“นั่ง......” น้ำเสียงดุดันเอ่ยออกมาเรียบนิ่งดุจคลื่นยักษ์ใต้มหาสมุทรกว้าง เอวากัดริมฝีปากอย่างกังวล ขยับจะไปนั่งบนโซฟาข้างๆ พี่ชายอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ที่พื้น....” น้ำเสียงทรงอำนาจของไมเคิลทำให้เอวาชะงัก เงยหน้ามองคนเป็นพี่ด้วยความน้อยใจ หากแต่เห็นเพียงความเงียบนิ่งไร้แววใดปรากฏ
เอวาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วทรุดตัวนั่งลงบนพื้นอย่างช้าๆ โดยที่มีโรมีโอมองตามไม่ละสายตาจากทางด้านหลังคนที่เป็นเจ้านาย
จนเมื่อเอวานั่งเรียบร้อยแล้ว ไมเคิลก็โน้มตัวมาข้างหน้า ใช้มือจับปลายคางเล็กให้เงยหน้าขึ้น มองจ้องนิ่งๆ ไม่ปริปากพูดคำใด
ความอึดอัดแผ่กระจายไปทั่ว จนเอวากลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดกลัว พลางคิดไปถึงชั่วโมงก่อนหน้า ระหว่างเดินทางกลับบ้านของตน......
บนรถที่วิ่งด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ความเงียบครอบงำจนน่าอึดอัดใจ โรมีโอเหลือบสายตามองเจ้านายทั้งสองคนที่ด้านหลังอยู่เงียบๆ ไม่พูดอะไรออกมา ไมเคิลนั่งไขว่ห้างกอดอก ดวงตามองตรงไม่แม้จะสนใจเด็กน้อยที่นั่งข้าง ความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากคนเป็นพี่ ทำให้เอวาไม่กล้าคุยเล่นหยอกด้วยเหมือนแต่ก่อน ทำได้เพียงนั่งชิดติดประตูฝั่งหนึ่ง พยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเพื่อไม่ให้คนพี่ขุ่นเคืองใจไปมากกว่าเดิม
ทำให้บรรยากาศที่เคยผ่อนคลายสดใสยามสองพี่น้องอยู่ด้วยกันกลับกลายเป็นภูเขาน้ำแข็งที่ถูกโอบล้อมไปด้วยมหาสมุทรยากแท้หยั่งถึง ดังนั้นเอวาจึงนั่งปิดปากเงียบจนกระทั่งมาถึงบ้าน เดินตามคนเป็นพี่ต้อยๆ ด้วยท่าทีหงอยเหงา
“นี่คือของขวัญต้อนรับกลับบ้านใช่ไหม?” ไมเคิลถามเสียงนิ่ง เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง มองจ้องดวงตากลมโตที่เริ่มมีรอยแดงเรื่อ
“ของขวัญต้อนรับกลับบ้านของพี่คือการที่รู้ว่าเราไปกินนอนกับมัน.....” ฝ่ามือใหญ่บีบคางเล็กแรงขึ้นอีกจนเกิดรอยแดงช้ำ เอวายกมือขึ้นจับมือพี่ชาย พยายามที่จะดันออก เอ่ยปากเสียงเบา
“หนะ หนูเจ็บ”
“จะได้จำ.....” ไม่พูดเปล่า ยังเพิ่มแรงมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นรอยสีกุหลาบที่ลำคอขาวผ่อง
“ฮึก” เสียงสะอื้นดังมาเบาๆ โรมีโอขยับเท้าขึ้นมาข้างหน้าอีกนิด ก่อนจะเอ่ยบอกด้วยท่าทีไม่เห็นด้วยกับการกระทำนี้
“บอสครับ คุณหนูเจ็บ” ชายหนุ่มผมยาวสีน้ำตาลเป็นยวงพูดพร้อมขมวดคิ้วมอง ทำให้ไมเคิลหันมาตวัดสายตามองอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะยอมปล่อยมือออกในที่สุด
“ฮึก ฮือออ” เอวาร้องสะอื้นออกมาในทันทีที่เป็นอิสระ ก่อนก็ต้องพยายามกลั้นสะอื้นทันทีเมื่อเสียงเฉียบขาดดังขึ้น
“เงียบ.....” ไมเคิลพูดพร้อมกับถอยหลังออก กลับไปนั่งอยู่ที่จุดเดิม นั่งมองเด็กน้อยที่ปาดน้ำตาปรอยๆ อยู่เงียบๆ
“ชอบมัน?” ไมเคิลถามเสียงนิ่ง คนฟังอย่างโรมีโอถึงกับกลั้นหายใจ ด้วยกลัวอารมณ์เจ้านายของตัวเองในตอนนี้ หากแต่เด็กตัวเล็กที่นั่งกับพื้นเบื้องหน้ากลับไม่ได้รับรู้ด้วยแม้แต่น้อย พยักหน้าหงึกๆ รับทั้งคราบน้ำตา ดวงตาสีทองเรืองรองวาวโรจน์ ดวงไฟแผดเผาอยู่ภายในจนเห็นประกายสั่นไหวระริกเต้นเร้า
ไมเคิลกัดฟันเอาไว้แน่น ซ่อนความคลุ้มคลั่งไว้ภายใต้ใบหน้านิ่งเฉย แต่มือนั้นกำแน่นจนสั่นสะท้าน กัดฟันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งยากที่จะควบคุม
“ตัวเล็กป่วย.....” เอวาขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นมองคนเป็นพี่ด้วยความไม่เข้าใจ
“สต็อกโฮล์ม ซินโดรม อาการของคนที่เห็นใจผู้ร้ายหลังการถูกจับตัว......” ไมเคิลปรายสายตามองเด็กตัวเล็กที่ยังคงนั่งปาดน้ำตาเงียบๆ ก่อนจะออกคำสั่งด้วยเสียงเด็ดขาดและหนักแน่น
“กักบริเวณ.... ห้ามออกจากบ้านโดยเด็ดขาดถ้าพี่ไม่อนุญาต” พูดจบก็ลุกขึ้นจากโซฟา ต่างจากเอวาที่ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง
“บะ บาร์ค.... บาร์คจ๋ารอหนูอยู่......” เมื่อตั้งสติได้ เสียงของเด็กน้อยที่เจือสะอื้นก็ร้อนรนร้องบอกก่อนที่ไมเคิลจะเดินขึ้นบันไดไป และนั่นทำให้ไมเคิลชะงัก หันกลับมามองเอวาที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมด้วยแววตาเรียบนิ่ง ไม่มีความยินดียินร้ายอยู่ภายใน
“ห้าม.... อย่าลองดีกับพี่ เอวา.....” พูดจบก็หมุนตัวขึ้นบันไดบ้านไปทันที ทิ้งเด็กน้อยที่ส่งเสียงร้องไห้จ้าไว้เบื้องหลัง
โรมีโอขยับเข้าไปใกล้ ทรุดตัวลงข้างๆ ดึงคุณหนูของตนเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ลูบศีรษะเล็กไปพลาง ใช้อกของตนต่างผ้าซับน้ำตา
“ฮึก ฮืออออ โรมจ๋า ฮือออ พี่จ๋าใจร้าย ฮือออ” เอวาร้องไห้กับอกของโรมีโอเป็นระยะเวลายาวนานจนตาบวมช้ำ จนเมื่อหยาดน้ำตาเหือดแห้ง เหลือเพียงการสะอื้นเป็นพักๆ โรมีโอก็เอ่ยชวนเสียงนุ่ม
“ขึ้นไปนอนพักสักหน่อยนะครับ” เอวาไม่ได้ตอบอะไรกลับไปนอกจากเหม่อมองนิ่งๆ กอดโรมีโอเอาไว้แน่น จนกระทั่งชายหนุ่มดึงเด็กตัวเล็กให้ลุกขึ้นจากพื้น แต่เอวาก็ยังคงนั่งนิ่งๆ ไม่ขยับไปไหน โรมีโอทอดสายตามองด้วยความสงสาร ก่อนจะยกยิ้มอ่อนโยน ลูบศีรษะเล็ก ถ่ายทอดความรู้สึกส่งไปผ่านฝ่ามือของตน
ก่อนจะโน้มตัวลง อุ้มเด็กน้อยเข้ามาไว้ในอ้อมแขน เอวาซบหน้าลงที่อกซึ่งเปียกชื้น ร้องไห้เงียบๆ ไร้เสียง ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บหน่วงอยู่ในอก เมื่อคนที่ตนเอ็นดูและรักมากมายนั้นกำลังร้องไห้ด้วยความรวดร้าว ก่อนจะพาขึ้นบนห้องนอนของเด็กน้อย จัดการอาบน้ำแต่งตัวให้อย่างชำนาญ ก่อนจะมานอนกล่อมบนเตียงใหญ่ ฝ่ามือนั้นตบอกเล็กเบาๆ เป็นการกล่อมนอน พร้อมกับร้องบทเพลงไปพลาง
เอวาหลับไปพร้อมกับการสะอื้นไห้ หยาดน้ำตายังคงเกาะพราวอยู่บนใบหน้า แพขนตางามงอนเปียกชื้น ยิ่งทำให้ใจคนมองยิ่งปวดร้าว โรมีโอนอนอยู่ข้างๆ จนมั่นใจว่าคุณหนูของตนหลับไปแล้ว จึงขยับตัวออกช้าๆ ก้าวขาลงจากเตียงแผ่วเบา แล้วเปิดประตูออกไป
โรมีโอพบกับใครบางคนที่ยืนพิงกำแพงข้างประตูเงียบๆ ในมือคีบบุหรี่เอาไว้ และที่โต๊ะตัวเล็กซึ่งใช้ตั้งกระถางต้นไม้เต็มไปด้วยก้นบุหรี่ที่ถูกบี้ทิ้งไปเป็นจำนวนมาก
ไมเคิลปรายสายตามองคนที่ออกมาจากห้อง ส่งสายตากดดันแทนคำถาม ทำให้โรมีโอถึงกับอ่อนใจและเหนื่อยใจไปในคราวเดียวกัน
“ร้องไห้จนหลับไปแล้วครับ อาการค่อนข้างหนัก คิดว่าพรุ่งนี้คงไข้ขึ้นหรือไม่ก็อาจจะปวดหัว” แววความเป็นห่วงปรากฏขึ้นมาเพียงชั่วครู่ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว ไมเคิลยกมือขึ้นเสยเส้นผมของตนอย่างหงุดหงิดใจ แล้วเดินเข้าไปในห้องของตนเอง ทิ้งให้ผู้ช่วยคนสนิทมองตามหลังด้วยความเป็นกังวล
.
.
.
Michael Part
ไมเคิลจัดการอาบน้ำแต่งตัวแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ดวงตาสองสียังคงเปิดขึ้นเหม่อมองเพดานห้องที่ถูกตกแต่งเป็นลวดลายสวยงามและนอนมองแชนเดอเรียท่ามกลางความมืด
เวลาไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้าในความรู้สึก จากตอนแรกที่รู้สึกดีเพราะจัดการภาระหน้าที่ต่างๆ เสร็จสิ้น หวังว่าจะได้รับกำลังใจดีๆ รอยยิ้มหวานๆ ท่าทางออดอ้อนและเสียงใสที่เจื้อยแจ้ว เขากลับพบความผิดหวังแทนเมื่อเข้าบ้านมาแล้วทราบว่าเด็กน้อยไม่ได้กลับเข้าบ้านมาเลยแม้แต่ครั้งเดียวนับตั้งแต่วันที่เขาผละจากไปทำงาน
ในตอนนั้นไมเคิลยังคงพอใจเย็นได้บ้าง เพราะตนก็คอยสอดส่องดูน้องน้อยอยู่ตลอดเวลา จึงเอ่ยปากบอกกับโรมีโอให้ไปที่โรงพยาบาล เพื่อรับน้องน้อยกลับบ้านเสียที คิดเอาไว้ว่าเมื่อไปถึงเจ้าตัวเล็กคงจะรีบวิ่งเข้ามากอดด้วยความดีใจ และความคิดนั้นก็ทำให้ไมเคิลยกยิ้มที่มุมปากบางเบา
แต่เมื่อไปถึงกลับไม่เป็นอย่างที่คิด........
ภาพของเด็กตัวน้อยที่นั่งคร่อมทับตักของชายคนหนึ่งปรากฏอยู่ในสายตา ริมฝีปากของคนทั้งคู่แนบชิดสนิทกันจนไร้ช่องว่าง ฝ่ามือใหญ่ของไอ้คนสารเลวนั้นบีบคลึงไปตามเนื้อตัวและบั้นท้ายแถมยังจับเอวเล็กให้ขยับโยกกายราวกับกำลังร่วมรัก และนั่นทำให้ความอดทนของไมเคิลขาดผึง
ผู้ช่วยคนสนิทร้องออกมาอย่างตกอกตกใจเมื่อเห็นภาพนั้น ทำให้คนทั้งคู่ผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว ไมเคิลมือกำแน่นด้วยความโมโหจนสั่นระริก เอ่ยปากเสียงนิ่งเฉียบขาดและดุดัน เอวาจึงค่อยๆ ลงมาจากเตียงช้าๆ แต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้ความกรุ่นโกรธของเขาลดลงแม้แต่น้อย
จนกระทั่งกลับมาถึงบ้าน ก็มีคำสั่งกักบริเวณออกไป พร้อมกับเสียงราวจะขาดใจของเด็กตัวเล็ก เสียงนั้นมันกรีดหัวใจของเขาเสียจนยับเยิน รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวไม่ต่างจากคนที่ต้องร่ำไห้เสียน้ำตา และเรื่องราวเหล่านั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ไมเคิลนอนไม่หลับในตอนนี้
แม้นาฬิกาจะบอกเวลาว่าล่วงเข้าสู่วันใหม่เรียบร้อยแล้วและเลยผ่านมาหลายชั่วโมง หากแต่ไมเคิลไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ ยังคงนอนลืมตาอยู่เงียบๆ บนเตียงนั้น มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นวางพาดบนหน้าผากอย่างคนที่มีเรื่องคิดไม่ตก
แกร๊ก!
เสียงเปิดประตูดังขึ้นแผ่วเบา ทำให้ไมเคิลหลับตาลง ปรับลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ คล้ายกับกำลังนอนหลับพักผ่อน หลังจากนั้นไม่นานก็รับรู้ได้ว่ามีคนมาหยุดอยู่ที่ข้างเตียง ด้วยการก้าวเดินอย่างไร้เสียง ก่อนที่ร่างนั้นจะทรุดตัวลงนั่งที่ด้านข้าง ฝ่ามือที่วางราบไปกับที่นอนข้างหนึ่งถูกมือเล็กที่อบอุ่นกอบกุมกระชับไว้
“ฮึก พี่จ๋า ฮึก หนูขอโทษ ฮืออออ” เสียงที่คุ้นเคยดังออกมาจากริมฝีปากของผู้บุกรุก แต่ไมเคิลก็ยังนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่ได้ตอบรับหรือดึงมือหนี เอวาทรุดตัวนั่งร้องไห้ที่ข้างเตียงของคนเป็นพี่ มือเล็กๆ นั้นก็ยังคงกอบกุมเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
ไมเคิลปล่อยให้เวลาไหลผ่านไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งเสียงร่ำไห้นั้นเงียบลงในที่สุด พร้อมๆ กับแรงจับที่เกาะกุมอยู่เริ่มคลายลง ชายหนุ่มก็เปิดดวงตาขึ้นอีกครั้ง เหลือบสายตามองเด็กน้อยที่ฟุ้บหลับอยู่ข้างเตียง ค่อยๆ ดึงมือออกแผ่วเบาแล้วยันกายลุกขึ้น
ฝ่ามือใหญ่ลูบกลุ่มผมนุ่มมือที่ถูกตัดสั้น แววตานั้นทอแววอ่อนโยนและรักใคร่ ในขณะเดียวกันก็ปะปนไปกับความเศร้า เสียใจ และเจ็บปวด
ไมเคิลลุกขึ้นจากที่นอนช้าๆ ขยับไปยืนข้างตัวเด็กน้อยแล้วช้อนขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนแผ่วเบา ก่อนจะวางลงบนที่นอนอย่างนุ่มนวล จัดการห่มผ้าให้เสร็จสรรพ ลูบศีรษะเล็กนั้นไปมา ก่อนจะโน้มใบหน้าลง กดจูบที่หน้าผากเล็กแคบเนิ่นนาน แล้วจึงผละออก
ปลายนิ้วมือเรียวของชายหนุ่มไล้เกลี่ยผิวแก้มที่สากระคายจากการป้ายเช็ดน้ำตาที่หลั่งไหลตลอดเวลาตั้งแต่ตอนที่คุยกันครั้งล่าสุด ไมเคิลสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ความกังวลและเจ็บปวดรวดร้าวอัดแน่นอยู่ภายในอก แล้วจึงโน้มตัวลงอีกครั้ง กดจูบที่ขมับ ผิวแก้ม และจบลงที่ริมฝีปากบางเบา พร้อมกระซิบถ้อยคำที่ข้างใบหูเล็ก
“พี่รักตัวเล็กมากนะคะ...... รักมาก..... จนเสียไปไม่ได้......” พูดจบก็ผุดลุกขึ้นจากเตียง เดินออกจากห้องไปในที่สุด
ไมเคิลเดินออกจากบ้าน มุ่งตรงไปที่ด้านหลัง ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ดุร้าย แต่กลับยอมสยบให้กับคนไม่กี่คน
ไมเคิลเปิดประตูลูกกรงเข้าไปภายใน เสือตัวใหญ่พุ่งตรงมาหาอย่างรวดเร็วแล้วกระโจนเข้าใส่อย่างไม่ออมแรง ไมเคิลกางขาออกเล็กน้อย อยู่ในท่าเตรียมการตั้งรับ ก่อนที่เสือขาวตัวใหญ่จะพุ่งเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน จนไมเคิลหงายหลังล้มลง มิลาด้าสะบัดหางยาวนั้นไปมา สลับกับการแลบเลียใบหน้าของไมเคิลไปด้วยจนเปียกชื้น
“หยุด....” เพียงพูดเบาๆ เท่านั้น เจ้าเสือร้ายกลับหยุดได้ดั่งใจสั่ง ขยับลงไปนั่งอย่างสงบเสงี่ยมตรงหน้า ไมเคิลยันตัวขึ้นจากพื้น เท้ามือไปทางด้านหลัง ชันขาขึ้นข้างหนึ่ง
“ไปเล่นไป”
กรรรรร
ไมเคิลเอ่ยปากบอก พร้อมกับปาลูกบอลให้ขยับออกไปไกล มิลาด้ารับคำแล้ววิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว ไมเคิลขยับไปนั่งพิงลูกกรงเอาไว้ เหยียดขาข้างหนึ่ง อีกข้างตั้งชันขึ้นสูง ดวงตาเหม่อมองท้องฟ้า หวังที่จะเห็นดวงสักดวง เพื่อบรรเทาความรู้สึกให้ดีขึ้นบ้าง
แต่สิ่งที่พบนั้นกลับกลายเป็นแผ่นฟ้าที่ไร้แสงใด ไม่มีทั้งแสงดาวและแสงเดือน มีเพียงเมฆทึบทะมึนลอยต่ำและแสงจากสายฟ้าฟาดปรากฏให้เห็นเป็นระยะ
เปาะ…….
แปะ…….
เปาะ…….
แปะ…….
หยาดน้ำจากฟากฟ้าเริ่มไหลลงมาทีละหยด แต่ไมเคิลยังคงปักหลักนั่งนิ่งไม่ไหวติง จนกระทั่งมิลาด้ากลับมาพร้อมกับลูกบอลที่คาบอยู่ในปาก คายลงบนตักของชายหนุ่ม ไมเคิลก็หยิบขึ้นมาอีกครั้ง แล้วปาออกไปไกล เจ้าเสือขาวตัวใหญ่ก็วิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว เป็นอย่างนั้นซ้ำไปซ้ำมา จนมิลาด้าคร้านจะออกวิ่ง จึงคาบกลับมา ทิ้งตัวลงนั่งข้างเจ้านายหนุ่ม ปล่อยลูกบอลออกจากปาก แล้วทรุดตัวลงนอนเกยคางกับตักแกร่งที่เปียกชื้น ไมเคิลยกมือลูบศีรษะของมันเบาๆ ปล่อยให้หยาดน้ำไหลอาบใบหน้าและร่างกาย เงยหน้ารับหยาดน้ำนั้นด้วยความเศร้าสร้อย
ต้องสร้างการเปลี่ยนแปลง.......
ต้องทำอะไรสักอย่าง......
ก่อนที่จะเสียแก้วตาดวงใจ.......
.
.
.
Romeo Part
ชายหนุ่มหลับไม่สบายเท่าไหร่นัก เมื่อเจ้านายทั้งสองของตนปั้นปึ่งต่อกัน ยากที่จะหันหน้าพูดคุย ทำให้วันนี้เขาตื่นขึ้นมาก่อนเวลาเล็กน้อย เพราะหลับๆ ตื่นๆ มาตลอดทั้งคืน ทันทีที่ลุกจากเตียงมาก็หันไปมองที่หน้าต่างด้านข้าง พายุโหมกระหน่ำรุนแรงที่ด้านนอกนั้น ทำให้อากาศกดต่ำและเย็นชื้น บรรยากาศในตอนนี้ขุ่นมัวไม่ต่างจากความรู้สึกของคนทั้งคฤหาสน์ที่กำลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้
โรมีโอถอนหายใจแล้วจึงขยับตัวลงจากเตียง ในตอนนั้นเองที่ชะงัก จนต้องหันกลับไปมองที่หน้าต่างอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ใครบางคนนั่งอยู่ภายในกรงของมิลาด้าท่ามกลางสายฝน คนๆ นั้นสวมใส่เสื้อนอนสีขาว กางเกงขายาวสีดำ แผ่นหลังนั้นช่างคุ้นเคยจนต้องขมวดคิ้วมอง เมื่อมั่นใจริมฝีปากบางจึงเอ่ยถ้อยคำออกมาแผ่วเบา
“บอส.....” โรมีโอครางเสียงแผ่ว รีบหุนหันลงจากเตียง หยิบเอาเสื้อคลุมสีแดงของตนขึ้นมาสวมใส่ มุ่งตรงออกจากห้องพร้อมกับห่อผ้าและร่วมคันใหญ่คันหนึ่ง
โรมีโอย่ำเท้าลงบนพื้นที่ชื้นแฉะ สลิปเปอร์ที่สวมใส่เปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนตม จนมีสภาพไม่น่าดู ขากางเกงเปียกชื้น แต่กระนั้นสองขาก็ยังไม่หยุดก้าวเดิน มุ่งตรงไปอย่างแน่วแน่และรวดเร็ว จนเมื่อมาถึงหน้ากรงของมิลาด้าก็ไม่รอช้าที่จะเปิดเข้าไป มุ่งไปหาเจ้านายของตน
ชายหนุ่มยื่นร่มให้ไปบดบังสายฝนที่กระหน่ำสาดแทงใส่เจ้านายของตนอย่างไม่ลังเล แม้ว่าตนนั้นจะเปียกฝนไปด้วยก็ตาม ไมเคิลชะงักเมื่อมีคนมาหยุดอยู่ตรงหน้า จึงเงยหน้าขึ้นมองช้าๆ เห็นว่าเป็นผู้ช่วยคนสนิทกำลังหอบหายใจรุนแรง หยาดน้ำฝนเริ่มตกลงที่ศีรษะและร่างกาย ในอ้อมแขนมีผ้าขนหนูผืนใหญ่ ไมเคิลจึงเลื่อนสายตากลับไปมองสบคนตรงหน้าอีกครั้ง
โรมีโอทรุดตัวนั่งลง จับมือของบอสใหญ่ให้อ้าออกมาถือร่มไว้แทนตน แล้วจึงเริ่มบ่นด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“บอสทำอะไรครับ! แบบนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี! ไม่ได้มีแต่คุณหนูที่จะเป็นห่วงนะครับ ยังมีผมด้วยอีกคน ไหนจะเหล่าเมดกับคนอื่นๆ ในบ้านอีก! รีบถอดออกมาเดี๋ยวนี้ครับ!” โรมีโอพูดพร้อมกับดึงกระชากเสื้อนอนสีขาวที่เปียกชื้นชุ่มน้ำออกอย่างรวดเร็ว พยายามดึงทึ้งออกจากกายใหญ่ เมื่อได้แล้วก็โยนทิ้งไปไม่ไยดี แล้วนำผ้าขนหนูในอ้อมแขนห่อหุ้มตัวบอสใหญ่ ใช้เช็ดศีรษะที่เปียกชื้นแล้วนำมาคลุมตัวเอาไว้ให้ พร้อมกับฉุดให้ลุกขึ้นในทันที
“รีบเข้าบ้านกันเถอะครับ” ไมเคิลยอมลุกขึ้นจากพื้นอย่างว่าง่าย มือข้างหนึ่งถูกจับกุมไว้โดยผู้ช่วยคนสนิท ส่วนอีกข้างถือร่มไว้ป้องกันตนเอง มองตามหลังคนที่สวมใส่เสื้อคลุมสีแดง เส้นผมเริ่มเปียกชื้นไม่ต่างกัน
หลังจากที่เข้าบ้านมาได้ โรมีโอก็พาบอสใหญ่ของตนขึ้นไปที่ชั้นบน ตั้งใจจะดันให้เข้าห้องไปอาบน้ำแต่งตัว แต่เมื่อถึงหน้าห้องคิง ไมเคิลกลับขืนตัวเอาไว้ บอกเบาๆ ด้วยเสียงเรียบนิ่ง
“ตัวเล็กนอนอยู่.......” โรมีโอชะงัก ยืนตัดสินใจอยู่ชั่วครู่ เพราะบอสใหญ่สามารถอาบน้ำในห้องควีนได้ แต่ไม่มีเสื้อผ้าใส่ยกเว้นชุดคลุมอาบน้ำ เพราะคุณหนูของตนตัวเล็กกว่ามาก ดังนั้นโรมีโอจึงพาบอสใหญ่ไปที่ห้องอัศวิน....
ห้องนอนของตนเอง.....
หลังจากที่เข้ามาแล้วก็ดันให้ไมเคิลเข้าห้องน้ำไป ในขณะที่ตนเองวิ่งวุ่นตระเตรียมเสื้อผ้าเอาไว้ให้ แล้วยังวิ่งหาหยูกยาที่จำเป็นเพื่อป้องกันไว้ก่อน ก่อนจะมาทรุดตัวนั่งลงบนเตียง
ในตอนนั้นเองที่พึ่งนึกได้ ว่าตนเองก็ตัวเปียกเช่นกัน ทำให้บนเตียงนอนนั้นเปียกชื้นเป็นดวงๆ จึงถอดเสื้อผ้าออกจากตัว สวมใส่ชุดคลุมอาบน้ำ ยืนนิ่งอยู่ที่หน้าห้องน้ำอย่างตัดสินใจ
เขากำลังจะสาย.... ไม่ว่าจะเป็นการตระเตรียมเสื้อผ้าหรือข้าวปลาอาหารที่ต้องรอให้เขาเป็นคนลงไปสั่งการ ชายหนุ่มถอนหายใจช้าๆ ก่อนจะบอกกับตัวเองเสียงแผ่ว
“ใช่ว่าไม่เคยเห็นเสียหน่อย.....” พูดแล้วก็ขยับเข้าไปเคาะประตูห้องน้ำ ร้องบอกคนภายใน
“บอสครับ ผมขอเข้าไปหน่อยครับ”
“......” มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ตอบกลับมา โรมีโอจึงเคาะอีกครั้ง แต่คำตอบยังเป็นเช่นเดิม จึงขยับมือเอื้อมไปลองเปิดประตูดู พบว่าไม่ได้ล็อกไว้ จึงเปิดเข้าไปช้าๆ แรกเริ่มเดิมทีโรมีโอตั้งใจจะเข้ามาเอาของบางอย่างเท่านั้น แล้วจะไปขออาศัยห้องอาบน้ำจากห้องอื่นๆ แทน แต่สิ่งที่พบกลับทำให้ตนชะงัก และเปลี่ยนความคิด เมื่อบอสของตนยืนอยู่ตรงกลางห้องนั้น ลำตัวท่อนบนเปลือยเปล่า ที่เอวยังคงมีกางเกงนอนสวมใส่ไว้อยู่ และน้ำไหลเป็นทางออกมาจากกางเกงที่เปียกชื้นนั้น
โรมีโอลอบถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ขยับเข้าไปใกล้ จับจูงบอสของตนไปยืนอยู่ที่ใต้ฝักบัว จัดการถอดกางเกงออกจากกายใหญ่ให้อย่างไม่ลังเลและไร้ความเขินอาย
“ยกขาครับ”
“....”
“บอส ยกขาครับ” ดังนั้นแล้วไมเคิลจึงยอมทำตามในที่สุด โรมีโอจัดการถอดเสื้อผ้าของบอสใหญ่ออกจนหมด วางกองไว้ที่ฝั่งหนึ่ง แล้วจึงถอดเสื้อคลุมของตนออกตาม ก่อนจะเปิดฝักบัว แล้วเริ่มต้นอาบน้ำให้บอสใหญ่อย่างชำนาญ คล้ายกับคนร่างสูงเป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆ เหมือนอย่างที่เคยทำให้คุณหนูของตน
โรมีโอเขย่งเท้าเล็กน้อยเมื่อบอสใหญ่ไม่ให้ความร่วมมือในการสระผม ทำเพียงยืนตรงหลับตานิ่งๆ จนโรมีโออดที่จะมองค้อนไม่ได้
“บอสครับ ก้มลงหน่อยครับ” ไมเคิลลืมตาขึ้นมอง ก่อนจะโน้มตัวมาที่ด้านหน้า ทิ้งศีรษะลงที่ไหล่บางของผู้ช่วยคนสนิท โรมีโอชะงักไปชั่วครู่ แล้วสระผมต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากนั้นจึงเปิดน้ำล้างเส้นผม ในตอนนั้นเองที่ความรู้สึกบางอย่างทำให้ต้องชะงักนิ่ง เมื่อรู้สึกถึงหยาดน้ำอุ่นร้อนปะปนมากับสายน้ำที่ตกกระทบไหล่ จนต้องขมวดคิ้ว
เมื่อสระเสร็จแล้วก็บอกให้ไมเคิลยืนตัวตรงตามเดิม เพื่อฟอกสบู่ ขณะนั้นก็ลอบสังเกตไปด้วย แต่ไม่พบความผิดปกติใดจากดวงตานั้น จึงยอมปล่อยผ่านในที่สุด
ใช้เวลาไม่นานนักโรมีโอก็อาบน้ำให้บอสใหญ่ของตนเสร็จเรียบร้อย จึงสวมใส่ชุดคลุมอาบน้ำให้เป็นอย่างสุดท้าย ดันให้ออกจากห้องน้ำพร้อมร้องบอก
“ผมเตรียมเสื้อผ้าให้แล้วครับ” ว่าจบก็ปิดประตูลง หันกลับมาอาบน้ำให้ตนเองบ้าง ใช้เวลาอย่างรวดเร็วในการอาบน้ำสระผม เมื่อออกมาอีกครั้งก็ยังคงเห็นบอสของตนยืนอยู่เช่นเดิม โรมีโอถอนหายใจ เปิดปากบ่น
“บอสครับ.... ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะครับ...”
“.....”
“ทำไมถึงดื้อนักนะ” เพียงเท่านั้นดวงตาคมกล้าก็ตวัดหันมามองอย่างดุดันเมื่อโดนดุ จนโรมีโอส่ายหัวไปมากับท่าทีเด็กๆ นั้น อย่างอ่อนใจ แต่สองขากลับขยับก้าวไปใกล้ จับชายหนุ่มแต่งตัวราวกับเป็นตุ๊กตา จนเมื่อเสร็จเรียบร้อยดีก็เอ่ยบอกเสียงเบา
“ยาครับ” ไมเคิลรับไปกินอย่างว่าง่ายไม่มีอิดออด เมื่อดื่มน้ำเสร็จก็ส่งแก้วคืนให้โรมีโอ ชายหนุ่มรับมาถือไว้ วางลงที่ข้างเตียง แล้วร้องบอกอีกครั้ง
“บอสไปรอที่โต๊ะอาหารนะครับ ผมขอเวลาสักครู่ครับ” พูดจบก็ผลุบเข้าไปแต่งตัว ก่อนจะออกจากห้องมาอีกครั้งด้วยความเร่งรีบ ชายหนุ่มมุ่งตรงเข้าห้องครัว สั่งการอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งสั่งให้คนเสิร์ฟกาแฟและขนมให้เจ้านายของตนรองท้องระหว่างรอทานอาหาร และสั่งให้เมดสาวบางส่วนไปเช็ดคราบน้ำและดินโคลนตั้งแต่ประตูด้านหลังไปจนถึงในห้องนอนของเขา
แล้วจึงผละไปจัดการตระเตรียมเสื้อผ้าให้คุณหนูของตน มุ่งตรงไปที่ห้องคิง เคาะเบาๆ เพียงสองสามครั้งแล้วเปิดเข้าไป ชายหนุ่มกวาดสายตามอง ไม่พบคุณหนูของตนอยู่ภายใน จึงคิดเอาเองว่าคงจะตื่นแล้วและกลับห้องตนเองแล้ว จึงเข้าไปดูที่ห้องควีน และจริงดังคาด เมื่อได้ยินเสียงน้ำไหล
โรมีโอจึงแขวนชุดเอาไว้ให้ แล้วเริ่มต้นเก็บเตียงนอน จนกระทั่งเอวาออกมาจากห้องน้ำ ดวงตายังคงบวมช้ำแดงเรื่อ จนคนมองสงสารจับใจ แต่กระนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป นอกจากช่วยแต่งตัวและพาลงไปที่ห้องรับประทานอาหาร เห็นบอสใหญ่ของตนนั่งนิ่งๆ ไม่ได้แตะต้องอาหารอะไร
โรมีโอส่งสัญญาณให้เมดสาวเริ่มเสิร์ฟอาหาร ในขณะที่ตนเองขยับไปยืนอยู่ทางด้านหลัง มองเจ้านายทั้งสองคนนั่งทานอาหารเงียบๆ ไม่มีเสียงพูดคุยใดดังลอดออกจากริมฝีปาก
ไมเคิลนั่งมองเอวา ส่วนเอวานั้นนั่งก้มหน้าชิดอกไม่สบสายตาใคร โรมีโออดที่จะสงสารบุคคลทั้งคู่ไม่ได้ และคิดว่าเมดสาวที่คอยรับใช้และเห็นภาพดังกล่าวก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน
จนเมื่อกระทั่งทานเสร็จ ไมเคิลก็ร้องเรียกหาผู้ช่วยคนสนิทเสียงนิ่ง
“โรม.....”
“ครับบอส” โรมีโอขานรับพร้อมขยับกายเข้าไปใกล้ โน้มตัวลงเพื่อฟังคำสั่ง
“เรียกคนมาฝังชิพให้เอวาด้วย.....”
“ได้ครับ” โรมีโอตอบรับในทันที ไมเคิลลุกขึ้นจากเก้าอี้ เอ่ยปากบอกอีกหน
“วันนี้....”
“แต่-” พูดจบก็หมุนตัวเดินออกจากห้องรับประทานอาหารไป ไม่รอฟังว่าคนน้องกำลังจะแย้งว่าอย่างไร ชายหนุ่มก็ไม่อยู่ฟังเสียแล้ว.......
Ava Partตอนนี้เด็กตัวเล็กกำลังนั่งมองพี่ชายที่กำลังเดินออกจากห้องไปตาละห้อย ริมฝีปากเล็กเอ่ยพึมพำออกมาแผ่วเบา หากแต่คนอยู่ข้างกายตลอดเวลาอย่างโรมีโอก็ยังคงได้ยินชัดเจน“แต่พี่จ๋าบอกว่าจะอยู่กับหนู.......” ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มหงอยเหงาและมีความกลัวปะปนแฝงไว้อยู่ ทำให้คนมองใจอ่อนยวบ ขยับเข้าไปข้างกาย กำลังจะอ้าปากถามกับคุณหนูของตน ก็เป็นอันต้องหยุดชะงัก เมื่อเจือน้ำเสียงทุ้มต่ำเรียบนิ่งของคนเป็นนายเรียกเร่งเร้า“โรม.......” โรมีโอมองสลับไปมาระหว่างเจ้านายของตน และคุณหนูคนเล็กของบ้าน ก่อนจะต้องตัดใจเดินออกมาเพราะมีสายตาคมกล้าคอยเสียดแทง ดึงนั้นแล้วผู้ช่วยหนุ่มจึงจำใจหยิบกระเป๋าเอกสาร แล้วเดินตามเจ้านายไปติดๆ แต่กระนั้นก็ยังอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองคุณหนูของตน ก่อนที่ประตูรถยนต์จะปิดลงและเคลื่อนตัวออกจากบ้านไปเอวามองตามหลังรถคันหรูตาละห้อย ก่อนจะกระโดดลงจากเก้าอี้ เดินกลับเข้าห้องของตน จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นชุดที่กระชับเข้ารูป แล้วมุ่งตรงไปที่ทิศทางหนึ่งเพื่อออกกำลังกายเอวาใช้เวลาออกกำลังกายอยู่ครู่ใหญ่ จนกระทั่งมีเมดสาวเข้ามาตามว่าคุณหมอมาถึงแล้ว เด็กน้อยถึงยอมเดินกลับเข้าห้องตัวเอง แ
...“พี่จ๋า......” เอวาครางในลำคอ กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ตรงหน้าปรากฏชายคนหนึ่งที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาคมกล้าที่มองสบมาทำให้เอวาก้มหน้าหลบด้วยความหวาดกลัว“กลับ” ไมเคิลพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะหมุนตัวหันหลังเดินกลับไปทันที น้ำเสียงและท่าทีเฉยชาของไมเคิล ทำให้เอวารู้สึกตัวหดเล็กลงอย่างช่วยไม่ได้ เด็กน้อยหันไปเหลือบมองบารอนที่ยืนอยู่ด้านข้าง ชายหนุ่มทำเพียงกุมมือเล็กเอาไว้แน่นหนา ยกมือเล็กขึ้นจรดริมฝีปาก กล่าวอย่างหนักแน่น“รอพี่นะคะ” เอวาสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปทิศทางที่พี่ชายของตนเดินไป ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะหันมามองหรือยืนรอกันเช่นแต่ก่อน นั่นยิ่งทำให้เอวารู้สึกหวั่นใจและกลัวเกรงอยู่ลึกๆเด็กน้อยสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะก้าวขาเดินตามไปตามทิศทางที่บอดี้การ์ดกั้นเอาไว้ให้ เอวาพยายามสาวเท้าก้าวตามให้ทันคนเป็นพี่ชาย จนเมื่ออยู่ในระยะที่สามารถเอื้อมถึง เด็กน้อยก็สอดมือเข้าไป จับประสานกุมกับมือใหญ่เอาไว้อย่างที่เคยทำ ไมเคิลปรายตามองเล็กน้อย ก่อนจะดึงมือออก แล้วก้าวเดินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่การกระทำนั้นทำให้เอวาชะงัก หยุดยืนอยู่กับที่ ก้มมองมือของตนเองที่ว
Michael Partย้อนกลับไปหนึ่งเดือนก่อนหน้า……หลังจากเรื่องวุ่นวายผ่านพ้นไป โรมีโอนำตัวเอวาส่งโรงพยาบาล เฝ้าดูอาการจนวางใจว่าเด็กน้อยจะไม่เป็นอะไร ชายหนุ่มก็มุ่งตรงกลับบ้านเพื่อไปจัดการปัญหาที่คฤหาสน์หลังงามนั้นต่อ ทันทีที่เห็นบอสของตนขังตัวเองไว้ในห้อง ชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะปล่อยหมัดหนักๆ ไปเรียกสติของบอสตัวเอง“หายบ้ารึยังครับ” โรมีโอถามเสียงเรียบด้วยดวงตาแววโรจน์ท่าทางขุ่นเคือง ไมเคิลทำเพียงแสยะยิ้มมุมปาก เอ่ยตอบเสียงเนิบช้า“น้อยไป.....”ผลั๊วะ! ผลั๊วะ! ผลั๊วะ!เมื่อบอสบอกว่าน้อยไป โรมีโอก็จัดให้ 3 ทีติดๆ กัน จนไมเคิลถึงกับเซ ชายหนุ่มสะบัดหน้าเล็กน้อย เอ่ยปากบอกอีกครั้งด้วยเสียงเยาะเย้ย“แรงมีแค่นี้? น้อยไป…..”ผลั๊วะ! ผลั๊วะ! ผลั๊วะ! ผลั๊วะ! ผลั๊วะ!เมื่อได้ยินแล้วโรมีโอจึงจัดให้อีกเน้นๆ 5 ที จนไมเคิลจุกจนถึงกับทรุดลงที่พื้น ยกมือขึ้นกุมท้องของตน“แค่กๆ”“คุณหนูมีแผลที่ข้อศอกกับหัวเข่า หัวไหล่และข้อเท้าที่หลุดก่อนหน้า ถูกต่อให้เข้าที่แล้วครับ แต่ยังต้องพันเผือกอ่อนและพักรักษาตัวอีกสักระยะ ส่วนบอดี้การ์ดทั้ง 6 คนนั้นทำการผ่าเอากระสุนออกแล้ว ตอนนี้กำลังรักษาตัว ส่วนคุณซีนอนนั้นเย็บแ
Ava Partตอนนี้เอวากำลังนั่งขดตัวเป็นก้อนกลมอยู่ที่ชานบ้าน ที่ด้านหลังนั้นถูกซ้อนด้วยคนๆ หนึ่ง บารอนที่ทำตัวเป็นเบาะรองนั่งโอบกอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขน ส่งมอบความอุ่นร้อนไปให้ผ่านผิวเนื้อที่สัมผัสกัน เอวาเหม่อมองไปที่ด้านหน้าซึ่งเป็นบริเวณทางเข้าของบ้านด้วยใจจดใจจ่อตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา เอวารับรู้ว่าพี่ชายของตนทำงานอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน มีเพียงโรมีโอเท่านั้นที่เข้าออกบ้านเป็นว่าเล่น ในตอนกลางวันก็ออกไปทำงานกับไมเคิล ตอนกลางคืนก็กลับมาดูแลตนก่อนเข้านอน เป็นเช่นนี้ตั้งแต่เด็กน้อยออกจากโรงพยาบาลบารอนที่ตอนนี้พักรักษาตัวหายดีแล้วและกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม ก็มุ่งตรงมาหาเอวาที่บ้านหลังนี้ในทันที หากแต่กลับถูกกันตัวไว้ ไม่ยอมให้เข้าไปโดยง่ายจากคำสั่งของไมเคิล แต่เพราะโรมีโอที่กลับมาพอดีและทันเห็นเหตุการณ์เข้า คุณหนูของบ้านร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร เมื่อคนรักของตนถูกทำร้าย ชายหนุ่มจึงเข้าไปช่วยจัดการให้ และพาบารอนไปทำแผลที่ห้องพยาบาล โดยมีคุณหนูของบ้านตามไปติดๆเด็กน้อยของบ้านนั่งทำแผลไปสะอึกสะอื้นไป จนทำให้บารอนต้องดึงเด็กน้อยเข้ามากอดไว้ ลูบหลังลูบไหล่ปลอบใจไปพ
Baron Partย้อนกลับไปคืนก่อนหน้า.....“คือ.....” โรมีโอพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ ทำให้บารอนเลิกคิ้วมอง ก่อนที่ผู้ช่วยคนสนิทของไมเคิลจะถอนหายใจ แล้วเอ่ยออกมาแผ่วเบา“บอส... ไม่อยากให้คุณเข้าใกล้คุณหนูอีกครับ....”“......” บารอนนั่งฟังนิ่งๆ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป“ผม... คงไม่อาจให้คุณเข้าใกล้คุณหนูได้อีก....”“......”“ขอโทษด้วยครับ” โรมีโอพูดพร้อมกับก้มหน้าลงต่ำ ก่อนจะยืดตัวขึ้นอีกครั้ง มองจ้องคนตรงข้ามที่ยังคงนิ่งเฉย“หึ.....” บารอนยกยิ้มมุมปาก หลังจากนั้นก็ยกมือขึ้นปิดปากกลั้วหัวเราะอย่างคนทนไม่ไหว เปล่งเสียงหัวเราะออกมาดังก้องไปทั่วห้องนั่งเล่นในยามค่ำคืน“หึหึ ฮ่าฮ่า” บารอนส่ายศีรษะไปมาขณะที่ไหล่ยังคงสั่นไหว โรมีโอมองท่าทีนั้นเงียบๆ จนกระทั่งเสียงหัวเราะนั้นเบาบางลงจนกลายเป็นเงียบสนิท บารอนนั่งจ้องโรมีโอไม่ละสายตา เอ่ยปากเสียงเนิบช้า“เอวาที่น่าสงสาร..... ดอกลิลลี่สีขาวที่เบ่งบานท่ามกลางกุหลาบสีเลือด.....” โรมีโอคิ้วกระตุกเข้าหากันเมื่อได้ยินคำเปรียบเปรยนั้น ก่อนจะยกยิ้มบาง แล้วเอ่ยแก้ไข“คุณหนูเป็นดอกเบญจมาศสีขาวที่น่ารักน่าชังต่างหากครับ” บารอนเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะเอ่ยปากตอบรับกลับไป“งั้น
Romeo Partตอนนี้เอวากำลังนั่งอยู่บนตักของไมเคิลราวกับตัวเองเป็นหมีโคอาล่า สองมือน้อยๆ นั้นจับกุมชุดสูทของคนเป็นพี่ชายเอาไว้แน่น เงยหน้าขึ้นมองส่งสายตาอ้อนวอนไปให้“นะ พี่จ๋าให้หนูไปนะ” ไมเคิลมองตอบกลับมาด้วยความนิ่งเฉยภายใต้ดวงตาลุ่มลึกที่ขุ่นมัว ก่อนจะตวัดสายตาไปมองทางโรมีโอ ทำให้ผู้ช่วยคนสนิทรีบก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาคมกริบของผู้เป็นนาย เพราะไมเคิลได้รับบัตรเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองการรับตำแหน่งของบารอน เมื่อ 2 วันก่อน และชายหนุ่มก็มีคำสั่งลงไปแล้วว่าของเอวาให้เผาทิ้ง ส่วนของตัวเองให้จัดส่งของขวัญ แต่โรมีโอกลับทำงานพลาดโดยการวางบัตรเชิญไว้บนโต๊ะขณะที่ผละไปจัดเตรียมอาหารว่างให้นายทั้งสองคน จนทำให้เอวาได้พบการ์ดเชิญนั้นและหันมารบเร้าร้องขอกับไมเคิลอยู่ตลอดเวลาใช่ว่าชายหนุ่มจะไม่ชอบที่น้องน้อยมาออดอ้อนเอาใจ แต่จะดีกว่านี้มากหากเอวาทำเพราะต้องการอ้อนเขาจริงๆ ไม่ใช่มีจุดประสงค์แอบแฝงอย่างการได้พบหน้าบารอนสักครั้งหลังจากที่ห่างกันมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง“ไม่ค่ะ” และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ไมเคิลเอ่ยปากปฏิเสธเสียงหนักแน่น ทำให้เอวาทำแก้มพองลมหน้ายู่อย่างขัดใจ จนอดไม่ได้ที่จะตีลงบนอกแกร่งของคนเป็น
ไมเคิลพาเอวามุ่งตรงกลับบ้านในทันที เมื่อกลับมาถึงแล้วก็อุ้มน้องน้อยขึ้นไปนอนภายในห้องควีน จัดการเปลี่ยนชุดและเช็ดตัวให้เด็กน้อยอย่างเบามือ ดวงตาคมกล้าวาวโรจน์ขึ้นอีกครั้งเมื่อพบรอยรักสีกุหลาบที่บารอนฝากไว้ปรากฏอยู่ประปรายบนลำคอขาวผ่องไมเคิลโน้มตัวลงไปใกล้ ประทับริมฝีปากซ้ำรอยนั้น แล้วดูดดุนอย่างรุนแรงจนเด็กน้อยครางอื้ออึงด้วยความเจ็บปวดนิดๆ เมื่อไมเคิลผละออกมาดูผลงาน ก็พบว่ารอยรักสีหวานที่ปรากฏขึ้นจางๆ บัดนี้กลับกลายเป็นสีแดงก่ำและห้อเลือดอย่างชัดเจนนั่นยิ่งทำให้ไมเคิลพึงพอใจเป็นอย่างมาก ไม่รอช้าที่จะประทับริมฝีปากลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าที่ใดที่มีรอยรักพาดผ่าน ริมฝีปากของไมเคิลก็ตามไปทับซ้ำรอย ราวกับจะลบเลื่อนตัวตนของคนๆ นั้น ออกไปจากร่างเล็กไมเคิลซุกไซร้ซอกคอขาว ยิ่งได้จุมพิต ยิ่งลุ่มหลง ยิ่งได้ดอมดม ยิ่งหลงใหล จากการกดจูบลบรอย กลับกลายเป็นการสร้างรอยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มลุ่มหลงมัวเมาอยู่ในห้วงอารมณ์ที่พัดโหมกระหน่ำ ยิ่งน้องน้อยส่งเสียงครางแผ่วในลำคออย่างขัดอกขัดใจ พลิกตัวหนีไปอีกทาง เปิดเผยแผ่นหลังขาวเนียนและกระดูกสันหลังที่เป็นแอ่งไล่ยาวลงมายิ่งทำให้คนมองรู้สึกคลุ้มคลั่งใ
“ตัวเล็กคะ....”“อื้อออ”“สายแล้วนะคะ ตื่นเร็ว” ไมเคิลพูดพร้อมยกยิ้มบางเบา ใช้นิ้วจิ้มแก้มขาวนุ่มนิ่มเบาๆ เอวาส่งเสียงครางแผ่ว แล้วจึงซุกหน้าลงกับตุ๊กตาเสือขาวอย่างต้องการหลีกหนีนิ้วมือแกร่งที่รบกวนการหลับใหล“หึหึ ตื่นเร็วค่ะ เดี๋ยวปวดท้องเอานะ” ไมเคิลพูดอีกครั้งพร้อมกับค่อยๆ ดึงเจ้าตุ๊กตาเสือขาวออกจากอ้อมกอดน้อยๆ ของคนตัวเล็ก ทำให้เอวต้องปรือตาขึ้นมอง สองมือน้อยๆ ยันกับที่นอนเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง ยกมือขยี้ตาไปมา เส้นผมสีดำขลับชี้ฟูไม่เป็นทรง“อย่าขยี้สิคะ” ไมเคิลร้องบอกก่อนจะใช้นิ้วโป้งเกลี่ยดวงตาให้ แล้วจึงขยับมือไปจัดทรงผมให้กับน้องน้อยด้วยความรักความเอ็นดู เอวากะพริบตาปริบๆ แล้วจึงปรับสายตาได้ เมื่อเห็นว่าเป็นใคร เด็กน้อยก็ส่งยิ้มหวาน อ้าแขนออกกว้าง ตั้งท่าจะโผเข้ากอด ร้องเรียกเสียงใส“พี่จ๋าาา”จึ้ก“เรายังมีเรื่องต้องคุยกันนะคะ” ไมเคิลใช้นิ้วชี้จิ้มลงที่หน้าผากของเด็กน้อยเอาไว้ เป็นการห้ามกลายๆ ไม่ให้เอวาเข้ามากอดได้ดั่งใจ เพียงได้ฟังเด็กน้อยก็ดวงตาเบิกกว้าง เริ่มนึกขึ้นมาได้บ้างแล้วตนเองทำอะไรลงไปบ้าง ไมเคิลส่งยิ้มหวานไปให้ แต่ภายในใจคนมองมันคือการแสยะยิ้มที่ส่งไป
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา