“ว่ามา” ถ้อยคำเรียบง่ายถูกเอ่ยขึ้นแผ่วเบาเมื่อชายหนุ่มนั่งลงที่ประจำตำแหน่ง มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นเท้าคางอย่างไม่ใคร่จะใส่ใจนัก ผู้ช่วยคนสนิทเดินเข้ามาภายในห้องพร้อมขวดไวน์ราคาแพงที่แช่อยู่ในถังน้ำแข็งเย็นจัดจนหยดน้ำเกาะพราวและแก้วไวน์ทรงสูงขอบทองงดงามประณีต
ไมเคิลปรายตาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มองโรมที่หยิบจับสิ่งต่างๆ คล่องมือเพียงชั่วครู่ ก่อนจะถูกดึงความสนใจจากผู้ช่วยคนสนิทไปเนื่องจากเสียงของผู้เข้าร่วมประชุมคนหนึ่งเอ่ยปากขึ้นอย่างช้าๆ
“บอสครับ ตอนนี้พวกเราถูกมิเกลจับตามองอยู่ อาจจะทำให้เคลื่อนไหวไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นัก.......”
“......” ไมเคิลขยับมือรับแก้วไวน์จากโรมมาถือไว้ โคลงแก้วภายในอุ้งมือ ก่อนจะยกขึ้นดมกลิ่นแล้วจิบเพียงเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร
“เปลี่ยนเส้นทางได้ไหมครับ” โรมที่ยืนอยู่ข้างกายเอ่ยถามขึ้นบ้างพร้อมเลิกคิ้วมอง
“คือ.... ถ้าเปลี่ยนเส้นทาง มันจะใช้เวลานานมากกว่าเดิมถึง 3 เท่า แถมยังสุ่มเสี่ยงเพราะต้องผ่านพื้นที่ชุมชน ผมเกรงว่า......”
ตึก
“.......” ชายหนุ่มขยับตัวเล็กน้อยแล้ววางแก้วลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงแผ่วเบา ก่อนจะปรายสายตาขึ้นมองคนที่กำลังพูดอยู่ในตอนนี้ ทำให้คนที่สบตาด้วยสะดุ้งเฮือก แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าเป็นการพูดคุยผ่านหน้าจอทีวีขนาดใหญ่ ไม่มีทางที่คนซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์จะทำอะไรตนเองได้ แต่อย่างไรก็ตาม ทุกคนในที่นี้ต่างรู้ดีว่าอำนาจของคนๆ นี้แผ่กระจายไปทั่วทุกพื้นที่แค่ไหน
“คือ ถ้าผมจะร้องขอให้ทางสำนักงานใหญ่มะ-”
“เมอร์สัน.....” เพียงแค่เอ่ยนาม เจ้าของชื่อก็พลันหน้าซีดไร้สีเลือด ยิ่งเมื่อได้เห็นว่าคนที่ตกกำลังคุยด้วยยกยิ้มมุมปาก เท้าคางลงกับโต๊ะ ปลายนิ้วมืออีกข้างถูกเคาะเป็นจังหวะเชื่องช้า เจ้าของชื่อก็พลันรู้สึกลำคอแห้งผาก การกลืนน้ำลายนั้นฝืดเคือง ดวงตาสีทองสุกปลั่งมองจ้องสบมานิ่งๆ ราวกับกำลังใช้ความคิด
“.......” ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่ที่มีผู้เข้าร่วมเกือบ 30 คนพากันเงียบกริบอย่างตั้งอกตั้งใจ ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ เสียงนาฬิกาที่เดินผ่านไปแต่ละวินาทีราวกับห้วงเวลาหยุดนิ่งตามคำสั่งของผู้เป็นนายใหญ่ของห้อง
ไมเคิลหยุดมือที่กำลังเคาะลงกับโต๊ะ และขยับไปใช้ปลายนิ้วมือถูวนรอบขอบแก้วใบสวยที่วางตั้งอยู่ ก่อนจะเอ่ยเสียงเนิบช้า
“เส้นทางเดิม...... เคลียร์ทางให้สะอาด...... จะได้เดินทางง่ายๆ ......” ว่าจบก็ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอีกหน
“ตะ แต่ จะเคลียร์ทางก็ดูท่าว่าจะเกินกำละ-”
“เมอร์สัน......” น้ำเสียงเย็นเหยียบถูกเอ่ยขึ้นอีกครั้ง และในครั้งนี้ดวงตาสีทองตวัดมองจ้องดุดันจนรับรู้ได้ถึงความกดดันที่แผ่ออกมาจากรอบกายแม้จะอยู่ไกลกันคนละทวีปโลกก็ทำให้หนาวสั่นได้ไม่ต่างกันกับตัวจริงมายืนอยู่ตรงหน้า
“อย่าทำให้ฉันผิดหวัง.......” ว่าพร้อมเหยียดยิ้มบนดวงหน้า ในขณะที่เจ้าของชื่อคล้ายกับวิญญาณหลุดลอย เมื่อคนที่ตนต้องจัดการคือวายร้ายตัวเอ้ รับหมดทั้งอาวุธ ยา สารเสพติด แรงงานทาส แล้วนี่บอสจะให้ถอนรากถอนโคน..... ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าส่งของไม่สำเร็จจะเกิดอะไรขึ้น......
“ต่อไป” น้ำเสียงเด็ดขาดถูกเอื้อนเอ่ยอีกครั้ง คำให้คนที่ต้องรายงานคนต่อไปถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเริ่มต้นรายงาน
“จากงานที่ได้รับมอบหมายให้เชื่อมสัมพันธไมตรีกับกษัตริย์.........”
.
.
.
“มีอีกไหม.....” คำถามเรียบง่าย แต่ทุกคนกลับนั่งนิ่งเงียบกริบ ชายหนุ่มกวาดตามองไปรอบห้องที่ว่างเปล่า สบตากับตัวแทนของประเทศต่างๆ อย่างช้าๆ ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำปิดท้าย
“ปิดการประชุม.....” ว่าจบก็ปัดมือเพียงหนึ่งครั้ง หน้าจอที่ฉายภาพผู้เข้าร่วมการประชุมก็พลันดับลงอย่างรวดเร็ว เป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมงที่ไมเคิลต้องนั่งฟังรายงานเรื่องต่างๆ จากผู้เข้าร่วมการประชุมทุกเรื่องที่ได้รับมอบหมาย และงานที่กำลังประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้ถูกถ่ายทอดคำสั่งและหาแนวทางการแก้ไขไปทีละเรื่อง ด้วยคำสั่งที่เด็ดขาดและชัดเจน
“อืม.....” ชายหนุ่มครางในลำคอ เมื่อที่บ่าทั้งสองข้างนั้นถูกบีบนวดด้วยน้ำหนักมือที่พอดีช่วยทำให้ผ่อนคลาย แม้จะสบายมากเพียงใด แผ่นหลังกว้างที่เหยียดตรงก็ยังคงทระนงตั้งตระหง่านดังภูผาสูงใหญ่ ไม่มีการผ่อนปรนให้แม้กระทั่งตนเอง...
“ให้ผมช่วยไหมครับ” คำถามมาพร้อมกับมือที่ขยับไหวเคลื่อนต่ำลงอย่างช้าๆ ไมเคิลทำเพียงหยิบบุหรี่ที่วางอยู่ด้านข้าง ในกล่องสลักลายใบสวยสีเงินขึ้นมาคาบไว้ที่ริมฝีปาก เปลวไฟก็ถูกจุดประกายขึ้นแทบจะทันที โดยฝีมือของผู้ช่วยคนสนิทที่ส่วนปลายของบุหรี่ถูกเผาไหม้จนแดงฉานขึ้นอย่างช้าๆ และเพียงไม่นานนัก ควันสีขาวก็ลอยคลุ้งอยู่เบาบางภายในห้องที่ปิดทึบรอบด้าน
“ตามใจนาย....” เพียงเท่านั้นคือคำตอบ โรมทิ้งตัวลงคุกเข่าที่หว่างขา ฝ่ามือใหญ่ที่หยาบกร้านจากการฝึกฝนอย่างหนักหน่วง จับยกมือของผู้เป็นนายขึ้นช้าๆ พร้อมจรดริมฝีปากลงไปแผ่วเบา ตามด้วยคำตอบรับอย่างนอบน้อมเฉกเช่นทุกที
“เยส มายลอร์ด” สิ้นคำพูดนั้น ความอุ่นร้อนที่หลังมือก็จางหายไป วางมือทาบทับบนส่วนร้อนที่ยังคงสลบไสล ก่อนจะบดคลึงมือลงไปอย่างช้าๆ ปลุกปั่นให้เจ้าวายร้ายตื่นขึ้นจากนิทราที่หลับใหล......
.
.
.
“เรียกโคลด์กลับมาด้วย ฉันมีงานให้มันทำ” ว่าจบก็ยกไวน์ขึ้นดื่มจนหมดแก้ว ลุกขึ้นแต่งตัวและปล่อยทิ้งคนที่หายใจเหนื่อยหอบเอาไว้เบื้องหลัง
ไมเคิลก้าวเท้าในจังหวะที่มั่นคงแต่ไร้สุ้มเสียง เดินไปที่ห้องๆ หนึ่งซึ่งมีขนาดใหญ่ไม่ต่างจากห้องของตน แถมยังอยู่ติดกันเรียกได้ว่าห่างเพียงกำแพงกั้น หลังจากเปิดเข้าไปแล้วก็กวาดสายตามองหาเจ้าของห้องท่ามกลางความมืด เดินลากเท้าไปทิ้งตัวลงนอนข้างกายของเด็กตัวจ้อย ขยับดึงให้เข้ามานอนซุกอกของตน
“อื้อออ พี่จ๋า...” เสียงเล็กพึมพำแผ่วเบา ไมเคิลลูบแผ่นหลังและศีรษะเป็นการกอดปลอบพร้อมเอ่ยด้วยเสียงนุ่มทุ้ม
“หลับนะครับ” เจ้าตัวเล็กขยับตัวเล็กน้อยอย่างออดอ้อนโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่ไมเคิลยกยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก
“ฝันดีครับตัวเล็ก” ว่าพร้อมกดจูบที่หน้าผากแนบแน่น นอนกอดเด็กตัวเล็กเอาไว้ในอ้อมแขน
ในกลางดึกค่ำคืนนั้น ใครบางคนแวะเข้ามาดูบอสของตนที่ห้อง ปรากฏว่าไม่พบ จึงขยับย้ายไปดูที่ห้องข้างๆ กันแทน และได้เห็นภาพของสองพี่น้องที่กอดกันกลมดิ๊ก อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบศีรษะคนตัวเล็กภายในอ้อมกอดของบอสใหญ่แผ่วเบา หลังจากนั้นจึงผละไปแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างไร้สุ้มเสียง โดยหารู้ไม่ว่าเพียงทันทีที่คล้อยหลัง นัยน์ตาสีทองสุกสกาวก็เปิดลืมขึ้นไร้ร่องรอยง่วงงุน ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งเมื่อวางใจว่าในค่ำคืนนี้จะไม่มีมดแมลงตัวไหนเล็ดลอดเข้ามาได้อีก.......
“บอสเรียกผมหรอครับ” โคลด์มารายงานตัวหลังจาก 7 วันให้หลัง เนื่องจากคำสั่งเรียกตัวกลับเป็นการด่วนและงานที่รับไปแล้วนั้นก็ต้องเสร็จเรียบร้อยร้อยดีด้วยเช่นกัน แม้งานจะหนักหน่วง หากแต่โคลด์ก็ยังคงยืนตัวตรงแน่วมองสบตากับคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่บุกำมะหยี่สีแดงสด ไมเคิลที่เหลือบสายตามองผู้พูด ละสายตาออกจากเอกสารที่กำลังอ่านอยู่ มองจ้องคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะเหยียดหลังตรง วางประสานมือกันบนโต๊ะ เอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ เนิบช้า และเย็นเหยียบจับขั้วหัวใจ
“ไปกรีนแลนด์ต้าร์ ทำความสะอาดเส้นทาง ถ้า ‘มัน’ พลาด....” ชายหนุ่มทอดท้ายเสียงเล็กน้อย รอยยิ้มจุดขึ้นบนริมฝีปาก หากแต่แววตาไม่สื่อถึงห้วงอารมณ์
“ก็เก็บกวาดให้เรียบร้อย”
“ครับ บอส” โคลด์โน้มตัวลงรับคำสั่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป สวนทางกับโรมิโอที่ถือกาน้ำชากลิ่นหอมกรุ่นอยู่ในมือ
“จะไปแล้วหรอครับ” ชายหนุ่มเอ่ยทักขึ้นเบาๆ โคลด์หันมามองพร้อมพยักหน้ารับ พร้อมแยกเขี้ยวใส่
“บอสนายเอาแต่ใจชะมัด”
“ฮึฮึ บอสผมก็บอสของคุณเหมือนกันครับ” โคลด์โคลงหัวเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อ
“เพราะบอสเรียกกลับกะทันหัน ผมถึงต้องเร่งงานให้เร็วขึ้น จาก 1 เดือน กลายเป็นให้จบภายใน 7 วัน” โคลด์พูดด้วยสีหน้าอ่อนล้า โรมยิ้มอ่อนบางส่งให้อย่างเข้าอกเข้าใจ
“ขอให้เดินทางราบรื่นครับ” บอกทิ้งท้าย ก่อนจะค้อมหัวให้เล็กน้อย ยกมือขึ้นเคาะประตูแผ่วเบาเชิงขออนุญาตแล้วจึงเปิดเข้าไป เจ้าของห้องทำเพียงปรายสายตามองเล็กน้อย แล้วจึงขยับมือไม้เซ็นชื่อด้วยปากกาสีดำอย่างรวดเร็วและประทับตราปิดผนึกจดหมายด้วยน้ำตาเทียนสีดำทองอันเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูล โรมเดินไปรินน้ำชากลิ่นหอมกรุ่นแล้ววางตั้งไว้ให้เจ้านายของตน ก่อนจะผละไปจัดการงานที่คั่งค้างซึ่งอยู่บนโต๊ะที่ตั้งอยู่คู่กัน
เวลาไหลผ่านไปอย่างช้าๆ ไมเคิลนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ กวาดสายตาอ่านเอกสารและจรดปลายปากกา ส่วนโรมนั้นก็เดินวนเวียนอยู่รอบตัว คอยหยิบจับเอกสาร ประสานงาน ติดตามผล สลับกับการชงชาและกาแฟ
กว่าที่จะรู้ตัว รอบกายนั้นก็ถูกครอบงำด้วยความมืดมิด ไมเคิลวางปากกาลง เปลือกตาปิดพับพักสายตา สัมผัสหนักๆ ที่อยู่บนบ่าทำให้รู้สึกดี ไมเคิลทำเพียงหลับตาและนั่งนิ่งๆ ยอมให้ผู้ช่วยคนสนิทบรรเทาความเมื่อยล้าที่เกิดขึ้น
“พรุ่งนี้.....”
“วันเสาร์ครับ บอสจะให้ผมจองร้านอาหารที่ไหนดีครับ?”
“ไม่ต้อง.... ตัวเล็กจะเข้าครัว”
“ครับ”
“เตรียมเนื้อไว้ให้ฉัน.....”
“ครับ” สิ้นคำตอบรับ ไมเคิลก็หยัดกายลุกขึ้นยืน เดินออกไปจากห้องทำงาน และไม่ลืมที่จะแวะเข้าห้องใครบางคนที่ตนแอบลักลอบเข้ามาทุกคืน
สายตาคมกล้าสีทองสุกปลั่งเปล่งประกายในความมืดมิด สายตาพุ่งตรงไปหาคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงหลังใหญ่ ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ ทรุดตัวนั่งลงที่ด้านข้าง ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยกรอบหน้าและปัดปอยผมออกจากหน้าผากมนของร่างเล็ก
“ฝันดีครับ... ตัวเล็ก...” พูดพร้อมประทับริมฝีปากลงที่หน้าผาก ก่อนจะขยับไล้มาที่เปลือกตา แวะสูดดมกลิ่นหอมที่ข้างแก้มเนียนนุ่ม และจบลงที่ริมฝีปากบางเบาราวปีกผีเสื้อ
ไมเคิลทิ้งตัวลงนอนที่ด้านข้าง ดวงตาจ้องมองใบหน้ายามหลับใหลของเด็กน้อยในปกครอง อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบศีรษะพร้อมพึมพำแผ่วเบา
“เมื่อไหร่ตัวเล็กจะโตสักทีครับ หื้ม.....” คำถามที่ไร้ซึ่งคนตอบ มีเพียงกาลเวลาที่หมุนผ่านเท่านั้นที่สามารถบอกได้
“บอสครับ.....” เสียงแผ่วเบาราวกระซิบพร้อมกับใครบางคนที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างไร้สุ้มเสียง ดวงตาสีทองราวราชสีห์ตวัดสายตามองจ้อง เมื่อผู้ช่วยคนสนิทกล้ารบกวนเวลาพักผ่อนของเขาที่มีอยู่น้อยนิดจนแทบหาไม่ได้ด้วยประโยคที่ว่า…..
“พบหนอนแล้วครับ”
“รอ” น้ำเสียงเฉยชาถูกเอื้อนเอ่ยออกจากริมฝีปากบางของผู้เป็นนาย มือยังคงลูบไล้เส้นผมและใบหน้าของคนหลับแผ่วเบา กล่อมให้เข้านอนด้วยท่าทีอ่อนโยนนุ่มละมุน
“ขออภัยด้วยครับ.... เขาจะตายในอีก 1 ชั่วโมงนี้” คิ้วเรียวรูปดาบขมวดเข้าหากัน ก่อนจะผละลุกขึ้นจากเตียงช้าๆ เอ่ยถามไปพลาง
“เพราะ?” ถามแล้วก็โน้มตัวจูบที่หน้าผากอีกครั้ง หาเศษหาเลยกับเด็กตัวเล็กที่เป็นดั่งผ้าขาว บริสุทธิ์ และงดงามยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เขายอมแลกทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในมือเพื่อรอยยิ้มที่สดใสราวแสงอาทิตย์สาดส่องมายังความมืดมิดที่เขาเป็น
“ยาพิษครับ” ไมเคิลพยักหน้ารับ ตรวจสอบอาวุธคู่กายที่ยังคงอยู่ติดตัว นั่นคือมีดเงินแกะสลักด้ามลายมังกร ตัวมีดเป็นรอยริ้วหยักย้อนคมเขี้ยว ทุกครั้งที่ปลายมีดไล้ปาดไปบนผิวเนื้อ สร้างความเจ็บปวดได้อย่างมากมาย และคราใดที่ปักฝังลงบนผิวเนื้อ มันจะฉีกกระชากจนไม่อาจรักษาให้ใช้งานได้ดั่งเดิม
และมันไม่ได้มีแค่หนึ่ง......
แต่มาถึงสอง....
นอกจากนี้แล้วไมเคิลไม่ลืมที่จะพกปืนสั้นสีดำมะเมื่อมไว้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย แม้เขาจะมีความสามารถในการใช้มีดคู่ แต่ใช่ว่าฝีมือการยิงปืนของเขาจะด้อยค่า เมื่อจุดที่เขายืนนั้นอยู่สูงจัดจนหนาวสั่นสะท้าน สิ่งที่มอบความอบอุ่นให้ได้คือการกอดตนเอง.....
ไมเคิลทำเพียงพยักหน้าส่งให้ โรมก็หมุนตัวเดินนำออกไปก่อน ทั้งคู่พากันก้าวเดินลงบันได ลึกลงไปเรื่อยๆ ตามหนทางที่ทอดยาว ลงสู่ชั้นใต้ดิน
“โรม”
“ครับ”
“ทำห้องรับแขกใหม่.....”
“ครับบอส ผมจะแจ้งทีมออกแบบให้ครับ” ไมเคิลพยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ โรมีโอเป็นคนฉลาด เพียงพูดไม่กี่คำ ก็เข้าใจความต้องการของเขา ไม่ถามเซ้าซี้ให้มากความ ไม่ถามหาเหตุผล ทำตามคำสั่งและยึดความพึงพอใจของเขาเป็นหลัก นั่นจึงทำให้โรมีโอก้าวเข้ามายืนในตำแหน่งผู้ช่วยคนสนิท แน่นอนว่าฝีไม้ลายมือนั้นย่อมไม่ธรรมดาเช่นกัน
ร่างสูงใหญ่กำยำของไมเคิลเดินลึกลงไปที่เบื้องล่าง ภาพตรงหน้าปรากฏเงาให้เห็นเลือนรางจากหลอดไฟดวงเล็กที่ติดอยู่บนผนังสูง โลกเบื้องล่างใต้พื้นดินนั้นแตกต่างจากความศิวิไลซ์ที่ด้านบนอย่างสิ้นเชิง ไม่มีผนังบุนวมอย่างดี ไม่มีโคมไฟระย้า ไม่มีแม้กระทั่งอากาศบริสุทธิ์ให้หายใจ ที่เบื้องล่างนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอับชื้นไร้แสงส่อง ผนังห้องเป็นกำแพงหินแข็งแกร่งทว่าเย็นเหยียบจับขั้วหัวใจ
ไมเคิลเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ โดยที่สีหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องๆ หนึ่ง ไม่ต้องให้ใครมาเทียบเชิญ ฝ่ามือแกร่งก็เปิดเข้าไปในทันที ภาพที่เห็นตรงหน้าไม่ต่างจากที่คิดเท่าไหร่นัก ชายหนุ่มเดินไปทรุดตัวลงนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ตัวหนึ่งด้วยท่าทีองอาจเยี่ยงราชาตรงหน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นหนอนบ่อนไส้ และมีผู้ช่วยคนสนิทยืนอยู่ที่ด้านหลังดั่งเช่นทุกที
“ทำไม....” คำสั้นๆ ถูกเอ่ยออกจากริมฝีปากบางเฉียบสีซีด ถ้อยคำไร้ความรู้สึกไม่อาจคาดเดาอารมณ์ของผู้พูด แต่ก็ทำให้คนที่กำลังคุกเข่าถึงกับสะดุ้งเฮือก และเงยหน้ามองช้าๆ ในดวงตาปรากฏความคั่งแค้นสุมอกจนแทบจะมอดไหม้
“สารเลว! ไอ้ชาติชั่ว!” ไมเคิลเหยียดยิ้มให้กับคำด่านั้น มองสบมานิ่งๆ หากทำให้คนที่ถูกมองรู้สึกด้อยค่า จนคล้ายว่าเป็นมดปลวกในสายตาของร่างสูง
“ดึงขึ้น....” น้ำเสียงสั่งการแผ่วเบา หากแต่กังวานก้องไปทั่วทั้งห้องแคบ โรมีโอขยับตัวอย่างรวดเร็วไปหยุดอยู่ที่หน้าคันโยกอันหนึ่ง แล้วขยับเคลื่อนมันช้าๆ
“อึก!” เจ้าของร่างที่ถูกดึงรั้งร้องขึ้นในลำคอ ข้อเท้าและข้อมือทั้งสองข้างถูกโซ่ตรวนพันธนาการและปักหมุดยึดไว้ที่พื้นดิน ในขณะที่รอบคอนั้นมีปลอกคอเหล็กกล้าเส้นใหญ่รัดตรึง และในตอนนี้สร้อยคอเส้นนั้นกำลังดึงรั้งสูงมากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบหายใจไม่ออก ปลายนิ้วเท้าแตะสัมผัสพื้นเพียงเล็กน้อยให้พอพยุงตัว
“ทำไม....” คำถามเดิมถูกเอื้อนเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงกดต่ำ คนที่กำลังถูกดึงรั้งหันมามองสบตา ก่อนจะถ่มน้ำลายใส่คนที่กำลังนั่งมองอยู่
“ถุ้ย!” ไมเคิลเหลือบมองคราบน้ำลายที่ตกอยู่ไม่ไกลจากปลายเท้าของตนเท่าไหร่นัก ก่อนที่ร่างสูงจะยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างเชื่องช้า ขยับปลายเท้าก้าวเดินเข้าไปใกล้ ใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้ใบหน้าของผู้โชคร้าย ก่อนจะเอ่ยเสียงนิ่งเย็นยะเยือก
“ไม่น่ารักเลยนะ ไซม่อน.....” เจ้าของชื่อขึ้งตามองจ้อง ในดวงตามีความโกรธแค้นปะปนอยู่กับความเศร้าสร้อย
“แกมันปีศาจไมเคิล สักวันหนึ่งแกจะต้องสูญเสียสิ่งที่แกรัก อึก! ฉันของแช่งแกให้อยู่เหมือนตายทั้งเป็น!!” เจ้าของชื่อทำเพียงยกยิ้มมุมปาก เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเนิบช้าตามนิสัย
“ถึงวันนั้น.... ฉันจะคิดถึงเธอแล้วกัน..... แต่ตอนนี้ฉันมีความสุขดี เสียใจด้วยนะ” ว่าจบก็หมุนตัวหันหลัง ก้าวเท้าเดินออกจากห้อง หันมาเอ่ยสั่งกับผู้ช่วยหนุ่มด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“หาคำตอบโรม”
“ครับ” ในตอนที่ไมเคิลกำลังจะก้าวเท้าเดินออกจากห้องก็พลันชะงัก แล้วหมุนตัวกลับมาหาคนที่กำลังพยายามยืนให้ได้ด้วยปลายเท้า
“สูงอีกสักหน่อย..... ท่าจะดี” พูดพร้อมรอยยิ้มเย็น ในขณะที่โรมีโอตอบรับคำหนักแน่นและนอบน้อม
“เยส มายลอร์ด”
“หึหึ” เสียงหัวเราะอย่างพึงพอใจดังขึ้น ก่อนที่ประตูจะปิดพับลง เหลือทิ้งไว้เพียงชายผู้เป็นมือขวา ทำการรีดเค้นข้อมูลจากคู่ขาเก่าของผู้เป็นนายด้วยเวลาที่เหลือเพียงครึ่งชั่วโมงอย่างคุ้มค่ามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
.
.
.
ไมเคิลเดินขึ้นมาจากชั้นใต้ดินของคฤหาสน์ ในตอนที่เดินกลับเข้าห้องของตน ใจนั้นนึกอยากเดินเข้าห้องของคนที่อยู่ติดกันแทน แต่เมื่อก้มลงมองดูตัวที่เต็มไปด้วยกลิ่นอับชื้นไม่พึงประสงค์ ก็จำใจเดินผ่านเลยไป กลับเข้าห้องของตนเองเพื่ออาบน้ำชำระล้างร่างกายและเข้านอน
ไมเคิลเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูสีเทาจนเกือบดำ เรือนกายแข็งแกร่งซึ่งมีรอยสักรูปมังกรอยู่ที่อกข้างซ้าย พันเลื้อยขึ้นไปจนถึงลำคอคล้ายมังกรคำรามมีหยดน้ำเกาะพราวตามผิวเนื้อ ที่ด้านล่างสวมใส่กางเกงนอนเนื้อนุ่มสีดำสนิท
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นแผ่วเบา พร้อมกับใครบางคนที่เปิดประตูเข้ามาในทันที โรมีโอขยับเข้ามายืนอยู่ภายในห้อง พร้อมทั้งเอ่ยปากบอกเล่าเรื่องราว
“เขาโกรธแค้นกับสิ่งที่บอสทำกับครอบครัวของเขาครับ พ่อของคุณไซม่อนคือไบรตัน ที่เคยมีประวัติยักยอกเงินของบริษัทและขโมยเอกสารการวิจัยรวมทั้งตัวอย่างการทดลองเมื่อ 5 ปีก่อนครับ”
“อืม” ตอบรับแผ่วเบาแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องราวในอดีต เพราะไบรตันเคยโกงเงินบริษัทไปเป็นจำนวนมาก ด้วยปริมาณมากมายมหาศาลแม้จะถูกระบุเป็นบุคคลล้มละลายก็ไม่อาจชดใช้ได้หมด ดังนั้นจึงต้องหาหนทางที่สามารถใช้หนี้ได้คุ้มค่าและครบถ้วนตามเม็ดเงิน....
หนูทดลองคือคำตอบของเรื่องนั้น.......
และไม่ใช่เพียงแค่คนๆ เดียว แต่หมายถึงทั้งตระกูล......
ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กรับใช้......
นี่แหละ..... คือความดำมืดที่เป็นดั่งตัวตนของเขา.....
และแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวของเขาไม่เคยได้รับรู้
ไมเคิลเหลือบตามองไปทางผู้ช่วยเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยบอกเสียงเย็น
“อย่าขึ้นมาเดินด้านบนด้วยสภาพนั้นอีก.....” โรมก้มมองตัวเองก่อนจะแสดงสีหน้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง เมื่อสูทสีขาวปรากฏรอยเลือดเป็นดวงๆ พร้อมกันนั้น ใบหน้าบางส่วนยังเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของไซม่อน
“ขอโทษครับบอส...”
“เดี๋ยวเอวาตกใจ ไปซะ....” ถ้อยคำเย็นชาถูกเปล่งออกมาพร้อมกับเจ้าของร่างที่โยนผ้าเช็ดผมลงตะกร้าอย่างแม่นยำ โรมีโอค้อมตัวให้แม้ว่าผู้เป็นนายจะมองไม่เห็นก็ตามที และกลับออกไปอย่างไร้สุ้มเสียง ไมเคิลเดินก้าวเท้าไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงใหญ่วิจิตรงดงาม ร่างสูงปิดเปลือกตาลงพักผ่อน
เวลาไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้า ดวงจันทราคล้อยเคลื่อน บานประตูถูกเปิดออกแผ่วเบา เสียงย่ำเท้าก้าวเดินขยับเข้ามาใกล้
ไมเคิลรู้สึกตัวตื่นแต่ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกไป มือที่แนบลำตัวกำกระชับมีดสั้นเอาไว้แน่น แรงยุบที่เกิดขึ้นบนเตียงหลังใหญ่ทำให้ร่างสูงระแวดระวังมากยิ่งขึ้น
ตุ้บ!
มีดสั้นในมือถูกดึงออกมาอย่างรวดเร็ว และคงจะปักเข้าร่างของผู้บุกรุกอย่างไม่ลังเลหากไม่ได้ยินเสียงครางงึมงำขึ้นมาเสียก่อน
“พี่จ๋า.....” ไมเคิลชะงักมือลงได้ทัน ก่อนที่ปลายมีดนั้นจะจิ้มเข้าผิวเนื้อและทะลุลงที่ลำคอ ชายหนุ่มลอบถอนหายใจช้าๆ ก่อนจะดึงมีดออกจากลำคอของเด็กน้อยที่เป็นดั่งแสงตะวัน วางมีดลงที่ข้างตัวอีกครั้งแล้วตวัดวงแขนโอบกอดเด็กน้อยในปกครอง
“ตัวเล็ก....” เสียงแผ่วเบาราวกระซิบ ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยผิวแก้มนุ่มนิ่มอย่างชอบใจ ยิ่งเจ้าของชื่อขยับตัวบดเบียดซุกซบมากเท่าไหร่ สองแขนก็ยิ่งโอบกอดรัดแน่นมากขึ้นเท่านั้น
ไมเคิลมองดูคนในอ้อมกอดอย่างหลงใหล อดไม่ไหวที่จะก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากอิ่มสีระเรื่อ ขบเม้มและดูดดึงแผ่วเบาอย่างถนอม
“ไม่มีใครบอกหรอ.....”
“อื้อออ” เด็กน้อยครางอื้อในลำคอคล้ายตอบรับ แต่กลับทำให้คนมองหายใจหอบกระเส่าเร่าร้อนเพียงเพราะเด็กตัวนุ่มนิ่มอยู่ภายใต้อ้อมแขน
“ว่าห้ามแอบเข้าห้องผู้ชาย....” ว่าจบก็กดจูบหนักๆ ลงไปอีกสักทีเพื่อยืนยันคำพูดนั้น แต่ไม่จาบจ้วงเกินไปจนทำให้เด็กน้อยตื่นขึ้นจากการหลับใหลในห้วงนิทรา ปลายจมูกคมสันไล้ดอมดมไปทั่วศีรษะและใบหน้าเล็กที่นอนซุกซบอยู่บนอก ก่อนที่ชายหนุ่มจะจมลงสู่ห้วงนิทราตามไปเช่นกัน
และคืนนี้นั้น เป็นอีกคืนที่เขาได้หลับพักผ่อนอย่างวางใจ.....
“พี่จ๋า...”“....”“พี่จ๋าาาา”“....”“พี่จ๋า!!” เสียงเล็กสดใสดังขึ้นที่ข้างตัว ไมเคิลตื่นขึ้นตั้งแต่คำร้องเรียกครั้งแรกแล้ว แต่อยากที่จะนอนกอดเด็กน้อยในปกครองเอาไว้ต่ออีกสักนิด จึงแกล้งทำเป็นหลับ และนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มสมหวัง เมื่อริมฝีปากนุ่มนิ่มจรดลงที่ข้างแก้ม“คิสๆ พี่จ๋าตื่นนนน”“หึ ตัวเล็ก” ว่าเสียงนุ่มพร้อมรวบเด็กตัวเล็กสมชื่อเข้ามาไว้ในอ้อมกอด แกล้งงึมงำแผ่วเบา“พี่ยังง่วงอยู่เลย”“งื้ออออ” ไมเคิลว่าพร้อมหลับตา แต่ปรือตามองด้วยความอยากรู้ เห็นดวงตากลมโตสีฟ้าสดใสเป็นประกายนอนเกยอยู่บนอก นอนมองตาแป๋ว จนพาให้มุมปากอยากที่จะขยับยกยิ้มไปเสียทุกทีจ้องจ้อง....จ้อง.......“ฮึ ตกลงตัวเล็ก ลงไปทานข้าวเช้ากันเถอะ” ว่าพร้อมกับพลิกตัวลงจากเตียง ทำให้เด็กน้อยกลิ้งลุ่นๆ หล่นตุ้บลงบนเตียง เอวายันตัวขึ้นนั่งทั้งที่เส้นผมชี้ฟู ไมเคิลยกยิ้มขำให้กับท่าทีนั้น ก่อนจะโน้มตัวลง แล้วอุ้มเด็กน้อยมาไว้ในอ้อมแขน“อาบกับพี่” ว่าแล้วก็อุ้มเด็กตัวจ้อย พาเดินไปห้องน้ำที่อยู่อีกด้านหนึ่งของห้อง วางลงแผ่วเบาในอ่างน้ำขนาดใหญ่ที่มีลวดลายงดงาม ไม่ลืมที่จะเปิดน้ำอุ่นใส่อ่างและหย่อนบาธบอมบ์กลิ่นกุหลาบประกายกากเพ
“เตรียมเสร็จรึยัง” ไมเคิลเอ่ยถามกับผู้ช่วยคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างกาย โรมโน้มตัวลงอย่างนอบน้อม เอ่ยตอบเสียงเบาราวกระซิบหากแต่ได้ยินชัดเจน“เรียบร้อยแล้วครับ”“ดี” พูดจบก็ก้าวเท้าออกจากคฤหาสน์ มุ่งตรงไปที่รถยนต์คันหรูซึ่งมีหน้าตาเหมือนกันทั้งหมด 5 คัน และทุกคันต่างบรรทุกคนเต็มอัตรากำลัง ไมเคิลก้าวขาขึ้นรถ อดไม่ได้ที่จะหันมองหน้าต่างห้องๆ หนึ่งซึ่งดวงไฟปิดสนิท“ให้ซีนอนมาคอยดูแล”“ครับ” เพียงเท่านั้นมือเรียวยาวของโรมก็ล้วงเข้าไปในเสื้อสูท กดเบอร์โทรออกที่คุ้นเคย ได้ยินเสียงปลายสายโวยวายมาเล็กน้อยเนื่องจากรบกวนเวลานอนหลับ แต่พอบอกว่าเป็นคำสั่งของบอสก็หุบปากฉับและวางสายไปอย่างรวดเร็วไมเคิลขึ้นรถที่ถูกขับมาด้วยความเร็วมากกว่า 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถบริวารทั้ง 4 รายล้อมทั้งสี่มุม คุ้มกันอย่างแน่นหนาแชะ!แสงแฟลชสะท้อนเข้าตาคนขับ หลังถูกจับบันทึกภาพขับรถเร็วกว่ากว่ามาตรฐานกำหนด จนอดที่จะเอ่ยหยอกเย้าไม่ได้“น่าจะเรียกไซเรนมานำขบวนนะครับ”“ไม่จำเป็น....”“ฮึฮึ” ไมเคิลละสายตาจากโรมที่หัวเราะในลำคอแผ่วเบาแล้วก้มลงมองหยาดน้ำสีม่วงแปลกตาที่ถูกบรรจุอยู่ในขวดสีใสขนาดเล็ก“ผลเป็นยังไง.....”“แรงกว่าสู
Michael Partและแล้วเอวาก็ได้รู้ว่าเพราะอะไร เพราะตอนนี้ไมเคิลกำลังดึงทึ้งดอกไม้ออกจากศีรษะเล็กพร้อมแกะเปียผมออกไปพลาง ปากก็ยังคงบ่นไม่หยุด“ตัวเล็ก คราวหลังอย่าให้คนอื่นเล่นผมนะคะ”“บาร์คไม่ใช่คนอื่นนน” เด็กน้อยลากเสียงยานค้าง ทำให้ไมเคิลปรายตามองเพื่อนสนิท ก่อนจะเอ่ยปากอีกหน“ไม่ใช่คนอื่น แต่พี่ก็ไม่ให้ใครเล่นค่ะ พี่หวง” ว่าพร้อมกับหยิบหวีขึ้นมาสางผมสีดำสนิทอย่างเบามือ“เจ็บไหมคะ บาร์คมือหนัก เบาไม่เป็น” ว่าพร้อมกับเริ่มมัดผมให้ใหม่ คนถูกกล่าวถึงรีบแทรกขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว“เฮ้ๆ ให้มันน้อยๆ หน่อย อย่าเวอร์น่า” เพียงเท่านั้นไมเคิลก็ตวัดสายตามองจ้องดุดันด้วยสายตาเย็นเหยียบ หากแต่บารอนไม่เกรงกลัว หัวเราะในลำคอ และเอื้อมหยิบแก้วไวน์จากถาดสีเงินที่โรมเดินนำมาเสิร์ฟได้ทันท่วงที ก่อนที่ถาดนั้นจะวางลงบนโต๊ะ“ไปซะบาร์ค.....” ไมเคิลเหลือบตามองด้วยความเฉยชา ในดวงตาปรากฏร่องรอยความขุ่นเคืองใจ แต่คนโดนไล่กลับหัวเราะในลำคอแผ่วเบาอย่างชอบใจ ยกแก้วขึ้นดื่มจนหมดแล้วเอนตัวนอนลงบนเบาะกำมะหยี่สีแดงสดดิ้นทองอย่างสบายอารมณ์“ไม่ไป นานๆ นายจะกลับมาสักที”“ใครจะนั่งว่างเหมือนนายกันบาร์ค”“ใครบอกว่าฉันว่าง
Michael Partไมเคิลกำลังลูบศีรษะเล็กที่วางเกยอยู่บนตักด้วยความเอ็นดู ปลายนิ้วมือม้วนปอยผมสีดำสนิทไปมาอย่างเพลิดเพลิน ในขณะเดียวกันก็อดที่จะเอ่ยปากไม่ได้“นายเคยเห็นอะไรแบบนี้ไหม โรม.....” ว่าพร้อมใช้ปลายนิ้วมือเกลี่ยแก้มนุ่มแผ่วเบา“ครับ?”“เทพธิดาตัวน้อยที่วิ่งเล่นบนโลกมนุษย์.....” เพียงได้ยิน โรมีโอก็เผยรอยยิ้มออกมา ก่อนจะตอบรับกลับไปอย่างนอบน้อม“เคยครับ”“เคยรึ?” ถามโดยไม่แม้แต่สนใจจะเงยหน้ามอง หากแต่โรมีโอก็ยังคงเอ่ยปากตอบอย่างหนักแน่น“ใช่ครับ..... น้องของผมเอง.....” โรมีโอมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเล็กน้อยยามกล่าวถึงบุคคลในอดีตที่ตนกำลังนึกถึง“นายมีน้อง? .......”“ครับ จำได้ว่าพ่อกับแม่มักจะไม่ค่อยพาน้องออกงานเท่าไหร่นัก” โรมีโอเว้นไปจังหวะหนึ่ง ก่อนจะหันมาพูดคุยกับนายของตน“พวกท่านบอกว่าน้องร่างกายไม่แข็งแรง ต้องแยกอยู่ต่างหาก ให้ใกล้ชิดกับแพทย์ จึงไม่อยากพาออกไปไหนน่ะครับ แต่สำหรับผมแล้วน้องเหมือนเทวดาตัวน้อยๆ เช่นเดียวกันกับคุณหนูเลยล่ะครับ” ไมเคิลเหลือบตาขึ้นมองเพียงชั่วครู่ แล้วจึงละไป แม้จะเป็นเพียงการสบตากันไม่นานนัก แต่บ่งบอกได้ว่าโรมีโอมองเอวาด้วยความอ่อนโยนอย่างที่ส
Ava Part“อย่ามายุ่งนะ!” เสียงใสร้องดังขึ้น สองมือก็เอื้อมคว้า พยายามหยิบของที่ถูกฉกชิงไปกลับคืนอย่างสุดความสามารถ“แค่การ์ดต้องตั้งใจขนาดนี้ไหม?” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีใบหน้าหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มเบ้ปากใส่พร้อมกับยื่นส่งการ์ดใบเล็กกลับคืน เอวาทำหน้ามุ่ยแล้วรีบคว้าการ์ดนั้นมาไว้ในมือ ทำแก้มพองลมอย่างน่ารักน่าชัง“ตั้งใจสิ! อันนี้เอาไว้ให้พี่จ๋านะ!” ว่าพร้อมเชิดหน้าขึ้น คนฟังกลอกตาใส่อย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะนั่งเท้าคางมองเด็กตัวเล็กที่อายุไม่น้อยนั่งทำการ์ดแนบกับของขวัญอย่างตั้งอกตั้งใจ ก่อนจะโคลงหัวไปมา แล้วเอื้อมคว้าอีกครั้ง“อย่าจับนะ!!” เสียงใสร้องแว๊ดเข้าให้อีกหน ใช้สองแขนกวาดต้อนข้าวของทั้งหมดที่กองบนโต๊ะไปไว้ในอ้อมแขนอย่างหวงแหน ดวงตากลมโตสีฟ้าสดใสขึ้งใส่มองแรง แต่กลับดูน่ารักน่าชังเหมือนลูกแมวขู่ฟ่อกระไรอย่างนั้น“ก็ฉันเบื่อนี่!!” ซีนอนพูดอย่างมีน้ำโห ท่านั่งแปรเปลี่ยนเป็นการนั่งกอดอกเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยินยอมเช่นกัน“มีงานก็ไปทำจิ! จะมาเฝ้าหนูทำไม!” ซีนอนเบ้ปากใส่อีกหน ก่อนจะพึมพำออกมา“ก็นั่งมองเด็กมันคืองานของฉันนี่!”“พี่ซีว่าอะไรนะ?” เอวาถามพร้อมเอียงคอมองอย่างสงสัย ซีนอนโบกมือไ
Ava Part“คุณหนู ถึงเวลาแล้วครับ”“อื้อ!” เอวาตอบรับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เพราะช่วงเวลาที่ตนรอคอยมาทั้งวันได้มาถึงแล้ว“แล้วพี่จ๋าล่ะ?” ถามพร้อมกับเอียงคอมองน้อยๆ โรมีโอส่งยิ้มเอ็นดูบางเบา แล้วตอบกลับเสียงนุ่มทุ้ม“ไปรอที่งานแล้วครับ” ว่าพร้อมกับยื่นส่งชุดสูทสีขาวส่งให้ เด็กน้อยพยักหน้าหงึกๆ แล้วรับไปสวมใส่แต่โดยดี ในขณะที่โรมีโอก็ผละไปจัดการตัวเองบ้างวันนี้เป็นวันเกิดของไมเคิล ทำให้เจ้าตัวยุ่งวุ่นวายตั้งแต่เช้า เนื่องจากมีคนมากมายเดินตบเท้าเข้ามาหาถึงบริษัทเพื่อแสดงความยินดีและมอบของขวัญเล็กๆ ให้ ในช่วงบ่ายก็ต้องตระเตรียมงานคอยดูแลความเรียบร้อยของงานที่จะมีขึ้นในช่วงเย็นลากยาวไปจนค่ำ ซึ่งสถานที่จัดงานไม่ใช่ที่ไหนไกล แต่เป็นที่คฤหาสน์หลังโตนี้เอง ทำให้เอวาที่เข้าครัวคอยช่วยเรื่องของข้าวปลาอาหารและขนมต่างๆ สุดฝีมือ โดยมีไมเคิลแวะเวียนมาดูเป็นระยะ หาเศษหาเลยไปตามเรื่อง และไม่อยากให้น้องน้อยต้องทำงานหนักเกินไปนักในตอนนี้เป็นเวลาที่เจ้าบ้านต้องไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อรอต้อนรับแขกที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ ซึ่งไมเคิลได้จัดเตรียมชุดเอาไว้ให้น้องน้อยเป็นที่เรียบร้อยแล้วเอวาอา
Michael Partไมเคิลเดินกลับมาหาน้องน้อย และคอยดูแลข้างกายไม่ห่าง ด้วยกลัวว่าเด็กน้อยในปกครองจะถูกรังแกอีกครั้งจากคู่ขาเก่าๆ ทำให้ไมเคิลนั่งจ้องไม่ละสายตา แต่ถึงแม้จะไม่มีงานเลี้ยงนี่ เขาก็เต็มใจที่จะนั่งมองเด็กน้อยเจ้าของดวงใจไปทั้งวันอยู่ดีไมเคิลยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเอวาเริ่มสัปหงก ริมฝีปากน้อยๆ นั้นอ้ากว้างหาวออกมาเหมือนแมวง่วง ยิ่งทำให้น่ารักน่าเอ็นดูเข้าไปใหญ่ จนอดไม่ได้ที่จะจิ้มแก้มใสเบาๆ เป็นการเรียกสติ“ง่วงแล้วหรอครับ”“อื้อ...” เอวาตอบรับด้วยการครางรับเบาๆ ดวงตาปรือปรอยใกล้จะปิดพับลง ไมเคิลลูบเส้นผมสีดำสนิทเบาๆ ก่อนจะหันไปสั่งการกับคนข้างกาย“โรม.... ไปส่งเอวา....”“ครับบอส” โรมีโอตอบรับเสียงนุ่ม แล้วเดินอ้อมไปหาเด็กน้อยที่นั่งโงนเงนอยู่บนเก้าอี้ เมื่อเดินไปถึงเด็กน้อยก็ชูมือขึ้นเชิงอ้อนให้อุ้ม โรมีโอเหลือบตามองบอสของตนเล็กน้อย ก่อนจะโน้มตัวลงไป เอวาก็ไต่ขึ้นมาเกาะ นอนซบบ่าของโรมีโอทันที ทำให้ชายหนุ่มต้องใช้สองมือรองก้นเด็กน้อยเอาไว้คิ้วของชายผู้มีรอยสักลายมังกรขมวดเข้าหากันในทันที นัยน์ตามีเปลวไฟเป็นประกายลุกโชน มองจ้องชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลเข้มไม่ละสายตา ก่อนจะ
“พี่จ๋า”“.....”“พี่จ๋าาาาา” ไมเคิลยกยิ้มมุมปากให้เสียงงุ้งงิ้งข้างหูที่มาพร้อมแรงเขย่าเบาๆ ที่แขนข้างหนึ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นเด็กน้อยเจ้าของดวงใจนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่ข้างเตียง ในมือถือเค้กชิ้นเล็กที่เจ้าตัวตั้งใจทำมาเป็นอย่างดียกขึ้นสูงไมเคิลยันตัวขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอน แล้วขวักมือเรียกน้องน้อยให้เข้ามาหาก่อนจะตบปุๆ ลงบนเตียง ในจุดที่ตนอยากให้ตัวเล็กขยับขึ้นมานั่ง เอวาขยับตัวตามมาอย่างว่าง่าย ทรุดตัวนั่งลงตรงหว่างขา ก่อนจะยื่นส่งกล่องไม้ขีดไฟให้กับไมเคิล ไมเคิลรับเอามาถือไว้ก่อนจะจุดไฟที่ปลายหัวไม้ขีด ไม่ลืมที่จะหยอกเย้าน้องน้อยด้วยความบันเทิงใจ“เลยวันเกิดพี่มาแล้วครับ” เด็กน้อยทำหน้าหงอยใส่ ช้อนสายตาขึ้นมอง“หนะ หนูตั้งใจทำสุดฝีมือเลยนะ” เด็กน้อยพยายามสรรหาเหตุผลต่างๆ นานามาโน้มน้าวคนพี่สุดความสามารถ ไมเคิลหัวเราะในลำคอ ก่อนจะยกมือขึ้นเกลี่ยแก้มใสไปมาแผ่วเบา“งั้นให้เป็นวันเกิดของตัวเล็กแทนได้ไหมคะ”“วันเกิดหนูหรอ?” เด็กน้อยถามพร้อมกับเอียงคอมอง ไมเคิลจึงหัวเราะหึหึในลำคอ แล้วเอ่ยตอบด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน“หึหึ ใช่ค่ะ วันเกิดครบอายุ 18 ของหนูไงคะ” เอวามุ่ยหน้าบึนปากใส่ ก่อนจะตอบ
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา