็กที่ติดอยู่ภายใน เวลานี้ใครก็ไม่สำคัญเท่าคุณหนูของตนอีกแล้ว
โรมีโอค้นหาเอวาเข้ามาลึกมากขึ้นเรื่อยๆ ความร้อนเริ่มแผดเผาจนแทบหายใจไม่ออก กลิ่นเขม่าควันดำลอยคลุ้งไปทั่วพื้นที่ จนต้องก้มลงคลาน ตัวหมอบต่ำ หลบหลีกเศษซากต่างๆ ไปพลาง ที่ฝ่ามือทั้งสองข้างและหัวเข่าเต็มไปด้วยบาดแผล หากแต่ชายหนุ่มก็ไม่มีเวลามาสนใจ ความเป็นความตายของน้องน้อยอยู่ใกล้แค่เอื้อม ยิ่งเวลาผ่านไปนานมากเท่าไหร่ ความหวังของโรมีโอก็ใกล้จะมอดดับลง ภายในใจร้อนรนกระวนกระวาย
“คุณหนู..... คุณหนูครับ.... เอวา.....” ริมฝีปากบางพึมพำพร้อมมาหาไปพลาง โรมีโอไม่เคยนึกอยากร้องไห้มากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ความเป็นห่วงคนตัวเล็กนั้นท่วมท้นอย่างไม่อาจควบคุม โรมีโอตามหาเอวาต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ ไม่เจอคนต้องเจอศพ อย่างน้อยๆ ขอให้ได้พาน้องน้อยออกไปจากที่นี่ แต่โรมีโอภาวนา ขอให้ไม่เป็นแบบนั้นเลย
ภาวนาร้องขอให้เจอเด็กน้อยกำลังนั่งคุดคู้อยู่กับที่ด้วยความขลาดกลัว หรือเป็นตอนที่มีสติ และกำลังมองหาทางออกให้ตัวเองเช่นกันก็ได้ ทุกสิ่งล้วนเป็นเรื่องดีหากน้องน้อยยังมีชีวิต
“คุณหนู คุณหนู คุณหนู....” โรมีโอเอ่ยปากพึมพำไม่หยุด สองมือไล่คว้าเอื้อมจับ ผลักแผ่นอิฐและแผ่นปูนให้พ้นทาง มีโอกาสเป็นไปได้ว่าเด็กน้อยจะถูกกดทับอยู่ภายใต้คอนกรีตพวกนี้ และโรมีโอยังคงหาต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่แห่งหนึ่ง ชายหนุ่มกวาดตามองไปรอบๆ ที่พื้นนั้นเป็นหลุมลึก แต่เพราะเสาที่โค่นล้มทำให้ขัดกับเพดานด้านบน มันจึงไม่ถล่มลงมา และมีพื้นที่เพียงพอให้ยืนได้เล็กน้อย แม้ว่าศีรษะเกือบจะชนเพดานก็ตามที โรมีโอกวาดสายตามองไปรอบๆ คิดหาวิธีที่จะอ้อมหลุมลึกนี้ไป
ที่พื้นฝั่งหนึ่งทรุดตัวลงจนกลายเป็นทางลาดเอียงขนาดย่อม ข้างใต้นั้นชื้นแฉะอย่างน่าแปลกใจ เมื่อสังเกตดูดีๆ ก็พบว่าหัวสปริงเกอร์ทำงาน ทำให้ไฟไม่ลามเลยลงไปที่ด้านล่าง แต่กลายเป็นว่ามีน้ำเจิ่งนอง โรมีโอยืนชั่งใจอยู่ชั่วครู่ กวาดสายตามองรอบๆ อีกครั้ง เมื่อไม่พบทางไปต่อ จึงต้องจำใจพาตัวเองลงในหลุมลึกนั้นอย่างช้าๆ
เมื่อลงมาได้แล้วโรมีโอก็ต้องปรับสายตาสักพัก แล้วจึงเริ่มก้าวเดินอย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ไม่รู้ว่าเพดานที่ด้านบนจะทรุดลงมาเมื่อไหร่
“อะ!” โรมีโอร้องออกมาเล็กน้อย เมื่อตัวเองเดินชนเข้ากับแผ่นคอนกรีตก้อนหนึ่ง หลังจากที่เอาแต่เหม่อมองด้านบนอย่างหวาดระแวง และเมื่อก้มลงชายหนุ่มก็หรี่ตาเพ่งมอง เห็นเนื้อผ้าสีเหลืองสดใสโผล่ออกมาเล็กน้อย
เพียงเท่านั้นหัวใจของชายหนุ่มก็เต้นเร็วระรัวบ้าคลั่ง ดวงตาเบิกกว้าง สองมือไปไวกว่าหัวสมอง ชายหนุ่มพยายามผลักดันแผ่นปูนนั้นออกไปให้พ้นทาง
“ย้ากกกกกก” โรมีโอรีดเค้นแรงทั้งหมดที่มีผลักแผ่นปูนออกไป จนใบหน้าเห่อแดงมาจากการโถมแรงเข้าใส่ ลำตัวสั่นสะท้าน เมื่อต้องยกแผ่นปูนขนาดใหญ่ออกด้วยตัวเพียงคนเดียว
ตึง!!!
และในที่สุดชายหนุ่มก็สามารถทำได้ เรี่ยวแรงหดหายจนเซล้มลง ทำให้โรมีโอเห็นคนที่ถูกแผ่นปูนั้นกดทับได้อย่างชัดเจน
ไม่ใช่เพียงหนึ่ง.......
แต่ถึงสอง.......
“คะ คุณหนู.......” ภาพที่โรมีโอเห็นในขณะนี้คือภาพของบารอนที่นอนทับเอวาอยู่ด้านบน เด็กตัวน้อยถูกปกป้องไว้อย่างดี วงแขนแข็งแกร่งรองใต้ศีรษะของเอวา ในขณะที่ขยับไปอีกเล็กน้อย ที่ต้นแขนของบารอนถูกเหล็กเส้นขนาดใหญ่ทิ่มแทงทะลุผิวเนื้อขึ้นมา ห่างจากศีรษะของเอวาไม่มากนึก จนคนมองนึกหวั่นใจ แต่กระนั้นโรมีโอก็ขยับกายอย่างรวดเร็ว เข้าไปตรวจสอบชีพจรของคนทั้งคู่ในทันที
เมื่อจับดูแล้วพบว่าทั้งสองคนยังมีชีวิตอยู่ โรมีโอถึงกับร่ำไห้ด้วยความยินดี หยาดน้ำสีใสไหลตกลงที่ข้างแก้ม ยกยิ้มทั้งน้ำตา ทั้งโล่งอกและโล่งใจ สิ่งที่ต้องทำให้ตอนนี้คือการพาคนทั้งสองออกไปจากที่นี่ให้ได้ คิดได้ดังนั้น โรมีโอก็จัดการถอดเสื้อสูทของตนออกในทันที แล้วจึงขยับเข้าไปหาบารอน มองดูอย่างชั่งใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะดึงแขนเสื้อเชิ้ตทั้งสองข้างของตนออกมา ใช้กระดุมที่ปลายข้อมือของทั้งสองชิ้นมาต่อกัน จากนั้นจึงพาดไว้ที่บ่า แล้วค่อยๆ จับดึงตัวของบารอนให้นอนตะแคงข้าง แขนข้างที่ถูกเหล็กเสียบนั้นเหยียดตรง โรมีโอสูดลมหายใจ เอ่ยปากบอกไป
“เจ็บหน่อยนะครับ”
พรึ่บ!
“อ่า......” ทันทีที่โรมีโอดึงแขนบารอนออก เสียงครางลึกก็ดังขึ้นในลำคอแผ่วเบา พร้อมกับใบหน้าที่ขมวดหมุนด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่โรมีโอจะใช้ผ้าพันที่รอบแผลเป็นการห้ามเลือด เมื่อจัดการเสร็จแล้ว ก็จัดการแบกร่างของบารอนขึ้นหลังของตน ใช้เสื้อสูทมารัดตัวเอาไว้แน่นป้องกันไม่ให้ไหลตกจากแผ่นหลัง
“อึก!” เพราะบารอนมีขนาดตัวที่ใหญ่โตกว่ามาก ทำให้ทันทีที่โรมีโอยืนขึ้นก็ถึงกับเซไปเล็กน้อย ขาของบารอนลากไปกับพื้น และแขนที่ตกลงด้านข้าง ทำให้โรมีโอกวาดสายตามองอย่างรวดเร็วอีกครั้ง เมื่อมองไปที่คุณหนูของตนก็เห็นว่าสายเอี๊ยมข้างหนึ่งถูกพันไว้รอบฝ่ามือเล็ก ไม่รู้ว่าคุณหนูของตนมีบาดแผลอะไรรึเปล่า ทำให้โรมีโออดที่จะเข้าไปตรวจสอบไม่ได้ เมื่อลองแกะดูก็พบว่าฝ่ามือเล็กน้อยไม่มีบาดแผลแต่อย่างใด ที่น่าเป็นห่วง น่าจะเป็นแผลที่ข้อมือเสียมากกว่า
ดังนั้นแล้วโรมีโอจึงใช้สายเอี๊ยมนั้นมาพันที่ข้อมือเล็ก อย่างน้อยก็ยังดีกว่าปล่อยให้เชื้อโรคเข้าไปในแผล ก่อนจะขยับไปปลดสายเอี๊ยมอีกข้างของน้องน้อย แล้วใช้มันมารัดเข้าที่ข้อมือของบารอน เพื่อกันตกไปจากแผ่นหลัง หลังจากนั้นจึงอุ้มประคองเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขน
“ย้ากกกกก” โรมีโอร้องออกมาเสียงดัง เมื่อน้ำหนักตัวของคนสองคนรวมกันมากถึง 150 กิโลกรัม ทำให้ทันทีที่ลุกขึ้นนั้นถึงกับเซไปเสียหลายก้าว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงกัดฟันเอาไว้แน่น อย่างไรก็ต้องพาออกไปให้ได้!!
การเดินของโรมีโอในตอนนี้เรียกได้ว่าลำบาก แค่เดินธรรมดาก็ต้องใช้เวลามากแล้ว แต่ตอนนี้กลับเท่าทวีคูณ และยิ่งต้องเดินขึ้นเนินเพื่อที่จะกลับไปด้านบน โรมีโอยิ่งใช้พลังกายไปอย่างมาก หยาดเหงื่อไหลตามกรอบหน้าราวกับน้ำตก ใช้เวลานานหลายนาทีกว่าที่จะกลับขึ้นมาได้ เมื่อโดนความร้อนแผดเผาอีกครั้ง โรมีโอก็หยิบเอาขวดน้ำมาประพรมลงบนตัวของเอวาและบารอนที่อยู่บนหลัง เพราะตอนนี้ทั้งสองคนคือคนที่รับความร้อนมากที่สุด
หลังจากประพรมเสร็จแล้วก็โยนขวดเปล่าทิ้งไป อุ้มเด็กน้อยมาไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง แล้วจึงก้าวเท้าออกเดิน แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็บังเกิดเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นเสียก่อน
“โรม!! โรมีโอ!!!”
“ผมอยู่นี่!!!” โรมีโอร้องตะโกนกลับไป พร้อมกับพยายามลากขาตัวเองไปให้ถึงจุดนั้น จุดที่มีคนกำลังร้องเรียกหาเขา ภายในใจคิดไว้แล้วว่าคงจะเป็นกันนาร์ที่ตามเข้ามาช่วย
“โรมีโอ!! คุณอยู่ที่ไหน!!”
“ผมอยู่นี่!! ผมอยู่ตรงนี้!! แค่กๆ” เพราะการร้องตะโกน ทำให้โรมีโอกลืนเขม่าควันเข้าไปเต็มๆ จนถึงขั้นสำลัก แต่กระนั้นสองเท้ายังคงก้าวย่างอย่างเชื่องช้าแต่มั่นคง จนกระทั่งเห็นกลุ่มคนอยู่ในครรลองสายตา สองขาพลันหมดแรงเอาดื้อๆ
กันนาร์เข้ามาตามหาเขาพร้อมกับทีมกู้ภัยและหน่วยดับเพลิง ทำให้ทันทีที่อีกฝ่ายเห็นเขา ก็รีบเข้ามาช่วยในทันที ชายคนหนึ่งอุ้มเอวาออกไป ในขณะที่อีกคนแกะเสื้อสูทของเขา และพาบารอนออกไป ส่วนตัวเขาเองก็มีกันนาร์เข้ามาช่วยประคอง
“ออกไปกันเถอะ ที่นี่อันตราย” กันนาร์เอ่ยบอกเสียงเครียด ตั้งใจจะพาโรมีโอออกไป ในขณะที่โรมีโอชะงักแข็งค้าง คิดอะไรบางอย่างออกในที่สุด เงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเผือดสี
“บะ บอส.... บอสล่ะครับ? บอสอยู่ที่ไหน!!” จากเรี่ยวแรงที่หดหายไปเมื่อครู่กลับมีพลังเต็มเปี่ยมอีกครั้ง ทะลึ่งตัวลุกพรวดขึ้นยืน แล้วหมุนกาย หมายจะไปยังสถานที่สุดท้ายที่บอสของตนอยู่จัดการกับมิเกล ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง จะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
ความโล่งใจมาเยือนได้ไม่นานนักก็ถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัวอีกหน ชายหนุ่มนึกอยากจะร่ำไห้ออกมาเพื่อระบายความอัดอั้นใจ ปัดป้องมือของกันนาร์ที่พยายามไล่ตามจับพัลวัน
“ไม่! ปล่อยผมนะกันนาร์!!”
“บอสของคุณปลอดภัยดี!!!” กันนาร์ดึงกระชากไหล่ของโรมีโอให้หันมาหา พร้อมกับตะโกนเอ่ยบอกเสียงดังลั่น
“คุณพูดว่าไงนะ.....” โรมีโอเอ่ยปากถามคล้ายกับไม่เชื่อ จนกันนาร์ต้องเอ่ยย้ำอีกครั้งด้วยความหนักแน่น
“บอสของคุณปลอดภัยดี เขาถูกนำตัวไปรักษาก่อนแล้ว ตอนนี้เราต้องรีบออกไปข้างนอก ในนี้มันอันตราย ตัวอาคารจะถล่มลงมาเมื่อไหร่ก็ได้ เข้าใจที่ผมพูดไหมโรม” โรมีโอพยักหน้ารับ หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ถูกกันนาร์พาตัวออกมา
เมื่อปลอดภัยแล้วและสามารถออกมาจากตัวอาคารได้แล้ว ก็ได้เห็นบอดี้การ์ดหลายคนบาดเจ็บหนัก พากันทยอยขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว จุดหมายปลายทางคือโรงพยาบาลในเครือของวัลโด้ ที่ด้านนอกนั้นมีทั้งรถดับเพลิง รถพยาบาล และทีมกู้ภัย อยู่กันเต็มไปหมด ทำให้มั่นใจได้ว่าใครที่รอดชีวิตจะได้รับการช่วยเหลือ ใครที่ไร้ชีวิตศพก็จะถูกนำออกมาจัดการอย่างสมเกียรติให้เหมาะสมกับความทุ่มเทของพวกเขา
โรมีโอที่ยังคงมึนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะทำอะไรก่อนดี ก็ถูกกันนาร์สะกิดเบาๆ
“คุณต้องไปทำแผลเหมือนกัน คุณไปกับรถพยาบาลของเอวาเถอะ รถกำลังจะออกแล้ว” เพียงเท่านั้นโรมีโอคล้ายกับได้สติ รีบวิ่งไปขึ้นรถที่มีเอวานอนนิ่งอยู่ข้างกันกับบารอนในทันที เมื่อขึ้นรถมาแล้วก็มุ่งตรงไปที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว เฝ้าติดตามอาการของน้องน้อยอย่างใกล้ชิด
โรมีโอเดินวนไปวนมาอยู่ที่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน คนแรกที่ถูกพาตัวออกมานั้นก็คือบอสของตน ชายหนุ่มจัดการให้บอสได้เข้าพักในห้องวีไอพี เมื่อเห็นบาดแผลตามร่างกายของบอสใหญ่หัวใจของชายหนุ่มก็ยิ่งเจ็บปวด
ทั้งๆ ที่เป็นถึงผู้ช่วยคนสนิท แต่กลับได้เฝ้าระวังอยู่ที่ด้านนอก ทั้งๆ ที่ควรเป็นเขาด้วยซ้ำที่ต้องเข้าไปตามหาคุณหนูด้วยตัวเอง ส่วนบอสนั้นชีวิตมีค่ายิ่งกว่าทอง แต่เขาก็ยังปล่อยให้บอสเดินเข้าหาอันตรายโดยไม่ห้ามปรามแม้แต่น้อย
โรมีโอยกมือลูบหน้าอย่างเครียดจัด ถอนหายใจออกมาหนักๆ โน้มตัวลงเล็กน้อย แนบริมฝีปากของตนลงบนหน้าผากที่มีผ้าพันแผลพันเอาไว้อยู่
“เดี๋ยวผมมานะครับ” พูดจบก็หันหลัง มุ่งตรงออกจากห้อง กลับไปยืนเฝ้าคุณหนูของตนที่หน้าห้องฉุกเฉินอีกครั้งด้วยใจจดใจจ่อ ทันทีที่เอวาถูกเข็นออกมา โรมีโอก็กระโดดไปจับแขนหมอเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“คุณหนูของผมเป็นยังไงบ้างครับ!”
“ตอนนี้อวัยวะภายในบอบช้ำหลายส่วนและแผ่นหลังเป็นรอยช้ำรุนแรง เพราะได้รับแรงกระแทกค่อนข้างมาก โชคดีที่ศีรษะไม่โดนกระแทกแรงนัก แต่ก็ยังมีบาดแผลอยู่เล็กน้อย อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยในการพักฟื้น ขอให้สบายใจได้ครับ”
“ขอบคุณครับ” เพียงเท่านั้นชายหนุ่มก็โล่งอก ก่อนจะนึกถึงใครอีกคนที่ยังคงไม่ออกจากห้องฉุกเฉินในตอนนี้
“แล้วชายอีกคนที่มาพร้อมกันละครับ เขาเป็นยังไงบ้าง”
“ผู้ชายตัวใหญ่ๆ ที่มาพร้อมกับน้องเขาใช่ไหมครับ”
“ครับ”
“อาการค่อนข้างสาหัสครับ ตอนนี้กำลังผ่าตัดอยู่ เพราะคอนกรีตหล่นมาทับที่หลัง ทำให้ตับแตก ม้ามแตก และซี่โครงหักหลายซี่ มีภาวะเลือดคลั่งในช่องท้อง แต่โชคดีที่ยังไม่อยู่ในสภาวะช็อก ยังไงหมอและพยาบาลก็พยายามเต็มที่แน่นอนครับ” ทันทีที่ได้ฟังโรมีโอก็สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะแจ้งบุรุษพยาบาลให้พาเอวาไปรักษาที่ห้องวีไอพี ห้องเดียวกันกับไมเคิลที่ชั้นบน และตัวเองก็ตามไปคอยดูแลติดๆ ไม่ลืมที่จะเรียกคนมาให้ยืนเฝ้า และจ้างนางพยาบาลคอยดูแล ก่อนจะกลับลงไปรอที่ห้องฉุกเฉินอีกครั้ง
แม้ว่าบอสและคุณหนูของตนจะปลอดภัยแล้ว แต่ยังมีอีกคนที่น่าเป็นห่วงอยู่มาก ชายหนุ่มรู้ดีว่าอาการแบบนี้ต้องทำอย่างไร อย่างแรกคือการผ่าตัดนำอวัยวะออก แล้วทำการระบายเลือดคลั่ง มองหารอยรั่วของอวัยวะ ทำการเย็บปิดจนมั่นใจว่าเลือดจะไม่ไหลอีก แล้วจึงเย็บปิดแผล แต่โอกาสเสี่ยงมีอยู่มาก เมื่อบารอนมีอาการซี่โครงหักพ่วงเข้ามาด้วย
เวลาไหลผ่านอย่างเชื่องช้าในความรู้สึกของชายหนุ่ม จากยามค่ำคืนแปรเปลี่ยนเป็นยามอาทิตย์เฉิดฉาย ในที่สุดการรอคอยกว่า 8 ชั่วโมงก็สิ้นสุดลง เมื่อร่างของบารอนถูกเข็นออกมา ทำให้โรมีโอผุดตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และเข้าไปถามอาการอีกครั้ง
“เขาเป็นยังไงบ้างครับ”
“ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ แต่พยายามอย่าให้เขาขยับตัวนะครับ เพราะกระดูกซี่โครงหักอยู่ โชคดีที่ไม่ทิ่มปอดทะลุ ไม่งั้นคงอาจจะไม่รอด แต่ตอนนี้สบายใจได้ครับ น่าจะหลับไปอีก 2 – 3 วัน พร้อมกับการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดครับ” โรมีโอบอกความต้องการของตนที่อยากจะให้บารอนเข้าพักห้องวีไอพีร่วมกันกับเจ้านายทั้งสองคน แต่หมอปฏิเสธกลับมาพร้อมให้เหตุผลว่าบารอนต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ชายหนุ่มจึงถูกส่งตัวไปที่ห้องผู้ป่วยรวมอาการรุนแรง ซึ่งจะมีนางพยาบาลเดินมาคอยดูแลทุกๆ 1 ชั่วโมง เพื่อสังเกตอาการ โรมีโอพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แล้วจึงล่าถอยกลับไป ไปเฝ้าเจ้านายทั้งสองคนของตัวเอง
“บอสครับ..... คุณหนู..... รีบฟื้นขึ้นมาไวๆ นะครับ” โรมีโอนั่งอยู่ระหว่างกลางคนทั้งคู่ มือทั้งสองข้างใช้จับกุมมือของเจ้านายทั้งสองคนเอาไว้แน่น แล้วนั่งมองอย่างนั้นเงียบๆ ไม่ละสายตา คล้ายกับกลัวว่าหากคลาดสายตาไปเพียงนิด จะไม่มีโอกาสได้พบหน้ากันอีก.......
Michael Part“อือ......” เสียงครางแหบพร่าดังขึ้นจากในลำคอของชายหนุ่ม ทำให้โรมีโอที่นั่งทำงานอยู่ตรงโซฟาเงยหน้าขึ้นมองในทันที เห็นบอสของตนแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา คิ้วขมวดหมุน ด้วยความเป็นห่วง จึงถอดแว่นออกวางลงบนโต๊ะ แล้วขยับเดินเข้ามาดูใกล้ๆ เห็นเปลือกตาของคนเป็นนายขยับไปมาคล้ายว่าจะตื่นขึ้นในไม่ช้า ทำให้โรมีโอมองจ้องด้วยใจจดใจจ่อ“อึก เอวา....” เสียงเรียกแหบพร่าแต่ทำให้คนมองเผยรอยยิ้มกว้างด้วยความโล่งใจเพราะไมเคิลไม่ได้อยู่ใกล้กับจุดระเบิด แต่ก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย แรงระเบิดนั้นอัดกระแทกร่างจนกระเด็นทะลุหน้าต่างออกมาที่ด้านนอก กระแทกเข้ากับต้นไม้และหมดสติลง ดังนั้นแล้วบาดแผลตามตัวถือว่าไม่ร้ายแรงเท่าไหร่นักถ้าเทียบกับบาดแผลจากการต่อสู้ครั้งที่ผ่านๆ มา เพียงแต่ครั้งนี้ถึงกับหมดสติ จึงใช้เวลาหนึ่งวันเต็มในการฟื้นตื่นขึ้นจากนิทราโรมีโอกุลีกุจ่อหันไปเทน้ำและเสียบหลอดใส่แก้วอย่างว่องไว ปรับเตียงของเจ้านายให้เอนขึ้นเล็กน้อย ขยับเข้าไปใกล้พร้อมร้องเรียก“บอสครับ ดื่มน้ำก่อนครับ” ไมเคิลยอมดื่มน้ำอย่างว่าง่าย เพราะยังคงมึนงงจากการนอนหลับเป็นระยะเวลายาวนาน หลังจากที่ความชุ่มฉ่ำไหลผ่านลงคอไปแล
Romeo Part“ฉันจะทำยังไงกับเธอดี.....” สุรเสียงนุ่มนวลแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความทรงพลังเอ่ยปากขึ้นขณะยกน้ำชาขึ้นจิบ ที่ด้านข้างนั้นมีชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งกำลังนั่งคุกเข่าอยู่อย่างนอบน้อม เรือนผมสีน้ำตาลเป็นยวงนั้นทิ้งตัวเรียงสวยราวกับม่านกำมะหยี่หนานุ่มน่าสัมผัส ปิดบังเสี้ยวหน้าทำให้ไม่อาจมองเห็นดวงตาสื่ออารมณ์“แล้วแต่พระองค์จะทรงกรุณาพ่ะย่ะค่ะ”“มีอย่างที่ไหนกัน ทำการปฏิวัติลอร์ดที่สืบเชื้อสายราชวงศ์ ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้วหรือ” องค์ราชินีเอ่ยปากบ่นอีกครั้ง ก่อนจะวางแก้วชาลงเบาๆ“......”“เอาเถอะ อย่างไรก็ฝากเธอด้วยแล้วกัน”“ครับ”“กลับไปดูน้องเถอะ” กล่าวจบ พระนางก็โบกพระหัตถ์เบาๆ แล้วจึงละความสนใจไป โรมีโอยกมือขึ้นทาบที่อก โน้มตัวลงแม้จะยังคงนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่กับพื้นเป็นการทำความเคารพ ก่อนจะยืดกายเหยียดตรง แล้วเดินจากไปเงียบๆ เหมือนเมื่อตอนที่มา“เธอว่าฉันควรมอบรางวัลให้เขาไหม?”“แล้วแต่พระองค์ ฝ่าบาท”“กันนาร์..... ฉันคิดจะมอบสมรสพระราชทานให้เขา.... เธอคิดเห็นอย่างไร”“ระหว่างเขากับผู้ใดหรือพระองค์” องครักษ์หนุ่มเอ่ยถามอย่างนอบน้อม ในขณะที่องค์ราชินีเหลือบสายตามอง กล่าววาจาหย
Michael Part“ใส่ชุดที่เตรียมไว้นะครับ คืนนี้คุณต้อง ปรนนิบัติ ผม.....”ตึง!บานประตูปิดลงไปแล้ว หากแต่ไมเคิลยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้อง ความโกรธาสุมอกจนแทบคลั่ง จวนเจียนจะระเบิดออกมาอยู่รอมร่อ จนอดไม่ได้ที่จะยกฝ่าเท้าขึ้นยันประตูเพื่อเป็นการระบายอารมณ์อย่างเสียกิริยา ชายหนุ่มกำมือเอาไว้แน่น หมุนกายหันหลังเดินออกเขาเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ มีหรือจะไม่รู้ว่ามีที่ใดให้นอนได้บ้าง ดังนั้นแล้วชายหนุ่มจึงเดินไปทั่วคฤหาสน์ด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง ใครก็เข้าหน้าไม่ติด ยิ่งเมื่อไมเคิลได้ลองบิดประตูลูกบิดในทุกๆ ห้อง ก็พบว่าแต่ละห้องนั้นลงกลอนไปหมดแล้ว ทำให้ไม่สามารถเปิดได้ หากไร้ซึ่งลูกกุญแจ“เหอะ” ไมเคิลแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ ในขณะที่ดวงตาคมกล้าสอดส่ายหาอุปกรณ์ไปทั่วพื้นที่ ขอแค่มีอุปกรณ์ ก็สามารถสะเดาะกุญแจได้ง่ายๆ แต่น่าเสียดายที่มันไม่มี.....ไมเคิลได้แต่เดินหงุดหงิดงุ่นง่านไปทั่วคฤหาสน์ จนสุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่ห้องคิง หยุดยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน เมื่อลองขยับลูกบิดประตูก็พบว่าถูกล็อกไว้อยู่เช่นกัน ดังนั้นแล้วจึงลองเดินไปที่ห้องอัศวิน อันเป็นห้องเดิมของโรมีโอ และผลนั้นก็คือเช่นเดิม.....ไมเค
Romeo Partโรมีโอปรือตาขึ้นช้าๆ หลังจากผ่านศึกหนักบนเตียงใหญ่ สิ่งที่เห็นไม่ใช่คนที่นอนรวมเตียง แต่เป็นความว่างเปล่าที่เย็นชืด ชายหนุ่มผุดตัวลุกนั่งช้าๆ ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยร่องรอยของความรุนแรง ตามเนื้อตัวแขนขาเป็นรอยม่วงช้ำ ผสมปนเปไปกับคราบรักที่พ่นรดร่างกายจนเหนียวเหนอะหนะโรมีโอหันมองไปรอบกายเพื่อหาใครบางคน เมื่อไม่พบจึงฝืนลากขา พาร่างที่สั่นสะท้านทุกครั้งยามก้าวเดิน ไปจนถึงห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องโพธิ์แดงประตูถูกเปิดออกช้าๆ ทำให้เห็นว่ามีใครบางคนกำลังนั่งแช่น้ำอยู่ ไมเคิลตวัดสายตาหันมามองด้วยความเฉยชา ไม่แม้แต่จะเข้ามาช่วยพยุงแม้จะเห็นว่าโรมีโอซวนเซจะล้มลงจนต้องจับกำแพงไว้เพื่อพยุงตัวก็ตามทีโรมีโอเค้นยิ้มให้ตัวเอง ก่อนจะฝืนพาร่างไปยืนอยู่ใต้ฝักบัว เปิดให้สายน้ำอุ่นร้อนรินรดกาย ความแสบสันแล่นพล่านไปทั่วกายจนชายหนุ่มต้องขบฟันเอาไว้แน่น ปล่อยให้ร่างกายเริ่มคุ้นชิน สายธารอุ่นขับไล่ความเมื่อยล้าตามเนื้อตัวและคราบคาวขุ่นออกไปจนหมดสิ้น ชายหนุ่มอาบน้ำอย่างเชื่องช้า แม้ว่าจะมีไมเคิลอยู่ในห้องน้ำด้วยก็ตามทีจนกระทั่งอาบน้ำเสร็จสิ้น โรมีโอก็ปรายตามองชายที่มีรอยสักรูปมังกรคำรามภายในอ่างน้ำ
เอวาใช้เวลารักษาตัวต่ออีก 2 สัปดาห์หลังจากฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล โดยมีโรมีโอและไมเคิลคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ส่วนบารอนนั้นต้องพักรักษาตัวต่ออีก 1 เดือน เพราะมีการตัดอวัยวะภายในออกไปบางส่วน ทำให้ไม่สามารถออกแรงได้ อาหารการกินจำกัดลดลงดังนั้นแล้วไมเคิลและโรมีโอจึงไปๆ มาๆ ระหว่างบ้าน บริษัท และโรงพยาบาล โดยเวลาในช่วงกลางวันจะอยู่ที่บริษัท มีโรมีโอคอยชี้นิ้วสั่งงาน ส่วนไมเคิลนั้นมีหน้าที่ก้มหน้าทำตามคำสั่ง เมื่อมาที่โรงพยาบาล ไมเคิลก็ปรี่เข้าไปดูแลน้องน้อย คอยถามคะขาอยู่ไม่ห่าง นั่งจับมือเอาไว้ตลอดเวลาจนกระทั่งถึงเวลาเดินทางกลับ ส่วนโรมีโอนั้นก็ผละออกไปดูแลบารอนบ้างเล็กน้อย และใช้เวลากับคนทั้งสองในการพูดคุยเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างวันในคราแรกที่เอวาตื่นมาและได้พบหน้าของไมเคิล เด็กน้อยพลันร้องไห้โฮ โผเข้ากอดคนพี่เอาไว้แน่น พร่ำบอกขอโทษไม่หยุดปาก ไม่ต่างกันกับไมเคิล ที่โทษว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นมาจากตนเอง ทำให้น้องน้อยต้องได้รับอันตรายไปด้วย ทั้งสองคนต่างพร่ำขอโทษกันและกันไปมา สลับกับเสียงสะอื้นไห้ของเอวา จนโรมีโออดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปลูบกลุ่มผมนุ่มนั้นอย่างปลอบใจ รอยยิ้มบางเบาถูกจุด
Michael Partย้อนกลับไปตอนก่อนหน้า......ไมเคิลถูกจับแยกกับน้องน้อยตั้งแต่ที่โรงพยาบาล ทำให้หงุดหงิดขัดใจเป็นอย่างมาก ตลอดการเดินทางดวงตาคมกล้าสองสีมองจ้องรถที่น้องน้อยนั่งอยู่ไม่ละสายตาแต่แล้วคิ้วคู่คมก็ต้องขมวดเข้าหากันแน่น เมื่อพบว่ารถที่โรมีโอและน้องน้อยนั่งนั้นขับแยกไปอีกทางอย่างผิดวิสัย“หยุดรถ!” ชายหนุ่มออกปากสั่งการในทันที หากแต่รถยนต์นั้นยังคงมุ่งไปในทิศทางที่คุ้นเคยโดยที่ความเร็วไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย ไมเคิลชักปืนออกมายกขึ้นจ่อไปที่คนขับ ร้องตวาดเสียงดังก้องไปทั่ว“ฉันบอกให้หยุดรถ!!!”กึก!ในตอนนั้นเองที่หน้าต่างด้านหลังเปิดขึ้นทั้งสองบาน คนขับรถยังคงทำหน้าที่ของตนได้อย่างดีเยี่ยม ขับรถด้วยความเร็วสม่ำเสมอ หากแต่ตอนนี้ คนที่นั่งข้างคนขับ และบอดี้การ์ดสองคนที่นั่งประกบคู่กับเขายกปืนขึ้นจ่อ นอกจากนี้แล้วยังมีรถคันข้างๆ อีกคันละสองคนที่เล็งปืนมาหา เรียกได้ว่าตอนนี้ไมเคิลถูกปืนทั้ง 7 กระบอกมุ่งตรงมาที่ตนเองโดยไม่มีการยั้งมือ“คุณนั่งเงียบๆ จะดีกว่านะครับ ถ้าคุณยังยกปืนขึ้นจ่อแบบนี้ พวกผมเองก็คงลดปืนลงไม่ได้เช่นกัน” เสียงคนขับรถพูดขึ้น ทำให้ไมเคิลกัดฟันกรอด“โคลด์.....” เจ้าของชื่
ไมเคิลใช้เวลาหนึ่งเดือนเต็มในการค้นหาตัวน้องน้อย ซึ่งเป็นหนึ่งเดือนแห่งความล้มเหลว......ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่ ใบหน้าของไมเคิลยิ่งมืดครึ้ม ร่างกายที่เคยแข็งแกร่งกำยำสมส่วนกลับกลายเป็นซูบซีดผอมบางลงอีกหลายระดับ ไมเคิลถึงขั้นไม่กินไม่นอน ใต้ตาดำคล้ำใบหน้าทรุดโทรมกว่าไมเคิลจะหาคนมาทำหน้าที่กู้ข้อมูลของโอเว่นได้ก็กินเวลาไปกว่า 3 สัปดาห์ และถึงแม้จะได้คนมาก็ยังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ในการแกะรอย จนทำให้ไมเคิลความอดทนต่ำลงทุกที นอกจากนี้แล้วทางฝั่งขององค์ราชินีเองก็ไร้วี่แววว่าจะพบตัวเอวา ราวกับว่าบุคคลทั้งสองหายตัวไปเฉยๆแม้แต่กระทั่งกับบารอนเองก็ยังออกตามหาเอวาอย่างบ้าคลั่ง หอบร่างพังๆ กลับมาบัญชาการหลังจากผ่านไป 3 วัน ที่ไม่สามารถติดต่อกับเอวาได้เช่นกัน ไม่มีแม้แต่สายเรียกเข้าที่เขารอคอย ทำให้บารอนดิ้นรนออกจากโรงพยาบาล แม้ว่าตัวเองจะบาดเจ็บหนักอยู่ก็ตามที ทำให้ตอนนี้ทั้งไมเคิลและบารอนหันกลับมาร่วมมือกันในการออกตามหาเอวา จนไมเคิลอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าโรมีโอใช้วิธีใดในการกีดกันน้องน้อยเอาไว้ได้ขณะนี้ไมเคิลกำลังนั่งอยู่บนรถที่กำลังมุ่งตรงไปยังสถานที่แห่งหนึ่งอย่างมั่นคง แม้ใจของเขาจะอยากล
“โรมีโอ.......”ไมเคิลเอ่ยปากครางเรียกชื่อของอีกฝ่าย ทำให้โรมีโอหันหน้ามามองคนที่ยืนอีกฝั่งของประตูรถยนต์ อดีตผู้ช่วยหนุ่มทำเพียงเลิกคิ้วมอง แล้วจึงหันไปมององค์ราชินีเชิงเป็นคำถาม“เห็นใจฉันเถอะเด็กน้อย หลานของฉันย่ำแย่เต็มที....” องค์ราชินีลูบเส้นผมของโรมีโอเบาๆ ขณะที่เหลือบมองไมเคิลไปพลาง แล้วจึงถามหาใครอีกคนแทน“เอวาอยู่ที่ไหนเสียล่ะ”“ทำแผลให้กับบารอนอยู่พ่ะย่ะค่ะ” ไมเคิลขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เหลือบมองบุคคลทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็คลับคล้ายคับคลาว่าจะเข้าใจอะไรบางอย่างอยู่ในที“ฉันจะเข้าไปหาตัวเล็กสักหน่อย พวกเธอคุยกันเถอะ” โรมีโอก้มหน้าลงคล้ายกับการน้อมรับคำสั่ง ในขณะที่องค์ราชินีเดินเข้าไปภายในคฤหาสน์ ส่วนกันนาร์นั้นยืนละล้าละลัง ตามหน้าที่ของเขาจำต้องเดินตามพระองค์ไป หากแต่ใจของเขากลับอยากยืนอยู่ที่นี่ ที่ข้างๆ โรมีโอ คอยช่วยดูแลสอดส่อง เผื่อว่ามีการลงไม้ลงมือเกิดขึ้นโรมีโอผุดตัวลุกขึ้นโดยที่มีกันนาร์ยื่นมือให้ใช้ยึดจับยันตัว ดังนั้นแล้วชายหนุ่มจึงเอ่ยปากบอกขอบคุณเบาๆ พร้อมกับร้องบอก“ขอบคุณครับ คุณตามพระองค์ไปเถอะครับ ผมอยู่ได้” โรมีโอพูดพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนบางให้กับกันนาร์
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา