ในที่สุดโรมีโอก็ได้ออกจากห้องเสียที หลังจากที่เสียเวลาไปอีกเกือบ 40 นาที เพราะคนที่อาสาช่วยเขาแต่งตัวเอาแต่จับตรงนั้นตรงนี้ไม่หยุด จนเกือบจะได้ถอดชุดทิ้งไปอีกรอบ ถ้าหากองค์ราชินีไม่เปิดประตูเข้ามาตอนครบเวลาเสียก่อน
หลังจากนั้นเมดสาวหลากหลายคนก็รุมล้อมเขาเต็มไปหมด ใบหน้าถูกจับหันไปทางนั้นทางนี้ ในขณะที่มีอะไรต่อมิอะไรไม่รู้ถูกสวมใส่บนร่างกาย จนเมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วถึงได้มองตัวเองภายในกระจกชัดๆ
ชุดที่โรมีโอสวมใส่ในขณะนี้คือชุดสีขาวขลิบทองทั้งตัว เครื่องอิสริยาภรณ์ถูกติดตามร่างกายจนหนักอึ้ง และสิ่งที่เด่นชัดที่สุดเห็นจะเป็นสายสะพายที่ถูกพาดอยู่บนบ่าด้วยสีแดงกำมะหยี่หรูหราสมกับตำแหน่งมารดาของแผ่นดินคนถัดไป เรือนผมสีน้ำตาลเข้มถูกจับถักเปียหลวมๆ ธรรมดา แต่เครื่องประดับที่ใช้ไม่ธรรมดาตาม เมื่อบนศีรษะของเขานั้นเต็มไปด้วยเพชรพลอยที่ร้อยเรียงปักลดหลั่นกันลงมา
ไมเคิลที่กำลังถูกเมดสาวรุมล้อมอยู่เช่นกันได้แต่ยืนมองโรมีโอนิ่งๆ ไม่ละสายตาราวกับถูกมนต์สะกด โรมีโอไม่ได้สวยงามน่ามองเฉกเช่นหญิงสาว ไม่ได้น่ารักอ่อนหวานเหมือนกับเอวา แต่เต็มไปด้วยเสน่หาที่มากล้น สะกดตรึงทุกสายตา ไม่ว่าจะชายหญิงคนชรารึว่าเด็ก
โรมีโอในตอนนี้ดูคล้ายกับเจ้าชายที่อยู่ภายใต้แสงตะวันแม้ว่าจะเป็นเวลามืดค่ำแล้วก็ตามที แตกต่างจากไมเคิลที่คล้ายกับเป็นนายของรัตติกาลที่ดำมืด ทั้งดุดันและเย็นเหยียบ หากแต่เมื่อยืนอยู่ข้างกันก็กลับกลายเป็นความต่างที่ลงตัว
“?” โรมีโอหันมองคนที่เดินเข้ามาใกล้พร้อมส่งสายตาเป็นคำถาม แต่ไมเคิลไม่ได้หันไปตอบแต่อย่างใด จับเส้นผมที่ระอยู่ข้างแก้มให้ขยับขึ้นไปทัดใบหู ลูบไล้ผิวหน้าของโรมีโออย่างเชื่องช้า ใช้นิ้วโป้งบดคลึงริมฝีปากชั่วครู่ แล้วจึงผละลงไปจับที่กลุ่มผมนุ่มที่เหลือจากการมัดถักเปีย แล้วยกขึ้นจรดริมฝีปากแผ่วเบา
“ไม่ให้ไป.....” องค์ราชินีกลอกตาให้หลานชายที่รวบเอาตัวพระชายาของตนเข้าไปในอ้อมกอด แล้วหันมาร้องบอกเสียงนิ่ง ก่อนจะตัดสินใจจับดึงโรมีโอออกจากอ้อมกอดของไมเคิลพร้อมตรัสบอกเสียงเข้ม
“ไม่ได้ หากหลานอยากได้ตัวเขาก็มาตามเอาในงานแล้วกัน” ตรัสจบก็เดินจูงมือของโรมีโอออกไปจากห้อง ทิ้งให้ไมเคิลมองตามด้วยความขุ่นเคือง ดวงตาแข็งกร้าวไม่ยินยอม
“พระองค์..... ทรงช้าลงหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” โรมีโอเอ่ยด้วยท่าทีนอบน้อม ทำให้องค์ราชินีชะงัก แล้วผินหน้ามามองคนที่ตนกำลังจับจูง สิ่งที่พบคือใบหน้าของโรมีโอที่ปรากฏหยาดเหงื่อผุดพรายแม้อากาศจะหนาวเย็นก็ตามที ริมฝีปากบางนั้นขบเม้มเอาไว้แน่นข่มกลั้นอาการของตน ใบหน้าเริ่มเผือดสีและซีดจาง
โรมีโอก้าวขาอย่างเชื่องช้า แลดูคล้ายว่าขาจะสั่นระรัวยามก้าวเดิน ชายหนุ่มฝืนกายเดินต่อไปอีกไม่กี่ก้าว ก็คล้ายว่าแข้งขาจะอ่อนเปลี้ย จนแทบทรุดตัวลงกับพื้น ถ้าไม่ได้อ้อมแขนของใครบางคนรองรับเอาไว้เสียก่อน
“อ้ะ!” โรมีโอร้องออกมาแผ่วเบา เมื่อจู่ๆ ร่างกายก็ถูกอุ้มยกลอย ในยามที่เงยหน้าขึ้นมองเห็นเพียงเสี้ยวหน้าคมคายของไมเคิลที่ฉายแววขุ่นเคือง
“ดื้อ.......”
“......” โรมีโอไร้คำพูด ลอบถอนหายใจเบาๆ ย่าหลานตีกันทำไมเขาเป็นคนรับเคราะห์เล่า!
ไมเคิลก้าวเดินตรงไปอย่ามั่นคงเมื่อไร้เสียงตอบกลับจากคนในอ้อมแขน จวบจนกระทั่งเดินมาถึงหน้าประตูใหญ่อันเป็นสถานที่จัดงาน โรมีโอก็เริ่มดิ้นอีกครั้งเพื่อจะลงจากอ้อมแขน จนไมเคิลต้องเอ่ยดุอีกครั้ง
“อยู่นิ่งๆ ....”
“แต่-”
“นิ่ง.....” เพียงเท่านั้นโรมีโอก็หุบปากฉับ ได้แต่บ่นขมุบขมิบเพียงลำพัง ไมเคิลพยักให้องครักษ์ผู้เฝ้ารักษาประตูเข้าออกเปิดออกได้ เสียงร้องประกาศการมาถึงขององค์รัชทายาทและพระชายาดังก้องกังวานไปทั่วทุกพื้นที่ พร้อมกับประตูบานใหญ่ที่ค่อยๆ เปิดอ้าออกเผยให้เห็นสถานที่ภายใน
ปัง!!!
“องค์รัชทายาทและพระชายาเสด็จ!!!!” เพียงสิ้นคำ แขกเหรื่อในงานก็พากันทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าทำความเคารพ ไมเคิลเดินผ่านไปอย่างไม่สนใจ มุ่งตรงไปนั่งที่บัลลังก์ของตนจับให้โรมีโอนั่งตัก แล้วเอ่ยปากด้วยเสียงราบเรียบ
“ลุกขึ้น.....” สิ้นคำ แขกทั้งหลายในงานก็พากันลุกขึ้นตามคำสั่ง หลังจากนั้นก็เป็นลำดับพิธีการ ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากนอกจากการที่โรมีโอและไมเคิลลงนามในทะเบียนสมรส ในตอนนี้โรมีโอพยายามที่จะดิ้นลงจากตัก แต่ไมเคิลก็รั้งเอวสอบเอาไว้ โดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น ทำให้โรมีโอต้องลงนามในทะเบียนสมรสบนตักแกร่งด้วยท่าทีกระอักกระอ่วนใจ
ไมเคิลจัดการลงนามในส่วนของตนเองแล้วจึงส่งให้กับโรมีโอ ซึ่งชายหนุ่มจับปากกาเอาไว้แน่น คิ้วคู่คมก้มมองเอกสารตรงหน้าด้วยแววตาครุ่นคิด หลังจากนั้นจึงเลื่อนสายตาขึ้นมองหาเอวาไปทั่วงาน จึงเห็นว่าน้องน้อยของเขากำลังส่งยิ้มมาให้จากทางด้านข้าง เอวาพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ทำให้โรมีโอหันกลับมามองเอกสารในมืออีกครั้งอย่างใช้ความคิด
ความเงียบเริ่มรายล้อมตัว เนื่องจากโรมีโอไม่ยอมลงนามในเอกสารเสียที ทำให้บรรยากาศงานรื่นเริงค่อยๆ เลือนหาย และทุกสายตาจับจ้องมาที่โรมีโอไม่ละสายตา ชายหนุ่มก้มลงมองแหวนบนนิ้วนางของตน ไมเคิลที่มองโรมีโอมาตั้งแต่ต้นจึงเอ่ยถามด้วยเสียงเรียบนิ่ง
“เซ็น.......” โรมีโอเม้มปากแน่น คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่ตนกำลังนั่งทับตักอยู่ในขณะนี้
“คุณแน่ใจแล้วหรอครับ?”
“ทำไม.......”
“ถ้าผมเซ็น.... เราจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วนะครับ” ความเคร่งเครียดปรากฏขึ้นในแววตา ในขณะที่ไมเคิลมองด้วยความโกรธขึ้ง
“ทำไมต้องแก้......”
“ก็เราไม่ได้รัก-” คำพูดของโรมีโอถึงกับหยุดชะงัก เมื่อได้สบกับดวงตาวาวโรจน์ประกายไฟลุกโชน ถ้อยคำกดต่ำ พยายามข่มกลั้นอารมณ์ เอ่ยปากพูดเสียงเย็น
“เซ็น......” โรมีโอหันกลับมามองเอกสารตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ จรดปลายปากกาลงไป แล้วตวัดวาดลวดลายเป็นชื่อของตนอย่างงดงาม
เมื่อลงนามเสร็จ ไมเคิลก็จับเอกสารตรงหน้าไปมองดูเพียงชั่วครู่ กระตุกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว แล้วส่งให้ข้ารับใช้นำไปจัดเก็บ เพียงคล้อยหลังไม่นาน เสียงปรบมือแสดงความยินดีก็ดังกึกก้องกังวานไปทั่วทุกพื้นที่ แต่ใบหน้าของไมเคิลยังคงนิ่งเฉย โรมีโอเองก็ลอบสังเกตใบหน้าคมของคนข้างกายอยู่เนื่องๆ
หลังจากพิธีเซ็นหนังสือสัญญาในทะเบียนสมรสเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็กลับกลายเป็นงานเลี้ยงฉลอง ไมเคิลโอบอุ้มโรมีโอแล้วพาเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะจัดเลี้ยง จัดให้ชายหนุ่มนั่งลงอยู่ข้างตัวฝั่งซ้าย ในขณะที่เอวานั่งอยู่ฝั่งขวา
โรมีโอนั่งทานอาหารไปพลาง มองไมเคิลไปพลาง จึงได้เห็นว่าชายที่เป็นถึงองค์รัชทายาทเอาอกเอาใจน้องน้อยไม่ห่าง จนพี่ชายอย่างเขานึกอิจฉาตาร้อนอยู่บ้าง แต่เพราะไม่อยากจะเข้าไปแทรกกลางจึงทำตัวสงบเสงี่ยมเหมือนเช่นเคย
“อ้าปาก.....” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นอยู่ข้างตัว ทำให้โรมีโอชะงัก เมื่อเงยหน้ามองก็เห็นเนื้อกุ้งล็อบเตอร์ตัวใหญ่ที่ถูกปอกเปลือกแล้วเรียบร้อยจดจ่ออยู่ที่ริมฝีปาก และเมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าคนที่ส่งให้นั้นคือคนที่พึ่งจะจดทะเบียนสมรสกันไปหมาดๆ ที่เป็นคนยื่นส่งให้
“อ้า.....” ไมเคิลย้ำอีกครั้งในขณะที่โรมีโอถึงกับปั้นหน้าไม่ถูก แต่สุดท้ายก็ยอมเผยอริมฝีปาก รับเอาเนื้อกุ้งนั้นเข้าปากแต่โดยดี
บุคคลทั้งหมดนั่งทานอาหารร่วมกันสลับกับหันไปดูการแสดงเป็นระยะ โรมีโอลูบท้องของตนแผ่วเบาความรู้สึกจุกแน่นจนไม่สบายตัวนั้นส่งผลให้ชายหนุ่มขยับตัวอย่างอึดอัด ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่กินเยอะจนไม่ประมาณตนเช่นนี้ แต่เพราะวันนี้ถูกไมเคิลสูบเรี่ยวแรงไปจนเกือบหมด แถมยังมีคนข้างกายที่คอยป้อนอาหารเข้าปากไม่ขาด พอมีคำแรก คำที่สองจึงต่อมา และตามด้วยคำที่สาม สี่ ห้า และอีกหลายๆ คำหลังจากนั้น จนโรมีโออดสงสัยไม่ได้ว่าไมเคิลไม่หันไปป้อนน้องน้อยแล้วหรืออย่างไร สุดท้ายก็ได้คำตอบเมื่อบารอนคอยตักจานนั้นจานนี้เอาอกเอาใจอยู่ไม่ห่าง ทำให้ไมเคิลหันกลับมาสนใจเขาแทน
“เป็นอะไร.....”
“ผม.... ปวดท้องครับ ขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่” ไมเคิลพยักหน้ารับ มองโรมีโอที่ค่อยๆ ผุดลุกขึ้น แล้วเดินมุ่งตรงไปที่ห้องน้ำไม่ละสายตา จนกระทั่งร่างสูงโปร่งนั้นหายลับไปหลังบานประตู ดังนั้นสายตาของไมเคิลจึงหันกลับมาสนใจเอวาตามเดิม
โรมีโอเดินมุ่งตรงไปที่ห้องน้ำ หลังจากจัดการกับตัวเองเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาที่ด้านนอก ชายหนุ่มหันมองทางซ้ายและขวาของตนอย่างละครั้ง ทางซ้ายเป็นทางออกไปสวนหย่อม ในขณะที่ด้านขวาเป็นทางกลับเข้าไปในงานเลี้ยง
“เดินย่อยสักหน่อยก็ดี” คิดพลางก้าวเท้าเดินมุ่งตรงออกไปทางซ้าย ชายหนุ่มเดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งทะลุออกมาที่สวนด้านนอกซึ่งเป็นสถานที่ที่องค์ราชินีโปรดปรานและมักจะออกมาจิบน้ำชาอยู่เสมอ หากแต่ตอนนี้เป็นเวลายามค่ำคืน จึงมีแสงไฟจากสปอร์ตไลท์ฉายแสงให้เห็นทางเดิน และบริเวณต้นสุ่มพุ่มไม้ก็มีการประดับตกแต่งไฟเป็นระยะ ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูนุ่มนวลและโรแมนติกมากยิ่งขึ้น ตรงกลางของสวนหย่อม เป็นศาลาเหล็กดัดสีขาวงดงามขลิบทองบ่งบอกถึงความหรูหราของสถานที่ มีโต๊ะน้ำชาตั้งอยู่และล้อมรอบด้วยเก้าอี้ตัวเล็กให้เอนพิงหลังพักผ่อน โรมีโอขยับเดินเข้าไปใกล้หมายจะนั่งพักลงสักครู่
ตึก!
เสียงฝีเท้าจากทางด้านหลังทำให้ชายหนุ่มหยิบคว้าปืนเอามาถือไว้ในมือแล้วหมุนกายหันหลังอย่างรวดเร็ว จดจ่อปลายกระบอกปืนเข้าหาผู้บุกรุกด้วยแววตาเรียบนิ่ง
“อ่อ....” คนตรงข้ามส่งเสียงอึกอักและหยุดชะงักการก้าวเดิน โรมีโอลดปืนลงพลางถอนหายใจแผ่วเบา เอ่ยปากดุไม่จริงจังนัก
“อย่ามาเงียบๆ สิครับ” ว่าจบก็เก็บปืนเข้าที่แล้วจึงเดินไปทรุดตัวลงนั่งตามที่ตนตั้งใจไว้ อีกฝ่ายเดินเข้ามานั่งที่ฝั่งตรงข้าม และมองจ้องโรมีโอนิ่งๆ ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังเงยหน้าขึ้นชมท้องนภากว้างในยามค่ำคืนที่ประดับไปด้วยดวงดาวพร่างพราย แววเสียงบรรเลงบทเพลงมาจากห้องจัดเลี้ยงแผ่วเบา
“มีอะไรรึเปล่าครับ?” โรมีโอที่ถูกจับจ้องมาพักใหญ่เอ่ยถามขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว เมื่อคนฝั่งตรงข้ามยังคงจ้องมองมาเงียบๆ ไม่พูดไม่จา
“คุณ.....”
“?” โรมีโอเหลือบพร้อมเล็กคิ้วเล็กน้อยเชิงสงสัยใคร่รู้ คนตรงหน้าเม้มริมฝีปากอย่างชั่งใจ ก่อนจะเอ่ยถามออกไปในที่สุด
“คุณเต็มใจรึเปล่า?”
“นั่นสินะ..... ผมเองก็สงสัยอยู่เหมือนกัน” โรมีโอเอ่ยตอบกลับมาพร้อมครุ่นคิดไปพลาง
“หากคุณไม่มีความสุข บอกผมโรมีโอ...... หากคุณไม่มีความสุขที่จะต้องทนอยู่กับเขา ผมพร้อมที่จะทำทุกทางเพื่อช่วยคุณ” โรมีโอที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันมาส่งยิ้มเบาบางให้กับอีกฝ่าย ก่อนจะตอบกลับไป
“ขอบคุณนะครับกันนาร์ แต่ผมคิดว่าคนที่ไม่มีความสุขน่าจะเป็นฝ่ายนั้นมากกว่า..... ผมรักเขา ย่อมต้องอยากแต่งงานกับเขา และอาจจะเป็นเขาเองที่ต้องมาทนทุกข์ทรมานกับผม.....” โรมีโอด้วยรอยยิ้มหม่น ในตอนนั้นเองที่กันนาร์ตัดสินใจทำบางสิ่ง แม้จะรู้ว่ามันสายไปแล้วก็ตามที
“คุณกันนาร์!” โรมีโอร้องเรียกคนตรงหน้าด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายก็ผุดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่ฝั่งตรงข้าม เดินมาหาเขาแล้วทรุดตัวคุกเข่าลงตรงหน้า พร้อมกับจับมือของเขาเอาไปกอบกุมไว้แน่น
“ผมรักคุณ.....”
“.......”
“ผมรักคุณโรมีโอ.....”
“คุณกันนาร์......”
“ผมรู้ว่ามันคงจะสายไป แต่ผมอยากจะบอกให้คุณรู้ ผมรักทุกอย่างที่เป็นคุณ ไม่ว่าจะตอนโกรธ ตอนยิ้ม ตอนหัวเราะ หรือแม้แต่ตอนที่ใบหน้าของคุณเรียบเฉย ผมก็ยังรักคุณ..... หากคุณไม่มีความสุขกับเขา อย่าลืมผมคนนี้นะครับ ผมจะรอคุณอยู่ตรงนี้เสมอ....” กันนาร์พูดพร้อมกับก้มลงประทับริมฝีปากลงบนหลังมือของโรมีโออย่างนุ่มนวล หยาดน้ำอุ่นร้อนแตะกระทบบนหลังมือ น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินอย่างเงียบงัน ก่อนจะค่อยๆ ผุดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ไม่แม้แต่จะปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของตน
“รีบเข้าข้างในนะครับ เดี๋ยวคุณจะไม่สบาย อีกไม่นานหิมะคงจะตกลงมาแล้ว”
“ครับ.....” โรมีโอตอบรับเสียงแผ่ว มองแผ่นหลังขององครักษ์ประจำกายองค์ราชินีที่เดินจากไปอย่างมั่นคงและหนักแน่น ต่างจากใบหน้าที่เศร้าหมองและเต็มไปด้วยรอยหยาดน้ำตา โรมีโอนั่งอยู่เช่นนั้นพร้อมกับครุ่นคิดไปพลาง โดยไม่รู้เลยว่ามีใครบางคงจ้องมองด้วยแววตาเรียบนิ่งเยือกเย็น
เขามีความสุขจริงๆ ดั่งปากว่า เมื่อได้แต่งงานกับคนที่ตนรัก คนที่ทุกข์ทรมานน่าจะเป็นไมเคิลมากกว่า และถ้าหากเป็นแบบนั้น เมื่อถึงคราวที่ต้องเลิกรากันไป เขาเองก็ยินยอมที่จะเซ็นใบหย่าให้โดยไม่อิดออดแม้แต่น้อย....
ใครเล่าจะทนได้หากคนที่ตนรักต้องทุกข์ทรมาน.....
โรมีโอที่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนมีอันต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีผ้าผืนใหญ่คลุมลงมาบนตัว พร้อมกระซิบนุ่มทุ้มข้างใบหูแผ่วเบา
“เดี๋ยวไม่สบาย.....” ถ้อยคำนั้นมาพร้อมผ้าคลุมผืนใหญ่สีแดงสดที่ด้านหลังปักลวดลายมังกรคำรามสีทองอร่ามงดงามและทรงพลัง ดูคล้ายกับผ้าคลุมของไมเคิลก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเพี้ยน และมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะอยู่บนตัวเขามากที่สุด เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ใช้บ่งบอกถึงความสูงศักดิ์และฐานะองค์รัชทายาทเช่นไมเคิล
โรมีโอที่ได้เห็นเช่นนั้นก็พยายามจะถอดผ้าคลุมออกจากตัว แต่ไมเคิลกลับใช้วงแขนโอบกอดคนใต้ร่างเอาไว้แน่น ไม่ยอมให้ชายหนุ่มถอดออกได้ดั่งใจ
“ใส่ไว้..... อากาศหนาว.....” สิ้นคำ บางสิ่งที่เป็นสีขาวสะอาดบริสุทธิ์และเย็นเหยียบก็ตกกระทบกับผิวแก้มของโรมีโอจนชายหนุ่มชะงัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นหันมองไปรอบๆ ตัว จึงเห็นว่าหิมะแรกของฤดูกาลเริ่มโปรยปราย และพวกเขาทั้งสองคนกำลังโอบกอดเพิ่มอุ่นไอให้กันและกันท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น
“ฉันไม่ได้ฝืนใจ.......”
“ครับ?” โรมีโอร้องถาม พร้อมกับหันหน้าไปมองคนข้างกายที่ยังคงโอบกอดอยู่ไม่ห่าง
“แต่งงานกับนาย..... ไม่ใช่เรื่องฝืนใจ.... แต่ฉัน ตั้งใจ ที่จะทำ.....” โรมีโอชะงักนิ่งไปกับถ้อยคำนั้น ความรู้สึกมากมายพวยพุ่งออกมาจากอกจนใจสั่นระรัว เงยหน้ามองอีกฝ่ายไม่ละสายตาราวกับตกอยู่ในมนต์สะกด อย่างไม่ทันรู้ตัว ร่างของเขาก็ถูกโอบอุ้มขึ้นจากเก้าอี้ทั้งๆ ที่มีผ้าคลุมห่อหุ้มพันกาย ครั้นจะเอ่ยแย้งไมเคิลก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียงเรียบ
“หิมะตกแล้ว...... อากาศหนาว......” โรมีโอที่ได้ยินเช่นนั้นก็ก้มหน้าลงต่ำ ไม่ได้พูดอะไรออกไป ต่างจากไมเคิลที่ก้มหน้าลงมองคนในอ้อมแขนขณะที่สองขาวก้าวเดินไปพลาง
“โรม......” เพราะเสียงเรียกนั้นทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง
“Marry Crismistmas” ถ้อยคำนั้นมาพร้อมกับริมฝีปากอุ่นร้อนที่ทาบกับริมฝีปากของเขาแผ่วเบาราวกับปีกผีเสื้อ ไม่มีการรุกล้ำ ไม่มีการขบเม้มและขบกัด มีเพียงการแตะสัมผัสแผ่วเบา แต่ทำเอาใจของเขาสั่นระรัว
เนิ่นนานกว่าที่ริมฝีปากนั้นจะผละออก ไมเคิลเงยหน้าขึ้นแล้วก้าวเดินอีกครั้งอย่างมั่นคง ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เป็นเขาเองที่ก้มหน้าลงต่ำ หลบซ่อนใบหน้าแดงเรื่อจากการกระทำที่อ่อนหวาน แบบที่นานๆ ครั้งจะเกิดขึ้นสักที อุบอิบตอบกลับไปเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ
“Marry Crismistmas เช่นกันครับ.....”
“........” ไมเคิลไม่ได้พูดอะไรกลับไป แต่มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากเบาบางจนแทบมองไม่เห็น พร้อมกับครุ่นคิดอยู่ภายในใจ
“ของขวัญปีนี้..... คุณอยากได้อะไรรึเปล่าครับ?” โรมีโอถามพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังโอบอุ้มตนเองอยู่ในขณะนี้ ไมเคิลมองจ้องนิ่งงันเพียงชั่วครู่ แล้วจึงตอบกลับไปเสียงเรียบ
“ไม่มี.......”
โรมีโอคงไม่รู้.....
คริสต์มาสปีนี้เขาได้รับของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตมาแล้ว.......
ตอนนี้เวลาผ่านมามากกว่า 5 วันแล้ว หลังจากงานประกาศแต่งตั้งองค์รัชทายาทและเปิดตัวพระชายา ตอนนี้โรมีโอยังคงนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรง ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยช้ำและรอยแดงระเรื่อห้อเลือด บริเวณสะโพกปวดหนึบจนชาไร้ความรู้สึก ขยับตัวแต่ละครั้งสะท้านไปทั่วกาย ที่เอวสอบและบั้นท้ายทั้งสองข้างเป็นรอยแดงปื้นของนิ้วมือเด่นชัด นอกจากนี้แล้วยังมีช่องทางด้านหลังที่บวมช้ำแดงก่ำบ่งบอกถึงการถูกใช้งานและเคี่ยวกรำอย่างหนักหน่วงตลอด 5 วันที่ผ่านมา โรมีโอยังคงนอนคว่ำหน้าพลางคิดไปถึงค่ำคืนอันเป็นจุดเริ่มต้นของบทรักที่แสนร้อนแรง ทำเอาเขาหมดสภาพไปโดยปริยายไมเคิลไม่ได้พาเขากลับเข้างานเลี้ยง แต่กลับพาเขามุ่งตรงไปอีกทางแทน ทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นมองพร้อมเอ่ยถามสลับกับมองดูทางไปพลาง“ไปไหนครับ?” ไมเคิลหลุบตาลงต่ำมองคนในอ้อมกอดเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้ามองตรง ก้าวเท้าเดินไปพลาง“ห้อง.....”“แต่แขกยัง-”“ไม่สน......”“.......” โรมีโอถึงกับหมดคำจะพูด ก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมพยักหน้ารับ“ก็ดีครับ ผมอยากพักเหมือนกัน” ทันทีที่พูดจบไมเคิลก็ขมวดคิ้วมอง ก่อนจะเอ่ยเสียงติดดุนิดๆ“ใครให้นอน...... เข้าหอ......”
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา