Ava Part
“คุณหนู ถึงเวลาแล้วครับ”
“อื้อ!” เอวาตอบรับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เพราะช่วงเวลาที่ตนรอคอยมาทั้งวันได้มาถึงแล้ว
“แล้วพี่จ๋าล่ะ?” ถามพร้อมกับเอียงคอมองน้อยๆ โรมีโอส่งยิ้มเอ็นดูบางเบา แล้วตอบกลับเสียงนุ่มทุ้ม
“ไปรอที่งานแล้วครับ” ว่าพร้อมกับยื่นส่งชุดสูทสีขาวส่งให้ เด็กน้อยพยักหน้าหงึกๆ แล้วรับไปสวมใส่แต่โดยดี ในขณะที่โรมีโอก็ผละไปจัดการตัวเองบ้าง
วันนี้เป็นวันเกิดของไมเคิล ทำให้เจ้าตัวยุ่งวุ่นวายตั้งแต่เช้า เนื่องจากมีคนมากมายเดินตบเท้าเข้ามาหาถึงบริษัทเพื่อแสดงความยินดีและมอบของขวัญเล็กๆ ให้ ในช่วงบ่ายก็ต้องตระเตรียมงานคอยดูแลความเรียบร้อยของงานที่จะมีขึ้นในช่วงเย็นลากยาวไปจนค่ำ ซึ่งสถานที่จัดงานไม่ใช่ที่ไหนไกล แต่เป็นที่คฤหาสน์หลังโตนี้เอง ทำให้เอวาที่เข้าครัวคอยช่วยเรื่องของข้าวปลาอาหารและขนมต่างๆ สุดฝีมือ โดยมีไมเคิลแวะเวียนมาดูเป็นระยะ หาเศษหาเลยไปตามเรื่อง และไม่อยากให้น้องน้อยต้องทำงานหนักเกินไปนัก
ในตอนนี้เป็นเวลาที่เจ้าบ้านต้องไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อรอต้อนรับแขกที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ ซึ่งไมเคิลได้จัดเตรียมชุดเอาไว้ให้น้องน้อยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เอวาอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ในขณะที่จัดชุดให้เข้าที่เข้าทางอยู่นั้นสายตาก็คอยแต่จะเหลือบมองกล่องของขวัญที่วางแอบอยู่มุมห้อง ซึ่งเป็นขนาดกลางไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปนักด้วยความสุขใจ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับประตูที่ถูกเปิดออกกว้าง คนที่เปิดเข้ามาคือโรมีโอที่สวมใส่ชุดสูทสีกรมท่า เด็กน้อยหันมาทำหน้างงใส่ ทำให้โรมีโอชูของในมือขึ้นสูง พบว่าเป็นอุปกรณ์แต่งหน้าทำผมให้กับเด็กน้อย เอวาจึงเดินมาทิ้งตัวลงนั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งอย่างว่าง่าย โรมีโอจึงเริ่มทำผมให้อย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มรวบผมให้อย่างง่ายๆ โดยการมัดแบบครึ่งศีรษะทั้งสองข้าง และใช้หนังยางสีแดงที่มีลวดลายดอกไม้ห้อยระย้า ก่อนจะจับให้เด็กน้อยหันหน้ามาแล้วแต่งหน้าให้บางเบา ไม่ให้หน้าสดเกินไปนัก จนเมื่อแต่งหน้าทำผมให้เสร็จโรมีโอก็มองใบหน้าของเด็กน้อยด้วยความชื่นชมและภาคภูมิใจก่อนจะเอ่ยย้ำความคิดอีกหน
“น่ารักมากครับ” รอยยิ้มอ่อนโยนถูกจุดขึ้นบนริมฝีปาก ทำให้เอวาหันมายกยิ้มตาหยี
“ขอบคุณนะโรม” โรมีโอลูบศีรษะเล็กแผ่วเบา และในตอนนั้นเองที่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้บุคคลทั้งสองหันไปมองอย่างพร้อมเพรียง
แกร๊ก!
คนที่เปิดเข้ามาคือเจ้าของงานวันเกิดที่กำลังจะเกิดขึ้นในค่ำคืนนี้ ไมเคิลสวมใส่ชุดสูทสีดำสนิททั่วทั้งตัว บ่าทั้งสองข้างมีเสื้อคลุมตัวยาวสีดำขอบทองและปักลวดลายมังกรคำรามเข้าชุดกัน คราแรกที่ได้พบเด็กน้อยถึงกับลืมหายใจ
เส้นผมสีดำสนิทดุจรัตติกาลของชายหนุ่มถูกเซ็ททรงมาอย่างดี เส้นผมยาวปรกหน้าปกปิดดวงหน้าไปเสียงครึ่งหนึ่ง แต่ไม่อาจลบเลือนความหล่อเหลาอีกครึ่งที่หลงเหลืออยู่ได้ ไมเคิลยกยิ้มอ่อนบางก่อนจะเดินก้าวเท้าเข้ามาหาคนตัวเล็กใช้ปลายนิ้วลูบไล้ใบหน้าของน้องน้อยแผ่วเบาราวผีเสื้อแตะกระทบผิวแก้ม
“น่ารักมาก.....” เด็กน้อยส่งยิ้มเขินๆ ก่อนจะหลบเลี่ยงสายตาพร้อมส่งเสียงเบาๆ
“งื้อ~~~”
“ฮึฮึ ไปเถอะ ไปรับแขกพร้อมพี่” ว่าจบก็จับจูงมือของน้องน้อยให้เดินไปด้วยกันโดยที่มีโรมีโอมองตามหลังไม่ห่าง
บุคคลทั้งหมดพากันลงมาที่โถงจัดเลี้ยง ซึ่งถูกจัดขึ้นเป็นแบบค็อกเทล ตรงกลางงานเป็นพีระมิดแก้วคริสตัลที่มีเหล้าและไวน์หลากสีสันวางเรียงรายตั้งอยู่ และแก้วทั้งหมดนั้นถูกล้อมรอบด้วยอาหารนานาชาติดูน่ารับประทาน ทำให้เด็กน้อยที่เดินเคียงข้างกายถึงกับชะงัก แล้วก้มลงมองอาหารเหล่านั้นอีกครั้ง
ริมฝีปากเล็กบางขบเม้มเข้าหากันด้วยความน้อยใจ รู้สึกดวงตาร้อนผ่าวและปลายจมูกก็แสบร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ไมเคิลเห็นว่าเด็กน้อยหยุดอยู่กับที่ไม่ยอมเดินตามมาก็พลันแปลกใจ จนต้องหันกลับไปมอง เห็นน้องน้อยยืนกำชายเสื้อเอาไว้แน่น ดวงตามองจ้องถาดอาหารที่ถูกจัดเตรียมมาจากโรงแรมชื่อดัง ดวงตาแสดงออกถึงความเสียใจ
ไมเคิลเผยรอยยิ้มบางอย่างที่น้อยคนนักจะได้เห็น ทำให้คนทั้งงานหันไปสนใจชายหนุ่มเป็นตาเดียว ชายหนุ่มขยับเดินเข้าไปหาน้องน้อย จับปลายคางให้หันหน้ามาหา ใช้ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยผิวแก้มแผ่วเบา แล้วเอ่ยปากด้วยเสียงนุ่มทุ้ม
“อย่าร้องตัวเล็ก....”
“ฮึก หนูเปล่า....” เอวาร้องปฏิเสธ พร้อมกับใช้มือยกขึ้นขยี้ตา ไมเคิลจับฝ่ามือเล็กบางนั้นให้หยุดลง แล้วใช้นิ้วโป้งเกลี่ยหยาดน้ำสีใสออกให้แผ่วเบา ก่อนจะเอ่ยบอก
“อาหารที่ตัวเล็กทำอยู่ในครัว....” เพียงเท่านั้นริมฝีปากก็เริ่มเบะออก แต่ก็ยังพยายามข่มกลั้นความน้อยอกน้อยใจที่ถูกมองข้ามความตั้งใจอย่างสุดความสามารถ
“พี่ไม่อยากให้คนอื่นได้ชิม......”
“ฮึก....”
“ชู่ว ตัวเล็ก ไม่ร้องนะคะ” ว่าพร้อมกับดึงเด็กน้อยเข้าสู่อ้อมกอด เอ่ยปากอธิบายเนิบช้า
“พี่หวง.... ไม่อยากให้ใครได้ชิมฝีมือของตัวเล็ก ไม่อยากให้ใครได้ทานขนมที่ตัวเล็กทำ ไม่อยากให้ใครมองเห็นว่าตัวเล็กน่ารักแค่ไหน.....” เอวาที่ได้ฟังก็พลันน้ำตาเหือดแห้ง แล้วเงยหน้าขึ้นมองคนเป็นพี่ในทันที เห็นเพียงรอยยิ้มอ่อนละมุนที่ส่งมอบมาให้ เด็กน้อยได้สติ ละล่ำละลักถามด้วยความตื่นตระหนก
“ตะ แต่นั่นมันเยอะมากเลยนะ พี่จ๋าจะทานหมดหรอ”
“ไม่หมดก็เก็บไว้ไงคะ”
“แล้วถ้ามันเสียล่ะ จะทำยังไง” ไมเคิลยิ้มเย็นพูดตอบเด็กน้อยด้วยท่าทีสบายๆ
“สงสัยว่าเชฟของบ้านเราคงไม่อยากมีชีวิตแล้วค่ะ”
“ฮะๆ พี่จ๋านี่ละก็ คุณเชฟได้ยินคงเสียใจแย่” เด็กน้อยได้ยินพลอยคิดว่าเป็นเรื่องตลก แต่บุคคลในงานต่างรู้ดีว่าที่ชายหนุ่มพูดมานั้นมันจะเป็นจริงทุกถ้อยคำหากเชฟไม่สามารถรักษาสภาพอาหารเอาไว้ได้ จนพากันกลืนน้ำลายดังเอื้อก
“เอาล่ะ ไม่ร้องนะคะ ไปนั่งกับพี่นะ”
“อื้อ!” เอวาตอบรับเสียงใส สลัดคราบเด็กขี้แยออกไปจนหมด แล้วเดินตามแรงดึงรั้งของชายหนุ่มให้ไปทรุดตัวลงนั่งประจำที่
ที่นั่งของเอวาติดกับไมเคิลผู้เป็นเจ้าของงาน ที่ด้านข้างอีกฝั่งหนึ่งเป็นโรมีโอที่คอยยืนอารักขาไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย ขยับออกไปอีกเล็กน้อยเป็นโต๊ะที่ใช้วางตั้งกล่องของขวัญมากมายที่ถูกส่งมาให้เจ้าของงาน
ไมเคิลนั่งเท้าคางมองงานเลี้ยงตรงหน้าด้วยความเบื่อหน่าย สิ่งเดียวที่พอจะช่วยให้คลายความน่าเบื่อลงได้คือเด็กตัวขาวข้างกาย ซึ่งสิ่งที่ไมเคิลทำนั้นมีเพียงเอวาและโรมีโอที่รับรู้ ว่าคนพี่นั้นหยอกเย้ากับน้องน้อยที่ใต้ผ้าคลุมของโต๊ะตัวยาวซึ่งถูกจัดเตรียมไว้
แรกเริ่มก็เป็นเพียงการจับกุมมือกันเฉยๆ แต่พอนานๆ เข้าความเบื่อหน่ายก็มาเยือน ทำให้ไมเคิลขยับปลายนิ้วมือลูบไล้ผิวกายเนียนนุ่มบนฝ่ามือ และสุดท้ายคนน้องก็โต้กลับด้วยการเล่นมวยปล้ำนิ้วกับชายหนุ่มที่ใต้โต๊ะนั้น
“คิก” เสียงหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจของน้องน้อยที่สามารถเอาชนะคนพี่ได้ ทำให้ไมเคิลยกยิ้มมุมปากเกิดเป็นภาพที่น่ามอง สะกดตรึงสายตาของแขกที่เข้ามาร่วมงาน และนั่นทำให้คนภายในงานหันมาสนใจมองเด็กน้อยข้างกายกันมากขึ้น
ทุกคนต่างรู้ดีว่าชายหนุ่มมีน้องไม่แท้อยู่หนึ่งคน แต่ก็ไม่ค่อยพาออกงานด้วยเท่าไหร่นัก นานๆ ครั้งถึงจะพบเจอได้สักที และครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสพิเศษที่จะได้ทำความรู้จักกับเด็กน้อยคนนี้ บวกกับชายหนุ่มที่เมื่อยามได้อยู่กับน้องน้อยบรรยากาศรอบกายก็แปรเปลี่ยนเป็นอบอุ่น อ่อนหวานละมุนจนเกิดเป็นภาพของชายใจดี
ทำให้ใครต่อใครพากันตบเท้าเข้าไปทักทายเจ้าของงาน และไม่ลืมจะทักทายน้องชายข้างตัวด้วย แต่เมื่อขยับกายเข้าไปใกล้ สายตาคมกล้าก็ตวัดมองจ้องอย่างดุดัน เพียงแค่เหลือบสายตามองขึ้นสบ คนถูกจ้องก็พลันสั่นสะท้าน เอ่ยปากทักทายทั้งคู่สั้นๆ แล้วล่าถอยไปในที่สุด
งานเลี้ยงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จวบจนกระทั่งได้เวลา พิธีกรก็ส่งซิกให้กับโรมีโอ ผู้ช่วยคนสนิทก็ขยับกายเข้าหาเจ้านายของตน โน้มตัวลงกระซิบแผ่วเบาข้างใบหู ไมเคิลทำเพียงพยักหน้ารับเล็กน้อย แล้วลูบศีรษะเล็กที่นั่งข้างกันแผ่วเบา แล้วเอ่ยปากบอกด้วยเสียงนุ่มทุ้มละมุน
“รอพี่นะครับ” เอวาพยักหน้ารับพร้อมส่งยิ้มให้ ไมเคิลผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเดินไปกับโรมีโอก้าวขึ้นไปอยู่บนเวทีด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย
เอวานั่งมองคนเป็นพี่ชายที่กำลังกล่าวขอบคุณแขกเหรื่อในงานด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะถูกบดบังจนทำให้มองไม่เห็น เด็กน้อยขมวดคิ้วเข้าหากัน แล้วจึงไล่สายตาสูงขึ้นเรื่อยๆ เห็นเอวเว้าคอดกิ่วได้รูป ผิวขาวนวลสะอาดตา ไล่สูงขึ้นมาอีกนิดคือเกาะอกสีแดงและมีขนนกเป็นระบายริ้วที่ช่วงบน เงยหน้าขึ้นมาอีกนิดก็ได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่แลดูคุ้นตา ที่ซึ่งครั้งหนึ่งเอวาเคยพบเจอ.....
“อยู่คนเดียวสักทีนะ” หญิงสาวพูดบอกพร้อมปรายสายตามองไปทางเวที เอวามองเลยตามไปจนกระทั่งพบว่าไมเคิลก็กำลังมองจ้องลงมาจากบนเวทีอยู่เช่นกัน หญิงสาวดึงสายตากลับคืนมา ก่อนที่ใบหน้าสวยนั้นจะเปลี่ยนเป็นการแสยะยิ้มส่งให้ เอวาหายใจเข้าออกอย่างรุนแรง มองคนตรงข้ามอย่างหวาดระแวง สายตามองหาพี่ชายของตนอย่างต้องการหาที่พึ่ง
“ถ้าไม่เป็นเพราะแก ไมเคิลคงไม่สลัดฉันทิ้ง!!” ปลายเสียงนั้นแปรเปลี่ยนเป็นการตะคอก แต่เพราะบรรยากาศงานเลี้ยง ทำให้เสียงของเธอไม่เป็นที่สนใจนัก ต่างจากเอวาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามและอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า เสียงนั้นก็ทำให้เด็กน้อยถึงกับสะดุ้ง
ดวงตาที่ถูกกรีดอายไลเนอร์ให้ดูโฉบเฉี่ยวกราดมองไปทั่วใบหน้าหวานจิ้มลิ้ม ก่อนที่สายตานั้นจะไปหยุดอยู่ที่จุดๆ หนึ่ง เอวามองตามสายตานั้นไป อย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก และยังไม่ทันจะได้ทำอะไร แก้วไวน์ของไมเคิลก็ถูกหยิบฉวยไปจากโต๊ะ
“ไมเคิลคงรักแกมาก” หญิงสาวพูดพร้อมกดยิ้มมุมปากมาดร้าย เอวามองคนพูดด้วยความไม่เข้าใจ คิ้วเรียวสวยเริ่มขมวดหมุนเข้าหากันอย่างช้าๆ ในขณะที่หญิงสาวโคลงแก้วไปมา
“ไมเคิลคงรักแกมาก.....”
“......”
“ไมเคิลคงรักแกมาก!!” หญิงสาวกรีดร้องเสียงดัง ก่อนจะสาดน้ำใส่หน้าของเด็กน้อย เอวาดวงตาเบิกกว้าง รีบยกมือขึ้นป้องกันใบหน้าของตนในทันที!
ซ่า!!!!
ทุกอย่างพลันหยุดนิ่ง เอวาค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ สิ่งแรกที่รับรู้ได้คือแรงกอดรัด โอบกอดตนเองเอาไว้แน่น
“พี่จ๋า......” เอวาครางเสียงเบา เจ้าของร่างผละออกช้าๆ แล้วยกมือลูบไล้ใบหน้าหวานจิ้มลิ้ม
“ไม่เป็นไรใช่ไหม......”
“อื้อ...” เพียงเท่านั้นชายหนุ่มก็หมุนกายหันหลังกลับ เห็นโรมีโอยกมีดขึ้นจ่อลำคอของหญิงสาว และใช้มันกรีดเล่นเบาๆ ให้พอได้แผล เอวาหลบอยู่ที่ด้านหลังของชายหนุ่ม เห็นว่าเสื้อคลุมลายมังกรเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบไวน์สีแดงสด จนกลายเป็นมังกรเปื้อนเลือด
“ไปซะอลิซ่า”
“หึ! ไอ้วิปริตผิดเพศ! หวังจะฟันน้องชายตัวเอง!”
กึก!
“อย่าพูดมากจะดีกว่านะครับ บอสไม่ได้ใจดีขนาดนั้น” โรมีโอพูดเสียงเหี้ยม กดใบมีดให้ลึกขึ้นจนเลือดไหลซึม ไมเคิลกางแขนออกใช้ชายเสื้อคลุมต่างม่านบังสายตา ปิดบังน้องน้อยจากภาพไม่น่าดู
“ออกไป.....” คำสั่งเสียงเย็นเด็ดขาดดังขึ้นจากริมฝีปากสีซีด นัยน์ตามีประกายโชติช่วง มองสบตากับโรมีโอเชิงออกคำสั่ง ซึ่งอีกฝ่ายเองก็พยักหน้ารับแล้วลากตัวหญิงสาวออกไปจากห้องจัดเลี้ยงท่ามกลางเสียงโวยวายของหญิงสาว ไมเคิลดึงสายตากลับคืนเอ่ยปากเสียงราบเรียบไร้ความรู้สึก
“ขอโทษด้วยครับ เชิญสนุกกันต่อเถอะ......” ถึงจะพูดด้วยถ้อยคำสุภาพ แต่ใครได้ฟังก็รับรู้ได้ว่าให้ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเดี๋ยวนี้ ทำให้แขกมากมายต่างส่งเสียงหัวเราะแห้งๆ แล้วหันไปคุยกันต่อ และเพียงไม่นานก็กลับมาครื้นเครงดังเดิม
ไมเคิลหันมาหาน้องน้อยที่หลบอยู่ทางด้านหลัง เอวาเงยหน้าขึ้นตามแรงดึงรั้งที่ปลายคางให้เงยหน้าขึ้นสบตากับคนเป็นพี่
“ไม่ใช่ความผิดของหนูค่ะ อย่าคิดมาก” ไมเคิลเกลี่ยน้ำตาสีใสให้หลุดออกไปจากใบหน้าหวาน พูดด้วยเสียงนุ่มนวลอ่อนหวาน เอวาขบเม้มริมฝีปาก สองมือใช้ขยุ้มชายเสื้อคลุมของชายหนุ่มเอาไว้แน่น
“เพราะหนู.....”
“ไม่ค่ะ ไม่ใช่ เพราะเธอคนนั้นต่างหาก ไม่ร้องนะ” ว่าพร้อมดึงร่างเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมแขน ลูบไล้ศีรษะแผ่วเบา ปลอบประโลมใจที่บอบช้ำ
จนเมื่อน้องน้อยคลายอาการสะอื้น ไมเคิลจึงได้ผละออก เอวาก็ขยับเข้ามาใกล้ ร้องบอกด้วยท่าทีขึงขัง
“น้องช่วยถอดนะ”
“ครับ” ตอบรับพร้อมหันหลังให้ เอวาเขย่งเท้าขึ้นอีกเล็กน้อย เพื่อที่จะปลดหมุดที่กลัดอยู่บนบ่าให้คลายลง และเก็บผ้าคลุมที่เปรอะเปื้อนออกไปจากแผ่นหลังกว้าง ปลายนิ้วมือเรียวยาวลูบไล้ไปตามลวดลายมังกรที่ปรากฏ ก่อนที่มันจะถูกดึงออกจากมือไปอย่างสุภาพ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าไมเคิลส่งมอบผ้านั้นให้เมดที่อยู่ใกล้ตัว หลังจากนั้นจึงหันมาส่งยิ้มอ่อนโยนให้ แล้วฉุดให้ทรุดตัวนั่งลงข้างกันดั่งเดิม
“พ พี่จ๋า...”
“ว่าไงครับ” เอวาอึกอัก เมื่อไมเคิลในยามไร้เสื้อคลุมนั้นดูสูงสง่าน่ามอง ชุดสูทสีดำสนิทที่เข้ารูปพอดีตัว สอดรับกับใบหน้าที่เปิดเผยเพียงครึ่งเดียวนั้นอย่างลงตัว
“หนาวไหม” เอวามอบสบตากับชายหนุ่มพร้อมขบเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่นด้วยความประหม่า ไมเคิลยกยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะตอบกลับ
“นิดหน่อยครับ”
“งั้น..... นี่! สุขสันต์วันเกิดนะพี่จ๋า อยู่กับหนูไปน๊านนานเลยนะ!” เอวาขยับตัวเล็กน้อย แล้วเอื้อมไปหยิบกล่องของขวัญที่ถูกซ่อนไว้ใต้เก้าอี้ ไมเคิลยื่นมือไปรับมาถือไว้ รอยยิ้มติดมุมปากเล็กน้อย แต่แววตานั้นแสดงความยินดีออกมาอย่างไม่ปกปิด ก่อนที่ฝ่ามือหนาจะเอื้อมไปหยิบคว้าเอาการ์ดมาอ่าน
“ห้ามล้อหนูนะ!” เอวาหันหน้าหนีด้วยความเขินอาย ไมเคิลยกยิ้มบาง กวาดสายตามองการ์ดที่ถูกทำขึ้นอย่างประณีต ทันทีที่เปิดออก ตัวอักษรก็เด้งออกมาให้เห็น จนชายหนุ่มเกิดรอยยิ้มบางๆ
สุขสันต์วันเกิดนะพี่จ๋า
หนูรักพี่จ๋านะ!
ปล. ของขวัญอาจจะไม่สวย แต่หนูตั้งใจทำสุดฝีมือเลยนะ!
เมื่ออ่านจบไมเคิลก็วางกระดาษลงที่ด้านข้าง แล้วขยับไปเปิดกล่องของขวัญขึ้นช้าๆ สิ่งที่พบทำให้ไมเคิลชะงักนิ่งไปชั่วครู่ แล้วจึงใช้มือลูบไล้ไปมาแผ่วเบา ของสิ่งนั้นคือผ้าพันคอสีเหลืองเข้มออกไปทางน้ำตาลที่ถูกถักทอเป็นลายตารางหมากรุกสีดำ มือหนาหยิบคว้าผ้าผืนนั้นขึ้นมาพันคออย่างชำนิชำนาญ ก่อนจะหันไปถามกับคนตัวเล็กข้างกายด้วยรอยยิ้ม
“เป็นไงบ้างครับ” เอวายกนิ้วโป้งส่งให้ ร้องบอกเสียงใสในทันที
“หล่อมากเลยครับ” ว่าจบก็ยิ้มตาหยี จนไมเคิลต้องขยับกายเข้าไปใกล้ กดจมูกลงที่แก้มนุ่มนิ่ม สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ แล้วจึงกระซิบเสียงพร่าข้างใบหู
"ขอบคุณครับ" เด็กน้อยพยักหน้าหงึกๆ รับ แล้วหันไปจิ้มอาหารป้อนเข้าปากคนเป็นพี่ชายอย่างขันแข็ง เพราะรู้ว่าต้องยุ่งวุ่นวายวิ่งงานไม่หยุดตั้งแต่เช้า
โรมีโอที่กลับเข้ามาภายในห้องจัดเลี้ยงหลังจากจัดการตัวปัญหาออกไปได้แล้ว ภายในอ้อมแขนมีเสื้อคลุมอีกตัวที่ถูกทำสำรองไว้เผื่อเลือก แต่เป็นสีแดงสดแทน กำลังจะนำไปมอบให้กับนายของตน ก็เห็นว่าบอสใหญ่ได้ใช้ผ้าพันคอของเด็กน้อยไปเสียแล้ว จนอดที่จะหลุดขำไม่ได้เมื่อคนหน้านิ่ง ใส่สูทผูกไทเต็มยศ กลับพันผ้าพันคอสีเหลืองลายตารางหมากรุกที่ไม่ได้เข้ากับการแต่งตัวตอนนี้หรือบรรยากาศของงานเลี้ยงแม้แต่น้อย อย่างไม่มีความเขินอาย และดูจะภาคภูมิใจมากกว่าใส่ผ้าคลุมราคาแพงเสียด้วยซ้ำ
ดังนั้นแล้วโรมีโอจึงพับเสื้อคลุมในอ้อมแขนนั้นลงยื่นส่งให้เมดและออกปากให้นำไปเก็บไว้ตามเดิม ในตอนนั้นเองที่สายตามองเห็นบางสิ่งถูกขนย้ายเข้ามา จึงรีบก้าวเท้าเข้าไปหาบอสของตน
“บอสครับ” ร้องเรียกพร้อมพยักพเยิดชี้ชวนให้มอง ไมเคิลถอนหายใจเล็กน้อย แล้วจึงลุกจากที่นั่งอีกครั้ง ขยับเท้าเดินเข้าไปใกล้ชายที่สวมใส่ชุดสูทสีขาว บนอกและบ่าประดับยศศักดิ์ไว้มากมาย ทันทีที่ขยับเข้าไปใกล้ได้ระยะ ไมเคิลก็ทรุดตัวลงคุกเข่า มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นทาบอกด้วยท่วงท่างดงามจับตา
“อุ้บ! ฮะฮะ อ่อ อะแฮ่ม.... ลอร์ดวัลโด้จงรับพระราชโองการ ‘ของขวัญนี้ฉันมอบให้เธอ หลานชายเพียงคนเดียวของฉัน ขอให้เธอจงใช้ชีวิตที่เป็นสุขและก้าวหน้าดั่งใจเธอหวังไว้ และหลังจากนี้อีก 7 วัน ให้เธอเดินทางมาหาฉันด้วย’ จบราชโองการ”
“เป็นพระกรุณาธิคุณ ขอพระนางทรงพระเจริญ” ไมเคิลโน้มตัวลงต่ำเป็นการทำความเคารพ ก่อนจะผุดกายลุกขึ้นเต็มความสูง อีกฝ่ายก็เข้ามากระแซะไหล่ในทันที
“ดูไม่ค่อยเข้ากับนายเท่าไหร่นะ”
“ของขวัญที่มาจากความตั้งใจ มีค่ากว่าสิ่งอื่นใดเสมอ.....” ชายหนุ่มปรายสายตามองแรง จนคนพูดถึงกับต้องยกมือขอยอมแพ้
“โว้วๆๆ ใจเย็นพวก ฉันรู้หรอกน่าว่าใครให้นายมา” ไมเคิลถอนหายใจเหนื่อยหน่ายให้กับคนข้างกาย ก่อนจะพยักพเยิดถาม
“นั่นอะไร.....”
“อารมณ์ขันของพระนาง” อีกฝ่ายว่าพร้อมยักคิ้ว จนมีดในมือกระตุก ยังไม่ทันได้ทำอะไร อีกฝ่ายก็ขยับออกไปเสียก่อน แล้วกระตุกเชือกที่ถูกผูกไว้อย่างแน่นหนา ทำให้ผ้าที่คลุมมาถูกเปิดออก และทันทีที่เห็นไมเคิลก็ทำหน้าเอือมทันที เอ่ยปากย้ำอีกหนอย่างไรอารมณ์
“อารมณ์ขันของพระนาง.....” สิ่งนั้นคือทองคำหลอม เป็นตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลของไมเคิล ก่อนที่ของบางสิ่งจะถูกยื่นมาตรงหน้า
“อะไรกันนาร์.....”
“อันนี้สิอารมณ์ขันของจริง” ไมเคิลได้ยินดังนั้นจึงก้มลงมอง และทันทีที่เห็น ก็จับมันปาใส่คนให้ทันที จนมันกลิ้งตกลงบนพื้นไปอย่างไร้ค่า
“ไมค์!! บ้าจริง! นี่ทองคำแท้นะ!” กันนาร์พูดพร้อมไล่ตะปบทองคำนั้นจ้าละหวั่น ในขณะที่ไมเคิลเอ่ยเสียงเย็น
“ฉันยกให้.... ไสหัวไปซะ ก่อนที่ฉันจะอารมณ์เสียมากกว่านี้......”
“อะไรกัน ฉันพึ่งจะมา”
“ไปซะ และกำจัดไอ้ของอัปลักษณ์นั่นทิ้งไปด้วย.......”
“แต่นี่มันรูปนายนะ” ถามพร้อมยกชูขึ้นสูงเป็นการกวนประสาท จนไมเคิลคิ้วกระตุก กัดฟันข่มกลั้นอารมณ์พร้อมเอ่ยปากไล่อีกหนอย่างอดรนทนไม่ไหว
“ไส... หัว.... ไป.....” ว่าจบก็หมุนตัวหันหลังกลับไปหาน้องน้อย ทิ้งให้องครักษ์หนุ่มมองจ้องของในมือด้วยความมึนงง
“ก็น่ารักดีนี่น่า เสียดายของชะมัด” กันนาร์พูดพร้อมมองจ้องของในมือ มันคือทองคำแท้ที่ถูกหลอมขึ้นใหม่ ขนาดเท่าฝ่ามือ ซึ่งรูปร่างนั้นคือไมเคิลในเวอร์ชันผมยาวและสวมใส่ชุดผู้หญิงในยุควิคตอเรีย ซึ่งก็คือกระโปรงสุ่ม พองๆ บานๆ และรัดเอว ทำให้ไมเคิลแทบจะปามันใส่หน้าคนนำมาให้ด้วยความขุ่นเคือง
Michael Partไมเคิลเดินกลับมาหาน้องน้อย และคอยดูแลข้างกายไม่ห่าง ด้วยกลัวว่าเด็กน้อยในปกครองจะถูกรังแกอีกครั้งจากคู่ขาเก่าๆ ทำให้ไมเคิลนั่งจ้องไม่ละสายตา แต่ถึงแม้จะไม่มีงานเลี้ยงนี่ เขาก็เต็มใจที่จะนั่งมองเด็กน้อยเจ้าของดวงใจไปทั้งวันอยู่ดีไมเคิลยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเอวาเริ่มสัปหงก ริมฝีปากน้อยๆ นั้นอ้ากว้างหาวออกมาเหมือนแมวง่วง ยิ่งทำให้น่ารักน่าเอ็นดูเข้าไปใหญ่ จนอดไม่ได้ที่จะจิ้มแก้มใสเบาๆ เป็นการเรียกสติ“ง่วงแล้วหรอครับ”“อื้อ...” เอวาตอบรับด้วยการครางรับเบาๆ ดวงตาปรือปรอยใกล้จะปิดพับลง ไมเคิลลูบเส้นผมสีดำสนิทเบาๆ ก่อนจะหันไปสั่งการกับคนข้างกาย“โรม.... ไปส่งเอวา....”“ครับบอส” โรมีโอตอบรับเสียงนุ่ม แล้วเดินอ้อมไปหาเด็กน้อยที่นั่งโงนเงนอยู่บนเก้าอี้ เมื่อเดินไปถึงเด็กน้อยก็ชูมือขึ้นเชิงอ้อนให้อุ้ม โรมีโอเหลือบตามองบอสของตนเล็กน้อย ก่อนจะโน้มตัวลงไป เอวาก็ไต่ขึ้นมาเกาะ นอนซบบ่าของโรมีโอทันที ทำให้ชายหนุ่มต้องใช้สองมือรองก้นเด็กน้อยเอาไว้คิ้วของชายผู้มีรอยสักลายมังกรขมวดเข้าหากันในทันที นัยน์ตามีเปลวไฟเป็นประกายลุกโชน มองจ้องชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลเข้มไม่ละสายตา ก่อนจะ
“พี่จ๋า”“.....”“พี่จ๋าาาาา” ไมเคิลยกยิ้มมุมปากให้เสียงงุ้งงิ้งข้างหูที่มาพร้อมแรงเขย่าเบาๆ ที่แขนข้างหนึ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นเด็กน้อยเจ้าของดวงใจนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่ข้างเตียง ในมือถือเค้กชิ้นเล็กที่เจ้าตัวตั้งใจทำมาเป็นอย่างดียกขึ้นสูงไมเคิลยันตัวขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอน แล้วขวักมือเรียกน้องน้อยให้เข้ามาหาก่อนจะตบปุๆ ลงบนเตียง ในจุดที่ตนอยากให้ตัวเล็กขยับขึ้นมานั่ง เอวาขยับตัวตามมาอย่างว่าง่าย ทรุดตัวนั่งลงตรงหว่างขา ก่อนจะยื่นส่งกล่องไม้ขีดไฟให้กับไมเคิล ไมเคิลรับเอามาถือไว้ก่อนจะจุดไฟที่ปลายหัวไม้ขีด ไม่ลืมที่จะหยอกเย้าน้องน้อยด้วยความบันเทิงใจ“เลยวันเกิดพี่มาแล้วครับ” เด็กน้อยทำหน้าหงอยใส่ ช้อนสายตาขึ้นมอง“หนะ หนูตั้งใจทำสุดฝีมือเลยนะ” เด็กน้อยพยายามสรรหาเหตุผลต่างๆ นานามาโน้มน้าวคนพี่สุดความสามารถ ไมเคิลหัวเราะในลำคอ ก่อนจะยกมือขึ้นเกลี่ยแก้มใสไปมาแผ่วเบา“งั้นให้เป็นวันเกิดของตัวเล็กแทนได้ไหมคะ”“วันเกิดหนูหรอ?” เด็กน้อยถามพร้อมกับเอียงคอมอง ไมเคิลจึงหัวเราะหึหึในลำคอ แล้วเอ่ยตอบด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน“หึหึ ใช่ค่ะ วันเกิดครบอายุ 18 ของหนูไงคะ” เอวามุ่ยหน้าบึนปากใส่ ก่อนจะตอบ
Romeo Part“ฮือออ โรมจ๋า โรม....” เด็กน้อยสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของชายคนหนึ่งที่ตนยกให้เป็นเสมือนพี่ชายอีกคน โรมีโอถอนหายใจแผ่วเบา สองมือคอยโอบอุ้มประคองและลูบไล้แผ่นหลังเล็กบางนั้นอยู่ตลอดเวลาเวลาผ่านไปเนินนานกว่าที่เสียงร่ำไห้นั้นจะหยุดลง โรมีโอก้มลงมองคนในอ้อมแขน พบว่าคุณหนูของบ้านร้องไห้หนักจนผล็อยหลับไปเสียแล้วดังนั้นแล้วผู้ช่วยหนุ่มจึงค่อยๆ จับร่างเล็กให้เอนตัวลงนอน ขยับเข้าไปในห้องน้ำ หยิบผ้าผืนเล็กและกะละมังออกมา ผ้าขนหนูนุ่มนิ่มลูบไล้ไปทั่วกายบาง แววตาที่ชายหนุ่มทอดมองเต็มไปด้วยความอาทรใจ ปลายนิ้วเกลี่ยแพขนตางอนไปมา แล้วเช็ดตัวจนเสร็จเรียบร้อย ผลัดเปลี่ยนเสื้อให้เป็นชุดสำหรับใส่นอนสบายตัว แล้วทิ้งตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอนข้างๆ ฝ่ามือลูบไล้ศีรษะและใบหน้าหวานไปมา ราวกับจะช่วยกล่อมนอนให้นอนหลับฝันดีแกร๊ก!เสียงเปิดประตูดังขึ้นแผ่วเบา แต่กระนั้น ก็ไม่ได้ทำให้โรมีโอหันไปสนใจมอง ใครบางคนเดินเข้ามาใกล้และหยุดลงที่ข้างเตียงอีกฝั่งหนึ่ง น้ำเสียงที่เคยทรงพลังเปี่ยมไปด้วยอำนาจแหบพร่าไร้เสียง“ออกไป.....”“ไม่” เสียงตอบปฏิเสธดังกลับมาในทันที ทำให้คนที่มีดวงตาสีทองเรืองรองเข้มขึ้น กดเสียง
บรรยากาศระหว่างไมเคิลและโรมยังคงเป็นไปอย่างอึมครึมเช่นเดิม จนตอนนี้ก็ผ่านเลยไปเกือบสัปดาห์แล้ว แต่ดูเหมือนทั้งคู่จะยังคงเป็นแบบนี้ต่อไปอีกเรื่อยๆไมเคิลมองตามคนที่เดินไปเดินมาภายในห้องไม่ละสายตา ตั้งแต่เดินไปชงชา จัดเตรียมขนม นำมาวางลงตรงหน้า แล้วขยับไปจัดเอกสาร หยิบเอาแฟ้มที่ต้องการออกไป เดินไปทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะทำงานตัวเอง แล้วผุดลุกขึ้นมาอีกครั้ง ขยับไปที่ตู้เอกสาร หยิบแฟ้มออกมาหนึ่งเล่ม และเดินกลับมาที่เดิมการทำงานทุกอย่างยังคงเป็นไปเช่นเดิม ไม่มีอะไรติดขัด ทั้งคู่ยังคงทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพียงแต่ไม่เหมือนเดิมแต่เดิมโรมีโอก็ไม่ใช่คนช่างพูดอยู่แล้ว อีกฝ่ายจะพูดเมื่อจำเป็น ไม่ทำอะไรที่เป็นการขัดใจเขา ตอนนี้ก็ไม่ต่างกัน ติดอยู่ตรงที่ว่ารอยยิ้มที่เคยมีติดอยู่บนใบหน้าเป็นนิจได้เลือนหายไป......กึก!ไมเคิลหยุดมือที่กำลังขยับเซ็นชื่อบนเอกสาร เงยหน้ามองคนที่หยุดอยู่ตรงข้าม เห็นผู้ช่วยคนสนิทวางเอกสารลงตรงหน้า พร้อมเอ่ยปากอธิบาย“งานสุดท้ายของวันนี้ครับ”“อืม....” ไมเคิลครางรับในลำคอแผ่วเบา และเลื่อนเอกสารเข้ามาดูใกล้ๆ“พรุ่งนี้บอสมีเข้าพบพระนางตอน 9 โมงเช้าครับ” ไมเคิลพยักหน้าร
**คำเตือน**ฉากต่อไปนี้มีความรุนแรง ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน และห้ามลอกเลียนแบบโดยเด็ดขาด!!!Micheal Part“อะไรนะ? ......” น้ำเสียงกดต่ำมาพร้อมใบหน้าที่เครียดขึ้ง ไมเคิลหันไปมองหน้าผู้ช่วยคนสนิท ข่มความโมโหที่พลันปะทุขึ้นในอก กัดฟันพูดเสียงต่ำในลำคอ“เกิดขึ้นได้ยังไง.......”“........”“เกิดขึ้นได้ยัง!!!!”เพล้ง!!!!เสียงตวาดมาพร้อมกับการยกกำปั้นขึ้นทุบโต๊ะที่อยู่ตรงกลางระหว่างบุคคลทั้ง 3 จนมันแตกกระจายพังลงตรงหน้า นั่นทำให้บุคคลในบริเวณโดยรอบพากันก้มหน้าหลบสายตา กันนาร์ขยับเข้ามาปกป้องคนที่มีศักดิ์เป็นองค์ราชินี ในขณะที่โรมีโอทำเพียงมองจ้องนายของตนเงียบๆ“หาให้เจอ...... ตามหาเอวาให้เจอ!!!!” คำสั่งนั้นมาพร้อมกับการผุดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ ไมเคิลก้าวเท้ายาวๆ เดินกลับไปที่รถ ความเป็นห่วงสุมอยู่เต็มอกจนหลงลืมการทำความเคารพองค์ราชินี กันนาร์ขยับกายเข้ามาหาชายหนุ่ม หมายจะบังคับให้ทูลลาตามกฎเสียก่อน แต่หญิงสาวเพียงคนเดียวในที่นี้ยกมือขึ้นห้ามเอาไว้ พร้อมถ้อยคำแผ่วเบาอย่างเข้าอกเข้าใจ“ปล่อยเขาไป”ไมเคิลขึ้นมานั่งบนรถตรงที่นั่งคนขับอย่างรวดเร็ว โรมีโอที่วิ่งตามมาเห็นรถเริ่มกระชากตัวออกก็รีบเร
Romeo Partตอนนี้เรียกได้ว่าใครก็เข้าหน้าบอสใหญ่ไม่ติด แม้แต่ตัวของโรมเอง.....ชายหนุ่มยกมือขึ้นนวดหัวคิ้วของตนอย่างเหนื่อยอ่อน ดวงตาฉายแววเหนื่อยล้า แต่เพราะความเป็นห่วงคุณหนูเล็กของบ้านจึงยังไม่มีใครแยกย้ายไปพักผ่อนแต่อย่างใด มีเพียงบอสใหญ่ของบ้านที่เก็บตัวเงียบ ในขณะที่ทีมระดับ S ทั้ง 8 ทำงานเต็มความสามารถโอเว่นนั่งจ้องอยู่หน้าคอมไม่ละสายตา สองมือรัวนิ้วบนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว โอเว่นจัดการค้นหาบ้านพักทั้งหมดของบารอนที่มีอยู่ในครอบครอง และบอกพิกัดให้กับทีม ซึ่งระดับ S ทั้งหมดที่เหลืออยู่ก็กระจายตัวไปตามพื้นที่ต่างๆ เผื่อว่าจำเป็นต้องมีการปะทะตอนนี้ผ่านไปแล้ว 3 วัน ความคืบหน้าก็ยังไม่ปรากฏให้เห็น ไมเคิลเองก็เก็บตัวอยู่ภายในห้อง ไม่มีใครกล้าเข้าไปอีกเมื่อเห็นร่องรอยที่เกิดขึ้นกับโรมีโอ“โรม คุณไปพักบ้างดีไหม” กันนาร์ที่ถูกองค์ราชินีส่งตัวมาช่วยในการค้นหาเอ่ยทักอย่างเป็นห่วง หากแต่ชายหนุ่มเจ้าของชื่อกลับส่ายหน้าไปมาและส่งยิ้มให้บางเบา กันนาร์ถอนหายใจแล้วบอกให้เมดสาวนำอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาให้“อย่างน้อยก็ทำอะไรสักอย่างกับแผลนั่นเถอะ หน้าสวยๆ ของคุณพังไปหมดแล้ว” กันนาร์พูดพร้อมลา
ดวงตากลมโตที่บวมช้ำค่อยๆ ปรือขึ้นอย่างช้าๆ แพขนตางามงอนกะพริบถี่ๆ อยู่หลายครั้งเพื่อปรับสายตา ห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ที่เคยเห็นจนชินตามาตลอด 3 วัน บัดนี้กลับแปรเปลี่ยนไป กลับกลายเป็นห้องขนาดกลางที่มีเฟอร์นิเจอร์เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม อย่างโต๊ะเครื่องแป้งและชั้นวางทีวี หากแต่ห้องที่อยู่อาศัยในตอนนี้เก่ากว่ามาก คล้ายกับห้องร้างที่ไร้ซึ่งคนอยู่อาศัย“แค่กๆ” เด็กน้อยไอออกมาเบาๆ เมื่อรู้สึกลำคอแห้งผากและคัดจมูก เนื่องจากฝุ่นที่จับตัวหนาอยู่ทั่วทุกพื้นที่ แถมยังรู้สึกแสบผิวและคันคะเยอไปหมด เนื่องจากนอนทับฝุ่นคละคลุ้ง นอกจากนี้แล้วเอวายังพบว่าตนสวมใส่เสื้อผ้าครบทุกชิ้น แม้ว่าเนื้อผ้าจะไม่ได้ดีมากนักและขนาดก็โอเวอร์ไซส์ไปเยอะ แต่ก็ยังดีกว่ากายเปลือยเปล่าล่อนจ้อน“อึก!” เอวาร้องครางออกมาเบาๆ เมื่อความปวดเมื่อยแล่นไปตามเนื้อตัวอย่างรวดเร็วฟ่อ!เสียงบางอย่างทำให้เอวาหยุดขยับตัว แล้วหันไปมองทางต้นเสียงอย่างช้าๆ พบว่าที่ปลายเท้าของตนมีงูตัวหนึ่งกำลังนอนขดอยู่ และตอนนี้มันก็กำลังผงกหัวขึ้นชูคอสูงจากฟูกนอน เด็กน้อยหน้าเผือดสี ความกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจ ไม่รู้แน่ชัดว่างูตรงหน้านี้มีพิษหรือไม่ในขณะที่หนึ่งค
Ava Part“เอวา!! วางมันลงเดี๋ยวนี้!!”“ไม่!!”เอวาร้องตะโกนกลับไปพร้อมทั้งใช้ปลายมีดชี้เข้าหาบารอนไปพลาง ตัวของเด็กน้อยสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม สีหน้าไม่สู้ดี บารอนเก็บคืนท่าทีกลับมาสงบนิ่งตามเดิม เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“วางมันลงซะเอวา”“ไม่..... อยะ อย่าเข้ามานะบาร์ค หนูจะ.... หนูจะฟันจริงๆ นะ” เด็กตัวเล็กเอ่ยบอกเสียงสั่น ในขณะที่บารอนขยับเท้าเดินเข้าไปใกล้ จนปลายมีดนั้นจิ้มลงที่เหนือแผ่นอก บริเวณหัวใจ เอวาชักมีดกลับอย่างเกรงกลัว หากแต่บารอนกลับจับข้อมือเล็กเอาไว้ได้ทัน แล้วบังคับให้ปลายมีดกดลงให้ลึกมากยิ่งขึ้นอย่างช้าๆ“กดลงมาเลยค่ะ.....” บารอนพูดพร้อมกับเดินเข้าหาปลายมีดมากยิ่งขึ้น มือก็จับดึงบังคับทิศทางให้เด็กน้อยแท่งมีดลงที่อกของตัวเอง พูดด้วยรอยยิ้มติดใบหน้าน้อยๆ“กดมีดลงมาแรงๆ ......”“หยะ หยุดนะ...”“กดลงไปให้มิด....” หยาดโลหิตเริ่มไหลซึมผ่านเนื้อผ้าอย่างช้าๆ เอวามองคนตรงข้ามหน้าตาตื่น ภายในดวงตาของบารอนนั้นไม่ได้เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธแต่อย่างใด บัดนี้มันถูกแทนที่ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง เอวาพยายามที่จะชักมีดกลับคืน พร้อมส่ายหน้าไปมาอย่างแรง เอ่ยปากพูดเสียงสั่น“มะ ม
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา