“โรม......”
“ครับ”
“ลากตัวมันไป..... จัดการให้เรียบร้อย.......”
“เยส มายลอร์ด”
.
.
.
ตอนนี้ไมเคิลกำลังนั่งมองเด็กน้อยที่เดินไปเดินมาภายในห้องนอน หยิบจับนั่นนู่นนี่อย่างชินมือ ก่อนจะหันมาพยักหน้าให้ บ่งบอกว่าพร้อมแล้ว
ไมเคิลหลับตาลงช้าๆ ลอบถอนหายใจ แล้วจึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง ผุดลุกขึ้นจากโซฟา เดินก้าวเท้าเข้าไปหาน้องน้อยอย่างมั่นคง ยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กแผ่วเบา
“แน่ใจนะคะ?”
“.....”
“ตัวเล็ก?” ไมเคิลมองจ้องเด็กน้อยที่ยืนกำชายเสื้อเอาไว้แน่น ริมฝีปากถูกขบเม้มอย่างชั่งใจ แต่ในท้ายที่สุดแล้ว น้องน้อยก็พยักหน้ารับ เอ่ยถ้อยคำออกมาแผ่วเบา
“หนูจะไป....” ดังนั้นแล้วไมเคิลจึงจับจูงเด็กน้อยให้ออกจากห้อง เดินไปตามทางที่คุ้นเคย สองมือยังคงกอบกุมกันไว้แน่นไม่ยอมให้ห่างจากตัว
หลังจากที่เวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ เอวาก็รักษาตัวเองจนหายเป็นปลิดทิ้ง ร่างเล็กที่เคยผายผอมกลับมามีน้ำมีนวลเนื้อตัวนุ่มนิ่มดั่งเดิมจากการประโคมข้าวปลาอาหาร ขนมและน้ำหวานเป็นการเอาใจ จากชายหนุ่มทั้งสองคนคือไมเคิลและโรมีโอ
ส่วนทีมระดับ S ที่ถูกเรียกตัวกลับมานั้นได้กระจัดกระจายไปตามมุมต่างๆ ทั่วโลก หลังจากที่ตามหาเด็กน้อยผู้ครอบครัวดวงใจมังกรพบแล้ว และแต่ละคนก็ไม่ลืมที่จะเข้ามาหาเด็กน้อย พูดคุยหยอกล้อให้คลายความกังวลเรื่องบารอนลงบ้าง หลังจากนั้นจึงแยกย้ายกันไปทำงานของตน
ไมเคิลเปิดประตูให้เอวาก้าวเท้าขึ้นรถไปก่อน ในขณะที่ตนเหลือบสายตามองโรมีโอ ซึ่งอีกฝ่ายทำเพียงค้อมศีรษะลงอย่างนอบน้อม เพียงเท่านั้นไมเคิลก็วางใจ แล้วก้าวเท้าตามขึ้นรถไปติดๆ เมื่อขึ้นรถมาได้แล้วไมเคิลก็นั่งกุมมือเล็กเอาไว้แน่น เอวาเองก็จับกระชับกลับมาเช่นกัน
โรมีโอเข้าประจำตำแหน่งสารถี แล้วเริ่มเคลื่อนพลช้าๆ รถของไมเคิลถูกขับตามประกบทั้งหน้าและหลังอย่างละ 2 คัน ไมเคิลปรายตามองเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม......”
“ครับ ผมเตรียมไว้ให้แล้วครับ” โรมีโอเองก็ตอบกลับมาเสียงนุ่มทุ้มสุภาพอย่างเคย มีเพียงเอวาที่กะพริบตาปริบๆ เอียงคอเล็กๆ อย่างงุนงง
“ไม่มีอะไรค่ะ” ไมเคิลพูดพร้อมกับลูบศีรษะเล็กไปพลาง แล้วกลับไปมองตรงเช่นเดิม มือยังคงกุมกระชับมือของเอวาเอาไว้เช่นเดิมไม่ยอมปล่อยไปไหน
จวบจนกระทั่งมาถึงที่หมาย เอวาก้าวเท้าลงจากรถ เงยหน้าขึ้นมองตึกสูงระฟ้าขนาดใหญ่ ที่ด้านบนติดป้ายเอาไว้บ่งบอกว่าเป็นโรงพยาบาลของเอกชน เด็กน้อยพลันใจชื้นเพิ่มมากขึ้น จนรอยยิ้มถูกจุดประกายอยู่ที่ริมฝีปาก
ไมเคิลพาเอวาเดินเข้าไปภายในโรงพยาบาล ซึ่งมีคุณหมอคนหนึ่งยืนรออยู่ก่อนแล้ว และโรมีโอก็ปลีกตัวเข้าไปพูดคุยด้วย ทั้งสองคนยืนพูดคุยและทักทายกายเล็กน้อย ก่อนจะเบนสายตามามองเด็กตัวเล็กที่อยู่ข้างกายของไมเคิล ชี้มือชี้ไม้อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงขยับก้าวเท้าเดินเข้ามาใกล้
“เธอจะนำทางให้เราครับ” ไมเคิลพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไร ต่างจากเอวาที่จับมือไมเคิลเอาไว้แน่น หัวใจเริ่มเต้นเร็วระรัวไม่อาจควบคุม ความตื่นเต้นนั้นทำให้มือน้อยชื้นเหงื่อ ไมเคิลเพียงปรายตามอง ลอบยกยิ้มมุมปากหลังจากนั้นก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว
เอวาหันมองรอบกายด้วยความแปลกใจ เพราะตนคิดเอาไว้ว่าบารอนอาจจะได้นอนพักในห้อง VIP ของโรงพยาบาล ไม่มีทางที่บาร็อคจะปล่อยให้ลูกชายอยู่อย่างลำบากลำบนเป็นแน่ แต่สุดท้ายแล้วคิ้วคู่สวยก็เริ่มขมวดหมุนอย่างช้าๆ
ไมเคิลลอบถอนหายใจเมื่อเห็นท่าทางนั้น ยิ่งจับมือกระชับแน่นจนเอวาเจ็บไปหมด เด็กน้อยเงยหน้ามองคนพี่ด้วยความสงสัย เห็นเพียงใบหน้าเรียบนิ่งไร้ความรู้สึกปรากฏอยู่ ก่อนจะต้องหยุดชะงักการก้าวเดินเมื่อจู่ๆ ไมเคิลก็หยุดอยู่กับที่
เอวามองไปรอบๆ ตัว เห็นว่าสถานที่แห่งนี้เงียบสงบ ไร้ผู้คน และอ้างว้าง ก่อนจะถอนสายตากลับคืนมาแล้วเงยหน้าขึ้นมองป้ายที่ติดอยู่หน้าประตู
‘ห้องดับจิต’
เอวาตัวชาวาบเมื่อได้ทำความเข้าใจ ยืนนิ่งค้างอยู่กับที่ ไมเคิลจูงน้องน้อยที่เดินตัวลอยเข้ามาภายในห้องดับจิต คล้ายกับคนยังไม่ได้สติดีนัก จนกระทั่งหมอสาวที่เป็นผู้นำทางเดินไปเปิดประตูตู้อันหนึ่ง แล้วดึงลากเลื่อนออกมาจากช่อง
บนนั้นมีร่างหนึ่งกำลังนอนนิ่งอยู่ ผ้าคลุมหน้าสีขาวที่ปกปิดเอาไว้ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ว่าคนๆ นี้คือใคร แต่ไม่ต้องให้ใครมาบอก เอวาก็สามารถรับรู้ได้ด้วยตนเอง
เด็กน้อยเดินตัวสั่นเข้าไปใกล้ร่างนั้น โรมีโอถอนหายใจเล็กน้อย เหลือบตามองไมเคิลที่ยังคงยืนนิ่ง มองดูเงียบๆ อยู่ที่ด้านหลัง โรมีโอหันกลับมาสนใจงานตรงหน้าอีกครั้ง แล้วเปิดผ้าคลุมออกช้าๆ
“!!!!” เอวาดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าใครที่นอนอยู่บนนั้น ใบหน้าที่คุ้นเคยนอนสงบนิ่ง สีผิวซีดจางไร้สีเลือด ริมฝีปากแห้งแตกระแหง เพียงเท่านั้นเอวาก็ซวนเซล้มลงกับพื้น เปล่งเสียงร้องออกมาอย่างสุดกลั้น
“ฮือออออออออ” ไมเคิลขยับเข้าไปช่วยประคอง คุกเข่าลงกับพื้น และกกกอดน้องน้อยเอาไว้ในอ้อมแขน ลูบศีรษะเล็กไปพลาง
“ร้องออกมาค่ะ” พูดพร้อมกับกอดเอาไว้แน่น
“ฮือ! บาร์ค…. บาร์ค ฮืออออออ” เอวาขยุ้มเสื้อของไมเคิลจนเป็นรอยยับย่น หากแต่ชายหนุ่มไม่สนใจ ลูบศีรษะเล็กหวังช่วยปลอบประโลม
“บาร์ค ฮึก บาร์คเขาดูแลหนู ฮึก ฮือออ ตอนที่หนูป่วย เขาก็ยังทำข้าวมาให้ ฮืออออ แล้ว แล้วยังคอยทายา ฮึก เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า ฮึก ถึงเขาจะทำร้าย แต่ แต่เขาก็คอยดูแลหนูอยู่ตลอด ฮึก เพราะพี่จ๋า.... เป็นเพราะพี่จ๋า ฮืออออ คนใจร้าย ฮืออออออ” เอวาร่ำไห้ออกมาแล้วเริ่มทุบลงที่อกคนเป็นพี่อย่างอดกลั้นไว้ไม่ไหว เสียงร่ำไห้ปานจะขาดใจของน้องน้อยยิ่งทำให้ไมเคิลรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งดวงใจ
“ฮืออออออ”
“ตัวเล็กคะ บารอนทำร้ายหนูค่ะ และพี่ทนไม่ได้ที่เห็นหนูเจ็บ.....”
“ฮือออ แต่ตอนนี้หนูเจ็บตรงนี้” เอวาพูดพร้อมใช้มือกุมที่หัวใจ สีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บปวดอย่างที่สุด หยาดน้ำตาไหลรินอาบแก้ม
“หนูเจ็บตรงนี้.... และพี่จ๋าเป็นคนทำ......” ไมเคิลชะงักนิ่งกับคำพูดนั้น ลำตัวแข็งค้างเมื่อรับรู้ว่าตนสร้างความเจ็บปวดให้กับน้องน้อยไว้มากขนาดไหน ก่อนจะเอ่ยออกมาแผ่วเบาแทบไร้เสียง
“ที่พี่ทำเพราะพี่รักตัวเล็ก.......”
“แต่ความรักของพี่จ๋ากำลังฆ่าหนูทั้งเป็น ฮึก.....” เอวาพูดพร้อมหันหน้าหนี เสียงสะอื้นยังคงแว่วมาให้ได้ยิน ไมเคิลรู้สึกลำคอแห้งผากราวกับกลืนทรายไปเป็นกำ
“ตัวเล็ก......” ไมเคิลเอ่ยเรียกด้วยเสียงแหบแห้งอ่อนล้า ยื่นมือออกไปช้าๆ หวังจะสัมผัสตัวเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้า แต่เอวากลับขยับกายหนี ทำให้ไมเคิลยกมือขึ้นชะงักค้างเมื่อเห็นปฏิกิริยานั้น แล้วแปรเปลี่ยนเป็นการกำมือแน่น
“โรมจ๋า..... ฮึก..... หนูอยากกลับบ้าน ฮือออออ” โรมีโอขยับกายเข้ามาหาอย่างรวดเร็วเมื่อเอวาส่งเสียงเรียก ยิ่งเห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตายิ่งทำให้ใจคนมองเจ็บปวดรวดร้าว จนส่งสายตาขุ่นเคืองให้กับคนที่เป็นสาเหตุ ก่อนก้มลงอุ้มเด็กน้อยมาไว้ในอ้อมแขน เอวาตวัดแขนโอบล้อมรอบคอของโรมีโอในทันที ซุกหน้าร้องไห้กระซิกๆ อยู่ที่ซอกคอจนสูทตัวสวยเปรอะเปื้อน หากแต่โรมีโอไม่สนใจ ทิ้งให้ไมเคิลนั่งนิ่งอยู่กับที่ โดยมีคุณหมอสาวผู้นำทางและร่างของบารอนนอนอยู่บนโต๊ะเหล็กลากเลื่อน
“ดูเหมือนว่าน้องจะเป็นสต๊อกโฮล์มนะคะ”
“หมายความว่ายังไง.....” ไมเคิลผุดลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ จัดเสื้อสูทให้เข้าที่เข้าทาง ใบหน้ากลับมาเรียบเฉยดังเดิม
“สต๊อกโฮล์ม ซินโดรม เป็นอาการทางจิตที่มักจะเกิดขึ้นกับเหยื่อที่ถูกจับตัวไป หากได้รับการดูแลที่ดีพอจากผู้ร้าย แทนที่จะโกรธแค้น กลับกลายเป็นเข้าข้าง สงสาร และเห็นพ้องไปด้วยกัน ซึ่งอาการของน้องเข้าข่ายที่ว่ามานั้น เพราะจากที่แอลฟังเมื่อครู่ ดูเหมือนว่าน้องจะเป็นสต๊อกโฮล์มค่ะบอส”
“การรักษา......” หมอสาวถอนหายใจเฮือก ก่อนจะส่ายหน้าไปมา
“ยังไม่แน่ชัดค่ะบอส นอกจากเวลา......” ไมเคิลหลับตาลงช้าๆ นิ่งไปชั่วครู่ แล้วจึงลืมตาขึ้นมาใหม่ พยักหน้าส่งให้ พยักพเยิดไปทางชายอีกคนที่นอนสงบนิ่งอยู่
“จัดการให้เรียบร้อย.....”
“เยส มายลอร์ด.......”
ไมเคิลเดินกลับมาที่รถอีกครั้ง พบว่ารถที่ตนนั่งมาถูกโรมีโอขับกลับบ้านไปก่อนแล้ว ตนจึงต้องขึ้นรถคุ้มกันที่เหลืออยู่อีก 3 คันนั้นแทน เพราะโรมีโอดึงไปช่วยคุ้มกันให้เอวาคันหนึ่ง ไมเคิลถอนหายใจแล้วก้าวเท้าขึ้นรถ ในหัวสมองครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรกับเด็กน้อยที่กำลังบึ้งตึงต่อตนเองดี
จวบจนกระทั่งมาถึงบ้าน ชายหนุ่มถามหาเด็กน้อยเจ้าของดวงใจ ได้ใจความว่าเดินร้องไห้เข้าไปในห้องนอน ไมเคิลพยักหน้ารับ กำลังจะเดินตามขึ้นไป กลับถูกหยุดยั้งไว้ด้วยร่างของคนๆ หนึ่ง นั่นก็คือโรมีโอที่ในมือกำของบางอย่างเอาไว้ ยื่นส่งให้
“นี่คือของๆ คุณบารอนครับ” ไมเคิลขมวดคิ้วเงยหน้าขึ้นมอง โรมีโอใบหน้าเรียบนิ่งสนิท แต่ในดวงตากลับมีประกายคุกรุ่นปรากฏอยู่จางๆ
“ผมได้มันมาตอนที่กลับจากโรงพยาบาล”
“อืม” ไมเคิลรับเอาของมาถือไว้ เปิดออกดูเล็กน้อย เห็นว่าส่วนใหญ่เป็นข้าวของส่วนตัวของบารอน แต่อะไรก็ไม่สะดุดตาเท่าตุ๊กตาเสือสีน้ำตาลตัวหนึ่งที่อยู่ด้านใน ไมเคิลลวงมือเข้าหยิบออกมาดูช้าๆ ยิ่งมองก็ยิ่งเข้าใจว่าของสิ่งนี้ไม่ใช่ของบารอน
ในตอนนั้นเองที่นึกถึงคำพูดของลูกน้องที่ตามดูแลเอวาในวันนั้น วันที่บารอนจับตัวเอวาไป จำได้รางๆ ว่าซื้อตุ๊กตาให้ตัวหนึ่ง......
ไมเคิลยืนนิ่งอยู่กับที่ กำลังชั่งใจคิดว่าจะเอาไปเผาทิ้ง หรือจะยอมปล่อยมันคืนสู่เจ้าของ แต่เมื่อนึกถึงสีหน้า แววตา และท่าทางของน้องน้อย ก็ต้องยอมหักใจ ถือตุ๊กตาตัวนั้นเข้าไปในห้องที่ปิดสนิท เสียงร่ำไห้ยังคงได้ยินอยู่อย่างต่อเนื่อง เอวาขดตัวเป็นก้อนกลมอยู่ในผ้าห่ม ไมเคิลขยับเข้าไปใกล้ ทิ้งตัวลงบนเตียง เอ่ยเรียกด้วยเสียงนุ่มทุ้ม
“ตัวเล็ก.....”
“ฮืออออ หนูยังไม่อยากคุยกับพี่จ๋า ฮืออออ” ไมเคิลแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมาเพียงชั่วครู่ ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
“ดูสิคะ พี่พาใครมา” พูดพร้อมกับวางเจ้าเสือน้อยไว้ตรงหน้า ทำให้เอวาค่อยๆ โผล่หน้าออกมาดู ยิ่งได้เห็นก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม ไมเคิลวางมือลงบนศีรษะนั้นลูบไล้มันแผ่วเบา
“ตัวเล็กรู้ไหมคะว่าตอนที่พี่รู้ว่าหนูหายไป พี่เจ็บแค่ไหน.....”
“ฮืออออ”
“หนูรู้ไหมคะว่าพี่ห่วงจนแทบบ้าเพราะใคร......”
“ฮึก!”
“หนูรู้ไหมคะว่าพี่กลัวแค่ไหน...... พี่กลัวว่าจะไม่ได้เจอตัวเล็กของพี่อีก.... พี่กลัวว่าพี่จะได้พบร่างแต่ไร้ลมหายใจ.... พี่กลัวว่าบาร์คจะพาตัวเล็กหนีไปไกลจากพี่.....”
“ฮือออออ”
“ตัวเล็กจะให้พี่จัดการกับความรู้สึกนั้นยังไงคะ จะให้พี่ทำยังไง...... ให้พี่เดินเข้าไปหาและบอกขอบคุณที่มันดูแลตัวเล็กให้พี่งั้นหรอคะ หรือว่าจะให้พี่เดินเข้าไปแล้วคุกเข่าขอบคุณที่มันยอมไว้ชีวิตตัวเล็กหรือเปล่า.....”
“ฮือออ พี่จ๋า.....”
“ยิ่งตอนที่มันส่งคลิปของตัวเล็กมาให้พี่ดู พี่ร้อนรนจนแทบบ้า พี่เห็นตัวเล็กกรีดร้องอย่างทรมาน ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา และยิ่งเห็นมันล่วงเกินตัวเล็กของพี่ที่เฝ้าถนอม หัวใจพี่แหลกสลาย...... ตัวเล็กจะให้พี่ทำยังไงคะ......”
“ฮึก! พี่จ๋า!!” เอวาสะบัดผ้าห่มออกไปจากตัว พุ่งเข้าใส่ไมเคิลในทันที สองมือเล็กเกลี่ยไล้น้ำตาออกไปจากใบหน้าหล่อเหลางดงามของคนเป็นพี่
แม้หยาดน้ำตาเพียงหยดเดียวที่ไหลริน กลับทำให้เอวารู้สึกเจ็บเป็นร้อยเท่าพันทวี พี่ชายของตนคนนี้แข็งแกร่งเสมอ ไม่เคยเสียน้ำตาให้ใครง่ายๆ แม้กระทั่งงานศพของบิดาตัวเองก็ยังไม่มีน้ำตาหลั่งให้ บัดนี้กลับน้ำตาไหลเพราะความอัดอั้นแทบระเบิดจากความเป็นห่วง ความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นจากการกระทำของบารอน และยังมีตนตอกย้ำความเจ็บปวดนั้นด้วยการปฏิเสธสัมผัส ปฏิเสธการพูดคุยหรือแม้แต่การมองหน้าของคนที่ดูแลตนมาทั้งชีวิต
“ฮืออออออ พี่จ๋า! หนูขอโทษ! ฮือออออ หนูขอโทษ” เอวากอดคอไมเคิลเอาไว้แน่น ไมเคิลกดจมูกลงกับกลุ่มผมนุ่ม แล้วขยับไปกดจูบหนักๆ ที่ขมับ
“พี่รักหนูนะคะตัวเล็ก...... หนูคือคนๆ เดียวที่สำคัญกับพี่..... แค่หนูเท่านั้นค่ะ” ไมเคิลกอดเด็กน้อยเอาไว้แน่น ถ่ายทอดทุกความรู้สึกผ่านอ้อมกอด เอวาซุกหน้าลงร้องไห้ เฝ้าพร่ำคำขอโทษเป็นร้อยๆ ครั้ง และไมเคิลเองก็กระซิบคำว่าไม่เป็นไรกลับไปเป็นร้อยๆ ครั้งเช่นกัน
ไมเคิลปลอบเอวาอยู่อย่างนั้นนานนับชั่วโมง จนในที่สุดเด็กน้อยก็หมดแรงแล้วหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ไมเคิลจัดท่าทางให้เด็กน้อยอย่างเอาใจใส่ ลูบศีรษะเล็กกล่อมนอนไปพลาง จนเมื่อมั่นใจว่าเอวาหลับไปแล้วจึงออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบ
ทันทีที่ประตูปิดลง ไมเคิลก็ยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้งไปด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปรายสายตามองโรมีโอที่ยืนอยู่ตรงหน้า มองเจ้านายของตนด้วยความตกใจ
“มีอะไร......”
“นี่บอส.... ร้องไห้?”
“เหลวไหล..... สติโรมีโอ.....” ไมเคิลเอ่ยปากพูดเสียงเย็น ต่างจากโรมีโอที่ยังคงทำหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็ยอมปล่อยผ่านแต่โดยดี แล้วเอ่ยธุระสำคัญขึ้นมาแทน
“เรื่องที่บอสสั่งไว้ ตอนนี้เรียบร้อยแล้วครับ”
“ดี...”
“บอสจะไปตอนนี้เลยไหมครับ?” ไมเคิลนิ่งคิดไปชั่วครู่ ก่อนจะส่ายหน้าไปมา เอ่ยปากพูดเสียงเนิบช้า
“ยังก่อน.... ตอนนี้.... ไปรอฉันที่ห้องโพธิ์แดง....” พูดจบก็หมุนกายหันหลัง โรมีโอค้อมกายเล็กน้อยคล้ายการคำนับ แล้วหมุนตัวเดินจากไป มุ่งตรงเข้าห้องของตัวเอง พึมพำพูดแผ่วเบาเพียงลำพัง
“ห้องโพธิ์แดง.......”
.
.
.
Ava Part
เช้าวันถัดมา
เอวาขยับตัวอย่างอึดอัดเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าตนไม่สามารถขยับไปไหนได้จึงลืมตาขึ้นช้าๆ สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือแผงอกแน่นๆ ของคนที่ตนคุ้นเคย มองเลยขึ้นไปอีกเล็กน้อยก็จะเห็นรอยสักลายมังกรที่ขดกันเป็นก้อนกลมตั้งแต่ลำคอไปจนถึงแผงอกกว้าง
เอวามองใบหน้าของคนเป็นพี่ และก็ซุกกายเข้าหาขออุ่นไอ ภาพของไมเคิลที่น้ำตาไหลยังคงติดตรึง ไม่อาจสะบัดหลุดได้โดยง่าย ทำให้เอวาหงอยเหงา ที่สาเหตุของน้ำตานั้นมาจากตน จนคล้ายว่าได้เห็นภาพมายาของลูกหมาตัวน้อยที่หางลู่หูตกอย่างน่ารักน่าชังในสายตาคนมอง
“เป็นอะไรคะ” ไมเคิลถามเสียงนุ่มทุ้มเฉกเช่นทุกที แต่ทำให้เอวาเงยหน้าขึ้นมอง ความแปลกใจเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่และจางหายไปอย่างรวดเร็ว เพราะไมเคิลเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว ชอบแอบเข้ามานอนกอดในห้อง แถมยังเป็นคนที่ความรู้สึกไวมากๆ อีกด้วย เพียงแค่ขยับตัวเล็กน้อย ไมเคิลก็ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว
“หนูทำพี่จ๋าร้องไห้.....”
“ใช่ค่ะ” เอวาหน้าเหวอ ด้วยไม่คิดว่าไมเคิลจะยอมรับอย่างง่ายดาย จากนั้นใบหน้าก็เริ่มเหงาหงอยลงตามลำดับ
“หนูขอ-”
จุ๊บ!
“พูดอีกพี่จะจุ๊บซ้ำนะคะ” ไมเคิลพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ริมฝีปากเจือด้วยรอยยิ้มบางเบา เอวากะพริบตาปริบๆ เงยหน้ามองด้วยความงุนงง
“หึหึ ไปค่ะ ไปอาบน้ำแต่งตัว พี่จะพาไปออกกำลังกาย”
“อื้อ” เอวาตอบรับกลับมาเบาๆ แล้วจึงค่อยๆ กระดึ๊บลงจากเตียง ไมเคิลเองก็ลุกตามไปติดๆ ถอดเสื้อผ้าของตนทิ้งไว้ตามรายทาง แล้วเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป เห็นน้องน้อยกำลังยืนถูตัวอยู่ในหมอกหนา เห็นเงาเลือนรางยั่วยวนให้เกิดอารมณ์
ไมเคิลก้าวเท้าเข้าไปยืนซ้อนที่ด้านหลัง จับดึงเอวบางเข้ามาไว้ในอ้อมแขน กระซิบเสียงพร่าข้างใบหูเล็ก และแย่งใยขัดตัวมาถือเอาไว้เอง
“พี่ช่วยค่ะ” ไมเคิลใช้ใยขัดตัวนั้นลูบไล้ไปทั่วเรือนกายของน้องน้อย อดไม่ไหวที่จะคลอเคลียไปพลางด้วยการกดจูบที่ลำคอและผิวแก้ม
“อื้อ” เอวาส่งเสียงในลำคอเล็กน้อยเมื่อรู้สึกจั๊กจี้ ก่อนจะต้องหยุดชะงักเมื่อ บางอย่าง ทิ่มแทงที่ต้นขาด้านใน เสียงลมหายใจหอบกระเส่าเคล้าคลออยู่ที่ข้างหู
“อะ อ่อ... พี่จ๋า...”
“ขา” ไมเคิลครางรับพร้อมกับประพรมจูบไปตามเนื้อตัวที่ชุ่มน้ำแผ่วเบา เอวาขบริมฝีปากเอาไว้แน่นอย่างชั่งใจ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเอ่ยปากบอกออกไปในที่สุด
“เจ้านั่นมันทิ่มหนู.....” พูดแล้วก็ปิดหน้าเอียงอาย เมื่อตนใช้นิ้วชี้ไปที่ส่วนนั้นของคนเป็นพี่ ไมเคิลมองท่าทางนั้นแล้วหลุดหัวเราะออกมา จนมันดังก้องไปทั่วห้องน้ำที่เกิดไอหมอกคุกรุ่น
“ปกติค่ะ มันเป็นทุกเช้า” ไมเคิลพูดพร้อมกับรูดสาวกลางกายต่อหน้าเด็กน้อยไปพลาง เอวาที่ลอบมองผ่านช่องของนิ้วมือดวงตาเบิกกว้าง ใบหน้าแดงก่ำอย่างไม่อาจควบคุม และสุดท้ายก็ต้องหันหนีออกไปอีกทาง ไม่กล้าหันกลับไปมาซ้ำอีก
“ของหนูก็เป็นนะคะ......” ไมเคิลขยับเข้ามาพูดข้างใบหู ก่อนจะจับลงที่กลางกายขนาดน่ารักสีชมพูอ่อน แล้วเริ่มต้นรูดรั้งไปมาจนเอวาบิดตัวเร้า
“อะ อื้ออ พี่จ๋า หยะ หยุด อ้ะ”
“ไม่อยากให้พี่ช่วยหรอคะ” ไมเคิลถามอย่างเย้าหยอก ถูปลายนิ้วมือเข้ากับส่วนปลายฉ่ำน้ำไปมา แต่ไม่ยอมขยับฝ่ามือ
“อ้ะ อื้อออ พี่จ๋า.....”
“ตัวเล็กรู้สึกยังไงคะ ดีรึเปล่า”
“อื้อออ ดี อะ พี่จ๋า... หนูเสียว อืออออ” เอวาบิดตัวไปมา และขยับบดสะโพกเข้าที่ท้องน้อยของไมเคิลไปมา ชายหนุ่มก้มลงมองช่องทางสีหวานฉ่ำที่อ้าขยายออกเล็กน้อย ใบหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียม ความรุ่นโกรธเริ่มปะทุ ขยับมือแรงขึ้น หนักขึ้น จนเด็กน้อยดิ้นเร้าคล้ายคนจะขาดใจ
จนสุดท้ายเอวาก็ปลดปล่อยออกมาเต็มฝ่ามือใหญ่ เอนตัวหอบหายใจพิงอกคนเป็นพี่ ไมเคิลคลอเคลียไม่ห่างจุ๊บลงที่ข้างแก้ม จัดการอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวให้น้องน้อยอย่างตั้งใจ แล้วดันให้ออกจากห้องน้ำ เอ่ยปากบอกเสียงนุ่มทุ้ม
“ไปแต่งตัวนะคะ เดี๋ยวพี่ตามออกไป” เอวาพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะวิ่งฉิวออกจากห้องน้ำไป ไมเคิลเก็บคืนใบหน้าอ่อนโยนราวเทพบุตร แปรเปลี่ยนเป็นความกรุ่นโกรธคั่งแค้นคล้ายซาตานลงมาจุติ ซัดหลังมือชกลงที่กำแพงสุดแรงจนหยาดโลหิตไหลออกมาเป็นทาง
“บารอน.......” ไมเคิลกัดฟันข่มอารมณ์ ความวาบหวามที่เกิดขึ้นกับน้องน้อยเมื่อครู่อันตรธานหายไป เหลือเพียงไฟแค้นที่อัดแน่นอยู่ในอกหาทางระบายออกไม่ได้ ก่อนที่ชายหนุ่มจะสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามควบคุมสติและอารมณ์ของตนเองให้กลับมาสงบเรียบนิ่ง
ไมเคิลจัดการอาบน้ำด้วยความเร่งรีบ และออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดคลุมของเอวา เห็นเด็กน้อยกำลังใช้สายสีขาวมารัดเข้าที่เอวจึงขยับเข้าไปช่วยและสอนผู้ให้ จนกระทั่งเสร็จเรียบร้อยดี จึงผุดลุกขึ้น ยีศีรษะเล็กนั้นเบาๆ
“รอพี่ก่อนนะคะ” เอวาพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย จับชุดของตนพลิกไปพลิกมาอย่างสนใจ ไมเคิลยกยิ้มมุมปาก เดินกลับเข้าห้องของตน สวมใส่ชุดแบบเดียวกัน แต่สายคาดเอวนั้นเป็นสีดำสนิททั้งแถบ ก่อนจะเดินออกมาหาน้องน้อย จับจูงมือเล็กแล้วพากันลงไปที่ด้านล่าง เข้าไปทานอาหารเช้าที่ถูกเตรียมไว้
หลังจากทานเสร็จจึงพากันเดินไปที่สวนหลังบ้านอันเป็นสนามหญ้ากลางแจ้ง เมื่อมาถึงก็เห็นว่าโรมีโอเองก็สวมใส่ชุดแบบเดียวกัน ที่พื้นมีการปูฟูกนุ่มนิ่มรอไว้ รอบกายรายล้อมด้วยบอดี้การ์ดชุดดำที่รายล้อมตัว ไมเคิลขยับไปยืนอยู่ตรงกลาง ส่งยิ้มให้น้องน้อย พยักหน้าเรียกเบาๆ
“ออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายก่อนนะคะ” ไมเคิลพูดด้วยรอยยิ้ม หันไปทางโรมีโอ มองสบตากันเพียงชั่วครู่ โรมีโอก็ขยับมายืนข้างกาย ของเด็กน้อย ทำให้เอวาไม่รู้สึกเขินอายมากนัก ไมเคิลเป็นคนนำทีมในการออกกำลังกาย ทำการยืดเส้นยืดสายเรียกเหงื่อ หลังจากนั้นจึงเอ่ยปากอธิบายให้น้องน้อยเข้าใจถึงการกระทำ
“พี่จะสอนตัวเล็กเรียนศิลปะการป้องกันตัวค่ะ จากเรื่องที่บา..... จากเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้พี่กลัวมากค่ะ อย่างน้อยๆ พี่อยากให้ตัวเล็กเอาตัวรอดได้ในยามที่สถานการณ์คับขัน อดทนหน่อยนะคะ”
“อื้อ” เอวาตอบรับอย่างว่าง่าย โรมีโอหันมามองเล็กน้อยเผยรอยยิ้มบางเบาแววตาประกายอ่อนโยน
หลังจากนั้นไมเคิลจึงสอนท่าพื้นฐานในการป้องกันตัวให้น้องน้อยก่อน เช่นการบิดข้อมือเมื่อยามที่ถูกจับข้อมือโดยไม่เต็มใจ การป้องกันตัวเมื่อถูกโอบไหล่หรือจิกกระชากเส้นผม และท่าที่สำคัญที่ขาดไม่ได้คือท่าที่โดนคนร้ายนอนทับและบีบคอหรือจับตามเนื้อตัวส่วนบน
กว่าที่เอวาจะสอบได้ในแต่ละท่า ทำเอาโรมีโอเหงื่อตกไปเยอะ ใบหน้าดูซีดเซียวอ่อนแรง เหงื่อกาฬไหลโซมกาย จนเอวาต้องหันมาร้องถามด้วยความเป็นห่วงว่าชายหนุ่มไหวหรือไม่ อีกทั้งเอวาเองยังงอแงเล็กๆ ว่าไม่อยากฝึกแล้ว ทั้งเหนื่อยและร้อน แต่ไมเคิลยังคงยืนยันคำเดิมในการฝึกฝน ที่ทำทั้งหมดนั้นก็เพื่อความปลอดภัยของน้องน้อยเอง
ทำให้เอวาปิดปากฉับ เดินไปตบไหล่โรมีโอแปะๆ อย่างเข้าอกเข้าใจถึงความเหนื่อยล้า โรมีโอเพียงส่งยิ้มมาให้ แต่ไม่ได้ปริปากบ่นอะไรออกไปสักคำ
จนกระทั่งเอวาสอบผ่านท่านพื้นฐานในการป้องกันตัวก็เป็นเวลาสายของวัน ไมเคิลอนุญาตให้ทานขนมหวานรองท้องขณะรอทานอาหารเที่ยง แล้วจึงให้ไปอาบน้ำใหม่อีกครั้งล้างคราบเหงื่อไคล ทำให้เด็กน้อยหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง นั่งทานขนมอยู่ที่ด้านข้างของคนพี่อย่างสบายอกสบายใจ ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ ไมเคิลมองท่าทางนั้นด้วยความแปลกใจ หรี่ตามองจ้องก่อนจะเอ่ยถ้อยคำออกไป
“เป็นอะไรไปคะตัวเล็ก”
“พี่จ๋า..... บาร์คเขา.... จัดงานศพวันไหนหรอ” ไมเคิลกับโรมีโอพากันชะงักไปทั้งคู่ ไมเคิลแสดงสีหน้าครุ่นคิด เอ่ยตอบอย่างไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก
“พี่ก็ไม่แน่ใจค่ะ ไม่รู้ว่าทางนั้นเขาคิดจะจัดเมื่อไหร่ คงแล้วแต่บาร็อคน่ะค่ะ” เอวาพยักหน้าหงึกๆ เอ่ยบอกเสียงอ่อย
“หนูอยากไปงานเขา....... ได้ไหม.....” ไมเคิลนิ่งไปเมื่อได้ยินคำขอนั้น เอวาช้อนสายตาขึ้นมองแล้วเอ่ยออกมาเพียงหนึ่งคำ
“นะ....”
“ค่ะ.... ไว้พี่รู้แล้วพี่จะบอกนะคะ”
“อื้อ” เอวาระบายยิ้มบางๆ ขณะคิดถึงใครอีกคน คนที่ไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว...
Michael Partตึกตึกตึกเสียงรองเท้าคัทชูสีดำเงาวับดังสะท้อนก้องไปทั่วพื้นที่ท่ามกลางความมืดมิดที่มีแสงจันทร์และแสงดาวรำไรชายรูปร่างสูงโปร่งเดินนำทางอยู่ด้านหน้า ที่ด้านหลังมีเจ้านายหนุ่มเดินตามมาเงียบๆ เงาดำทะมึนแผ่ขยายไปทั่วจนคนนำทางเหลือบมองเล็กน้อยอย่างกังวลใจ โรมีโอนำทางไมเคิลไปที่ชั้นดาดฟ้าที่ถูกตกแต่งใหม่ตามคำสั่งของไมเคิลที่ด้านบนของคฤหาสน์ชั้นดาดฟ้า มีการสร้างกำแพงล้อมรอบเอาไว้ด้วยอิฐสีดำสนิท ทำให้กลางวันดูดความร้อนจนอบอ้าวคล้ายเตาอบขนาดใหญ่ กลางคืนก็หนาวเย็นเกินจะต้านทาน ที่ด้านบนเป็นลูกกรงขนาดใหญ่ซึ่งมีกระจกกันกระสุนแบบสั่งทำพิเศษถูกติดตั้งไว้ นอกจากนี้แล้วยังเป็นจุดรวมแสงยิ่งทำให้แผดเผาจนอาจก่อให้เกิดประกายความร้อนโรมีโอไขกุญแจที่สั่งทำพิเศษเพื่อใช้กับห้องนี้โดยเฉพาะและเปิดเข้าไปช้าๆ เผยให้เห็นร่างของชายคนหนึ่งที่กำลังถูกตรึงรั้งด้วยโซ่เส้นใหญ่ที่ห้อยลงจากจุดกึ่งกลางของลูกกรง และนอกจากนี้ที่ด้านข้างกำแพงยังมีชายอีกคนที่ถูกบังคับให้นั่งลงข้างๆ หันมองคนที่กึ่งกลางห้องนั้นอย่างบังคับอยู่ในที เพราะมีสายรัดล็อกศีรษะ บังคับไม่ให้หันหน้าหนีไปทางอื่นไมเคิลเดินไปทรุดตัวนั่งลงบ
ดวงตากลมโตที่บวมช้ำทอดมองคนบนเตียงที่ยังคงหายใจเข้าออกสงบนิ่ง แผ่นอกกระเพื่อมไหวตามจังหวะการหายใจ ฝ่ามือใหญ่ถูกเกาะกุมไว้ด้วยมือเล็กที่จับกระชับเอาไว้มั่น เรือนผมสีแดงของชายหนุ่มระไปกับหมอน ใบหน้าทรุดโทรมหมองคล้ำ ร่างกายซูบผอมจนเห็นซี่โครงได้อย่างชัดเจน ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยผ้าพันแผลอยู่หลายแห่ง ที่ข้อแขนมีสายน้ำเกลือถูกเสียบคาไว้เอวานั่งมองคนบนเตียงอย่างเหม่อลอย เมื่อได้ฟังคำเฉลยที่มาจากผู้ช่วยคนสนิทของพี่ชายที่เผยออกมาจนหมดเปลือก“บอสฉีดยาที่มาจากสารสกัดของคลอสตริเดียมให้กับคุณบารอนครับ ส่งผลให้เป็นอัมพาตชั่วคราว แม้ว่าจะใช้เพียงน้อยนิดก็ตาม หลังจากนั้นก็ส่งคุณบารอนไปรอคุณหนูที่ห้องดับจิตในสภาพที่เย็นจัดครับ....”เอวาได้ยินก็ถึงกับหลั่งน้ำตา ความสงสารก่อเกิดภายในจิตใจหลังจากที่ไมเคิลหันหลังเดินจากไป และเอวาก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก แต่ถึงกระนั้นเด็กน้อยก็ใช้เวลาไม่นานนักในการตั้งสติ และออกคำสั่งให้โรมีโอปล่อยคนทั้งคู่ออกมา หากแต่ชายหนุ่มกลับทำมากกว่านั้น ด้วยการประสานงานกับทีมแพทย์และรายการสภาวะต่างๆ ของคนทั้งคู่ให้ฟังอย่างละเอียด ร่วมถึงปริมาณในการได้รับสารเสพติดและยาชนิดอื่นๆ ที่ใ
Ava Partตอนนี้เอวากำลังนั่งมองคนบนเตียงด้วยอาการเหนื่อยอ่อน เหงื่อผุดซึมทั่วใบหน้าหวานล้ำ เสื้อสีฟ้าอ่อนเปียกชื้นแนบไปกับลำตัวบาง สาเหตุมาจากคนที่กำลังนอนหลับพักผ่อน ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ แต่แขนและขาถูกจับมัดตรึงเอาไว้แน่น…..อยากยา......นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับบารอน ชายหนุ่มมีอาการคลุ้มคลั่งและทำลายข้าวของ เอวาพยายามที่จะเข้าไปหยุดยั้งการกระทำนั้นและพยายามที่จะดึงสติของบารอนให้กลับมาดังเดิม และผลสุดท้ายจบลงที่การทำร้ายร่างกายเด็กตัวเล็ก ข้าวของกระจัดกระจายไปทั่วห้อง จนบอดี้การ์ดต้องกรูกันเข้ามาจับกุม กดบารอนลงกับพื้นโดยไม่สนใจบาดแผลตามตัวแม้แต่น้อยเพียงไม่นานหลังจากนั้นบุรุษพยาบาลก็มาฉีดยานอนหลับเพื่อให้หมดสติลง จับมัดแขนและขาเอาไว้แน่นหนา ป้องกันการเกิดเหตุแบบนั้นอีก เอวานั่งหน้าเศร้าอยู่ที่ด้านข้าง หันไปถามหาเหตุผลจากหมอสาวประจำกายและผู้ที่เป็นเจ้าของไข้อย่างต้องการคำตอบ“ทำไมถึงเป็นนั้นครับ.... เมื่อคืนเขายังดีๆ อยู่เลย...”“เมื่อคืนเขาน่าจะยังพอมีสติอยู่บ้างค่ะ แต่พอขาดยาไปนาน.... ก็เลยแสดงออกในลักษณะนั้น คงจะต้องเข้าสู่การบำบัดต่อไป” แอลพูดตามตรงอย่างไม่ปกปิด เอวาอดที่จะเอ่
Michael Partเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์แล้วที่ไมเคิลออกเดินทางมาจัดการธุระของตน ชายหนุ่มกำลังนั่งกอดอกมองหน้าจอมอนิเตอร์ที่รายล้อมตัวด้วยสีหน้านิ่งๆ โรมีโอวางแก้วชาหอมกรุ่นลงตรงหน้า พร้อมกับแก้วทรงสวยที่ใส่พานาค้อตต้าและขนมทีรามิสุไว้คู่กันไมเคิลปรายตามองเล็กน้อยแต่ไม่ได้ให้ความสนใจกับสิ่งเหล่านั้น ดวงตาสีเฮเซลนัทเลื่อนกลับไปมองที่หน้าจออีกครั้ง มองหน้าจอที่ขึ้นกะพริบเป็นดวงๆ กระจายกันไปอย่างครุ่นคิดสาเหตุที่เขาต้องมาอยู่ตรงนี้เพราะองค์ราชินีทรงโปรดให้เข้าเฝ้า ทำให้ไมเคิลต้องตัดใจออกจากห้องของน้องน้อยที่ตนเก็บตัวเงียบมาหลายวัน แล้วแต่งชุดประจำกายพร้อมประดับยศเพื่อเข้าเฝ้าพระนางจากการพูดคุยครั้งก่อนหน้าที่ถูกขัดจังหวะเพราะเด็กน้อยหายตัวไป ทำให้ไมเคิลละทิ้งหน้าที่มาออกตามหาดวงใจของตน พระองค์ไม่ได้รับสั่งตำหนิอะไร ทั้งยังพูดอย่างเข้าอกเข้าใจ แต่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ลุกลามไปจนยากเกินแก้ ถึงได้มีคำสั่งให้ไมเคิลลงมาดูด้วยตนเอง และนั่นทำให้ชายหนุ่มต้องจากมาทั้งที่ไม่เต็มใจ แต่หน้าที่ค้ำคอไว้ยากที่จะปฏิเสธ“สืบได้รึยัง.......” ไมเคิลเอ่ยถามกับคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเสียงนิ่ง โรมีโอขยั
Michael Partตอนนี้ผ่านมาครบหนึ่งเดือนแล้วที่ไมเคิลต้องมาอยู่ต่างเมืองแบบนี้ ใบหน้าของไมเคิลเคร่งขรึมต่างจากวันแรกๆ มากมายนักสาเหตุนั้นก็เป็นเพราะน้องน้อยเจ้าของดวงใจยังคงไม่ยอมกลับบ้าน การโทรมาหาในครั้งนั้นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีเรื่องของหุ้นของบาลักซ์ที่ถูกถอนออกไปจนหมด ทำให้ต้องอัดฉีดเงินตราเข้าไปเป็นจำนวนมาก เร่งหาคนมีความสามารถเข้ามาแทนที่ คอยเสริมในส่วนที่ขาด และเรื่องที่ละเลยไม่ได้เลยก็คือเรื่องการก่อสงครามระหว่างองค์กรกับประชาชนที่เป็นเหตุให้เขาต้องอยู่ที่นี่ดวงตาสีทองเรืองรองคมกล้า กดสายตามองต่ำนั่งไขว่ห้างเหมือนนั่งอยู่บนบัลลังก์อันสูงส่ง ที่บนตัวนั้นมีเสื้อคลุมสีดำสนิทปักลายดิ้นสีทองรูปลายมังกรคำรามเช่นเดียวกันกับรอยสักที่ลำคอกลายเป็นภาพที่คุ้นเคยของผู้พบเห็น แต่ไม่ใช่สำหรับนักวิจัยสาวที่กำลังนอนหอบหายใจแรงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความทรมาน“นักวิจัยที่ติดเชื้อเสียเอง.......” ไมเคิลยกยิ้มเยาะเย้ยส่งให้กับหญิงสาวที่มีเลือดไหลซึมตามรูขุมขน ดวงตาทั้งสองข้างสีแดงก่ำ และมีหยาดโลหิตไหลอาบทั่วร่าง“ให้ทุกข์แก่ท่าน..... ทุกข์นั้นถึงตัว....” ไมเคิล
“นั่ง......” น้ำเสียงดุดันเอ่ยออกมาเรียบนิ่งดุจคลื่นยักษ์ใต้มหาสมุทรกว้าง เอวากัดริมฝีปากอย่างกังวล ขยับจะไปนั่งบนโซฟาข้างๆ พี่ชายอย่างกล้าๆ กลัวๆ“ที่พื้น....” น้ำเสียงทรงอำนาจของไมเคิลทำให้เอวาชะงัก เงยหน้ามองคนเป็นพี่ด้วยความน้อยใจ หากแต่เห็นเพียงความเงียบนิ่งไร้แววใดปรากฏเอวาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วทรุดตัวนั่งลงบนพื้นอย่างช้าๆ โดยที่มีโรมีโอมองตามไม่ละสายตาจากทางด้านหลังคนที่เป็นเจ้านายจนเมื่อเอวานั่งเรียบร้อยแล้ว ไมเคิลก็โน้มตัวมาข้างหน้า ใช้มือจับปลายคางเล็กให้เงยหน้าขึ้น มองจ้องนิ่งๆ ไม่ปริปากพูดคำใดความอึดอัดแผ่กระจายไปทั่ว จนเอวากลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดกลัว พลางคิดไปถึงชั่วโมงก่อนหน้า ระหว่างเดินทางกลับบ้านของตน......บนรถที่วิ่งด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ความเงียบครอบงำจนน่าอึดอัดใจ โรมีโอเหลือบสายตามองเจ้านายทั้งสองคนที่ด้านหลังอยู่เงียบๆ ไม่พูดอะไรออกมา ไมเคิลนั่งไขว่ห้างกอดอก ดวงตามองตรงไม่แม้จะสนใจเด็กน้อยที่นั่งข้าง ความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากคนเป็นพี่ ทำให้เอวาไม่กล้าคุยเล่นหยอกด้วยเหมือนแต่ก่อน ทำได้เพียงนั่งชิดติดประตูฝั่งหนึ่ง พยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเพื่อไม่ให้คนพี่ข
Ava Partตอนนี้เด็กตัวเล็กกำลังนั่งมองพี่ชายที่กำลังเดินออกจากห้องไปตาละห้อย ริมฝีปากเล็กเอ่ยพึมพำออกมาแผ่วเบา หากแต่คนอยู่ข้างกายตลอดเวลาอย่างโรมีโอก็ยังคงได้ยินชัดเจน“แต่พี่จ๋าบอกว่าจะอยู่กับหนู.......” ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มหงอยเหงาและมีความกลัวปะปนแฝงไว้อยู่ ทำให้คนมองใจอ่อนยวบ ขยับเข้าไปข้างกาย กำลังจะอ้าปากถามกับคุณหนูของตน ก็เป็นอันต้องหยุดชะงัก เมื่อเจือน้ำเสียงทุ้มต่ำเรียบนิ่งของคนเป็นนายเรียกเร่งเร้า“โรม.......” โรมีโอมองสลับไปมาระหว่างเจ้านายของตน และคุณหนูคนเล็กของบ้าน ก่อนจะต้องตัดใจเดินออกมาเพราะมีสายตาคมกล้าคอยเสียดแทง ดึงนั้นแล้วผู้ช่วยหนุ่มจึงจำใจหยิบกระเป๋าเอกสาร แล้วเดินตามเจ้านายไปติดๆ แต่กระนั้นก็ยังอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองคุณหนูของตน ก่อนที่ประตูรถยนต์จะปิดลงและเคลื่อนตัวออกจากบ้านไปเอวามองตามหลังรถคันหรูตาละห้อย ก่อนจะกระโดดลงจากเก้าอี้ เดินกลับเข้าห้องของตน จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นชุดที่กระชับเข้ารูป แล้วมุ่งตรงไปที่ทิศทางหนึ่งเพื่อออกกำลังกายเอวาใช้เวลาออกกำลังกายอยู่ครู่ใหญ่ จนกระทั่งมีเมดสาวเข้ามาตามว่าคุณหมอมาถึงแล้ว เด็กน้อยถึงยอมเดินกลับเข้าห้องตัวเอง แ
...“พี่จ๋า......” เอวาครางในลำคอ กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ตรงหน้าปรากฏชายคนหนึ่งที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาคมกล้าที่มองสบมาทำให้เอวาก้มหน้าหลบด้วยความหวาดกลัว“กลับ” ไมเคิลพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะหมุนตัวหันหลังเดินกลับไปทันที น้ำเสียงและท่าทีเฉยชาของไมเคิล ทำให้เอวารู้สึกตัวหดเล็กลงอย่างช่วยไม่ได้ เด็กน้อยหันไปเหลือบมองบารอนที่ยืนอยู่ด้านข้าง ชายหนุ่มทำเพียงกุมมือเล็กเอาไว้แน่นหนา ยกมือเล็กขึ้นจรดริมฝีปาก กล่าวอย่างหนักแน่น“รอพี่นะคะ” เอวาสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปทิศทางที่พี่ชายของตนเดินไป ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะหันมามองหรือยืนรอกันเช่นแต่ก่อน นั่นยิ่งทำให้เอวารู้สึกหวั่นใจและกลัวเกรงอยู่ลึกๆเด็กน้อยสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะก้าวขาเดินตามไปตามทิศทางที่บอดี้การ์ดกั้นเอาไว้ให้ เอวาพยายามสาวเท้าก้าวตามให้ทันคนเป็นพี่ชาย จนเมื่ออยู่ในระยะที่สามารถเอื้อมถึง เด็กน้อยก็สอดมือเข้าไป จับประสานกุมกับมือใหญ่เอาไว้อย่างที่เคยทำ ไมเคิลปรายตามองเล็กน้อย ก่อนจะดึงมือออก แล้วก้าวเดินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่การกระทำนั้นทำให้เอวาชะงัก หยุดยืนอยู่กับที่ ก้มมองมือของตนเองที่ว
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา