Ava Part
ตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อย
ดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้
ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอนได้เป็นการชั่วคราว
เด็กน้อยที่เข้านอกออกในบ้านของบารอนได้ราวกับเป็นบ้านของตัวเองเดินมุ่งตรงไปทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาตัวใหญ่ภายในห้องรับแขก ซุกใบหน้าลงกับหมอนอิง หลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์ ทิ้งให้บารอนเป็นคนหอบหิ้วถุงขนมหลากหลายอย่างเข้ามาในบ้านโดยมีเหล่าเมดสาวและบอดี้การ์ดคอยถือกระเป๋าเสื้อผ้าตามหลังมาด้วย
ชายหนุ่มวางถุงขนมของเด็กน้อยลงบนโต๊ะเล็กด้านข้าง แล้วขยับเข้าไปทรุดตัวลงนั่งข้างๆ กับเด็กน้อยที่หลับตาพริ้ม อดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลงแล้วกดจมูกลงที่ข้างแก้ม เอ่ยปากกระซิบแผ่วเบา
“ไปนอนข้างบนสิคะ”
“บาร์คจ๋าอุ้มหน่อย” เอวาที่ยกยิ้มเล็กน้อยตอนโดนขโมยหอมแก้มเงยหน้าขึ้นตอบมองตาใสแป๋ว บารอนหัวเราะในลำคอ ก่อนจะจับดึงเด็กน้อยให้ลุกขึ้นนั่ง แล้วรวบตัวมาไว้ในอ้อมกอด อุ้มขึ้นอย่างไม่รีรอ ก้าวเท้าเดินขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว
จวบจนกระทั่งมาถึงห้องนอน บารอนก็จัดท่าทางของเด็กน้อยให้นอนได้สบายตัวมากขึ้น ก่อนจะตามไปทาบทับ กกกอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขน เอวายกยิ้มบางเบา ยกมือขึ้นลูบวนบนแผงอกแกร่งนั้นอย่างเพลินมือ
“ตัวเล็กไม่ซนสิคะ” บารอนเอ่ยปากดุไม่จริงจังนัก เมื่อปลายนิ้วมือของน้องน้อยสะกิดเขี่ยที่ยอดอกของเขาไปมา
“หนูไม่ซนสักหน่อย” เอวาบอกพลางทำปากยู่ ก่อนที่ดวงตาสีฟ้าสดใสนั้นจะเปล่งประกายเจิกจ้าง อ้ากว้างขึ้นเล็กน้อย แล้วงับเข้าไปเต็มคำ
“อึก! เอวา.....” บารอนเอ่ยเสียงต่ำสะกดกลั้นอารมณ์ เมื่อเอวาอ้าปากงับยอดอกเขาเต็มแรง แถมยังส่งท้ายด้วยการใช้ปลายลิ้นไล้วนผะแผ่วแล้วจึงผละออก ทำให้เนื้อผ้าในบริเวณนั้นเปียกชื้นเป็นวงกว้าง
“คิกคิก” เอวาหัวเราะเสียงใส ก่อนจะกระชับอ้อมกอดเอาไว้แน่น ซุกหน้าลงกับอกแกร่งของอีกฝ่าย บารอนพยายามทำใจให้สงบลง ยกมือขึ้นลูบศีรษะของคนตัวเล็กเพื่อเป็นการกล่อมนอน
“บาร์คจ๋า”
“ว่าไงคะ”
“พี่จ๋าแต่งงานกับพี่โรมจ๋าไปแล้ว..... บาร์คจ๋ายังรักพี่จ๋าอยู่ไหม?” เอวาร้องถามพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมอง บารอนที่เห็นเช่นนั้นก็ยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็ก ก่อนจะเอ่ยตอบ
“พี่ยังรักไมค์ค่ะ แต่ไม่ใช่แบบที่ตัวเล็กคิดหรอก”
“ยังไง?” เอวาถามพร้อมกะพริบตาปริบๆ
“พี่เห็นไมค์เป็นเพื่อนค่ะ”
“แต่เพื่อนกัน ไม่ทำแบบนี้.....” ไม่พูดเปล่า มือเล็กลูบไล้ไปทั่วแผงอกและมีท่าทีจะเลื่อนต่ำลงข้างล่าง จนบารอนต้องรีบจับคว้าเอาไว้ก่อนที่อะไรๆ มันจะตื่นขึ้นจากนิทรา
“อื้มมมม แต่เพื่อนกันมันก็มีได้หลายแบบ เพื่อนกิน เพื่อนตาย เพื่อนเที่ยว เพื่อน..... ที่ช่วยปลดปล่อย.....”
“แต่บาร์คจ๋าเคยจับหนูไปเพราะหึงหวงพี่จ๋า.....” เอวาพูดพร้อมก้มหน้าลงต่ำ คล้ายกับว่าไม่อยากพูดเรื่องนี้เท่าไหร่นัก
“พูดแล้วจะเรียกว่าหึงก็คงไม่ถูกเท่าไหร่มั้ง? พี่คิดว่าพี่คงจะหวงมากกว่านะ”
“ยังไงอ้ะ?”
“พี่คงกลัวว่าจะเสียไมค์ไปล่ะมั้งคะ เมื่อตอนที่พี่กับไมค์ยังเด็ก พวกเราไม่ค่อยสนิทกับเท่าไหร่ แต่เป็นเพราะพี่ที่คอยไปแกล้งไปแหย่ให้ไมค์อารมณ์เสีย คนอะไรหน้านิ่งชะมัด ไม่ว่าจะทำอะไรก็หน้านิ่งตลอด จนพี่รู้ตัวอีกที พี่ก็ตัวติดกับไมเคิลไปแล้ว จนเรียกได้ว่าเห็นไมเคิลที่ไหนเห็นพี่นั่น พอๆ กับที่โรมีโอตามติดไมเคิลนั่นล่ะ
แต่เพราะไมค์เขาหน้านิ่งแบบนั้น แต่กลับอ่อนโยนกับตัวเล็กได้ขนาดนี้ ทำให้พี่สงสัยว่าทำไมตัวเล็กถึงทำได้กันนะ พี่ก็เลยไปที่คฤหาสน์ตระกูลวัลโด้บ่อยๆ จนเริ่มสนใจตัวเล็กขึ้นมานิดหน่อย และเหมือนว่าไมเคิลจะจับความรู้สึกของพี่ได้ ถึงได้เรียกพี่ไปคุยด้วย
ไมค์ถามกับพี่ว่าพี่รู้สึกยังไงกับตัวเล็กกันแน่ พี่ก็ตอบไปตามความจริงว่าสนใจและอยากลอง เท่านั้นไมค์ก็ของขึ้นเลยทันที บอกว่าจะทำให้พี่รู้เอง คำที่ว่าอยากลองของพี่นั้นจะทำให้รู้สึกยังไง แต่สิ่งที่ไมเคิลทำกับพี่คือการที่จับพี่ไปขังไว้แล้วข่มขืน...... ใช้คำนี้ได้ล่ะมั้ง?” เอวาดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจกับความจริงที่ได้รับรู้ ทำให้บารอนหัวเราะขำในลำคอเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปากพูดต่อ
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ถึงไมค์จะข่มขืนพี่ก็จริง แต่ก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น ไมค์ยังคงให้คนหาข้าวหาปลามาให้กิน ไม่ได้อดอยากอะไร ตอนที่ทำกันแต่ละครั้งก็ใช้เจลเข้าช่วย จนผ่านไปประมาณ 7 วัน ไมเคิลก็ปล่อยพี่ออกมา แต่เป็นพี่เองที่ไม่ยอมไป......
เป็นพี่เองที่ตามติดเขา รสชาติเซ็สก์มันก็ดีนะ เพราะพี่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน แต่ก็ถูกไมค์ทำแบบนั้นไปแล้ว ถึงได้รู้ว่ามันรู้สึกดีแค่ไหน ช่วงหลังๆ มาไมค์เริ่มรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นซาดิสม์ไป เพราะเก็บกดจากตัวเล็กมามาก เลยระบายออกด้วยวิธีการแบบนั้นล่ะมั้ง พี่เห็นคนที่พอจะทนได้ก็มีพี่กับโรมีโอ ส่วนพวกผู้หญิงนั้นแทบจะเข็ดขยาด ถ้าไม่ได้ทำเพราะเงินจริงๆ ก็คงไม่มีใครทนไหว”
“พี่โรมจ๋า??” เอวาทวนคำพร้อมขมวดคิ้วหมุน ทำให้บารอนชะงัก ก้มลงมองคนในอ้อมแขน เอ่ยปากอย่างไม่แน่ใจนัก
“ตัวเล็กไม่รู้??” เอวาส่ายศีรษะไปมาเชิงปฏิเสธ เอ่ยปากเสียงดุขึ้นเล็กน้อย แต่ในสายตาของบารอนคือแมวน้องร้องขู่เท่านั้นเอง
“บอกหนู!” บารอนถอนหายใจ เอ่ยขอโทษทั้งสองคนภายในใจเบาๆ
“อื้มมมม ก็ไมค์กับโรมีโอ สองคนนั้นเขามีอะไรกันมาตั้งแต่เด็กๆ เลยล่ะมั้ง มีก่อนที่พี่จะรู้จักพวกเขาอีก เวลาที่ไมค์อยากจะปลดปล่อยก็มีบ้างที่พี่ไปเจอเขาอยู่กับโรมีโอ หรือบางที่ก็เป็นโรมีโอที่เจอพี่กับไมค์ แต่ก็วนสลับๆ อยู่แบบนี้ ซึ่งไมค์เองก็ย้ำตลอดเวลาว่าห้ามตัวเล็กรู้เรื่องนี้โดยเด็ดขาด หากไมค์รู้ว่าข่าวรั่วมาจากใคร จะส่งคนไปตามเก็บคนๆ นั้น แม้ว่าจะเป็นโรมีโอ ที่เป็นผู้ช่วยคนสนิท หรือว่าพี่ ที่ถือว่าเป็นเพื่อนสนิทก็ตามที แต่ก็นั่นล่ะ พวกเราไม่มีใครคิดจะบอกเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เพราะมันไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย” บารอนพูดพร้อมกับยักไหล่ ต่างจากเอวาที่ตกใจจนตาค้างไปแล้ว
“พี่จ๋ากับพี่โรมจ๋าหลอกหนู.....” เอวาพึมพำเสียงเบาแหบพร่า บารอนก็จับดึงเด็กตัวเล็กให้เข้ามาซุกอก ก่อนจะเอ่ยตอบ
“พี่คิดว่าเขาคงมีเหตุผลของเขา อย่างที่โรมีโอรู้ว่าตัวเล็กเป็นน้องชาย แถมยังเป็นน้องของไมค์ด้วย ก็อาจจะทำเพื่อปกป้องตัวเล็กก็ได้นะคะ” บารอนพูดพร้อมกับลูบไล้แผ่นหลังบางเป็นการปลอบใจ เอวาหงอยเหงาลงไปถนัดตา ซุกใบหน้าลงกับอกแกร่งโดยไม่พูดอะไร บารอนจึงเอ่ยปากต่อหวังเบี่ยงเบนความสนใจ
“ไม่อยากฟังเรื่องของพี่ต่อแล้วหรอคะ”
“หนูอยาก!” ได้ผล.... เอวาเงยหน้าขึ้นมาทันที ดวงตาสีฟ้าที่เจือความหม่นหมองเริ่มเปล่งประกายแวววาว
“ฮึฮึ หลังจากที่พี่จับตัวเล็กไปในวันนั้น แล้วเกิดเรื่องนั้นขึ้น...... พี่ยอมรับว่าพี่ขาดสติจริงๆ พี่ขอโทษนะคะ..... แต่เพราะแบบนั้นทำให้พี่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อน พี่ไม่เคยทำแบบนั้นกับใคร และมันเป็นความรู้สึกที่ดีมากจริงๆ แม้ว่าจะแลกมากับน้ำตาของตัวเล็กก็ตาม....." บารอนพูดแล้วยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไม่มีอยู่จริงของเอวาออกไปแผ่วเบาแล้วจึงเอ่ยต่อ
“และเพราะตอนนั้น.... ตอนที่ตัวเล็กถามว่าหนูทำผิดอะไร.... มันทำให้พี่ได้สติขึ้นมา ว่าพี่ทำเรื่องที่เลวร้ายลงไปเสียแล้ว.... ขอบคุณค่ะ ที่ยังให้โอกาสและยังคงรักพี่......” บารอนพูดพร้อมกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น เอวาเองก็กอดตอบ ก่อนจะเริ่มพูดความในใจออกมาบ้าง
“หนูรักบาร์คจ๋า.... ไม่ใช่เพราะอาการสต็อกโฮล์ม แต่หนูรักมานานแล้ว......” บารอนขมวดคิ้วเข้าหากัน นอนฟังคนตัวเล็กเอ่ยปากเงียบๆ
“หนูรักบาร์คจ๋า ตั้งแต่วันที่บาร์คจ๋าช่วยหนูจากตอนที่ตกน้ำครั้งนั้น..... หลังจากนั้นหนูก็แอบมองบาร์คจ๋ามาตลอด แต่หนูไม่รู้ว่ามันคืออะไร หนูรู้แค่หนูอยากอยู่ใกล้ๆ ความรู้สึกมันไม่เหมือนกันกับพี่จ๋า หนูอยากกอด อยากอ้อน เหมือนที่ทำกับพี่จ๋า แต่หนูไม่กล้าพอ หนูแอบมองดูอยู่ห่างๆ จนกระทั่งวันนั้น วันที่พี่จ๋ากับบาร์คจ๋ามีอะไรกัน..... หนูรู้สึกเหมือนโลกถล่ม หนูไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าลับหลังหนูพวกพี่จะทำแบบนี้......” บารอนกระชับอ้อมแขน กอดคนตัวเล็กให้แน่นขึ้น ก่อนจะเอ่ยปากตอบอย่างมั่นคง
“หลังจากนี้จะไม่มีอีกแล้วค่ะ พี่จะมีแค่ตัวเล็กคนเดียว”
“จริงนะ”
“จริงค่ะ” บารอนยกยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะลูบศีรษะของเอวาแผ่วเบา แล้วจึงเอ่ยปากต่อ
“พวกเราไปฮันนีมูนบ้างดีไหมคะ”
“ไม่เอา จะฮันนีมูนได้ต้องแต่งงานก่อนไม่ใช่หรอ” เอวาทำปากจู๋หน้ามุ่ยใส่ ทำให้บารอนหัวเราะในลำคอ ผละอ้อมกอดออกจากคนตัวเล็ก ขยับไปนั่งพิงหัวเตียง ทำให้เอวาขยับตัวลุกขึ้นนั่งตามด้วยความสงสัย บารอนเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักข้างเตียง หยิบของบางสิ่งออกมาถือไว้แทน มันคือกล่องกำมะหยี่ที่มีขนาดเล็กสีดำสนิท ทำให้เอวาขยับเข้าไปใกล้ ก้มลงมองดูด้วยความคาดหวัง
บารอนค่อยๆ เปิดกล่องนั้นออกอย่างช้าๆ ปรากฏให้เห็นแหวนขนาดเล็กและใหญ่วางอยู่คู่กัน ทั้งสองวงนั้นประกบกันเป็นรูปหัวใจพอดิบพอดี เพชรเม็ดเล็กเรียงรายส่องประกายแวววาวล้อกับแสงไป บารอนหันหน้ามามองช้าๆ พร้อมรอยยิ้ม แล้วจึงหยิบแหวนวงเล็กออกมา สวมใส่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของคนที่กำลังอยู่ข้างกัน
“แบบนี้ไปฮันนีมูนได้แล้วใช่ไหมคะ”
“ฮึก! อื้อๆๆ” เอวากลั้นสะอื้นไว้ในลำคอ พยักหน้าขึ้นลงตอบรับอยู่หลายครั้งด้วยใบหน้าที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือใหญ่เอาไว้ แล้วสวมใส่แหวนอีกวงที่ยังคงอยู่ในกล่องให้คนตัวโต ก่อนจะโถมตัวเข้ากอด ซุกหน้าลงกับบ่ากว้าง
“บาร์คจ๋าเป็นของหนูแล้วนะ ฮึก”
“ค่ะ พี่เป็นของตัวเล็ก จากนี้และตลอดไป” บารอนพูดพร้อมกับกอดคนตัวเล็กเอาไว้แน่น คิดในใจพลางลอบเหงื่อตกไปพลาง
คนน้องน่ะไม่เท่าไหร่ แต่พี่ใหญ่ทั้งสองคนนั้นน่ะสิปัญหา!!
.
.
.
เอวามองผู้ชายตรงหน้าทั้งสามคนไปมา หลังจากที่อดทนรอให้ไมเคิลและโรมีโอกลับมาจากทริปฮันนีมูนก็ปาเข้าไป 2 เดือนเต็ม เพิ่มจากแผนที่วางไว้อีก 1 เดือน ทำให้คนที่เฝ้ารอการกลับมาของคนทั้งคู่ร้อนใจ นั่งแทบไม่ติด ผุดลุกผุดเดินอยู่หลายครั้งเมื่อไม่เห็นพี่ชายทั้งสองคนกลับมาเสียที
เมื่อได้โทรไปสอบถาม จึงได้คำตอบว่าจะมีการเพิ่มระยะเวลาเป็นอีก 1 เดือน เพราะการเดินทางล่าช้าไปจากแผนที่กำหนด สาเหตุนั้นก็ไม่ใช่ใคร เพราะไมเคิลเอาแต่จ้องจะจับโรมีโอกินตลอดเวลา ทำให้ยังเดินทางไม่ไปถึงไหนเสียที แผนที่กำหนดไว้จึงถูกเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว แต่เอวาก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตารอคอยอย่างมีความหวัง
จวบจนกระทั่งไมเคิลอุ้มโรมีโอลงมาจากรถ เอวาก็เข้าชาร์ตในทันที บอกว่ามีเรื่องจะคุยกับพี่ชายทั้งสองคน ทำให้ไมเคิลยอมวางโรมีโอลง แล้วพากันเดินไปนั่งบนโซฟาในห้องรับแขก ซึ่งมีบารอนและบาลักซ์นั่งรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อสมาชิกมากันพร้อมหน้า บาลักซ์ก็เอ่ยปากในทันที
“ฉันมาสู่ขอหนูเอวาให้บารอน” เพียงคำแรกก็ทำให้ผู้เป็นพี่ชายทั้งสองชะงักนิ่ง หันมามองเอวาเป็นตาเดียว ก่อนที่จะเป็นไมเคิลที่เอ่ยปากพูดก่อน
“ไม่........”
“ตัวเล็กยังเด็กครับ” โรมีโอพูดด้วยรอยยิ้ม หากแต่ส่งไปไม่ถึงดวงตา กลายเป็นรอยยิ้มประดับบนใบหน้า ปิดบังความรู้สึกที่แท้จริง ต่างจากไมเคิลที่มองจ้องเขม็งด้วยความดุดัน
“แต่ทั้งสองคนแลกแหวนกันแล้ว” เอวารีบพยักหน้าหงึกๆ จับยกมือของคนรักให้ชูขึ้นสูงคู่กันกับมือตัวเอง เพื่อโชว์ให้เห็นแหวนคู่ที่ใส่อยู่ด้วยกัน ไมเคิลปรายตามองเล็กน้อย แล้วเอ่ยปากต่อเสียงเรียบ
“ใส่ได้ก็ถอดได้......”
“หนูจะแต่งงานกับบาร์คจ๋า!!” เอวาพูดพร้อมกับกอดแขนคนรักเอาไว้แน่น สองแก้มน้อยๆ พองลมจนแก้มตุ่ย บ่งบอกให้รู้ว่าตอนนี้เอวาโมโหและไม่พอใจมากแค่ไหน แต่มันกลับทำให้คนที่พบเห็นรู้สึกมันเขี้ยวแทนเสียอย่างนั้น โรมีโอหันไปเอ่ยปากกับเด็กน้อยบ้าง
“แต่ตัวเล็กยังเด็กค่ะ พึ่งเข้ามหาลัยเองนะคะ ไว้รอเรียนจบก่อนดีไหมคะ” เอวาเบะปากไม่ชอบใจ ก่อนจะร้องบอกออกมาเสียงดัง
“ทำไมต้องรอเรียนจบด้วย!! หนูไม่ท้องสักหน่อย!!”
“แค่กๆ” บาลักซ์ถึงกับสำลักน้ำลายตนเอง ก่อนจะกระแอมไอเก็บอาการ ต่างจากไมเคิลและโรมีโอที่ดวงตาวาวโรจน์ ตวัดสายตาหันไปมองคนรักของน้องน้อยด้วยแววตาเชือดเฉือน ก่อนที่บารอนจะเป็นคนเสนอทางออกให้
“ถ้างั้นเอาแบบนี้แล้วกัน ฉันขอหมั้นกับเอวาเอาไว้ก่อน พร้อมกับสินสอดทั้งหมด แล้วรอจนเอวาเรียนจบถึงจะจัดงานแต่งอีกที พวกนายว่าไง” โรมีโอพยักหน้ารับให้กับข้อเสนอนั้น แต่ไมเคิลยังคงนิ่งเฉย ไม่ยอมตอบคำใดออกไป ทำให้ทุกสายตากลับมาจดจ้องรอคอยคำตอบจากชายหนุ่มเพียงผู้เดียว
เอวาที่เห็นเช่นนั้นจึงขยับเข้าไปเกาะแขนพี่ชาย ช้อนสายตาขึ้นออดอ้อน เขย่าแขนไปพลาง พร้อมกับการร้องบอก
“พี่จ๋าาาาา นะ.... นะๆๆๆ” เพียงเท่านั้นไมเคิลก็เผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น ตอบรับกลับไปในทันที
“ค่ะ” ว่าจบก็โน้มตัวลงหอมแก้มคนตัวเล็กอย่างพึงพอใจ ในตอนที่จับดึงให้น้องน้อยลุกขึ้นเพื่อจับมานั่งตัก มือข้างหนึ่งของเอวาก็ถูกใครบางคนจับเอาไว้ พร้อมการดึงเข้าหาตัวเบาๆ แต่ก็ทำให้เอวาถึงกับเซ และล้มลงบนตักของพี่ชายอีกคนแทนเสียอย่างนั้น
“คิดถึงจังค่ะ” โรมีโอพูดพร้อมกับยกแขนขึ้นโอบกอดแนบแน่น กดจมูกลงที่สองแก้มของเด็กน้อยจนแดงช้ำ ก่อนที่ไมเคิลจะเข้ามาร่วมวงด้วยอีกคน หลงลืมคนตรงข้ามไปเสียสนิท เพราะเอาแต่กอดกับหอมคนตัวเล็กอยู่ตลอดเวลา
“อะแฮ่ม” เสียงกระแอมไอของบาลักซ์ ทำให้ไมเคิลหันไปมอง เอ่ยปากเสียงเรียบ ใบหน้าไร้ความรู้สึก
“กลับไปสิ...... จบแล้วนี่......”
“เรื่องสินสอด-”
“หมื่นล้าน” บาลักซ์ยังไม่ทันพูดจบดี ไมเคิลก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน แล้วโบกมือไล่ให้คนทั้งคู่ออกไปเพราะไม่อยากเห็นหน้าและไม่อยากให้อยู่ขัดอารมณ์ในการนัวเนียกับคนตัวเล็ก บารอนถอนหายใจแล้วจึงหันไปพยักหน้ากับบิดาของตนเป็นการบ่งบอก ทั้งสองผุดตัวลุกขึ้นจากโซฟา ในตอนนั้นเองที่เอวาดิ้นรนออกจากอ้อมกอดของพี่ชายทั้งสองได้พอดิบพอดี
“หนูไปด้วย!!” เอวาร้องบอก พร้อมกับวิ่งตามหลังบารอนไปติดๆ ต่างจากไมเคิลที่ยกคงค้างมือในท่าที่โอบกอดคนตัวเล็กแต่ถูกปัดมือออกให้อ้ากว้าง และวิ่งจากไปอย่างไม่ไยดี
“ให้ชิงตัวกลับมาไหมครับ” โรมีโอพูดด้วยเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองตามหลังดวงใจของตนไปพลาง ไมเคิลยกมือขึ้นเสยผมด้วยท่าทางหงุดหงิด เปิดเผยใบหน้าอีกครึ่งหนึ่งที่มีรอยบากเป็นทางยาว และดวงตาสีฟ้าสดใส จิ๊ปากด้วยความขัดใจ
“ไม่ต้อง” สิ้นคำ ชายหนุ่มก็ผุดตัวลุกขึ้น โอบอุ้มโรมีโอขึ้นจากโซฟา จนเจ้าตัวผวา ยกมือขึ้นกอดคอของไมเคิลเอาไว้แน่น ร้องถามเสียงดัง
“ไปไหนครับ!”
“โพธิ์แดง......” สิ้นคำ ไมเคิลก็ก้าวเดินออกไปทันทีไม่สนใจถ้อยคำโวยวายจากคนในอ้อมกอดแม้แต่น้อย
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“เราจะไปไหนกันครับ?” เด็กชายตัวน้อยหันไปร้องถามกับหญิงสาวข้างตัว ที่กำลังขับรถอย่างตั้งอกตั้งใจด้วยใบหน้าเครียดขึง หากเมื่อได้ยินเสียงร้องถาม ใบหน้าหวานล้ำก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนละมุน ละสายตาจากถนนตรงหน้าชั่วครู่ พูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับปล่อยมือจากพวงมาลัยรถยนต์ ขยับมาลูบศีรษะเล็กแผ่วเบา“เรากำลังจะไปเที่ยวกันครับ” ว่าแล้วก็ดึงมือกลับไป ตั้งใจขับรถเหมือนเดิม“เที่ยว?” แทนที่จะได้เห็นใบหน้าเล็กตื่นเต้นดีใจ กลับฉายแววประหลาดใจออกมาแทน ทำให้หญิงสาวที่กำลังขับรถอยู่ละสายตากลับมามองอีกครั้งแล้วจึงเอ่ยตอบ“ใช่ครับ ไปเที่ยว”“สองคนหรือครับ?” เด็กน้อยเอ่ยปากถามอีกครั้ง ใบหน้าเล็กที่ฉายแววหล่อเหลาแต่เด็กเริ่มขมวดคิ้วหมุนชนเข้าหากันอย่างเคลือบแคลงใจ“อ่อ......” หญิงสาวเงียบเสียงลงไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบขึ้นมาอีกครั้ง“เดี๋ยวแด๊ดดี๊ก็ตามมาครับ” ว่าพร้อมหันมาหาพร้อมส่งรอยยิ้มหวานชวนมอง แล้วโน้มตัวขยับเข้ามาใกล้ กดจมูกลงที่ศีรษะเล็กของคนที่เป็นดั่งดวงใจ เอ่ยปากพึมพำ“หรือคงจะดีกว่าถ้าเขาไม่มา....”“มัม!!!” เด็กน้อยร้องตะโกนสุดเสียง ทำให้หญิงสาวที่ทำหน้าที่ขับรถอยู่หันกลับไปสนใจมองถนนหนทาง ก่อนที่ด
“ว่ามา” ถ้อยคำเรียบง่ายถูกเอ่ยขึ้นแผ่วเบาเมื่อชายหนุ่มนั่งลงที่ประจำตำแหน่ง มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นเท้าคางอย่างไม่ใคร่จะใส่ใจนัก ผู้ช่วยคนสนิทเดินเข้ามาภายในห้องพร้อมขวดไวน์ราคาแพงที่แช่อยู่ในถังน้ำแข็งเย็นจัดจนหยดน้ำเกาะพราวและแก้วไวน์ทรงสูงขอบทองงดงามประณีตไมเคิลปรายตาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มองโรมที่หยิบจับสิ่งต่างๆ คล่องมือเพียงชั่วครู่ ก่อนจะถูกดึงความสนใจจากผู้ช่วยคนสนิทไปเนื่องจากเสียงของผู้เข้าร่วมประชุมคนหนึ่งเอ่ยปากขึ้นอย่างช้าๆ“บอสครับ ตอนนี้พวกเราถูกมิเกลจับตามองอยู่ อาจจะทำให้เคลื่อนไหวไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นัก.......”“......” ไมเคิลขยับมือรับแก้วไวน์จากโรมมาถือไว้ โคลงแก้วภายในอุ้งมือ ก่อนจะยกขึ้นดมกลิ่นแล้วจิบเพียงเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร“เปลี่ยนเส้นทางได้ไหมครับ” โรมที่ยืนอยู่ข้างกายเอ่ยถามขึ้นบ้างพร้อมเลิกคิ้วมอง“คือ.... ถ้าเปลี่ยนเส้นทาง มันจะใช้เวลานานมากกว่าเดิมถึง 3 เท่า แถมยังสุ่มเสี่ยงเพราะต้องผ่านพื้นที่ชุมชน ผมเกรงว่า......”ตึก“.......” ชายหนุ่มขยับตัวเล็กน้อยแล้ววางแก้วลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงแผ่วเบา ก่อนจะปรายสายตาขึ้นมองคนที่กำลังพูดอยู่ในตอนนี้ ทำให้คนที่สบตาด้วย
“พี่จ๋า...”“....”“พี่จ๋าาาา”“....”“พี่จ๋า!!” เสียงเล็กสดใสดังขึ้นที่ข้างตัว ไมเคิลตื่นขึ้นตั้งแต่คำร้องเรียกครั้งแรกแล้ว แต่อยากที่จะนอนกอดเด็กน้อยในปกครองเอาไว้ต่ออีกสักนิด จึงแกล้งทำเป็นหลับ และนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มสมหวัง เมื่อริมฝีปากนุ่มนิ่มจรดลงที่ข้างแก้ม“คิสๆ พี่จ๋าตื่นนนน”“หึ ตัวเล็ก” ว่าเสียงนุ่มพร้อมรวบเด็กตัวเล็กสมชื่อเข้ามาไว้ในอ้อมกอด แกล้งงึมงำแผ่วเบา“พี่ยังง่วงอยู่เลย”“งื้ออออ” ไมเคิลว่าพร้อมหลับตา แต่ปรือตามองด้วยความอยากรู้ เห็นดวงตากลมโตสีฟ้าสดใสเป็นประกายนอนเกยอยู่บนอก นอนมองตาแป๋ว จนพาให้มุมปากอยากที่จะขยับยกยิ้มไปเสียทุกทีจ้องจ้อง....จ้อง.......“ฮึ ตกลงตัวเล็ก ลงไปทานข้าวเช้ากันเถอะ” ว่าพร้อมกับพลิกตัวลงจากเตียง ทำให้เด็กน้อยกลิ้งลุ่นๆ หล่นตุ้บลงบนเตียง เอวายันตัวขึ้นนั่งทั้งที่เส้นผมชี้ฟู ไมเคิลยกยิ้มขำให้กับท่าทีนั้น ก่อนจะโน้มตัวลง แล้วอุ้มเด็กน้อยมาไว้ในอ้อมแขน“อาบกับพี่” ว่าแล้วก็อุ้มเด็กตัวจ้อย พาเดินไปห้องน้ำที่อยู่อีกด้านหนึ่งของห้อง วางลงแผ่วเบาในอ่างน้ำขนาดใหญ่ที่มีลวดลายงดงาม ไม่ลืมที่จะเปิดน้ำอุ่นใส่อ่างและหย่อนบาธบอมบ์กลิ่นกุหลาบประกายกากเพ
“เตรียมเสร็จรึยัง” ไมเคิลเอ่ยถามกับผู้ช่วยคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างกาย โรมโน้มตัวลงอย่างนอบน้อม เอ่ยตอบเสียงเบาราวกระซิบหากแต่ได้ยินชัดเจน“เรียบร้อยแล้วครับ”“ดี” พูดจบก็ก้าวเท้าออกจากคฤหาสน์ มุ่งตรงไปที่รถยนต์คันหรูซึ่งมีหน้าตาเหมือนกันทั้งหมด 5 คัน และทุกคันต่างบรรทุกคนเต็มอัตรากำลัง ไมเคิลก้าวขาขึ้นรถ อดไม่ได้ที่จะหันมองหน้าต่างห้องๆ หนึ่งซึ่งดวงไฟปิดสนิท“ให้ซีนอนมาคอยดูแล”“ครับ” เพียงเท่านั้นมือเรียวยาวของโรมก็ล้วงเข้าไปในเสื้อสูท กดเบอร์โทรออกที่คุ้นเคย ได้ยินเสียงปลายสายโวยวายมาเล็กน้อยเนื่องจากรบกวนเวลานอนหลับ แต่พอบอกว่าเป็นคำสั่งของบอสก็หุบปากฉับและวางสายไปอย่างรวดเร็วไมเคิลขึ้นรถที่ถูกขับมาด้วยความเร็วมากกว่า 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถบริวารทั้ง 4 รายล้อมทั้งสี่มุม คุ้มกันอย่างแน่นหนาแชะ!แสงแฟลชสะท้อนเข้าตาคนขับ หลังถูกจับบันทึกภาพขับรถเร็วกว่ากว่ามาตรฐานกำหนด จนอดที่จะเอ่ยหยอกเย้าไม่ได้“น่าจะเรียกไซเรนมานำขบวนนะครับ”“ไม่จำเป็น....”“ฮึฮึ” ไมเคิลละสายตาจากโรมที่หัวเราะในลำคอแผ่วเบาแล้วก้มลงมองหยาดน้ำสีม่วงแปลกตาที่ถูกบรรจุอยู่ในขวดสีใสขนาดเล็ก“ผลเป็นยังไง.....”“แรงกว่าสู
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา