ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......
“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”
“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่าย
แต่คือ......
ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......
อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!
ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษ
โดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่
ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือการที่ผมกับไมเคิลใส่สูทผูกไทแต่มายืนอยู่ที่ชายทะเลนี่ยังไงละครับ
ผมเริ่มต้นเช้าวันนี้เฉกเช่นทุกๆ วัน คือการตื่นแต่เช้า เปิดเพลงจิบไวน์รอรับแสงแรกของรุ่งอรุณ หลังจากนั้นก็จัดการปลุกไมเคิลให้ตื่นขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการไปทำงาน จัดการตระเตรียมเสื้อผ้าพร้อมกระเป๋าเอกสารให้พร้อมสำหรับการทำงาน
อ้อ ตอนนี้สิ่งที่ผมทำไม่ใช่ในฐานะเลขาส่วนตัวแต่เป็นหน้าที่ของภรรยาครับ ห้องนอนของผมในตอนนี้ก็ถูกสั่งย้ายสำมะโนครัวให้เข้ามาอยู่ห้องเดียวกันกับไมเคิลเรียบร้อย เพราะทั้งผมและไมเคิลเราตกลงกันแล้วว่าจะให้เอวาอยู่ห้องควีนตามเดิม แม้ตอนแรกไมเคิลจะตั้งใจทำห้องควีนไว้ให้สำหรับคนรักของเขา ซึ่งในอดีตก็คือเอวาก็ตามที
แต่อีกฝ่ายบอกคิดดูแล้ว เป็นสามีภรรยาทำไมต้องนอนแยกห้องด้วย ดังนั้นผมจึงถูกเขาบังคับให้ย้ายของจากห้องอัศวินมาอยู่ที่ห้องคิงกับเขา ส่วนเอวานั้นอยู่ห้องควีนตามเดิมด้วยเหตุผลที่ต่างออกไปเล็กน้อย นั่นก็คือเอวาไม่ได้อยู่ในห้องควีนฐานะคนรัก แต่เป็นดั่งเจ้าหญิงตัวน้อยๆ ที่เป็นที่รักของพวกเราทุกคน
นอกจากนี้แล้วไมเคิลยังสั่งทำคนทำประตูเชื่อมห้อง ระหว่างห้องคิง ห้องโพธิ์แดง และห้องอัศวินไว้ด้วยกัน ทำให้ห้องนอนของเราเป็นห้องขนาดใหญ่ ประตูทางเข้าห้องโพธิ์แดงที่ด้านนอกทางเดินถูกปิดตาย เหตุผลนั้นก็ง่ายๆ ตามที่ไมเคิลบอก ‘ฉันจะไม่ใช้มันกับใครนอกจากนาย.....’ ซึ่งหมายความว่าผมเป็นคนเดียวที่เขาจะใช้ห้องนั้นด้วย มันไม่ใช่ห้องที่เอาไว้ทรมานเพื่อร้างความสุขสำหรับเซ็กส์อีกต่อไป แต่เป็นห้องที่เราใช้ ‘ร่วมรัก’ กันจริงๆ
เอาล่ะ กลับมาต่อเรื่องทริปฮันนีมูนกัน ผมจัดการตระเตรียมเสื้อผ้าและเอกสารของไมเคิลเอาไว้เรียบร้อย แล้วจึงเดินไปหาน้องน้อยที่ห้องควีนด้านข้าง จัดการปลุกคนตัวเล็กขึ้นมาจากเตียงนอน เอวาที่งัวเงียเล็กน้อยในตอนตื่น แต่เพียงชั่วครู่ ดวงตานั้นก็เบิกกว้าง วิ่งเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเองด้วยความสดใสร่าเริง ในขณะที่ผมนั้นเดินลงไปที่ด้านล่าง มุ่งตรงไปดูความเรียบร้อยในห้องครัว จัดการตระเตรียมอาหารเช้าให้กับพร้อมรับประทาน
เพียงไม่นานนักไมเคิลและเอวาก็เดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน แต่สิ่งที่เห็นทำให้ผมชะงัก เมื่อเอวาไม่ได้สวมใส่ชุดสูทที่ผมเตรียมเอาไว้ให้ (เอวาต้องเข้าไปศึกษางานเกี่ยวกับธุรกิจร่วมกันกับผมและไมเคิล) แต่กลับใส่ชุดคลุมมีฮู้ดสีเหลืองสดใสลายเป็ดน้อย แถมยังมีห่วงยางในอ้อมแขนที่เป่าลมไว้แล้วอีกต่างหาก นอกจากนี้ในมือของไมเคิลยังถือชุดเล่นทรายขนาดใหญ่ที่ดูยังไงก็ไม่เข้ากับชุดสูทสีดำสนิทนั้นเลยสักนิด
“วันนี้จะไปเที่ยวกับบารอนหรอคะ” ผมพูดพร้อมกับบีบจมูกรั้นของน้องน้อยด้วยความเอ็นดู แล้วจึงขยับโต๊ะให้คนตัวเล็กได้นั่งพลางกดจูบหนักๆ ที่ข้างแก้มก่อนจะผละออกไป เอวากะพริบตาปริบๆ ด้วยความงุนงง ก่อนจะก้มลงมองดูตัวเอง แล้วเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจนัก
“พี่จ๋าจะไปกันชุดนี้จริงๆ หรอ?” เมื่อโรมีโอได้ยินก็ขมวดคิ้วแน่น แต่ก็ตอบกลับไป แม้จะไม่เข้าใจนักก็ตามที
“จริงสิคะ” เอวาทำหน้าแปลกใจออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะโดนไมเคิลเอ่ยปากบอก
“ทานข้าวเถอะ..... เดี๋ยวไม่ทัน.....” สิ้นคำโรมีโอก็พลิกนาฬิกาขึ้นดู จึงเห็นว่าใกล้ได้เวลาจะออกจากบ้านเต็มที ดังนั้นแล้วบทสนทนาจึงสิ้นสุดลงที่ตรงนั้น
ในตอนที่เราใกล้จะทานข้าวเสร็จก็มีแขกมาเยือน นั่นก็คือบารอนนั่นเองครับ คุณบารอนมาด้วยชุดฮาวายกับกางเกงขาสั้นสีครีม เสื้อฮาวายสีเหลืองลายสับปะรดไม่ติดกระดุมสักเม็ด มีสร้อยที่เป็นโซ่เส้นใหญ่อยู่บนลำคอและมีแว่นกันแดดสีชาบนดวงตา เพียงเท่านั้นผมก็เดาได้ว่าสองคนนี้คงจะไปทะเลกันแน่ๆ
“ตัวเล็ก อย่าลืมทาครีมกันแดดนะครับ”
“อื้อ!” เอวาร้องตอบรับ ก่อนจะวิ่งขึ้นไปที่ชั้นบน แล้วจัดการถือกระเป๋าพร้อมครีมกันแดดลงมาที่ด้านล่าง ทำให้ไมเคิลรีบลุกขึ้นไปช่วยถือแทบไม่ทัน ในขณะที่ผมนั้นได้แต่เลิกคิ้วมอง
“ไปค้างคืนด้วยหรอครับ?”
“อื้อ!” เอวาพยักหน้าหงึกๆ แล้วจึงวิ่งตามหลังไมเคิลไปด้วย มือก็จับจูงมือของเขากับบารอนให้ออกไปพร้อมกัน ก่อนที่เอวาจะปล่อยมือออกในที่สุดเมื่อถึงรถแล้ว
“ฝากดูตัวเล็กด้วยนะครับ” ผมหันไปฝากฝังเอวากับคุณบารอน ในขณะที่อีกฝ่ายได้แต่ทำหน้างง ก่อนจะเอ่ยตอบกลับมา
“ฝากผมทำไม?”
“ก็คุณ-”
“โรม.... ขึ้นรถ.....” ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไรกลับไป เสียงของไมเคิลก็ขัดขึ้นพร้อมกับมองจ้องมานิ่งๆ ทำให้เห็นว่าเอวาโบกไม้โบกมือหย็อยๆ เรียกให้เขาและบารอนรีบเข้าไปหา
อ้อ สงสัยว่าทางไปทะเลจะเป็นทางผ่านไปบริษัท
เมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงไม่อิดออดอีกต่อไป แต่กลับก้าวขาขึ้นรถแต่โดยดี โดยที่มีไมเคิลปิดท้าย ก่อนที่พวกเราทั้งหมดจะเคลื่อนพล ผมหันไปมองทางด้านหลัง เห็นบารอนกำลังทาครีมกันแดดให้กับเอวาอยู่สลับกับการหยอกล้อกันไปมา ผมจึงหันกลับมามองทางตามเดิม
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ ผมเห็นจุดต่างหลายๆ อย่างรวมกัน นั่นก็คือรถที่เรากำลังนั่งกันอยู่มันกลับหันหัวเลี้ยวไปอีกทาง แถมยังเลยเวลาเข้าบริษัทมาสักพักใหญ่แล้ว แต่ไมเคิลยังคงนิ่งเฉย จนผมต้องหยิบเอาตารางการทำงานมาเปิดดูว่าผมลืมนัดสำคัญอะไรไปรึเปล่า แต่ยังไม่ทันได้ตรวจดูดีนัก แท็บเล็ตในมือก็ถูกแย่งออกไปพร้อมกับคำบ่นเสียงดังที่ทำให้ผมงุนงง
“ไม่ทำ.....” ไมเคิลพูดพร้อมส่งสายตาดุๆ มาให้ สุดท้ายโรมีโอก็ทนเก็บความสงสัยไม่ไหว จึงเอ่ยปากถามไปในที่สุด
“เรากำลังจะไปไหนกันครับ?” เพียงสิ้นคำรถทั้งคันก็ตกอยู่ในความเงียบ จนโรมีโอได้แต่มองคนนั้นที คนนี้ที และสุดท้ายก็เป็นเอวาที่หันไปถามพี่ชายของตน
“พี่จ๋าไม่ได้บอกพี่โรมจ๋าหรอ?”
“ลืม.....” ไมเคิลตอบกลับมาเสียงเรียบ ต่างจากเอวาและบารอนที่อ้าปากค้าง ก่อนที่บารอนจะโวยวายออกมาดังลั่นรถ
“นี่นายจัดทริปฮันนีมูนแต่ไม่ได้บอกเมียตัวเองเนี้ยนะ?!?!” เพียงเท่านั้นโรมีโอก็หันมามองหน้าของไมเคิลอย่างรอคำตอบในทันที ไมเคิลเหลือบตามองคนข้างกายเล็กน้อยก่อนจะอ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียง
“ก็ลืม.....” โรมีโอยกมือขึ้นนวดขมับก่อนจะเอ่ยถามออกมาแทน
“ทริปนี้กี่วันครับ?”
“หนึ่งเดือน......”
“หนึ่งเดือน!!” โรมีโอตกใจจนอ้าปากค้าง ก่อนจะร้องบอกออกมาเสียงดัง
“ไมเคิล!! ผมยังไม่ได้เคลียร์งานในส่วนของผมเลยนะครับ! เสื้อผ้าข้าวของอะไรก็ยังไม่ได้เอามา! แล้วพวกเราจะใช้อะไรกันละครับ! ผมไม่เอาใบไม้มาทำเสื้อผ้าหรอกนะ!” ไมเคิลที่ได้ยินก็ตวัดสายตามองด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปราวกับมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก
“เรื่องงานเรนเดลจัดการ...... ส่วนเสื้อผ้าซื้อใหม่.......” โรมีโอกลอกตามองบ่นใส่ชายหนุ่มคนรัก แล้วก็ไม่พูดอะไรต่ออีก นอกจากบ่นเบาๆ ในใจว่า ทริปฮันนีมูนแต่พาเอวากับบารอนมาด้วยเนี้ยนะ เขาไม่ได้มีปัญหา หากทริปฮันนีมูนจะมีคนเข้ามาร่วมทาง แต่กลัวว่าน้องน้อยที่แสนน่ารักของเขาจะได้เห็นได้ยินอะไรที่มันไม่ถูกไม่ควรเสียมากกว่า
ในคราแรกโรมีโอคิดว่าไมเคิลเพียงจะแวะส่งเอวาและบารอนเท่านั้น จึงไม่ได้ทักท้วงอะไร จนกระทั่งอีกฝ่ายบอกว่าถึงแล้วพร้อมกับเปิดประตูรถและผายมือเชิญชวนให้เข้าไปในบ้านพักตากอากาศก็ทำให้เขางุนงงหนัก เมื่อตอนนี้เขายืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวและทะเลสีครามสดใสด้วยสภาพที่ใส่ชุดสูทพร้อมทำงาน.......
“เตรียมชุด......” สิ้นคำ บอดี้การ์ดชุดดำก็ขึ้นรถแล้วขับออกไปจากลานจอดรถในที่สุด ในขณะที่บางส่วนก็กระจายกำลังล้อมรอบ เอวากับบารอนจัดการเก็บชุดไว้ในห้อง ก่อนจะลากแขนกันไปที่หาดทรายขาวแล้วกระโจนลงไปเล่นน้ำอย่างร่าเริง
โรมีโอเดินมาพิงกำแพงกระจกที่ด้านข้าง ยืนกอดอกมองน้องน้อยที่กำลังสาดน้ำใส่คนรักอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มบางเบาแต่งแต้มริมฝีปาก ก่อนที่จะโดนใครบางคนเข้ามายืนซ้อนที่ด้านหลังพร้อมกับวงแขนที่โอบกระชับรอบเอว
“ขอโทษ.....” ไมเคิลพูดพร้อมกับคลอเคลียลำคอของโรมีโอไปมา ประพรมจูบซ้ำๆ ย้ำๆ ที่ซอกคอพร้อมกับการทิ้งรอยรักเอาไว้
“เรื่องอะไรครับ?”
“ที่ไม่ได้บอก.....” ไมเคิลไม่พูดเปล่า แต่สองมือกลับค่อยๆ ปลดกระดุมออกจากตัวของโรมีโออย่างช้าๆ ก่อนจะพูดต่อ
“จริงๆ บอก.... แต่ตอนนั้นนายไม่อยู่.....” โรมีโอหลุดขำพร้อมกับส่ายศีรษะไปมา
“แบบนั้นเขาเรียกว่าไม่ได้บอกครับ” ไมเคิลทำหน้ายุ่งก่อนจะขบผิวเนื้อของเขาเบาๆ อย่างแง่งอน
“บอก......”
“ฮึฮึ ครับๆ โอเค ผมผิดเอง”
“.......” ไมเคิลเงียบลงไปชั่วครู่ ก้มลงมองคนในอ้อมแขนกระชับอ้อมกอด ก่อนจะเอ่ยบอกเสียงนิ่ง
“ขอโทษ....... ฉันผิด......”
“หื้มม? คุณจะผิดได้ยังไงครับ?” ไหนๆ เขาก็ยอมถอยหนึ่งก้าว เป็นคนรับผิดให้แล้ว แต่ทำไมพอเขายอมแล้วอีกฝ่ายกลับดึงดันเป็นคนผิดเองซะอย่างนั้นล่ะ?
“ภรรยาถูกเสมอ.....” โรมีโอใบหน้าร้อนผ่าว ในขณะเดียวกันเสื้อสูทก็ถูกถอดออกจากตัวไปพลาง แล้วตามมาด้วยเนคไท
“ไมค์..... มือคุณ.....” โรมีโอเอ่ยเสียงดุ เมื่อปลายนิ้วของอีกฝ่ายไล้วนเวียนไปมาที่ยอดอกของเขาแถมยังบดคลึงช้าๆ สลับกับการสะกิดเขี่ยไปมา
“ออกกำลังกาย......”
“ไม่ต้องเลยครับ เอวายังอยู่นะ” โรมีโอพูดพร้อมกับผลักไมเคิลให้ขยับออกไปจากตัว ชายหนุ่มคิ้วกระตุกเข้าหากันเพียงชั่วครู่ ก่อนจะคลายออกจากกัน
“บอสครับ” เสียงร้องเรียกของบอดี้การ์ดคนหนึ่งทำให้ทั้งไมเคิลและโรมีโอหันไปมองพร้อมกัน เพราะทั้งคู่ก็คือบอสเช่นเดียวกัน ก่อนที่โรมีโอจะเห็นชุดมากมายในมือของบอดี้การ์ด มีทั้งไซต์ของโรมีโอและไมเคิล
โรมีโอเดินไปรับชุดมาถือไว้ในมือ โดยลืมไปว่าตนเองแต่งกายไม่เรียบร้อยเท่าไหร่นัก เพราะกระดุมถูกปลดออกไปจนหมด ทำให้เห็นแผงอกที่มีลอนกล้ามและเอวสอบพร้อมกล้ามหน้าท้องให้เห็น ไมเคิลตาวาวขึ้นอย่างไม่ชอบใจ จับดึงคนรักให้หันไปติดกระดุมตามเดิม ขณะเดียวกันก็หันไปเอ่ยถามกับบอดี้การ์ดเสียงเหี้ยมแต่เรียบนิ่ง
“มองอะไร.....”
“เปล่าครับ” บอดี้การ์ดทั้งหลายก้มหน้าลงต่ำ กุมมือประสานไว้ที่กลางลำตัว ส่วนโรมีโอนั้นก็ก้มลงมองคนที่ติดกระดุมให้เขาใหม่อีกครั้ง ทั้งๆ ที่พึ่งปลดออกยังไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำไป
“ตา... ไม่จำเป็นต้องมีแล้วมั้ง? ......” เพียงได้ฟังก็พลันสะดุ้ง เหล่าบอดี้การ์ดเลิ่กลั่ก ก้มหน้าก้มตาตอบ ก่อนจะรีบเอาของวางไว้บนโซฟาแล้วออกจากห้องไปในทันที
“จำเป็นครับๆ เชิญครับบอส” โรมีโอหันมองหน้าไมเคิล ก่อนจะทำท่าปูหนีบ หนีบเข้าที่หน้าท้องของไมเคิล แต่อีกฝ่ายกลับแสดงใบหน้าเรียบเฉย จนโรมีโอต้องยอมลดมือลงในที่สุด
“ถอยเลยครับ ผมจะไปเล่นน้ำ” ว่าพลางเดินที่ไปชุดที่ถูกวางไว้ รื้อค้นอยู่ชั่วครู่ ก็จัดชุดว่ายน้ำให้กับไมเคิลและตัวเองเรียบร้อย ชุดว่ายน้ำของโรมีโอเป็นเสื้อเชิ้ตลายดอกกับกางเกงว่ายน้ำขาสั้น ในขณะที่ของไมเคิลนั้นเป็นเสื้อกล้ามสีดำและกางเกงว่ายน้ำเช่นเดียวกัน เมื่อได้ชุดแล้วก็พากันไปเปลี่ยนชุดเตรียมลงน้ำ แต่เขาก็ถูกไมเคิลลวนลามไปอีกไม่น้อยด้วยข้ออ้างต่างๆ นานา เช่นช่วยถอดชุดบ้างล่ะ ช่วยทาครีมบ้างล่ะ หรือแม้กระทั่งช่วยใส่ชุดก็ตามที กว่าที่โรมีโอจะออกจากห้องได้ก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมง แถมยังเกือบจะเลยเถิด ถ้าเขาไม่ห้ามอย่างจริงจังเอาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยว......” ไมเคิลพูดพร้อมกับคว้าแขนโรมีโอเอาไว้ กวาดสายตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เอ่ยถามเสียงนิ่ง แต่ดวงตากลับเปล่งประกายเจิดจ้าเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ
“จะไปแบบนี้? ......” แบบนี้ที่ว่าของไมเคิลทำให้โรมีโอต้องก้มลงมองดูตัวเอง เขาใส่เสื้อเชิ้ตลายดอกกับกางเกงว่ายน้ำ กระดุมไม่ได้ติด แต่กลับปล่อยเหมือนใส่คลุมไว้เฉยๆ ทำให้เห็นแผงอกและลอนกล้าม นอกจากนี้แล้วกางเกงว่ายน้ำยังรัดรึงจนเห็นรูปร่างของส่วนตัวที่เป็นแท่งนูนเด่นหากแต่นอนสงบนิ่งภายใต้กางเกงเนื้อบาง โรมีโอกะพริบตาปริบก้มลงมองตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นบอกคนตรงข้ามอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ครับ”
“เปลี่ยน.....” สิ้นคำ ไมเคิลก็ลากโรมีโอไปเปลี่ยนชุด แต่โรมีโอกลับยื้อตัวเอาไว้ เอ่ยบอกเสียงนิ่ง
“ไม่ครับ นี่เรามาทะเลนะ ผมจะไม่ใส่ชุดรุ่มร่ามลงไปเล่นน้ำแน่ๆ” ไมเคิลขมวดคิ้ว กัดฟันเอ่ยเรียกชื่อคนตรงข้าม
“โรมีโอ......”
“ไม่ต้องมาทำเสียงดุใส่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวคุณหรอก และคุณก็ห้ามผมไม่ได้” ว่าแล้วโรมีโอก็ดึงมือกลับคือ พร้อมกับหันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ไมเคิลมองตามด้วยความไม่สบอารมณ์ แต่เพียงไม่นานนัก ไมเคิลก็แทบจะวิ่งถลาเข้าไปหาคนที่เดินลิ่วๆ จากไปจนแทบหมดมาดบอสใหญ่
“โรมีโอ!!!” ไมเคิลตะคอกเสียงเข้มดุดัน เมื่อเขาเห็นว่าชายคนรักเดินไปที่เตียงผ้าใบ แล้วจัดการถอดเสื้อเชิ้ตออกจากตัว จนเผยให้เห็นผิวขาวๆ รอยช้ำรักสีเรื่อที่มีอยู่ทั่วกาย ไหนจากแผงอกขาวและหน้าท้องเป็นลอนกล้ามวีเชฟสวยได้รูป จนไมเคิลต้องร้องตะโกนออกมาอย่างหัวเสีย
“หันหลังไปสิวะ!!!” เพียงเท่านั้นเหล่าบอดี้การ์ดที่รายล้อมก็หันหลังตามคำสั่งในทันที ต่างจากโรมีโอที่ไม่สนใจเสียงโวยวายของคนด้านหลัง แต่กลับคว้าห่วงยางเป็ดขึ้นมาถือไว้ แล้วเดินลงน้ำอย่างไม่รั้งรอ มุ่งตรงไปหาเอวาที่กำลังเล่นน้ำอยู่กับบารอน
ไมเคิลที่ฮึดฮัดขัดใจเดินตามโรมีโอลงน้ำด้วยท่าทีที่เอาเรื่อง จึงไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าตนกำลังแสดงท่าทีหึงหวงให้คนที่เป็นภรรยาได้เห็น โรมีโอลอบยกยิ้มกับตัวเอง แสร้งทำเป็นไม่สนใจ แล้วแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางสายน้ำที่เย็นช่ำชื่นใจ แต่ไม่หนาวเกินไปนักสำหรับอากาศในช่วงเดือนกุมภาพันธ์
“ตัวเล็กคะ พี่เอาห่วงยางมาให้ค่ะ” โรมีโอพูดพร้อมกับวางห่วงยางลงตรงหน้าของเอวา กดจูบที่หน้าผากชื้นน้ำแผ่วเบา เอวเงยหน้าขึ้นมองตาแป๋ว ก่อนจะส่ายศีรษะไปมา
“หนูไม่เอา หนูมีห่วงยางแล้ว” ว่าพร้อมกับส่งยิ้มหวานส่งให้คนเป็นพี่ชาย สองแขนก็กอดรัดห่วงยางแน่นมากขึ้น บารอนยกมือขึ้นจับแขนของเด็กน้อยเอาไว้แน่น พยายามดึงออกห่างจากตัวเล็กน้อย
“ตัวเล็กเบาหน่อยค่ะ พี่หายใจไม่ออก” ดังนั้นแล้วเอวาจึงยอมคลายอ้อมแขนออกเล็กน้อย ยกขาตีน้ำไปมา ตอนนี้เอวากำลังเกาะหลังบารอนคล้ายกับลูกลิง โดยที่อีกฝ่ายก็ยอมเป็นทั้งเบาะนั่งและห่วงยางให้กับคนตัวเล็กผู้เป็นดวงใจของทุกคนในบ้านแต่โดยดี
“อย่าไปลึกมากนะครับ มันอันตราย ส่วนตัวเล็กอย่างเล่นน้ำนานเกินไปนะคะ เดี๋ยวไม่สบายเอา แถมผิวสวยๆ ยังเสียด้วยนะ เล่นแค่พอดีๆ นะคะ” ประโยคแรกหันไปบอกกับบารอน แต่ประโยคต่อกลับเอ่ยบอกกับน้องน้อยเสียหลายคำ
หลังจากนั้นโรมีโอจึงปีนขึ้นไปนั่งบนห่วงยาง แล้วปล่อยให้ไหลไปตามคลื่นลมทะเล คอยตีแขนสะบัดขาเพื่อบังคับทิศทางเป็นระยะ ไม่ให้มันหลงออกไปไกลมากนัก ในครรลองสายตาเห็นว่าไมเคิลว่ายน้ำเข้าไปหาน้องน้อยบ้างแล้ว จับดึงคนตัวเล็กให้มาเกาะหลังตนเองสลับกับใช้มือดันบารอนให้ออกห่าง โรมีโอส่ายหน้าให้กับภาพตรงหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เมื่อคนเป็นพี่อย่างไมเคิลยังไงก็ยังคงหวงน้องอยู่ดี ต่างจากเขาที่ทำใจมาได้นานหลายปีแล้ว จึงไม่ค่อยรู้สึกอะไรมากนัก
โรมีโอนอนอาบแดดบนห่วงยางไปเรื่อยๆ แว่วเจือเสียงหัวเราะของเอวากับบารอนดังมาเป็นระยะ แต่ว่าเขาไม่ได้สนใจ ยังคงปล่อยให้เกลียวคลื่นพัดพาไป แต่ไม่ไกลเกิน
ตู้ม!!!!
จู่ๆ ห่วงยาวเป็ดเหลืองของเขาก็พลิกคว่ำ มันมาพร้อมๆ กับตัวเขาที่ถูกผลักตกลงไปในน้ำ ในตอนที่กำลังตะเกียกตะกายขึ้นมาหายใจ กลับถูกใครบางคนฉุดดึงเอาไว้พร้อมกับการประกบริมฝีปาก กดจูบอย่างดูดดื่ม รสหวานจากหยาดน้ำสีใสปะปนไปกับรสเค็มปร่าของน้ำทะเล
ในตอนที่เขากำลังจะอ้าปากด่าอีกฝ่ายก็กดจูบลงมาอีกครั้งอย่างเร่งร้อน และครั้งนี้มันมาพร้อมกับการขบกัดริมฝีปากล่างของเขาแรงๆ จนได้ลิ้มรสคาวเลือด ในตอนที่รู้สึกว่าทนไม่ไหว ใครคนนั้นก็ยอมพาเขาขึ้นบนผิวน้ำ ทำให้เขาสำลักไอโขลกในทันที
“แค่กๆๆ เล่นบ้านอะไรของคุณไมค์!! แค่กๆ”
“ทำโทษ.....” ไมเคิลเอ่ยบอกทำหน้าตาดุ แต่ตอนนี้โรมีโอไม่มีอารมณ์มาสนใจ นอกจากไอให้หายสำลัก ดวงตา ผิวแก้ม และจมูกแดงก่ำจากการตกน้ำแบบไม่ทันตั้งตัว
“ออกไปเลย ผมโกรธคุณแล้ว!” โรมีโอพูดพร้อมกับยกมือขึ้นผลักอกไมเคิลไปพลาง หากแต่ชายหนุ่มกลับจับกุมกระชับ ดึงเอวสอบให้เข้ามาแนบกายมากยิ่งขึ้น โรมีโอพยายามดิ้นหนี โดยไม่ลืมที่จะคว้าเจ้าเป็นยางสีเหลืองสดใสนั้นมาด้วย เมื่อได้แล้วก็ทำท่าจะว่ายหนี หากแต่ไมเคิลกลับจับกระชับเอวสอบเอาไว้แน่น แล้วดึงเข้าหาตัวทำให้โรมีโอเสียจังหวะและจนน้ำลงไปอีกครั้ง
ตู้ม!
“อึก! แค่กๆ ทำอะไรของคุณไมเคิล!” ในตอนนี้เกิดเป็นการต่อสู้กันใต้ผิวน้ำ ส่วนที่พ้นผิวน้ำคือระดับอกของคนทั้งคู่ และภาพรอบกายก็ถูกขวางกั้นไว้ด้วยห่วงยางเป็ดสีเหลืองอันใหญ่ ทำให้ใบหน้าของทั้งคู่ใกล้ชิดกันจนกระทั่งสัมผัสได้ถึงลมหายใจ
“ชู่ววว ขอโทษ.... ไม่โกรธ....” ไมเคิลพูดพร้อมกับยื่นนิ้วก้อยออกมาตรงหน้า ทำให้ไมเคิลที่กำลังจะเอ่ยปากต่อว่ามีอันต้องชะงัก ก้มลงมองนิ้วก้อยของอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ เมื่อไมเคิลเห็นว่าโรมีโอนิ่งไปและไม่ยอมเกี่ยวก้อยคืนดี ชายหนุ่มก็พูดขึ้นอีกครั้ง
“นายโป๊..... ไม่ชอบ......” ไมเคิลพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง หากแต่ดวงตากลับแสดงออกว่ากำลังงอนเต็มขั้น ทำให้โรมีโอได้แต่กะพริบตาปริบๆ
“ไม่ชอบก็ไม่เห็นต้องทำแบบนี้” โรมีโอพูดพร้อมกับยกมือขึ้นเสยเส้นผมที่ระใบหน้าออกเล็กน้อย น้ำเสียงอ่อนลงไปอีกระดับจากก่อนหน้า ไมเคิลขมวดคิ้วก่อนจะว่าต่อ
“โป๊..... คนมอง.....หวง.....” ไมเคิลพูดพร้อมกับเสตาหลบหันไปมองด้านข้าง ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อบางเบา ในคราวนี้เป็นโรมีโอบ้างที่หน้าร้อนผะผ่าว อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียงเท่าไหร่นัก
“แต่ทำแบบนี้มันเจ็บ.... ดูตาของผมสิ มันต้องแดงแน่ๆ แล้วไหนจะปากผมอีกล่ะ แสบชะมัด” โรมีโอพูดพร้อมกับยกมือขึ้นแตะริมฝีปาก พบว่ามีรอยเลือดติดปลายนิ้วออกมาเล็กน้อย ไมเคิลรอบคนตรงหน้าเข้าไปกอด เป่ารินรดลมหายใจลงที่เปลือกตาก่อนจะกดจูบเบาๆ ทั้งสองข้างพร้อมเอ่ยคำ
“เพี้ยง! หายนะคะ.....” โรมีโอรู้สึกหน้าร้อนฉ่า ถ้อยคำคะขาที่มีให้เพียงเอวาเริ่มเผื่อแผ่มาถึงเขาหลังจากที่เวลาผ่านมานานหลายปี
“เจ็บ.....” โรมีโอพูดพร้อมกับขบริมฝีปาก ไมเคิลลูบไล้ปลายนิ้วโป้งลงกับริมฝีปากนั้นแผ่วเบา ก่อนจะกดให้มันเผยออ้า แล้วจึงโน้มตัวลงส่งปลายลิ้นเข้าไปเลียที่ปากแผลเบาๆ แต่กลับสร้างอารมณ์หวามให้เกิดขึ้นได้อย่าง่ายดาย
แผล็บ....
“ขอโทษครับ......” สิ้นคำ ริมฝีปากร้อนก็กดจูบลงมาอีกครั้ง ปลายลิ้นร้อนกวาดต้อนไปทั่วโพรงปากอย่างหิวกระหาย ดูดกลืนทุกหยาดหยดอย่างไม่เกี่ยงงอน สองมือจับคลึงบีบขย้ำที่บั้นท้ายกลมกลึงทั้งสองข้าง แท่งกายร้อนเริ่มแข็งขืนขึ้นเสียดสีกันไปมา ก่อนที่ไมเคิลจะจับสะโพกสอบให้ขยับบดเบียดเข้ามาใกล้เป็นจังหวะ สอดรับกับสะโพกแน่นหนาของชายหนุ่มที่ตอกอัดแท่งร้อนเข้าหากันอย่างหิวกระหายคล้ายกับท่าร่วมรักจนตัวเขาอ่อนยวบอยู่ในอ้อมแขน
“ไมค์.... ไม่เอา.... เอวา....” โรมีโอปฏิเสธเสียงพร่า สองมือก็พยายามดันไมเคิลให้ออกห่างไปด้วย
“ตัวเล็กไม่เห็น.....” ไม่พูดเปล่า แต่กลับสอดมือเข้าไปสัมผัสผิวนุ่มลื่นที่ถูกซุกซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงว่ายน้ำของอดีตผู้ช่วยหนุ่ม ในขณะที่ริมฝีปากก็ขบกัดสร้างรอยรักไปทั่วแผงอกกว้าง เอ่ยกระซิบเสียงพร่าอยู่ข้างใบหู
“ขอนะ......”
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา