เอวาใช้เวลารักษาตัวต่ออีก 2 สัปดาห์หลังจากฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล โดยมีโรมีโอและไมเคิลคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ส่วนบารอนนั้นต้องพักรักษาตัวต่ออีก 1 เดือน เพราะมีการตัดอวัยวะภายในออกไปบางส่วน ทำให้ไม่สามารถออกแรงได้ อาหารการกินจำกัดลดลง
ดังนั้นแล้วไมเคิลและโรมีโอจึงไปๆ มาๆ ระหว่างบ้าน บริษัท และโรงพยาบาล โดยเวลาในช่วงกลางวันจะอยู่ที่บริษัท มีโรมีโอคอยชี้นิ้วสั่งงาน ส่วนไมเคิลนั้นมีหน้าที่ก้มหน้าทำตามคำสั่ง เมื่อมาที่โรงพยาบาล ไมเคิลก็ปรี่เข้าไปดูแลน้องน้อย คอยถามคะขาอยู่ไม่ห่าง นั่งจับมือเอาไว้ตลอดเวลาจนกระทั่งถึงเวลาเดินทางกลับ ส่วนโรมีโอนั้นก็ผละออกไปดูแลบารอนบ้างเล็กน้อย และใช้เวลากับคนทั้งสองในการพูดคุยเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างวัน
ในคราแรกที่เอวาตื่นมาและได้พบหน้าของไมเคิล เด็กน้อยพลันร้องไห้โฮ โผเข้ากอดคนพี่เอาไว้แน่น พร่ำบอกขอโทษไม่หยุดปาก ไม่ต่างกันกับไมเคิล ที่โทษว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นมาจากตนเอง ทำให้น้องน้อยต้องได้รับอันตรายไปด้วย ทั้งสองคนต่างพร่ำขอโทษกันและกันไปมา สลับกับเสียงสะอื้นไห้ของเอวา จนโรมีโออดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปลูบกลุ่มผมนุ่มนั้นอย่างปลอบใจ รอยยิ้มบางเบาถูกจุดประกายขึ้นบนริมฝีปากด้วยความรักสุดหัวใจ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน โรมีโอก็ยังคงเข้าไปนอนกับไมเคิลที่ห้องโพธิ์แดง แม้ว่าบางคืนจะเหนื่อยล้าจนสายตัวแทบขาด แต่ชายหนุ่มก็ยังคงขยับเคลื่อนกายขึ้นลงบนตัวของไมเคิลราวกับกำลังเต้นรำท่ามกลางแสงสีเสียงที่เร่าร้อน โดยมีชายหนุ่มให้ความร่วมมือในการกระแทกกายสวนขึ้นมาเป็นระยะ
หากแต่เมื่อหลังเสร็จกิจ กลับมีแต่ความห่างเหิน เรียกได้ว่าตั้งแต่วันที่โรมีโอลืมไมเคิลไว้ที่บ้านในวันนั้น ชายหนุ่ม อดีตบอสใหญ่ก็เงียบขรึมขึ้นเป็นเท่าตัว แทบจะไม่เอ่ยปากพูดอะไร การทำงานก็เป็นเพียงการนำเอาเอกสาร ข้าวของที่ต้องการมาวางทิ้งไว้ให้โดยไม่ปริปากอธิบายอะไร เวลาโรมีโอถามอะไรก็จะถามคำตอบคำ ประหยัดถ้อยคำมากยิ่งขึ้นมากเดิม
และเพราะแบบนั้น โรมีโอจึงใช้เวลาในยามค่ำคืน เรียกร้องให้ไมเคิลเปล่งเสียงครางลึกในลำคอ ยิ่งไมเคิลกัดฟันเรียกชื่อด้วยความเกรี้ยวกราดเพราะถูกพันธนาการรัดตรึงจนไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากปล่อยให้โรมีโอเล่นสนุกกับร่างกายตนเองอย่างคนหมดหนทาง ยิ่งทำให้โรมีโอรู้สึกยินดี ที่ได้ยินชื่อของตนดังออกจากริมฝีปากสีซีดนั้นมากยิ่งยิ่งขึ้น ในยามปกติไม่พูดก็ไม่เป็นไร เมื่อราตรีมาเยี่ยมเยือนคราใดเขาจะทำให้อดีตบอสใหญ่ต้องร้องครวญครางด้วยชื่อของเขาเพียงคนเดียว......
“.....”
“ไมค์”
“.....”
“ไมค์”
“.....”
“มะ”
“หุบปาก.....”
“หึหึ” โรมีโอกำลังนั่งเท้าคางมองคนที่ก้มหน้าทำงานอยู่ที่โต๊ะเลขาด้านข้างด้วยรอยยิ้มติดมุมปาก
วันนี้ทั้งวันโรมีโอเอาแต่นั่งมองไมเคิลไม่ละสายตา ร้องเรียกไมเคิลไม่ขาดปาก ราวกับคนที่กำลังเรียกร้องความสนใจ และมันทำให้ไมเคิลหงุดหงิดมากยิ่งกว่าเดิม
ในวันนี้น้องน้อยได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ ทำให้ไมเคิลเร่งรีบจัดการงานของตนเองให้เสร็จ หากแต่โรมีโอกลับกวนประสาทตั้งแต่เช้า คอยเรียกอยู่ตลอดเวลา เมื่อหันไปหาก็ไม่เอ่ยคำใดนอกจากการนั่งมองหน้านิ่งๆ และมันก็เป็นแบบนั้นทั้งวันจนไมเคิลรำคาญ ต้องเอ่ยปากต่อว่าอย่างสุดทน เพราะแทนที่งานของเขาจะเสร็จก่อนเวลา กลับกลายเป็นล่าช้ามาเกือบชั่วโมง เพราะสมาธิแตกซ่าน จากการกระทำของโรมีโอ
กว่าที่โรมีโอและไมเคิลจะมารับน้องน้อยกลับบ้านก็ล่าช้าเต็มที
เด็กตัวเล็กกำลังนั่งหน้าบึ้งทำแก้มป่องพองลมอย่างแง่งอน ในอ้อมแขนมีตุ๊กตาเสือขาวเจ้ามิลาที่ถูกกอดรัดเอาไว้แน่น ที่รอบคอมีลูกบอลสีสันสดใสห้อยเอาไว้อยู่ บ่งบอกให้รู้ว่าของขวัญจากมิลาด้าได้รับการเอาใจใส่ โรมีโอขยับเดินเข้าไปหาเด็กน้อยที่ทำแก้มพองลม ก่อนจะเอ่ยปากบอก
“กลับบ้านกันนะครับ”
“อื้อ! หนูอยากกลับบ้านแล้ว!” เอวาเงยหน้าร้องบอก ดวงตาสดใสเป็นประกาย ในขณะที่บารอนทำหน้าหงอยเหงา ราวกับสุนัขถูกทิ้ง
“ตัวเล็กจะทิ้งพี่แล้วหรอคะ” ราวกับเห็นภาพมายา ที่เห็นสุนัขตัวโตขนฟูแต่ใบหูตกพับลงหน้าตาหงอยเหงา จนเอวาต้องรีบเข้าไปคลอเคลีย ถูไถใบหน้ากับอกแกร่งอย่างออดอ้อน เงยหน้าร้องบอกขณะที่สองมือขยุ้มเสื้อบริเวณแผ่นอกของบารอน
“หนูจะมาเยี่ยมบ่อยๆ นะ” ว่าจบก็ส่งสายตาปิ๊งๆ ไปให้ บารอนได้รับดาเมจของความน่ารักนั้นกระแทกเข้าตาจนต้องหันหน้าหนี ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อบางเบา ต่างจากไมเคิลที่เส้นเลือดปูดโปนขึ้นบนขมับ ข่มกลั้นอารมณ์อยากต่อยหน้าคนเอาไว้สุดฤทธิ์
“ไปกันเถอะครับ” โรมีโอพูดพร้อมกับถือกระเป๋าข้าวของๆ เอวาด้วยตัวเอง พร้อมกับการเดินจับจูงมือน้องน้อยออกไปจากห้อง
เอวามองโรมีโอและไมเคิลด้วยความงุนงง เพราะปกติแล้วต้องเป็นไมเคิลที่คอยอยู่ข้างกายตลอด มาบัดนี้กลับเป็นโรมีโอเสียมากกว่า ในขณะที่ไมเคิลเดินตามหลังมาเงียบๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก เอวาเดาว่า ไมเคิลคงจะทำอะไรสักอย่างให้โรมีโอโกรธ ทั้งคู่จึงมีท่าทีเหินห่างกันเช่นนี้ เหมือนตอนที่เอวาโดนไมเคิลดุหรือโดนไมเคิลทำโทษรุนแรงเกินไป โรมีโอก็มักจะเป็นเช่นนี้อยู่เสมอ แต่แล้วเอวาก็ต้องงุนงงหนักขึ้น เมื่อเดินมาถึงรถ แทนที่ไมเคิลจะได้ขึ้นไปนั่งคู่กันกับน้องน้อย กลับกลายเป็นว่าเอวาได้นั่งคู่กับโรมีโอแทนที่เบาะหลัง
ส่วนไมเคิลนั้นถูกไล่ให้ไปนั่งรถคันอื่นอย่างจำยอม โดยโรมีโอให้เหตุผลว่ามีเรื่องที่ต้องการพูดคุยกับน้องน้อยเป็นการส่วนตัว เมื่อขึ้นรถมาแล้ว เอวาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม พร้อมกับการเงยหน้าขึ้นมองโรมีโอตาปริบๆ
“มีอะไรกันหรอครับ?” โรมีโอเผยรอยยิ้มบาง เพราะเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น เกิดในช่วงที่บารอนและเอวาหลับใหลไม่ได้สติ ดังนั้นแล้วคนทั้งคู่จึงไม่รู้ว่าโรมีโอและเอวาเป็นพี่น้องกันจริงๆ และไม่รับรู้ด้วยว่าโรมีโอได้ทำการปฏิวัติ ยึดอำนาจของไมเคิลมาอยู่ในมือจนหมดสิ้นแล้ว ชายหนุ่มลูบกลุ่มผมนุ่มสีดำสนิทไปพลาง มองเด็กน้อยข้างตัวด้วยความรักสุดหัวใจ เอ่ยปากบอก
“เรากำลังจะกลับบ้านกันไงครับ” เอวายังคงไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก ได้แต่ขมวดคิ้วสงสัย ยอมนั่งรถต่อไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะรับรู้ได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น เมื่อรถที่ตัวเองนั่งอยู่กลับขับไปอีกทางเพียงลำพัง ในขณะที่รถที่ไมเคิลนั่งอยู่นั้น มุ่งตรงไปที่ทิศทางหนึ่งอันคุ้นเคย
“โรม.... บ้านหนูไม่ได้อยู่ทางนี้.......” เอวาเอ่ยเสียงนิ่ง เหลือบสายตามองจ้องด้วยความสงบนิ่ง ใบหน้าไร้ความรู้สึกใด ทำให้โรมีโอที่คลุกคลีกับน้องน้อยมานาน พอจะรับรู้ได้ว่าเด็กน้อยข้างกายกำลังเปิดโหมดระวังภัยให้ตัวเอง โรมีโอใช้ปลายนิ้วแตะที่จมูกของเอวาอย่างหยอกล้อ เอ่ยปากบอกด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่ผ่อนคลาย
“ไม่ต้องกลัวค่ะ พี่ไม่ทำร้ายตัวเล็กอย่างแน่นอน”
“......”
“เชื่อพี่นะคะ”
“อืม.....” เอวาครางรับในลำคอ นั่งตัวตรงแน่ว หันมองรอบกายอย่างสนใจ ทิศทางที่มุ่งไปเป็นป่าเขาแห่งหนึ่ง สองข้างทางคือทิวสนที่สูงตระหง่าน คล้ายกับกำลังขับมุ่งตรงเข้าสู่ผืนป่ามากขึ้นเรื่อยๆ ความมืดเริ่มรายล้อมตัว เอวาเริ่มนั่งไม่ติดที่ คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น ปวดหัวจี๊ดจนต้องสะบัดหน้าไปมา
“เป็นอะไรไปคะ” โรมีโอขยับเข้ามาใกล้ จับน้องน้อยให้หันมามองหน้ากัน ใช้ปลายนิ้วมือไล้สัมผัสกับบริเวณที่เอวากำลังจับอยู่อย่างแผ่วเบา
“ปวดหัว อื้อออ”
“ไหวไหมคะตัวเล็ก ทานยาก่อนนะคะ” พูดจบ โรมีโอก็หายาในถุงออกมาส่งให้น้องน้อย ป้อนยาเม็ดเล็กเข้าสู่ริมฝีปาก พร้อมกับป้อนน้ำให้อย่างเอาใจใส่
“ถ้าไม่ไหวก็นอนพักก่อนก็ได้ค่ะ” โรมีโอพูดพร้อมกับจับให้เด็กน้อยนอนหนุนตักของตนเอง ในขณะที่รถยังคงวิ่งด้วยความเร็วสม่ำเสมอไม่มีทีท่าว่าจะลดลง เอวายอมทำตามอย่างว่าง่าย อาการปวดหัวเริ่มรุนแรงขึ้นจนต้องปิดเปลือกตาลง รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นอ่อนโยนที่ลูบไล้ศีรษะแผ่วเบา หลีกเลี่ยงบริเวณที่เป็นแผลอย่างระมัดระวัง
“ช้าหน่อย”
“ครับบอส” เสียงใครบางคนตอบรับ เอวานึกงุนงงอยู่ในใจ กับคำเรียกขานนั้น หากแต่ไม่มีอารมณ์จะใส่ใจ ตอนนี้ศีรษะของเด็กน้อยเต้นตุ้บๆ จนแทบจะระเบิดออกมา ซุกตัวเข้าหาความอบอุ่น ปล่อยให้วงแขนที่คุ้นเคยโอบล้อมรอบตัว แม้จะไม่ได้แข็งแกร่งดุจหินผาเช่นไมเคิล แม้จะไม่ได้แน่นตึงเหมือนของบารอน แต่อ้อมแขนนี้กลับเนียนนุ่มกว่ามาก จนในที่สุดเอวาก็ผล็อยหลับไป
โรมีโอก้มหน้าลงมองดูเด็กน้อยด้วยความรักเต็มเปี่ยม อดคิดไม่ได้ว่าป่านนี้รถคันนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง เชื่อว่าไมเคิลคงอาละวาดน่าดู แต่คงไม่ถึงกับต้องมีใครตาย คงเป็นเพียงการบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น และถึงแม้ว่าอยากจะตามมา ก็ตามไม่ได้เสียแล้ว เมื่อโรมีโอลบฐานข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับตนและเอวาทิ้งไป ลบร่องรอยใดๆ ที่จะสาวมาถึงตัวของเขาได้อย่างแนบเนียน
งานการที่โรมีโอทำในยามค่ำคืนนั้นก็คือการตระเตรียมความพร้อมในการดำเนินการขั้นถัดไป เตรียมทุกสิ่งให้พร้อมสรรพ โดยมีเส้นตายคือวันที่น้องน้อยได้ออกจากโรงพยาบาล
“คุณคงโกรธแค้นผมน่าดู.......” โรมีโอพูดพร้อมกับลูบกลุ่มผมนุ่มไปพลาง ก่อนจะเอ่ยออกมาอีกคำ
“แต่ผมเลือกแล้ว และผมถอยหลังกลับไปไม่ได้อีก.....”
เอวาตื่นขึ้นอีกครั้งในห้องที่ไม่คุ้นตา เด็กน้อยสะลึมสะลือผุดตัวลุกขึ้นนั่ง ยกมือขึ้นนวดขมับของตัวเองไปมา ในขณะนั้นเองที่ใครบางคนเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับข้าวต้มกลิ่นหอมฉุย
“ตื่นแล้วหรอคะ” โรมีโอพูดพร้อมกับวางถาดอาหารลงที่โต๊ะข้างเตียง ทำให้เห็นว่านอกจากอาหารแล้วยังมีอ่างน้ำใบเล็กที่มีผ้าผืนน้อยพาดวางเอาไว้ โรมีโอมองตามไปก็เข้าใจได้ในทันทีว่าเด็กน้อยกำลังคิดอะไรอยู่ จึงเอ่ยปากบอกโดยไม่ต้องถาม
“เมื่อคืนตัวเล็กไข้ขึ้นค่ะ จนพี่เกือบจะพาไปโรงพยาบาลอีกรอบแล้ว แต่โชคดีที่หมอแอลมาดูอาการให้ก่อน บอกว่าไม่เป็นอะไรมาก พี่เลยพอเบาใจได้บ้าง ก็เลยให้เขาฉีดยาไปเข็มหนึ่งแล้วก็เช็ดตัวให้ค่ะ”
“พี่?” เอวากะพริบตาปริบๆ จะว่าไปตั้งแต่อยู่ที่โรงพยาบาลแล้วที่เด็กน้อยรู้สึกว่าโรมีโอแปลกไป ไม่ค่อยเรียกตนว่าคุณหนู แต่เรียกว่าตัวเล็กแทน ซึ่งนานๆ ครั้งถึงจะได้ยิน เพราะพี่ชายของตนไม่ชอบให้ใครเรียกเช่นนี้นอกจากตัวเอง หากแต่นี่กลับเรียกทุกครั้งที่มีการพูดคุย และแทนตัวเองว่า ‘พี่’ แทนที่จะเป็นคำว่า ‘ผม’ เหมือนอย่างทุกที
“พักให้หายก่อนนะคะ แล้วพี่ถึงจะบอก” โรมีโอเอ่ยปากอย่างมีเลศนัย ขยับเข้ามาป้อนข้าวต้มให้กับเด็กน้อย ยกขึ้นจ่อที่ริมฝีปาก เอวาก็เผยออ้ารับแต่โดยดี เมื่อกลืนลงคอไปแล้วก็อดที่จะถามถึงใครอีกคนไม่ได้
“พี่จ๋าไปไหน” โรมีโอชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพร้อมส่งยิ้มไปให้
“ไมเคิลไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้ค่ะ บ้านนี้เราอยู่กันแค่ 2 คน กับคนใช้อีกนิดหน่อย”
“งั้นพี่จ๋าอยู่บ้านไหน” เอวาถามพร้อมกับเอียงคอมองตาปริบๆ
“ไมเคิลอยู่ที่บ้านของตระกูลวัลโด้ค่ะ”
“ที่นี่ก็บ้านของวัลโด้หรอ” เด็กน้อยร้องถาม พร้อมๆ กับมองสำรวจไปพลาง ห้องที่ตนพักนั้นหรูหราไม่น้อย ข้าวของเครื่องใช้ล้วนเป็นสีทองผสมผสานกับสีครีมได้อย่างลงตัว เน้นลวดลายไปที่พระอาทิตย์เป็นหลัก โรมีโอส่ายศีรษะไปมา พร้อมกับการป้อนข้าวต้มเข้าสู่ริมฝีปากเล็กพร้อมเอ่ยไปพลาง
“ที่นี่เป็นบ้านของตระกูลวอลเลอร์ค่ะ”
“ตระกูลวอลเลอร์??” ในคราวนี้เอวาหันกลับมาสนใจโรมีโอบ้างแล้ว ในดวงตาบ่งบอกว่ามีความสงสัยเต็มไปหมด ชายหนุ่มยกนิ้วโป้งขึ้น เกลี่ยริมฝีปากเล็ก เช็ดเศษอาหารออกจากริมฝีปากให้อย่างอ่อนโยน
“ค่ะ ตระกูลวอลเลอร์ ที่แปลว่า ผู้ทรงอำนาจ เหมือนกับตระกูลวัลโด้”
“เห ความหมายเหมือนกันเลย”
“ใช่ค่ะ ถ้าตัวเล็กอยากรู้มากกว่านี้ก็ต้องรีบหายนะคะ แล้วพี่จะพาเดินรอบๆ บ้านเอง” โรมีโอพูดพร้อมกับวางถ้วยอาหารลงที่ด้านข้าง หันมาส่งน้ำและยาให้กับน้องน้อย เอวารับไปทานไม่มีอิดออด ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนตามเดิม และโรมีโอก็จับผ้าห่มมาคลุมทับให้ ปิดมาถึงคอของเด็กน้อยจนโผล่มาแต่หัวกลมๆ และใบหน้าน่ารักเท่านั้น
“นอนพักก่อนนะคะ หลังจากตื่นขึ้นมาและหายดีแล้ว พี่ยินดีตอบทุกคำถาม” โรมีโอพูดพร้อมกับลูบกลุ่มผมสีดำสนิทราวกับอีกาไปพลาง กล่อมเด็กน้อยให้หลับใหลลงไปอีกครั้งด้วยบทเพลงแว่วหวาน
“Cause you are, you are (เพราะว่าคุณคือ)
The reason why I’ m still, hanging on (เหตุผลที่ทำให้ฉันยังคงอยู่ตรงนี้)
Cause you are, you are (เพราะว่าคุณคือ)
The reason why my head is still above water (เหตุผลที่ทำให้ฉันผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้)
And if I could I’ d get you the moon, give it to you (ถ้าฉันสามารถเอาพระจันทร์มาให้คุณได้ ฉันจะยกให้คุณเลย)
And if death was coming for you, I’ d give my life for you (ถ้าความตายเข้ามาหาคุณ ฉันจะสละชีวิตเพื่อช่วยคุณเอง) ”
เพลง Get you the moon : Kina
โรมีโอนั่งมองน้องน้อยที่หลับใหลไปอีกครู่ใหญ่ แล้วจึงออกจากห้องมาอย่างแผ่วเบา ไม่รบกวนการพักผ่อนของน้องน้อยโดยเด็ดขาด เมื่อเปิดประตูออกมาแล้วก็พบว่าใครบางคนกำลังยืนรออยู่อย่างร้อนรน
“ทำไมช้านักละบอส” ออสการ์พูดพร้อมทำแก้มพองลม ทำให้โรมีโอเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจ
“บอสใหญ่อาละวาดใหญ่แล้ว พวกโคลด์จะกันเอาไว้ไม่อยู่แล้ว”
“อืมมม ผมจัดการเองครับ” โรมีโอพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะต่อสายหาใครบางคน
Rrrrrr Rrrrr
ติ๊ด!
[เอวาอยู่ที่ไหน!!!] น้ำเสียงทุ้มต่ำตวาดก้อง มาพร้อมกับพลังอำนาจที่กดข่ม แต่กลับใช้ไม่ได้ผลกับโรมีโอเลยแม้แต่น้อย
“อยู่กับผม คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกไมค์ น้องคนเดียว ผมดูแลได้”
[พาเอวากลับมาเดี๋ยวนี้!!]
“ทำไมผมต้องทำตามด้วยงั้นหรือไมเคิล? คุณเป็นอะไรกับเอวา? เทียบกันแล้ว ผมมีสิทธิ์ในการดูแลมากกว่าคุณอีกนะ”
[โรมีโอ!!!!] ปลายสายคำรามดังลั่น หากแต่โรมีโอไม่สนใจ ดึงโทรศัพท์ออกห่างเพียงเล็กน้อย แล้วจึงกรอกเสียงพูดต่อ
“อำนาจของคุณ ผมคืนให้ ต่อจากนี้ไป คุณกับผมไม่เกี่ยวข้องกันอีก อ้อ ถ้าอยากจะออกตามหา ตามล่าตัวผมก็เชิญเลย แต่คุณจะไม่มีวันได้ตัวเอวาไป ผมไม่มีทางยกเอวาให้คุณ”
[โรม-]
ติ๊ด!
“โหหหห บอสครับ แจ่มแมวเลยครับ แทนที่จะทำให้เขาสงบ เขาจะคลั่งมากกว่าเดิมอีกไหมเนี้ย” ออสการ์พูดพร้อมทำหน้าละเหี่ยใจเกินจะกล่าว โรมีโอยักไหล่ส่งให้อย่างไม่สนใจ ก่อนจะเอ่ยต่อ
“เตรียมพร้อมตั้งรับด้วยล่ะ ยังไงเขาก็ต้องมาแน่ จะช้าหรือเร็ว ยังไงเขาก็ต้องมา.... เพราะเอวาเป็นหัวใจของมังกร....” โรมีโอพูดทิ้งท้ายเอาไว้ ขณะที่เดินกลับลงไปที่ชั้นล่าง หยุดยืนที่หน้ารูปครอบครัวของตัวเอง เงยหน้าขึ้นมองภาพสีน้ำมันขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่ที่โถงกลางของบ้าน เอ่ยด้วยรอยยิ้มติดมุมปาก
“ผมกลับมาแล้วครับพ่อ... แม่....”
เอวาตื่นขึ้นอีกครั้งในยามเช้าของวันถัดมา เด็กน้อยลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว และระมัดระวังบาดแผลของตนเป็นอย่างมาก เมื่อกลับออกมาจากห้องน้ำ ก็พบว่าเป็นโรมีโอกำลังจัดเตรียมชุดไว้รออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นว่าเอวาค่อยๆ เดินออกจากห้องน้ำ ชายหนุ่มก็รีบเข้าไปช่วยประคองในทันที
“ระวังนะคะ” พูดพร้อมกับพาไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวสวยภายในห้อง เริ่มต้นเช็ดผมให้อย่างเบามือ
“แผลเปียกหมดเลย น่าจะเรียกพี่นะคะ”
“พี่?” เป็นอีกครั้งที่เอวาขมวดคิ้ว ไม่คุ้นชินกับคำเรียก แต่โรมีโอกลับส่งยิ้มบางพร้อมการตอบรับ
“ค่ะ พี่”
“......”
“รีบแต่งตัวเถอะค่ะ พี่มีใครบางคนจะพาไปแนะนำให้รู้จัก” โรมีโอพูดด้วยเสียงอ่อนโยน แล้วจึงช่วยน้องน้อยแต่งตัวอย่างคล่องแคล่ว ข้าวของต่างๆ ล้วนเป็นสิ่งที่เอวาใช้อยู่ประจำ เพราะเป็นคนคอยดูแลมานานเกือบ 10 ปี ทำให้โรมีโอตระเตรียมสิ่งต่างๆ ได้ดีเยี่ยม ไม่มีขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย
จนเมื่อแต่งตัวเสร็จ โรมีโอก็พาเอวาออกมาจากห้อง มุ่งตรงไปที่ห้องนั่งเล่น ไปหยุดยืนอยู่ที่รูปภาพขนาดใหญ่ เอวาหันมองคนข้างกายตาปริบๆ ด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนที่โรมีโอจะเอ่ยปากบอก
“ตัวเล็กคะ” เอวาขมวดคิ้วส่งให้ แต่ไม่ได้ตอบรับคำใดกลับไป โรมีโอมองท่าทีนั้นด้วยความเอ็นดู รอยยิ้มเล็กๆ ประดับอยู่ที่ริมฝีปาก
“นี่คือพ่อแม่ของพี่..... พ่อแม่ของพวกเรา.....”
“พวกเรา?!” เอวาดวงตาเบิกกว้าง หันขวับกลับมามองโรมีโออย่างรวดเร็ว สิ่งที่เห็นมีเพียงรอยยิ้มบางๆ ส่งให้ พร้อมการยืนยัน
“ใช่ค่ะ พ่อแม่ของพวกเรา ตัวเล็กเป็นน้องชายของพี่ น้องชายแท้ๆ ที่ไม่ใช่น้องบุญธรรมเหมือนไมเคิล เป็นน้องชายเพียงคนเดียวของพี่” โรมีโอพูดเพียงเท่านั้นก็หันกลับไปมองภาพวาดอีกครั้ง ในขณะที่เอวาช็อกค้าง ชะงักนิ่งไปเสียแล้ว
“แม่ดูสิครับ ตัวเล็กของเราโตขึ้นมากเลยทีเดียว” โรมีโอพูดกับภาพวาดนั้น ราวกับกำลังเล่าเรื่องราวให้ฟังเหมือนอีกฝ่ายยังคงมีชีวิต
“พ่อ..... แม่.... ฮึก!” น้ำตาหยดใสกลิ้งตกจากดวงตาสีฟ้าสดใสงดงาม ยกมือขึ้นปิดหน้าของตัวเองอย่างอดทนอดกลั้น
เอวาเคยสงสัยมาตลอด ว่าพ่อแม่ของตนหน้าตาเป็นอย่างไร เคยคิดว่าตัวเองไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีก เพราะไมเคิลบอกแค่ว่าเมื่อตอนยังเด็ก เอวาประสบอุบัติเหตุ รถของเอวากับรถของไมเคิลนั้นชนกัน มารดาของทั้งคู่เสียชีวิตในวันนั้น แต่คนที่รอดมาได้คือเด็กทั้งสองคนที่อยู่ภายในรถ แต่ความทรงจำนั้นก็เลือนรางเต็มที เอวาจำไม่ได้แม้แต่หน้าแม่ของตนด้วยซ้ำ
ดังนั้นในตอนนี้เมื่อได้พบแล้ว และไม่ได้พบเพียงหนึ่ง แต่ถึง 3 มีพ่อ แม่ และพี่ชายที่ยังมีชีวิต มีลมหายใจ ร่างกายยังคงอบอุ่น ทำให้เอวาร้องไห้โฮอย่างอดทนไม่ไหวอีกต่อไป
“ชู่ววว ไม่ร้องนะคะ เดี๋ยวปวดหัวนะ” โรมีโอรวบเอาเด็กน้อยมากอดเอาไว้แน่น เอนตัวไปมาราวกับกล่อมเด็กน้อยให้คลายอาการสะอื้นไห้ ต่างจากเอวาที่ยกกำปั้นขึ้นแล้วทุบลงไปที่อกกว้างของคนเป็นพี่อย่างไม่ออมแรง
“ฮือออออ ใจร้าย ฮึก! ฮืออออ โรมจ๋าใจร้าย ฮืออออ”
“พี่ขอโทษค่ะ.... พี่ขอโทษ” โรมีโอพูดพร้อมกับกดจูบที่ขมับของเด็กตัวเล็กหนักแน่น พร่ำบอกขอโทษไม่ขาดปาก
“ยกโทษให้พี่นะคะ พี่ผิดไปแล้ว พี่ขอโทษค่ะตัวเล็ก พี่ขอโทษ....”
“ฮึก ฮือออออ”
เวลาผ่านไปเนิ่นนานกว่าเอวาจะหยุดร้องไห้ เด็กน้อยร้องไห้จนดวงตาปูดบวม แดงก่ำอย่างน่าสงสาร จนโรมีโอต้องให้คนนำเอาแผ่นเจลมาประคบตาให้ และมันมาพร้อมๆ กับอาการปวดหัวที่กลับมาเล่นงานเด็กน้อยอีกครั้ง จนโรมีโออยากจะดุน้องน้อยสักที แต่ก็ทำใจเอ่ยปากดุไม่ลง เพราะเข้าใจว่าเรื่องพวกนี้ทำให้เด็กน้อยสะเทือนใจมากแค่ไหน
“ตัวเล็กคะ”
“จ๋า”
“ถ้าไมเคิลมาตามกลับไป..... ตัวเล็กจะไปไหมคะ”
“......” เอวาชะงักเมื่อได้ยินคำถาม ริมฝีปากบางถูกเม้มเอาไว้แน่น จนโรมีโออดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้น ใช้นิ้วโป้งไล้เกลี่ยไปมา
“พี่ไม่ว่านะคะ ถ้าตัวเล็กอยากจะอยู่กับไมเคิล แต่พี่คงจะอยู่กับเขาไม่ได้อีกแล้ว.....”
“ทำไมล่ะ?” เอวาถามทั้งๆ ที่ยังคงหลับตาอยู่ จึงมองไม่เห็นสีหน้าและแววตาเศร้าสร้อยของคนเป็นพี่แต่อย่างใด
“เพราะพี่ทำไม่ดีกับเขาค่ะ พี่ทำร้ายไมเคิลรุนแรงมาก เขาคงไม่ให้อภัยพี่แล้ว” สิ้นคำพูดนั้นเอวาก็ผุดตัวลุกขึ้นนั่ง ร้องถามในทันที
“โรมจ๋าทำอะไร?”
“พี่ทำการปฏิวัติค่ะ ยึดอำนาจเขา ใช้เขาทำงานเหมือนคนใช้ เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขา คงยากที่เขาจะให้อภัยพี่....”
“งั้นทำไมโรมจ๋าถึงทำแบบนั้น?” โรมีโอเผยรอยยิ้มบาง ยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กด้วยความเอ็นดูและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักสุดหัวใจ
“หลายอย่างมากเลยค่ะ พี่อยากจะพาตัวเล็กมาอยู่ด้วยกันที่นี่ ไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก พี่เลยต้องทำการปฏิวัติ ใช้เขาทำงานแทนพี่ทั้งหมด ตอนที่พี่ไม่อยู่แล้วเขาจะได้ทำงานเองเป็น โชคดีที่เขาเป็นคนหัวไว บอกไม่กี่ครั้งก็เข้าใจแล้ว
แล้วไหนจะเรื่องการเตรียมความพร้อมของสถานที่ หากพี่ยังเป็นเลขา พี่คงตระเตรียมอะไรไม่ได้มากขนาดนี้ และอีกอย่างคือเพื่อลบตัวตนของเราทั้งสองคนออกจากระบบของเขา ไม่ให้ตามหาตัวได้อีกต่อไป”
“ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้น.....” เอวากัดริมฝีปากด้วยความกังวล โรมีโอจึงใช้นิ้วเกลี่ยเบาๆ ให้คลายออก
“เพราะเรา..... ไม่ควรอยู่ด้วยกัน.... มันมีเหตุผลบางอย่าง ที่ทำให้เราและเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกจะดีกว่า”
“เหตุผลนั้นคืออะไร” เอวาถามต่ออย่างไม่ย่อท้อ ทำให้โรมีโอยกยิ้มขบขัน จับศีรษะเล็กโยกไปมา
“ถึงเวลา ตัวเล็กก็จะรู้เองค่ะ ส่วนตอนนี้ ไปทานอาหารเช้ากันได้แล้ว เลยเวลามามากแล้ว คุณแม่บ้านมองแล้วมองอีก เดี๋ยวเราจะโดนดุทั้งคู่เอานะ” โรมีโอพูดพร้อมกับฉุดให้น้องน้อยลุกขึ้นมาด้วยกัน ไม่ลืมที่จะเอ่ยย้ำอีกครั้ง บ่งบอกให้รู้ถึงระดับความจริงจังเกี่ยวกับเรื่องนี้
“พี่พูดจริงๆ นะคะ หากไมเคิลมารับ และตัวเล็กอยากไปอยู่กับเขา บอกพี่นะคะ พี่จะไม่ห้ามเลย แต่พี่คงจะไปด้วยไม่ได้ เข้าใจพี่นะคะ” โรมีโอยกมือขึ้นเกลี่ยแก้มใส แต่แววตานั้นบ่งบอกถึงระดับความจริงจัง เอวาพยักหน้ารับหงึกๆ แล้วจึงพากันไปทานอาหารเช้า
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่พายุลูกใหญ่จะพัดโหมกระหน่ำเข้ามา แต่โรมีโอสันนิษฐานว่าตอนนี้ มันคงกำลังก่อตัวตั้งเค้าเป็นเมฆก้อนใหญ่สีดำทะมึนอย่างไม่ต้องสงสัย
Michael Partย้อนกลับไปตอนก่อนหน้า......ไมเคิลถูกจับแยกกับน้องน้อยตั้งแต่ที่โรงพยาบาล ทำให้หงุดหงิดขัดใจเป็นอย่างมาก ตลอดการเดินทางดวงตาคมกล้าสองสีมองจ้องรถที่น้องน้อยนั่งอยู่ไม่ละสายตาแต่แล้วคิ้วคู่คมก็ต้องขมวดเข้าหากันแน่น เมื่อพบว่ารถที่โรมีโอและน้องน้อยนั่งนั้นขับแยกไปอีกทางอย่างผิดวิสัย“หยุดรถ!” ชายหนุ่มออกปากสั่งการในทันที หากแต่รถยนต์นั้นยังคงมุ่งไปในทิศทางที่คุ้นเคยโดยที่ความเร็วไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย ไมเคิลชักปืนออกมายกขึ้นจ่อไปที่คนขับ ร้องตวาดเสียงดังก้องไปทั่ว“ฉันบอกให้หยุดรถ!!!”กึก!ในตอนนั้นเองที่หน้าต่างด้านหลังเปิดขึ้นทั้งสองบาน คนขับรถยังคงทำหน้าที่ของตนได้อย่างดีเยี่ยม ขับรถด้วยความเร็วสม่ำเสมอ หากแต่ตอนนี้ คนที่นั่งข้างคนขับ และบอดี้การ์ดสองคนที่นั่งประกบคู่กับเขายกปืนขึ้นจ่อ นอกจากนี้แล้วยังมีรถคันข้างๆ อีกคันละสองคนที่เล็งปืนมาหา เรียกได้ว่าตอนนี้ไมเคิลถูกปืนทั้ง 7 กระบอกมุ่งตรงมาที่ตนเองโดยไม่มีการยั้งมือ“คุณนั่งเงียบๆ จะดีกว่านะครับ ถ้าคุณยังยกปืนขึ้นจ่อแบบนี้ พวกผมเองก็คงลดปืนลงไม่ได้เช่นกัน” เสียงคนขับรถพูดขึ้น ทำให้ไมเคิลกัดฟันกรอด“โคลด์.....” เจ้าของชื่
ไมเคิลใช้เวลาหนึ่งเดือนเต็มในการค้นหาตัวน้องน้อย ซึ่งเป็นหนึ่งเดือนแห่งความล้มเหลว......ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่ ใบหน้าของไมเคิลยิ่งมืดครึ้ม ร่างกายที่เคยแข็งแกร่งกำยำสมส่วนกลับกลายเป็นซูบซีดผอมบางลงอีกหลายระดับ ไมเคิลถึงขั้นไม่กินไม่นอน ใต้ตาดำคล้ำใบหน้าทรุดโทรมกว่าไมเคิลจะหาคนมาทำหน้าที่กู้ข้อมูลของโอเว่นได้ก็กินเวลาไปกว่า 3 สัปดาห์ และถึงแม้จะได้คนมาก็ยังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ในการแกะรอย จนทำให้ไมเคิลความอดทนต่ำลงทุกที นอกจากนี้แล้วทางฝั่งขององค์ราชินีเองก็ไร้วี่แววว่าจะพบตัวเอวา ราวกับว่าบุคคลทั้งสองหายตัวไปเฉยๆแม้แต่กระทั่งกับบารอนเองก็ยังออกตามหาเอวาอย่างบ้าคลั่ง หอบร่างพังๆ กลับมาบัญชาการหลังจากผ่านไป 3 วัน ที่ไม่สามารถติดต่อกับเอวาได้เช่นกัน ไม่มีแม้แต่สายเรียกเข้าที่เขารอคอย ทำให้บารอนดิ้นรนออกจากโรงพยาบาล แม้ว่าตัวเองจะบาดเจ็บหนักอยู่ก็ตามที ทำให้ตอนนี้ทั้งไมเคิลและบารอนหันกลับมาร่วมมือกันในการออกตามหาเอวา จนไมเคิลอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าโรมีโอใช้วิธีใดในการกีดกันน้องน้อยเอาไว้ได้ขณะนี้ไมเคิลกำลังนั่งอยู่บนรถที่กำลังมุ่งตรงไปยังสถานที่แห่งหนึ่งอย่างมั่นคง แม้ใจของเขาจะอยากล
“โรมีโอ.......”ไมเคิลเอ่ยปากครางเรียกชื่อของอีกฝ่าย ทำให้โรมีโอหันหน้ามามองคนที่ยืนอีกฝั่งของประตูรถยนต์ อดีตผู้ช่วยหนุ่มทำเพียงเลิกคิ้วมอง แล้วจึงหันไปมององค์ราชินีเชิงเป็นคำถาม“เห็นใจฉันเถอะเด็กน้อย หลานของฉันย่ำแย่เต็มที....” องค์ราชินีลูบเส้นผมของโรมีโอเบาๆ ขณะที่เหลือบมองไมเคิลไปพลาง แล้วจึงถามหาใครอีกคนแทน“เอวาอยู่ที่ไหนเสียล่ะ”“ทำแผลให้กับบารอนอยู่พ่ะย่ะค่ะ” ไมเคิลขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เหลือบมองบุคคลทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็คลับคล้ายคับคลาว่าจะเข้าใจอะไรบางอย่างอยู่ในที“ฉันจะเข้าไปหาตัวเล็กสักหน่อย พวกเธอคุยกันเถอะ” โรมีโอก้มหน้าลงคล้ายกับการน้อมรับคำสั่ง ในขณะที่องค์ราชินีเดินเข้าไปภายในคฤหาสน์ ส่วนกันนาร์นั้นยืนละล้าละลัง ตามหน้าที่ของเขาจำต้องเดินตามพระองค์ไป หากแต่ใจของเขากลับอยากยืนอยู่ที่นี่ ที่ข้างๆ โรมีโอ คอยช่วยดูแลสอดส่อง เผื่อว่ามีการลงไม้ลงมือเกิดขึ้นโรมีโอผุดตัวลุกขึ้นโดยที่มีกันนาร์ยื่นมือให้ใช้ยึดจับยันตัว ดังนั้นแล้วชายหนุ่มจึงเอ่ยปากบอกขอบคุณเบาๆ พร้อมกับร้องบอก“ขอบคุณครับ คุณตามพระองค์ไปเถอะครับ ผมอยู่ได้” โรมีโอพูดพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนบางให้กับกันนาร์
“ตัวเล็กเป็นน้องแท้ๆ ของคุณ......”“!!!”“น้องที่มีสายเลือดเดียวกัน.....”สิ้นคำพูดนั้นของอดีตผู้ช่วยหนุ่ม ทั่วทั้งห้องพลันตกอยู่ในความเงียบงัน แม้แต่เสียงลมหายใจก็แลดูคล้ายว่าจะเลือนหายไปชั่วขณะ โรมีโอพูดด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความจริงจังในน้ำเสียงนั้น และเพราะถ้อยคำนั้นเองที่ทำให้ไมเคิลถึงกับนิ่งอึ้ง ดวงตาเบิกกว้าง ไม่ต่างกันกับเอวาที่ผละตัวออกจากโรมีโอแล้วเงยหน้าขึ้นมองด้วยความรวดเร็วโรมีโอสูดลมหายใจเข้าลึก ประคองน้องน้อยให้ลุกขึ้นจากพื้น เอ่ยปากเสียงเย็นกับคนที่ยังคงนิ่งอึ้งอยู่บนเตียง“คุณออกไปก่อนนะครับ เราจะคุยกันหลังจากนี้” โรมีโอพูดด้วยเสียงเด็ดขาด ไมเคิลลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เดินตัวลอยออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบ สติของชายหนุ่มขาดหายไปแล้วในช่วงเวลานี้ ในขณะเดียวกันโรมีโอก็ประคองน้องน้อยให้กลับไปนั่งบนเตียงพร้อมกับการลูบหลังปลอบใจ กอดรัดเอาไว้แน่นกระซิบถ้อยคำปลอบโยน สลับกับการใช้มือไล้ปาดหยาดน้ำตาออกจากดวงหน้าหวานที่ฉ่ำชื้น ประตูปิดลงอย่างเงียบงัน ทิ้งไว้เพียงเสียงสะอื้นของน้องน้อยที่ลอดออกมาจากห้องไมเคิลเดินออกมาจากห้อง ก้าวขาลงบันไดอย่างสติเลื่อนลอย แล้วจึงเดินไปทรุดตัวนั่ง
Romeo Partโรมีโอมองตามหลังคนที่หมุนกายเดินออกจากห้องไปเงียบๆ บนตักของตนมีน้องน้อยที่ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น กอดรัดเขาเอาไว้แน่น จนชายหนุ่มต้องยกมือขึ้นสูง ลูบแผ่นหลังเล็กบางนั้นแผ่วเบา สลับกับการกอดปลอบและโยกตัวราวกับกำลังปลอบใจเด็กน้อยที่มีอายุเพียงไม่กี่ขวบ“ฮึก! หนะ หนูเกิดมาจากความผิดพลาดหรอ...... ฮืออออ” เอวาร้องถามมือหนึ่งยกขึ้นปาดน้ำตา ในขณะที่อีกมือนั้นจับเสื้อสูทของโรมีโอเอาไว้แน่น“ไม่ใช่ค่ะ ตัวเล็กเกิดขึ้นจากความตั้งใจของคนเป็นพ่อนะ”“ฮึอ ตะ แต่ ฮือออ แต่แม่ไม่ต้องการหนู ฮือออ” เอวาพูดทั้งน้ำตา ร่ำไห้ปานจะขาดใจ ทำให้โรมีโอต้องเอ่ยปากอีกครั้งอย่างอ่อนโยน“ถ้าแม่ไม่ต้องการ ตัวเล็กจะได้เกิดมาหรอคะ ถึงแม้พ่ออาเธอร์จะช่วยพูดเอาไว้ แต่ถ้าแม่ไม่รักตัวเล็กจริงๆ หนูคงไม่ได้มานั่งอยู่บนตักพี่อย่างนี้” โรมีโอพูดพร้อมกับยกนิ้วจิ้มปลายจมูกแดงก่ำอย่างหยอกล้อ“ตัวเล็กร้องไห้ได้ค่ะ แต่พี่ให้ร้องแค่วันนี้นะ ร้องจนกว่าตัวเล็กจะพอใจเลย หลังจากนั้นยิ้มให้พี่เยอะๆ ยิ้มมากๆ เท่าที่จะมากได้ อย่าให้เป็นพี่ที่เป็นคนพรากรอยยิ้มของตัวเล็กไปเลยนะ” โรมีโอพูดพร้อมกับยกนิ้วโป้งขึ้นไล้เกลี่ยริมฝีปากบางไป
“ทรงทราบตั้งแต่เมื่อไหร่......” ไมเคิลเอ่ยถามเสียงเรียบ ดวงตามองจ้องคนตรงหน้าไม่ละสายตาไปไหนองค์ราชินีวางแก้วชาลงหลังจากที่ยกขึ้นจิบเพียงเล็กน้อย พร้อมกับทอดถอนพระทัยอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะทรงตรัสถ้อยคำเอื้อนเอ่ยบอกแก่หลานชายของตน“ตั้งแต่แรก”“.....” องค์ราชินีมองคนเป็นหลานที่มีดวงตาประกายวาวโรจน์เรืองรอง ความคุกรุ่นปรากฏอยู่ภายในดวงตาแจ่มชัด องค์ราชินีมองสบกับดวงตาสองสี อันเป็นเอกลักษณ์ของวงศ์ตระกูลวัลโด้ ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำอีกครั้ง ช้าๆ ชัดๆ“ย่ารู้ตั้งแต่แรกแล้ว หลังจากนิโคลัสเสียชีวิตได้ไม่นาน..... หลานคงไม่คิดว่าย่าจะปล่อยให้คนที่สังหารโอรสสวรรค์ได้อยู่อย่างสบายหรอกกระมัง?”“แต่เท่าที่หลานเห็น..... ชายผู้นั้นยังคงมีความสุขดี.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด พูดอย่างอดทน มองจ้องพระองค์เขม็งหลังจากที่ไมเคิลกลับมานอนพักที่บ้านเพื่อเอาแรง แม้จะนอนไปได้ไม่นานนัก แต่ก็พอเรียกให้กำลังวังชากลับคืนฟื้นขึ้นมาได้เล็กน้อย ทำให้เขาตั้งใจสะสางงานการที่คั่งค้างอย่างรวดเร็ว แล้วแจ้งข่าวแก่กันนาร์ เพื่อแจ้งให้ทราบว่าตนมีความต้องการที่จะเข้าพบองค์ราชินีดังนั้นแล้วหลังจากที่เขาจัดการงานเสร็จสิ้น จึงอาบน้ำแต
“อะ อะ อื้ออออ อึก!”ปึก! ปึก! ปึก!เสียงกายกระทบกายดังก้องกังวานไปทั่วทุกพื้นที่ภายในห้องๆ หนึ่ง โรมีโอถูกใครอีกคนกระแทกกระทั้นกายเข้าหาไม่มีหยุดพัก ริมฝีปากที่เปล่งเสียงร้องครวญครางเริ่มแหบพร่าเจือสะอื้นจากความสุขสมที่ได้รับทั่วทุกพื้นที่ภายในห้องนอนกว้างที่เคยถูกจัดเรียงไว้อย่างสวยงามพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา มาบัดนี้กลับกลายสภาพกลายเป็นไม่น่าดู คล้ายกับผ่านสมรภูมิรบตอนนี้โรมีโอกำลังถูกกระแทกกระทั้นจากชายร่างกายกำยำสมส่วน สองมือถูกจับมัดไขว้กันที่ด้านบน อย่างไม่อาจหลีกหนี มีเพียงยอมก้มหน้ารับความสุขสมและเสียวซ่านแทบขาดใจ เนื่องจากถูกพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา ทำได้เพียงบิดกายเร้าไปมาอย่างทุกข์ทรมานปะปนไปกับความสุขสม สภาพห้องที่ไม่เอื้ออำนวย ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับไมเคิลเลยสักนิดในการสรรหาขอเล่นมาใช้กับกายบางรูปร่างสูงโปร่งเนคไทที่เคยผูกอยู่ที่คอกลับกลายมาเป็นผ้าปิดตา.......เข็มขัดที่เคยคาดอยู่ที่เอวกลับกลายเป็นสายรัดข้อมือ.......ชั้นในสีดำสนิทที่เคยสวมใส่กลับกลายเป็นผ้าอุดปาก ส่งเสียงครางได้เพียงอื้ออึงในลำคอ.......นอกจากนี้แล้วไมเคิลยังใช้สายไฟจากโคมไฟข้างเตียงต่างสายรัดป้องกันไม่ใ
สามวันต่อมาไมเคิลก็ได้รับจดหมายกำหนดการในการประกาศแต่งตั้งองค์รัชทายาทของอาณาจักร ซึ่งจะถูกจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า จนอดที่จะทอดถอนหายใจไม่ได้กับความเร่งรีบนี้ ราวกับอีกฝ่ายกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจในภายหลังกระไรอย่างนั้นเนื่องจากเขาต้องตัดชุดที่ใช้ในพระราชพิธีและยังมีชุดออกงานอื่นๆ อีกมากมาย องค์ราชินีจึงพระราชทานช่างทำเสื้อหลวงมาให้ ทำให้ไมเคิลต้องละมือจากงานตรงหน้า มายืนกางแขนกางขาให้ช่างเสื้อวัดตัว อีกฝ่ายจดรายละเอียดลงในสมุดอย่างขะมักเขม้นใช้เวลาอยู่อีกครู่ใหญ่ การวัดตัวจึงเสร็จสิ้น ช่างทำเสื้อบอกเวลาคร่าวๆ ว่าชุดฉลองพระองค์จะเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ หลังจากที่มีการเลือกแบบได้แล้ว ไมเคิลพยักหน้ารับโดยไม่ได้พูดอะไรออกไป เชื่อว่าอย่างไรผู้เป็นย่าของตนคงจะเร่งรีบดำเนินการจัดการทั้งหมดทั้งมวลนั้นให้เสร็จทันวันงานอยู่ดีด้วยอุปนิสัยของไมเคิลที่ไม่ชอบเรื่องยุ่งยากรำคาญใจ ดังนั้นแล้วคนที่ถูกดึงตัวไปช่วยในงานจึงเป็นเอวาและโรมีโอ อดีตผู้ช่วยคนสนิทของเขาที่องค์ราชินีเอ่ยปากขอด้วยพระองค์เอง จนดูคล้ายกับว่าโรมีโอและองค์ราชินีจะสนิทสนมกันขึ้นอีกระดับ ดูได้จากการที่องค์ราชินีชี้ชวนให้ดูเนื้อผ้
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา