ไมเคิลใช้เวลาหนึ่งเดือนเต็มในการค้นหาตัวน้องน้อย ซึ่งเป็นหนึ่งเดือนแห่งความล้มเหลว......
ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่ ใบหน้าของไมเคิลยิ่งมืดครึ้ม ร่างกายที่เคยแข็งแกร่งกำยำสมส่วนกลับกลายเป็นซูบซีดผอมบางลงอีกหลายระดับ ไมเคิลถึงขั้นไม่กินไม่นอน ใต้ตาดำคล้ำใบหน้าทรุดโทรม
กว่าไมเคิลจะหาคนมาทำหน้าที่กู้ข้อมูลของโอเว่นได้ก็กินเวลาไปกว่า 3 สัปดาห์ และถึงแม้จะได้คนมาก็ยังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ในการแกะรอย จนทำให้ไมเคิลความอดทนต่ำลงทุกที นอกจากนี้แล้วทางฝั่งขององค์ราชินีเองก็ไร้วี่แววว่าจะพบตัวเอวา ราวกับว่าบุคคลทั้งสองหายตัวไปเฉยๆ
แม้แต่กระทั่งกับบารอนเองก็ยังออกตามหาเอวาอย่างบ้าคลั่ง หอบร่างพังๆ กลับมาบัญชาการหลังจากผ่านไป 3 วัน ที่ไม่สามารถติดต่อกับเอวาได้เช่นกัน ไม่มีแม้แต่สายเรียกเข้าที่เขารอคอย ทำให้บารอนดิ้นรนออกจากโรงพยาบาล แม้ว่าตัวเองจะบาดเจ็บหนักอยู่ก็ตามที ทำให้ตอนนี้ทั้งไมเคิลและบารอนหันกลับมาร่วมมือกันในการออกตามหาเอวา จนไมเคิลอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าโรมีโอใช้วิธีใดในการกีดกันน้องน้อยเอาไว้ได้
ขณะนี้ไมเคิลกำลังนั่งอยู่บนรถที่กำลังมุ่งตรงไปยังสถานที่แห่งหนึ่งอย่างมั่นคง แม้ใจของเขาจะอยากละทิ้งทุกสิ่งและตั้งหน้าตั้งตาหาน้องน้อยใจจะขาด แต่เพราะอำนาจที่มีและงานที่มากจนล้นมือทำให้เขาต้องแยกเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวออกจากกัน
ทำให้ในตอนนี้ไมเคิลต้องเดินทางไปร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทคู่ค้าที่มีการซื้อขายกันมานาน เพราะอีกฝ่ายใช้บริการทีมนักวิจัยของเขาด้วยในการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีมูลค่ามหาศาล ทำให้ไมเคิลต้องเข้าร่วมในฐานะของซับพลายเออร์ผู้จัดส่งวัตถุดิบหลักให้กับบริษัทนี้ และมันก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะขยับขยายธุรกิจ แม้ตัวเขาเองจะไม่ได้สนใจมันมากนักก็ตามที
เมื่อมาถึงโรงแรมหรูระดับ 8 ดาว ไมเคิลก็หยิบเอาหน้ากากสีขาวเรียบๆ ขึ้นมาสวมใส่ เพราะธีมของงานเป็นงานเลี้ยงหน้ากาก เพื่อความสนุกสนานและเพลิดเพลิน ไมเคิลก้าวขาลงจากรถอย่างเบื่อหน่าย เมื่อเดินไปถึงประตูทางเข้าของงานก็ถูกพนักงานยกแขนขั้นกันเอาไว้ ทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วมอง ความหงุดหงิดเพิ่มขึ้นในทันที
“ขอบัตรเชิญด้วยครับ” เพียงเท่านั้นชายหนุ่มก็ชะงัก เหลียวหลังหันกลับไปมอง ไร้ร่างของผู้ช่วยคนสนิทที่คอยจัดการเรื่องหยุมหยิมให้ ทำให้ไมเคิลต้องยกโทรศัพท์ขึ้นสั่งการ บอกให้ใครสักคนนำเอาบัตรเชิญมาให้
นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ไมเคิลยังไม่คุ้นชิน เพราะทุกครั้งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ โรมีโอจะเป็นคนจัดเตรียมทุกอย่างให้เสร็จสรรพ ไม่ว่าเสื้อผ้าหน้าผมข้าวของเครื่องใช้ ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาต้องมานั่งดูรายการของใช้ในบ้านและเขียนยอดจำนวนรวมถึงการสั่งซื้อด้วยตัวเอง เพราะโรมีโอคอยดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายในบ้านได้เป็นอย่างดี ทำการตรวจสอบ นับจำนวน แล้วทำการสั่งซื้อ โดยที่เขามีหน้าที่เซ็นอนุมัติเท่านั้น
ไมเคิลถอนหายใจขณะที่เดินเข้าไปในงานเลี้ยง โรมีโอทำให้เขาเสียนิสัยโดยการที่มีคนๆ นั้นอยู่ข้างกายเสมอมา เมื่อโรมีโอเลือกที่จะละทิ้งทุกสิ่งและหายตัวไปทั้งอย่างนั้นทำให้ไมเคิลรู้สึกเหมือนกับขาดเพื่อนคู่คิดที่คอยให้คำปรึกษา คอยจัดการปัญหาเรื่องต่างๆ ให้อย่างละเอียดรอบคอบ
เมื่อไมเคิลก้าวเท้าเข้ามาในงานก็พบกับความงดงามตระการตา ทั้งจากหญิงสาวงดงามที่ทำหน้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ หรือแม้กระทั่งแขกผู้ร่วมงานเองก็ยังแต่งกายเต็มที่ ขนเครื่องเพชรมาประชันกันไม่มีใครน้อยหน้าใคร ส่วนพวกผู้ชายเองก็มีการโอ้อวดที่ไม่ได้มาในรูปแบบของเครื่องเพชร อย่างเช่นนาฬิกาแบรนด์ดัง ชุดสูทที่มีราคาแสนแพงจากนักออกแบบชื่อดัง รองเท้าสีดำมันเงาสะท้อนแสงจนแสบตา แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นไม่มีใครตรึงสายตาเขาได้เลยแม้แต่น้อย
ไมเคิลเดินหลบฉากไปยืนอยู่เงียบๆ เพียงลำพัง ในมือถือไวน์แดงไว้แก้วหนึ่งพลางโคลงแก้วไปมา ละเลียดจิบอย่างเชื่องช้า คิดเอาไว้ว่าเมื่อจบการกล่าวเปิดงานเขาจะเดินทางกลับในทันที ยืนรอได้ไม่นานเท่าไหร่นัก ไฟในห้องก็ค่อยๆ หรี่ลงจนกลายเป็นความมืดมิด แต่ก็ไม่ถึงกับมืดสนิทเสียทีเดียว เมื่อที่บนเวทีนั้นมีแสง สี เสียง อลังการ พร้อมกับสาวงามมากมายที่พากันเดินชักแถวอวดโฉมกันอย่างสนุกสนาน ไมเคิลมองทั้งหมดทั้งมวลนั้นด้วยความเบื่อหน่าย รอคอยคำกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการจากทางผู้จัด และแล้วการรอคอยก็สิ้นสุดลงเมื่อเจ้าของงานก้าวเท้าขึ้นไปยืนบนเวที
“ต้องขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านนะครับที่สละเวลามาในวันนี้ นอกจากวันนี้จะเป็นงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่แล้ว ยังเป็นการเปิดตัว CEO คนใหม่ประจำบริษัทของเราอีกด้วย ต้องขอบอกเลยว่าเราพึ่งจะจับมือเซ็นสัญญากันไปเมื่อไม่นานมานี้ และเพราะบุคคลคนๆ นี้นี่เองครับ ที่ทำการเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคโดยยึดเอาจากผลการวิจัยมาปรับใช้และเปลี่ยนแปลง ขอเสียงปรบมือให้กับคุณจูเรียส วอลเลอร์ด้วยครับ!!!” ไมเคิลโคลงแก้วไปมา มองอย่างสนใจในตัวของคนๆ นี้ ใครกันที่สามารถคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่และสามารถปล่อยมันออกมาได้พร้อมๆ กันเกือบ 10 อย่างได้ขนาดนี้ ในระยะเวลาอันรวดเร็ว
หญิงสาวคนหนึ่งเดินก้าวขาอย่างเชื่องช้าและสงวนท่าที ที่ข้างกายมีบอดี้การ์ดสองคนยืนประกบอยู่ไม่ห่าง เธอคนนั้นสวมใส่ชุดสีแดงสดเข้ารูป ช่วยขับให้รูปกายนั้นสูงโปร่งน่ามองราวกับนางแบบมืออาชีพ คอเสื้อคว้านลึกจนเผยให้เห็นแผ่นอกนิดๆ สอดรับกับทรวงอกที่มีขนาดพอดีตัวไม่ใหญ่จนเกินไป ทำให้รับรู้ได้ว่าไม่ได้ผ่านมีดหมอมาอย่างแน่นอน
เรือนผมของเธอเป็นสีน้ำตาลเข้มถูกจับเป็นช่อดอกกุหลาบขดม้วนอย่างสวยงามที่ด้านหลัง มีลูกผมถูกทำเป็นลอนนิดๆ คลอเคลียไปทั่วใบหน้าและลาดไหล่ ที่ด้านหลังนั้นคว้านลึกจนถึงสะโพกพร้อมกับสร้อยคอที่รัดรอบลำคอระหง ที่ด้านหลังเป็นไข่มุกเม็ดเล็กที่ส่วนปลาย คลอเคลียแผ่นหลังขาวนวลนั้นไปมาในยามที่ก้าวเดิน
บอดี้การ์ดคนหนึ่งนำเสื้อสูทสีดำของตัวเองถอดคลุมไหล่ให้หญิงสาว ทำให้เธอเงยหน้า ส่งยิ้มอ่อนบางและกล่าวขอบคุณเบาๆ ก่อนจะมาหยุดยืนที่หน้าเวที กวาดสายตามองไปรอบๆ เอ่ยปากด้วยเสียงนุ่มนวลน่าฟัง
“ฉันต้องขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกๆ ท่านที่สละเวลามาในวันนี้ ผลิตภัณฑ์นี้ฉันได้แนวคิดมาจากงานวิจัยของบริษัท..........” ไมเคิลถึงกับเหม่อลอยไปชั่วครู่ ยืนมองหญิงสาวที่กล่าวถ้อยคำอย่างฉะฉานอยู่บนเวที น้ำเสียงนี้..... ช่างคุ้นเคย.....
แม้จะแหลมสูงและออกจากแผ่วเบาไปสักหน่อย แต่ไมเคิลก็อดคิดไม่ได้ว่ามันเหมือนกับใครคนหนึ่ง คนที่ตนเฝ้าตามล่าหาตัวมาตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
เธอคนนั้นมีดวงตาสีฟ้าสดใส ใบหน้าถูกสวมทับด้วยหน้ากากลวดลายกากเพชรที่ปกปิดใบหน้าไปครึ่งหนึ่ง ช่างแลดูละม้ายคล้ายกับใครบางคน....
“โรมีโอ.....” ไมเคิลครางเสียงแผ่ว จากที่ต้องการจะออกจากงานในทันทีที่กล่าวเปิดงานจบลง กลับกลายเป็นว่ายังละล้าละลังไม่ยอมขยับไปไหน แต่ในท้ายที่สุดก็ตัดสินใจนำแก้วไปวางไว้บนโต๊ะ เดินไปที่อีกด้านหนึ่ง แฝงตัวอย่างแนบเนียน เฝ้ารอจนกระทั่งเธอคนนั้นเดินลงจากเวที แล้วแอบตามไปอย่างเงียบเชียบ
หญิงสาวคนดังกล่าวชะงักเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นเอ่ยปากสั่งการ แล้วจึงออกตัวเดินไปเพียงลำพัง ในขณะที่บอดี้การ์ดทั้งสองคนนั้นแยกกันไปคนละทาง จูเรียสเปิดประตูเข้าห้องพักแห่งหนึ่งที่ชั้นสูงสุด แล้วปิดประตูลงอย่างแผ่วเบา
ไมเคิลลอบมองซ้ายมองขวา ขยับไปหยุดอยู่ที่หน้าประตู ขณะที่กำลังคิดตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับประตูนั้นดี ฉับพลันประตูนั้นก็ถูกเปิดออกอีกครั้งอย่างไม่ทันตั้งตัว ไมเคิลจึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยท่าทีเรียบนิ่งไม่แสดงอาการอะไรออกไป ในขณะที่อีกฝ่ายทำเพียงเลิกคิ้วขึ้น
“เป็นคุณนี่เอง.....” เสียงนั้นทุ้มต่ำน่าฟัง แตกต่างจากตอนอยู่บนเวทีเล็กน้อย ก่อนที่สาวเจ้าจะหัวเราะแผ่วเบา ยกแขนขึ้นกอดอกพิงประตู
“ตามฉันมาทำไม?”
“......” ไมเคิลใช้ความเงียบแทนคำตอบ เพราะเขาเองก็ไม่อาจแน่ใจว่าคนตรงหน้าจะใช่โรมีโอจริงหรือไม่ จึงไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรมากนัก
“เฮ้อ เข้ามาสิ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วมอง ขานั้นยังไม่ยอมก้าวเข้าห้อง จึงได้แต่หยุดยืนอยู่กับที่ ทำให้หญิงสาวต้องหันกลับมาร้องถาม
“จะเข้ารึเปล่า?” ไมเคิลกะพริบตาหนึ่งครั้งก็สามารถเรียกสติกลับเข้าร่างได้ จึงก้าวเท้าอย่างมั่นคงเข้ามาภายในห้องชุดสุดหรูของโรงแรม
“ฉันสั่งให้คนเตรียมอาหารไว้ให้แล้ว อีกสักพักก็คงมา” อีกฝ่ายพูดขณะยืนหันหลังถอดหน้ากากออกแล้ววางไว้บนโต๊ะ มือขาวเรียวนั้นขยับไปถอดกิ๊ฟที่ติดอยู่บนศีรษะให้ตัวเองด้วยความช่ำชอง
“ระหว่างนั้นเราคงทำอะไรสนุกๆ ได้สักยกสองยก” จูเรียสพูดพร้อมกับการปล่อยให้เส้นผมสีน้ำตาลเข้มทิ้งสะบัดตัว คลอเคลียไปมา อีกฝ่ายใช้นิ้วมือสอดเข้าไประหว่างสายเสื้อของชุดที่สวมใส่ ปลดมันลงช้าๆ จากไหล่บางทั้งสองข้าง แล้วจึงหันหน้ากลับมา ทำให้ไมเคิลรู้ว่าเรือนร่างนี้ภายใต้ชุดเดรสสุดร้อนแรงนั้นคือความเปลือยเปล่าที่ถูกพันรัดด้วยพลาสติกสีใส ทำให้เอวเว้าคอดกิ่วมากยิ่งขึ้นจนเหมือนเรือนร่างของอิสตรีและปิดบังอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกไม่ควรให้แนบสนิทไปกับลำตัว
“คุณว่างั้นไหม? ไมเคิล......”
“โรมีโอ.....” เจ้าของชื่อหัวเราะในลำคอ เริ่มต้นแกะพลาสติกเหล่านั้นออกจากตัวอย่างช้าๆ
“ผิดหวังรึเปล่า ที่หญิงสาวที่คุณเดินตามมาไม่ใช่อย่างที่คิด”
“.....”
“ไม่สินะ เพราะคุณได้ทั้งชายและหญิงอยู่แล้วนี่”
“.....”
“ยังไงดีล่ะ? จะทำรึเปล่า?” ชายหนุ่มเอียงคอน้อยๆ ลอบยกยิ้มมุมปากเมื่อใบหน้าของไมเคิลมืดครึ้มไม่น่าดู ชายหนุ่มกัดฟันกรอด พูดเสียงลอดไรฟัน
"เอวาอยู่ที่ไหน....." โรมีโอพลันถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย หยิบเอาเสื้อคลุมมาสวมใส่ผูกเชือกไปพลาง
"ผมต้องตอบ? ...." โรมีโอพูดพร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปาก ทำให้ไมเคิลยิ่งรู้สึกกรุ่นโกรธมากยิ่งขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม
“.....”
"ไมค์... คุณควรจะเลิกยึดติดได้แล้วนะ" โรมีโอพูดพร้อมกับใช้ริบบิ้นผูกผมของตัวเองไปพลาง ไมเคิลมองตามการกระทำนั้นไม่ละสายตา ก้าวย่างสุขุมเดินเข้าไปหา จับกระชากแขนเรียวนั้นให้หันกลับมามองหน้ากัน
"!!! "
"นายจะไปรู้อะไร..... นายจะไปรู้อะไร!!!! " ไมเคิลตวาดก้องไปทั่วห้อง โรมีโอปัดมือนั้นออกอย่างไม่สนใจ
"ผมรู้มากกว่าที่คุณคิดไมเคิล.... รู้มากกว่า... ชนิดที่ว่าคุณคาดไม่ถึงเลยทีเดียว" โรมีโอผลักอกของไมเคิลให้ขยับออกห่าง ในขณะที่ตัวเองนั้นเดินผ่านไปอีกทาง แต่ไมเคิลไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น จับดึงกระชากแขนเรียวเล็กนั้นแล้วเหวี่ยงลงบนโซฟาตัวใหญ่หนานนุ่ม โรมีโอทำเพียงเลิกคิ้วขึ้นอย่างสนอกสนใจ เอ่ยปากพูดเนิบช้า
"คุณคงไม่คิดจะลงโทษผมด้วยเซ็กส์หรอกนะ? "
“.....”
"หึหึ...." โรมีโอหัวเราะในลำคอ จับดึงกระชากต้นคอของไมเคิลให้โน้มตัวลงมา ประทับริมฝีปากกดจูบดูดดื่ม ริมฝีปากบดขยี้ซึ่งกันและกันอย่างร้อนแรง โรมีโอที่ทอดกายนอนอยู่ใต้ร่าง หยัดตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อสอดแทรกปลายลิ้นเข้าสู่ริมฝีปากของไมเคิล
ส่งปลายลิ้นเข้าไปหยอกล้อพัวพัน ในขณะที่ไมเคิลนั้นพยายามขบกัดและดุนดันให้โรมีโอล่าถอยไป เมื่ออีกฝ่ายไม่ยินยอมถอนออกไปแต่โดยดี ไมเคิลจึงขบกัดจนได้เลือด ทำให้โรมีโอหัวเราะในลำคอแม้ว่าริมฝีปากจะถูกปิดอยู่ก็ตามที....
โรมีโอยกมือขึ้นนวดคลึงต้นคอของไมเคิลไปพลาง การบดจูบนั้นยาวนานและหนักหน่วงจนริมฝีปากเริ่มเจ็บชา โรมีโอถึงได้ถอนริมฝีออก หยาดน้ำสีใสไหลเยิ้มและเชื่อมติดกันเป็นสาย อดีตผู้ช่วยคนสนิทยันตัวขึ้นพูดด้วยเสียงกระซิบแผ่วเบาแหบพร่า
"ผมคิดถึงคุณ.... ไมค์...." ไมเคิลชะงักนิ่งกับถ้อยคำนั้น ภายในใจอดคิดไม่ได้ว่าเขาเองก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน.....
และในขณะเดียวกันเขาก็คิดถึงเอวาด้วย.....
ไมเคิลทิ้งตัวนอนทับโรมีโอเอาไว้ ทิ้งศีรษะซบลงที่ศอกคอของอีกฝ่าย เอ่ยปากพึมพำ
"ทำไม..... ทำไมถึงไปจากฉัน...."
"ไมเคิล... เราทุกคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง....." โรมีโอพูดพร้อมกับลูบกลุ่มผมนุ่มมือสีดำสนิทราวอีกานั้นแผ่วเบา ขยับริมฝีปากกดจูบหนักๆ ที่ขมับของไมเคิลหนึ่งที ก่อนจะกระซิบอีกครั้งที่ริมใบหู
“พักผ่อนบ้างนะครับ”
ปึก!
สิ้นคำนั้น โรมีโอก็ใช้สันมือสับลงที่หลังคอของไมเคิลอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ทำให้ชายหนุ่มหมดสติและทิ้งตัวลงนอนทับโรมีโอในทันที ชายหนุ่มที่มีเรือนผมสีน้ำตาลยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังของอดีตเจ้านาย กระชับวงแขนให้โอบกอดแนบแน่น ซุกใบหน้าลงที่ซอกคอ ร้องขออุ่นไอที่แผ่ออกจากร่างกาย
โรมีโอนอนกอดไมเคิลอีกเกือบนาทีก่อนจะยอมผละกายออก ดันให้ไมเคิลทิ้งตัวลงนอนที่ด้านข้าง หลังจากนั้นจึงย้ายตัวเองลงจากโซฟา ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยใบหน้าของไมเคิลแผ่วเบา
“ผมคิดถึงคุณไมเคิล.......”
ไมเคิลตื่นขึ้นมาบนเตียงกว้างภายในห้องชุดสุดหรู ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งด้วยความมึนงง ยกมือขึ้นกุมขมับพร้อมกับการส่ายศีรษะไปมาไล่อาการปวดตุ้บๆ ภายในหัวสมองไล่เรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้
“โรมีโอ!!” ชายหนุ่มผุดตัวลุกขึ้นนั่งและหันมองรอบกายในทันที ดวงตาคมกล้าสองสีกวาดมองไปทั่วห้องอย่างรวดเร็ว กลับได้พบเพียงแค่ความว่างเปล่า จนอดที่จะสบถไม่ได้
ไมเคิลสูดลมหายใจเข้าออก หยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างเตียงขึ้นมาถือไว้ กดโทรออกหาบอดี้การด์พร้อมออกคำสั่ง
“หาข้อมูลของตระกูลวอลเลอร์มาให้ฉัน แล้วก็สืบหามาด้วยว่า CEO ชื่อจูเรียส ที่ร่วมมือกับบริษัทโรมานซ์เป็นใคร เข้ามาร่วมมือได้ยังไงตั้งแต่เมื่อไหร่”
ติ๊ด!
เมื่อสั่งการเสร็จ ชายหนุ่มก็ตัดสายทิ้งทันทีไม่สนว่าปลายสายจะพูดว่าอะไร ไมเคิลหันกลับมามองที่รอบกายอีกครั้ง เห็นหน้ากากสีขาวของเขาวางคู่กันกับหน้ากากลวดลายกากเพชรของอีกฝ่าย จนอดที่จะเค้นเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้
“เหอะ” ไมเคิลหมุนตัวเดินหันหลัง มุ่งตรงกลับบ้านเพื่อไปทำงานในช่วงสายของวัน แต่ในครั้งนี้เขามีจุดหมายมากกว่าเดิม คือการหาข้อมูลของผู้หญิงที่ชื่อจูเรียส หรืออีกนัยหนึ่งก็คือชื่อแฝงที่โรมีโอใช้ในการโลดแล่นอยู่บนเส้นทางธุรกิจ ชายหนุ่มชื่อว่าโรมีโอต้องใช้ตัวตนนี้ในการติดต่อประสานงานต่างๆ รวมถึงการแสดงตัวตนให้เป็นที่น่าเชื่อถืออีกด้วย
ไม่นานเกินรอ ไมเคิลก็ได้ข้อมูลของผู้หญิงที่ชื่อจูเรียสมาอยู่ในมือ ทำให้พบว่าผู้หญิงคนนี้มีตัวตนจริงในแวดวงธุรกิจ รูปถ่ายและใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ค่อยปรากฏมากนักในสื่อออนไลน์หรือนิตยสารต่างๆ น้อยครั้งที่กล้องจะสามารถถ่ายภาพจับเอาไว้ได้ ถ้าไม่มีหน้ากากอนามัยมาสวมทับก็มักจะถูกปกปิดด้วยหน้ากากหริอแว่นตาอยู่เสมอ เรียกได้ว่าใบหน้าที่ไร้สิ่งใดปกปิดนั้นหาแทบไม่ได้เลย.....
ไมเคิลอ่านข้อมูลของจูเรียสอยู่อีกครู่ใหญ่ พบว่าหญิงสาวคนนี้มักจะส่งคนอื่นไปรับหน้าในการแสดงตัวตน และนานๆ ครั้งถึงจะออกไปพบลูกค้าด้วยตัวเองสักที และเธอคนนี้โลดแล่นอยู่ในแวดวงธุรกิจมามากกว่า 3 ปีเสียด้วยซ้ำ ข้อมูลที่ได้รับมาทำให้ไมเคิลเผลอจิกเล็บลงบนเนื้อกระดาษสีขาวนวลจนยับย่น
“นายสร้างตัวตนให้ตัวเองตั้งแต่ 3 ปีก่อนเลยงั้นหรอโรมีโอ....” ไมเคิลครุ่นคิดขณะที่สายตากวาดมองรูปถ่ายเสี้ยวหน้าของอีกฝ่าย อดสงสัยไม่ได้ว่าโรมีโอใช้ใครเป็นมือเท้าในการทำงานให้ และทำอย่างไรเมื่อต้องแสดงตัวตนต่อลูกค้าของตัวเอง แอบลักลอบออกไปเมื่อไหร่ ตอนไหน ทำไมเขาถึงไม่เคยรู้สึกเลยสักนิด
ในตอนนั้นเองที่ไมเคิลพลันนึกขึ้นได้ โรมีโอชอบที่จะลากิจอย่างน้อยปีละ 2 – 3 ครั้ง และจะเป็นวันเดียวกันซ้ำๆ ในทุกๆ ปี ให้เหตุผลว่าไปสักการะหลุมศพของผู้เป็นบิดามารดา หรือบางครั้งก็เป็นการออกไปซื้อของขวัญให้กับน้องชายที่หายไปของตน และทุกครั้งจะกลับมาพร้อมกับกล่องของขวัญหนึ่งใบ ที่ส่งมอบมันให้กับเอวา ด้วยเหตุผลที่ว่าอยากจะซื้อของขวัญให้น้องชาย แต่ไม่รู้ว่าจะเอาไปให้ที่ใด จึงขอให้เอวาเป็นตัวแทนของคนๆ นั้น เพียงแต่มันเป็นคนละวันกับวันเกิดเอวาที่เขาจัดให้ในทุกๆ ปี และมันล่าช้าหลังจากนั้นไปประมาณ 3 เดือน.....
ในตอนนี้เองที่หัวสมองของไมเคิลพลันสว่างวาบ ที่โรมีโอส่งเอกสารการทวงสิทธิ์ในการดูแลน้องน้อยมาให้เป็นเพราะเอวาต้องใช้เวลาอีก 5 เดือน หรือก็คือครึ่งปีจึงจะบรรลุนิติภาวะนั่นเอง เนื่องจากโรมีโอเป็นคนเดียวที่รู้วันเกิดของน้องน้อย ส่วนไมเคิลนั้นนับเอาวันที่พบกับน้องน้อยเป็นครั้งแรกในการตั้งเป็นวันเกิดให้คนตัวเล็ก
ไมเคิลโยนกระดาษในมือทิ้งอย่างหงุดหงิดใจ ก่อนจะหยิบเอาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับตระกูลวอลเลอร์ขึ้นมาอ่านดู
ชายหนุ่มเองก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่นักว่านามสกุลนี้จะเป็นของโรมีโอจริงหรือไม่ หรือเป็นแค่นามแฝงที่อีกฝ่ายเลือกใช้เช่นเดียวกันกับชื่อของจูเรียส แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ยังคงกวาดสายตาอ่านข้อมูล พบว่าบุคคลในตระกูลนี้มีตัวตนจริง เพียงแต่บัดนี้ไม่มีใครหลงเหลืออยู่ในตระกูลอีกต่อไปแล้ว
ตระกูลวอลเลอร์เป็นตระกูลเก่าแก่ โดยผู้นำตระกูลคนสุดท้ายคืออาร์เธอร์และเทียร์ร่าที่เป็นภรรยา ทั้งคู่มีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคน จากการสืบค้นข้อมูลพบว่าอาเธอร์ถูกบุกรุกบ้านในยามวิกาลและออกคำสั่งให้ภรรยาพาลูกหนีออกไปก่อน แต่เพราะความเร่งรีบและสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้น ผู้ที่เป็นภรรยาและลูกเสียชีวิต ส่วนอาเธอร์นั้นกลายเป็นศพภายในบ้านของตนเอง จากข้อมูลที่ทางตำรวจรวบรวมได้มา คาดว่าอาจเป็นการขัดแข้งขัดขาทางธุรกิจ เพราะตระกูลนี้เองก็เคยเป็นสุนัขรับใช้ของราชวงศ์เช่นกัน
ไมเคิลอ่านแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วมอง หากตระกูลนี้เคยเป็นสุนัขรับใช้ราชวงศ์ บางทีพระนางอาจจะรู้จักคนในตระกูลก็เป็นได้ เมื่อคิดดังนั้นไมเคิลก็ไม่รอช้า ต่อสายหากันนาร์ แจ้งความต้องการในการเข้าพบในทันที ทำให้ช่วงเย็นของวันไมเคิลต้องเดินทางไปที่พระราชวังแทนการมุ่งตรงกลับคฤหาสน์ของตน
เมื่อมาถึงแล้วไมเคิลถูกเชื้อเชิญให้อยู่ร่วมกันรับประทานอาหารเย็นร่วมกับพระนาง ชายหนุ่มจึงอดไม่ได้ที่จะทวงถามความคืบหน้าของน้องน้อยไปพลางขณะรับประทานอาหาร พระนางทำเพียงถอนหายใจแล้วส่ายหน้าไปมาโดยที่ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร
หลังจากทานอาหารเสร็จ ไมเคิลและองค์ราชินีก็ย้ายสถานที่เป็นห้องทรงงานส่วนพระองค์ เมื่อทั้งสองฝ่ายได้นั่งลงเรียบร้อยแล้ว ไมเคิลก็ไม่รอช้า หยิบยื่นเอกสารพร้อมกับรูปถ่าย 2 – 3 ใบ ไปตรงหน้าของพระองค์ในทันที
“เสด็จย่ารู้จักตระกูลนี้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” พระนางเลิกพระขนงขึ้นเล็กน้อย ยื่นพระหัตถ์ออกมาข้างหน้า รับเอาเอกสารไปเปิดดูคร่าวๆ กดพระพักตร์ขึ้นลงแล้วจึงแย้มพระโอษฐ์เอ่ยตรัสถ้อยคำ
“รู้จักสิ ตระกูลวอลเลอร์เป็นหนึ่งในตระกูลสุนัขรับใช้ น่าเสียดายที่ถูกฆ่ายกครอบครัว....”
“เสด็จย่าช่วยเล่าให้หลานฟังได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” องค์ราชินีทอดพระเนตรสบกับดวงตาคมกล้าสองสีนั้นอย่างเงียบงัน ความเงียบเข้าโอบล้อมอยู่ชั่วอึดใจ เมื่อได้พบความแน่วแน่ภายในดวงตาจึงแย้มประโอษฐ์บอกเล่าเรื่องราวอย่างเชื่องช้า
“แต่เดิม ตระกูลวอลเลอร์เป็นตระกูลที่ถือว่าเป็นมิตรสหายของเชื้อพระวงศ์ในทุกรุ่นทุกสมัย ในขณะที่ตระกูลวัลโด้เป็นผู้ครอบครองบัลลังก์มังกร ก็จะมีตระกูลวอลเลอร์คอยเป็นผู้ช่วย เป็นมิตรสหาย หรือแม้แต่คู่ชีวิต ผู้นำตระกูลรุ่นก่อนก็คืออาเธอร์ เป็นสหายร่วมเรียนกันกับนิโคลัส ทำให้ทั้งคู่นั้นสนิทสนมกันมากทีเดียว” องค์ราชินีแย้มพระโอษฐ์จนเกิดเป็นรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะกล่าวต่อ
“เธอคนนี้.... คือเทียร์ร่า เป็นสหายร่วมเรียนด้วยเช่นกัน หลานรู้เหตุผลที่ทำให้ตระกูลวัลโด้ในรุ่นของหลานไม่ได้เป็นองค์ชายหรือองค์รัชทายาทหรือไม่” ไมเคิลทำเพียงจ้องมองอย่างเงียบงัน ไม่ส่ายหน้าหรือตอบรับคำใด รอคอยให้พระนางเป็นผู้เอ่ยบอกด้วยตัวเอง
“นั่นเป็นพระนิโคลัสรักใคร่ชอบพอกับเทียร์ร่า ด้วยความที่นางเป็นสามัญชนคนธรรมดา ทำให้นิโคลัสได้รับการกดดันจากพวกขุนนางน้อยใหญ่ที่อยู่ภายใต้การปกครองถึงความไม่เหมาะสมนี้ นิโคลัสที่อยู่ในตำแหน่งองค์รัชทายาทต้องต่อสู้เป็นอย่างมากเพื่อให้ได้นางมาครอบครอง และสุดท้ายนิโคลัสเลือกที่จะสละราชบัลลังก์ เพื่อกลับสู่สามัญชน เพื่อครองรักกับนาง....
แต่อนิจจา.... เทียร์ร่าไม่ได้มีความรักให้กับนิโคลัสแม้สักเสี้ยว กลับกัน นางกลับไปหลงรักอาเธอร์สหายร่วมเรียนแทน ทำให้นิโคลัสเลือกหญิงสาวที่มีชาติตระกูลดีและเพียบพร้อมมาแต่งงานด้วยเป็นการประชดกลายๆ ซึ่งก็คือแม่ของหลานนั่นเอง
ไมอาร์เป็นหญิงสาวที่ดี เธออ่อนหวานและน่าทะนุถนอม แม้ว่านิโคลัสจะได้เข้าหอกับเธอแค่คืนเดียวในวันแต่งงานแต่ก็ทำให้เธอตั้งครรภ์ได้และมีหลานขึ้นมา ไมอาร์ถูกละเลยความสนใจ ชีวิตของเธอจึงอยู่กับบุตรชายมากกว่า ในขณะนั้นนิโคลัสเองก็เริ่มระรานเทียร์ร่าและอาเธอร์เพิ่มมากขึ้น จากเรื่องเล็กน้อยและค่อยๆ ขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะไฟรักและไฟแค้นเป็นสาเหตุ สุดท้ายแล้วเรื่องราวก็จบลงที่ตระกูลวอลเลอร์หายไปจากหน้าบันทึกประวัติศาสตร์ของเชื้อพระวงศ์.....”
“เสด็จย่าจะบอกกับหลานว่าตระกูลนี้หายไปเพราะท่านพ่ออย่างนั้นหรือ.....” องค์ราชินีถอนหายใจพร้อมกับหลับตาลงเป็นการยอมรับกลายๆ ไมเคิลที่มองเห็นท่าทีนั้นพลันหัวเราะอย่างไร้เสียง รู้สึกชิงชังบิดาของตนเองเพิ่มมากยิ่งขึ้นเป็นเท่าตัว ก่อนจะนึกขึ้นได้และเอ่ยปากถามพระนางอีกครั้ง
“หลุมศพของตระกูลวอลเลอร์อยู่ที่ไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ” องค์ราชินีเลิกพระขนงขึ้นอย่างสนใจ แล้วจึงหันไปหากันนาร์ที่ยืนคอยรับใช้อยู่เงียบๆ
“กันนาร์ เตรียมรถให้ฉันที”
“พ่ะย่ะค่ะ” สิ้นคำ ชายหนุ่มก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่องค์ราชินีทรงลุกขึ้นจากพระที่นั่ง หันมาเอ่ยบอกกับไมเคิลไปพลาง
“ไปเถอะ เราจะไปหลุมศพนั้นด้วยกันหลานรัก” ดังนั้นแล้วไมเคิลจึงลุกขึ้นยืน ขยับเข้าไปประคององค์ราชินี ทำให้พระองค์หันมาส่งยิ้มให้บางเบา แล้วจึงพากันไปที่รถ
ไมเคิลขึ้นรถมาพร้อมกับพระนาง ตลอดการเดินทางนั้นเต็มไปด้วยความเงียบงัน ไมเคิลจมอยู่ในความคิดของตัวเอง อดคิดไม่ได้ว่าโรมีโออาจจะเป็นเพียงคนๆ เดียวที่หลงเหลืออยู่ของคนในตระกูลนี้ อาจจะเป็นเด็กรับใช้ของใครสักคน และเพราะแบบนั้นชายหนุ่มจึงเลือกหยิบเอานามสกุลวอลเลอร์กลับมาใช้หรือเปล่า หรือเป็นเพราะโรมีโอคือบุตรชายคนนั้น แต่ในข้อมูลที่ได้มาระบุไว้ชัดเจนว่าบุตรชายได้ตายไปพร้อมกับผู้เป็นมารดาทางอุบัติเหตุรถยนต์ไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นโรมีโอมีความสัมพันธ์อย่างไรกับครอบครัวนี้กันแน่
ไมเคิลนั่งครุ่นคิดเพียงคนเดียวเงียบๆ จนไม่ได้สังเกตรอบกายเลยสักนิดว่าเส้นทางที่รถยนต์ส่วนพระองค์กำลังวิ่งผ่านด้วยความรวดเร็วนั้นกำลังมุ่งตรงไปที่ใดกันแน่ กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่เงยหน้าขึ้นมองและรอบกายก็แปรเปลี่ยนจากตึกรามบ้านช่องกลับกลายเป็นป่าสนขนาดใหญ่ ทำให้ไมเคิลหันมองรอบกายด้วยความสนใจ ความรู้สึกบางอย่างกำลังร้องเตือน
รถยนต์ที่วิ่งด้วยความเร็วเต็มกำลัง ทำให้เพียงไม่นานนักก็เห็นคฤหาสน์หลังหนึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเขา คฤหาสน์หลังนั้นคล้ายกับพระราชวังขนาดย่อม ที่หลังคาเป็นทรงแหลมสูง มีนาฬิกาขนาดใหญ่ติดอยู่ที่ด้านบน ตัวคฤหาสน์เป็นสไตล์ยุโรปโบราณ ทำให้ไมเคิลเงยหน้ามองอย่างสนใจ แม้ว่าเวลานี้จะดึกมากเต็มที แต่ภายในบ้านยังคงเปิดไฟสว่างไสว จนไมเคิลได้แต่ขมวดคิ้วมอง
“โบสถ์หรือพ่ะย่ะค่ะ” พระนางทรงพระสรวลแผ่วเบาสลับกับการส่ายพระพักตร์ไปมา
“ไม่ใช่หรอกหลานรัก นี่คือบ้านของตระกูลวอลเลอร์” ไมเคิลได้ฟังก็ขมวดคิ้ว เงยหน้ามองคฤหาสน์ที่มีแสงไฟประดับประดา หรือว่าหลุมศพของตระกูลนี้จะอยู่ที่ด้านหลัง? ถ้าอย่างนั้นใครเป็นผู้อาศัยอยู่ที่นี่?
ไมเคิลนั่งรถที่ขับเข้าไปด้านในและหยุดลงที่หน้าประตูบ้าน กันนาร์ขยับตัวลงจากรถ ไปเปิดประตูรถพร้อมส่งมือให้พระนางใช้ประคองในการยันตัวขึ้น ไมเคิลเองก็ก้าวเท้าลงจากรถเช่นกัน และเมื่อหันกลับมาเขาก็พบกับใครบางคนที่กำลังนั่งทำความเคารพให้กับองค์ราชินีอยู่ที่หน้าประตูบ้าน
“ขอพระองค์ทรงพระเจริญ”
“ขอบใจ” องค์ราชินียิ้มรับ ลูบศีรษะของคนที่อยู่ต่ำกว่าอย่างอ่อนโยน ทำให้คนๆ นั้นเงยหน้าขึ้นมอง เส้นผมสีน้ำตาลที่ระใบหน้าในคราแรกถูกแยกออก เปิดเผยใบหน้างดงามดั่งรูปสลักให้เห็น ทำให้ไมเคิลครางในลำคอ
“โรมีโอ.......”
“โรมีโอ.......”ไมเคิลเอ่ยปากครางเรียกชื่อของอีกฝ่าย ทำให้โรมีโอหันหน้ามามองคนที่ยืนอีกฝั่งของประตูรถยนต์ อดีตผู้ช่วยหนุ่มทำเพียงเลิกคิ้วมอง แล้วจึงหันไปมององค์ราชินีเชิงเป็นคำถาม“เห็นใจฉันเถอะเด็กน้อย หลานของฉันย่ำแย่เต็มที....” องค์ราชินีลูบเส้นผมของโรมีโอเบาๆ ขณะที่เหลือบมองไมเคิลไปพลาง แล้วจึงถามหาใครอีกคนแทน“เอวาอยู่ที่ไหนเสียล่ะ”“ทำแผลให้กับบารอนอยู่พ่ะย่ะค่ะ” ไมเคิลขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เหลือบมองบุคคลทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็คลับคล้ายคับคลาว่าจะเข้าใจอะไรบางอย่างอยู่ในที“ฉันจะเข้าไปหาตัวเล็กสักหน่อย พวกเธอคุยกันเถอะ” โรมีโอก้มหน้าลงคล้ายกับการน้อมรับคำสั่ง ในขณะที่องค์ราชินีเดินเข้าไปภายในคฤหาสน์ ส่วนกันนาร์นั้นยืนละล้าละลัง ตามหน้าที่ของเขาจำต้องเดินตามพระองค์ไป หากแต่ใจของเขากลับอยากยืนอยู่ที่นี่ ที่ข้างๆ โรมีโอ คอยช่วยดูแลสอดส่อง เผื่อว่ามีการลงไม้ลงมือเกิดขึ้นโรมีโอผุดตัวลุกขึ้นโดยที่มีกันนาร์ยื่นมือให้ใช้ยึดจับยันตัว ดังนั้นแล้วชายหนุ่มจึงเอ่ยปากบอกขอบคุณเบาๆ พร้อมกับร้องบอก“ขอบคุณครับ คุณตามพระองค์ไปเถอะครับ ผมอยู่ได้” โรมีโอพูดพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนบางให้กับกันนาร์
“ตัวเล็กเป็นน้องแท้ๆ ของคุณ......”“!!!”“น้องที่มีสายเลือดเดียวกัน.....”สิ้นคำพูดนั้นของอดีตผู้ช่วยหนุ่ม ทั่วทั้งห้องพลันตกอยู่ในความเงียบงัน แม้แต่เสียงลมหายใจก็แลดูคล้ายว่าจะเลือนหายไปชั่วขณะ โรมีโอพูดด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความจริงจังในน้ำเสียงนั้น และเพราะถ้อยคำนั้นเองที่ทำให้ไมเคิลถึงกับนิ่งอึ้ง ดวงตาเบิกกว้าง ไม่ต่างกันกับเอวาที่ผละตัวออกจากโรมีโอแล้วเงยหน้าขึ้นมองด้วยความรวดเร็วโรมีโอสูดลมหายใจเข้าลึก ประคองน้องน้อยให้ลุกขึ้นจากพื้น เอ่ยปากเสียงเย็นกับคนที่ยังคงนิ่งอึ้งอยู่บนเตียง“คุณออกไปก่อนนะครับ เราจะคุยกันหลังจากนี้” โรมีโอพูดด้วยเสียงเด็ดขาด ไมเคิลลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เดินตัวลอยออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบ สติของชายหนุ่มขาดหายไปแล้วในช่วงเวลานี้ ในขณะเดียวกันโรมีโอก็ประคองน้องน้อยให้กลับไปนั่งบนเตียงพร้อมกับการลูบหลังปลอบใจ กอดรัดเอาไว้แน่นกระซิบถ้อยคำปลอบโยน สลับกับการใช้มือไล้ปาดหยาดน้ำตาออกจากดวงหน้าหวานที่ฉ่ำชื้น ประตูปิดลงอย่างเงียบงัน ทิ้งไว้เพียงเสียงสะอื้นของน้องน้อยที่ลอดออกมาจากห้องไมเคิลเดินออกมาจากห้อง ก้าวขาลงบันไดอย่างสติเลื่อนลอย แล้วจึงเดินไปทรุดตัวนั่ง
Romeo Partโรมีโอมองตามหลังคนที่หมุนกายเดินออกจากห้องไปเงียบๆ บนตักของตนมีน้องน้อยที่ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น กอดรัดเขาเอาไว้แน่น จนชายหนุ่มต้องยกมือขึ้นสูง ลูบแผ่นหลังเล็กบางนั้นแผ่วเบา สลับกับการกอดปลอบและโยกตัวราวกับกำลังปลอบใจเด็กน้อยที่มีอายุเพียงไม่กี่ขวบ“ฮึก! หนะ หนูเกิดมาจากความผิดพลาดหรอ...... ฮืออออ” เอวาร้องถามมือหนึ่งยกขึ้นปาดน้ำตา ในขณะที่อีกมือนั้นจับเสื้อสูทของโรมีโอเอาไว้แน่น“ไม่ใช่ค่ะ ตัวเล็กเกิดขึ้นจากความตั้งใจของคนเป็นพ่อนะ”“ฮึอ ตะ แต่ ฮือออ แต่แม่ไม่ต้องการหนู ฮือออ” เอวาพูดทั้งน้ำตา ร่ำไห้ปานจะขาดใจ ทำให้โรมีโอต้องเอ่ยปากอีกครั้งอย่างอ่อนโยน“ถ้าแม่ไม่ต้องการ ตัวเล็กจะได้เกิดมาหรอคะ ถึงแม้พ่ออาเธอร์จะช่วยพูดเอาไว้ แต่ถ้าแม่ไม่รักตัวเล็กจริงๆ หนูคงไม่ได้มานั่งอยู่บนตักพี่อย่างนี้” โรมีโอพูดพร้อมกับยกนิ้วจิ้มปลายจมูกแดงก่ำอย่างหยอกล้อ“ตัวเล็กร้องไห้ได้ค่ะ แต่พี่ให้ร้องแค่วันนี้นะ ร้องจนกว่าตัวเล็กจะพอใจเลย หลังจากนั้นยิ้มให้พี่เยอะๆ ยิ้มมากๆ เท่าที่จะมากได้ อย่าให้เป็นพี่ที่เป็นคนพรากรอยยิ้มของตัวเล็กไปเลยนะ” โรมีโอพูดพร้อมกับยกนิ้วโป้งขึ้นไล้เกลี่ยริมฝีปากบางไป
“ทรงทราบตั้งแต่เมื่อไหร่......” ไมเคิลเอ่ยถามเสียงเรียบ ดวงตามองจ้องคนตรงหน้าไม่ละสายตาไปไหนองค์ราชินีวางแก้วชาลงหลังจากที่ยกขึ้นจิบเพียงเล็กน้อย พร้อมกับทอดถอนพระทัยอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะทรงตรัสถ้อยคำเอื้อนเอ่ยบอกแก่หลานชายของตน“ตั้งแต่แรก”“.....” องค์ราชินีมองคนเป็นหลานที่มีดวงตาประกายวาวโรจน์เรืองรอง ความคุกรุ่นปรากฏอยู่ภายในดวงตาแจ่มชัด องค์ราชินีมองสบกับดวงตาสองสี อันเป็นเอกลักษณ์ของวงศ์ตระกูลวัลโด้ ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำอีกครั้ง ช้าๆ ชัดๆ“ย่ารู้ตั้งแต่แรกแล้ว หลังจากนิโคลัสเสียชีวิตได้ไม่นาน..... หลานคงไม่คิดว่าย่าจะปล่อยให้คนที่สังหารโอรสสวรรค์ได้อยู่อย่างสบายหรอกกระมัง?”“แต่เท่าที่หลานเห็น..... ชายผู้นั้นยังคงมีความสุขดี.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด พูดอย่างอดทน มองจ้องพระองค์เขม็งหลังจากที่ไมเคิลกลับมานอนพักที่บ้านเพื่อเอาแรง แม้จะนอนไปได้ไม่นานนัก แต่ก็พอเรียกให้กำลังวังชากลับคืนฟื้นขึ้นมาได้เล็กน้อย ทำให้เขาตั้งใจสะสางงานการที่คั่งค้างอย่างรวดเร็ว แล้วแจ้งข่าวแก่กันนาร์ เพื่อแจ้งให้ทราบว่าตนมีความต้องการที่จะเข้าพบองค์ราชินีดังนั้นแล้วหลังจากที่เขาจัดการงานเสร็จสิ้น จึงอาบน้ำแต
“อะ อะ อื้ออออ อึก!”ปึก! ปึก! ปึก!เสียงกายกระทบกายดังก้องกังวานไปทั่วทุกพื้นที่ภายในห้องๆ หนึ่ง โรมีโอถูกใครอีกคนกระแทกกระทั้นกายเข้าหาไม่มีหยุดพัก ริมฝีปากที่เปล่งเสียงร้องครวญครางเริ่มแหบพร่าเจือสะอื้นจากความสุขสมที่ได้รับทั่วทุกพื้นที่ภายในห้องนอนกว้างที่เคยถูกจัดเรียงไว้อย่างสวยงามพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา มาบัดนี้กลับกลายสภาพกลายเป็นไม่น่าดู คล้ายกับผ่านสมรภูมิรบตอนนี้โรมีโอกำลังถูกกระแทกกระทั้นจากชายร่างกายกำยำสมส่วน สองมือถูกจับมัดไขว้กันที่ด้านบน อย่างไม่อาจหลีกหนี มีเพียงยอมก้มหน้ารับความสุขสมและเสียวซ่านแทบขาดใจ เนื่องจากถูกพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา ทำได้เพียงบิดกายเร้าไปมาอย่างทุกข์ทรมานปะปนไปกับความสุขสม สภาพห้องที่ไม่เอื้ออำนวย ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับไมเคิลเลยสักนิดในการสรรหาขอเล่นมาใช้กับกายบางรูปร่างสูงโปร่งเนคไทที่เคยผูกอยู่ที่คอกลับกลายมาเป็นผ้าปิดตา.......เข็มขัดที่เคยคาดอยู่ที่เอวกลับกลายเป็นสายรัดข้อมือ.......ชั้นในสีดำสนิทที่เคยสวมใส่กลับกลายเป็นผ้าอุดปาก ส่งเสียงครางได้เพียงอื้ออึงในลำคอ.......นอกจากนี้แล้วไมเคิลยังใช้สายไฟจากโคมไฟข้างเตียงต่างสายรัดป้องกันไม่ใ
สามวันต่อมาไมเคิลก็ได้รับจดหมายกำหนดการในการประกาศแต่งตั้งองค์รัชทายาทของอาณาจักร ซึ่งจะถูกจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า จนอดที่จะทอดถอนหายใจไม่ได้กับความเร่งรีบนี้ ราวกับอีกฝ่ายกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจในภายหลังกระไรอย่างนั้นเนื่องจากเขาต้องตัดชุดที่ใช้ในพระราชพิธีและยังมีชุดออกงานอื่นๆ อีกมากมาย องค์ราชินีจึงพระราชทานช่างทำเสื้อหลวงมาให้ ทำให้ไมเคิลต้องละมือจากงานตรงหน้า มายืนกางแขนกางขาให้ช่างเสื้อวัดตัว อีกฝ่ายจดรายละเอียดลงในสมุดอย่างขะมักเขม้นใช้เวลาอยู่อีกครู่ใหญ่ การวัดตัวจึงเสร็จสิ้น ช่างทำเสื้อบอกเวลาคร่าวๆ ว่าชุดฉลองพระองค์จะเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ หลังจากที่มีการเลือกแบบได้แล้ว ไมเคิลพยักหน้ารับโดยไม่ได้พูดอะไรออกไป เชื่อว่าอย่างไรผู้เป็นย่าของตนคงจะเร่งรีบดำเนินการจัดการทั้งหมดทั้งมวลนั้นให้เสร็จทันวันงานอยู่ดีด้วยอุปนิสัยของไมเคิลที่ไม่ชอบเรื่องยุ่งยากรำคาญใจ ดังนั้นแล้วคนที่ถูกดึงตัวไปช่วยในงานจึงเป็นเอวาและโรมีโอ อดีตผู้ช่วยคนสนิทของเขาที่องค์ราชินีเอ่ยปากขอด้วยพระองค์เอง จนดูคล้ายกับว่าโรมีโอและองค์ราชินีจะสนิทสนมกันขึ้นอีกระดับ ดูได้จากการที่องค์ราชินีชี้ชวนให้ดูเนื้อผ้
Romeo Part“หลงรักนายแล้วรึเปล่านะ?”ตึกตัก..... ตึกตัก.....ชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำตาลนอนนิ่งตั้งใจฟังถ้อยคำนั้น ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นนั้นใกล้มากจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่เป่ารินรดใบหน้า โรมีโอยังคงนอนหลับตานิ่ง เสียงหัวใจที่เต้นแรงอย่างบ้าคลั่งจนกลัวว่าคนด้านบนนั้นจะได้ยินเสียงรัวราวกลองศึก แต่แล้วถ้อยคำต่อมาของไมเคิลก็ทำให้ใจเขาดิ่งวูบลงไปในทันที“หึ จะเป็นไปได้ยังไง.......” สิ้นถ้อยคำชายหนุ่มก็ผละถอยห่างไป และการถอยห่างนี้คล้ายกับว่าดึงกระชากหัวใจของโรมีโอให้หลุดลอยตามไปด้วย หลังจากนั้นไม่นานสัมผัสที่คุ้นเคยก็กลับมาอีกครั้ง เมื่อไมเคิลจับเขาแต่งตัวหลังจากเช็ดตัวให้เสร็จสรรพและผละไปนอนอีกฝั่งหนึ่งของเตียง หลับตาลงพักผ่อนในที่สุดโรมีโอทิ้งจังหวะให้ไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้า จนกระทั่งมั่นใจว่าไมเคิลหลับลงแล้วจริงๆ จึงพลิกกายนอนตะแคงข้าง ขยับเข้าไปหาน้องน้อยที่นอนคั่นกลาง แต่เพราะความสูงของขนาดตัวและตำแหน่งหมอนที่จัดวาง ทำให้โรมีโอได้เห็นใบหน้าด้านข้างของไมเคิลอย่างชัดเจนดวงตาสีฟ้างดงามบัดนี้กลับหมองหม่นและมีม่านหมอกปกคลุมไว้ ไม่สดใสเป็นประกายเจิดจ้าเช่นเก่าก่อน โรมีโอลอบผ่อนลมหายใจช้าๆ คว
“พักสักหน่อยไหมครับ” โรมีโอยกมือขึ้นนวดขมับหลับตาลงเพื่อพักสายตา ในขณะที่เรนเดลวางแก้วกาแฟลงตรงหน้าของชายหนุ่ม โรมีโอส่ายศีรษะช้าๆ รับแก้วกาแฟมาจิบเล็กน้อยก่อนจะวางลงตามเดิม ตอนนี้โรมีโอกำลังโอนย้ายงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในตระกูลวอลเลอร์ให้กับเรนเดล ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคฤหาสน์หลังนี้ สิ่งที่เรนเดลต้องคอยดูแลไม่ให้ขาดตกบกพร่อง นอกจากนี้ยังมีงานของตระกูลอีกเล็กๆ น้อยๆ ที่โรมีโอไม่จำเป็นต้องเป็นคนดูแลเองเพราะอีกฝ่ายเป็นคนที่มีความสามารถ และเป็นมันสมองของทีมอยู่แล้ว ดังนั้นการโอนย้ายงานจึงเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้น เพราะการที่โรมีโอฟื้นฟูกิจการของตระกูลวัลโด้ตั้งแต่เมื่อ 3 ปี ก่อน ทำให้ทั้งสองต้องทำงานอย่างหนักจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพื่อให้ทันกำหนดหนึ่งสัปดาห์ตามที่ไมเคิลสั่งไว้ตอนนี้เป็นเวลากว่า 5 วันแล้วที่โรมีโอโหมงานหนัก เพราะต้องคอยสอนให้เรนเดลทำงานแทนตน เมื่อถึงเวลาพักของเรนเดล โรมีโอกลับนั่งเตรียมเอกสารแผนงานที่อีกฝ่ายต้องทำในวันถัดไป ทำให้ตอนนี้โรมีโอไม่ได้พบหน้าของเอวาหรือไมเคิลมาพักใหญ่ เพราะต้องเร่งสะสางงานการที่ค้างคา“บอสโหมหนักมากเกินไปแล้วนะคร
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา