Michael Part
ไมเคิลกำลังลูบศีรษะเล็กที่วางเกยอยู่บนตักด้วยความเอ็นดู ปลายนิ้วมือม้วนปอยผมสีดำสนิทไปมาอย่างเพลิดเพลิน ในขณะเดียวกันก็อดที่จะเอ่ยปากไม่ได้
“นายเคยเห็นอะไรแบบนี้ไหม โรม.....” ว่าพร้อมใช้ปลายนิ้วมือเกลี่ยแก้มนุ่มแผ่วเบา
“ครับ?”
“เทพธิดาตัวน้อยที่วิ่งเล่นบนโลกมนุษย์.....” เพียงได้ยิน โรมีโอก็เผยรอยยิ้มออกมา ก่อนจะตอบรับกลับไปอย่างนอบน้อม
“เคยครับ”
“เคยรึ?” ถามโดยไม่แม้แต่สนใจจะเงยหน้ามอง หากแต่โรมีโอก็ยังคงเอ่ยปากตอบอย่างหนักแน่น
“ใช่ครับ..... น้องของผมเอง.....” โรมีโอมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเล็กน้อยยามกล่าวถึงบุคคลในอดีตที่ตนกำลังนึกถึง
“นายมีน้อง? .......”
“ครับ จำได้ว่าพ่อกับแม่มักจะไม่ค่อยพาน้องออกงานเท่าไหร่นัก” โรมีโอเว้นไปจังหวะหนึ่ง ก่อนจะหันมาพูดคุยกับนายของตน
“พวกท่านบอกว่าน้องร่างกายไม่แข็งแรง ต้องแยกอยู่ต่างหาก ให้ใกล้ชิดกับแพทย์ จึงไม่อยากพาออกไปไหนน่ะครับ แต่สำหรับผมแล้วน้องเหมือนเทวดาตัวน้อยๆ เช่นเดียวกันกับคุณหนูเลยล่ะครับ” ไมเคิลเหลือบตาขึ้นมองเพียงชั่วครู่ แล้วจึงละไป แม้จะเป็นเพียงการสบตากันไม่นานนัก แต่บ่งบอกได้ว่าโรมีโอมองเอวาด้วยความอ่อนโยนอย่างที่สุด
“เอวาเป็นของฉัน.....” พูดพร้อมขยับท่าทางเด็กน้อยให้มานั่งตัก จับเอนศีรษะให้พิงซบอยู่ที่อก สองแขนคอยตระกองกอดไม่ห่างกาย ขณะที่พูดไปก็มองจ้องโรมีโอเขม็ง โรมีโอหัวเราะในลำคอแผ่วเบา ก่อนจะเอ่ยตอบกลับมาเมื่อเห็นท่าทางนั้นของบอสใหญ่
“ผมเห็นคุณหนูเป็นเหมือนน้องชายคนหนึ่งเท่านั้นครับ บอสสบายใจได้”
“เหอะ.... อย่าให้รู้....” โรมีโอยกยิ้มบางเบาให้กับถ้อยคำนั้น แล้วหันกลับไปสนใจถนนหนทางต่อ
ตอนนี้บุคคลทั้งหมดกำลังเดินทางกลับจากงานเลี้ยงของเพื่อนคนหนึ่งในแวดวงธุรกิจของไมเคิล โดยปกติและชายหนุ่มจะมากับโรม ผู้ช่วยคนสนิท หากแต่วันนี้ผิดแปลกจากปกติไปสักเล็กน้อย เมื่อเจ้าเด็กตัวจ้อยไม่ยอมรออยู่ที่บ้าน ร้องงอแงจะขอตามมาด้วย เพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะหนีหายไปในยามตื่นนอน (แน่นอนว่าไมเคิลจะหายไปจริงๆ เพราะงานที่พันรัดตัวจนยุ่งเหยิง) แต่ไม่อาจใจแข็งปฏิเสธน้องน้อยได้ จึงยอมตกปากรับคำว่าจะพามาด้วย และตอนนี้เวลาก็ล่วงเข้าวันใหม่ไปแล้ว เจ้าเด็กตัวเล็กถึงได้หลับคอพับคออ่อนนอนซบอกคนเป็นพี่ไม่รู้เรื่องรู้ราว
ไมเคิลไล้ปลายจมูกไปตามกลุ่มผมนุ่มที่วันนี้ถูกจับมัดรวบๆ ไว้ที่ด้านหลัง เพราะไมเคิลปฏิเสธที่จะทำผมให้เด็กน้อยโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางผู้คน ดังนั้นแล้วเพียงนิ้วเกี่ยวสะกิดเบาๆ เส้นผมสีดำก็แผ่สยายทิ้งตัวเรียงสวยจนชายหนุ่มอดใจไม่ไหวที่จะก้มลงไปดอมดม
“หอม.....” ชายหนุ่มค่อยๆ วางร่างของน้องน้อยให้นอนราบไปกับเบาะรถ แล้วพาตัวเองไปคร่อมทาบทับ ปลายจมูกปัดป่ายไปมาที่กลุ่มผมและลามเลยมายังพวงแก้มนุ่ม
“หอม.....” ว่าจบก็กดจมูกลงไปอีกหน
“อื้ออออ” ซึ่งเอวาก็ส่งเสียงครางเครือแล้วหันหน้าหนีไป เปิดเผยลำคอขาวน่าฝากฝังรอยรักเอาไว้ให้ปรากฏ ไมเคิลสูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกลำคอแห้งผากต้องการน้ำมาหล่อเลี้ยง ปลายลิ้นเรียวแล็บออกมาช้าๆ ก่อนจะตวัดเลียไปตามลำคอขาวอย่างหลงใหลและพลั้งเผลอ
“อื้ออ คิกๆ” เด็กน้อยหัวเราะให้กับความจั๊กจี้นั้น ก่อนจะหันหน้าหนีพลิกไปอีกทาง ไมเคิลมองลำคอขาวอีกข้างด้วยดวงตาพร่ามัว ได้ชิมเมื่อครู่นี้จึงรู้ว่าหวาน.... แล้วถ้าได้ชิมอีกข้าง..... จะหวานมากขนาดไหน.....
และในตอนนั้นเองที่กำลังจะทำอย่างใจอยาก ก็มีเสียงบางอย่างกระแอมไอขึ้นมาเสียก่อน
“อะแฮ่ม..... ถึงแล้วครับ” ไมเคิลหันไปตวัดสายตามองจ้องโรมอย่างดุดัน ทำให้โรมเสมองหลบไปทางด้านนอกแล้วพูดขึ้นมาลอยๆ แทนเสียอย่างนั้น
“อะแฮ่ม คุกๆ นะครับ” คำว่า ‘คุก’ ที่มาในรูปแบบการกระแอมไอ ทำให้ไมเคิลตวัดตามองด้วยสายตาเย็นเฉียบจนคนถูกจ้องเสียวสันหลังวาบ ชายหนุ่มเอ่ยปากออกมาพร้อมใช้ปลายจมูกไล้ไปตามผิวแก้มเนียนนุ่มแผ่วเบา
“เรื่องอื่นก็คุกยังไม่เห็นจะกลัว......”
“โถ่ ก็มันไม่เหมือนกันนี่ครับ เรื่องพวกนั้นยังมีพระนางคอยสนับสนุน แต่ว่าเรื่องนี้น่ะ...... บอสคนเดียวเลย”
“เหอะ......” ส่งเสียงร้องอย่างดูแคลน แต่แทนจะขยับผละออก กลับก้มลงไปดูดดุนริมฝีปากเล็กๆ นั้นอย่างมันเขี้ยวแทน แล้วจึงยืดตัวขึ้นด้วยความพึงพอใจ ต่างจากโรมีโอที่ชี้มือชี้ไม้ปากคอสั่นระริก
“บอสครับ! คุณหนูยังเด็กนะ!”
“งั้นรึ.....” ตอบรับพร้อมปรายสายตามองเด็กน้อยในปกครองที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราว โรมีโอถอนหายใจ ก่อนจะเก็บคืนท่าทีกลับมาสงบนิ่งตามเดิม โคลงศีรษะเล็กน้อย แล้วจึงลงจากรถไปเปิดประตูให้ ไมเคิลโอบอุ้มเด็กน้อยขึ้นแนบอกอีกครั้ง พาเดินขึ้นไปที่ชั้นบนของบ้าน แล้ววางลงอย่างนุ่มนวลบนเตียงกว้างของเจ้าตัว ไมเคิลจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าของน้องน้อยให้นอนได้สบายขึ้นโดยเปลี่ยนเป็นกางเกงขายาวสีขาว และสวมใส่ชุดคลุมตัวยาวสีขาวบางทาบทับอีกหนเพื่อระบายความร้อน หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าและหาเศษหาเลยให้ตัวเองจนพอใจแล้ว ก็ใช้เวลาอีกชั่วครู่ในการคลอเคลียเด็กน้อยก่อนจะต้องออกเดินทางราวกับไม่อยากจากไปไกล
ประตูห้องถูกเคาะขึ้นเบาๆ เป็นสัญญาณ และถูกเปิดเข้ามาโดยผู้ช่วยคนสนิท ภายในมือของโรมีโอ มีกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งถูกถือไว้แนบตัว และที่พื้นที่ว่างข้างๆ กันนั้นก็มีกระเป๋าใบใหญ่อีกใบ ไมเคิลถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ แล้วจึงกดจูบลงบนหน้าผากกว้าง กระซิบถ้อยคำข้างใบหูเล็ก
“ฝันดีนะครับตัวเล็ก พี่จะรีบกลับนะ” ว่าจบก็ผุดลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่ประตูห้อง หันกลับมามองน้องน้อยอีกครั้งก่อนจะปิดประตูลงอย่างแผ่วเบาไร้สุ้มเสียง สองขายาวของชายหนุ่มก้าวเดินอย่างมั่นคง ไม่ได้เดินไปที่หน้าบ้านแต่กลับไปที่ด้านหลังแทน
เครื่องบินลำใหญ่ถูกตระเตรียมไว้พร้อมสรรพ ไมเคิลหยุดจังหวะการก้าวเดินไปหนึ่งจังหวะ เมื่อเสื้อคลุมสีดำสนิทปักลายดิ้นทองรูปมังกรถูกคลุมลงมาบนไหล่ทั้งสองข้างโดยฝีมือของโรมีโอ ซึ่งไมเคิลทำเพียงปรายสายตามองเล็กน้อยก่อนจะก้าวเดินต่อไปโดยไม่ทักท้วงอะไร เมื่อขึ้นมานั่งประจำที่ ใบพัดก็เริ่มหมุนวน บ่งบอกให้รู้ว่ากำลังจะขึ้นบินในไม่ช้า
ไมเคิลทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ประจำของตน สองขาไขว่ห้างมือเท้าคางมองไปที่หน้าต่างบานหนึ่ง คิ้วคู่คมขมวดเข้าหากันพร้อมกับดวงตาที่เพ่งพิศมองจ้อง ก่อนจะขยับท่านั่งให้เห็นหน้าต่างบานนั้นได้ถนัดถนี่ โรมีโอที่สังเกตเห็นความผิดปกตินั้นหันไปเอ่ยปากถามกับนายของตนด้วยความแปลกใจ
“มีอะไรรึเปล่าครับบอส?” ถามพร้อมหันมองในทิศทางเดียวกัน พบเพียงหน้าต่างที่ถูกเปิดกว้างและผ้าม่านที่พลิ้วไหวตามลม จนอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ ไม่ใช่ว่าตอนออกมาหน้าต่างปิดสนิทหรอกหรือ.......
โรมีโอแสดงสีหน้าตื่นตระหนก มือเอื้อมคว้าหยิบโทรศัพท์เตรียมโทรออกเพื่อประสานงานกับบอดี้การ์ดภาคพื้นดิน ในตอนนั้นเองที่ไมเคิลยื่นมือออกมากันไว้เพื่อเป็นการยับยั้งการกระทำ โรมีโอชะงักมือที่กำลังจะโทรออกด้วยความไม่เข้าใจเงยหน้ามองผู้เป็นนาย กลับได้พบรอยยิ้มอ่อนบางและอ่อนโยนประดับบนริมฝีปาก ทำให้โรมีโอหันมองตามทิศทางนั้นอย่างช่วยไม่ได้
ไม่ใช่เพราะมีคนบุกรุกแต่อย่างใด......
แต่เพราะ.....
เด็กตัวเล็กผิวขาวผ่องภายใต้ชุดนอนสีขาวสบายตากำลังยืนเกาะราวระเบียงห้องเงยหน้ามองขึ้นมาที่ด้านบน เส้นผมสีดำพลิ้วไสวไปตามสายลมพัดหวน แม้จะมองไม่เห็นดวงตาที่มองสบมา แต่จากท่าทางและสีหน้าสามารถบ่งบอกได้ว่าเด็กน้อยรู้สึกเหงาและอ้างว้างมากเพียงใด
โรมีโอมองเจ้านายของตนและเด็กน้อยสลับกันไปมา ก่อนที่จะตัดสินใจเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋าเสื้อตามเดิม สายตายังคงมองส่งจนกระทั่งร่างนั้นเล็กลงและเลือนหายไปในที่สุด
ไมเคิลขยับตัวเล็กน้อย ปรับให้ท่านั่งเข้าที่เข้าทาง แผ่นหลังแนบไปกับเบาะนุ่ม สองขาไขว่กันและวางประสานมือลงบนหัวเข่าด้วยท่วงท่าสง่างามดั่งเดิม โรมีโอหันมองเพียงชั่วครู่ แล้วผุดลุกจากที่นั่ง เดินไปตระเตรียมเครื่องดื่มและอาหารว่างเอาไว้ให้เจ้านายของตน ก่อนจะเดินกลับมาอีกครั้งและวางของทั้งหมดลงที่โต๊ะตัวเล็กข้างตัวของบอสใหญ่
“ให้ผมส่งซีนอนไปอยู่กับคุณหนูดีไหมครับ”
“อืม....” ไมเคิลส่งเสียงตอบรับในลำคอแผ่วเบา โรมีโอค้อมศีรษะเล็กน้อยรับคำสั่ง ก่อนจะขยับจากไปเพื่อติดต่อหาคนปลายทาง
ไมเคิลนั่งนิ่งๆ ตลอดการเดินทาง จนกระทั่งเครื่องแลนดิ้งลงที่ผืนแผ่นดินกว้าง เบื้องหน้าคือปราสาทหลังหนึ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นจากที่นั่ง ขยับและจัดเสื้อสูทของตนอีกเล็กน้อย แล้วจึงก้าวเท้าเดินลงจากเครื่องบินที่มีโรมีโอยืนรออยู่ที่ด้านล่าง
เพียงปลายเท้าเหยียบย่างลงบนพื้นดิน บางสิ่งบางอย่างก็ซึมขึ้นจากพื้นหญ้าจนเลอะรองเท้าหนังสีดำขัดเงาเป็นดวง กลิ่นคาวที่ลอยคละคลุ้งในอากาศทำให้รู้สึกสะอิดสะเอียน ไมเคิลปรายตามองเพียงเล็กน้อยก่อนจะเดินก้าวเท้าอย่างมั่นคง ไม่สนใจเสียงเฉอะแฉะที่ดังตามการก้าวเดิน จวบจนกระทั่งชายหนุ่มเข้ามาถึงภายในตัวบ้านโดยไม่ต้องมีใครเชื้อเชิญ
ไมเคิลเดินเข้าไปที่โซฟาซึ่งตั้งอยู่กลางปราสาท ฝั่งหนึ่งของโซฟามีร่างของชายคนหนึ่งนอนพาดอยู่ที่พนักพิง โรมีโอขยับเข้าไปเก็บกวาดให้เรียบร้อย ในขณะที่ไมเคิลทรุดตัวนั่งลงที่ตรงกลางของโซฟา ก่อนจะยกขาขึ้นไขว่ห้าง มือล้วงหยิบบางอย่างในกระเป๋าเสื้อ หยิบบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้ที่ริมฝีปาก โรมีโอขยับเข้ามาจุดบุหรี่ให้อย่างรู้ใจ ไมเคิลอัดบุหรี่เข้าปอด ก่อนจะปล่อยควันลอยคลุ้งซึ่งมีกลิ่นหอมหวานกระจายไปทั่วบริเวณ กลบกลิ่นคาวไปจนหมดสิ้น
“แย่หน่อยนะ......” พูดพร้อมขยับปลายเท้าตบกระทบเข้ากับใบหน้าของชายผู้หนึ่งเบาๆ ก่อนจะปล่อยควันขาวออกมาอีกระลอก
“อึก! ดะ ได้โปรด.....”
“ชู่ว.....” เสียงปรามเบาๆ ของโรมีโอดังขึ้นพร้อมกับปลายนิ้วที่แตะริมฝีปากบางเบา เพื่อเป็นการบ่งบอกให้เงียบเสียงลงซะก่อนที่อะไรๆ จะแย่ลงไปมากกว่านี้
ไมเคิลปรายสายตามอง ก่อนจะยกยิ้มบางเบาดูราวกับเทพบุตร แต่ใครต่างรู้ดีว่าชายผู้นี้เป็นปีศาจในคราบนักบุญ....
และคนที่มีสิทธิ์ได้เห็นคราบนักบุญที่ว่านั้นก็มีเพียงคนๆ เดียว.......
“ยา... ผู้หญิง....อาวุธ....” ไมเคิลไล่ออกมาช้าๆ และไล่นับนิ้วไปพลาง โดยเริ่มตั้งแต่นิ้วโป้งไปจนถึงนิ้วกลาง ชูขึ้นตรงหน้าของชายผู้หนึ่งซึ่งถูกกักขังอย่างไร้สิ้นหนทางขัดขืน ไมเคิลมองคนที่กำลังตัวสั่นงันงกด้วยความตลกขบขันหากแต่รอยยิ้มนั้นเย็นเหยียบดุจน้ำแข็งในห้วงทะเลลึก
“เทียบไม่ได้กับการกระทำเพียงหนึ่ง.....” นิ้วทั้ง 3 ลดลงจนเหลือเพียงนิ้วชี้เรียวยาวเพียงนิ้วเดียว
“นั่นคือท้าทายอำนาจของพระองค์.....” ไมเคิลหันไปรับแก้วไวน์ทรงสูงที่โรมีโอยื่นส่งให้ โคลงแก้วไปมาเบาๆ ราวกับกำลังชมการร่ายรำของหญิงงาม ไม่ใช่การนั่งอยู่เบื้องหน้าของชายคนหนึ่งซึ่งหวาดกลัวจนน่าสมเพช นอกจากนี้แล้วรอบกายยังรายล้อมไปด้วยเศษซาก ร่างไร้วิญญาณของชายฉกรรจ์หลายสิบคนอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้
“วางใจเถอะ..... ผมจะจัดการให้เรียบร้อย.... ท่านบารอน.....” ว่าพร้อมยกยิ้มและยกแก้วขึ้นสูงราวกับกำลังเฉลิมฉลอง ต่างจากกลุ่มคนตรงหน้าซึ่งสวมใส่ชุดสูทตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลของเขาไว้ที่อกด้านซ้าย ขยับเข้าไปใกล้พร้อมกับดึงทึ้งแขนขาไปกันคนละทิศละทาง ราวกับต้องการจะฉีกกระชากมันออกจากร่างเสียงให้สิ้นอย่างโหดเหี้ยม
“อ้ากกกกกกก” ไมเคิลใช้ปลายนิ้วมือไล้วนที่ปากแก้วใบสวย ก่อนจะเอ่ยปากสั่งการ
“โรม.... เบาๆ หน่อย”
“เยส มายลอร์ด....” ชายหนุ่มรูปกายสูงโปร่ง ยกมือขึ้นแนบอกแล้วโน้มตัวลงเล็กน้อยจนเส้นผมสีน้ำตาลเข้มระไปกับใบหน้าและทิ้งตัวตามแรงโน้มถ่วงของโลก
โรมีโอเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้ม แล้วจึงขยับกายเดินเข้าไปหาชายผู้โชคร้าย เล่นตลกไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ จนต้องมีสภาพเป็นเช่นนี้
“ชู่ววววว ยิ่งคุณดิ้นจะยิ่งแย่เอานะครับ” ฝ่ามือเรียวขยับเข้าไปจับที่สันกรามของอีกฝ่าย เอ่ยปากปลอบใจ ยกยิ้มให้กับหยาดน้ำตาที่ตกกระทบหลังมือ
ในคราแรกชายคนนั้นยังคงหยุดนิ่งอยู่ตามคำสั่ง แต่เมื่อแสงบางอย่างกระทบเข้ากับนัยน์ตาจากที่เคยนิ่งเงียบเชื่อฟังก็พลันกลับกลายเป็นพยศอย่างบ้าคลั่ง พยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด น้ำหูน้ำตาไหลพรากไม่น่ามองแต่ไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือของโรมีโอไปได้
“ช่วยจับให้ผมหน่อยได้ไหมครับ” แม้น้ำเสียงจะสุภาพและมีรอยยิ้มประดับไม่จางหาย แต่ใครที่ได้พบเห็นต้องพากันขนหัวลุกไปตามๆ กัน
“ฮือออ ไม่!!! อย่า! ฮืออออ” เสียงร้องไห้คร่ำครวญมาพร้อมกับการออกแรงดิ้นเฮือกสุดท้ายเท่าที่ตนเองจะพอมี ชายชุดดำสองคนขยับเข้าไปยืนประชิด คนหนึ่งใช้ใบมีดตัดผ่านที่ข้อเข่าทั้งสองข้างทำให้เส้นเอ็นขาดสะบั้นและล้มลงคุกเข่ากับพื้น ในขณะที่อีกคนนั้นจับตรึงรั้งใบหน้าให้แหงนหงายและจับง้างปากอ้าออกกว้างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
โรมีโอยื่นมือไปรับเอาเหล็กร้อนเผาไฟคล้ายคีมหนีบปลายแหลมมาถือไว้ในมือ และใช้มันเจาะเข้าที่ปลายลิ้นของอีกฝ่ายอย่างไม่มีการออมแรง ดึงรั้งให้ปลายลิ้นอวบอ้วนนั้นออกจากริมฝีปากจนยืดยาวออกมาโต้ท้าลมที่ด้านนอก
“อ้ากกกกกกก ฮื้อ! ฮื้ออออออออ” เสียงครางอื้ออึงในลำคอดังลั่นไปทั่วบริเวณด้วยความเจ็บปวดเจียนบ้า แต่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกไปจากส่งเสียงกรีดร้องอื้ออึงฟังไม่ได้ศัพท์
“โรม......” น้ำเสียงกดต่ำเย็นชาแสดงออกถึงความอดทนของผู้พูด โรมีโอหันมาค้อมศีรษะให้เชิงขอโทษขอโพย แล้วจึงหันกลับมาสนใจชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายอีกครั้ง กวัดแกว่งปลายมีดสลัดลวดลายดอกกุหลาบตรงหน้าไปมา
“อื้อ! อื้อๆๆๆ ฮืออออ” ใบหน้าของชายผู้มียศบารอนบิดเบี้ยวไม่น่าดู ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความหวาดกลัวสุดหัวใจ โรมีโอเผยยิ้มบาง ใช้ปลายนิ้วมือไล้ปาดน้ำตาออกให้ ก่อนที่ใบมีดนั้นจะถูกหมุนเปลี่ยนทิศทางและตัดฉับอย่างไม่ปรานี!
ฉับ!
ตุ้บ!
“อ้ากกกกกกกกกกกกก” เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไปทั่วปราสาทจนฝูงนกแตกฮือออกจากรัง
“อื้ออออ ฮือออ อื้ออออ” ชายผู้นั้นทุรนทุรายอยู่กับพื้น สองมือจับกุมปิดปากของตนเอาไว้แน่น แต่ไม่อาจหักห้ามหยาดโลหิตที่ไหลบ่าราวน้ำตกทะลักลงได้ ได้แต่นอนเกลือกกลิ้งไปมาอยู่บนพื้นด้วยความทุกข์ทรมาน ไมเคิลดับบุหรี่ลงที่โต๊ะเล็กข้างตัว ก่อนจะยันตัวขึ้นเต็มความสูง เอ่ยปากสั่งการเสียงนิ่ง
“เอาของฝากมอบแก่พระนางด้วยโรม......”
“ครับ.... บอส....” โรมีโอผินหน้ากลับมาหา หยาดเลือดสาดกระเซ็นใส่ใบหน้างดงามดั่งสวรรค์สร้างของชายหนุ่ม หากแต่ไม่ได้สร้างความน่ากลัวให้เลยแม้แต่น้อย กลับกัน.... กลับกลายเป็นว่าดึงเอาความงดงามให้ยิ่งเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นไปอีก จนคล้ายกับว่าเหมาะสมแล้วกับความงามเช่นนี้
ไมเคิลใช้ปลายนิ้วไล้ใบหน้าของผู้ช่วยคนสนิทเบาๆ ปลายนิ้วโป้งปาดไล้หยาดเลือดให้ลบเลือนจากใบหน้า ก่อนจะเอ่ยปากสั่งการอีกหน
“จัดการตัวเองให้เรียบร้อยโรม..... ก่อนจะขึ้นไปรับใช้ฉัน.....” ว่าจบก็ส่งปลายลิ้นไปตวัดเลียหยาดเลือดที่ติดอยู่ที่ปลายนิ้ว แล้วจึงหมุนกายหันหลังกลับ เดินมุ่งตรงไปที่เครื่องบินส่วนตัวซึ่งจอดรอไว้ เห็นบรรดาลูกน้องต่างพากันราดน้ำมันและจุดประกายไฟใส่ปราสาทหลังงาม บางส่วนก็พากันขนย้ายข้าวของมีค่าอย่างรวดเร็วขึ้นรถบรรทุกที่จอดรออยู่อย่างรู้หน้าที่
ไมเคิลหันไปมองรอบกายตรวจสอบความเรียบร้อยอีกหน เมื่อพบว่าการทำงานของทีมเป็นที่น่าพอใจก็ไม่ได้เอ่ยคำใดอีก เดินขึ้นไปบนเครื่องบินส่วนตัวมุ่งตรงไปที่ห้องน้ำจัดการชำระล้างร่างกาย ลบกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งและกลิ่นควันไฟออกไปจนหมด และกลับออกมาอีกครั้งด้วยชุดคลุมขนสัตว์หนานุ่มและกลิ่นกายหอมสดชื่น
“ฉันบอกว่ายังไงโรม.....”
“ขอโทษครับบอส” ไม่มีคำแก้ตัวใดออกจากริมฝีปาก ไมเคิลเดินผ่านไปอย่างช้าๆ ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้บุนวมอย่างดี เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยังคงยืนก้มหน้าสำนึกผิด
“3 นาทีโรม.... ไปซะ....” พูดพร้อมปัดมือไล่ ทำให้โรมีโอหมุนตัวจากไปอย่างรวดเร็ว ไมเคิลขยับตัวเล็กน้อย หยิบเอาโทรศัพท์มาถือไว้ในมือ อดที่จะสบถไม่ได้เมื่อใช้เวลาที่ปราสาทนั่นมากเกินไปจนดวงตะวันเริ่มสาดฉายแสงให้เห็นรำไร และนั่นยิ่งทำให้กำหนดการอื่นๆ ล่าช้าขึ้นไปอีก
ดวงตาคมกล้าสีทองเรืองรองเหลือบมองเวลาบนหน้าจอ เมื่อเห็นว่าอีกไม่นานจะได้เวลาตื่นจากนิทราของเด็กน้อย ปลายนิ้วมือเรียวยาวก็เริ่มขยับ กดตัวเลขไปทีละตัวอย่างใจเย็น ก่อนจะยกมันขึ้นแนบหูเมื่อกดตัวเลขจนครบถ้วนและกดโทรออกเรียบร้อยแล้ว เสียงรอสายดังอยู่ชั่วครู่ จนชายหนุ่มเกือบจะถอดใจกดตัดสายไป หากแต่เสียงที่ตอบรับกลับมาทำให้ไมเคิลเผยรอยยิ้มน้อยๆ ด้วยความเอ็นดู
[อื้อออ พี่จ๋า.....]
“ฮึฮึ พึ่งตื่นหรอครับตัวเล็ก”
[อื้อ...]
“พี่โทรมากวนเรารึเปล่า นอนต่ออีกนิดดีไหมครับ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มอ่อนโยน เมื่อยามที่พูดกับคนที่ได้ครอบครองดวงใจ ในครรลองสายตาเห็นว่าผู้ช่วยคนสนิทเดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว และที่ด้านล่างมีเพียงผ้าขนหนูสีขาวสะอาดตาผืนเล็กเพียงตัวเดียวปกปิดไว้อย่างหมิ่นเหม่อ.....
ไมเคิลเลิกคิ้วขึ้น ใช้สายตามองลงต่ำจนไปหยุดอยู่ที่พื้นตรงหว่างขาของตน และขยับอ้าออกกว้างอีกเล็กน้อย ทำให้สาบเสื้อคลุมแหวกออกที่บริเวณกึ่งกลางกาย บ่งบอกให้รู้ว่าผู้ช่วยคนสนิทต้องทำอะไรต่อจากนี้ ในขณะที่พูดคุยกับปลายสายไปพลาง
[ไม่นอนแล้ว... จะคุยกับพี่จ๋า....]
“ฮึฮึ... เมื่อคืนพี่ทำให้ตื่นหรอครับ” ปากถาม แต่สายตากลับจับจ้องชายหนุ่มที่ทรุดตัวนั่งลงที่ปลายเท้า จับยกฝ่าเท้าขึ้นสูงและจรดริมฝีปากลงที่ปลายเท้านั้น
[อื้อ พี่จ๋าไม่อยู่ก็เลยตื่น เพราะงั้นพี่จ๋าต้องกลับมาเร็วๆ นะ]
“พี่จะพยายามครับ อ่า.... ตัวเล็กไม่งอแงนะ” การพูดคุยสะดุดไปหนึ่งจังหวะ เพราะริมฝีปากร้อนที่รุกไล่จากปลายเท้าขึ้นมาจนถึงต้นขาและทาบทับกับแก่นกายโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
[หนูเป็นเด็กดี ไม่งอแงหรอกนะ!] เสียงปลายสายว่ามาอย่างแง่งอน ทำให้ไมเคิลหัวเราะในลำคอด้วยความเอ็นดู ในขณะเดียวกันก็ใช้ฝ่ามือหนึ่งจับกดศีรษะพร้อมขยับตอกอัดแก่นกายเข้าสู่ริมฝีปากอย่างเนิบช้าแต่ลึกล้ำ.....
“ฮะๆ ครับๆ อ่า เอาไว้กลับไปแล้วพี่จะซื้อขนมไปฝากนะครับ”
[ขนม!! เอาๆ! หนูอยากกินขนม!] เสียงใสร้องเจื้อยแจ้วแว่วมา ไมเคิลคลี่ยิ้มอบอุ่น ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นการแสยะยิ้มมุมปากเมื่อก้มลงมองใต้ร่าง เส้นผมสีน้ำตาลเข้มถูกกุมขยำอย่างไม่ออมแรง ขยับเสือกไสกายเข้าออกอย่างไม่มีความเห็นใจ ทำให้คนที่ปรนเปรอให้ต้องเร่งปรับจังหวะหายใจก่อนที่จะขาดใจตายไปเสียก่อน
“ซี้ด... อ่า ตัวเล็ก พี่ต้องไปทำงานแล้วครับ....”
[ยังเช้าอยู่เลย....] ปลายเสียงนั้นแผ่วเบาและเหงาหงอยจนชายหนุ่มสัมผัสได้ ไมเคิลอดที่จะครางออกไปไม่ได้
“ตัวเล็ก.....”
[อ้ะ! หนูขอโทษ..... พี่จ๋าไปทำงานนะ] ไมเคิลกัดริมฝีปากตัวเองแรงๆ เป็นการหักห้ามความรู้สึกที่ว่าอยากจะกระชากคนตัวเล็กมากดจูบจนปากบวมช้ำให้หนำใจ แต่สิ่งที่ทำได้มีเพียงตอบรับคำแผ่วเบา
“รักตัวเล็กนะคะ หนูรู้ใช่ไหม”
[อื้อ! พี่จ๋าทำงานก็สู้ๆ นะ!] น้ำเสียงหวานจ๋อยกลับมาสดใสดังเดิม ทำให้ไมเคิลเผยรอยยิ้มบางออกมาบ้าง จนทำให้ใบหน้าที่ติดจะเรียบเฉยนั้นดูอ่อนหวานละมุน
“ครับ ตั้งใจเรียนนะครับ อ่า... ตัวเล็ก....”
[อื้อ! รีบกลับมานะ! หนูจะรอ!] ไมเคิลยกยิ้มให้กับความน่ารักนั้น ก่อนจะกดตัดสายไปอย่างจำใจ หากแต่เมื่อปลายสายนั้นว่างเปล่า โทรศัพท์เครื่องหรูก็ถูกปล่อยทิ้งให้ตกลงที่พื้นเบื้องล่างอย่างไร้ค่า ชายหนุ่มผุดตัวลุกขึ้นแล้วกระแทกกระทั้นกายเข้าสู่โพรงปากอ่อนนุ่มอย่างไม่มีการออมแรง มือข้างหนึ่งใช้กดศีรษะให้ตอบรับตัวตนเข้าไปอย่างแนบแน่น ส่วนอีกข้างนั้นใช้รวบเส้นผมสีน้ำตาลเข้มนุ่มมือจนเส้นผมนั้นยุ่งเหยิง
หลังจากนั้นไม่นาน ทั่วทั้งลำเรือของเครื่องบินใหญ่ก็ถูกใช้เป็นที่ระบายความใคร่ ชื่อของคนเพียงคนเดียวที่ดังออกจากริมฝีปากบางสีซีดนั้นก็คือ...
“ตัวเล็ก....”
Ava Part“อย่ามายุ่งนะ!” เสียงใสร้องดังขึ้น สองมือก็เอื้อมคว้า พยายามหยิบของที่ถูกฉกชิงไปกลับคืนอย่างสุดความสามารถ“แค่การ์ดต้องตั้งใจขนาดนี้ไหม?” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีใบหน้าหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มเบ้ปากใส่พร้อมกับยื่นส่งการ์ดใบเล็กกลับคืน เอวาทำหน้ามุ่ยแล้วรีบคว้าการ์ดนั้นมาไว้ในมือ ทำแก้มพองลมอย่างน่ารักน่าชัง“ตั้งใจสิ! อันนี้เอาไว้ให้พี่จ๋านะ!” ว่าพร้อมเชิดหน้าขึ้น คนฟังกลอกตาใส่อย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะนั่งเท้าคางมองเด็กตัวเล็กที่อายุไม่น้อยนั่งทำการ์ดแนบกับของขวัญอย่างตั้งอกตั้งใจ ก่อนจะโคลงหัวไปมา แล้วเอื้อมคว้าอีกครั้ง“อย่าจับนะ!!” เสียงใสร้องแว๊ดเข้าให้อีกหน ใช้สองแขนกวาดต้อนข้าวของทั้งหมดที่กองบนโต๊ะไปไว้ในอ้อมแขนอย่างหวงแหน ดวงตากลมโตสีฟ้าสดใสขึ้งใส่มองแรง แต่กลับดูน่ารักน่าชังเหมือนลูกแมวขู่ฟ่อกระไรอย่างนั้น“ก็ฉันเบื่อนี่!!” ซีนอนพูดอย่างมีน้ำโห ท่านั่งแปรเปลี่ยนเป็นการนั่งกอดอกเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยินยอมเช่นกัน“มีงานก็ไปทำจิ! จะมาเฝ้าหนูทำไม!” ซีนอนเบ้ปากใส่อีกหน ก่อนจะพึมพำออกมา“ก็นั่งมองเด็กมันคืองานของฉันนี่!”“พี่ซีว่าอะไรนะ?” เอวาถามพร้อมเอียงคอมองอย่างสงสัย ซีนอนโบกมือไ
Ava Part“คุณหนู ถึงเวลาแล้วครับ”“อื้อ!” เอวาตอบรับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เพราะช่วงเวลาที่ตนรอคอยมาทั้งวันได้มาถึงแล้ว“แล้วพี่จ๋าล่ะ?” ถามพร้อมกับเอียงคอมองน้อยๆ โรมีโอส่งยิ้มเอ็นดูบางเบา แล้วตอบกลับเสียงนุ่มทุ้ม“ไปรอที่งานแล้วครับ” ว่าพร้อมกับยื่นส่งชุดสูทสีขาวส่งให้ เด็กน้อยพยักหน้าหงึกๆ แล้วรับไปสวมใส่แต่โดยดี ในขณะที่โรมีโอก็ผละไปจัดการตัวเองบ้างวันนี้เป็นวันเกิดของไมเคิล ทำให้เจ้าตัวยุ่งวุ่นวายตั้งแต่เช้า เนื่องจากมีคนมากมายเดินตบเท้าเข้ามาหาถึงบริษัทเพื่อแสดงความยินดีและมอบของขวัญเล็กๆ ให้ ในช่วงบ่ายก็ต้องตระเตรียมงานคอยดูแลความเรียบร้อยของงานที่จะมีขึ้นในช่วงเย็นลากยาวไปจนค่ำ ซึ่งสถานที่จัดงานไม่ใช่ที่ไหนไกล แต่เป็นที่คฤหาสน์หลังโตนี้เอง ทำให้เอวาที่เข้าครัวคอยช่วยเรื่องของข้าวปลาอาหารและขนมต่างๆ สุดฝีมือ โดยมีไมเคิลแวะเวียนมาดูเป็นระยะ หาเศษหาเลยไปตามเรื่อง และไม่อยากให้น้องน้อยต้องทำงานหนักเกินไปนักในตอนนี้เป็นเวลาที่เจ้าบ้านต้องไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อรอต้อนรับแขกที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ ซึ่งไมเคิลได้จัดเตรียมชุดเอาไว้ให้น้องน้อยเป็นที่เรียบร้อยแล้วเอวาอา
Michael Partไมเคิลเดินกลับมาหาน้องน้อย และคอยดูแลข้างกายไม่ห่าง ด้วยกลัวว่าเด็กน้อยในปกครองจะถูกรังแกอีกครั้งจากคู่ขาเก่าๆ ทำให้ไมเคิลนั่งจ้องไม่ละสายตา แต่ถึงแม้จะไม่มีงานเลี้ยงนี่ เขาก็เต็มใจที่จะนั่งมองเด็กน้อยเจ้าของดวงใจไปทั้งวันอยู่ดีไมเคิลยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเอวาเริ่มสัปหงก ริมฝีปากน้อยๆ นั้นอ้ากว้างหาวออกมาเหมือนแมวง่วง ยิ่งทำให้น่ารักน่าเอ็นดูเข้าไปใหญ่ จนอดไม่ได้ที่จะจิ้มแก้มใสเบาๆ เป็นการเรียกสติ“ง่วงแล้วหรอครับ”“อื้อ...” เอวาตอบรับด้วยการครางรับเบาๆ ดวงตาปรือปรอยใกล้จะปิดพับลง ไมเคิลลูบเส้นผมสีดำสนิทเบาๆ ก่อนจะหันไปสั่งการกับคนข้างกาย“โรม.... ไปส่งเอวา....”“ครับบอส” โรมีโอตอบรับเสียงนุ่ม แล้วเดินอ้อมไปหาเด็กน้อยที่นั่งโงนเงนอยู่บนเก้าอี้ เมื่อเดินไปถึงเด็กน้อยก็ชูมือขึ้นเชิงอ้อนให้อุ้ม โรมีโอเหลือบตามองบอสของตนเล็กน้อย ก่อนจะโน้มตัวลงไป เอวาก็ไต่ขึ้นมาเกาะ นอนซบบ่าของโรมีโอทันที ทำให้ชายหนุ่มต้องใช้สองมือรองก้นเด็กน้อยเอาไว้คิ้วของชายผู้มีรอยสักลายมังกรขมวดเข้าหากันในทันที นัยน์ตามีเปลวไฟเป็นประกายลุกโชน มองจ้องชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลเข้มไม่ละสายตา ก่อนจะ
“พี่จ๋า”“.....”“พี่จ๋าาาาา” ไมเคิลยกยิ้มมุมปากให้เสียงงุ้งงิ้งข้างหูที่มาพร้อมแรงเขย่าเบาๆ ที่แขนข้างหนึ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นเด็กน้อยเจ้าของดวงใจนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่ข้างเตียง ในมือถือเค้กชิ้นเล็กที่เจ้าตัวตั้งใจทำมาเป็นอย่างดียกขึ้นสูงไมเคิลยันตัวขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอน แล้วขวักมือเรียกน้องน้อยให้เข้ามาหาก่อนจะตบปุๆ ลงบนเตียง ในจุดที่ตนอยากให้ตัวเล็กขยับขึ้นมานั่ง เอวาขยับตัวตามมาอย่างว่าง่าย ทรุดตัวนั่งลงตรงหว่างขา ก่อนจะยื่นส่งกล่องไม้ขีดไฟให้กับไมเคิล ไมเคิลรับเอามาถือไว้ก่อนจะจุดไฟที่ปลายหัวไม้ขีด ไม่ลืมที่จะหยอกเย้าน้องน้อยด้วยความบันเทิงใจ“เลยวันเกิดพี่มาแล้วครับ” เด็กน้อยทำหน้าหงอยใส่ ช้อนสายตาขึ้นมอง“หนะ หนูตั้งใจทำสุดฝีมือเลยนะ” เด็กน้อยพยายามสรรหาเหตุผลต่างๆ นานามาโน้มน้าวคนพี่สุดความสามารถ ไมเคิลหัวเราะในลำคอ ก่อนจะยกมือขึ้นเกลี่ยแก้มใสไปมาแผ่วเบา“งั้นให้เป็นวันเกิดของตัวเล็กแทนได้ไหมคะ”“วันเกิดหนูหรอ?” เด็กน้อยถามพร้อมกับเอียงคอมอง ไมเคิลจึงหัวเราะหึหึในลำคอ แล้วเอ่ยตอบด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน“หึหึ ใช่ค่ะ วันเกิดครบอายุ 18 ของหนูไงคะ” เอวามุ่ยหน้าบึนปากใส่ ก่อนจะตอบ
Romeo Part“ฮือออ โรมจ๋า โรม....” เด็กน้อยสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของชายคนหนึ่งที่ตนยกให้เป็นเสมือนพี่ชายอีกคน โรมีโอถอนหายใจแผ่วเบา สองมือคอยโอบอุ้มประคองและลูบไล้แผ่นหลังเล็กบางนั้นอยู่ตลอดเวลาเวลาผ่านไปเนินนานกว่าที่เสียงร่ำไห้นั้นจะหยุดลง โรมีโอก้มลงมองคนในอ้อมแขน พบว่าคุณหนูของบ้านร้องไห้หนักจนผล็อยหลับไปเสียแล้วดังนั้นแล้วผู้ช่วยหนุ่มจึงค่อยๆ จับร่างเล็กให้เอนตัวลงนอน ขยับเข้าไปในห้องน้ำ หยิบผ้าผืนเล็กและกะละมังออกมา ผ้าขนหนูนุ่มนิ่มลูบไล้ไปทั่วกายบาง แววตาที่ชายหนุ่มทอดมองเต็มไปด้วยความอาทรใจ ปลายนิ้วเกลี่ยแพขนตางอนไปมา แล้วเช็ดตัวจนเสร็จเรียบร้อย ผลัดเปลี่ยนเสื้อให้เป็นชุดสำหรับใส่นอนสบายตัว แล้วทิ้งตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอนข้างๆ ฝ่ามือลูบไล้ศีรษะและใบหน้าหวานไปมา ราวกับจะช่วยกล่อมนอนให้นอนหลับฝันดีแกร๊ก!เสียงเปิดประตูดังขึ้นแผ่วเบา แต่กระนั้น ก็ไม่ได้ทำให้โรมีโอหันไปสนใจมอง ใครบางคนเดินเข้ามาใกล้และหยุดลงที่ข้างเตียงอีกฝั่งหนึ่ง น้ำเสียงที่เคยทรงพลังเปี่ยมไปด้วยอำนาจแหบพร่าไร้เสียง“ออกไป.....”“ไม่” เสียงตอบปฏิเสธดังกลับมาในทันที ทำให้คนที่มีดวงตาสีทองเรืองรองเข้มขึ้น กดเสียง
บรรยากาศระหว่างไมเคิลและโรมยังคงเป็นไปอย่างอึมครึมเช่นเดิม จนตอนนี้ก็ผ่านเลยไปเกือบสัปดาห์แล้ว แต่ดูเหมือนทั้งคู่จะยังคงเป็นแบบนี้ต่อไปอีกเรื่อยๆไมเคิลมองตามคนที่เดินไปเดินมาภายในห้องไม่ละสายตา ตั้งแต่เดินไปชงชา จัดเตรียมขนม นำมาวางลงตรงหน้า แล้วขยับไปจัดเอกสาร หยิบเอาแฟ้มที่ต้องการออกไป เดินไปทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะทำงานตัวเอง แล้วผุดลุกขึ้นมาอีกครั้ง ขยับไปที่ตู้เอกสาร หยิบแฟ้มออกมาหนึ่งเล่ม และเดินกลับมาที่เดิมการทำงานทุกอย่างยังคงเป็นไปเช่นเดิม ไม่มีอะไรติดขัด ทั้งคู่ยังคงทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพียงแต่ไม่เหมือนเดิมแต่เดิมโรมีโอก็ไม่ใช่คนช่างพูดอยู่แล้ว อีกฝ่ายจะพูดเมื่อจำเป็น ไม่ทำอะไรที่เป็นการขัดใจเขา ตอนนี้ก็ไม่ต่างกัน ติดอยู่ตรงที่ว่ารอยยิ้มที่เคยมีติดอยู่บนใบหน้าเป็นนิจได้เลือนหายไป......กึก!ไมเคิลหยุดมือที่กำลังขยับเซ็นชื่อบนเอกสาร เงยหน้ามองคนที่หยุดอยู่ตรงข้าม เห็นผู้ช่วยคนสนิทวางเอกสารลงตรงหน้า พร้อมเอ่ยปากอธิบาย“งานสุดท้ายของวันนี้ครับ”“อืม....” ไมเคิลครางรับในลำคอแผ่วเบา และเลื่อนเอกสารเข้ามาดูใกล้ๆ“พรุ่งนี้บอสมีเข้าพบพระนางตอน 9 โมงเช้าครับ” ไมเคิลพยักหน้าร
**คำเตือน**ฉากต่อไปนี้มีความรุนแรง ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน และห้ามลอกเลียนแบบโดยเด็ดขาด!!!Micheal Part“อะไรนะ? ......” น้ำเสียงกดต่ำมาพร้อมใบหน้าที่เครียดขึ้ง ไมเคิลหันไปมองหน้าผู้ช่วยคนสนิท ข่มความโมโหที่พลันปะทุขึ้นในอก กัดฟันพูดเสียงต่ำในลำคอ“เกิดขึ้นได้ยังไง.......”“........”“เกิดขึ้นได้ยัง!!!!”เพล้ง!!!!เสียงตวาดมาพร้อมกับการยกกำปั้นขึ้นทุบโต๊ะที่อยู่ตรงกลางระหว่างบุคคลทั้ง 3 จนมันแตกกระจายพังลงตรงหน้า นั่นทำให้บุคคลในบริเวณโดยรอบพากันก้มหน้าหลบสายตา กันนาร์ขยับเข้ามาปกป้องคนที่มีศักดิ์เป็นองค์ราชินี ในขณะที่โรมีโอทำเพียงมองจ้องนายของตนเงียบๆ“หาให้เจอ...... ตามหาเอวาให้เจอ!!!!” คำสั่งนั้นมาพร้อมกับการผุดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ ไมเคิลก้าวเท้ายาวๆ เดินกลับไปที่รถ ความเป็นห่วงสุมอยู่เต็มอกจนหลงลืมการทำความเคารพองค์ราชินี กันนาร์ขยับกายเข้ามาหาชายหนุ่ม หมายจะบังคับให้ทูลลาตามกฎเสียก่อน แต่หญิงสาวเพียงคนเดียวในที่นี้ยกมือขึ้นห้ามเอาไว้ พร้อมถ้อยคำแผ่วเบาอย่างเข้าอกเข้าใจ“ปล่อยเขาไป”ไมเคิลขึ้นมานั่งบนรถตรงที่นั่งคนขับอย่างรวดเร็ว โรมีโอที่วิ่งตามมาเห็นรถเริ่มกระชากตัวออกก็รีบเร
Romeo Partตอนนี้เรียกได้ว่าใครก็เข้าหน้าบอสใหญ่ไม่ติด แม้แต่ตัวของโรมเอง.....ชายหนุ่มยกมือขึ้นนวดหัวคิ้วของตนอย่างเหนื่อยอ่อน ดวงตาฉายแววเหนื่อยล้า แต่เพราะความเป็นห่วงคุณหนูเล็กของบ้านจึงยังไม่มีใครแยกย้ายไปพักผ่อนแต่อย่างใด มีเพียงบอสใหญ่ของบ้านที่เก็บตัวเงียบ ในขณะที่ทีมระดับ S ทั้ง 8 ทำงานเต็มความสามารถโอเว่นนั่งจ้องอยู่หน้าคอมไม่ละสายตา สองมือรัวนิ้วบนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว โอเว่นจัดการค้นหาบ้านพักทั้งหมดของบารอนที่มีอยู่ในครอบครอง และบอกพิกัดให้กับทีม ซึ่งระดับ S ทั้งหมดที่เหลืออยู่ก็กระจายตัวไปตามพื้นที่ต่างๆ เผื่อว่าจำเป็นต้องมีการปะทะตอนนี้ผ่านไปแล้ว 3 วัน ความคืบหน้าก็ยังไม่ปรากฏให้เห็น ไมเคิลเองก็เก็บตัวอยู่ภายในห้อง ไม่มีใครกล้าเข้าไปอีกเมื่อเห็นร่องรอยที่เกิดขึ้นกับโรมีโอ“โรม คุณไปพักบ้างดีไหม” กันนาร์ที่ถูกองค์ราชินีส่งตัวมาช่วยในการค้นหาเอ่ยทักอย่างเป็นห่วง หากแต่ชายหนุ่มเจ้าของชื่อกลับส่ายหน้าไปมาและส่งยิ้มให้บางเบา กันนาร์ถอนหายใจแล้วบอกให้เมดสาวนำอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาให้“อย่างน้อยก็ทำอะไรสักอย่างกับแผลนั่นเถอะ หน้าสวยๆ ของคุณพังไปหมดแล้ว” กันนาร์พูดพร้อมลา
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา