สามวันต่อมาไมเคิลก็ได้รับจดหมายกำหนดการในการประกาศแต่งตั้งองค์รัชทายาทของอาณาจักร ซึ่งจะถูกจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า จนอดที่จะทอดถอนหายใจไม่ได้กับความเร่งรีบนี้ ราวกับอีกฝ่ายกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจในภายหลังกระไรอย่างนั้น
เนื่องจากเขาต้องตัดชุดที่ใช้ในพระราชพิธีและยังมีชุดออกงานอื่นๆ อีกมากมาย องค์ราชินีจึงพระราชทานช่างทำเสื้อหลวงมาให้ ทำให้ไมเคิลต้องละมือจากงานตรงหน้า มายืนกางแขนกางขาให้ช่างเสื้อวัดตัว อีกฝ่ายจดรายละเอียดลงในสมุดอย่างขะมักเขม้น
ใช้เวลาอยู่อีกครู่ใหญ่ การวัดตัวจึงเสร็จสิ้น ช่างทำเสื้อบอกเวลาคร่าวๆ ว่าชุดฉลองพระองค์จะเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ หลังจากที่มีการเลือกแบบได้แล้ว ไมเคิลพยักหน้ารับโดยไม่ได้พูดอะไรออกไป เชื่อว่าอย่างไรผู้เป็นย่าของตนคงจะเร่งรีบดำเนินการจัดการทั้งหมดทั้งมวลนั้นให้เสร็จทันวันงานอยู่ดี
ด้วยอุปนิสัยของไมเคิลที่ไม่ชอบเรื่องยุ่งยากรำคาญใจ ดังนั้นแล้วคนที่ถูกดึงตัวไปช่วยในงานจึงเป็นเอวาและโรมีโอ อดีตผู้ช่วยคนสนิทของเขาที่องค์ราชินีเอ่ยปากขอด้วยพระองค์เอง จนดูคล้ายกับว่าโรมีโอและองค์ราชินีจะสนิทสนมกันขึ้นอีกระดับ ดูได้จากการที่องค์ราชินีชี้ชวนให้ดูเนื้อผ้าส่วนอีกฝ่ายพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยอยู่ในที
ไมเคิลเดินกลับมานั่งลงข้างเอวา มือข้างหนึ่งวางพาดที่พนักพิง ยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กไปมาอย่างอ่อนโยนขณะที่เด็กน้อยกำลังก้มลงดูทรงผมที่จะทำในวันงาน เวลานี้เส้นผมของน้องน้อยเริ่มยาวสยายคลอเคลียไปกับไหล่บาง ชายหนุ่มจับปลายเส้นผมของน้องน้อยและม้วนมันเล่นไปมาอย่างเพลิดเพลิน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามความเห็นของน้องน้อย
“ตัวเล็กอยากไว้ผมยาวรึเปล่าคะ” คำถามนั้นของไมเคิลทำให้เอวาเงียบไปชั่วครู่อย่างใช้ความคิด ก่อนจะส่ายศีรษะไปมาขณะที่เหลือบมองหน้าเขาอย่างกังวลใจ
“หนูไม่อยาก...... มันยาวปรกหน้าและแห้งช้าเวลาเปียก” เอวาทำปากยู่อย่างน่ารักน่าชังส่งให้ ไมเคิลยิ้มบางพร้อมกับเอ่ยปากบอก
“ถ้าอย่างนั้นตัดทิ้งดีไหมคะ”
“แต่.... พี่จ๋าชอบ......” เอวาเอียงคอมองกะพริบตาปริบๆ ทำหน้าบ้องแบ๊วใส่ จนใจคนมองอ่อนยวบราวน้ำผึ้งเหลว
“ค่ะ พี่ชอบ......” ไมเคิลตอบรับอย่างไม่ปิดบัง ขณะเหลือบสายตามองใครบางคน ก่อนจะหันมากล่าวกับน้องน้อยจนจบประโยค
“ถ้าตัวเล็กไม่ชอบ..... ก็ตัดทิ้งก็ได้ค่ะ ตัวเล็กทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นเลย”
“จริงนะ!” เอวาดวงตาเป็นประกายเมื่อรู้ว่าตนเองจะสามารถทำผมได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็นการดัด ยืด ทำสี แต่เพียงไม่นาน ประกายแวววาวในดวงตาก็จางหายไป
“แต่ผมในนี้สวย......” ดวงตากลมโตสีฟ้าสดใสหลุบลงมองสมุดภาพในมือที่รวบรวมเอาทรงผมหลากหลายแบบเอาไว้ด้วยท่าทีแสนเสียดาย
“ตัวเล็กเลือกไว้ให้โรมีโอทำก็ได้นี่คะ” ไมเคิลพูดพร้อมกับกดจูบที่ขมับอย่างแสนรัก เอวาพยักหน้ารัวเร็ว ประกายในดวงตากลับมาเปล่งประกายเจิดจ้าอีกครั้ง และช่วยกันกับไมเคิลในการเลือกหาทรงผมที่จะทำให้กับโรมีโอในวันงาน มีทั้งแบบเรียบง่ายอย่างการจับมัดไม่กี่ทบ การรวบผมสูง หรือหนักสุดคือการเกล้ามวยผมที่มีความยุ่งยากหลายขั้นตอน โดยปล่อยให้องค์ราชินีและโรมีโอเลือกชุดเลือกแบบเสื้อกันไป ไม่คิดยื่นมือเข้าไปสอด
“แต่กระหม่อมคิดว่าแบบนี้น่าจะเข้ากับไมค์มากกว่านะพ่ะย่ะค่ะ” โรมีโอเอ่ยตอบด้วยท่าทีสุภาพอ่อนน้อม ในขณะที่องค์ราชินีเอ่ยแย้งอย่างไม่เห็นด้วย
“ไมเคิลใส่สีดำมาทั้งชีวิตของเขาแล้ว เราอยากให้มีสีอื่นที่มีสีสันสดใสเสียบ้าง”
“แต่กระหม่อมเกรงว่า......” เสียงของโรมีโอเงียบหายไป ด้วยไม่แน่ใจว่าควรพูดดีหรือไม่ เมื่อองค์ราชินีทรงมีพระประสงค์ให้องค์รัชทายาทสวมใส่อาภรณ์สีกรมท่าเข้าคู่กันกับกางเกงแสล็คสีขาวสะอาดตา สวมทับกับผ้าคลุมไหล่สีแดงสดที่ชายโดยรอบเป็นขนนุ่มสีขาวนวลอย่างที่พบเห็นได้ทั่วไป
“ทำตามโรมีโอ.......” น้ำเสียงสุขุมนุ่มลึกเย็นชาเอ่ยขัดขึ้นก่อนที่โรมีโอจะได้ทันเอื้อนเอ่ยอะไรออกไป ทำให้องค์ราชินีเลิกพระโขนงขึ้นอย่างแปลกพระทัย เอ่ยถามกลับไปอย่างเสียไม่ได้
“หลานเห็นด้วยกับโรมีโออย่างนั้นหรือ?” ไมเคิลเหลือบมองร่างสูงโปร่งที่ได้รับพระราชอนุญาตจากองค์ราชินีให้นั่งเคียงคู่พระองค์บนโซฟาตัวใหญ่นั้นชั่วครู่ แล้วจึงหันมาตอบกลับผู้เป็นย่าของตนด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเช่นเดิมไม่มีผิดเพี้ยน
“เขารู้จักหลานดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ......” กว่าจบก็หันกลับไปสนใจเอวาที่ยื่นสมุดทำผมมาหาตนอีกครั้ง พลางเอ่ยถามว่าแบบนี้พี่จ๋าทำได้ไหม แบบนี้ยากไปรึเปล่า หรือแบบนี้จะเข้ากับโรมจ๋าของตนหรือไม่ ซึ่งไมเคิลเองก็ตอบรับไปตามเรื่องตามราว โดยไม่สนใจเสด็จย่าหรืออดีตผู้ช่วยของตนอีก ต่างจากใครบางคนที่คอยเหลือบแลมองตลอดเวลาจนสมาธิในการทำงานแทบจะหลุดลอย
กว่าจะจัดการเรื่องต่างๆ เสร็จสิ้นก็เป็นเวลาเย็นย่ำพอดี องค์ราชินีจึงเอ่ยปากชักชวนให้หลานชายทั้งสองและอดีตผู้ช่วยอยู่ร่วมรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน โดยที่กันนาร์เองก็ได้รับเชิญให้ร่วมโต๊ะด้วย องค์ราชินีมองภาพตรงหน้าด้วยความสุขใจ ที่ฝั่งขวามือขององค์ราชินีเป็นไมเคิลและเอวานั่งเคียงคู่กันในขณะที่ทางซ้ายเป็นโรมีโอและกันนาร์ จนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากขึ้นมาแผ่วเบา
“หากเป็นเช่นนี้ทุกวันก็คงดี” คำพูดนั้นทำให้ทุกคนบนโต๊ะอาหารหยุดชะงัก เงยหน้าขึ้นมองพระพักตร์ของมารดาแห่งแผ่นดิน เห็นเพียงองค์ราชินีส่งยิ้มอ่อนบาง ก่อนจะกล่าวต่อ
“หากประกาศแต่งตั้งแล้ว หลานจะกลับมาอยู่กับย่าที่นี่ไหม”
“คงไม่พ่ะย่ะค่ะ.....” ไมเคิลตอบกลับไปในทันที ทำให้พระองค์ตอบรับอย่างอ่อนใจ
“นั่นน่ะสินะ..... เอ้า ทานกันต่อเถอะ” พูดพร้อมกับตักอาหารใส่จานของบุคคลทั้งหมดบนโต๊ะซึ่งมีรุ่นราวคราวหลานกันแทบทุกคนอย่างสุขใจ
ปกติแล้วช่วงเวลารับประทานอาหารในแต่ละมื้อของพระองค์มักจะนั่งทานเพียงลำพังอยู่เสมอ ยกเว้นว่าจะมีกำหนดการเข้าร่วมงานเลี้ยงใดๆ จึงจะมีเพื่อนเสวยร่วมโต๊ะอยู่บ้าง และในบางวันก็จะชักชวนองครักษ์คนสนิทให้นั่งร่วมโต๊ะเสวยเป็นเพื่อนบางครั้งคราว
กันนาร์เข้าใจองค์ราชินีดีว่าพระองค์ทรงโดดเดี่ยวและอ้างว้างมากเพียงใดเมื่อต้องอยู่ในพระราชวังอันโอ่อ่านี้เพียงลำพัง การประกาศแต่งตั้งองค์รัชทายาทนอกจากจะเป็นการหาผู้สืบทอดบัลลังก์แล้ว ยังพอจะช่วยให้พระองค์คลายความอ้างว้างลงบ้าง เพราะไมเคิลจะต้องเข้าวังบ่อยมากขึ้นเพื่อสะสางราชกิจต่างๆ ที่กองสูงท่วมโต๊ะเป็นภูเขาขนาดย่อม ชายหนุ่มคิดขณะที่ตักกุ้งมังกรตัวใหญ่วางลงในจานขององค์ราชินีที่รับอุปการะตนมาเลี้ยงดูเหมือนลูกเหมือนหลาน ก่อนจะขยับมาตักมันลงให้กับโรมีโอที่นั่งอยู่ข้างกัน โรมีโอเงยหน้าขึ้นมองส่งยิ้มอ่อนบางพลางเอ่ยขอบคุณเบาๆ
ในขณะที่กันนาร์กำลังจะละมือลงเพื่อจัดการอาหารของตนบ้างก็มีจานอาหารสองจานถูกยื่นมาตรงหน้าพร้อมกับใบหน้าน่ารักสดใสที่กะพริบตามองปริบๆ อย่างออดอ้อน
“กันนาร์ ตักให้หนูด้วยจิ” กันนาร์กะพริบตาปริบ เมื่อตรงหน้าของตนมีจานอาหารสองจาน จึงมองสลับกันไปมาเป็นเชิงถาม ทำให้เอวาอธิบายเสียงใส
“ตักให้พี่จ๋าด้วยไง!” กันนาร์ถึงกับนั่งบื้อใบ้ไปชั่วครู่ เหลือบตามองไมเคิลพร้อมกับทำปากขมุบขมิบ แต่ก็ยอมตักอาหารใส่จานทั้งสองอย่างเท่าเทียม เมื่อเงยหน้ามองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนของตนเพราะพบหน้ากันมาหลายครั้ง กลับเห็นอีกฝ่ายขยับมุมปากอย่างสะอกสะใจทำให้มือที่กำลังจะตักอาหารเข้าปากถึงกับชะงัก
ไมเคิลละสายตาจากกันนาร์หันไปรับจานอาหารของตนจากน้องน้อย ยกมือขึ้นลูบศีรษะพร้อมกับเอ่ยปากบอกขอบใจอย่างอ่อนโยน กันนาร์มองภาพนั้นมุมปากกับหางคิ้วกระตุกสั่นระริก และยิ่งรู้สึกมากขึ้นไปอีกเมื่ออีกฝ่ายหันมายิ้มเยาะเขาเพราะอดีตผู้ช่วยตักอาหารใส่จานของตน
โรมีโอตักอาหารใส่จานให้กับองค์ราชินี ไมเคิล เอวา และกันนาร์ตามลำดับ แต่เมื่อหันไปหากันนาร์กลับพบใบหน้าที่แสดงออกถึงความเจ็บปวดชีช้ำ ยกมือขึ้นกุมอกคล้ายกับเจ็บปวดรวดร้าวเหลือคณา จนชายหนุ่มตกใจ รีบหันไปถามในทันที
“คุณกันนาร์เป็นอะไรไปครับ!” เพราะเสียงนั้นทำให้ทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะหันไปมองกันนาร์เป็นตาเดียว เหลือเพียงแต่ไมเคิลที่เหลือบตามองพลางยิ้มเยาะใส่อย่างคนเหนือชั้นกว่า กันนาร์กลั้นใจเอ่ยปฏิเสธเสียงสั่นอย่างเจ็บแค้น มือกำหมัดแน่นสั่นระริกอย่างไม่อาจควบคุม โรมีโอวางมือลงบนบ่าของอีกฝ่าย เอ่ยอย่างเป็นห่วงอยู่ในที
“คุณต้องไปหาหมอบ้างนะครับ อาการเจ็บหน้าอกแบบนี้น่าเป็นห่วงนะ” คล้ายกับได้น้ำหล่อเลี้ยงชีวิต แม้โรมีโอจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ ว่าเป็นห่วงเขา แต่ในประโยคที่พูดคุยกันก็มีความ ห่วง ดังลอยมาให้ได้ยิน ชายหนุ่มจึงยิ้มหน้าบาน ปล่อยมือออกจากอกที่จับกุมกระชับไว้ในทีแรก เอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม
“ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับ” โรมีโอยังคงมองมาอย่างเป็นกังวล จนถามซ้ำอีกหลายครา และมีองค์ราชินีช่วยสนับสนุน ทำให้กันนาร์ยอมตกลงที่จะไปพบแพทย์ในที่สุด บุคคลทั้งสองจึงยอมล่าถอยไปอย่างพึงพอใจ ต่างจากใครบางคนที่ใบหน้าบึ้งตึง ปล่อยรังสีสังหารออกมาจนเห็นภาพมายาเป็นประกายดำมืด กันนาร์หันไปหาเจ้าของรังสีนั้น เอ่ยปากอย่างไร้เสียง
‘หัวเราะที่หลัง ดังกว่า.....’
เคร้ง!
ไมเคิลมุมปากกระตุก เผลอกำมือจนช้อนส้อมหักเบี้ยวผิดรูป ท่ามกลางสายตาตื่นตกใจของทุกคน จนองค์ราชินีต้องสั่งเปลี่ยนส้อมให้ใหม่พร้อมกับเอ่ยบ่นไปพลางเรื่องคุณภาพของสิ่งที่ใช้ มีคำสั่งให้กันนาร์หาซื้ออันใหม่ที่ทนทานกว่าเดิม ชายหนุ่มรับคำเสียงใสหันไปยักคิ้วหลิ่วตาใส่ไมเคิลอย่างผู้กำชัย จนว่าที่องค์รัชทายาทหมดอารมณ์ที่จะทานต่อ จึงรวบช้อนลงและนั่งนิ่ง
“ทานสักหน่อยเถอะครับ คุณทานน้อยเกินไป......” กุ้งมังกรที่ถูกแกะเปลือกจนเห็นเนื้อนวลขาวน่ารับประทานวางลงในจานตรงหน้า ทำให้ไมเคิลเหลือบตาขึ้นมอง พบเปลือกกุ้งกองอยู่ในจานของอดีตผู้ช่วย ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง จึงยอมหยิบช้อนส้อมมาทานต่อโดยไม่พูดคำใด
“พี่จ๋าๆๆ แกะให้หนูบ้างงงงง” เอวาพูดพร้อมเบ้หน้า ใช้ส้อมจิ้มกุ้งตัวโตที่หัวหางหลุดไปคนละทาง และเนื้อแกะที่มีสภาพเละเทะ บ่งบอกว่าเจ้าตัวคงจะพยายามในการแกะกุ้งด้วยตนเองมาก่อนแล้วแต่ไม่สัมฤทธิผลเท่าไหร่ โรมีโอหัวเราะให้กับท่าทีนั้น ก่อนจะตอบรับกลับไป และนั่งแกะกุ้งให้กับเอวาเป็นหลักจนไม่ได้สนใจใครอีก ไมเคิลลอบยกยิ้มมุมปาก เมื่อเห็นกุ้งวางลงบนจานของตนเป็นระยะ แม้ว่าจะได้รับน้อยกว่าเอวาก็ตามที
หลังจบมื้ออาหาร ก็เป็นปัญหาโลกแตกอีกครั้งสำหรับเอวา เมื่อข้างซ้ายและขวาของตนถูกประกบข้างด้วยพี่ชายทั้งสองที่ผลัดกันพูดจาชักชวนให้ตนกลับไปนอนด้วยเช่นทุกๆ วัน เรียกได้ว่าเป็นความวุ่นวายที่มีความสุขอย่างหนึ่ง เมื่อเอวาตกลงจะไปนอนกันใครในค่ำคืนนี้ อีกคนก็จะมาฉกชิงตัวเขากลับในค่ำวันถัดไป หลังจากสะสางงานการในตอนเช้าเสร็จสิ้น เป็นเช่นนี้วนไปเรื่อยๆ โดยบางครั้งก็ถูกขัดด้วยบารอนที่มาฉกเอาตัวไปนอนกกกอดเอาเสียดื้อๆ และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เอวาถูกล้อมหน้าล้อมหลังจากพี่ชายทั้งสองของตนที่สรรหาถ้อยคำชักชวนและสิ่งของล่อตาล่อใจ
“ตัวเล็กนอนกับพี่นะคะ” ไมเคิลพูดพร้อมกับจับกุมมือนิ่มเอาไว้แน่น
“ตัวเล็กจะปล่อยให้พี่นอนเหงาคนเดียวจริงหรอคะ” โรมีโอพูดพร้อมกับยกมือน้องน้อยแนบแก้มสลับกับการกดจูบอย่างออดอ้อน เอวาถอนหายใจเฮือก นิ่วหน้าครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยบอก
“หนูจะไปนอนกับบาร์คจ๋า”
“ไม่! /ไม่เอานะคะ” น้ำเสียงแรกที่ดุดันเฉียบขาดมาจากไมเคิล ในขณะที่โรมีโอเอ่ยห้ามด้วยความอ่อนนุ่มยิ่งกว่า
“แต่หนูไม่ได้นอนกับบาร์คจ๋านานแล้ว” เอวาดึงมือของตนทั้งสองข้างที่ถูกคนพี่ทั้งสองกุมกระชับไว้มายืนกอดอก มองพี่ทั้งสองสลับกันไปมาพร้อมกับเอ่ยย้ำถ้อยคำเป็นครั้งสุดท้าย
“วันนี้หนูจะไปนอนกับบาร์คจ๋า!!” พูดจบก็หยิบคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทันที ไม่สนใจพี่ชายทั้งสองคนที่แสดงสีหน้าต่างกัน คนหนึ่งแสดงท่าทีว่ากรุ่นโกรธไม่สบอารมณ์ ในขณะที่อีกคนมองตามการกระทำของน้องน้อยตาละห้อย ทำให้เอวาที่กำลังจะกดโทรออกถึงกับหยุดชะงัก ยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วอย่างอ่อนล้า แล้วจึงเงยหน้าขึ้นใหม่ พร้อมกับการยื่นคำขาด
“หนูจะนอนกับพวกพี่ก็ได้ ถ้าหากพวกพี่ยอมนอนด้วยกัน” สิ้นคำนั้นทั้งไมเคิลและโรมีโอก็หันมองหน้ากัน ไมเคิลพยักหน้ารับอย่างไม่อิดออด ในขณะที่โรมีโอกะพริบตาปริบ จนเอวาต้องเอ่ยถามอีกครั้ง
“โรมจ๋าจะนอนไหม ถ้าโรมจ๋าไม่นอนหนูจะไปนอนกับบาร์คจ๋าแล้วนะ” เพียงสิ้นคำ ดวงตาคมกล้าก็ตวัดกลับมามองจ้องในทันที โรมีโอจนพยักหน้ารับในที่สุด ดวงตาที่มองจ้องเขม็งจึงได้ผละจากไป พอให้หายใจหายคอโล่งมากขึ้น
“แล้ว..... เราจะไปนอนที่บ้านของใครดีคะ” โรมีโอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ยกมือขึ้นจับปอยเส้นผมที่ปรกหน้าให้น้องน้อย ขยับมันไปทัดกับใบหูเล็ก อดไม่ได้ที่จะแวะหยอกเอินกับแก้มนุ่มด้วยการบีบขย้ำไปมาแผ่วเบา
“อื้มมมม ที่คฤหาสน์วัลโด้ หนูอยากไปหามิลาด้า” เอวาหันมาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม ไมเคิลและโรมีโอเองก็พยักหน้ารับอย่างไม่มีเกี่ยงงอน ก่อนที่คนทั้งหมดจะพากันเคลื่อนย้ายออกจากพระราชวัง ยังไม่ทันจะพ้นประตูดี กันนาร์ก็เอ่ยขัดเรียกใครบางคนไว้เสียก่อน
“คุณโรมีโอครับ” เสียงนั้นทำให้ทั้งไมเคิลและเอวาหยุดชะงักพร้อมกับเจ้าของชื่อ และหันไปมองในทิศทางเดียวกัน เห็นกันนาร์เดินเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าของโรมีโอในที่สุด
“ระหว่างสีแดงกับสีน้ำเงินคุณชอบอะไรมากกว่ากันครับ?” โรมีโอเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ไมเคิลขมวดคิ้วเข้าหากันเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะคลายออกอย่างรวดเร็ว ดุนดันหลังของน้องน้อยให้เดินต่อ พร้อมกับเอ่ยปากอย่างไม่ใส่ใจ
“ไปกันเถอะค่ะ ใครช้าก็ทิ้งไว้นี่.......” เอวาเดินตามแรงดุนดันนั้นอย่างงงๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพี่ชาย สลับกับใครอีกคนที่ยังคงติดธุระพูดคุยกับกันนาร์ เด็กน้อยก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“ถ้าทิ้งโรมจ๋าไว้นี่ โรมจ๋าก็ต้องนอนค้างที่นี่น่ะสิครับ” คำถามนั้นทำให้ไมเคิลชะงักไปเพียงเสี้ยววิ ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยเสียงติดห้วนสั้นสะบัดเสียงและความไม่พอใจที่ปรากฏขึ้นบางเบา
“โตจนป่านนี้ ถ้าหาทางกลับบ้านไม่ได้ก็ไม่ควรเป็นคนแล้วค่ะ” เอวารับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่คุกรุ่นของพี่ชายของตน จึงอดไม่ได้ที่จะบ่นอุบอิบแผ่วเบา
“ถ้างั้นอยู่รอกลับพร้อมกับซะก็หมดเรื่องแล้วนี่น่า......” ไมเคิลเหลือบมองที่ด้านหลังที่ยังคงเห็นโรมีโอยืนคุยกับกันนาร์อยู่นานสองนาน แล้วจึงหันมาพูดคุยกับคนตัวเล็กต่ออีกที
“ดูท่าว่าเจ้าตัวเขายังไม่อยากกลับนะคะ เราไปกันดีกว่า” ไมเคิลพูดพร้อมกับจูงมือน้องน้อยให้เดินไปตามทาง จัดการเปิดประตูรถและให้เอวาขึ้นไปนั่งก่อน ก่อนที่ตนจะตามเข้าไป จนเมื่อเสียงประตูรถปิดลงดังปังใหญ่ โรมีโอก็ยังคงไม่ละสายตาหันมามอง
ไมเคิลที่นั่งมองคนทั้งคู่ยังสนทนาติดพันไม่ยอมจบสิ้นเสียที ก็สั่งให้คนรถบีบแตรเพื่อเร่งอีกฝ่าย และคราวนี้ดูเหมือนว่าจะได้ผล เมื่อโรมีโอหันมามองพร้อมกับทำท่าตกใจ รีบหันกลับไปล่ำลากับอีกฝ่ายด้วยความรีบร้อน แล้วจึงก้าวเดินยาวๆ จนเส้นผมปลิวสยายไปตามจังหวะการก้าวเดิน ทิ้งให้ใครบางคนมองตามตาละห้อย ไมเคิลลอบกระตุกยิ้มมุมปากอย่างสมใจ ยังไม่ทันจะทำอะไรต่อเสียงหวานใสก็เอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
“ทำแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะจีบโรมจ๋าติดกันล่ะ” เด็กน้อยพูดพร้อมกับส่ายศีรษะไปมา แต่กลับทำให้ไมเคิลชะงักค้าง หันไปมองน้องน้อยด้วยความประแปลกใจ
“พี่ไม่ได้-”
“ขอโทษที่ให้รอนะคะตัวเล็ก” โรมีโอที่ตามขึ้นมานั่งข้างคนขับหันมาร้องบอก ริมฝีปากนั้นเผยออ้าออกน้อยๆ คล้ายกับการหอบหายใจ ทำให้คนมองรู้สึกลำคอแห้งผากจนต้องเสตาหลบหันไปมองสิ่งอื่นแทน สิ่งที่อยู่ในครรลองสายตาคือใบหน้าของคนขับรถที่ได้นั่งคู่กันกับโรมีโอ ไมเคิลคิ้วกระตุก ความไม่ชอบใจปรากฏขึ้นอีกครั้ง ออกคำสั่งอย่างไร้ที่มาที่ไป
“ลงไป......” คำสั่งนั้นไม่กระจ่างชัดว่าหมายถึงใคร ทำให้บุคคลบนรถทั้งหมดถึงกับมองตากันปริบๆ ไมเคิลไม่อยู่รออธิบายกับใครทั้งสิ้น เปิดประตูก้าวขาลงจากรถ เดินอ้อมไปอีกฝั่ง และเปิดประตูที่ตำแหน่งคนขับออกกว้าง พร้อมกับเอ่ยคำสั่งอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดุดันขึ้นอีกเล็กน้อย
“ลงไป......” เพียงเท่านั้นก็เข้าใจได้ คนขับรถรีบปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว ก้าวลงจากรถในทันที ไมเคิลทรุดตัวลงนั่งแทนที่ ปรับแต่งกระจกมองหลัง มองข้าง และเบาะนั่งอีกเล็กน้อย แล้วจึงเริ่มเคลื่อนรถออกอย่างนิ่มนวลเพราะมีน้องน้อยนั่งอยู่ด้วยที่ด้านหลัง
บรรยากาศภายในรถนั้นปราศจากเสียงใด ไม่มีบทเพลงขับกล่อมหรือเสียงหัวเราะพูดคุย แต่ดูเหมือนว่าท้ายที่สุดแล้วจะมีคนทนไม่ไหว จนต้องพูดออกมาเอง
“เป็นขนาดนี้ยังไม่ยอมรับอีก อยากได้ใจเขาแต่ไม่ยอมบอกเขา แล้วเมื่อไหร่จะได้กิน” เอวาพูดพร้อมกับส่ายศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ ทิ้งตัวลงนอนเหยียดยาวบนเบาะ หยิบหมอนอิงมาหนุนนอนแล้วจึงเริ่มต้นตอบแชทกับคนรักไปพลางระหว่างการเดินทาง ทิ้งให้โรมีโองุนงงด้วยความไม่เข้าใจ อย่างไม่คิดจะอธิบายคำใดให้เสียเวลา เพราะคนที่ต้องการจะพูดคุยด้วยน่ะ ได้รับสารที่เด็กน้อยต้องการสื่อไปแล้วแน่ๆ
ไมเคิลไม่ได้พูดสิ่งใดออกไป ได้แต่แอบแย้งในใจเบาๆ ว่าเขาได้ ‘กิน’ มาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว เพียงแต่น้องน้อยไม่รู้ก็เท่านั้นเอง.......
ใช้เวลาไม่นานนักไมเคิลก็ขับรถมาหยุดลงที่หน้าคฤหาสน์ของตน เมื่อรถจอดสนิทดีแล้วแต่ไม่พบการเคลื่อนไหวใดๆ จากผู้โดยสารทั้งสอง ทำให้ชายหนุ่มต้องหันหน้าไปมองด้วยความแปลกใจ สิ่งที่เขาเห็นคือโรมีโอกำลังนั่งเท้าแขนอยู่ที่ขอบประตูเปลือกตาสีมุกนั้นปิดสนิท สอดรับกับลมหายใจเข้าออกในจังหวะสม่ำเสมอ เมื่อได้คำตอบจากคนหนึ่ง ก็หันหน้าไปมองที่อีกคนหนึ่ง
สิ่งที่ไมเคิลเห็นนั้นคือน้องน้อยที่นอนขดตัวบนเบาะรถ มีหมอนหนุนอยู่หนึ่งใบ ในขณะที่อีกใบใช้ก่ายกอดเอาไว้แน่น เหมือนเด็กทารกกอดตุ๊กตาตัวโปรด ทำให้ไมเคิลเผลอยกยิ้มด้วยความเอ็นดู อยากที่จะโน้มตัวลงแล้วฟัดแก้มนุ่มนั้นแรงๆ ให้หายมันเขี้ยว ชายหนุ่มมองสลับกันไปมาระหว่างเอวาและโรมีโอ ในท้ายที่สุดจึงตัดสินใจเปิดประตูลงจากรถ ก้าวขาลงไปหาคนที่นอนหลับอยู่ทางด้านหลัง กดจมูกลงบนแก้มนุ่มเสียหลายที สูดกลิ่นกายหอมกรุ่น คลอเคล้าไปกับกลิ่นแป้งเด็กที่เข้ากันได้ดีจนต้องปัดป่ายจมูกของตนไปมา ทำให้เกิดเสียงครางอื้ออึงในลำคอของเด็กน้อยผะแผ่ว
“งื้ออออ”
“ตัวเล็กคะ ถึงแล้วนะ” ไมเคิลกระซิบชิดใบหูของน้องน้อย ทำให้เอวาปรือตาขึ้นมองอย่างยากลำบาก พร้อมๆ กับการยันตัวขึ้นนั่ง ยกมือขยี้ตา มองไปรอบๆ เมื่อเห็นทิวทัศน์ที่คุ้นเคย ก็เปิดประตูลงจากรถ เดินเตาะแตะเข้าไปในบ้านด้วยท่าทางอ่อนเพลีย
ไมเคิลยกยิ้มมุมปากให้กับท่าทางนั้นด้วยความเอ็นดู ก่อนจะผละลงจากรถอีกครั้ง พยักหน้าให้บอดี้การ์ดที่ดูแลอยู่แถวนั้นมารับกุญแจรถไปเก็บ ในขณะที่ตนเองก็เดินไปที่ด้านข้างคนขับ เปิดประตูออกอย่างระมัดระวัง ทำให้โรมีโอที่เท้าแขนอยู่ถึงกับเซออกจากตัวรถและไมเคิลก็โอบรับไว้ได้ทัน ก่อนที่อีกฝ่ายจะหัวฟาดพื้นไป
ชายหนุ่มค่อยๆ โอบประคองอดีตผู้ช่วยลงมาจากรถอย่างแผ่วเบา เมื่อไหร่ที่โรมีโอครางในลำคอก็จะหยุดขยับไปชั่วครู่ จนเมื่อมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะยังไม่ตื่นแน่ๆ ถึงได้ขยับตัวอีกครา จนในที่สุดไมเคิลก็สามารถพาโรมีโอออกมาจากรถได้
บอดี้การ์ดที่อยู่ใกล้จัดการปิดประตูรถให้ แต่เหมือนว่าจะปิดดังเกินไปจนเกิดเสียงดัง ปัง! ทำให้คนในอ้อมแขนขมวดคิ้วหมุนเมื่อถูกรบกวน ไมเคิลตวัดสายตาเย็นเหยียบไปหาคนที่เป็นต้นเหตุในทันที ทำให้อีกฝ่ายถึงกับสะดุ้งเมื่อได้รับสายตามองจ้องดุดันและใบหน้าที่เรียบนิ่งติดออกจะถมึงทึง จึงรีบก้มหน้าหลบในทันที
ไมเคิลปรายสายตามองคนในอ้อมแขนและบอดี้การ์ดผู้โชคร้ายคนนั้นสลับกันไปมา บ่งบอกให้รู้ว่าหากทำเสียงดังจนขัดจังหวะการนอนของอีกฝ่าย คนที่จะได้นอนตลอดไปก็คือบอดี้การ์ดผู้โง่งมคนนี้เอง ทำให้บอดี้การ์ดหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคืองสลับกับการพยักหน้ารับรัวเร็ว
ดังนั้นแล้วไมเคิลจึงหมุนกายมุ่งตรงเข้าสู่คฤหาสน์ ตรงไปที่ห้องนอนของน้องน้อย เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็พบว่าเอวานอนคว่ำหน้ากอดหมอนไปเสียแล้ว ไมเคิลวางโรมีโอลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลและแผ่วเบา แล้วจึงเดินเข้าห้องน้ำ พร้อมกับกะละมังใส่น้ำอุ่นหนึ่งใบ ชายหนุ่มจัดการจับตัวน้องน้อยให้นอนหงาย เริ่มปลดอาภรณ์ออกจากร่างบาง ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดไปตามใบหน้า ลำคอ และเนื้อตัว
ไมเคิลทำไปด้วยรอยยิ้ม คิดถึงเมื่อคราวที่เอวาไม่สบายในยามเด็ก ก็เป็นเขากับโรมีโอที่ช่วยกันดูแล เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้พร้อมผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสร็จสรรพร่วมกันกับโรมีโอ ซึ่งหลังจากจัดการเอวาเสร็จ อีกฝ่ายก็ล้มตัวลงนอนบ้างทั้งๆ ที่ยังไม่อาบน้ำ ทำให้ไมเคิลต้องมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหมือนในครานี้ไม่มีผิด
ต่างกันความรู้สึกในครั้งนั้นกับครั้งนี้ต่างกันอย่างสิ้นเชิง.......
ในครานั้น เขามองจ้องเอวาตาเป็นมัน ลำคอแห้งผากหื่นกระหายอย่างครอบครองร่างเล็กใจจะขาด ในขณะที่ทำให้โรมีโอนั้นกลับมีท่าทีเฉยเมย ติดออกจะทำไปส่งๆ อย่างไม่ใส่ใจ แต่ในครั้งนี้แตกต่างกันตรงที่ว่า เขายังคงทะนุถนอมเอวาเช่นเดิม เพิ่มเติมคือความรู้สึกที่มีต่อโรมีโอเริ่มแจ่มชัดยิ่งขึ้น
ไมเคิลคิดขณะที่ปลดเสื้อเชิ้ตสีแดงไวน์ออกจากร่างของอดีตผู้ช่วย ที่บัดนี้นั่งอยู่ในตำแหน่ง CEO หรือผู้บริหารให้กับหลายบริษัท สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือร่างกายผอมบางแต่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเรียงตัวสวย ไม่ใช่หน้าท้องแบนราบเอวเว้าคอดกิ่วเฉกเช่นเอวา แต่เป็นกล้ามลอนหน้าท้อง และเอวบางทรงสอบเป็นวีเชฟเรียงตัวสวยของชายหนุ่ม
เมื่อเงยหน้ามองขึ้นสูงไปอีกนิดก็พบกับตุ่มไตสีชมพูระเรื่อที่น่าส่งปลายลิ้นเข้าไปสัมผัสและหยอกเย้าให้ดิ้นพล่านอยู่ใต้ร่างราวกับคนขาดอากาศหายใจ แต่สิ่งที่ไมเคิลทำมีเพียงก็กดจูบทาบทับที่แอ่งชีพจร ดูดดุนเบาๆ จนขึ้นรอยแดงเด่นชัด แล้วจึงขยับไปกระซิบชิดริมใบหูของคนที่กำลังหลับใหล
“ฉันจะทำยังไงดี........”
“.......”
“หลงรักนายแล้วรึเปล่านะ?”
Romeo Part“หลงรักนายแล้วรึเปล่านะ?”ตึกตัก..... ตึกตัก.....ชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำตาลนอนนิ่งตั้งใจฟังถ้อยคำนั้น ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นนั้นใกล้มากจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่เป่ารินรดใบหน้า โรมีโอยังคงนอนหลับตานิ่ง เสียงหัวใจที่เต้นแรงอย่างบ้าคลั่งจนกลัวว่าคนด้านบนนั้นจะได้ยินเสียงรัวราวกลองศึก แต่แล้วถ้อยคำต่อมาของไมเคิลก็ทำให้ใจเขาดิ่งวูบลงไปในทันที“หึ จะเป็นไปได้ยังไง.......” สิ้นถ้อยคำชายหนุ่มก็ผละถอยห่างไป และการถอยห่างนี้คล้ายกับว่าดึงกระชากหัวใจของโรมีโอให้หลุดลอยตามไปด้วย หลังจากนั้นไม่นานสัมผัสที่คุ้นเคยก็กลับมาอีกครั้ง เมื่อไมเคิลจับเขาแต่งตัวหลังจากเช็ดตัวให้เสร็จสรรพและผละไปนอนอีกฝั่งหนึ่งของเตียง หลับตาลงพักผ่อนในที่สุดโรมีโอทิ้งจังหวะให้ไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้า จนกระทั่งมั่นใจว่าไมเคิลหลับลงแล้วจริงๆ จึงพลิกกายนอนตะแคงข้าง ขยับเข้าไปหาน้องน้อยที่นอนคั่นกลาง แต่เพราะความสูงของขนาดตัวและตำแหน่งหมอนที่จัดวาง ทำให้โรมีโอได้เห็นใบหน้าด้านข้างของไมเคิลอย่างชัดเจนดวงตาสีฟ้างดงามบัดนี้กลับหมองหม่นและมีม่านหมอกปกคลุมไว้ ไม่สดใสเป็นประกายเจิดจ้าเช่นเก่าก่อน โรมีโอลอบผ่อนลมหายใจช้าๆ คว
“พักสักหน่อยไหมครับ” โรมีโอยกมือขึ้นนวดขมับหลับตาลงเพื่อพักสายตา ในขณะที่เรนเดลวางแก้วกาแฟลงตรงหน้าของชายหนุ่ม โรมีโอส่ายศีรษะช้าๆ รับแก้วกาแฟมาจิบเล็กน้อยก่อนจะวางลงตามเดิม ตอนนี้โรมีโอกำลังโอนย้ายงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในตระกูลวอลเลอร์ให้กับเรนเดล ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคฤหาสน์หลังนี้ สิ่งที่เรนเดลต้องคอยดูแลไม่ให้ขาดตกบกพร่อง นอกจากนี้ยังมีงานของตระกูลอีกเล็กๆ น้อยๆ ที่โรมีโอไม่จำเป็นต้องเป็นคนดูแลเองเพราะอีกฝ่ายเป็นคนที่มีความสามารถ และเป็นมันสมองของทีมอยู่แล้ว ดังนั้นการโอนย้ายงานจึงเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้น เพราะการที่โรมีโอฟื้นฟูกิจการของตระกูลวัลโด้ตั้งแต่เมื่อ 3 ปี ก่อน ทำให้ทั้งสองต้องทำงานอย่างหนักจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพื่อให้ทันกำหนดหนึ่งสัปดาห์ตามที่ไมเคิลสั่งไว้ตอนนี้เป็นเวลากว่า 5 วันแล้วที่โรมีโอโหมงานหนัก เพราะต้องคอยสอนให้เรนเดลทำงานแทนตน เมื่อถึงเวลาพักของเรนเดล โรมีโอกลับนั่งเตรียมเอกสารแผนงานที่อีกฝ่ายต้องทำในวันถัดไป ทำให้ตอนนี้โรมีโอไม่ได้พบหน้าของเอวาหรือไมเคิลมาพักใหญ่ เพราะต้องเร่งสะสางงานการที่ค้างคา“บอสโหมหนักมากเกินไปแล้วนะคร
Michael Partจุดหมายปลายทางของรถยนต์คันหรูนั้นคือบริษัทที่อยู่ในเครือของตระกูลวัลโด้ เอวาตรงขึ้นไปที่ห้องทำงานของไมเคิลโดยไม่ลังเล ตลอดสองข้างทางพนักงานทั้งหลายต่างเอ่ยปากทักทายผู้เป็นนายทั้ง 3 คน ไมเคิลพยักหน้ารับน้อยๆ ในขณะที่โรมีโอส่งยิ้มบางเบาให้กับคนคุ้นเคยเมื่อคนทั้งสามมาถึงห้องทำงานของไมเคิล เอวาก็กระโดดขึ้นโซฟานอนเขี่ยโทรศัพท์ในทันที ไมเคิลเดินไปทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ของตน ในขณะที่โรมีโอยืนหยุดอยู่กับที่ ด้วยความไม่แน่ใจว่าตนต้องทำอะไร ไม่แน่ใจว่าไมเคิลจะให้ตนช่วยทำงานหรือไม่ ในขณะที่ยืนตัดสินใจอยู่นั้น ไมเคิลก็เอ่ยปากเสียงเรียบ“ตัวเล็กคะ” เอวาเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ มองคนเป็นพี่ตาแป๋ว เอียงคอเล็กน้อยอย่างน่ารักน่าชัง ไมเคิลยกยิ้มบางเบาให้กับท่าทางนั้นแล้วจึงเอ่ยต่อ“หลังจากนี้พี่จะให้โรมีโอสอนงานให้ตัวเล็กนะคะ”“หืออออ” เอวาครางในลำคอ กะพริบตาปริบๆ ในขณะที่โรมีโอทำเพียงเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่เพียงไม่นานก็ทำหน้าคล้ายกับเข้าใจอะไรในบางสิ่ง ซึ่งนั่นทำให้ไมเคิลพอใจที่อดีตผู้ช่วยมีความคิดฉับไวและรวดเร็วเช่นเคย ไม่ทิ้งลายอดีตผู้ช่วยคนสนิทไปเลยแม้แต่น้อย“ในวันประกาศแต่งตั้งองค์รั
Romeo Part"แต่งงานกับฉัน""ห๊ะ?! " ผมได้ยืนอึ้งอยู่กับที่หลังสิ้นประโยคของคนตรงหน้า ดวงตาคมกล้ามองสบมาด้วยความแน่วแน่เพราะผมได้แต่ยืนนิ่งไม่ได้ตอบอะไรกลับไป สุดท้ายแล้วคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ก็ผุดลุกขึ้นในที่สุด มือข้างหนึ่งของไมเคิลยื่นออกมาด้านหน้า จับคว้ามือซ้ายของผมเอาไว้ สวมใส่แหวนวงหนึ่งเข้าที่นิ้วนาง ก่อนจะจับยกมือของผมจรดริมฝีปากด้วยใบหน้าเรียบเฉย ต่างจากผมที่ยืนกะพริบตาปริบด้วยความอึ้งปะปนกับความงุนงงเป็นรอบที่สอง"ดะ เดี๋ยว-" ยังไม่ทันจบประโยคดี ผมก็ถูกไมเคิลฉุดรั้งให้เดินออกไปด้านหน้าด้วยกัน จนกระทั่งไปหยุดอยู่ตรงที่องค์ราชินีทรงยืนประทับอยู่ โรมีโอทรุดตัวลงคุกเข่าทำความเคารพองค์ราชินี พระนางขยับกายเข้ามาใกล้พร้อมกับช่วยฉุดประคองให้ลุกขึ้นยืน พาไปหยุดอยู่ที่ด้านข้างไมเคิลที่ยืนมองมานิ่งๆความสับสนมึนงงปรากฏขึ้นภายในดวงตาสีฟ้ากระจ่างใสของโรมีโอ จนทำให้พระนางแย้มสรวลเล็กน้อยอย่างขบขัน ก่อนส่งมือของโรมีโอให้ไมเคิลได้จับกุม ไมเคิลรับมือของโรมีโอมากุมกระชับเอาไว้แน่น แล้วจึงหันหน้าไปหาแขกเหรื่อที่มาร่วมงานในวันนี้ เอ่ยปากด้วยเสียงราบเรียบทว่าเฉียบขาด"ต่อแต่นี้ไป..... โรมีโอ วอลเ
ไมเคิลและโรมีโอตื่นขึ้นมาอีกครั้งในเวลาราว 5 โมงเย็นของวัน เนื่องจากพวกเขาทั้งคู่ต้องเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงฉลองที่จะเกิดขึ้นในเวลา 1 ทุ่มตรงในคราแรกที่ตื่นขึ้น โรมีโอเป็นคนที่ตื่นก่อนคนข้างกาย เพราะเสียงเคาะประตูห้องทำให้เขาตั้งใจจะลุกไปเปิดประตูแต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากใครบางคนกอดรัดเอวสอบของเอาไว้แน่นและมันมาพร้อมกันคิ้วคู่คมที่ขมวดเข้าหากันอย่างขัดอกขัดใจ แต่ถึงอย่างนั้นโรมีโอก็ค่อยๆ แกะอ้อมแขนนั้นออกจากตัวได้ในที่สุดเมื่อเปิดประตูออกไป ก็เห็นเมดสาวเอ่ยบอกด้วยท่าทีสำรวม แต่สองแก้มแดงปลั่งด้วยความเขินอาย หญิงสาวเข้ามาแจ้งเรื่องกำหนดเวลาของงานเลี้ยงในช่วงค่ำคืนที่จะมาถึงนี้โรมีโอพยักหน้ารับ ตั้งใจจะหันมาปลุกคนหลับให้ตื่นขึ้น แต่เมื่อหันกลับมาก็พบกับไมเคิลที่นั่งชันขาข้างหนึ่งมองตรงมาอยู่ก่อนแล้ว อีกฝ่ายไร้ซึ่งแววง่วงงุน แต่กลับมีดวงตาคมดุมองจ้องเมดสาวไม่ละสายตา จนโรมีโอได้แต่งุนงงเมื่อเห็นว่าไมเคิลตื่นแล้ว โรมีโอจึงตั้งใจจะออกจากห้อง เพื่อกลับไปอาบน้ำแต่งตัว แต่กลับไม่เป็นอย่างที่เขาตั้งใจ เมื่อเมดสาวมากมายพากันกรูเข้ามาหา เชื้อเชิญให้โรมีโอมุ่งตรงไปที่ห้องน้ำ และช่วยปลดเสื้อ
ในที่สุดโรมีโอก็ได้ออกจากห้องเสียที หลังจากที่เสียเวลาไปอีกเกือบ 40 นาที เพราะคนที่อาสาช่วยเขาแต่งตัวเอาแต่จับตรงนั้นตรงนี้ไม่หยุด จนเกือบจะได้ถอดชุดทิ้งไปอีกรอบ ถ้าหากองค์ราชินีไม่เปิดประตูเข้ามาตอนครบเวลาเสียก่อนหลังจากนั้นเมดสาวหลากหลายคนก็รุมล้อมเขาเต็มไปหมด ใบหน้าถูกจับหันไปทางนั้นทางนี้ ในขณะที่มีอะไรต่อมิอะไรไม่รู้ถูกสวมใส่บนร่างกาย จนเมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วถึงได้มองตัวเองภายในกระจกชัดๆชุดที่โรมีโอสวมใส่ในขณะนี้คือชุดสีขาวขลิบทองทั้งตัว เครื่องอิสริยาภรณ์ถูกติดตามร่างกายจนหนักอึ้ง และสิ่งที่เด่นชัดที่สุดเห็นจะเป็นสายสะพายที่ถูกพาดอยู่บนบ่าด้วยสีแดงกำมะหยี่หรูหราสมกับตำแหน่งมารดาของแผ่นดินคนถัดไป เรือนผมสีน้ำตาลเข้มถูกจับถักเปียหลวมๆ ธรรมดา แต่เครื่องประดับที่ใช้ไม่ธรรมดาตาม เมื่อบนศีรษะของเขานั้นเต็มไปด้วยเพชรพลอยที่ร้อยเรียงปักลดหลั่นกันลงมาไมเคิลที่กำลังถูกเมดสาวรุมล้อมอยู่เช่นกันได้แต่ยืนมองโรมีโอนิ่งๆ ไม่ละสายตาราวกับถูกมนต์สะกด โรมีโอไม่ได้สวยงามน่ามองเฉกเช่นหญิงสาว ไม่ได้น่ารักอ่อนหวานเหมือนกับเอวา แต่เต็มไปด้วยเสน่หาที่มากล้น สะกดตรึงทุกสายตา ไม่ว่าจะชายหญิงคนช
ตอนนี้เวลาผ่านมามากกว่า 5 วันแล้ว หลังจากงานประกาศแต่งตั้งองค์รัชทายาทและเปิดตัวพระชายา ตอนนี้โรมีโอยังคงนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรง ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยช้ำและรอยแดงระเรื่อห้อเลือด บริเวณสะโพกปวดหนึบจนชาไร้ความรู้สึก ขยับตัวแต่ละครั้งสะท้านไปทั่วกาย ที่เอวสอบและบั้นท้ายทั้งสองข้างเป็นรอยแดงปื้นของนิ้วมือเด่นชัด นอกจากนี้แล้วยังมีช่องทางด้านหลังที่บวมช้ำแดงก่ำบ่งบอกถึงการถูกใช้งานและเคี่ยวกรำอย่างหนักหน่วงตลอด 5 วันที่ผ่านมา โรมีโอยังคงนอนคว่ำหน้าพลางคิดไปถึงค่ำคืนอันเป็นจุดเริ่มต้นของบทรักที่แสนร้อนแรง ทำเอาเขาหมดสภาพไปโดยปริยายไมเคิลไม่ได้พาเขากลับเข้างานเลี้ยง แต่กลับพาเขามุ่งตรงไปอีกทางแทน ทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นมองพร้อมเอ่ยถามสลับกับมองดูทางไปพลาง“ไปไหนครับ?” ไมเคิลหลุบตาลงต่ำมองคนในอ้อมกอดเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้ามองตรง ก้าวเท้าเดินไปพลาง“ห้อง.....”“แต่แขกยัง-”“ไม่สน......”“.......” โรมีโอถึงกับหมดคำจะพูด ก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมพยักหน้ารับ“ก็ดีครับ ผมอยากพักเหมือนกัน” ทันทีที่พูดจบไมเคิลก็ขมวดคิ้วมอง ก่อนจะเอ่ยเสียงติดดุนิดๆ“ใครให้นอน...... เข้าหอ......”
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา