Michael Part
ย้อนกลับไปตอนก่อนหน้า......
ไมเคิลถูกจับแยกกับน้องน้อยตั้งแต่ที่โรงพยาบาล ทำให้หงุดหงิดขัดใจเป็นอย่างมาก ตลอดการเดินทางดวงตาคมกล้าสองสีมองจ้องรถที่น้องน้อยนั่งอยู่ไม่ละสายตา
แต่แล้วคิ้วคู่คมก็ต้องขมวดเข้าหากันแน่น เมื่อพบว่ารถที่โรมีโอและน้องน้อยนั่งนั้นขับแยกไปอีกทางอย่างผิดวิสัย
“หยุดรถ!” ชายหนุ่มออกปากสั่งการในทันที หากแต่รถยนต์นั้นยังคงมุ่งไปในทิศทางที่คุ้นเคยโดยที่ความเร็วไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย ไมเคิลชักปืนออกมายกขึ้นจ่อไปที่คนขับ ร้องตวาดเสียงดังก้องไปทั่ว
“ฉันบอกให้หยุดรถ!!!”
กึก!
ในตอนนั้นเองที่หน้าต่างด้านหลังเปิดขึ้นทั้งสองบาน คนขับรถยังคงทำหน้าที่ของตนได้อย่างดีเยี่ยม ขับรถด้วยความเร็วสม่ำเสมอ หากแต่ตอนนี้ คนที่นั่งข้างคนขับ และบอดี้การ์ดสองคนที่นั่งประกบคู่กับเขายกปืนขึ้นจ่อ นอกจากนี้แล้วยังมีรถคันข้างๆ อีกคันละสองคนที่เล็งปืนมาหา เรียกได้ว่าตอนนี้ไมเคิลถูกปืนทั้ง 7 กระบอกมุ่งตรงมาที่ตนเองโดยไม่มีการยั้งมือ
“คุณนั่งเงียบๆ จะดีกว่านะครับ ถ้าคุณยังยกปืนขึ้นจ่อแบบนี้ พวกผมเองก็คงลดปืนลงไม่ได้เช่นกัน” เสียงคนขับรถพูดขึ้น ทำให้ไมเคิลกัดฟันกรอด
“โคลด์.....” เจ้าของชื่อเหลือบมองเพียงครู่ แล้วจึงหันกลับไปขับรถตามเดิม ก่อนจะเอ่ยปากอีกหน
“บอสเขาเป็นพี่แท้ๆ ของคุณหนูนะครับ บอสเขาไม่ทำร้ายคุณหนูหรอก” ไมเคิลกัดฟันแน่ ข่มกลั้นโทสะของตัวเอง แต่ปืนนั้นยังคงเล็งอยู่ที่โคลด์โดยไม่ละไปไหนแม้แต่น้อย
“เมื่อไหร่......” ชายหนุ่มเหลือบมองเพียงครู่ ก่อนจะตอบเสียงหนักแน่น
“ตั้งแต่แรก”
“ว่าไงนะ......” ไมเคิลกำปืนในมือเอาไว้ พยายามห้ามตัวเองสุดความสามารถไม่ให้ลั่นไกออกไป ต้องการที่จะได้รับคำอธิบายเพิ่มเติม
“บอสครับ คุณรู้ดีว่าผมหมายถึงอะไร” ใช่...... ไมเคิลรู้ดี คำว่าตั้งแต่แรกนั้นหมายถึงอะไร และนั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากจะเชื่อ ไม่อยากจะเชื่อว่าโรมีโอจะเก่งกล้าได้ขนาดนี้……
“ระดับ S ทุกคนที่อยู่ในมือคุณ โรมีโอ.... ไม่สิ บอสน่ะ เป็นคนคัดเลือกมาเองกับมือ พูดคุยทำความเข้าใจกับทุกคนก่อนจะส่งตัวให้คุณเสียอีก ดังนั้นพวกเรารู้ตั้งนานแล้วว่าบอสมีความสัมพันธ์แบบไหนกับคุณหนู และเพราะแบบนั้น คำว่า ‘ปฏิวัติ’ ของบอสถึงได้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว แต่แทบไม่มีผลกระทบอะไรเลย ไม่งั้นคุณก็คงเห็นบ้านที่นองไปด้วยเลือดแล้วล่ะ” โคลด์พูดพร้อมยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ในขณะที่ไมเคิลได้แต่ตกตะลึง
“อะไรนะ.....”
“ผมพูดมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ไม่งั้นบอสจะโกรธเอา” โคลด์พูดพร้อมกับเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้น เพื่อพาไมเคิลไปส่งให้ถึงบ้าน และหน้าที่ของเขาสิ้นสุดลงแค่นั้น
ไมเคิลได้แต่นิ่งอึ้งหลังจากที่ได้ฟังข้อมูลบางส่วน เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าตัวเองจะถูกตลบหลังอย่างร้ายแรงเช่นนี้ เหมือนเขาเป็นเพียงหุ่นกระบอกที่มีโรมีโอคอยชักใยอยู่ข้างหลัง และความไว้ใจที่สั่งสมมานาน เมื่อโรมีโอบอกว่าดี เขาก็จะเชื่อว่ามันดี เมื่อโรมีโอบอกว่าไม่ดี เขาก็จะไม่ทำ โดยทุกครั้งนั้นมีเหตุผลที่น่าเชื่อถือออกมาจากริมฝีปากบางในทุกๆ ครั้ง
ไมเคิลกรุ่นโกรธคั่งแค้นจนมือที่กำปืนสั่นระริก กำหมัดเอาไว้แน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ อดทนอดกลั้นไม่ให้อาละวาดออกไป ดึงเอาหน้ากากสงบนิ่งเยือกเย็นมาสวมใส่ไว้ แผ่ขยายอำนาจความกดดันเข้าโอบล้อม สมาชิกร่วมทางเริ่มขยับตัวอย่างอึดอัดแทบหายใจไม่ออก แต่ความดำมืดที่ออกจากร่างนั้นยังคงหลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งในที่สุดโคลด์ก็พาไมเคิลมาถึงบ้านได้สำเร็จ ไมเคิลยังคงนั่งนิ่งบนรถ ไม่ยอมขยับเคลื่อนกาย จนโคลด์ต้องใช้ปืนข่มขู่อีกครั้ง ไมเคิลถึงยอมก้าวขาลงจากรถ
“เอกสารทุกอย่างอยู่ที่ห้องทำงานครับ” โคลด์พูดพร้อมกับเล็งปืนไปพลาง เมื่อไมเคิลหันหน้ากลับมาก็ได้พบเซราฟมือสุ่มยิงประจำองค์กรและโอเว่นหน่วยไอทีอยู่ที่ด้านหน้าประตูบ้าน ซึ่งในมือของทั้งคู่ก็มีปืนเล็งมาทางตนเองอยู่เช่นกัน
ไมเคิลกัดฟันกรอดความกรุ่นโกรธเพิ่มมากขึ้นไปอีกระดับ สูดลมหายใจเข้าลึกข่มกลั้นอารมณ์สุดความสามารถ ไมเคิลเดินไปที่ห้องทำงาน เมื่อเปิดเข้าไปแล้วก็ได้พบกับห้องว่างเปล่า บนโต๊ะมีเอกสารชุดหนึ่งวางกองอยู่ พร้อมกับตราประทับลายมังกรคำราม ชายหนุ่มหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านดูคร่าวๆ
เป็นเอกสารการคืนสิทธิ์ในการอนุมัติเอกสารต่างๆ และอำนาจในการตัดสินใจให้ไมเคิลตามเดิม เอกสารการคืนสิทธิ์ในการครอบครองทรัพย์สินต่างๆ ที่โรมีโอมีอยู่ในมือ และเอกสารฉบับสุดท้ายที่ทำให้ไมเคิลกัดฟันกรอด คือเอกสารการทวงสิทธิ์ในการดูแลเอวาที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แม้ว่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าน้องน้อยจะอายุครบ 18 ปีเต็มก็ตามที เมื่อไมเคิลหันหน้ากลับมาก็ได้พบว่าที่ด้านหลังเต็มไปด้วยบอดี้การ์ดชุดดำซึ่งเป็นคนของเขาเอง
“เอวาอยู่ไหน......”
“.....”
“เอวาอยู่ที่ไหน!!!!” น้ำเสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจตวาดก้องไปทั่วห้อง เมื่อไม่มีใครตอบคำถามของเขา
“คุณไม่ต้องห่วงครับ ตอนนี้คุณหนูอยู่กับบอสแล้ว”
“คืนเอวามาให้ฉัน!!” ไมเคิลก้าวเท้าย่างสุขุมเข้าหา ผลักอกของโอเว่นให้พ้นทางก่อนที่จะโดนขวางเอาไว้โดยโคลด์ที่ดักอยู่ตรงประตู
“หลบไป!!!” ไมเคิลร้องบอกพร้อมกับการตวัดแขนชกเข้าที่ใบหน้าของโคลด์ไปเต็มๆ จนชายหนุ่มใบหน้าสะบัดหันไปอีกทาง ในตอนนั้นก็เป็นเซราฟที่เข้าชาตร์ในทันที ทำการเตะตัดขาแล้วขึ้นคร่อม กดไมเคิลนอนอยู่กับที่ ไมเคิลดึงมือออกพร้อมกับการใช้ขาล็อกแขนของเซราฟเอาไว้ สะบัดหลุดจากการเกาะกุม แต่เมื่อลุกยืนขึ้นมาได้ ก็ถูกโคลด์กอดรัดไว้ที่รอบเอว ไม่ยินยอมให้ไมเคิลออกจากห้อง ทำให้ชายหนุ่มต้องหันไปศอกใส่ที่ศีรษะของอีกฝ่ายในทันที โคลด์ถึงกับงุนงงไปชั่วครู่ แล้วจึงตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว ทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางไมเคิลเต็มกำลัง
การตะลุมบอนนั้นมีเพียงไมเคิล โคลด์ และเซราฟเท่านั้น ในขณะที่โอเว่นเดินออกจากห้องไปเงียบๆ และมีบอดี้การ์ดชุดดำในการยืนคุมเชิงอีกที มองอดีตบอสใหญ่และนักฆ่าระดับ S ขององค์กรซัดกันไปมา เหมือนกับการชมมวยคู่เอกของการแข่งขัน
ไมเคิลซัดกับโคลด์และเซราฟอย่างหนักหน่วงรุนแรง หมัดแลกหมัด เท้าแลกเท้า โดยไม่มีการนำเอาอาวุธมาใช้ในการต่อสู้แม้แต่น้อย ไมเคิลยืนหอบหลังจากต่อสู้มาเป็นระยะยาวนาน ยกมือขึ้นเช็ดรอยเลือดที่ออกมาจากมุมปากขณะมองจ้องระดับ S ทั้งสองที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามซึ่งมีสภาพไม่ต่างกัน
โคลด์และเซราฟถึงกับเหนื่อยหอบ อาการหนักกว่าไมเคิลหลายเท่า เซราฟถึงกับยืนพิงกำแพงในขณะที่โคลด์โน้มตัวลงใช้มือยันเข่าเพื่อพยุงตัวอดที่จะบ่นไม่ได้
“โอเว่นเสร็จรึยัง! อึก!” ไมเคิลขมวดคิ้วมองเมื่อเห็นโคลด์เอ่ยปากพูด ภายในหัวสมองวิ่งเร็วจี๋ กวาดสายตาหันมองไปรอบๆ ตัวด้วยความรวดเร็ว โอเว่นไม่อยู่ในห้องนี้......
ไมเคิลตวัดสายตาไปมองที่หน้าประตูห้องสาวเท้าด้วยความรวดเร็วตั้งใจจะมุ่งตรงออกจากห้อง หากแต่โคลด์กลับรีบขยับตัวเข้ามาขวางไว้
“หลบ...... หลบไป!!”
“ไม่ได้!!” โคลด์พูดพร้อมกับการกอดรัดไมเคิลเอาไว้อย่างแน่นหนา ในตอนที่ไมเคิลสะบัดหลุดนั้นเอง ชายหนุ่มก็เห็นโอเว่นเดินขึ้นบันไดขึ้นมา ทำให้ไมเคิลพุ่งเข้าหาแล้วกระชากคอเสื้อของโอเว่นอย่างรุนแรง
“ทำอะไร! แกทำอะไร!!”
Rrrrrrr Rrrrrrr
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือทำให้บรรยากาศรอบข้างพลันเงียบสนิท ไมเคิลหายใจเข้าออกด้วยความกรุ่นโกรธ มือยังคงขย้ำคอเสื้อของโอเว่นเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ในขณะที่โอเว่นปรายสายตามอง เอ่ยปากเสียงเรียบนิ่ง
“รับสายก่อนไหมครับ”
Rrrrrrr Rrrrrrr
Rrrrrrr Rrrrrrr
ไมเคิลยังคงยืนนิ่งอยู่อีกชั่วครู่ แล้วถึงยอมแพ้ต่อสายเรียกเข้านั้น ผลักอกของโอเว่นออกอย่างรุนแรง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถือไว้ขณะที่มองหน้าของโอเว่นไปพลาง ชายหนุ่มเหลือบมองหน้าจอที่ปรากฏชื่อคนปลายสาย ทำให้กดรับอย่างรวดเร็วโดยไม่รั้งรอ กรอกเสียงลงไปดังลั่น
“เอวาอยู่ที่ไหน!!!”
[อยู่กับผม คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกไมค์ น้องคนเดียว ผมดูแลได้]
“พาเอวากลับมาเดี๋ยวนี้!!” ไมเคิลกัดฟันกรอด อย่างจะพุ่งเข้าไปจับตัวคนปลายสายออกมาเขย่าคอเค้นหาความจริง มีหลายเรื่องที่เขาไม่เข้าใจว่าอดีตผู้ช่วยทำไปทำไม ทั้งๆ ที่เขายอมลงให้ขนาดนี้เหตุใดถึงยังพาน้องน้อยหนีไปจากเขา
[ทำไมผมต้องทำตามด้วยงั้นหรือไมเคิล? คุณเป็นอะไรกับเอวา? เทียบกันแล้ว ผมมีสิทธิ์ในการดูแลมากกว่าคุณอีกนะ]
“โรมีโอ!!!!” ไมเคิลคำรามดังลั่น เจ็บปวดจากคำพูดของอีกฝ่ายอย่างไม่อาจบรรยายได้ เมื่อทุกอย่างที่โรมีโอพูดคือความจริงที่ตอกหน้าจนเขาไม่อาจพูดแย้งอะไรได้อีก
[อำนาจของคุณ ผมคืนให้ ต่อจากนี้ไป คุณกับผมไม่เกี่ยวข้องกันอีก อ้อ ถ้าอยากจะออกตามหา ตามล่าตัวผมก็เชิญเลย แต่คุณจะไม่มีวันได้ตัวเอวาไป ผมไม่มีทางยกเอวาให้คุณ]
“โรมีโอ!!”
ติ๊ด!
ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยคดี ปลายสายก็ตัดไปเสียแล้ว ทำให้ชายหนุ่มหันไปหาโอเว่น ตั้งใจจะออกคำสั่งให้แกะรอยตามสัญญาณโทรศัพท์มือถือไป แต่เมื่อเงยหน้ามาอีกครั้ง ระดับ S ทั้ง 3 คน ก็อันตรธานหายไปเสียแล้ว คนที่เหลืออยู่คือบอดี้การ์ดชุดดำ ปืนที่เคยอยู่ในมือยกขึ้นเล็งตรงมากลับกลายเป็นการยืนก้มหน้าสงบนิ่ง มือประสานกันไว้ที่ตรงกลางอย่างสุภาพนอบน้อม ไมเคิลโกรธจนตัวสั่น คำรามลั่นไปก้องทั่วทุกพื้นที่
“บัดซบ!!! ไสหัวไป! ไสหัวไปให้หมด!!!” สิ้นคำนั้น ชายชุดดำเกือบ 10 กว่าคนก็ทยอยออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ไมเคิลเดินไปหยุดอยู่ที่โต๊ะทำงาน กวาดเอาทุกสิ่งทุกอย่างบนโต๊ะลงไปกองอยู่ที่พื้นพร้อมกับการตะโกนดังลั่น
“โธ่เว้ย!!!”
ไมเคิลใช้เวลาอยู่กับตัวเองครู่ใหญ่กว่าจะสงบสติอารมณ์ลงได้ เมื่อชายหนุ่มเปิดประตูห้องทำงานออกมา เหล่าเมดสาวและบอดี้การ์ดที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างพากันสะดุ้งสุดตัว ขนแขนลุกชันขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ ยิ่งตอนที่เจ้าของบ้านอย่างไมเคิลเดินผ่าน ยิ่งทิ้งความเย็นยะเยือกจนเสียวสันหลังวาปไปทั่วทุกอณูของพื้นผิวเนื้อ ไอดำสังหารแผ่ขยายเป็นวงกว้าง ราวกับพญามัจจุราชที่พึ่งขึ้นมาจามขุมนรก กำลังตามล่าวิญญาณของคนที่เป็นเป้าหมาย
เมดสาวชะโงกหน้าไปมองภายในห้องทำงาน พบว่ามันพังเละเทะไม่เป็นท่า เอกสารกระจัดกระจายปลิวว่อน โซฟาถูกกรีดเป็นทางยาวจนปุยนุ่นลอยฟุ้ง ผ้าม่านถูกกระชากจนขาดวิ่น ชั้นหนังสือถูกล้มทับต่อกันเป็นโดมิโน กองหนังสือร่วงหล่นอยู่บนพื้นเป็นจำนวนมาก สภาพห้องราวกับผ่านสมรภูมิรบ.....
เมดสาวที่ยืนมองอยู่หน้าห้องต่างมองหน้ากัน ลอบกลืนน้ำลายอย่างหวาดกลัว แม้ว่าตนจะถูกฝึกฝนให้รับมือกับผู้บุกรุก เตรียมพร้อมสำหรับความตาย แต่บอกเลยว่าไม่ว่าจะเป็นศัตรูแบบไหน คนที่น่ากลัวที่สุดก็คือบอสของตนนั่นเอง หญิงสาวต่างลอบถอนหายใจ แล้วจึงเข้าไปทำความสะอาด เก็บกวาดสิ่งที่หลงเหลือหลังผ่านสมรภูมิ
ไมเคิลเดินก้าวย่างอย่างมั่นคงไปห้องบัญชาการ ทุกการก้าวเดินเต็มไปด้วยความดุดันจนไม่มีใครกล้ามองหน้า ยิ่งชายหนุ่มนิ่งเงียบมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ใครหลายคนหวาดผวา เมื่อมาถึงห้องบัญชาการแล้วก็ใช้มือข้างเดียวหิ้วคอเสื้อของคนที่กำลังนั่งแก้ระบบไอทีออกไปให้พ้นทาง แล้วเริ่มต้นรัวนิ้วมือบนแป้นพิมพ์นั้นอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มเรียกข้อมูลต่างๆ ที่ใช้ในการติดตามตัวออกมาหลายชุด ไม่ว่าจะเป็นของโรมีโอ เอวา หรือแม้กระทั่งทีมงานระดับ S ทุกคน พบว่าข้อมูลในส่วนนั้นถูกลบทิ้งไปจนหายเกลี้ยง ไม่สามารถติดตามตัวได้อีกต่อไป ใบหน้าของบอสใหญ่ยิ่งพลันมืดครึ้มราวกับมีพายุกำลังเริ่มก่อร่างสร้างตัว ไมเคิลระบายอารมณ์ด้วยการยกกำปั้นขึ้นทุบลงบนแป้นพิมพ์อย่างรุนแรง จนตัวอักษรบนแป้นพิมพ์นั้นหลุดกระจัดกระจาย ใช้งานไม่ได้ไปในทันที
“ตามหามัน.... ตามล่ามัน..... ยังไงก็ต้องเอาตัวเอวามาให้ได้!!!!” ไมเคิลออกคำสั่งด้วยความดุดัน ทำให้ทีมงานแต่ละคนก้มหน้างุด ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาแต่อย่างใด
ไมเคิลยืนกำหมัดแน่น พยายามสงบสติอารมณ์ ก่อนจะสั่งเตรียมรถเพื่ออกไปพบกับคนๆ หนึ่ง ที่จะสามารถช่วยเหลือตนเองได้
องค์ราชินี......
ไมเคิลเดินทางมาอย่างกะทันหันโดยไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า จึงต้องรอพระนางจัดการกิจธุระส่วนพระองค์ให้เสร็จสิ้นเสียก่อนจึงจะออกมาพบได้ ชายหนุ่มนั่งรอด้วยความใจเย็น บรรยากาศผ่อนคลายในสวนสวยท่ามกลางแสงไฟนวลตาไม่อาจลดความเคร่งเครียดของไมเคิลลงได้ ยิ่งรอนานเท่าไหร่ ยิ่งร้อนใจมากขึ้นเท่านั้น
เพราะไมเคิลออกจากที่ทำงานในเวลายามเย็น แถมเรื่องที่เกิดขึ้นยังกินระยะเวลายาวนานหลายชั่วโมง ทำให้ตอนนี้เป็นเวลาค่ำมืดดึกดื่นเสียแล้ว แต่กระนั้นไมเคิลก็ยังคงดึงดันใช้สิทธิ์ของสายเลือดมาแจ้งขอเข้าพบ แม้ว่าพระนางจะเข้าบรรทมแล้วก็ตามที
“มาเสียดึกเชียวนะเรา” พระนางเอ่ยปากบอกขณะที่กระชับเสื้อคลุมให้มากยิ่งขึ้น กันนาร์นำผ้าห่มผืนหนามาคลุมไหล่ให้พระนางอีกชั้นเพื่อป้องกันลมหนาว องค์ราชินีเอ่ยบอกขอบใจแผ่วเบา แล้วจึงหันมาสนใจชายหนุ่มตรงหน้าที่นั่งนิ่งมองจ้องมาด้วยความคาดหวัง
“เสด็จย่า.... ช่วยหลานด้วย.....” พระนางเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ”
“ช่วยหลานตามหาน้องด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ......”
“เอวาหายไปงั้นหรือ” องค์ราชินีขมวดพระขนงเอาไว้แน่น เช่นเดียวกันกับกันนาร์ที่มองจ้องมาด้วยความแปลกใจเช่นกัน
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เราพอจะสงสัยใครหรือไม่ ย่าจะได้ตามรอยได้ถูกคน”
“โรมีโอ......” ทันทีที่ได้ฟัง พระนางก็ถอนหายใจออกมาแผ่วเบา
“ยากนัก..... เขาเป็นคนที่ทำอะไรหมดจดเสียด้วย”
“เสด็จย่า.....” ไมเคิลครางในลำคอ ความหวังเริ่มริบหรี่ องค์ราชินีมองหน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสุนัขรับใช้องค์ราชินี แต่ในความจริงแล้วคือหลานชายที่สืบสายเลือดกันมาด้วยความอาทรใจ ความเจ็บปวดรวดร้าวนั้นปรากฏอยู่ในดวงตา แม้ว่าใบหน้าจะเรียบนิ่งดุจหินผาไร้ความรู้สึก แต่ดวงตานั้นราวกับกำลังจะแตกสลายลงในไม่ช้า
“ย่ามีข้อแลกเปลี่ยน......”
“.....” ไมเคิลนิ่งเงียบรอฟัง ในขณะที่กันนาร์เหลือบสายตามององค์ราชินีของตน
“ย่าอยากให้หลานขึ้นครองบัลลังก์”
“.....”
“หากหลานยินยอม ย่าจะช่วยตามหาเต็มกำลัง” องค์ราชินีทอดพระเนตรด้วยความเรียบนิ่ง ไม่มีแววล้อเล่นอยู่ภายในนั้น
“แต่หลานรักน้อง และหลานจะไม่แต่งงานกับผู้ใด ไม่อาจมีทายาทได้ เสด็จย่ายังต้องการอยู่อีกหรือ?”
“หลานรัก.... ตอนนี้โลกได้ไปไกลเสียแล้ว สังคมเปิดกว้าง การรักเพศเดียวกันนั้นไม่ใช่ความผิดและการสร้างบุตรจากวิธีทางวิทยาศาสตร์ก็ไม่ผิดเช่นกัน.... ตอนนี้ย่าชราลงเต็มที เป็นไม้ใกล้ฝั่งที่ใกล้จะจมลง ย่าไม่เห็นผู้ใดจะเหมาะสมมากไปกว่าหลานอีกแล้ว” ไมเคิลขบคิดอย่างหนักหน่วง หากเขายอมรับข้อเสนอนี้ ทั่วทั้งดินแดนจะตกอยู่ในมือของเขา อำนาจของเขาจะมีล้นฟ้า แต่ตัวเล็กของเขาล่ะ จะทนอยู่ในกรอบและระเบียบการที่น่าอึดอัดนี้ได้อย่างไร
ถึงแม้พระนางจะเอ่ยปากบอกว่ามันจะไม่เป็นไร แต่ถึงอย่างไรกระแสสังคมก็ไม่ใช่สิ่งที่จะต่อสู้ด้วยได้ น้องน้อยจะต้องทนรับแรงกดดัน เสียงด่าทอ และการดูถูกเหยียดหยามจากผู้อื่น โดยที่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถช่วยเหลือ โดยการใช้วิธีรุนแรงได้
“หลาน.....”
“ค่อยๆ คิดเถอะ อย่ารีบปฏิเสธย่าตอนนี้เลย” องค์ราชินีพูดพร้อมกับหันไปทางกันนาร์ ออกคำสั่งให้เริ่มต้นค้นหาโรมีโอและเอวาทุกวิถีทาง แม้จะไม่ได้รับคำตอบจากไมเคิลก็ตามที พระนางเพียงพูดขึ้นเผื่อไมเคิลจะยินยอมเท่านั้น หากได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร และอย่างไรเอวาก็สำคัญต่อชายหนุ่มมากที่สุด และพระองค์เองก็เอ็นดูเด็กคนนี้มากนัก
เมื่อพระองค์หันไปสั่งการกับกันนาร์เสร็จ ก็หันกลับมาหาไมเคิลอีกครั้ง มองดูใบหน้าที่ถอดแบบกันมาจากผู้เป็นบิดา อดที่จะเอ่ยปากไม่ได้
“หลานกับพ่อของหลานเหมือนกันยิ่งนัก ทั้งใบหน้า ลักษณะนิสัย และการกระทำ......” พระองค์ส่งยิ้มบางเบา ก่อนจะผุดลุกขึ้นโดยมีกันนาร์คอยช่วยประคองอยู่ข้างกาย
“พักผ่อนเสียบ้างหลานรัก ลองหยุดยืนนิ่งๆ ดูเสียบ้าง แล้วหลานจะรู้ว่าต้องเริ่มต้นจัดการจากจุดใด” พระองค์พูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนแล้วจึงเดินจากไป ทิ้งให้คนเป็นหลานนั่งนิ่งอยู่ในสวนเพียงลำพัง.....
ไมเคิลกลับมาที่คฤหาสน์ด้วยความอ่อนล้า เดินไปทิ้งกายนอนลงบนเตียงของน้องน้อย ซุกใบหน้าลงกับหมอน สูดกลิ่นกายหอมกรุ่นที่ยังคงหลงเหลืออยู่บางเบาด้วยความทรมานใจ นอนหลับตานิ่งๆ ครุ่นคิดถึงหนทางที่จะได้เจอน้องน้อย
ในตอนนั้นเองที่หัวสมองพลันสว่างวาป แม้ใจจะไม่อยากยอมรับ แต่ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเวลานี้เขาจำต้องพึ่งพาบารอนเข้าแล้ว แต่จะให้เข้าไปพูดคุยกันตรงๆ ต่อหน้าก็ไม่สามารถทำได้ ดังนั้นเขาจึงต่อสายหาบอดี้การด์สักคน แล้วบอกให้ไปติดตามบารอน โดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว คอยดูแลสอดส่องว่าเอวาได้แวะมาเยี่ยมหาบ้างหรือไม่ และคอยเช็คสัญญาณโทรศัพท์มือถือเมื่อมีเสียงเรียกเข้าว่ามาจากที่ใด
เขาไม่เชื่อว่าโรมีโอจะกีดกันเอวาออกห่างจากบารอนได้ ขนาดเขาทำทุกวิถีทางยังไม่สามารถทำได้ แล้วโรมีโอจะมีวิธีใดมาจัดการได้กัน ไมเคิลแสยะยิ้มอยู่เพียงลำพังท่ามกลางความมืด ดวงตาเปล่งประกายลุกโชติช่วง เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง
นอกจากนี้แล้วเขาจะต้องหาใครสักคนที่เก่งในเรื่องของไอที ทำการกู้ข้อมูลที่โอเว่นทำลายทิ้งไปกลับมาให้ได้โดยเร็ว ไมเคิลนอนคิดไปพลางสลับกับการต่อสายโทรออกไปพลาง และมันเป็นอยู่อย่างนั้นทั้งคืนจนไม่มีใครได้หลับได้นอน
ในเช้าวันถัดมาไมเคิลยังคงฝังตัวอยู่ในห้องนอนของเอวา มองข้าวของทุกอย่างด้วยความคิดถึง นึกถึงยามที่ตัวเองยืนเป่าผมให้น้องน้อยที่หน้ากระจก นอนกอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขน ปลายนิ้วมือยังคงจำสัมผัสยามเกลี่ยไล้ผิวแก้มเนียนนุ่มนั้นได้ไม่ลืม
ไมเคิลลูบหน้าตัวเองแรงๆ เพื่อเรียกสติ ก่อนจะฝืนดึงกายขึ้นจากเตียง ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะไปจัดการเรื่องอื่นๆ ต่อ ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ความรู้สึกในตอนนี้คือไม่อยากทำอะไรแม้แต่การขยับตัว
เอวาเปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ที่แสนสดใส เมื่ออยู่ใกล้ก็มีพลังชีวิตที่จะกระทำสิ่งต่างๆ ด้วยความกระฉับกระเฉง แต่บัดนี้เมื่อไม่มีน้องน้อยอยู่ด้วยแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าตนเองจะทำงานหนักไปเพื่อใคร ไม่รู้ว่าจะหาเงินมามากๆ เพื่อใคร ในเมื่อคนที่ตนอยากมอบสิ่งเหล่านี้ให้ไม่อยู่ด้วยกันเสียแล้ว
ไมเคิลเดินเข้าไปที่ห้องบัญชาการหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ไม่สนใจที่จะทานอาหารเช้าแม้ว่าเมื่อคืนนี้จะไม่มีอะไรตกถึงท้องก็ตามที ชายหนุ่มไปหยุดยืนที่หน้าจอมอนิเตอร์ มองจ้องตาไม่กะพริบ มองตัวเลขที่ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตั้งปณิธานไว้ในใจ
อย่างไรจะต้องพาน้องน้อยกลับมาให้ได้!!!!
ไมเคิลใช้เวลาหนึ่งเดือนเต็มในการค้นหาตัวน้องน้อย ซึ่งเป็นหนึ่งเดือนแห่งความล้มเหลว......ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่ ใบหน้าของไมเคิลยิ่งมืดครึ้ม ร่างกายที่เคยแข็งแกร่งกำยำสมส่วนกลับกลายเป็นซูบซีดผอมบางลงอีกหลายระดับ ไมเคิลถึงขั้นไม่กินไม่นอน ใต้ตาดำคล้ำใบหน้าทรุดโทรมกว่าไมเคิลจะหาคนมาทำหน้าที่กู้ข้อมูลของโอเว่นได้ก็กินเวลาไปกว่า 3 สัปดาห์ และถึงแม้จะได้คนมาก็ยังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ในการแกะรอย จนทำให้ไมเคิลความอดทนต่ำลงทุกที นอกจากนี้แล้วทางฝั่งขององค์ราชินีเองก็ไร้วี่แววว่าจะพบตัวเอวา ราวกับว่าบุคคลทั้งสองหายตัวไปเฉยๆแม้แต่กระทั่งกับบารอนเองก็ยังออกตามหาเอวาอย่างบ้าคลั่ง หอบร่างพังๆ กลับมาบัญชาการหลังจากผ่านไป 3 วัน ที่ไม่สามารถติดต่อกับเอวาได้เช่นกัน ไม่มีแม้แต่สายเรียกเข้าที่เขารอคอย ทำให้บารอนดิ้นรนออกจากโรงพยาบาล แม้ว่าตัวเองจะบาดเจ็บหนักอยู่ก็ตามที ทำให้ตอนนี้ทั้งไมเคิลและบารอนหันกลับมาร่วมมือกันในการออกตามหาเอวา จนไมเคิลอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าโรมีโอใช้วิธีใดในการกีดกันน้องน้อยเอาไว้ได้ขณะนี้ไมเคิลกำลังนั่งอยู่บนรถที่กำลังมุ่งตรงไปยังสถานที่แห่งหนึ่งอย่างมั่นคง แม้ใจของเขาจะอยากล
“โรมีโอ.......”ไมเคิลเอ่ยปากครางเรียกชื่อของอีกฝ่าย ทำให้โรมีโอหันหน้ามามองคนที่ยืนอีกฝั่งของประตูรถยนต์ อดีตผู้ช่วยหนุ่มทำเพียงเลิกคิ้วมอง แล้วจึงหันไปมององค์ราชินีเชิงเป็นคำถาม“เห็นใจฉันเถอะเด็กน้อย หลานของฉันย่ำแย่เต็มที....” องค์ราชินีลูบเส้นผมของโรมีโอเบาๆ ขณะที่เหลือบมองไมเคิลไปพลาง แล้วจึงถามหาใครอีกคนแทน“เอวาอยู่ที่ไหนเสียล่ะ”“ทำแผลให้กับบารอนอยู่พ่ะย่ะค่ะ” ไมเคิลขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เหลือบมองบุคคลทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็คลับคล้ายคับคลาว่าจะเข้าใจอะไรบางอย่างอยู่ในที“ฉันจะเข้าไปหาตัวเล็กสักหน่อย พวกเธอคุยกันเถอะ” โรมีโอก้มหน้าลงคล้ายกับการน้อมรับคำสั่ง ในขณะที่องค์ราชินีเดินเข้าไปภายในคฤหาสน์ ส่วนกันนาร์นั้นยืนละล้าละลัง ตามหน้าที่ของเขาจำต้องเดินตามพระองค์ไป หากแต่ใจของเขากลับอยากยืนอยู่ที่นี่ ที่ข้างๆ โรมีโอ คอยช่วยดูแลสอดส่อง เผื่อว่ามีการลงไม้ลงมือเกิดขึ้นโรมีโอผุดตัวลุกขึ้นโดยที่มีกันนาร์ยื่นมือให้ใช้ยึดจับยันตัว ดังนั้นแล้วชายหนุ่มจึงเอ่ยปากบอกขอบคุณเบาๆ พร้อมกับร้องบอก“ขอบคุณครับ คุณตามพระองค์ไปเถอะครับ ผมอยู่ได้” โรมีโอพูดพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนบางให้กับกันนาร์
“ตัวเล็กเป็นน้องแท้ๆ ของคุณ......”“!!!”“น้องที่มีสายเลือดเดียวกัน.....”สิ้นคำพูดนั้นของอดีตผู้ช่วยหนุ่ม ทั่วทั้งห้องพลันตกอยู่ในความเงียบงัน แม้แต่เสียงลมหายใจก็แลดูคล้ายว่าจะเลือนหายไปชั่วขณะ โรมีโอพูดด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความจริงจังในน้ำเสียงนั้น และเพราะถ้อยคำนั้นเองที่ทำให้ไมเคิลถึงกับนิ่งอึ้ง ดวงตาเบิกกว้าง ไม่ต่างกันกับเอวาที่ผละตัวออกจากโรมีโอแล้วเงยหน้าขึ้นมองด้วยความรวดเร็วโรมีโอสูดลมหายใจเข้าลึก ประคองน้องน้อยให้ลุกขึ้นจากพื้น เอ่ยปากเสียงเย็นกับคนที่ยังคงนิ่งอึ้งอยู่บนเตียง“คุณออกไปก่อนนะครับ เราจะคุยกันหลังจากนี้” โรมีโอพูดด้วยเสียงเด็ดขาด ไมเคิลลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เดินตัวลอยออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบ สติของชายหนุ่มขาดหายไปแล้วในช่วงเวลานี้ ในขณะเดียวกันโรมีโอก็ประคองน้องน้อยให้กลับไปนั่งบนเตียงพร้อมกับการลูบหลังปลอบใจ กอดรัดเอาไว้แน่นกระซิบถ้อยคำปลอบโยน สลับกับการใช้มือไล้ปาดหยาดน้ำตาออกจากดวงหน้าหวานที่ฉ่ำชื้น ประตูปิดลงอย่างเงียบงัน ทิ้งไว้เพียงเสียงสะอื้นของน้องน้อยที่ลอดออกมาจากห้องไมเคิลเดินออกมาจากห้อง ก้าวขาลงบันไดอย่างสติเลื่อนลอย แล้วจึงเดินไปทรุดตัวนั่ง
Romeo Partโรมีโอมองตามหลังคนที่หมุนกายเดินออกจากห้องไปเงียบๆ บนตักของตนมีน้องน้อยที่ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น กอดรัดเขาเอาไว้แน่น จนชายหนุ่มต้องยกมือขึ้นสูง ลูบแผ่นหลังเล็กบางนั้นแผ่วเบา สลับกับการกอดปลอบและโยกตัวราวกับกำลังปลอบใจเด็กน้อยที่มีอายุเพียงไม่กี่ขวบ“ฮึก! หนะ หนูเกิดมาจากความผิดพลาดหรอ...... ฮืออออ” เอวาร้องถามมือหนึ่งยกขึ้นปาดน้ำตา ในขณะที่อีกมือนั้นจับเสื้อสูทของโรมีโอเอาไว้แน่น“ไม่ใช่ค่ะ ตัวเล็กเกิดขึ้นจากความตั้งใจของคนเป็นพ่อนะ”“ฮึอ ตะ แต่ ฮือออ แต่แม่ไม่ต้องการหนู ฮือออ” เอวาพูดทั้งน้ำตา ร่ำไห้ปานจะขาดใจ ทำให้โรมีโอต้องเอ่ยปากอีกครั้งอย่างอ่อนโยน“ถ้าแม่ไม่ต้องการ ตัวเล็กจะได้เกิดมาหรอคะ ถึงแม้พ่ออาเธอร์จะช่วยพูดเอาไว้ แต่ถ้าแม่ไม่รักตัวเล็กจริงๆ หนูคงไม่ได้มานั่งอยู่บนตักพี่อย่างนี้” โรมีโอพูดพร้อมกับยกนิ้วจิ้มปลายจมูกแดงก่ำอย่างหยอกล้อ“ตัวเล็กร้องไห้ได้ค่ะ แต่พี่ให้ร้องแค่วันนี้นะ ร้องจนกว่าตัวเล็กจะพอใจเลย หลังจากนั้นยิ้มให้พี่เยอะๆ ยิ้มมากๆ เท่าที่จะมากได้ อย่าให้เป็นพี่ที่เป็นคนพรากรอยยิ้มของตัวเล็กไปเลยนะ” โรมีโอพูดพร้อมกับยกนิ้วโป้งขึ้นไล้เกลี่ยริมฝีปากบางไป
“ทรงทราบตั้งแต่เมื่อไหร่......” ไมเคิลเอ่ยถามเสียงเรียบ ดวงตามองจ้องคนตรงหน้าไม่ละสายตาไปไหนองค์ราชินีวางแก้วชาลงหลังจากที่ยกขึ้นจิบเพียงเล็กน้อย พร้อมกับทอดถอนพระทัยอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะทรงตรัสถ้อยคำเอื้อนเอ่ยบอกแก่หลานชายของตน“ตั้งแต่แรก”“.....” องค์ราชินีมองคนเป็นหลานที่มีดวงตาประกายวาวโรจน์เรืองรอง ความคุกรุ่นปรากฏอยู่ภายในดวงตาแจ่มชัด องค์ราชินีมองสบกับดวงตาสองสี อันเป็นเอกลักษณ์ของวงศ์ตระกูลวัลโด้ ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำอีกครั้ง ช้าๆ ชัดๆ“ย่ารู้ตั้งแต่แรกแล้ว หลังจากนิโคลัสเสียชีวิตได้ไม่นาน..... หลานคงไม่คิดว่าย่าจะปล่อยให้คนที่สังหารโอรสสวรรค์ได้อยู่อย่างสบายหรอกกระมัง?”“แต่เท่าที่หลานเห็น..... ชายผู้นั้นยังคงมีความสุขดี.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด พูดอย่างอดทน มองจ้องพระองค์เขม็งหลังจากที่ไมเคิลกลับมานอนพักที่บ้านเพื่อเอาแรง แม้จะนอนไปได้ไม่นานนัก แต่ก็พอเรียกให้กำลังวังชากลับคืนฟื้นขึ้นมาได้เล็กน้อย ทำให้เขาตั้งใจสะสางงานการที่คั่งค้างอย่างรวดเร็ว แล้วแจ้งข่าวแก่กันนาร์ เพื่อแจ้งให้ทราบว่าตนมีความต้องการที่จะเข้าพบองค์ราชินีดังนั้นแล้วหลังจากที่เขาจัดการงานเสร็จสิ้น จึงอาบน้ำแต
“อะ อะ อื้ออออ อึก!”ปึก! ปึก! ปึก!เสียงกายกระทบกายดังก้องกังวานไปทั่วทุกพื้นที่ภายในห้องๆ หนึ่ง โรมีโอถูกใครอีกคนกระแทกกระทั้นกายเข้าหาไม่มีหยุดพัก ริมฝีปากที่เปล่งเสียงร้องครวญครางเริ่มแหบพร่าเจือสะอื้นจากความสุขสมที่ได้รับทั่วทุกพื้นที่ภายในห้องนอนกว้างที่เคยถูกจัดเรียงไว้อย่างสวยงามพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา มาบัดนี้กลับกลายสภาพกลายเป็นไม่น่าดู คล้ายกับผ่านสมรภูมิรบตอนนี้โรมีโอกำลังถูกกระแทกกระทั้นจากชายร่างกายกำยำสมส่วน สองมือถูกจับมัดไขว้กันที่ด้านบน อย่างไม่อาจหลีกหนี มีเพียงยอมก้มหน้ารับความสุขสมและเสียวซ่านแทบขาดใจ เนื่องจากถูกพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา ทำได้เพียงบิดกายเร้าไปมาอย่างทุกข์ทรมานปะปนไปกับความสุขสม สภาพห้องที่ไม่เอื้ออำนวย ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับไมเคิลเลยสักนิดในการสรรหาขอเล่นมาใช้กับกายบางรูปร่างสูงโปร่งเนคไทที่เคยผูกอยู่ที่คอกลับกลายมาเป็นผ้าปิดตา.......เข็มขัดที่เคยคาดอยู่ที่เอวกลับกลายเป็นสายรัดข้อมือ.......ชั้นในสีดำสนิทที่เคยสวมใส่กลับกลายเป็นผ้าอุดปาก ส่งเสียงครางได้เพียงอื้ออึงในลำคอ.......นอกจากนี้แล้วไมเคิลยังใช้สายไฟจากโคมไฟข้างเตียงต่างสายรัดป้องกันไม่ใ
สามวันต่อมาไมเคิลก็ได้รับจดหมายกำหนดการในการประกาศแต่งตั้งองค์รัชทายาทของอาณาจักร ซึ่งจะถูกจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า จนอดที่จะทอดถอนหายใจไม่ได้กับความเร่งรีบนี้ ราวกับอีกฝ่ายกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจในภายหลังกระไรอย่างนั้นเนื่องจากเขาต้องตัดชุดที่ใช้ในพระราชพิธีและยังมีชุดออกงานอื่นๆ อีกมากมาย องค์ราชินีจึงพระราชทานช่างทำเสื้อหลวงมาให้ ทำให้ไมเคิลต้องละมือจากงานตรงหน้า มายืนกางแขนกางขาให้ช่างเสื้อวัดตัว อีกฝ่ายจดรายละเอียดลงในสมุดอย่างขะมักเขม้นใช้เวลาอยู่อีกครู่ใหญ่ การวัดตัวจึงเสร็จสิ้น ช่างทำเสื้อบอกเวลาคร่าวๆ ว่าชุดฉลองพระองค์จะเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ หลังจากที่มีการเลือกแบบได้แล้ว ไมเคิลพยักหน้ารับโดยไม่ได้พูดอะไรออกไป เชื่อว่าอย่างไรผู้เป็นย่าของตนคงจะเร่งรีบดำเนินการจัดการทั้งหมดทั้งมวลนั้นให้เสร็จทันวันงานอยู่ดีด้วยอุปนิสัยของไมเคิลที่ไม่ชอบเรื่องยุ่งยากรำคาญใจ ดังนั้นแล้วคนที่ถูกดึงตัวไปช่วยในงานจึงเป็นเอวาและโรมีโอ อดีตผู้ช่วยคนสนิทของเขาที่องค์ราชินีเอ่ยปากขอด้วยพระองค์เอง จนดูคล้ายกับว่าโรมีโอและองค์ราชินีจะสนิทสนมกันขึ้นอีกระดับ ดูได้จากการที่องค์ราชินีชี้ชวนให้ดูเนื้อผ้
Romeo Part“หลงรักนายแล้วรึเปล่านะ?”ตึกตัก..... ตึกตัก.....ชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำตาลนอนนิ่งตั้งใจฟังถ้อยคำนั้น ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นนั้นใกล้มากจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่เป่ารินรดใบหน้า โรมีโอยังคงนอนหลับตานิ่ง เสียงหัวใจที่เต้นแรงอย่างบ้าคลั่งจนกลัวว่าคนด้านบนนั้นจะได้ยินเสียงรัวราวกลองศึก แต่แล้วถ้อยคำต่อมาของไมเคิลก็ทำให้ใจเขาดิ่งวูบลงไปในทันที“หึ จะเป็นไปได้ยังไง.......” สิ้นถ้อยคำชายหนุ่มก็ผละถอยห่างไป และการถอยห่างนี้คล้ายกับว่าดึงกระชากหัวใจของโรมีโอให้หลุดลอยตามไปด้วย หลังจากนั้นไม่นานสัมผัสที่คุ้นเคยก็กลับมาอีกครั้ง เมื่อไมเคิลจับเขาแต่งตัวหลังจากเช็ดตัวให้เสร็จสรรพและผละไปนอนอีกฝั่งหนึ่งของเตียง หลับตาลงพักผ่อนในที่สุดโรมีโอทิ้งจังหวะให้ไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้า จนกระทั่งมั่นใจว่าไมเคิลหลับลงแล้วจริงๆ จึงพลิกกายนอนตะแคงข้าง ขยับเข้าไปหาน้องน้อยที่นอนคั่นกลาง แต่เพราะความสูงของขนาดตัวและตำแหน่งหมอนที่จัดวาง ทำให้โรมีโอได้เห็นใบหน้าด้านข้างของไมเคิลอย่างชัดเจนดวงตาสีฟ้างดงามบัดนี้กลับหมองหม่นและมีม่านหมอกปกคลุมไว้ ไม่สดใสเป็นประกายเจิดจ้าเช่นเก่าก่อน โรมีโอลอบผ่อนลมหายใจช้าๆ คว
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา