ดวงตากลมโตที่บวมช้ำค่อยๆ ปรือขึ้นอย่างช้าๆ แพขนตางามงอนกะพริบถี่ๆ อยู่หลายครั้งเพื่อปรับสายตา ห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ที่เคยเห็นจนชินตามาตลอด 3 วัน บัดนี้กลับแปรเปลี่ยนไป กลับกลายเป็นห้องขนาดกลางที่มีเฟอร์นิเจอร์เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม อย่างโต๊ะเครื่องแป้งและชั้นวางทีวี หากแต่ห้องที่อยู่อาศัยในตอนนี้เก่ากว่ามาก คล้ายกับห้องร้างที่ไร้ซึ่งคนอยู่อาศัย
“แค่กๆ” เด็กน้อยไอออกมาเบาๆ เมื่อรู้สึกลำคอแห้งผากและคัดจมูก เนื่องจากฝุ่นที่จับตัวหนาอยู่ทั่วทุกพื้นที่ แถมยังรู้สึกแสบผิวและคันคะเยอไปหมด เนื่องจากนอนทับฝุ่นคละคลุ้ง นอกจากนี้แล้วเอวายังพบว่าตนสวมใส่เสื้อผ้าครบทุกชิ้น แม้ว่าเนื้อผ้าจะไม่ได้ดีมากนักและขนาดก็โอเวอร์ไซส์ไปเยอะ แต่ก็ยังดีกว่ากายเปลือยเปล่าล่อนจ้อน
“อึก!” เอวาร้องครางออกมาเบาๆ เมื่อความปวดเมื่อยแล่นไปตามเนื้อตัวอย่างรวดเร็ว
ฟ่อ!
เสียงบางอย่างทำให้เอวาหยุดขยับตัว แล้วหันไปมองทางต้นเสียงอย่างช้าๆ พบว่าที่ปลายเท้าของตนมีงูตัวหนึ่งกำลังนอนขดอยู่ และตอนนี้มันก็กำลังผงกหัวขึ้นชูคอสูงจากฟูกนอน เด็กน้อยหน้าเผือดสี ความกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจ ไม่รู้แน่ชัดว่างูตรงหน้านี้มีพิษหรือไม่
ในขณะที่หนึ่งคนหนึ่งสัตว์กำลังนั่งจ้องหน้ากันอยู่นั้น บางสิ่งบางอย่างก็ตวัดวาดผ่านใบหน้า ตัดฉับเข้าที่ศีรษะของงูตัวนั้นจนเลือดสาดกระจาย เอวาสะดุ้งหลับตาปี๋เมื่อหยาดเลือดนั้นกระเด็นมาโดนใบหน้า จนเมื่อเสียงทุกอย่างเงียบลง จึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ
ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือบารอนที่ถือมีดทำครัวด้ามหนึ่งเอาไว้แน่น ที่ปลายเท้าของเอวาคือซากงูที่เคยชูคอขึ้นสูง บัดนี้ตัวและศีรษะขาดออกจากกัน บารอนหันหน้ามามองช้าๆ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเรียบนิ่ง
“โดนกัดรึเปล่า” เอวาส่ายหน้าเบาๆ เชิงปฏิเสธ บารอนพยักหน้ารับ แล้วเอ่ยปากบอก
“ห้องน้ำอยู่นั่น เสื้อผ้าอยู่ในตู้ ส่วนนั่นก็อาหาร” ปลายนิ้วมือของชายหนุ่มไล่ชี้ไปแต่ละจุดพร้อมอธิบาย ทำให้เอวามองตามไปหน้าเลิ่กลั่ก ว่าจบก็เดินออกจากห้องไป
เอวาได้แต่กะพริบตาปริบๆ กับท่าทางนั้น แล้วใช้มือปาดหยาดเลือดออกไปช้าๆ ดวงตากลมโตเริ่มหันมาสำรวจรอบกายอีกครั้ง จึงพบว่าที่โต๊ะตัวเล็กข้างเตียงสำหรับวางตั้งโคมไฟเก่าๆ นั้นมีถาดอาหาร แผงยา แก้วน้ำ และเข็มฉีดยาใช้แล้ววางกองไว้อยู่ นอกจากนี้ยังมียาทาภายนอกที่ช่วยบรรเทารอยแผลวางอยู่คู่กันอีกด้วย
เอวาลองขยับตัวอีกครั้ง พบว่าตอนนี้ตามร่างกายหลงเหลือเพียงความปวดเมื่อย แม้ว่าช่องทางด้านหลังจะยังเจ็บหน่วง แต่ก็ไม่เท่าช่วงแรกๆ ที่ได้รับการสอดใส่กระแทกกระทั้น
จากสถานการณ์ในตอนนี้บอกได้อย่างเดียวว่าตนไม่สบายและมีผู้ชายใจร้ายคนนั้นคอยดูแล แม้จะไม่รู้ว่าเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม เอวาค่อยๆ ใช้เท้าเขี่ยซากงูให้ลงไปจากเตียงอย่างขยะแขยง แล้วจึงผุดลุกขึ้นจากเตียงอย่างเชื่องช้า
เด็กน้อยพบว่าตอนนี้ตนไม่ได้ถูกจับมัดหรือถูกตรึงรั้งด้วยโซ่เส้นใหญ่อีกต่อไป สามารถเดินไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ ในตอนนั้นเองประกายความหวังบางอย่างก็ประกายวาบอยู่ในดวงตา ความหวังที่จะหนีจากผู้ชายใจร้ายคนนั้นมีเค้าลางของความเป็นไปได้อยู่ใกล้แค่เอื้อม
เด็กน้อยอมยิ้มบางเบา แล้วพาร่างกายที่บอบช้ำไปอาบน้ำชำระร่างกาย ความอุ่นสบายของสายน้ำทำให้เด็กน้อยหลับตาพริ้ม เงยหน้ารับอย่างผ่อนคลาย หลังจากที่อาบน้ำเสร็จก็พาร่างออกจากห้องน้ำด้วยตัวที่เปลือยเปล่า ก่อนจะต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นบารอนมายืนกอดอกรออยู่ที่หน้าประตู สองมือน้อยๆ ยกขึ้นปกปิดเรือนกายของตน ริมฝีปากเม้มแน่น ตัวเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีแดงระเรื่อ
ชายหนุ่มเพียงปรายตามองเล็กน้อย ก่อนจะโยนหลอดยาบางอย่างมาให้ เอวาไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ แต่กลับปล่อยให้มันตกลงที่ข้างตัวแทน บารอนเอ่ยบอกเสียงราบเรียบ
“ยาแก้แพ้” พูดจบก็หมุนตัวหันหลังกลับไป เด็กน้อยมองตามแผ่นหลังใหญ่ที่เดินออกไปจากห้องด้วยความไม่เข้าใจ ท่าทีของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปไม่เป็นเหมือนอย่างเคย ไม่รู้ว่าบารอนคนที่คลุ้มคลั่งคนนั้นหายไปไหนแล้ว และหลงเหลือเพียงชายที่เย็นชาคนนั้นไว้ได้อย่างไร
เอวายืนรอจนกระทั่งประตูปิดลง ก้มลงเก็บหลอดยา แล้วชโลมทายาไปตามเนื้อตัวที่ขึ้นผื่นแดง จากนั้นจึงเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า เปิดประตูออกกว้าง กวาดสายตามองพบว่ามีชุดแขวนอยู่ไม่กี่ชุด เด็กน้อยเลือกเอาเสื้อตัวหนึ่งออกมาจากตู้เสื้อผ้า ขนาดของมันใหญ่มากจนเหมือนกับเอาเสื้อพ่อมาสวมใส่ แขนเสื้อทั้งสองข้างเลยกว่าฝ่ามือไปเป็นคืบ ส่วนกางเกงนั้นไม่ต้องพูดถึง หลวมยิ่งกว่าหลวม จนสุดท้ายแล้วเอวาก็ตัดสินใจผูกปมเสื้อและมัดขอบกางเกงเป็นจุกไว้ที่ฝั่งหนึ่ง
แขนเสื้อและขากางเกงถูกพับขึ้นให้มีขนาดพอดีตัว แต่อะไรบางอย่างที่สะกิดใจของเด็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นที่หลงเหลืออยู่ หรือขนาดเสื้อที่คุ้นเคย แถมยังเป็นผ้าเนื้อดี ไม่เหมือนกับชุดก่อนหน้าที่ได้สวมใส่ ติดตรงที่ว่าชุดนี้มีกลิ่นอับผสมอยู่ทำให้เด็กน้อยเผลอจามออกมาอีกครั้ง แล้วจึงเดินออกไปนอกห้อง พบกับชายคนหนึ่งที่นั่งมองเหม่อ ในมือถือของบางอย่างเอาไว้นิ่งๆ
“อ่อ.....” เด็กน้อยยืนอ้ำอึ้งอยู่ที่หน้าประตู ไม่กล้าขยับตัว แต่การส่งเสียงนั้นก็ทำให้บารอนเลือนสายตาหันมามองได้อย่างง่ายดาย
“คือ... หนูอยากจะทำความสะอาด.....”
“ทำทำไม” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยถามพร้อมถอนสายตากลับคืน กลับไปนั่งจ้องของในมือนั้นนิ่งๆ เอวากัดริมฝีปากไวเบาๆ ความหวาดกลัวเริ่มเกาะกุมอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
“หนะ... หนูแพ้....” บารอนพยักหน้ารับ แล้วชี้นิ้วไปทางห้องๆ หนึ่ง
“ในนั้น...” พูดจบก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก กลับไปจมอยู่ในโลกของตัวเอง เอวาค่อยๆ เดินผ่านไปอย่างแผ่วเบา พยายามให้เกิดเสียงน้อยที่สุด ดวงตากลมโตกวาดมองไปทั่วห้อง
บ้านหลังนี้ถูกตกแต่งไว้อย่างดี ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ มีอยู่ครบครัน เหมือนบ้านพักตากอากาศหลังหนึ่ง มีห้องนั่งเล่นตรงกลาง มีระเบียงที่ยื่นออกไปด้านนอก มีมุมนั่งเล่นอ่านหนังสือ ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องนอน ห้องออกกำลังกายล้วนอยู่แยกกัน แต่ละห้องเน้นโทนสีเข้มสไตล์โมเดิร์น เช่นสีดำ สีเทา สีขาว และน้ำเงิน ซึ่งเป็นการตกแต่งผสมผสานกันอย่างลงตัว
เอวาเดินเข้าไปในห้องเก็บของ ลากเอาอุปกรณ์ทำความสะอาดมาถือไว้ แล้วเดินกลับเข้าห้องนอนที่ตนพึ่งจากมา เด็กน้อยรู้ว่าบารอนไม่มีทางปล่อยตนไปอยู่แล้ว และไม่รู้ว่าต้องอยู่ที่นี่อีกนานเท่าไหร่ อย่างน้อยๆ ก็ขอทำความสะอาดไม่ให้มันมีฝุ่นคลุ้งเกินไปนัก
คิดได้ดังนั้นเด็กน้อยจึงเริ่มค่อยๆ ทำความสะอาดไปทั่วห้อง หยิบจับข้าวของปัดฝุ่นไปพลาง สลับกับการไอค๊อกแค๊กไปตลอดการทำความสะอาด บารอนมองตามร่างเล็กที่ขยับเคลื่อนไหวอยู่ภายในห้อง ภายในหัวสมองครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่พึ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้....
.
.
.
Baron Part
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา บารอนพาร่างเล็กที่สลบไสลเข้าไปในบ้านกลางป่าหลังหนึ่ง บ้านที่ครั้งหนึ่งเขากับไมเคิลเคยมาเที่ยวเล่นด้วยกัน....
ในสมัยที่ยังเป็นเด็กวัยรุ่น วัยอยากรู้อยากลอง เขาและไมเคิลชอบพากันออกไปผจญภัย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งแคมป์ริมชายหาด หรือการตั้งเต็นท์กลางป่าเขา บ้านพักหลังเก่าที่บารอนเข้าพักคือบ้านเช่าราคาถูกที่เขา ไมเคิล โรม และเอวา เข้าพักด้วยกันและอยู่กันเองเป็นระยะเวลาสั้นๆ หน้าที่การทำความสะอาดและการตระเตรียมอาหารเป็นหน้าที่ของโรมีโอ ในขณะที่เขาและไมเคิลออกไปนอนเล่นพักผ่อนที่ชายหาด เอวานั่งเล่นกองทรายอยู่ที่ด้านข้างของเก้าอี้
หรือแม้แต่บ้านกลางป่าหลังนี้ที่เป็นหนึ่งในบ้านพักตากอากาศของไมเคิล สถานที่แห่งนี้หรูหราครบครันขึ้นมาอีกหน่อย เพราะการหนีเที่ยวกันของเด็กวัยรุ่นทั้ง 3 คนและเด็กเล็กอีกหนึ่ง ทำให้นิโคลัสหรือพ่อของไมเคิลลงทุนซื้อบ้านเอาไว้ให้ และให้ทำอะไรให้อยู่ในสายตา แม้จะแลกมาด้วยการถูกตบหน้าสั่งสอนไปสองทีของไมเคิลก็ตาม
ในตอนนั้นเอวาเองก็ติดตามมาด้วยเช่นกัน แต่เพราะยังเด็กและไม่รู้ความ จึงไม่แปลกที่เจ้าตัวจะจดจำรายละเอียดได้ไม่มากนัก
ช่วงเวลานั้นที่ได้อยู่ด้วยกันเต็มไปด้วยความสุข เอวามีโรมีโอคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ในขณะที่เขาตัวติดหนึบกับไมเคิลเป็นตังเม แม้ว่าอีกฝ่ายจะเพียงนั่งฟังนิ่งๆ ยักยิ้มมุมปาก และตอบรับแผ่วเบาในลำคอก็ตามที แต่ไมเคิลไม่เคยดูถูกความใฝ่ฝันของเขาที่คาดหวังไว้ว่าจะทำ ไมเคิลเพียงรับฟังอยู่เงียบๆ กระตุกยิ้มมุมปากพร้อมเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์
‘ก็ดีนี่..... เหมาะกับนายดี......’
แม้การพูดจาจะเนิบช้าเรียบนิ่งตามนิสัย แต่หากทำให้คนฟังใจเต้นแรง ภาพจำนั้นสลักลงภายในจิตใจฝั่งแน่นติดตรึง
เขาอยากเป็นสถาปนิก แต่ธุรกิจของครอบครัวทำให้เขาต้องจับสิ่งที่ดำมืด อยู่ระหว่างสีขาวและสีดำ กลายเป็นสีเทาที่ค่อนไปทางสีดำสนิท เขาได้จับอาวุธมากกว่ากระดาษ ได้จับเหรียญชิปคาสิโนมากกว่าปากกา ได้จับยามากกว่าไม้สเกล สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาอึดอัดและเริ่มวาดฝันที่ตนอยากจะเป็นให้กับไมเคิลได้ฟัง และนั่นคือคำตอบรับที่เขาได้รับมา.....
บารอนเบนสายตากลับไปมองเด็กตัวเล็กที่นอนหายใจรวยรินบนเตียงที่เต็มไปด้วยฝุ่น บ้านหลังนี้ไม่มีแม่บ้านมาคอยทำความสะอาด เมื่อไหร่ที่ไมเคิลจะมาพักผ่อนจะมีการแจ้งล่วงหน้าเพื่อส่งคนมาทำความสะอาดให้เรียบร้อย ดังนั้นตอนนี้บ้านทั้งหลังจึงไม่ต่างอะไรกับบ้านร้างที่ไร้คนอยู่อาศัย
บารอนเดินไปกระชากแขนของเด็กตัวเล็กให้ลุกขึ้นจากเตียง ร่างนั้นลอยตามแรงมาอย่างง่ายดาย ไอร้อนแผ่ออกมาจากร่างกายบารอนก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด และกำลังจะเริ่มต้นพันธนาการเด็กน้อยอีกครั้งเหมือนที่ทำกับบ้านหลังเก่า
เอวาที่รับรู้ว่ามีคนอยู่ใกล้ตัวและจับนั่นแตะนี่ไม่หยุด ก็คิดไปว่าเป็นคนที่ตนถวิลหา โผเข้ากอดที่รอบเอวสอบของชายหนุ่ม ซุกใบหน้าลงกับหน้าท้องแข็งแกร่งของอีกฝ่าย ปากพึมพำเรียกเสียงแผ่ว
“พี่จ๋า.....” ใบหน้าของบารอนยิ่งมืดครึ้มเมื่อได้ฟัง ก่อนจะจับโยนเด็กตัวเล็กลงไปบนเตียงอย่างแรงด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น หากแต่เอวากลับผวาเฮือกแล้วเด้งตัวเข้าสวมกอดไว้ที่เอวอีกครั้งและเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น
“พี่จ๋า.... ฮืออออ” บารอนทำเพียงปรายตามองเงียบๆ ไม่แสดงความรู้สึกใด และไม่แม้แต่ปัดป้อง
“พี่จ๋าช่วยหนูด้วย ฮึก ฮึก หนูเจ็บ.....” ดวงหน้าหวานล้ำบิดเบ้ร่ำไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น ก่อนจะพร่ำคำในใจออกมาจนหมด
“ฮึก หนูทำอะไรผิด ฮือออ ทำไมบาร์คทำร้ายหนู ฮึก ฮืออออ” คำพูดนั้นทำให้บารอนชะงักนิ่ง ในขณะที่เด็กตัวเล็กพร่ำร่ำไห้กับหน้าท้องเป็นลอนกล้ามของตน
“หนูทำอะไรให้ ฮืออออ หนูไม่เข้าใจ ฮือออ” บารอนยืนอยู่เฉยๆ ไม่ได้ผลักไสหรือทำการปลอบโยน สิ่งที่ทำมีเพียงการยืนนิ่งๆ และฟังคำถามที่พรั่งพรูออกมาจากร่างเล็กอยู่ไม่ขาด
‘ทำไม?’
‘เพราะอะไร?’
‘ไปทำอะไรให้?’
‘ทำไมถึงใจร้าย?’
และอีกมากมายนับไม่ถ้วน ทำให้บารอนนิ่งคิด......
บารอนรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อเด็กตัวเล็กที่กอดเอวร้องไห้นั้นเงียบเสียงไป จึงก้มมองดูและพบว่าหลับลงไปแล้วด้วยพิษไข้ เนื้อตัวร้อนผะผ่าว ริมฝีปากซีดจาง ลมหายใจร้อนระอุ เนื้อตัวอ่อนเปลี้ยไร้แรง
บารอนยืนมองนิ่งๆ อยู่อีกชั่วครู่ คำถามมากมายที่เด็กน้อยเอ่ยถามออกมาอย่างไม่ต้องการคำตอบ ทำให้บารอนเริ่มรู้สึกลังเล
จนท้ายที่สุดก็เหมือนว่าจะตัดสินใจได้ ชายหนุ่มจึงวางร่างเล็กลงบนเตียงอีกครั้ง แล้วหุนหันออกไปจากห้อง ปิดบ้านให้สนิทเรียบร้อย แล้วขึ้นรถมุ่งตรงออกสู่ถนนใหญ่ บารอนใช้เวลาขับรถอยู่พักใหญ่กว่าจะพ้นเขตป่าออกมาได้ และหลังจากนั้นก็ตระเวนหาร้านขายยา
เพราะไม่มีเงินสดติดตัวและไม่อยากกดเงินให้ไมเคิลตามมาเจอ ดังนั้นแล้วบารอนจึงต้องแลกสิ่งของบางสิ่งในร่างกายเพื่อเป็นค่ายา ชายหนุ่มจึงต้องหาร้านรับแลกเงินกับสิ่งของ และต้องถอดนาฬิกาเรือนหรูออกจากข้อมือนั้นอย่างจำใจ
เครื่องประดับบนกายทุกชิ้นที่สวมใส่นั้นมาจากไมเคิลเป็นผู้มอบให้ตามแต่โอกาส สร้อยคอเส้นใหญ่เมื่อตอนรับตำแหน่ง นาฬิกาข้อมือตอนวันเกิด ต่างหูคู่เล็กเมื่อเปิดบริษัท บารอนเลือกสิ่งที่มีมูลค่าน้อยที่สุดอย่างต่างหู แต่เพราะมีเพียงข้างเดียวแต่คนรับแลกกลับปฏิเสธของชิ้นนี้
ดังนั้นแล้วเขาจึงต้องจำใจกัดฟันกรอด ถอดนาฬิกาออกจากข้อมือ พร้อมชี้หน้าคนขายเอาไว้อย่างหมายหัว และบอกว่าจะมาไถ่คืนในภายหลัง คนรับแลกถึงกับหัวเราะและไล่ออกจากร้านอย่างไม่สนใจ พร้อมเอ่ยถ้อยคำจิกกัดให้เจ็บปวดเล็กๆ ไล่หลังมาอย่างคำที่ว่า
‘ถังแตกเอาของมาแลกเงินจะมีปัญญามาไถ่คืนได้อย่างไร’
และนั่นทำให้บารอนกัดฟันกรอด ก่อนจะกลั้นใจเดินออกจากร้าน แต่ภายในใจมาดหมายเอาไว้ว่าต้องมาชำระแค้นคนนี้ๆ ให้ได้
บารอนวนกลับไปที่ร้านขายยาอีกครั้ง บอกอาการที่เด็กตัวเล็กเป็นอยู่ในตอนนี้ ทั้งอาการไข้ขึ้นสูงจากการมีเซ็กส์ครั้งแรกที่รุนแรง จนได้รับสายตามองแรงจากคนขาย และแจ้งว่าต้องอาศัยอยู่ในป่าเพราะมาเที่ยวพักผ่อน หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ได้ยาที่จำเป็นมาเต็มกำมือ
คนขายจัดการอธิบายวิธีใช้ยาแต่ละชนิด และชี้แจงให้รู้ว่าต้องทำอะไร ยังไง แบบไหน ในการดูแลผู้ป่วย บารอนพยักหน้ารับแล้วจ่ายเงินให้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินไปหาซื้อของใช้จำเป็น อย่างอาหาร น้ำ และเสื้อผ้า ก่อนจะหอบหิ้วข้าวของมากมายกลับไปที่บ้านพักกลางป่าหลังนั้น
ทันทีที่กลับมาถึงอาการของเอวาก็เริ่มทรุดหนักจนถึงขั้นชัก จนในที่สุดแล้วบารอนต้องใช้เข็มฉีดยาเข้าช่วย คอยดูแลเช็ดเนื้อเช็ดตัวป้อนข้าวป้อนน้ำและทายา กว่าจะจัดการเด็กตัวเล็กให้สงบลงได้ก็เล่นเอาบารอนเหนื่อยหอบจนหมดแรง แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น
บารอนขยับเข้าไปหยิบจับอุปกรณ์ทำความสะอาด ตั้งใจจะปัดกวาดเช็ดถูกไล่ฝุ่นละอองที่อยู่ภายในห้อง แต่กลับพบว่ายิ่งทำยิ่งส่งผลตรงกันข้าม ข้าวของเละเทะกระจัดกระจาย เพราะไม่เคยต้องมาทำอะไรแบบนี้เอง จนสุดท้ายก็ยอมแพ้แล้วเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา และใช้ที่นั่นเป็นที่หลับนอน
บารอนดูแลเอวามาตลอด 2 วันที่ผ่านมา อาการของเด็กน้อยดีขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะหายเป็นปกติ ในขณะที่บารอนเริ่มเข้าสู่ภวังค์ความคิด ในมือถือรูปของเขากับไมเคิลที่มีเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์และมองจ้องมันนิ่งๆ
เริ่มถามคำถามกับตัวเองซ้ำๆ ว่าสิ่งที่ตนรู้สึกนั้นใช่รักจริงๆ หรือไม่? หรือเพียงอิจฉาริษยาและอยากครอบครอง และจุดเริ่มต้นที่เขาลากเด็กไม่บรรลุนิติภาวะคนหนึ่งเข้ามาสู่ความเลวทรามนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากที่ใด
“ฮึก หนูทำอะไรผิด ฮือออ ทำไมบาร์คทำร้ายหนู ฮึก ฮืออออ”
นั่นน่ะสิ..... เด็กคนนี้ทำอะไรผิด เขาถึงต้องกระทำการโหดร้ายทารุณ......
สิ่งที่เด็กคนนี้ทำคือการได้รับความรักจากไมเคิลอย่างนั้นหรือ? แล้วจะเรียกว่านี่เป็นความผิดของเด็กคนนี้ได้อย่างไร? ในเมื่อไมเคิลเป็นผู้มอบให้เองด้วยความเต็มใจไม่ใช่การร้องขอ
บารอนนั่งวนเวียนคิดเรื่องเดิมซ้ำๆ กว่าจะรู้ว่าตนทำผิดพลาดนั้นก็สายไปเสียแล้ว....
ความรัก ความลุ่มหลง ความอิจฉาริษยา และความอยากครอบครอง ทำให้เขาทำเรื่องขาดสติลงไปโดยไม่สนใจผลกระทบที่จะตามมา เพราะคิดเพียงว่าสุดท้ายแล้วก็คงต้องตายอยู่ดี
บัดนี้สติกลับคืนมาอย่างช้าๆ จากคำถามที่ออกมาจากริมฝีปากเล็กของเด็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ทำให้บารอนเริ่มได้สติ ว่าสิ่งที่ทำลงไปถูกต้องหรือไม่
ดวงตาคมกล้าเหม่อมองตามร่างเล็กที่อยู่ในชุดแปลกตา เสื้อผ้าแขนขายาวเกินจากตัว มัดจุกเข้าเอวทั้งบนและล่างจนดูน่าตลก แต่กลับยังฝืนทำความสะอาดทั้งที่ใบหน้าซีดเซียวไร้สี
ภาพจำในอดีตเริ่มผุดขึ้นมาอีกครั้ง เด็กคนนี้.... คนที่เขารู้จักมาค่อนชีวิต มักจะมีรอยยิ้มสดใสส่องประกายเจิดจ้า เหมือนดอกไม้สีขาวเล็กๆ ที่บริสุทธิ์และเปล่งแสงท่ามกลางความมืดของคนที่รายล้อมรอบกาย คนที่ส่งยิ้มให้และเรียกขานคนอื่นด้วยคำว่า จ๋า ทุกครั้งที่ได้พูดคุย
พี่จ๋า….
โรมจ๋า…..
บาร์คจ๋า…..
บารอนเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น แล้วจึงผุดลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างช้าๆ ขยับเท้าก้าวเดินเข้าไปใกล้ และแย่งของในมือของเด็กน้อยมาถือไว้เสียเอง
“บอกมาว่าต้องทำยังไง” เอวากะพริบตาปริบๆ อย่างงุนงง ก่อนที่แววตานั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นการตื่นตระหนกและเจือด้วยความหวาดกลัว ค่อยๆ ถอยหลังหนีอย่างระแวดระวัง
“พูด” บารอนเอ่ยคำย้ำอีกครั้ง เอวากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ยิ่งได้มองจ้องใบหน้าเรียบนิ่งก็ยิ่งวิตก จนกระทั่งบารอนทนไม่ไหวกับท่าทีนั้น ก้าวเท้าเร็วๆ เข้ามาหา เด็กน้อยก็หวีดร้องลั่นพร้อมยกมือขึ้นป้องกันตัว
“ไม่!!!” เพียงแค่แตะสัมผัส เด็กน้อยก็สะบัดหนีพร้อมออกตัววิ่งอย่างรวดเร็ว มุ่งตรงไปที่ห้องครัว ในขณะที่บารอนยังคงงุนงงอยู่ และเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยหยิบอะไรขึ้นมา บารอนก็รีบก้าวเท้าวิ่งตามไปติดๆ
“เอวา!! วางมันลงเดี๋ยวนี้!!” น้ำเสียงทุ้มต่ำตวาดก้องไปทั่วห้องครัวใหญ่ที่มีข้าวของครบครัน ใบหน้าของบารอนมืดครึ้มดำทะมึน ต่างจากเด็กน้อยที่มีหยาดน้ำตานองหน้าจนมีสภาพไม่น่าดู เด็กน้อยแผดเสียงร้องดังชัดถ้อยชัดคำดังก้องไปทั่วพื้นที่
“ไม่!!”
Ava Part“เอวา!! วางมันลงเดี๋ยวนี้!!”“ไม่!!”เอวาร้องตะโกนกลับไปพร้อมทั้งใช้ปลายมีดชี้เข้าหาบารอนไปพลาง ตัวของเด็กน้อยสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม สีหน้าไม่สู้ดี บารอนเก็บคืนท่าทีกลับมาสงบนิ่งตามเดิม เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“วางมันลงซะเอวา”“ไม่..... อยะ อย่าเข้ามานะบาร์ค หนูจะ.... หนูจะฟันจริงๆ นะ” เด็กตัวเล็กเอ่ยบอกเสียงสั่น ในขณะที่บารอนขยับเท้าเดินเข้าไปใกล้ จนปลายมีดนั้นจิ้มลงที่เหนือแผ่นอก บริเวณหัวใจ เอวาชักมีดกลับอย่างเกรงกลัว หากแต่บารอนกลับจับข้อมือเล็กเอาไว้ได้ทัน แล้วบังคับให้ปลายมีดกดลงให้ลึกมากยิ่งขึ้นอย่างช้าๆ“กดลงมาเลยค่ะ.....” บารอนพูดพร้อมกับเดินเข้าหาปลายมีดมากยิ่งขึ้น มือก็จับดึงบังคับทิศทางให้เด็กน้อยแท่งมีดลงที่อกของตัวเอง พูดด้วยรอยยิ้มติดใบหน้าน้อยๆ“กดมีดลงมาแรงๆ ......”“หยะ หยุดนะ...”“กดลงไปให้มิด....” หยาดโลหิตเริ่มไหลซึมผ่านเนื้อผ้าอย่างช้าๆ เอวามองคนตรงข้ามหน้าตาตื่น ภายในดวงตาของบารอนนั้นไม่ได้เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธแต่อย่างใด บัดนี้มันถูกแทนที่ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง เอวาพยายามที่จะชักมีดกลับคืน พร้อมส่ายหน้าไปมาอย่างแรง เอ่ยปากพูดเสียงสั่น“มะ ม
“โรม......”“ครับ”“ลากตัวมันไป..... จัดการให้เรียบร้อย.......”“เยส มายลอร์ด”...ตอนนี้ไมเคิลกำลังนั่งมองเด็กน้อยที่เดินไปเดินมาภายในห้องนอน หยิบจับนั่นนู่นนี่อย่างชินมือ ก่อนจะหันมาพยักหน้าให้ บ่งบอกว่าพร้อมแล้วไมเคิลหลับตาลงช้าๆ ลอบถอนหายใจ แล้วจึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง ผุดลุกขึ้นจากโซฟา เดินก้าวเท้าเข้าไปหาน้องน้อยอย่างมั่นคง ยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กแผ่วเบา“แน่ใจนะคะ?”“.....”“ตัวเล็ก?” ไมเคิลมองจ้องเด็กน้อยที่ยืนกำชายเสื้อเอาไว้แน่น ริมฝีปากถูกขบเม้มอย่างชั่งใจ แต่ในท้ายที่สุดแล้ว น้องน้อยก็พยักหน้ารับ เอ่ยถ้อยคำออกมาแผ่วเบา“หนูจะไป....” ดังนั้นแล้วไมเคิลจึงจับจูงเด็กน้อยให้ออกจากห้อง เดินไปตามทางที่คุ้นเคย สองมือยังคงกอบกุมกันไว้แน่นไม่ยอมให้ห่างจากตัวหลังจากที่เวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ เอวาก็รักษาตัวเองจนหายเป็นปลิดทิ้ง ร่างเล็กที่เคยผายผอมกลับมามีน้ำมีนวลเนื้อตัวนุ่มนิ่มดั่งเดิมจากการประโคมข้าวปลาอาหาร ขนมและน้ำหวานเป็นการเอาใจ จากชายหนุ่มทั้งสองคนคือไมเคิลและโรมีโอส่วนทีมระดับ S ที่ถูกเรียกตัวกลับมานั้นได้กระจัดกระจายไปตามมุมต่างๆ ทั่วโลก หลังจากที่ตามหาเด็กน้อยผู้ครอบครัวดวงใจมั
Michael Partตึกตึกตึกเสียงรองเท้าคัทชูสีดำเงาวับดังสะท้อนก้องไปทั่วพื้นที่ท่ามกลางความมืดมิดที่มีแสงจันทร์และแสงดาวรำไรชายรูปร่างสูงโปร่งเดินนำทางอยู่ด้านหน้า ที่ด้านหลังมีเจ้านายหนุ่มเดินตามมาเงียบๆ เงาดำทะมึนแผ่ขยายไปทั่วจนคนนำทางเหลือบมองเล็กน้อยอย่างกังวลใจ โรมีโอนำทางไมเคิลไปที่ชั้นดาดฟ้าที่ถูกตกแต่งใหม่ตามคำสั่งของไมเคิลที่ด้านบนของคฤหาสน์ชั้นดาดฟ้า มีการสร้างกำแพงล้อมรอบเอาไว้ด้วยอิฐสีดำสนิท ทำให้กลางวันดูดความร้อนจนอบอ้าวคล้ายเตาอบขนาดใหญ่ กลางคืนก็หนาวเย็นเกินจะต้านทาน ที่ด้านบนเป็นลูกกรงขนาดใหญ่ซึ่งมีกระจกกันกระสุนแบบสั่งทำพิเศษถูกติดตั้งไว้ นอกจากนี้แล้วยังเป็นจุดรวมแสงยิ่งทำให้แผดเผาจนอาจก่อให้เกิดประกายความร้อนโรมีโอไขกุญแจที่สั่งทำพิเศษเพื่อใช้กับห้องนี้โดยเฉพาะและเปิดเข้าไปช้าๆ เผยให้เห็นร่างของชายคนหนึ่งที่กำลังถูกตรึงรั้งด้วยโซ่เส้นใหญ่ที่ห้อยลงจากจุดกึ่งกลางของลูกกรง และนอกจากนี้ที่ด้านข้างกำแพงยังมีชายอีกคนที่ถูกบังคับให้นั่งลงข้างๆ หันมองคนที่กึ่งกลางห้องนั้นอย่างบังคับอยู่ในที เพราะมีสายรัดล็อกศีรษะ บังคับไม่ให้หันหน้าหนีไปทางอื่นไมเคิลเดินไปทรุดตัวนั่งลงบ
ดวงตากลมโตที่บวมช้ำทอดมองคนบนเตียงที่ยังคงหายใจเข้าออกสงบนิ่ง แผ่นอกกระเพื่อมไหวตามจังหวะการหายใจ ฝ่ามือใหญ่ถูกเกาะกุมไว้ด้วยมือเล็กที่จับกระชับเอาไว้มั่น เรือนผมสีแดงของชายหนุ่มระไปกับหมอน ใบหน้าทรุดโทรมหมองคล้ำ ร่างกายซูบผอมจนเห็นซี่โครงได้อย่างชัดเจน ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยผ้าพันแผลอยู่หลายแห่ง ที่ข้อแขนมีสายน้ำเกลือถูกเสียบคาไว้เอวานั่งมองคนบนเตียงอย่างเหม่อลอย เมื่อได้ฟังคำเฉลยที่มาจากผู้ช่วยคนสนิทของพี่ชายที่เผยออกมาจนหมดเปลือก“บอสฉีดยาที่มาจากสารสกัดของคลอสตริเดียมให้กับคุณบารอนครับ ส่งผลให้เป็นอัมพาตชั่วคราว แม้ว่าจะใช้เพียงน้อยนิดก็ตาม หลังจากนั้นก็ส่งคุณบารอนไปรอคุณหนูที่ห้องดับจิตในสภาพที่เย็นจัดครับ....”เอวาได้ยินก็ถึงกับหลั่งน้ำตา ความสงสารก่อเกิดภายในจิตใจหลังจากที่ไมเคิลหันหลังเดินจากไป และเอวาก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก แต่ถึงกระนั้นเด็กน้อยก็ใช้เวลาไม่นานนักในการตั้งสติ และออกคำสั่งให้โรมีโอปล่อยคนทั้งคู่ออกมา หากแต่ชายหนุ่มกลับทำมากกว่านั้น ด้วยการประสานงานกับทีมแพทย์และรายการสภาวะต่างๆ ของคนทั้งคู่ให้ฟังอย่างละเอียด ร่วมถึงปริมาณในการได้รับสารเสพติดและยาชนิดอื่นๆ ที่ใ
Ava Partตอนนี้เอวากำลังนั่งมองคนบนเตียงด้วยอาการเหนื่อยอ่อน เหงื่อผุดซึมทั่วใบหน้าหวานล้ำ เสื้อสีฟ้าอ่อนเปียกชื้นแนบไปกับลำตัวบาง สาเหตุมาจากคนที่กำลังนอนหลับพักผ่อน ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ แต่แขนและขาถูกจับมัดตรึงเอาไว้แน่น…..อยากยา......นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับบารอน ชายหนุ่มมีอาการคลุ้มคลั่งและทำลายข้าวของ เอวาพยายามที่จะเข้าไปหยุดยั้งการกระทำนั้นและพยายามที่จะดึงสติของบารอนให้กลับมาดังเดิม และผลสุดท้ายจบลงที่การทำร้ายร่างกายเด็กตัวเล็ก ข้าวของกระจัดกระจายไปทั่วห้อง จนบอดี้การ์ดต้องกรูกันเข้ามาจับกุม กดบารอนลงกับพื้นโดยไม่สนใจบาดแผลตามตัวแม้แต่น้อยเพียงไม่นานหลังจากนั้นบุรุษพยาบาลก็มาฉีดยานอนหลับเพื่อให้หมดสติลง จับมัดแขนและขาเอาไว้แน่นหนา ป้องกันการเกิดเหตุแบบนั้นอีก เอวานั่งหน้าเศร้าอยู่ที่ด้านข้าง หันไปถามหาเหตุผลจากหมอสาวประจำกายและผู้ที่เป็นเจ้าของไข้อย่างต้องการคำตอบ“ทำไมถึงเป็นนั้นครับ.... เมื่อคืนเขายังดีๆ อยู่เลย...”“เมื่อคืนเขาน่าจะยังพอมีสติอยู่บ้างค่ะ แต่พอขาดยาไปนาน.... ก็เลยแสดงออกในลักษณะนั้น คงจะต้องเข้าสู่การบำบัดต่อไป” แอลพูดตามตรงอย่างไม่ปกปิด เอวาอดที่จะเอ่
Michael Partเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์แล้วที่ไมเคิลออกเดินทางมาจัดการธุระของตน ชายหนุ่มกำลังนั่งกอดอกมองหน้าจอมอนิเตอร์ที่รายล้อมตัวด้วยสีหน้านิ่งๆ โรมีโอวางแก้วชาหอมกรุ่นลงตรงหน้า พร้อมกับแก้วทรงสวยที่ใส่พานาค้อตต้าและขนมทีรามิสุไว้คู่กันไมเคิลปรายตามองเล็กน้อยแต่ไม่ได้ให้ความสนใจกับสิ่งเหล่านั้น ดวงตาสีเฮเซลนัทเลื่อนกลับไปมองที่หน้าจออีกครั้ง มองหน้าจอที่ขึ้นกะพริบเป็นดวงๆ กระจายกันไปอย่างครุ่นคิดสาเหตุที่เขาต้องมาอยู่ตรงนี้เพราะองค์ราชินีทรงโปรดให้เข้าเฝ้า ทำให้ไมเคิลต้องตัดใจออกจากห้องของน้องน้อยที่ตนเก็บตัวเงียบมาหลายวัน แล้วแต่งชุดประจำกายพร้อมประดับยศเพื่อเข้าเฝ้าพระนางจากการพูดคุยครั้งก่อนหน้าที่ถูกขัดจังหวะเพราะเด็กน้อยหายตัวไป ทำให้ไมเคิลละทิ้งหน้าที่มาออกตามหาดวงใจของตน พระองค์ไม่ได้รับสั่งตำหนิอะไร ทั้งยังพูดอย่างเข้าอกเข้าใจ แต่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ลุกลามไปจนยากเกินแก้ ถึงได้มีคำสั่งให้ไมเคิลลงมาดูด้วยตนเอง และนั่นทำให้ชายหนุ่มต้องจากมาทั้งที่ไม่เต็มใจ แต่หน้าที่ค้ำคอไว้ยากที่จะปฏิเสธ“สืบได้รึยัง.......” ไมเคิลเอ่ยถามกับคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเสียงนิ่ง โรมีโอขยั
Michael Partตอนนี้ผ่านมาครบหนึ่งเดือนแล้วที่ไมเคิลต้องมาอยู่ต่างเมืองแบบนี้ ใบหน้าของไมเคิลเคร่งขรึมต่างจากวันแรกๆ มากมายนักสาเหตุนั้นก็เป็นเพราะน้องน้อยเจ้าของดวงใจยังคงไม่ยอมกลับบ้าน การโทรมาหาในครั้งนั้นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีเรื่องของหุ้นของบาลักซ์ที่ถูกถอนออกไปจนหมด ทำให้ต้องอัดฉีดเงินตราเข้าไปเป็นจำนวนมาก เร่งหาคนมีความสามารถเข้ามาแทนที่ คอยเสริมในส่วนที่ขาด และเรื่องที่ละเลยไม่ได้เลยก็คือเรื่องการก่อสงครามระหว่างองค์กรกับประชาชนที่เป็นเหตุให้เขาต้องอยู่ที่นี่ดวงตาสีทองเรืองรองคมกล้า กดสายตามองต่ำนั่งไขว่ห้างเหมือนนั่งอยู่บนบัลลังก์อันสูงส่ง ที่บนตัวนั้นมีเสื้อคลุมสีดำสนิทปักลายดิ้นสีทองรูปลายมังกรคำรามเช่นเดียวกันกับรอยสักที่ลำคอกลายเป็นภาพที่คุ้นเคยของผู้พบเห็น แต่ไม่ใช่สำหรับนักวิจัยสาวที่กำลังนอนหอบหายใจแรงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความทรมาน“นักวิจัยที่ติดเชื้อเสียเอง.......” ไมเคิลยกยิ้มเยาะเย้ยส่งให้กับหญิงสาวที่มีเลือดไหลซึมตามรูขุมขน ดวงตาทั้งสองข้างสีแดงก่ำ และมีหยาดโลหิตไหลอาบทั่วร่าง“ให้ทุกข์แก่ท่าน..... ทุกข์นั้นถึงตัว....” ไมเคิล
“นั่ง......” น้ำเสียงดุดันเอ่ยออกมาเรียบนิ่งดุจคลื่นยักษ์ใต้มหาสมุทรกว้าง เอวากัดริมฝีปากอย่างกังวล ขยับจะไปนั่งบนโซฟาข้างๆ พี่ชายอย่างกล้าๆ กลัวๆ“ที่พื้น....” น้ำเสียงทรงอำนาจของไมเคิลทำให้เอวาชะงัก เงยหน้ามองคนเป็นพี่ด้วยความน้อยใจ หากแต่เห็นเพียงความเงียบนิ่งไร้แววใดปรากฏเอวาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วทรุดตัวนั่งลงบนพื้นอย่างช้าๆ โดยที่มีโรมีโอมองตามไม่ละสายตาจากทางด้านหลังคนที่เป็นเจ้านายจนเมื่อเอวานั่งเรียบร้อยแล้ว ไมเคิลก็โน้มตัวมาข้างหน้า ใช้มือจับปลายคางเล็กให้เงยหน้าขึ้น มองจ้องนิ่งๆ ไม่ปริปากพูดคำใดความอึดอัดแผ่กระจายไปทั่ว จนเอวากลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดกลัว พลางคิดไปถึงชั่วโมงก่อนหน้า ระหว่างเดินทางกลับบ้านของตน......บนรถที่วิ่งด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ความเงียบครอบงำจนน่าอึดอัดใจ โรมีโอเหลือบสายตามองเจ้านายทั้งสองคนที่ด้านหลังอยู่เงียบๆ ไม่พูดอะไรออกมา ไมเคิลนั่งไขว่ห้างกอดอก ดวงตามองตรงไม่แม้จะสนใจเด็กน้อยที่นั่งข้าง ความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากคนเป็นพี่ ทำให้เอวาไม่กล้าคุยเล่นหยอกด้วยเหมือนแต่ก่อน ทำได้เพียงนั่งชิดติดประตูฝั่งหนึ่ง พยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเพื่อไม่ให้คนพี่ข
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา