“เตรียมเสร็จรึยัง” ไมเคิลเอ่ยถามกับผู้ช่วยคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างกาย โรมโน้มตัวลงอย่างนอบน้อม เอ่ยตอบเสียงเบาราวกระซิบหากแต่ได้ยินชัดเจน
“เรียบร้อยแล้วครับ”
“ดี” พูดจบก็ก้าวเท้าออกจากคฤหาสน์ มุ่งตรงไปที่รถยนต์คันหรูซึ่งมีหน้าตาเหมือนกันทั้งหมด 5 คัน และทุกคันต่างบรรทุกคนเต็มอัตรากำลัง ไมเคิลก้าวขาขึ้นรถ อดไม่ได้ที่จะหันมองหน้าต่างห้องๆ หนึ่งซึ่งดวงไฟปิดสนิท
“ให้ซีนอนมาคอยดูแล”
“ครับ” เพียงเท่านั้นมือเรียวยาวของโรมก็ล้วงเข้าไปในเสื้อสูท กดเบอร์โทรออกที่คุ้นเคย ได้ยินเสียงปลายสายโวยวายมาเล็กน้อยเนื่องจากรบกวนเวลานอนหลับ แต่พอบอกว่าเป็นคำสั่งของบอสก็หุบปากฉับและวางสายไปอย่างรวดเร็ว
ไมเคิลขึ้นรถที่ถูกขับมาด้วยความเร็วมากกว่า 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถบริวารทั้ง 4 รายล้อมทั้งสี่มุม คุ้มกันอย่างแน่นหนา
แชะ!
แสงแฟลชสะท้อนเข้าตาคนขับ หลังถูกจับบันทึกภาพขับรถเร็วกว่ากว่ามาตรฐานกำหนด จนอดที่จะเอ่ยหยอกเย้าไม่ได้
“น่าจะเรียกไซเรนมานำขบวนนะครับ”
“ไม่จำเป็น....”
“ฮึฮึ” ไมเคิลละสายตาจากโรมที่หัวเราะในลำคอแผ่วเบาแล้วก้มลงมองหยาดน้ำสีม่วงแปลกตาที่ถูกบรรจุอยู่ในขวดสีใสขนาดเล็ก
“ผลเป็นยังไง.....”
“แรงกว่าสูตรเดิมอยู่มากครับ เรียกได้ว่า 1 ต่อ 10 เลยทีเดียว”
“อืม....” ไมเคิลตอบรับในลำคอ แล้วกวาดสายตาอ่านเอกสารการวิจัย
“วิสเทอร์เรีย..... สวยอันตราย.... หึหึ” เสียงหัวเราะอำมหิตดังขึ้นจากในลำคอ ดวงตาสีเฮเซนัทเรืองรองท่ามกลางความมืดจนดูคล้ายกับดวงตาของสัตว์ร้ายที่มองจ้องเหยื่อ
ไมเคิลและโรมไม่ได้พูดอะไรอีก จวบจนกระทั่งบุคคลทั้งสองขึ้นเรือและขับไปยังเกาะที่ห่างไกล ทันทีที่ก้าวเท้าเหยียบย่างเข้าไป กลิ่นหอมหวานก็ลอยอบอวลไปทั่วบริเวณ ไมเคิลเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว มุ่งตรงไปสู่อาคารหลังหนึ่ง ด้านบนเบื้องหน้าใช้เป็นศูนย์วิจัยสัตว์น้ำทั่วไป หากแต่เบื้องล่างกลับเต็มไปด้วยความดำมืด ไมเคิลเดินเข้าไปภายในห้องวิจัย โดยมีโรมติดตามมาพร้อมกับบอดี้การ์ดจำนวนหนึ่ง ยืนฟังรายงานคร่าวๆ
“เรานำเอา รากของวิสเทอร์เรียมาสกัดครับ แล้วก็ผสมใบกับดอกลงไปด้วยบางส่วน ทำให้สารที่สกัดได้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น นี่คือตัวอย่างทดลองที่เราทำออกมาได้ แล้วก็นำไปใช้กับตัวทดลองดูแล้วผลพบว่า.........” เสียงการบรรยายอย่างตื่นเต้นของนักวิจัยชายชราพูดออกมาเจื้อยแจ้ว และในตอนท้ายก็พาไปที่ห้องๆ หนึ่ง ซึ่งมีคนหนุ่มสาวนั่งคุดคู้ขดตัวแอบอยู่มุมห้อง ถูกล่ามด้วยโซ่ทั้งแขนขาและลำคอ บุคคลเหล่านี้ล้วนมีคดีใหญ่ติดตัว.......
ไมเคิลเหลือบตามองใบหน้าของแต่ละคนด้วยความเย็นชา โรมพยักหน้าส่งสัญญาณให้ ทีมวิจัยขยับเข้าไปในห้องกระจกนั้น เข็มฉีดยาถูกจดจ่ออยู่ที่ลำคอของเหยื่อแต่ละรายโดยมีทั้งหมด 5 คนด้วยกัน แต่แล้วความวุ่นวายโกลาหลก็เกิดขึ้น เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งที่มีนัยน์ตาสีฟ้าสดใสเส้นผมสีน้ำตาลเข้ม ก่อการขัดขืน โดยการกระแทกตัวทีมนักวิจัยให้ล้มลง หญิงสาวพลิกกายขึ้นคร่อม ใช้โซ่ต่างเชือกกดทับและรัดเข้าที่ลำคอ เมื่ออีกฝ่ายมีท่าทีดิ้นรนขัดขืน ใช้มือจิกข่วนใบหน้าและลำตัวของหญิงสาวจนเป็นริ้วรอย ความอดทนของเธอก็หมดสิ้นลง หยิบคว้าหลอดยาที่ตกอยู่ใกล้ๆ แล้วฉีดยาตัวนั้นเข้าสู่ร่างของทีมวิจัยเสียเอง ก่อนจะผละออกมาดูผลของยาตัวนั้น
ผู้ที่ได้รับเชื้อหลังจากที่แอดยาเข้าไปก็เริ่มทุกข์ทรมาน หายใจไม่ออกดิ้นทุรนทุราย ไขว่คว้าหาอากาศ และท้ายที่สุดคือตัวกระตุกเกร็งและสิ้นใจ ตลอดการเป็นไปนั้นไมเคิลมองสบตากับหญิงสาวคนนั้นไม่มีหลบเลี่ยง ความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากดวงตาทำให้ชายหนุ่มสนใจเกินกว่าที่จะปล่อยไปได้ จึงหันไปสั่งกับโรมีโอเสียงเบา
“พาเธอออกมา.... ชื่อใหม่.... และประวัติของเธอภายใน 3 นาที” ว่าจบก็หันหลัง กำลังจะก้าวเดินก็หยุดชะงัก แล้วเอ่ยปากบอกกับชายชรา
“ตรวจสอบผลหลังได้รับยา แล้วส่งรายงานมา..... โนแวน...... อย่าคิดจะลองดีกับผม.......” พูดว่าพร้อมปรายสายตามองเข็มฉีดยาที่อยู่ในมืออีกฝ่ายอย่างเย็นชา ต่างจากโรมที่เข้าประชิดตัวแล้วทำการบิดหักแขนทันที เอ่ยเสียงเหี้ยมลอดไรฟัน
“อย่าคิดทำอะไรโง่ๆ ครับด๊อก ลอร์ดวัลโด้ไม่ใช่บุคคลที่คุณจะแตะต้องได้.....”
“อ๊ะ!” เสียงร้องดังขึ้นอย่างตกอกตกใจ เมื่อในมือที่เคยมีเข็มฉีดยาได้อันตรธานหายไป ก่อนที่ปลายเข็มเย็นๆ จะถูกแนบเข้ามาที่ใบหน้า
“หรือว่าเราจะเปลี่ยนหัวหน้าทีมดีนะ?” พูดว่าพร้อมแทงเข็มลงไปในผิวเนื้อจนเกิดเสียงกรีดร้องโวยวายดังลั่น เมื่อปลายเข็มนั้นแท่งทะลุกระพุ้งแก้มด้านข้าง ปลายลิ้นแตะสัมผัสโลหะเย็นยะเยือกราวกับมัจจุราชได้มาเยี่ยมเยือน
“หึหึหึ ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของคนที่ขึ้นชื่อว่ามือขวาถูกเปล่งออกมาอย่างเป็นสุข ก่อนจะฉีดยานั้นเข้าสู่ร่างกายของชายชราโดยไม่สนว่าจะจะไหลลงคอได้หมดหรือไม่ แล้วปล่อยทิ้งให้นอนชักอยู่ที่พื้นอย่างไม่สนใจไยดี
“คุณได้เป็นหัวหน้าทีมแล้วนะ คุณเบนจามิน” โรมีโอพูดด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ชวนให้หลงใหล หากแต่คนมองกลับมองเห็นปีศาจในคราบนักบุญ ลนลานตอบรับด้วยเสียงสั่นเทา
“คะ คะ คะ ครับ” โรมแสยะยิ้มส่งให้อย่างชอบอกชอบใจ ก่อนจะเดินไปสั่งงานกับบอดี้การ์ดให้มอบตัวตนใหม่ ลบตัวตนเดิมของหญิงสาวที่ถูกแยกออกมา แล้วสั่งให้ไปรายงานตัวกับเจ้านายของตนภายใน 24 ชั่วโมง แม้หญิงสาวคนดังกล่าวจะขัดขืน แต่ก็ไม่อาจต้านแรงของผู้ชาย 4 คนที่เข้าไปจับกุมได้ อีกทั้งยังฉีดยาสลบให้โดยไม่สนว่าเข็มจะหักคาผิวเนื้อของเธอหรือไม่ก็ตามที
หลังจากที่โรมจัดการเรื่องราวที่ด้านล่างจนเสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่มก็เดินตามนายของตนไปติดๆ ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ตกอยู่ในภวังค์กับความงดงามนั้น รูปหน้าดั่งสวรรค์สรรค์สร้างพร้อมด้วยดวงตาสีทองเรืองรองราวกับราชสีห์ ลำคอแกร่งถูกประทับไว้ด้วยลวดลายมังกรคำรามสะกดตรึงสายตา เส้นผมสีดำคลอเคลียเครื่องหน้าและลำคอ ร่างกายสูงโปร่งกำยำคล่องตัวสวมใส่ชุดสูทสีดำเนื้อดี บนบ่าถูกคลุมทับด้วยเสื้อคลุมลายมังกรดิ้นทองงดงาม
เสี้ยวหน้าที่แสนเย็นชาปรากฏความเศร้าหมอง มือข้างหนึ่งถูกยื่นออกไป แตะสัมผัสกับกับดอกสีม่วงบางเบา
“อ่อนหวาน....”
“.....”
“น่าทะนุถนอม....”
“.....”
“จนอยากขยี้ให้บอบช้ำ” เสียงทุ้มพูดพร้อมกับกำมือเอาไว้แน่นจนดอกไม้สีม่วงนั้นแหลกเหลวคามือ ไมเคิลแบมือออกช้าๆ สายลมพัดหวนพาเอาเศษซากดอกไม้ให้หลุดลอยไปจากมือ ก่อนจะเอ่ยปากกับโรมโดยไม่หันหน้ามามอง
“ส่งรายงานแจ้งแก่พระนาง...... แถมตัวอย่างส่งไปสัก 2 หลอด.....”
“ครับ” โรมโน้มตัวลงรับคำสั่ง เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งเจ้านายของตนก็เดินนำไปไกลเสียแล้ว ชายหนุ่มจึงหันไปสั่งการกับบอดี้การ์ดอีกคนที่ยืนรอรับคำสั่ง ก่อนจะตามนายของตนขึ้นไปนั่งบนเฮลิคอปเตอร์เพื่อเดินทางไปที่อื่นต่อ
เอาล่ะ ต่อจากนี้คือของจริงแล้ว.........
.
.
.
Ava Part
เด็กตัวน้อยนอนพลิกตัวไปมาบนเตียงกว้างขนาดใหญ่ มือเล็กแปะป่ายไปทั่วหาความอบอุ่นที่เคยมี จนเมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นชืดก็ผุดลุกขึ้นนั่ง ยกมือขยี้ตาของตัวเองเอ่ยปากเสียงเบา
“พี่จ๋าไปแล้ว....” เด็กน้อยหน้าม่อยลง หันมองรอบกายพบเพียงความเงียบเหงาที่คุ้นเคย ก่อนจะสะบัดหน้าไปมาเบาๆ ยกมือขึ้นตบแก้มแปะๆ ก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำ จัดการอาบน้ำชำระล้างกายอย่างรวดเร็ว
หลังจากจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยก็วิ่งปร๋อลงมาที่โต๊ะด้านล่าง นั่งลงประจำที่ก้มลงทานอาหารเช้าเพียงลำพัง หลังจากทานเสร็จแล้วก็กระโดดขึ้นรถเพื่อเข้าเรียน ตกเย็นมาก็ทำการบ้าน
ชีวิตของเอวาวนเวียนไปเช่นนี้อยู่เกือบเดือน โดยที่มีคนของไมเคิลคอยแวะเวียนมาดูแล ซึ่งแต่ละคนนั้นต่างรู้จักเอวาเป็นอย่างดี เพราะได้รับหน้าที่พี่เลี้ยงอยู่บ่อยๆ มีบ้างบางครั้งที่ได้รับสายจากทางไกล ไม่ใช่ใครอื่น พี่ชายบุญธรรมของตนนั่นเอง และครั้งนี้ก็เช่นกัน
“แล้วก็นะพี่จ๋า วันนี้หนู-”
[ตัวเล็กครับ.......] เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขัดขึ้นแผ่วเบา ทำให้เสียงที่กำลังเจื้อยแจ้วเล่าเรื่องราวของวันนี้และวันที่ผ่านมาให้ได้ฟังหยุดชะงักลงไปตามด้วย
“....”
[พี่ต้องไปแล้วครับ.....]
“อื้อ....”
[ไม่งอนนะ]
“อื้อ... หนูรู้.... พี่จ๋าทำงานหนัก...”
[ครับ รักเรานะตัวเล็ก ตั้งใจเรียนนะครับ]
“อื้อ!” เอวาตอบรับเสียงหนักแน่น รอจนกระทั่งได้ยินคำบอกฝันดีแล้วสายตัดไปถึงได้ค่อยๆ ลดมือที่ถือโทรศัพท์ลง
ตุ้บ!
“คิดถึง......” เด็กน้อยเอนตัวลงนอนคว่ำ เอ่ยปากพึมพำแผ่วเบาให้ได้ยินเพียงลำพัง ภายในหัวสมองคิดถึงเรื่องราวแต่เก่าก่อนอย่างช่วยไม่ได้....
.
.
.
“อะไรนะ.....” เสียงของพี่ชายข้างตัวเอ่ยขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ พร้อมแรงกุมกระชับฝ่ามือน้อยๆ ที่แนบแน่นยิ่งขึ้น ทำให้เอวาเงยหน้ามองแผ่นหลังของคนที่กำลังจับกุมเอาไว้อยู่ด้วยความไม่เข้าใจ
“ฉันจะโกหกแกทำไม ถ้าเด็กนั่นเป็นลูกหลานของตระกลูวอลเลอร์จริง พ่อมันก็ตายไปแล้ว” น้ำเสียงดุดันคมเข้มของผู้เป็นบิดาเอ่ยบอกพร้อมยกมือขึ้นกอดอก ขณะพูดคุยอยู่กับบุตรของตน เด็กตัวน้อยกะพริบตาปริบๆ ด้วยความไม่เข้าใจ แต่กระนั้นมือน้อยๆ ก็ยังคงกระตุกร้องเรียกเบาๆ
“พิต๋า หนุจะหาอาร์เธอร์” เด็กน้อยร้องบอกเสียงใส เอียงคอมองหน่อยๆ ไมเคิลทรุดตัวนั่งลงคุกเข่าตรงหน้า เอ่ยบอกเสียงนุ่มทุ้มพร้อมลูบศีรษะเล็กไปพลาง
“ตัวเล็ก ปาป๊าไปอยู่กับมาม๊าครับ เดินอยู่บนดวงดาวแสนสวย ปาป๊ากับมาม๊าฝากตัวเล็กไว้ให้พี่ดูแล อยู่กับพี่ก่อนนะครับ”
“นานไหมอ่า.....” คำถามนั้น ทำให้ไมเคิลอึกอักในลำคอ และเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
“ตัวเล็กไม่อยากอยู่กับพี่หรอครับ” ว่าพร้อมทำเสียงเศร้า ทำให้เด็กน้อยลนลานรีบตอบรับฉับไว
“มะใช่นะ! อยู่! เอวาอยู่กะพิต๋า!” ว่าพร้อมกอดหมัดเข้าเต็มอ้อมแขน ไมเคิลผุดรอยยิ้มพรายขณะที่ลูบแผ่นหลังเล็กบางอย่างปลอบใจ
หลังจากนั้นเป็นต้นมา ไมเคิลก็มักจะอยู่ด้วยกันกับเอวาเสมอๆ ในทุกๆ วัน นอกจากนี้แล้วยังมีโรมีโออีกคนที่คอยเป็นเพื่อนเล่นกันในทุกค่ำคืน....
เวลาไหลผ่านไปเป็นปี แต่แล้วในวันหนึ่งทุกๆ อย่างก็เปลี่ยนแปลงไป เมื่อนายใหญ่ของบ้านหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ในช่วงแรกนั้นทุกคนต่างรอคอยอย่างมีความหวัง
1 เดือนผ่านไป...
2 เดือนผ่านไป......
3 เดือนผ่านไป.........
ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผันผ่าน ไมเคิลต้องเข้าทำหน้าที่แทนบิดาด้วยวัยเพียง 15 ปี ทำให้งานยุ่งจนรัดตัว ไม่สามารถมาเล่นด้วยได้เหมือนเช่นแต่ก่อน โดยที่ระหว่างการรอคอยนั้นไมเคิลทำทุกวิถีทางในการตามหาบิดาของตน ท้ายที่สุด การรอคอยก็สิ้นสุดลงเมื่อแรกเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ
ในขณะที่เอวาออกไปวิ่งเล่นรอบคฤหาสน์เฉกเช่นทุกวัน เด็กน้อยก็กลับเข้ามาพร้อมเส้นขนกระจุกหนึ่งในกำมือและร้องเรียกไมเคิลด้วยเสียงหัวเราะอันสดใส
“พิต๋า!! นิโคลล่ะ! นิโคลลลล” ไมเคิลหันมามองเล็กน้อย ก่อนจะลูบกลุ่มผมสีดำนุ่มมือ เริ่มต้นแกะเส้นขนออกจากฝ่ามือเล็กบาง
“ตัวเล็ก ดึงขนของมิลาด้ามาทำไมครับ มิลาด้าเจ็บนะ”
“มะเจ็บ มิลาด้ามะเจ็บ” พูดพร้อมปฏิเสธขึงขัง ไมเคิลตอบรับพร้อมปัดเศษดินออกจากเนื้อตัวของเด็กน้อย
“ครับๆ ไม่เจ็บก็ไม่เจ็บ แล้วนี่ไปวิ่งเล่นที่ไหนมาครับ ทำไมมอมแมมแบบนี้” ว่าพร้อมลูบเนื้อตัวไปมา เด็กน้อยหัวเราะคิกคัก ก่อนจะชี้ออกไปที่มุมหนึ่งของคฤหาสน์หลังโต
“นิโคลนอนเย่นตงนู้นนนน คิกคิก” เด็กน้อยหัวเราะคิกคัก พร้อมรอยยิ้มสดใส ต่างคนฟังที่ใจกระตุกไหววูบ เอ่ยบอกเสียงนุ่มทุ้มอีกครั้ง
“พาพี่ไปได้ไหมครับ”
“อื้อ!”
และนั่นเป็นการปิดฉากการตามหานายใหญ่ของบ้านตลอดระยะเวลา 3 เดือน ถ้าเด็กน้อยรู้ว่าการพาพี่ชายไปเจอนิโคลัสในครั้งนั้นจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล เอวาคงไม่พาไมเคิลไปพบเป็นแน่แท้.....
สิ่งที่จำได้ในความทรงจำเกี่ยวกับนิโคลัสนั้นคือภาพของโลงไม้ขนาดใหญ่ที่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาวงดงาม มีภาพของนิโคลัสถูกประดับไว้ใกล้ๆ กัน ไมเคิลที่สวมใส่ชุดสูทสีดำสง่างามและกำลังกุมกระชับมือน้อยๆ ของเอวาในชุดสูทสีดำเช่นเดียวกันหากแต่เป็นขาสั้นเอาไว้แทน ทั้งคู่มายืนหลบมุมอยู่ที่ด้านหนึ่งของงาน ทำเพียงจ้องมองไปทางโลงศพนั้นอย่างเงียบๆ
เพียงไม่นานนักโรมีโอที่สวมใส่ชุดสูทสีดำเช่นเดียวกันก็ขยับมายืนอยู่ข้างกายของไมเคิล ก้มลงกระซิบอะไรบางอย่าง และผละไป ไมเคิลพยักหน้ารับ ส่งมือน้อยๆ ที่กำลังกอบกุมอยู่ให้กับโรมีโอแทน ความอบอุ่นจางหายไป ทำให้เด็กน้อยยืนมองมือของตนเองอยู่ชั่วครู่ ในตอนที่กำลังจะร้องตามไมเคิลไป มืออีกข้างก็ถูกดึงรั้งเอาไว้ พร้อมเสียงชู่วแผ่วเบา
“บอสต้องไปรับแขกครับคุณหนู แขกคนนี้สำคัญมาก บอสต้องไปรับด้วยตัวเอง คุณหนูเป็นเด็กดีรออยู่ตรงนี้นะครับ”
“อื้อ! เอวาเด็กดี!” เด็กน้อยตอบรับเสียงใส แล้วยืนนิ่งอยู่กับที่ ภาพๆ หนึ่งที่สะกดตรึงสายตา คือภาพของไมเคิลที่สะบัดชายเสื้อคลุมลายมังกรคำรามสีดำดิ้นทองไปทางด้านหลัง ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่า มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นทาบทับแผ่นอกด้วยท่าทีองอาจสง่างาม ค้อมหัวลงต่ำพร้อมเอ่ยคำต้อนรับ
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พระนางทรงเสด็จมาด้วยพระองค์เอง หากมีสิ่งใดผิดพลาดไปกระหม่อมขอทรงประทานอภัยด้วย....”
“ไม่ต้องมากพิธีหลานชาย ลุกขึ้นเถิด” ไมเคิลค้อมหัวให้อีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงดั่งเดิม
และนั่นคือความทรงจำสุดท้ายที่เด็กน้อยจำได้สำหรับเรื่องราวในวัยเด็กของตน.....
.
.
.
“เหม่ออะไรครับ” บาร์ค หรือ บารอน เพื่อนคนสนิทของไมเคิลที่ได้รับหน้าที่ให้ช่วยดูแลดวงใจของบ้านเอ่ยถามเด็กตัวน้อยที่กำลังนั่งมองเหม่ออยู่ในสวนสวยที่ถูกจัดทำขึ้นเพื่อเจ้าตัวโดยเฉพาะ
“คิดถึงพี่จ๋า...”
“หึหึ ไมเคิลทำงานครับ อีกไม่นานเดี๋ยวมันก็กลับแล้ว” ว่าพร้อมวางจานขนมลงบนโต๊ะ แล้วขยับไปยีเส้นผมสีดำนุ่มมือ ซึ่งเด็กน้อยก็ปัดออกในทันที
“อย่ามาแกล้งหนูนะ!” เสียงเล็กๆ นั้นขู่ฟ่อเหมือนลูกแมวตัวจิ๋ว ยิ่งทำให้บารอนหัวเราะชอบอกชอบใจเข้าไปใหญ่
“เอ้า พี่ยอมให้เราทำคืนเลยก็ได้” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับโน้มตัวลง ทำให้ศีรษะของตนอยู่ตรงหน้าเด็กน้อย
“หน็อย อย่าคิดว่าหนูไม่กล้านะ!” เสียงเล็กร้องลั่นแล้วจับกระชากกลุ่มผมสีน้ำตาลแดงมาเต็มกำมือ ก่อนจะเริ่มดึงทึ้งอย่างรุนแรง
“โอ้ยๆๆ ยอมแล้วครับๆ โอ้ย!” บารอนถอนตัวออกอย่างรวดเร็ว แล้วยืดตัวขึ้นในทันทีที่เป็นอิสระ ใช้นิ้วชี้ไปที่มือของเด็กน้อยพร้อมร้องเสียงดัง
“เรื่องนี้ต้องถึงไมค์! รอก่อนเถอะ! ให้พี่เก็บหลักฐานก่อน!” ว่าพร้อมทำท่าล้วงควักโทรศัพท์มือถือออกมาเตรียมไว้ เอวาร้องออกมาเสียงดังด้วยความตื่นตระหนก
“ไม่นะ!!” ว่าแล้วก็โยนกระจุกผมสีน้ำตาลแดงทิ้งอย่างไม่ไยดี ทำให้บารอนแสดงท่าทีเสียใจออกมา ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้กระซิกๆ
“โถ่ เส้นผมที่น่าสงสารของข้า!” เอวาเบ้หน้าให้กับความเล่นใหญ่ของเพื่อนพี่ชายโดยไม่พูดอะไรออกไป
“โฮ ฮืออออ”
“.....”
“เส้นผมที่น่ารักๆ ของพี่ ฮึก”
“.....”
“ฮื้อๆๆ เส้นผมของพี่ตายแล้ว!”
“โอ้ยยย ยอมก็ได้! หนูขอโทษ! พอใจยั้ง!” ว่าพร้อมทำหน้ามุ่ย ในขณะที่อีกคนปรายสายตามองพร้อมเบ้ปากใส่
“ไหนคือความจริงใจ ใช่ซิ๊ พี่ไม่ใช่ไมค์นี่!” เอวาทำแก้มพองลม ก่อนจะเอ่ยปากบอก
“อ้ะ หนูให้ทำคืนเลย” ว่าพร้อมนั่งหันหลังกอดอก บารอนผุดรอยยิ้มขึ้นอ่อนบาง ก่อนจะหยิบเอาหวีและหนังยางขึ้นมาเตรียมพร้อม วางลงบนโต๊ะข้างตัว
“ขืนพี่ทำไมเคิลมาแหวกอกพี่กันพอดี ใครก็รู้มันหวงเราอย่างกับอะไร”
“แน่นอน พี่จ๋ารักหนูที่สุด แบร่!” ว่าพร้อมหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส ในขณะที่บารอนจับให้ศีรษะเล็กหันให้ถูกทิศถูกทาง
“หันดีๆ ผมออกมาเบี้ยวพี่ไม่รู้ด้วยนะ” พูดว่าพร้อมกับทำผมไปพลาง ในขณะที่เด็กน้อยนั่งเตะเท้าไปมาอยู่ที่เก้าอี้ เวลาผ่านไปไม่นานนัก บารอนก็ผละออกไปเล็กน้อย ยังไม่วายหันมาออกคำสั่ง
“ห้ามจับนะ” และนั่นทำให้เอวาลดมือลงอย่างช้าๆ ทำหน้างอง้ำ ก่อนที่บารอนจะกลับมาอีกครั้งพร้อมช่อดอกไม้ในมือที่เก็บเอาจากแถวๆ นี้ จัดการเสียบดอกไม้ต่างๆ ลงบนศีรษะของเด็กน้อย แล้วกดแชะภาพหลากหลายอิริยาบถ ส่งให้กับเพื่อนสนิทของตนได้ดู
“หนูดูบ้างงง” เอวาร้องเสียงใสพร้อมกับพยายามแย่งโทรศัพท์ออกไปจากมือ และบารอนก็ยอมหยิบยื่นให้หลังจากที่พิมพ์แชทคุยกับไมเคิลเสร็จแล้ว
“ให้มันรู้ซะบ้างว่าฝีมือใคร หึหึ ไมเคิลต้องรีบแจ้นกลับมาแน่” คำพูดนั้นทำให้เอวาหันไปมองด้วยความไม่เข้าใจ กลัวว่าจะยังไม่ชัดพอจึงส่งเสียงถามไปอีกหน
“ทำไมง้ะ” บารอนเลิกคิ้วขึ้นมอง ก่อนจะหัวเราะในลำคอ จับศีรษะเล็กโยกไปมาจนเจ้าของร่างมึนงง
“เดี๋ยวก็รู้” ว่าพร้อมคลี่ยิ้ม เดินผิวปากมือล้วงกระเป๋ากางเกงเดินเข้าไปในคฤหาสน์ ทิ้งให้เอวากะพริบตาปริบๆ ด้วยความไม่เข้าใจ
Michael Partและแล้วเอวาก็ได้รู้ว่าเพราะอะไร เพราะตอนนี้ไมเคิลกำลังดึงทึ้งดอกไม้ออกจากศีรษะเล็กพร้อมแกะเปียผมออกไปพลาง ปากก็ยังคงบ่นไม่หยุด“ตัวเล็ก คราวหลังอย่าให้คนอื่นเล่นผมนะคะ”“บาร์คไม่ใช่คนอื่นนน” เด็กน้อยลากเสียงยานค้าง ทำให้ไมเคิลปรายตามองเพื่อนสนิท ก่อนจะเอ่ยปากอีกหน“ไม่ใช่คนอื่น แต่พี่ก็ไม่ให้ใครเล่นค่ะ พี่หวง” ว่าพร้อมกับหยิบหวีขึ้นมาสางผมสีดำสนิทอย่างเบามือ“เจ็บไหมคะ บาร์คมือหนัก เบาไม่เป็น” ว่าพร้อมกับเริ่มมัดผมให้ใหม่ คนถูกกล่าวถึงรีบแทรกขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว“เฮ้ๆ ให้มันน้อยๆ หน่อย อย่าเวอร์น่า” เพียงเท่านั้นไมเคิลก็ตวัดสายตามองจ้องดุดันด้วยสายตาเย็นเหยียบ หากแต่บารอนไม่เกรงกลัว หัวเราะในลำคอ และเอื้อมหยิบแก้วไวน์จากถาดสีเงินที่โรมเดินนำมาเสิร์ฟได้ทันท่วงที ก่อนที่ถาดนั้นจะวางลงบนโต๊ะ“ไปซะบาร์ค.....” ไมเคิลเหลือบตามองด้วยความเฉยชา ในดวงตาปรากฏร่องรอยความขุ่นเคืองใจ แต่คนโดนไล่กลับหัวเราะในลำคอแผ่วเบาอย่างชอบใจ ยกแก้วขึ้นดื่มจนหมดแล้วเอนตัวนอนลงบนเบาะกำมะหยี่สีแดงสดดิ้นทองอย่างสบายอารมณ์“ไม่ไป นานๆ นายจะกลับมาสักที”“ใครจะนั่งว่างเหมือนนายกันบาร์ค”“ใครบอกว่าฉันว่าง
Michael Partไมเคิลกำลังลูบศีรษะเล็กที่วางเกยอยู่บนตักด้วยความเอ็นดู ปลายนิ้วมือม้วนปอยผมสีดำสนิทไปมาอย่างเพลิดเพลิน ในขณะเดียวกันก็อดที่จะเอ่ยปากไม่ได้“นายเคยเห็นอะไรแบบนี้ไหม โรม.....” ว่าพร้อมใช้ปลายนิ้วมือเกลี่ยแก้มนุ่มแผ่วเบา“ครับ?”“เทพธิดาตัวน้อยที่วิ่งเล่นบนโลกมนุษย์.....” เพียงได้ยิน โรมีโอก็เผยรอยยิ้มออกมา ก่อนจะตอบรับกลับไปอย่างนอบน้อม“เคยครับ”“เคยรึ?” ถามโดยไม่แม้แต่สนใจจะเงยหน้ามอง หากแต่โรมีโอก็ยังคงเอ่ยปากตอบอย่างหนักแน่น“ใช่ครับ..... น้องของผมเอง.....” โรมีโอมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเล็กน้อยยามกล่าวถึงบุคคลในอดีตที่ตนกำลังนึกถึง“นายมีน้อง? .......”“ครับ จำได้ว่าพ่อกับแม่มักจะไม่ค่อยพาน้องออกงานเท่าไหร่นัก” โรมีโอเว้นไปจังหวะหนึ่ง ก่อนจะหันมาพูดคุยกับนายของตน“พวกท่านบอกว่าน้องร่างกายไม่แข็งแรง ต้องแยกอยู่ต่างหาก ให้ใกล้ชิดกับแพทย์ จึงไม่อยากพาออกไปไหนน่ะครับ แต่สำหรับผมแล้วน้องเหมือนเทวดาตัวน้อยๆ เช่นเดียวกันกับคุณหนูเลยล่ะครับ” ไมเคิลเหลือบตาขึ้นมองเพียงชั่วครู่ แล้วจึงละไป แม้จะเป็นเพียงการสบตากันไม่นานนัก แต่บ่งบอกได้ว่าโรมีโอมองเอวาด้วยความอ่อนโยนอย่างที่ส
Ava Part“อย่ามายุ่งนะ!” เสียงใสร้องดังขึ้น สองมือก็เอื้อมคว้า พยายามหยิบของที่ถูกฉกชิงไปกลับคืนอย่างสุดความสามารถ“แค่การ์ดต้องตั้งใจขนาดนี้ไหม?” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีใบหน้าหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มเบ้ปากใส่พร้อมกับยื่นส่งการ์ดใบเล็กกลับคืน เอวาทำหน้ามุ่ยแล้วรีบคว้าการ์ดนั้นมาไว้ในมือ ทำแก้มพองลมอย่างน่ารักน่าชัง“ตั้งใจสิ! อันนี้เอาไว้ให้พี่จ๋านะ!” ว่าพร้อมเชิดหน้าขึ้น คนฟังกลอกตาใส่อย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะนั่งเท้าคางมองเด็กตัวเล็กที่อายุไม่น้อยนั่งทำการ์ดแนบกับของขวัญอย่างตั้งอกตั้งใจ ก่อนจะโคลงหัวไปมา แล้วเอื้อมคว้าอีกครั้ง“อย่าจับนะ!!” เสียงใสร้องแว๊ดเข้าให้อีกหน ใช้สองแขนกวาดต้อนข้าวของทั้งหมดที่กองบนโต๊ะไปไว้ในอ้อมแขนอย่างหวงแหน ดวงตากลมโตสีฟ้าสดใสขึ้งใส่มองแรง แต่กลับดูน่ารักน่าชังเหมือนลูกแมวขู่ฟ่อกระไรอย่างนั้น“ก็ฉันเบื่อนี่!!” ซีนอนพูดอย่างมีน้ำโห ท่านั่งแปรเปลี่ยนเป็นการนั่งกอดอกเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยินยอมเช่นกัน“มีงานก็ไปทำจิ! จะมาเฝ้าหนูทำไม!” ซีนอนเบ้ปากใส่อีกหน ก่อนจะพึมพำออกมา“ก็นั่งมองเด็กมันคืองานของฉันนี่!”“พี่ซีว่าอะไรนะ?” เอวาถามพร้อมเอียงคอมองอย่างสงสัย ซีนอนโบกมือไ
Ava Part“คุณหนู ถึงเวลาแล้วครับ”“อื้อ!” เอวาตอบรับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เพราะช่วงเวลาที่ตนรอคอยมาทั้งวันได้มาถึงแล้ว“แล้วพี่จ๋าล่ะ?” ถามพร้อมกับเอียงคอมองน้อยๆ โรมีโอส่งยิ้มเอ็นดูบางเบา แล้วตอบกลับเสียงนุ่มทุ้ม“ไปรอที่งานแล้วครับ” ว่าพร้อมกับยื่นส่งชุดสูทสีขาวส่งให้ เด็กน้อยพยักหน้าหงึกๆ แล้วรับไปสวมใส่แต่โดยดี ในขณะที่โรมีโอก็ผละไปจัดการตัวเองบ้างวันนี้เป็นวันเกิดของไมเคิล ทำให้เจ้าตัวยุ่งวุ่นวายตั้งแต่เช้า เนื่องจากมีคนมากมายเดินตบเท้าเข้ามาหาถึงบริษัทเพื่อแสดงความยินดีและมอบของขวัญเล็กๆ ให้ ในช่วงบ่ายก็ต้องตระเตรียมงานคอยดูแลความเรียบร้อยของงานที่จะมีขึ้นในช่วงเย็นลากยาวไปจนค่ำ ซึ่งสถานที่จัดงานไม่ใช่ที่ไหนไกล แต่เป็นที่คฤหาสน์หลังโตนี้เอง ทำให้เอวาที่เข้าครัวคอยช่วยเรื่องของข้าวปลาอาหารและขนมต่างๆ สุดฝีมือ โดยมีไมเคิลแวะเวียนมาดูเป็นระยะ หาเศษหาเลยไปตามเรื่อง และไม่อยากให้น้องน้อยต้องทำงานหนักเกินไปนักในตอนนี้เป็นเวลาที่เจ้าบ้านต้องไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อรอต้อนรับแขกที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ ซึ่งไมเคิลได้จัดเตรียมชุดเอาไว้ให้น้องน้อยเป็นที่เรียบร้อยแล้วเอวาอา
Michael Partไมเคิลเดินกลับมาหาน้องน้อย และคอยดูแลข้างกายไม่ห่าง ด้วยกลัวว่าเด็กน้อยในปกครองจะถูกรังแกอีกครั้งจากคู่ขาเก่าๆ ทำให้ไมเคิลนั่งจ้องไม่ละสายตา แต่ถึงแม้จะไม่มีงานเลี้ยงนี่ เขาก็เต็มใจที่จะนั่งมองเด็กน้อยเจ้าของดวงใจไปทั้งวันอยู่ดีไมเคิลยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเอวาเริ่มสัปหงก ริมฝีปากน้อยๆ นั้นอ้ากว้างหาวออกมาเหมือนแมวง่วง ยิ่งทำให้น่ารักน่าเอ็นดูเข้าไปใหญ่ จนอดไม่ได้ที่จะจิ้มแก้มใสเบาๆ เป็นการเรียกสติ“ง่วงแล้วหรอครับ”“อื้อ...” เอวาตอบรับด้วยการครางรับเบาๆ ดวงตาปรือปรอยใกล้จะปิดพับลง ไมเคิลลูบเส้นผมสีดำสนิทเบาๆ ก่อนจะหันไปสั่งการกับคนข้างกาย“โรม.... ไปส่งเอวา....”“ครับบอส” โรมีโอตอบรับเสียงนุ่ม แล้วเดินอ้อมไปหาเด็กน้อยที่นั่งโงนเงนอยู่บนเก้าอี้ เมื่อเดินไปถึงเด็กน้อยก็ชูมือขึ้นเชิงอ้อนให้อุ้ม โรมีโอเหลือบตามองบอสของตนเล็กน้อย ก่อนจะโน้มตัวลงไป เอวาก็ไต่ขึ้นมาเกาะ นอนซบบ่าของโรมีโอทันที ทำให้ชายหนุ่มต้องใช้สองมือรองก้นเด็กน้อยเอาไว้คิ้วของชายผู้มีรอยสักลายมังกรขมวดเข้าหากันในทันที นัยน์ตามีเปลวไฟเป็นประกายลุกโชน มองจ้องชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลเข้มไม่ละสายตา ก่อนจะ
“พี่จ๋า”“.....”“พี่จ๋าาาาา” ไมเคิลยกยิ้มมุมปากให้เสียงงุ้งงิ้งข้างหูที่มาพร้อมแรงเขย่าเบาๆ ที่แขนข้างหนึ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นเด็กน้อยเจ้าของดวงใจนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่ข้างเตียง ในมือถือเค้กชิ้นเล็กที่เจ้าตัวตั้งใจทำมาเป็นอย่างดียกขึ้นสูงไมเคิลยันตัวขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอน แล้วขวักมือเรียกน้องน้อยให้เข้ามาหาก่อนจะตบปุๆ ลงบนเตียง ในจุดที่ตนอยากให้ตัวเล็กขยับขึ้นมานั่ง เอวาขยับตัวตามมาอย่างว่าง่าย ทรุดตัวนั่งลงตรงหว่างขา ก่อนจะยื่นส่งกล่องไม้ขีดไฟให้กับไมเคิล ไมเคิลรับเอามาถือไว้ก่อนจะจุดไฟที่ปลายหัวไม้ขีด ไม่ลืมที่จะหยอกเย้าน้องน้อยด้วยความบันเทิงใจ“เลยวันเกิดพี่มาแล้วครับ” เด็กน้อยทำหน้าหงอยใส่ ช้อนสายตาขึ้นมอง“หนะ หนูตั้งใจทำสุดฝีมือเลยนะ” เด็กน้อยพยายามสรรหาเหตุผลต่างๆ นานามาโน้มน้าวคนพี่สุดความสามารถ ไมเคิลหัวเราะในลำคอ ก่อนจะยกมือขึ้นเกลี่ยแก้มใสไปมาแผ่วเบา“งั้นให้เป็นวันเกิดของตัวเล็กแทนได้ไหมคะ”“วันเกิดหนูหรอ?” เด็กน้อยถามพร้อมกับเอียงคอมอง ไมเคิลจึงหัวเราะหึหึในลำคอ แล้วเอ่ยตอบด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน“หึหึ ใช่ค่ะ วันเกิดครบอายุ 18 ของหนูไงคะ” เอวามุ่ยหน้าบึนปากใส่ ก่อนจะตอบ
Romeo Part“ฮือออ โรมจ๋า โรม....” เด็กน้อยสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของชายคนหนึ่งที่ตนยกให้เป็นเสมือนพี่ชายอีกคน โรมีโอถอนหายใจแผ่วเบา สองมือคอยโอบอุ้มประคองและลูบไล้แผ่นหลังเล็กบางนั้นอยู่ตลอดเวลาเวลาผ่านไปเนินนานกว่าที่เสียงร่ำไห้นั้นจะหยุดลง โรมีโอก้มลงมองคนในอ้อมแขน พบว่าคุณหนูของบ้านร้องไห้หนักจนผล็อยหลับไปเสียแล้วดังนั้นแล้วผู้ช่วยหนุ่มจึงค่อยๆ จับร่างเล็กให้เอนตัวลงนอน ขยับเข้าไปในห้องน้ำ หยิบผ้าผืนเล็กและกะละมังออกมา ผ้าขนหนูนุ่มนิ่มลูบไล้ไปทั่วกายบาง แววตาที่ชายหนุ่มทอดมองเต็มไปด้วยความอาทรใจ ปลายนิ้วเกลี่ยแพขนตางอนไปมา แล้วเช็ดตัวจนเสร็จเรียบร้อย ผลัดเปลี่ยนเสื้อให้เป็นชุดสำหรับใส่นอนสบายตัว แล้วทิ้งตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอนข้างๆ ฝ่ามือลูบไล้ศีรษะและใบหน้าหวานไปมา ราวกับจะช่วยกล่อมนอนให้นอนหลับฝันดีแกร๊ก!เสียงเปิดประตูดังขึ้นแผ่วเบา แต่กระนั้น ก็ไม่ได้ทำให้โรมีโอหันไปสนใจมอง ใครบางคนเดินเข้ามาใกล้และหยุดลงที่ข้างเตียงอีกฝั่งหนึ่ง น้ำเสียงที่เคยทรงพลังเปี่ยมไปด้วยอำนาจแหบพร่าไร้เสียง“ออกไป.....”“ไม่” เสียงตอบปฏิเสธดังกลับมาในทันที ทำให้คนที่มีดวงตาสีทองเรืองรองเข้มขึ้น กดเสียง
บรรยากาศระหว่างไมเคิลและโรมยังคงเป็นไปอย่างอึมครึมเช่นเดิม จนตอนนี้ก็ผ่านเลยไปเกือบสัปดาห์แล้ว แต่ดูเหมือนทั้งคู่จะยังคงเป็นแบบนี้ต่อไปอีกเรื่อยๆไมเคิลมองตามคนที่เดินไปเดินมาภายในห้องไม่ละสายตา ตั้งแต่เดินไปชงชา จัดเตรียมขนม นำมาวางลงตรงหน้า แล้วขยับไปจัดเอกสาร หยิบเอาแฟ้มที่ต้องการออกไป เดินไปทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะทำงานตัวเอง แล้วผุดลุกขึ้นมาอีกครั้ง ขยับไปที่ตู้เอกสาร หยิบแฟ้มออกมาหนึ่งเล่ม และเดินกลับมาที่เดิมการทำงานทุกอย่างยังคงเป็นไปเช่นเดิม ไม่มีอะไรติดขัด ทั้งคู่ยังคงทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพียงแต่ไม่เหมือนเดิมแต่เดิมโรมีโอก็ไม่ใช่คนช่างพูดอยู่แล้ว อีกฝ่ายจะพูดเมื่อจำเป็น ไม่ทำอะไรที่เป็นการขัดใจเขา ตอนนี้ก็ไม่ต่างกัน ติดอยู่ตรงที่ว่ารอยยิ้มที่เคยมีติดอยู่บนใบหน้าเป็นนิจได้เลือนหายไป......กึก!ไมเคิลหยุดมือที่กำลังขยับเซ็นชื่อบนเอกสาร เงยหน้ามองคนที่หยุดอยู่ตรงข้าม เห็นผู้ช่วยคนสนิทวางเอกสารลงตรงหน้า พร้อมเอ่ยปากอธิบาย“งานสุดท้ายของวันนี้ครับ”“อืม....” ไมเคิลครางรับในลำคอแผ่วเบา และเลื่อนเอกสารเข้ามาดูใกล้ๆ“พรุ่งนี้บอสมีเข้าพบพระนางตอน 9 โมงเช้าครับ” ไมเคิลพยักหน้าร
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา