ดวงตากลมโตที่บวมช้ำทอดมองคนบนเตียงที่ยังคงหายใจเข้าออกสงบนิ่ง แผ่นอกกระเพื่อมไหวตามจังหวะการหายใจ ฝ่ามือใหญ่ถูกเกาะกุมไว้ด้วยมือเล็กที่จับกระชับเอาไว้มั่น เรือนผมสีแดงของชายหนุ่มระไปกับหมอน ใบหน้าทรุดโทรมหมองคล้ำ ร่างกายซูบผอมจนเห็นซี่โครงได้อย่างชัดเจน ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยผ้าพันแผลอยู่หลายแห่ง ที่ข้อแขนมีสายน้ำเกลือถูกเสียบคาไว้
เอวานั่งมองคนบนเตียงอย่างเหม่อลอย เมื่อได้ฟังคำเฉลยที่มาจากผู้ช่วยคนสนิทของพี่ชายที่เผยออกมาจนหมดเปลือก
“บอสฉีดยาที่มาจากสารสกัดของคลอสตริเดียมให้กับคุณบารอนครับ ส่งผลให้เป็นอัมพาตชั่วคราว แม้ว่าจะใช้เพียงน้อยนิดก็ตาม หลังจากนั้นก็ส่งคุณบารอนไปรอคุณหนูที่ห้องดับจิตในสภาพที่เย็นจัดครับ....”
เอวาได้ยินก็ถึงกับหลั่งน้ำตา ความสงสารก่อเกิดภายในจิตใจ
หลังจากที่ไมเคิลหันหลังเดินจากไป และเอวาก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก แต่ถึงกระนั้นเด็กน้อยก็ใช้เวลาไม่นานนักในการตั้งสติ และออกคำสั่งให้โรมีโอปล่อยคนทั้งคู่ออกมา หากแต่ชายหนุ่มกลับทำมากกว่านั้น ด้วยการประสานงานกับทีมแพทย์และรายการสภาวะต่างๆ ของคนทั้งคู่ให้ฟังอย่างละเอียด ร่วมถึงปริมาณในการได้รับสารเสพติดและยาชนิดอื่นๆ ที่ใช้ ทั้งหมดนั้นถูกควบคุมดูแลด้วยคนของไมเคิลเองทั้งสิ้น
การดูแลรักษาอาการทั้งหมดตกอยู่ภายใต้การดูแลของแอล หมอสาวประจำองค์กรที่ทำงานอยู่ภายในโรงพยาบาลในเครือของไมเคิล ทำให้ทุกการรักษาถูกปกปิดเป็นความลับ และมีการดูแลแขก VIP นี้เป็นอย่างดี ไม่มีขาดตกบกพร่อง และยิ่งมีคุณหนูเล็กของบ้านอยู่ด้วยแล้วการดูแลรักษาความปลอดภัยก็ยิ่งเข้มงวด
เอวารู้สึกตัวเมื่อมีใครบางคนขยับเข้ามายืนข้างกาย ทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นมอง และได้เห็นว่าเป็นหมอสาวที่เป็นแพทย์ประจำตัวของบารอน เข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อย หมอหญิงส่งยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยบอก
“พี่ชื่อแอลนะคะ บอสพึ่งจะโอนย้ายตัวเล็กให้มาอยู่ในการดูแลของพี่”
“ครับ.....” เอวาตอบรับกลับไปแผ่วเบาโดยไม่ได้พูดอะไร
“พี่ตรวจสอบประวัติของตัวเล็กแล้วนะคะ พบว่าจากเรื่องครั้งก่อนมีการเบิกเลือดในคลังไปใช้ ตัวเล็กต้องหาเวลาเข้ามาบริจาคเก็บไว้ด้วยนะคะ”
“ตอนนี้เลยได้ไหมครับ” เอวาเอ่ยถามพร้อมเงยหน้าขึ้นมอง แอลยกมือขึ้นลูบดวงตากลมโตเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบ
“จะบริจาคเลือดได้สุขภาพร่างกายต้องพร้อมนะคะ ดูซิ ไม่ได้นอนมากี่วันแล้ว หน้าซีดแถมดวงตายังช้ำอีก เอาไว้พร้อมแล้วค่อยมานะคะ” พูดพร้อมลูบศีรษะเล็กไปพลาง เอวาจึงพยักหน้ารับและหันกลับไปมองทางเดิม กัดริมฝีปากเล็กน้อยอย่างกังวลใจ
“เขา.... เป็นยังไงบ้างครับ.....”
“อาการตอนนี้ดีขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ แต่ยังคงให้ทานอาหารไม่ได้ ต้องค่อยๆ ปรับสภาพภายในก่อน แถมยังต้องคอยระวังเรื่องอาการอยากยาอีกด้วย คิดว่าถ้าตื่นขึ้นมาคงอาละวาดน่าดูเลยค่ะ” เอวาได้ยินแบบนั้นก็หน้าเศร้าลง
“เพราะพี่จ๋า......” หมอสาวหันมองคนตัวเล็กที่กำลังนั่งเม้มปากแน่น ดวงตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา
“บอสเขาทำไปเพราะเขารักนะคะ ถึงวิธีการของเขาจะไม่ถูกก็เถอะ.....”
“.....”
“ไม่เป็นไรนะคะ อีกไม่นานน่าจะฟื้นแล้วค่ะ” เอวาพยักหน้ารับ หลังจากนั้นหญิงสาวจึงขอตัวไปดูชายชราที่ห้องข้างๆ กันเป็นลำดับถัดไป เอวานั่งอยู่ในห้องนั้นเงียบๆ เพียงลำพัง มีแค่เสียงลมหายใจเข้าออกของตนเองและคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เวลาผ่านไปเชื่องช้าจากเมื่อคืนนี้ล่วงเข้าสู่เช้าวันใหม่ และวกกลับมาที่ตอนกลางคืนอีกครั้ง ชายหนุ่มก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น
ในระหว่างวันนั้นโรมีโอสั่งให้บอดี้การ์ดคอยดูแลเขาไม่ให้คลาดสายตา และคอยรายงานความคืบหน้าทุกๆ 1 ชั่วโมง ในขณะที่โรมีโอเข้าบริษัทไปจัดการงานต่างๆ แทนไมเคิลที่เก็บตัวเงียบ ขังตัวเองไว้ในห้องนอน
เอวาอยากจะกลับบ้านไปหาพี่ชายของตนเพื่อขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป แต่ความเป็นห่วงคนที่นอนหลับอยู่นี้ก็มีมากเช่นกัน ความเป็นตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม ขอเพียงให้อีกฝ่ายฟื้นขึ้นจากนิทรา สามารถพูดคุยและรับรู้เรื่องราวต่างๆ รอบกายได้เป็นปกติ เอวาจะรีบมุ่งตรงกลับบ้านทันที
จวบจนกระทั่งยามค่ำคืนมาถึง โรมีโอมาหาเด็กน้อยที่โรงพยาบาล และหมายมั่นว่าจะต้องรับกลับบ้านไปด้วยกัน หากแต่เอวายืนยันที่จะนอนค้างที่นี่ และไม่ยอมกลับจนกว่าบารอนจะฟื้น แม้จะถกเถียงอยู่นาน แต่สุดท้ายเอวาก็เป็นฝ่ายชนะ โรมีโอสั่งให้คนนำข้าวของเครื่องใช้จำเป็นต่างๆ ของคนตัวเล็กมาตระเตรียมเอาไว้ให้พร้อมสรรพ รออยู่จนกระทั่งถึงเวลาเข้านอนของคุณหนูของตน จึงยอมล่าถอยกลับไป
เอวาที่นอนพักอยู่บนเตียงนอนของผู้เฝ้าไข้ ขยับตัวอย่างอัดอึดหลังจากหลับลงไปได้ไม่นาน จนต้องส่งเสียงครางด้วยความรำคาญใจพร้อมกับพลิกตัวหนี
“อื้อออออ” เด็กน้อยขมวดคิ้วหมุน แม้จะนอนกับไมเคิลมาหลายครั้ง แต่คนเป็นพี่ไม่เคยยุ่งวุ่นวายมากถึงเพียงนี้ มีบ้างที่หอมแก้ม กดจูบตามเนื้อตัว แต่ก็ไม่เคยหนักถึงขนาดรบกวนการพักผ่อน เอวาปรือตาขึ้นช้าๆ ส่งเสียงครางแผ่ว
“พี่จ๋า... อย่าแกล้งหนู....” พูดจบก็หลับลงไปอีกครั้ง แต่ก็ถูกฉุดรั้งด้วยเสียงนุ่มทุ้มที่คุ้นเคย
“ตัวเล็ก......” เอวาลืมตาเบิกโพลง หันไปมองคนที่คร่อมทับกาย เห็นเรือนผมสีน้ำตาลแดงกำลังซุกไซร้อยู่ที่แผ่นอก
“อ๊ะ!” เอวาผวาเฮือก เมื่อปลายลิ้นอุ่นร้อนไล้เลียยอดอกสีหวาน ตวัดลิ้นวนเลียไปมาอย่างหิวกระหาย เอวาเผลอตัวแอ่นอกเข้าหาและบิดกายด้วยความเสียวซ่านที่ปะทุกะทันหัน
“ตัวเล็ก ตัวเล็ก อ่า..... ตัวเล็ก....” บารอนบีบขย้ำเนื้อตัวของเด็กน้อยไปทั่วกายจนขึ้นรอยแดง ปลายลิ้นร้อนตวัดเลียไปทั่วทุกพื้นที่ กางเกงนอนที่สวมใส่ถูกดึงรั้งออกไปตอนไหนไม่อาจรู้ได้ ปลายนิ้วสอดแทรกเข้าสู่ช่องทางที่ฝืดเคือง จนเด็กน้อยดิ้นเร้าไปมาด้วยความทรมาน
“จะ เจ็บ ฮึก! หนูเจ็บ” เอวาพูดพร้อมกับสะบัดหน้าไปมาอย่างทรมาน สองมือน้อยถูกยกขึ้นจิกกำกับบ่ากว้าง บารอนกระซิบเสียงพร่าข้างใบหู
“พี่จะไปช้าๆ นะคะ” พูดพร้อมประพรมจูบไปทั่วใบหน้าเล็กจิ้มลิ้ม เอวาพยักหน้าหงึกๆ รับ ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกายตนเอง เด็กน้อยช้อนสายตาขึ้นมอง เห็นดวงตาสีน้ำตาลแดงมองสบมายังตน เห็นใบหน้าที่เคยหล่อเหลาบัดนี้ซูบซีดไม่เหลือเค้าเดิม ไหนจะบาดแผลที่มีอยู่ตามเนื้อตัวนั่นอีก เพราะการขยับตัวของอีกฝ่ายทำให้แผลปริแตก และเกิดรอยเลือดซึมให้เห็น
เอวาดิ้นรนหนีออกจากปลายนิ้วร้ายที่กำลังรุกล้ำร่างกายอย่างถือสิทธิ์ ใช้มือยันแผงอกกว้างเอาไว้แทน แต่ไม่ลงแรงมากนัก เพราะกลัวจะไปกดทับแผลที่เป็นอยู่ในตอนนี้ บารอนขมวดคิ้วหมุนอย่างขัดใจ ขยับตัวตามมาติดๆ แต่เอวาก็ถอยหนีอีกเช่นกัน
“ไม่!!!” เด็กน้อยร้องปฏิเสธเสียงดัง ทำให้บารอนชะงัก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณหนูครับ เรียบร้อยดีไหมครับ” เสียงของบอดี้การ์ดหน้าห้องขยับเข้ามาเคาะประตูถามในทันทีที่เด็กน้อยแผดเสียงร้องตะโกน เอวาหันไปมองที่บานประตูด้วยท่าทีตกอกตกใจ ก่อนจะร้องกลับไปพร้อมๆ กับปัดป้องมือปลาหมึกไปด้วย
“ไม่มีอะไรครับ!” เอวาหันมาถลึงตามองคนที่กำลังยิ้มพราย ไล้หลังมือไปตามแผ่นอกเล็กที่มีเสื้อนอนคาอยู่ที่ด้านบน ส่งนิ้วโป้งไปหยอกล้อกับยอดอกสีหวานจนเอวาสะท้านเฮือก
“ไม่เอาหรอคะ หื้ม?” บารอนถามพร้อมกับนวดเฟ้นไปตามเนื้อตัว ปลุกปั่นอารมณ์หวามให้กลับมาโหมกระพือ เอวาไล่ตามจับมือซุกซนนั้นเป็นว่าเล่น จนในที่สุดก็สามารถจับคว้าเอาไว้ได้ แล้วเอ่ยปากบอกด้วยเสียงจริงจัง
“หยุดขยับนะบาร์ค..... เดี๋ยวแผลก็ปริหรอก” ว่าพร้อมทำหน้ายู่แก้มพองลมอย่างน่าเอ็นดู บารอนก้มลงมองดูตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเด็กน้อยที่นอนอยู่ใต้ร่างในท่วงท่าที่ยั่วยวนเซ็กซี่จนเผลอกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
เพี้ยะ!
เอวายกมือขึ้นตะปบสองแก้มของชายหนุ่ม เอ่ยปากสั่งด้วยเสียงจริงจังแน่วแน่
“กลับไปนอนพักเลยนะ ไม่งั้นหนูจะฟ้องพี่หมอ!” บารอนก้มมองคนตัวเล็ก เสื้อนอนสีขาวไปกองอยู่ที่ลำคอ เปิดเผยตุ่มไตสีชมพู หน้าท้องเรียบเนียนไร้กล้ามและไขมัน ต่ำลงมาอีกนิดคือกลางกายที่โป่งพองในกางเกงในตัวจิ๋วสีขาวสะอาดเช่นกัน
บารอนวางมือทาบทับที่ส่วนนั้นแล้วขยับบดคลึงไปมา เรียกให้เสียงหวานครางกระเส่ารับอย่างไม่อาจควบคุม
“อ้ะ! บาร์ค! ไม่เอาไง!” เอวามองตาดุ เอ่ยปากสั่งเสียงเบาราวกระซิบ แต่ดวงตานั้นจ้องเขม็งไม่ยอมแพ้ ก่อนจะยื่นคำขาดออกมาในที่สุด
“ถ้ายังไม่หยุดหนูจะกลับบ้านแล้ว!” เพราะแบบนั้นเองทำให้มือปลาหมึกรีบเก็บมือเก็บไม้เก็บหนวดยุบยับของตัวเอง ขยับกายออกห่างเล็กน้อย แล้วจัดการแต่งตัวให้เสร็จสรรพ ปล่อยให้เอวามองตามการกระทำนั้นตาปริบๆ
“ไปนอนกันค่ะ” บารอนพูดพร้อมกับจับจูงฉุดเอวาขึ้นจากเตียงคนเฝ้าไข้ แล้วไปทิ้งกายนอนลงบนเตียงใหญ่สำหรับผู้ป่วยแทนเสียอย่างนั้น
เอวานอนกะพริบตาปริบๆ ตามเรื่องราวไม่ทัน ว่าท้ายที่สุดแล้วตนมานอนอยู่ในอ้อมกอดแข็งแกร่งของชายผมแดงได้ยังไง แถมเจ้าตัวยังแสดงท่าทางสบายอกสบายใจครางเสียงแผ่วในลำคออย่างพึงพอใจ และขยับปรับท่านอนอย่างเป็นสุข
ท่ามกลางความเงียบที่เกิดขึ้น ในที่สุดเด็กน้อยก็ทนสงสัยไม่ไหว จำต้องเอ่ยปากถามออกไปในที่สุด
“บาร์คจ๋ารอดมาได้ยังไง” บารอนลืมตาขึ้นมอง วางเกยคางที่ศีรษะเล็ก ยกมือขึ้นลูบแผ่วเบา
“ไมค์ไม่ได้คิดจะฆ่าละมั้ง?”
“ยังไง?” เอวาถามพร้อมขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ยต่อ
“ก็หนูเห็นกับตาว่าพี่จ๋ายิงตรงนี้....” เอวาพูดพร้อมกับวางมือลงบนอกกว้าง ที่มีรอยแผลปรากฏอยู่ ลูบไล้มันแผ่วเบา
“อืม..... ไมค์ยิงเหนือหัวใจขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง มือแม่นชะมัด ถ้าต่ำกว่านี้อีกหน่อยพี่คงไปโลกหน้าแล้ว”
“แล้วรอดมาได้ยังไง?”
“อันนี้ก็ไม่รู้นะคะ แต่จำได้รางๆ ว่าตื่นในห้องผ่าตัด ก่อนจะหลับไปอีกหน แล้วก็รู้สึกว่าถูกพาไปอยู่ในที่ๆ เย็นมากๆ แต่ขยับตัวไม่ได้เลย” เอวามองแผ่งอกที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า อย่างครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยถามคำถามต่อไปที่คาใจตนมากที่สุด
“บาร์คชอบพี่จ๋าใช่ไหม แล้วทำไม.......”
“ทำไมถึงมานอนกอดตัวเล็กแบบนี้น่ะหรอคะ” เอวากดหน้ารับอย่างช้าๆ ไม่แน่ใจในคำตอบนั้น แต่ก็ยังอยากฟังความรู้สึกของชายหนุ่มที่เกิดขึ้นในตอนนี้
เด็กน้อยเองก็ไม่แน่ใจว่าตนรู้สึกยังไงกับเจ้าของอ้อมกอดนี้กันแน่ กับพี่จ๋าเองก็ยกให้เป็นคนสำคัญ เรื่องอะไรนั้นพี่จ๋ามาก่อนเสมอ ลำดับรองลงมาคือโรมีโอที่คอยอยู่ข้างกายไม่ห่าง และอันดับสามก็คือบารอนที่ตนสนิทด้วยมากที่สุด เพราะไปมาหาสู่กันบ่อยครั้ง
บารอนเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยเนิบช้าราวกับกำลังใช้ความคิดไปด้วย
“การวิ่งตามคนที่เขาไม่เคยคิดจะรักมันเหนื่อยนะคะ......” บารอนก้มลงมองคนในอ้อมแขน ส่งยิ้มให้บางเบาแล้วจึงเอ่ยต่อ
“อย่างที่ตัวเล็กรู้ สิ่งที่พี่ได้จากไมค์เป็นแค่ความใคร่ ไม่ใช่ความรัก ไม่ว่าพี่จะพยายามทำแบบไหน ยังไง เขาก็ไม่หันกลับมามองพี่อยู่ดี..... สิ่งที่พี่กำลังทำอยู่ในตอนนี้คือการชดใช้ความผิดค่ะ” เอวาขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ บารอนหัวเราะให้กับท่าทางนั้น อดใจไม่ไหวที่จะกดจูบลงไปเบาๆ หนึ่งทีที่ริมฝีปากเล็กๆ นั้น
“พี่ทำผิดต่อตัวเล็ก และพี่จะชดใช้ความผิดนั้น ไหนจะเรื่องที่ตัวเล็กช่วยพี่ออกมา เท่านี้ก็บอกได้แล้วไม่ใช่หรอคะว่าใครที่เป็นห่วงพี่จริงๆ ...... คนที่พี่มอบใจให้เขา และมองว่าพี่เป็นเพื่อนกลับมองไม่เห็นค่าของพี่เลย มันก็ควรจะถึงเวลาที่พี่ต้องหยุดเสียที.....”
“หนูไม่อยากให้บาร์คมาผูกติดอยู่กับหนูเพราะความรู้สึกผิดหรือว่าต้องชดใช้บุญคุณอะไรนะ แบบนั้นหนูไม่เอา” เอวาปฏิเสธจริงจังขึงขัง ทำให้บารอนยกยิ้มบางเบา
“พี่ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมาค่ะ ตัวเล็กให้อภัยพี่ได้ไหมคะ”
“หนูให้อภัย แต่พี่จ๋าคง......”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่จะทำให้ไมค์ยอมรับให้ได้ ขอแค่ตัวเล็กยืนยันที่จะอยู่กับพี่ พี่ก็จะทำทุกทางค่ะ” เอวากัดริมฝีปากอย่างครุ่นคิด บารอนยกมือขึ้นลูบริมฝีปากนั้นแผ่วเบา กดให้มันคลายออก ก่อนจะขยับเลื่อนไปลูบไล้ดวงตาที่บวมช้ำ
“ครั้งหนึ่งพี่เคยทำให้ดวงตาคู่นี้มีน้ำตา แต่ต่อไปมันจะไม่เกิดขึ้นอีกค่ะ” พูดพร้อมกดประทับริมฝีปากที่เปลือกตาสีมุกหนักแน่น ก่อนจะกระชับวงแขน ลูบแผ่นหลังเล็กไปพลาง
“นอนกันนะคะ ตาโหลเชียว ไม่ได้นอนขนาดไหนแล้ว”
“อื้มมม 2 วัน” เอวาชู 2 นิ้วขึ้นสูง บารอนหัวเราะให้กับท่าทีนั้น กล่อมเด็กน้อยให้เข้านอน ผ่านไปชั่วครู่ เอวาก็จมดิ่งลงในห้วงนิทรา เพราะความอ่อนล้าที่สะสมมาหลายวัน ต่างจากบารอนที่ยังคงลืมตาตื่น ฝ่ามือใหญ่ลูบเส้นผมสีดำสนิทยาวระต้นคอ เอ่ยปากพึมพำแผ่วเบา
“เพื่อนก็เพื่อนไมค์..... เพื่อนที่เป็นผัวของน้องนาย หึ” บารอนยกยิ้ม ก่อนจะก้มลงกดจูบที่หน้าผากเล็กแคบ แล้วหลับตาลงพักผ่อน จมลงสู่ห้วงนิทราไปติดๆ
.
.
.
Romeo Part
ตอนนี้โรมีโอกำลังยืนทำใจหน้าห้องของบอสใหญ่ที่แผ่ไอดำทะมึนแม้จะปิดประตูลงกลอนสนิทดีทุกอย่าง แต่บรรยากาศที่แผ่ขยายออกมาทำให้ ชายหนุ่มไม่อยากก้าวเท้าเข้าไป แต่อย่างไรหน้าที่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะบอสของตนในยามปกติก็ว่ามองหน้าได้ยากแล้ว ในยามที่มีเรื่องของคุณหนูเข้ามากลับยากยิ่งกว่า
ในอ้อมแขนของโรมีโอมีแฟ้มเอกสารราว 4-5 ฉบับ ชายหนุ่มสูดหายใจเข้า ก่อนจะลงมือเคาะประตูลงไปแผ่วเบา แล้วจึงเปิดเข้าไปภายใน
เคร้ง!
เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็เตะเข้ากับขวดแก้วที่ว่างเปล่า พอก้มมองดูผ่านแสงไฟจากด้านนอกก็แสดงให้เห็นว่าเป็นเหล้ารัมรสชาติดีราคาแพง นอกจากนี้ยังมีเหล้าอื่นๆ อีกมากกองระเกะระกะไปทั่วทุกพื้นที่ ราวกับเจ้าของห้องขนเหล้าออกมาจากบาร์จนหมดเกลี้ยง
โรมีโอยืนทำใจอยู่สักพัก เพราะในยามที่เจ้านายของตนเมามาย อะไรก็จะไม่เอาทั้งสิ้น ไม่เมาแล้วหลับ ไม่เมาแล้วเรื้อน แต่เมาแล้วอยู่นิ่งดั่งรูปสลัก แต่กลับโหดกว่ามากเมื่อจะพูดจาหรือจะกระทำการอะไรสักอย่างหนึ่ง เรียกได้ว่าปกติก็นิ่งอยู่แล้ว แต่ถ้าเมาเมื่อไหร่ก็บวกเพิ่มไปอีก 10 เท่าได้เลย
ชายหนุ่มถอนหายใจ แล้วเดินไปตามทางที่คุ้นเคย พยายามหลบเลี่ยงไม่เตะขวดเหล้าที่ว่างเปล่าพวกนั้นอีก ยิ่งเข้าไปใกล้เจ้านายของตนก็ยิ่งได้กลิ่นฉุนกึกขึ้นจมูก ปะปนไปกับกลิ่นบุหรี่ที่ลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากบ่น
“ทั้งกินทั้งสูบระวังจะตายไวเอานะครับ”
“หุบปาก......” โรมีโอส่ายหน้าไปมาอย่างระอา กวาดขวดเหล้าและซองบุหรี่ที่ว่างเปล่าลงจากโต๊ะ วางแฟ้มเอกสารลงไปแทนที่ แล้วเอ่ยปากบอก
“ลงนามครับ”
เคร้ง!
“ไสหัวไป......” ตราประทับอันทรงเกียรติและมีคุณค่าถูกโยนมาอย่างไร้ค่าไร้ราคา ตกลงมาบนโต๊ะที่ใช้กางเอกสารอยู่ในขณะนี้
“บอสต้องลงนามครับ” โรมีโอย้ำอีกครั้ง ก่อนจะปรบมือสองที เป็นการสั่งการให้ไฟเปิดขึ้นในทันที ไมเคิลตวัดสายตาดุดันมามองจ้องอย่างเอาเรื่อง ทำให้โรมีโอเห็นว่าเจ้านายของตนยังอยู่ในชุดเดิมตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง ดวงตาแข็งกร้าวไม่ยอมใครแดงก่ำเพราะความมึนเมาและอดหลับอดนอน
“ถ้าคุณหนูมาเห็นจะว่ายังไงครับ? จะเป็นไอ้ขี้เมาแบบนี้หรอ?” ไมเคิลชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบกลับมาพร้อมลุกขึ้นจากโซฟา
“อาบน้ำให้ฉัน.....” โรมีโอหลับตาลง แล้วลืมตาขึ้นใหม่อีกครั้ง จัดการถอดเสื้อสูทสีดำออกจากตัว แล้วดึงหนังยางมัดผมที่มีติดข้อมืออยู่ตลอดเวลาขึ้นมามัดผมลวกๆ ทำให้ปอยผมสีน้ำตาลบางส่วนหลุดร่วงระกับใบหน้า ก่อนจะพับแขนเสื้อขึ้นเป็นลำดับถัดมา แล้วจึงมุ่งตรงเข้าห้องน้ำ ชายหนุ่มเปิดน้ำใส่อ่าง และเทฟองสบู่ลงไป ตีให้ขึ้นฟองเล็กน้อย หยดกลิ่นอโรม่าไปสองสามหยด
เพียงไม่นานนัก ไมเคิลก็เดินตามเข้ามาใส่ชุดคลุมอาบน้ำสีดำสนิท ก่อนจะถอดมันทิ้งไว้ที่ข้างอ่าง ก้าวเท้าลงแช่น้ำที่ถูกเตรียมไว้ โรมีโอจัดการทาน้ำมันนวดลงที่บ่ากว้าง แล้วเริ่มต้นนวดบ่าที่แข็งเกร็งนั้นอย่างช้าๆ รู้ทั้งจังหวะและน้ำหนักมือที่เหมาะสมแบบที่เจ้านายของตนชอบ จนเกิดเสียงครางแผ่วในลำคอ มาพร้อมกับคำเชยชม
“ดี.....” โรมีโอแอบกลอกตาใส่ อยากจะเถียงกลับไปใจจะขาดว่านวดมาไม่รู้กี่ครั้ง ถ้ามันไม่ดีก็ไปโดดตึกฆ่าตัวตายเสียเถอะ แต่กระนั้นสิ่งที่ทำคือความนิ่งเงียบ แล้วทำหน้าที่ของตนต่อไป หลังจากนั้นจึงเริ่มสระผมให้ นวดศีรษะช่วยผ่อนคลาย และช่วยขัดตัวเป็นอย่างสุดท้าย ก่อนจะให้ไมเคิลไปล้างตัวใต้ฝักบัว ในขณะที่ตัวเองปล่อยน้ำและล้างอ่าง จวบจนกระทั่งเสร็จเรียบร้อยดี จึงหันมาบอกกับเจ้านายของตนเบาๆ
“ผมจะให้เมดเข้ามาทำความสะอาดนะครับ ส่วนเอกสารผมขอวันพรุ่งนี้เช้าครับ ราตรีสวัสดิ์” โรมีโอค้อมตัวลงเล็กน้อย แล้วตั้งท่าจะเดินออกไป หากแต่ไมเคิลกลับเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
“วันนี้ตัวเล็กทำอะไร.......”
“นั่งเฝ้าคุณบารอนทั้งวันครับ ทานอาหารเหมือนแมวดมและนั่งร้องไห้”
“อืม.....” ในดวงตาของไมเคิลทอดมองไปยังที่ไกลแสนไกลหาจุดโฟกัสไม่เจอ ก่อนจะปัดมือไล่ให้โรมีโอออกไปจากห้อง ในขณะที่ตัวเองเดินไปเซ็นเอกสาร วางไว้บนโต๊ะตัวเดิม และเดินไปที่ห้องควีนของน้องน้อย ทิ้งตัวลงบนเตียง สูดดมกลิ่นกายหอมที่ติดอยู่กับหมอนและผ้าห่ม เอ่ยปากขึ้นมาแผ่วเบา
“ตัวเล็กโกรธพี่มากเลยหรอคะ.........” คำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบดังท่ามกลางความเงียบ และถูกกลืนหายไปในยามค่ำคืนพร้อมกับเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่จมลงสู่ห้วงนิทรา......
Ava Partตอนนี้เอวากำลังนั่งมองคนบนเตียงด้วยอาการเหนื่อยอ่อน เหงื่อผุดซึมทั่วใบหน้าหวานล้ำ เสื้อสีฟ้าอ่อนเปียกชื้นแนบไปกับลำตัวบาง สาเหตุมาจากคนที่กำลังนอนหลับพักผ่อน ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ แต่แขนและขาถูกจับมัดตรึงเอาไว้แน่น…..อยากยา......นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับบารอน ชายหนุ่มมีอาการคลุ้มคลั่งและทำลายข้าวของ เอวาพยายามที่จะเข้าไปหยุดยั้งการกระทำนั้นและพยายามที่จะดึงสติของบารอนให้กลับมาดังเดิม และผลสุดท้ายจบลงที่การทำร้ายร่างกายเด็กตัวเล็ก ข้าวของกระจัดกระจายไปทั่วห้อง จนบอดี้การ์ดต้องกรูกันเข้ามาจับกุม กดบารอนลงกับพื้นโดยไม่สนใจบาดแผลตามตัวแม้แต่น้อยเพียงไม่นานหลังจากนั้นบุรุษพยาบาลก็มาฉีดยานอนหลับเพื่อให้หมดสติลง จับมัดแขนและขาเอาไว้แน่นหนา ป้องกันการเกิดเหตุแบบนั้นอีก เอวานั่งหน้าเศร้าอยู่ที่ด้านข้าง หันไปถามหาเหตุผลจากหมอสาวประจำกายและผู้ที่เป็นเจ้าของไข้อย่างต้องการคำตอบ“ทำไมถึงเป็นนั้นครับ.... เมื่อคืนเขายังดีๆ อยู่เลย...”“เมื่อคืนเขาน่าจะยังพอมีสติอยู่บ้างค่ะ แต่พอขาดยาไปนาน.... ก็เลยแสดงออกในลักษณะนั้น คงจะต้องเข้าสู่การบำบัดต่อไป” แอลพูดตามตรงอย่างไม่ปกปิด เอวาอดที่จะเอ่
Michael Partเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์แล้วที่ไมเคิลออกเดินทางมาจัดการธุระของตน ชายหนุ่มกำลังนั่งกอดอกมองหน้าจอมอนิเตอร์ที่รายล้อมตัวด้วยสีหน้านิ่งๆ โรมีโอวางแก้วชาหอมกรุ่นลงตรงหน้า พร้อมกับแก้วทรงสวยที่ใส่พานาค้อตต้าและขนมทีรามิสุไว้คู่กันไมเคิลปรายตามองเล็กน้อยแต่ไม่ได้ให้ความสนใจกับสิ่งเหล่านั้น ดวงตาสีเฮเซลนัทเลื่อนกลับไปมองที่หน้าจออีกครั้ง มองหน้าจอที่ขึ้นกะพริบเป็นดวงๆ กระจายกันไปอย่างครุ่นคิดสาเหตุที่เขาต้องมาอยู่ตรงนี้เพราะองค์ราชินีทรงโปรดให้เข้าเฝ้า ทำให้ไมเคิลต้องตัดใจออกจากห้องของน้องน้อยที่ตนเก็บตัวเงียบมาหลายวัน แล้วแต่งชุดประจำกายพร้อมประดับยศเพื่อเข้าเฝ้าพระนางจากการพูดคุยครั้งก่อนหน้าที่ถูกขัดจังหวะเพราะเด็กน้อยหายตัวไป ทำให้ไมเคิลละทิ้งหน้าที่มาออกตามหาดวงใจของตน พระองค์ไม่ได้รับสั่งตำหนิอะไร ทั้งยังพูดอย่างเข้าอกเข้าใจ แต่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ลุกลามไปจนยากเกินแก้ ถึงได้มีคำสั่งให้ไมเคิลลงมาดูด้วยตนเอง และนั่นทำให้ชายหนุ่มต้องจากมาทั้งที่ไม่เต็มใจ แต่หน้าที่ค้ำคอไว้ยากที่จะปฏิเสธ“สืบได้รึยัง.......” ไมเคิลเอ่ยถามกับคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเสียงนิ่ง โรมีโอขยั
Michael Partตอนนี้ผ่านมาครบหนึ่งเดือนแล้วที่ไมเคิลต้องมาอยู่ต่างเมืองแบบนี้ ใบหน้าของไมเคิลเคร่งขรึมต่างจากวันแรกๆ มากมายนักสาเหตุนั้นก็เป็นเพราะน้องน้อยเจ้าของดวงใจยังคงไม่ยอมกลับบ้าน การโทรมาหาในครั้งนั้นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีเรื่องของหุ้นของบาลักซ์ที่ถูกถอนออกไปจนหมด ทำให้ต้องอัดฉีดเงินตราเข้าไปเป็นจำนวนมาก เร่งหาคนมีความสามารถเข้ามาแทนที่ คอยเสริมในส่วนที่ขาด และเรื่องที่ละเลยไม่ได้เลยก็คือเรื่องการก่อสงครามระหว่างองค์กรกับประชาชนที่เป็นเหตุให้เขาต้องอยู่ที่นี่ดวงตาสีทองเรืองรองคมกล้า กดสายตามองต่ำนั่งไขว่ห้างเหมือนนั่งอยู่บนบัลลังก์อันสูงส่ง ที่บนตัวนั้นมีเสื้อคลุมสีดำสนิทปักลายดิ้นสีทองรูปลายมังกรคำรามเช่นเดียวกันกับรอยสักที่ลำคอกลายเป็นภาพที่คุ้นเคยของผู้พบเห็น แต่ไม่ใช่สำหรับนักวิจัยสาวที่กำลังนอนหอบหายใจแรงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความทรมาน“นักวิจัยที่ติดเชื้อเสียเอง.......” ไมเคิลยกยิ้มเยาะเย้ยส่งให้กับหญิงสาวที่มีเลือดไหลซึมตามรูขุมขน ดวงตาทั้งสองข้างสีแดงก่ำ และมีหยาดโลหิตไหลอาบทั่วร่าง“ให้ทุกข์แก่ท่าน..... ทุกข์นั้นถึงตัว....” ไมเคิล
“นั่ง......” น้ำเสียงดุดันเอ่ยออกมาเรียบนิ่งดุจคลื่นยักษ์ใต้มหาสมุทรกว้าง เอวากัดริมฝีปากอย่างกังวล ขยับจะไปนั่งบนโซฟาข้างๆ พี่ชายอย่างกล้าๆ กลัวๆ“ที่พื้น....” น้ำเสียงทรงอำนาจของไมเคิลทำให้เอวาชะงัก เงยหน้ามองคนเป็นพี่ด้วยความน้อยใจ หากแต่เห็นเพียงความเงียบนิ่งไร้แววใดปรากฏเอวาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วทรุดตัวนั่งลงบนพื้นอย่างช้าๆ โดยที่มีโรมีโอมองตามไม่ละสายตาจากทางด้านหลังคนที่เป็นเจ้านายจนเมื่อเอวานั่งเรียบร้อยแล้ว ไมเคิลก็โน้มตัวมาข้างหน้า ใช้มือจับปลายคางเล็กให้เงยหน้าขึ้น มองจ้องนิ่งๆ ไม่ปริปากพูดคำใดความอึดอัดแผ่กระจายไปทั่ว จนเอวากลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดกลัว พลางคิดไปถึงชั่วโมงก่อนหน้า ระหว่างเดินทางกลับบ้านของตน......บนรถที่วิ่งด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ความเงียบครอบงำจนน่าอึดอัดใจ โรมีโอเหลือบสายตามองเจ้านายทั้งสองคนที่ด้านหลังอยู่เงียบๆ ไม่พูดอะไรออกมา ไมเคิลนั่งไขว่ห้างกอดอก ดวงตามองตรงไม่แม้จะสนใจเด็กน้อยที่นั่งข้าง ความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากคนเป็นพี่ ทำให้เอวาไม่กล้าคุยเล่นหยอกด้วยเหมือนแต่ก่อน ทำได้เพียงนั่งชิดติดประตูฝั่งหนึ่ง พยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเพื่อไม่ให้คนพี่ข
Ava Partตอนนี้เด็กตัวเล็กกำลังนั่งมองพี่ชายที่กำลังเดินออกจากห้องไปตาละห้อย ริมฝีปากเล็กเอ่ยพึมพำออกมาแผ่วเบา หากแต่คนอยู่ข้างกายตลอดเวลาอย่างโรมีโอก็ยังคงได้ยินชัดเจน“แต่พี่จ๋าบอกว่าจะอยู่กับหนู.......” ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มหงอยเหงาและมีความกลัวปะปนแฝงไว้อยู่ ทำให้คนมองใจอ่อนยวบ ขยับเข้าไปข้างกาย กำลังจะอ้าปากถามกับคุณหนูของตน ก็เป็นอันต้องหยุดชะงัก เมื่อเจือน้ำเสียงทุ้มต่ำเรียบนิ่งของคนเป็นนายเรียกเร่งเร้า“โรม.......” โรมีโอมองสลับไปมาระหว่างเจ้านายของตน และคุณหนูคนเล็กของบ้าน ก่อนจะต้องตัดใจเดินออกมาเพราะมีสายตาคมกล้าคอยเสียดแทง ดึงนั้นแล้วผู้ช่วยหนุ่มจึงจำใจหยิบกระเป๋าเอกสาร แล้วเดินตามเจ้านายไปติดๆ แต่กระนั้นก็ยังอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองคุณหนูของตน ก่อนที่ประตูรถยนต์จะปิดลงและเคลื่อนตัวออกจากบ้านไปเอวามองตามหลังรถคันหรูตาละห้อย ก่อนจะกระโดดลงจากเก้าอี้ เดินกลับเข้าห้องของตน จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นชุดที่กระชับเข้ารูป แล้วมุ่งตรงไปที่ทิศทางหนึ่งเพื่อออกกำลังกายเอวาใช้เวลาออกกำลังกายอยู่ครู่ใหญ่ จนกระทั่งมีเมดสาวเข้ามาตามว่าคุณหมอมาถึงแล้ว เด็กน้อยถึงยอมเดินกลับเข้าห้องตัวเอง แ
...“พี่จ๋า......” เอวาครางในลำคอ กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ตรงหน้าปรากฏชายคนหนึ่งที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาคมกล้าที่มองสบมาทำให้เอวาก้มหน้าหลบด้วยความหวาดกลัว“กลับ” ไมเคิลพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะหมุนตัวหันหลังเดินกลับไปทันที น้ำเสียงและท่าทีเฉยชาของไมเคิล ทำให้เอวารู้สึกตัวหดเล็กลงอย่างช่วยไม่ได้ เด็กน้อยหันไปเหลือบมองบารอนที่ยืนอยู่ด้านข้าง ชายหนุ่มทำเพียงกุมมือเล็กเอาไว้แน่นหนา ยกมือเล็กขึ้นจรดริมฝีปาก กล่าวอย่างหนักแน่น“รอพี่นะคะ” เอวาสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปทิศทางที่พี่ชายของตนเดินไป ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะหันมามองหรือยืนรอกันเช่นแต่ก่อน นั่นยิ่งทำให้เอวารู้สึกหวั่นใจและกลัวเกรงอยู่ลึกๆเด็กน้อยสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะก้าวขาเดินตามไปตามทิศทางที่บอดี้การ์ดกั้นเอาไว้ให้ เอวาพยายามสาวเท้าก้าวตามให้ทันคนเป็นพี่ชาย จนเมื่ออยู่ในระยะที่สามารถเอื้อมถึง เด็กน้อยก็สอดมือเข้าไป จับประสานกุมกับมือใหญ่เอาไว้อย่างที่เคยทำ ไมเคิลปรายตามองเล็กน้อย ก่อนจะดึงมือออก แล้วก้าวเดินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่การกระทำนั้นทำให้เอวาชะงัก หยุดยืนอยู่กับที่ ก้มมองมือของตนเองที่ว
Michael Partย้อนกลับไปหนึ่งเดือนก่อนหน้า……หลังจากเรื่องวุ่นวายผ่านพ้นไป โรมีโอนำตัวเอวาส่งโรงพยาบาล เฝ้าดูอาการจนวางใจว่าเด็กน้อยจะไม่เป็นอะไร ชายหนุ่มก็มุ่งตรงกลับบ้านเพื่อไปจัดการปัญหาที่คฤหาสน์หลังงามนั้นต่อ ทันทีที่เห็นบอสของตนขังตัวเองไว้ในห้อง ชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะปล่อยหมัดหนักๆ ไปเรียกสติของบอสตัวเอง“หายบ้ารึยังครับ” โรมีโอถามเสียงเรียบด้วยดวงตาแววโรจน์ท่าทางขุ่นเคือง ไมเคิลทำเพียงแสยะยิ้มมุมปาก เอ่ยตอบเสียงเนิบช้า“น้อยไป.....”ผลั๊วะ! ผลั๊วะ! ผลั๊วะ!เมื่อบอสบอกว่าน้อยไป โรมีโอก็จัดให้ 3 ทีติดๆ กัน จนไมเคิลถึงกับเซ ชายหนุ่มสะบัดหน้าเล็กน้อย เอ่ยปากบอกอีกครั้งด้วยเสียงเยาะเย้ย“แรงมีแค่นี้? น้อยไป…..”ผลั๊วะ! ผลั๊วะ! ผลั๊วะ! ผลั๊วะ! ผลั๊วะ!เมื่อได้ยินแล้วโรมีโอจึงจัดให้อีกเน้นๆ 5 ที จนไมเคิลจุกจนถึงกับทรุดลงที่พื้น ยกมือขึ้นกุมท้องของตน“แค่กๆ”“คุณหนูมีแผลที่ข้อศอกกับหัวเข่า หัวไหล่และข้อเท้าที่หลุดก่อนหน้า ถูกต่อให้เข้าที่แล้วครับ แต่ยังต้องพันเผือกอ่อนและพักรักษาตัวอีกสักระยะ ส่วนบอดี้การ์ดทั้ง 6 คนนั้นทำการผ่าเอากระสุนออกแล้ว ตอนนี้กำลังรักษาตัว ส่วนคุณซีนอนนั้นเย็บแ
Ava Partตอนนี้เอวากำลังนั่งขดตัวเป็นก้อนกลมอยู่ที่ชานบ้าน ที่ด้านหลังนั้นถูกซ้อนด้วยคนๆ หนึ่ง บารอนที่ทำตัวเป็นเบาะรองนั่งโอบกอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขน ส่งมอบความอุ่นร้อนไปให้ผ่านผิวเนื้อที่สัมผัสกัน เอวาเหม่อมองไปที่ด้านหน้าซึ่งเป็นบริเวณทางเข้าของบ้านด้วยใจจดใจจ่อตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา เอวารับรู้ว่าพี่ชายของตนทำงานอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน มีเพียงโรมีโอเท่านั้นที่เข้าออกบ้านเป็นว่าเล่น ในตอนกลางวันก็ออกไปทำงานกับไมเคิล ตอนกลางคืนก็กลับมาดูแลตนก่อนเข้านอน เป็นเช่นนี้ตั้งแต่เด็กน้อยออกจากโรงพยาบาลบารอนที่ตอนนี้พักรักษาตัวหายดีแล้วและกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม ก็มุ่งตรงมาหาเอวาที่บ้านหลังนี้ในทันที หากแต่กลับถูกกันตัวไว้ ไม่ยอมให้เข้าไปโดยง่ายจากคำสั่งของไมเคิล แต่เพราะโรมีโอที่กลับมาพอดีและทันเห็นเหตุการณ์เข้า คุณหนูของบ้านร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร เมื่อคนรักของตนถูกทำร้าย ชายหนุ่มจึงเข้าไปช่วยจัดการให้ และพาบารอนไปทำแผลที่ห้องพยาบาล โดยมีคุณหนูของบ้านตามไปติดๆเด็กน้อยของบ้านนั่งทำแผลไปสะอึกสะอื้นไป จนทำให้บารอนต้องดึงเด็กน้อยเข้ามากอดไว้ ลูบหลังลูบไหล่ปลอบใจไปพ
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา