Romeo Part
โรมีโอปรือตาขึ้นช้าๆ หลังจากผ่านศึกหนักบนเตียงใหญ่ สิ่งที่เห็นไม่ใช่คนที่นอนรวมเตียง แต่เป็นความว่างเปล่าที่เย็นชืด ชายหนุ่มผุดตัวลุกนั่งช้าๆ ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยร่องรอยของความรุนแรง ตามเนื้อตัวแขนขาเป็นรอยม่วงช้ำ ผสมปนเปไปกับคราบรักที่พ่นรดร่างกายจนเหนียวเหนอะหนะ
โรมีโอหันมองไปรอบกายเพื่อหาใครบางคน เมื่อไม่พบจึงฝืนลากขา พาร่างที่สั่นสะท้านทุกครั้งยามก้าวเดิน ไปจนถึงห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องโพธิ์แดง
ประตูถูกเปิดออกช้าๆ ทำให้เห็นว่ามีใครบางคนกำลังนั่งแช่น้ำอยู่ ไมเคิลตวัดสายตาหันมามองด้วยความเฉยชา ไม่แม้แต่จะเข้ามาช่วยพยุงแม้จะเห็นว่าโรมีโอซวนเซจะล้มลงจนต้องจับกำแพงไว้เพื่อพยุงตัวก็ตามที
โรมีโอเค้นยิ้มให้ตัวเอง ก่อนจะฝืนพาร่างไปยืนอยู่ใต้ฝักบัว เปิดให้สายน้ำอุ่นร้อนรินรดกาย ความแสบสันแล่นพล่านไปทั่วกายจนชายหนุ่มต้องขบฟันเอาไว้แน่น ปล่อยให้ร่างกายเริ่มคุ้นชิน สายธารอุ่นขับไล่ความเมื่อยล้าตามเนื้อตัวและคราบคาวขุ่นออกไปจนหมดสิ้น ชายหนุ่มอาบน้ำอย่างเชื่องช้า แม้ว่าจะมีไมเคิลอยู่ในห้องน้ำด้วยก็ตามที
จนกระทั่งอาบน้ำเสร็จสิ้น โรมีโอก็ปรายตามองชายที่มีรอยสักรูปมังกรคำรามภายในอ่างน้ำ ก่อนจะเอ่ยปากเสียงเนิบช้าไร้ความรู้สึก
“ขึ้นจากอ่างแล้วไปแต่งตัว”
ซ่า!
เพียงสิ้นคำ ไมเคิลก็ลุกขึ้นจากอ่างในทันที ไม่แม้แต่จะหาผ้ามาคลุมกาย เดินออกไปจากห้อง จนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องแล้วนิ่งเฉยอยู่เช่นนั้นโดยไม่ปริปากพูดอะไร
“.....” โรมีโอกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินไปที่กองเสื้อผ้า หยิบเอากางเกงที่ไมเคิลสวมใส่เมื่อวานมาถือไว้ ควานมือไปมาเล็กน้อยก็ได้ในสิ่งที่ต้องการ แล้วจึงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของไมเคิล แทรกตัวเข้าไปอยู่ตรงกลางระหว่างบานประตู หันไปไขกุญแจเสียเอง
เมื่อไขแล้วก็ไม่ได้รีบร้อนเปิดออกในทันที หากแต่พลิกกายกลับมาหา ใช้มือข้างหนึ่งเชิดปลายคางของไมเคิลขึ้นสูง เอ่ยปากด้วยเสียงแหบพร่ายั่วยวน
“ชุดของคุณ.... อยู่ที่ห้องผม....”
“......” ว่าจบก็กระตุกยิ้มมุมปาก คาดหวังว่าจะได้เห็นไมเคิลแสดงสีหน้าขัดใจออกมา แต่สิ่งที่พบกลับมีเพียงใบหน้าเรียบเฉย ปรายสายตามองด้วยความเย็นชา สะบัดใบหน้าให้หลุดออกจากการจับกุม หันไปปลดล็อกประตู แล้วเบี่ยงตัวเดินออกไป ทิ้งให้โรมีโอยืนอยู่ตรงนั้นอย่างไม่สนใจ
โรมีโอชะงักไปตั้งแต่เห็นสายตานั้น ภายในแววตาไม่หลงเหลือสิ่งใดอีก ความรู้สึกที่มอบให้มีเพียงความเฉยชา มองกันราวกับเป็นคนแปลกหน้า เหมือนเป็นสิ่งไร้ค่าที่ไม่จำเป็นต้องสนใจ ในดวงตานั้นไม่เหลืออะไรอยู่เลย.......
“ฮึ.... ฮึๆ .... ฮะๆ .....” โรมีโอยืนหัวเราะอยู่กับที่ ก่อนจะค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่ง หลังพิงประตูอย่างอ่อนล้า เสียงหัวเราะยังคงเปล่งออกมาให้ได้ยิน พร้อมกับหยดน้ำตาที่พรั่งพรู
โรมีโอนั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน จนกระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตูร้องเรียกให้ออกไปทานอาหารเช้า จึงได้ฝืนกลืนก้อนสะอื้นและตอบรับกลับไป
ชายหนุ่มหยัดกายขึ้นยืนอย่างอ่อนล้า ยกมือขึ้นปาดหยาดน้ำออกจากใบหน้า เก็บคืนใบหน้าที่เศร้าเสียใจ แล้วดึงเอาหน้ากากเย็นชามาสวมใส่ เปิดประตูออกไปจากห้อง มุ่งตรงเข้าห้องอัศวินที่อยู่ด้านข้าง นำเสื้อผ้ามาสวมใส่ และสุดท้ายก็ทิ้งตัวลงนั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มองจ้องคนในกระจกไม่วางตา
“นายทำถูกแล้วโรม..... นายทำดีแล้ว.....” พูดจบก็หยิบเอาครีมรองพื้นมาแต่งแต้มรอบดวงตาที่แดงช้ำ ปกปิดร่องรอยความเศร้าเสียใจและรอยช้ำบนเนื้อตัวโดยเฉพาะใบหน้าและลำคอ แล้วจึงก้าวเท้าออกจากห้อง มุ่งตรงไปที่ห้องรับประทานอาหาร
โรมีโอไม่ได้ยึดเอาห้องคิงเป็นของตัวเอง แต่ยกให้เป็นห้องของไมเคิลเช่นเดิม และตัวเองก็อยู่ที่ห้องอัศวินอย่างเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป ยกเว้นความรู้สึกของคน......
โรมีโอลอบยกยิ้มขืน เมื่อเดินมาที่ห้องอาหารแล้วพบว่าไมเคิลกำลังนั่งรออยู่ ดวงตานั้นเหลือมองเพียงชั่วครู่ แล้วเลื่อนกลับไปมองทิศทางเดิม ราวกับไม่อยากเห็นหน้ากัน มองกันเป็นอากาศธาตุไร้ตัวตน โรมีโอขยับเดินเข้าไปใกล้ ทรุดตัวนั่งลงที่ตำแหน่งหัวโต๊ะ
“ทานเสร็จแล้วก็ไปเตรียมรถให้ผมด้วยนะครับ” สิ้นคำ แทนที่ไมเคิลจะยกช้อนขึ้นทานอาหาร กลับผุดตัวขึ้นจากเก้าอี้ มุ่งตรงออกไปจากห้องรับประทานอาหารในทันที ทำให้โรมีโอหมดอารมณ์ที่จะทานอาหารด้วยเช่นกัน ช้อนที่ถูกยกขึ้นยังไม่ทันได้นำเข้าปากก็พลันลดลงช้าๆ ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน
“อ่อ... คุณโรมคะ จะให้ทำอาหารง่ายๆ ติดรถไปไหมคะ” คำถามนั้นมาจากหัวหน้าแม่บ้านประจำตระกูล โรมีโอเหลือบมองแผ่นหลังของคนที่เดินไวๆ ออกไป อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ แต่ก็คงต้องดัดนิสัยกันบ้าง ดังนั้นแล้วจึงส่ายหน้าช้าๆ เอ่ยปฏิเสธ
“ไม่เป็นไรครับ เก็บโต๊ะเลย” พูดจบชายหนุ่มก็ผุดตัวลุกขึ้นยืน เดินก้าวเท้าออกไปจากห้อง เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูบ้าน ก็ได้เห็นรถสีดำคันหรูที่มีใครบางคนนั่งประจำอยู่ในตำแหน่งสารถีอย่างรู้งาน
โรมีโอไม่มีอิดออด ก้าวเท้าขึ้นไปนั่งที่ด้านหลัง นั่งไขว่ห้างขณะที่มือก็เปิดแม็คบุ๊คไปพลาง
“ไปบริษัท” เพียงเท่านั้นรถก็กระชากตัวออกด้วยความรวดเร็ว ขับปาดซ้ายปาดขวาจนบอดี้การ์ดแทบตามไม่ทัน หากแต่โรมีโอนั้นยังคงนั่งนิ่งได้อยู่ จนกระทั่งรถคันหรูหยุดลงที่หน้าบริษัท โรมีโอก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่ ไมเคิลเหลือบตามองผ่านกระจกมองหลัง ในขณะที่โรมีโอนั้นก็เงยหน้ามองตอบกลับไปเช่นกัน ทั้งสองคนต่างมองจ้องหน้าอย่างไม่มีใครยอมใคร แต่ในท้ายที่สุดแล้ว โรมีโอก็พูดออกมาหนึ่งคำ ทำให้ไมเคิลนั้นชะงัก
“ประตู.....” พูดจบก็ปรายสายตามอง ทำให้เห็นว่าที่ด้านนอกนั้น มีบอดี้การ์ดยืนตั้งแถว คอยอำนวยความสะดวกและดูแลเรื่องความปลอดภัยเอาไว้ให้อย่างแน่นหนา
ไมเคิลกำพวงมาลัยเอาไว้แน่น ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถโดยไม่ปริปากพูดอะไร เดินอ้อมไปอีกฝั่งแล้วเปิดประตูให้อย่างกล้ำกลืน
โรมีโอก้าวเท้าลงมาจากรถด้วยท่าทีองอาจ จัดสูทให้ตัวเองเล็กน้อย แล้วจึงก้าวเท้าเดินเข้าไปภายในบริษัทอย่างมั่นคง โดยที่มีไมเคิลเดินตามมาติดๆ จนกระทั่งมาหยุดลงที่หน้าห้องของผู้บริหาร โรมีโอก็เริ่มทำงานในทันที
ชายหนุ่มเอ่ยปากสั่งงานกับไมเคิลหลายอย่าง ในตอนนี้ บทบาทหน้าที่ของทั้งสองคนสลับกันเสียแล้ว จากผู้ช่วยคนสนิท ทำงานเป็นมือเป็นเท้าให้กับบอสใหญ่มาหลายปี มาบัดนี้กลับนั่งกระดิกนิ้ว ใช้นิ้วชี้ในการสั่งงาน ใช้สายตาในการกดดัน หากทำไม่ได้ก็ไล่ให้ไสหัวไป
ทำให้ไมเคิลต้องจำใจกล้ำกลืนความเจ็บแค้นแทบกระอักเลือดของตนลงไป ทำงานตามที่ได้รับมอบหมายโดยไม่ปริปากบ่น
แต่ถึงกระนั้น งานแต่ละอย่างที่โรมีโอเอ่ยปากสั่งการมา ก็ดูเหมือนว่าไมเคิลจะได้เรียนรู้อะไรได้มากขึ้น จากเดิมที่สนใจเพียงตัวเลข และผลรวมสุทธิ เพราะมีโรมีโอคอยตรวจสอบก่อนนำเข้ามาส่ง ตนจึงไว้ใจและลงนามไปง่ายๆ มาบัดนี้ต้องมานั่งคิดคำนวณละตรวจสอบแทน ก่อนจะส่งให้กับโรมีโออนุมัติเอกสารเสียอย่างนั้น
ไมเคิลหันมองนาฬิกาบอกเวลาอยู่บ่อยครั้งจนโรมีโอต้องเอ่ยปากต่อว่า ทำให้ไมเคิลเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจ นั่นก็เพราะใจของเขาไปถึงโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อคืน อยากจะพบหน้าน้องน้อยใจจะขาด หากแต่ดันถูกผูกติดอยู่กับโรมีโอไม่ห่างกาย
โรมีโอและไมเคิลทำงานตั้งแต่เช้าจรดเย็น เมื่องานในวันนี้หมดลงแล้วโรมีโอก็เอนหลังพิงกับเก้าอี้ด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน หลับตาลงนั่งนิ่งๆ ลมหายใจเข้าออกในจังหวะสม่ำเสมอ เอ่ยปากโดยไม่ลืมตาขึ้นมอง
“ไมค์ มานวดไหล่ให้ผม” ไมเคิลยืนจ้องมองนิ่งๆ ดวงตานั้นเขม็งจ้องมอง กัดฟันแน่น จนสุดท้ายเมื่อไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว เปลือกตาสีมุกก็ลืมขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นดวงตาสีฟ้าสดใสเป็นประกายกำลังมองจ้องกลับมาอย่างดุดัน
“อย่าให้ผมต้องเอ่ยซ้ำไมค์.... มานวดไหล่ให้ผม” ดังนั้นแล้วเมื่อไมเคิลไม่สามารถทำอะไรได้ จึงจำใจเดินเข้าไปใกล้ แล้วเริ่มต้นบีบนวดบ่ากว้างแต่บอบบางของอดีตผู้ช่วย แม้ว่าไมเคิลจะแกล้งนวดแรงๆ ลงน้ำหนักมือค่อนข้างมาก แต่กลับไม่ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของคนเป็นเจ้านายแม้แต่น้อย ด้วยความสงสัย จึงชะโงกไปมองดู ทำให้ได้รู้ว่าโรมีโอเองก็เจ็บ ไม่ใช่ไม่เจ็บ
ใบหน้าที่เคยมองกันอย่างเย่อหยิ่งมาบัดนี้หัวคิ้วกลับขมวดหมุน หลับตาแน่น ขบฟันเอาไว้จนขึ้นสันกรามบางเบา เหงื่อเริ่มผุดพรายบนใบหน้า แต่กลับไม่ยอมปริปากบ่นเลยสักคำ เมื่อเห็นดังนั้น ไมเคิลจึงค่อยๆ เบาแรงของตัวเองลง จนกลายเป็นน้ำหนักมือที่พอดี ทำให้เห็นใบหน้านั้นผ่อนคลายมากขึ้น
“เลิกแกล้งแล้วรึไง” คำถามนั้นทำให้ไมเคิลชะงักมือไปชั่วครู่ แต่เพียงไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ นวดต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่คิดหาคำแก้ตัวให้ตัวเอง ไม่คิดเอ่ยถ้อยคำใดออกไปนอกจากเรื่องงาน
“พอ” โรมีโอพูดพร้อมกับบิดคอไปมา เสียงกระดูกลั่นกร๊อบดังมาให้ได้ยินเป็นระยะ ก่อนที่โรมีโอจะส่งบางสิ่งบางอย่างให้
“ทำผมให้ฉัน” พูดจบก็หันไปนั่งนิ่งดังเดิม
ไมเคิลก้มลงมองหวีและหนังยางหลากหลายเส้นในมือ ก่อนจะเริ่มรวบผมของโรมีโออย่างช้าๆ จับแบ่งผมออกเป็นช่อ แล้วจึงถักเป็นเปียเส้นเล็ก ก่อนจะใช้กิ๊ฟดำหนีบกลุ่มผมสีน้ำตาลนุ่มมือ จนกลายเป็นเปียผมช่อดอกกุหลาบราว 5 ดอกประดับอยู่บนศีรษะ เส้นผมที่เหลือถูกปล่อยให้เหยียดตรง ระไปกับแผ่นหลัง
โรมีโอมองภาพสะท้อนจากกระจกหน้าต่างภายในห้องทำงาน รอยยิ้มอ่อนบางปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก เมื่อพบว่ายามนี้ คนที่เป็นอดีตบอสใหญ่กำลังมีความสุขและเพลิดเพลินไปกับการทำผม จนอดคิดไม่ได้ว่าอดีตบอสใหญ่นึกเสียดายมันบ้างหรือไม่ ที่น้องน้อยตัดผมตัวเองทิ้งไปจากเหตุการณ์ของบารอน และตอนนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยาวได้เท่าเดิม คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก.....
“ขอบใจ” โรมีโอเอ่ยปากบอกกับไมเคิลหลังจากที่ชายหนุ่มขยับตัวก้าวเท้าถอยหลังเพื่อชื่นชมผลงานตัวเอง โรมีโอก็เอ่ยปากสั่งให้เตรียมอีกครั้ง และครั้งนี้จุดหมายปลายทางคือร้านอาหารขึ้นชื่อแห่งหนึ่ง โรมีโอเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนโต๊ะที่ได้จองเอาไว้ ไมเคิลกำลังจะขยับนั่งลงบ้าง โรมีโอก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ใครให้คุณนั่ง?”
“......”
“นั่นมีไว้สำหรับลูกค้า” โรมีโอพูดพร้อมปรายตามองไปที่มุมหนึ่งของห้องรับประทานอาหารแบบส่วนตัว เป็นการบ่งบอกให้รู้ว่าไมเคิลจะอยู่เฝ้าระวังที่จุดนั้นห้ามขยับไปไหน เพียงไม่นาน ลูกค้าที่ได้ทำการนัดหมายไว้ก็มาถึง ซึ่งอีกฝ่ายก็มีคนคุ้มกันติดตามมาเช่นกัน และทำหน้าที่เดียวกันกับไมเคิลคือเฝ้าระวังให้เจ้านายของตัวเอง
จนกระทั่งทั้งสองฝั่งสลับกันลงนามในเอกสาร ผุดตัวลุกขึ้นยืน จับมือซึ่งกันและกัน แสดงถึงความร่วมมือทางธุรกิจ แล้วจึงออกจากห้องไป เหลือทิ้งไว้เพียงโรมีโอที่ยกยิ้มฉาบบนดวงหน้า กับเลขาผู้เงียบนิ่ง คล้อยหลังลูกค้าไป โรมีโอก็ทรุดตัวลงนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน เอ่ยปากออกคำสั่งอีกหน
“มานั่ง” พูดบอกพร้อมเปิดเมนูไปพลาง เริ่มสั่งอาหารหลากหลายอย่าง โดยที่มีไมเคิลนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม เมื่อนั่งลงแล้วก็ยื่นเมนูส่งให้ เอ่ยปากสั่งด้วยเสียงทรงอำนาจ
“สั่งอาหารให้ผม” ไมเคิลเลิกคิ้วขึ้น มองดูเมนูอาหารในมือ แล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ภายในความเงียบงัน
“......” เวลาไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้า ไมเคิลก็ยังคงนั่งจดๆ จ้องๆ มองเมนูนั้นโดยไม่เอ่ยปากอะไรออกไป โรมีโอยกยิ้ม พร้อมกับแย่งเมนูมาถือไว้เอง
“ไม่รู้สินะ ไม่เป็นไร” โรมีโอดึงเมนูกลับมา แล้วสั่งอาหารมาแค่หนึ่งอย่าง แตกต่างจากครั้งก่อนหน้าที่สั่งไปหลายรายการ
ไมเคิลไม่รู้ว่าจะสั่งอะไรให้กับโรมีโอ.....
เขาเองก็พึ่งจะรู้ตัว ว่าเขาไม่ทราบเลยแม้แต่น้อยว่าโรมีโอชอบหรือไม่ชอบอะไร ทำงานด้วยกันมาหลายปี จากผู้ช่วยกลายมาเป็นเพื่อนสนิทจนบัดนี้กลายมาเป็นเจ้านาย มีชายหนุ่มคอยเป็นมือเท้าทำงานให้ แต่เขากลับไม่รู้เรื่องอะไรของโรมีโอเลยสักอย่าง แต่หากเป็นเรื่องของน้องน้อย เขามั่นใจมากว่าตัวเองจะได้คะแนนเต็ม เผลอๆ จะได้มากกว่าคะแนนเต็มเสียด้วยซ้ำ
ในขณะที่นั่งคิดอยู่นั้น อาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟลงตรงหน้า ทำให้ไมเคิลรู้ว่าโรมีโอสั่งอาหารที่เขาชอบมาให้หลายอย่าง ในขณะที่ตรงหน้าของโรมีโอ มีเพียงถ้วยไข่ตุ๋นหมูสับง่ายๆ วางตั้งอยู่ ทำให้ไมเคิลขมวดคิ้วมอง หากแต่โรมีโอกลับไม่สนใจ นั่งทานอาหารของตนไปเงียบๆ และปล่อยให้ไมเคิลได้ทานอาหารของตัวเอง หลังจากที่ไม่ได้ทานทั้งอาหารเช้าและอาหารกลางวัน มารวบเอาเบ็ดเสร็จในมื้อเย็นนี้เอง
โรมีโอที่กำลังละเลียดทานไข่ตุ๋นของตัวเองก็มีอันต้องชะงัก เมื่อไมเคิลวางเนื้อปลากะพงนึ่งมะนาวลงในจานข้าว ทำให้โรมีโอต้องเงยหน้าขึ้นมอง เอ่ยปากเสียงเนิบช้า
“ผมรู้ว่าคุณเกลียดผม แต่ไม่ต้องแสดงออกชัดขนาดนี้ก็ได้” พูดจบก็เขี่ยเนื้อปลาออกไปที่ด้านข้าง แล้วเริ่มทานไข่ตุ๋นของตนเองต่อเงียบๆ ต่างจากไมเคิลที่ชะงักนิ่ง มือไม้พลอยหยุดขยับไปด้วย
“ฉัน......” โรมีโอเลิกคิ้ว เงยหน้าขึ้นมอง ยกยิ้มบางเบา
“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ...... คุณเคยสนใจคนอื่นนอกจากเอวาหรือไง” จบถ้อยคำนั้นระหว่างมื้ออาหารก็ไม่มีถ้อยคำใดอีก ต่างคนต่างทานอาหารของตนเองเงียบๆ ไมเคิลไม่พยายามตักอะไรให้โรมีโออีก ต่างจากโรมีโอที่ตักอาหารอย่างอื่นใส่จานให้ชายหนุ่มเป็นการตอบแทน
หลังจากจบมื้ออาหาร โรมีโอก็มีคำสั่งให้มุ่งตรงกลับบ้าน โดยไม่แวะไปหาน้องน้อยแต่อย่างใด ทำให้ไมเคิลขัดอกขัดใจ ใบหน้าดุดันขึ้นตามลำดับ จนใครก็เข้าหน้าไม่ติด ยกเว้นเพียงแต่โรมีโอที่เคยรองรับอารมณ์อดีตเจ้านายมาในทุกรูปแบบ มาตอนนี้ก็ยังนับว่าไม่ร้ายแรงเท่าไหร่นัก
หลังจากกลับมาถึงบ้าน โรมีโอก็ปล่อยให้ไมเคิลไปพักผ่อน โดยให้นอนในห้องโพธิ์แดงที่ถูกทำความสะอาดจนเรียบร้อยดี ส่วนตัวเองนั้นแยกออกไปนั่งทำงานต่อ โทรศัพท์หาบารอน และขอดูน้องน้อยที่กำลังหลับใหล ผ่านวิดีโอคอลด้วยรอยยิ้มบางเบา โรมีโอใช้เวลาพูดคุยฝากฝังน้องน้อยไว้กับบารอนอีกครู่หนึ่ง แล้วจึงกดวางสายลง เอ่ยปากพึมพำแผ่วเบา
“รอพี่นะคะตัวเล็ก.....”
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป......
โรมีโอและไมเคิลก็ยังคงเป็นเช่นเดิม หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ทำให้โรมีโอจับสังเกตอะไรได้บางอย่าง อดีตบอสใหญ่ของตนมีท่าทีเหินห่างมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ในเรื่องของหน้าที่การงานที่ต้องทำแทนโรมีโอกลับดีขึ้นมาก
สาเหตุของความเหินห่างนั้นก็คือการที่โรมีโอเข้าไปในห้องโพธิ์แดงทุกๆ ค่ำคืน มีอะไรกันอย่างเร่าร้อน แม้ว่าไมเคิลจะไม่ยินยอมก็ตามที ดังนั้นแล้วโรมีโอจึงต้องสรรหาวิธีต่างๆ มาช่วยปลุกเร้าอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายยั่วยวน การใช้กลิ่นหอมของอโรม่า หรือแม้แต่การเปิดคลิปเร้าอารมณ์
ในคราแรกนั้นมักจะเป็นโรมีโอที่ขยับควบขี่ จนไมเคิลทนไม่ไหวต้องพลิกตัวให้ชายหนุ่มลงมาอยู่ที่ด้านล่าง แล้วกระแทกกระทั้นเข้าหาอย่างรุนแรงจนโรมีโอหวีดเสียงร้องครางดังลั่น
และดูเหมือนว่าเพราะเรื่องนี้ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ย่ำแย่ลงทุกที แต่กระนั้นโรมีโอก็ไม่สนใจ ในยามกลางวัน ไมเคิลคือผู้ช่วยคนสนิท ในยามกลางคืนคือชายอุ่นเตียงให้เร่าร้อน ตอบสนองตัณหาของตนเองไม่ต่างจากนายบำเรอ.....
“ออกไป....” ไมเคิลพูดขณะที่นั่งพิงกาย ชันขาขึ้นขึ้นข้างหนึ่ง ส่วนโรมีโอนั้นนอนคว่ำหน้า ในวงแขนกอดหมอนนุ่มใบโตเอาไว้แน่น
“ไม่....” สิ้นคำ ไมเคิลก็ตวัดสายตาดุดันมองจ้อง เอ่ยถามอย่างสุดทน
“ต้องการอะไร...... ต้องการอะไรจากฉัน.......”
“ต้องการอะไรจากคุณงั้นหรอ......” โรมีโอพูดพร้อมกับยันกายขึ้นเท้าคางมองอย่างครุ่นคิดพิจารณา
“......”
“เรื่องนั้นคุณไม่จำเป็นต้องรู้” ว่าจบก็นอนหันหลังให้ในที่สุด ไม่สนใจคนร่วมเตียงอีก ไมเคิลกัดฟันกรอด หุนหันลุกขึ้นจากเตียง ปิดประตูลงดังปัง! ขังตัวเองไว้ในห้องน้ำ โดยที่โรมีโอเองก็ไม่ได้ตามไปแต่อย่างใด เมื่อแผ่นหลังกว้างหายไปจากครรลองสายตา โรมีโอก็เปิดเปลือกตาขึ้นมอง ถอนหายใจออกมาแผ่วเบา
“เรื่องแบบนั้น.... คุณอย่ารู้เลยจะดีกว่า.....” พูดจบ ชายหนุ่มก็ผุดตัวลุกขึ้นจากที่นอน หยิบเอาเสื้อคลุมผ้าซาตินสีแดงเข้มมาสวมใส่ เดินกลับไปที่ห้องอัศวิน เปิดเพลงพร้อมกับรินไวน์ไปพลาง ยืนจิบไวน์แดงเหม่อมองออกไปที่หน้าต่าง เห็นว่ามีใครบางคนเดินออกจากคฤหาสน์ มุ่งตรงไปที่ทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว เปิดประตูเข้าไป แล้วทิ้งตัวลงนั่งเคียงข้างกับเสือขาวตัวใหญ่ ใช้ขนนุ่มฟูต่างหมอนใบโต
“Trust me, darlin', trust me darling...... (แค่เชื่อในฉันที่รัก, เชื่อในฉัน.....) ” ริมฝีปากบางเอ่ยพึมพำตามเนื้อเพลงสลับกับการจิบไวน์ไปพลาง ปลายนิ้วมือถูวนรอบขอบแก้วอย่างเลื่อนลอย
ในเช้าวันถัดมา โรมีโอตื่นขึ้นก่อนเวลาเล็กน้อย เพราะเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังอยู่ข้างตัว แม้จะหงุดหงิดอยู่บ้างที่ถูกรบกวนเวลานอน แต่เมื่อดูชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ หัวใจก็พลันเต้นเร็วระรัว ความหวาดกลัวเข้าแทรกซึมลงภายในจิตใจ กดรับสายด้วยความรวดเร็ว
[คุณโรมีโอใช่ไหมคะ]
“ครับ”
[ค่ะ ทางโรงพยาบาลต้องขอโทษที่รบกวนเวลานะคะ แต่ตอนนี้ทางโรงพยาบาลขอแจ้งให้ทราบค่ะ ว่าคุณเอวา วัลโด้ฟื้นแล้วนะคะ]
“!!!” โรมีโอนิ่งอึ้ง หัวสมองว่างเปล่าไปชั่วครู่
[คุณโรมีโอคะ?]
“คะ ครับๆ ผมจะรีบไปครับ!”
ติ๊ด!
หลังจากกดวางสาย โรมีโอก็กดเบอร์โทรภายใน ไม่สนใจว่าตอนนี้จะกี่โมงกี่ยาม จะมีใครตื่นอยู่หรือไม่ เมื่อกดโทรออกไป โทรศัพท์ก็ถูกกดรับอย่างรวดเร็ว โรมีโอเอ่ยปากสั่งการให้จัดเตรียมรถไว้ในทันที ในขณะที่ตนเองผละไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยความเร่งรีบ ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็พร้อมออกจากบ้าน ชายหนุ่มก้าวเท้ายาวๆ เดินมุ่งตรงไปที่รถ ขึ้นไปนั่งประจำที่พร้อมกับออกคำสั่งให้ไปส่งที่โรงพยาบาลในทันที
เรียวขายาวก้าวมาตามทางด้วยความรีบร้อน เปิดประตูห้องพักวีไอพีเข้าไปอย่างรวดเร็ว เห็นเอวาที่กำลังร้องไห้ซุกอกของบารอน โรมีโอก็พลันยกยิ้มทั้งน้ำตา ขยับเท้าเดินเข้าไปใกล้ เอ่ยปากร้องเรียกเสียงแหบพร่า
“ตัวเล็ก.....” เอวาค่อยๆ หันหน้ามาช้าๆ เมื่อได้เห็นโรมีโอเด็กน้อยก็พลันน้ำตาไหลพราก ร้องเรียกเสียงครือ
“โรมจ๋า.....” เด็กน้อยอ้าแขนออกกว้าง โรมีโอรวบเอาเด็กน้อยมาไว้ในอ้อมแขน กอดรัดเอาไว้แน่น แต่ไม่ทำให้เด็กน้อยต้องเจ็บปวด
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณ” โรมีโอพูดพร้อมกับพรมจูบไปทั่วกระหม่อมบางของน้องน้อย บารอนมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะมองหาใครอีกคน ซึ่งเป็นคนสำคัญมากสำหรับเอวา
“ไมค์ละ?” โรมีโอพลันชะงักกึก พร้อมๆ กับเอวาที่มองซ้ายมองขวา ใบหน้าเริ่มหมองเศร้า ช้อนสายตาขึ้นมองร่ำๆ จะร้องไห้
“พี่จ๋า ฮึก ไม่มา ฮึก ฮืออออ” เอวาร้องไห้น้ำตานองหน้า ความเสียใจพวยพุ่งมหาศาล ต่างจากโรมีโอที่ใบหน้าแข็งค้างนิ่งสนิท กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
“อะ อ่อ... บอสท่านงานเยอะครับ เดี๋ยว.... เดี๋ยวคงตามมา” โรมีโอพูดตะกุกตะกัก ความรู้สึกราวกับมีชนักติดหลัง หลังจากที่ปลอบใจน้องน้อยจนอาการสะอื้นเริ่มคลายลง โรมีโอก็กล่อมน้องน้อยให้นอนหลับพักผ่อนโดยมีบารอนคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ
โรมีโอแอบหลบออกมาจากห้อง ต่อสายหาบอดี้การ์ด ออกคำสั่งให้พาตัวไมเคิลมาที่โรงพยาบาลเป็นการด่วน แล้วจึงกลับเข้าไปอีกครั้ง ใช้เวลาเพียงไม่นานไมเคิลก็มาถึง ใบหน้าของชายหนุ่มถมึงทึง พุ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว ง้างหมัดขึ้นสูงและชกเข้าที่ใบหน้าของโรมีโอด้วยความรวดเร็ว สร้างความตกใจระคนแปลกใจให้กับบารอนเป็นอย่างมาก
โรมีโอใบหน้าสะบัดหันไปอีกทางตามแรงกระแทก ก่อนจะดึงกายกลับมาพร้อมกับการดุนดันลิ้นไปพลาง เงยหน้าขึ้นมองไมเคิลที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ดวงตาของชายหนุ่มแดงก่ำ มีหลากหลายอารมณ์ปะปนอยู่ภายในนั้น ทั้งโกรธ ทั้งโมโห ทั้งเสียใจ ความรู้สึกมากมายถูกบ่งบอกผ่านดวงตานั้นออกมาจนหมดสิ้น ยังไม่ทันได้พูดอะไรเพื่ออธิบาย แผ่นอกของโรมีโอก็ถูกผลักออกไปให้พ้นทาง พร้อมๆ กับไมเคิลที่ขยับเข้าไปแทนที่ ทรุดตัวลงนั่งข้างเด็กน้อย ยกฝ่ามือเล็กบางขึ้นจรดริมฝีปาก แนบใบหน้าลงกับฝ่ามือนั้นอย่างเว้าวอน
โรมีโอยืนมองแผ่นหลังของอดีตบอสใหญ่ เหลือบตามองบารอนที่กำลังมองมาด้วยความแปลกใจ ชายหนุ่มจึงส่งยิ้มบางเบากลับไปให้ เดินไปทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาเฝ้าไข้ภายในห้องแทน
ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาโรมีโอและไมเคิลไม่ได้มาเยี่ยมน้องน้อยเลยแม้แต่น้อย เพราะชายหนุ่มเร่งสอนงานให้กับไมเคิลจนแม้แต่เวลาพักผ่อนยังแทบไม่มี กระทั่งเมื่อเช้านี้ที่ทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งข่าว ทำให้โรมีโอรีบร้อนออกมาจากบ้าน ลืมแม้แต่ไมเคิล ซึ่งนั่นคงทำให้ไมเคิลโกรธเคืองเป็นอย่างมาก โรมีโอเองก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี จึงไม่ถือโทษโกรธเคืองแต่อย่างใด
โรมีโอเหม่อมองแผ่นหลังกว้าง เห็นความโดดเดี่ยวอ้างว้างปรากฏอยู่แม้จะไร้เสียงใด ก่อนจะต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นอดีตบอสใหญ่ฟุ้บหน้าลงกับที่นอน บ่ากว้างนั้นสั่นสะท้านสะท้อนขึ้นลงอย่างรุนแรง
ความปวดหนึบเกิดขึ้นภายในจิตใจ โรมีโอก้มหน้าลงซ่อนร่องรอยความรู้สึกเอาไว้ภายใน ครุ่นคิดถึงสิ่งที่จะทำต่อจากนี้ นึกถึงช่องทางที่เป็นไปได้ ก่อนจะพึมพำออกมาเสียงเบาราวกระซิบ
“ถึงเวลาต้องสิ้นสุดซะที......”
เอวาใช้เวลารักษาตัวต่ออีก 2 สัปดาห์หลังจากฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล โดยมีโรมีโอและไมเคิลคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ส่วนบารอนนั้นต้องพักรักษาตัวต่ออีก 1 เดือน เพราะมีการตัดอวัยวะภายในออกไปบางส่วน ทำให้ไม่สามารถออกแรงได้ อาหารการกินจำกัดลดลงดังนั้นแล้วไมเคิลและโรมีโอจึงไปๆ มาๆ ระหว่างบ้าน บริษัท และโรงพยาบาล โดยเวลาในช่วงกลางวันจะอยู่ที่บริษัท มีโรมีโอคอยชี้นิ้วสั่งงาน ส่วนไมเคิลนั้นมีหน้าที่ก้มหน้าทำตามคำสั่ง เมื่อมาที่โรงพยาบาล ไมเคิลก็ปรี่เข้าไปดูแลน้องน้อย คอยถามคะขาอยู่ไม่ห่าง นั่งจับมือเอาไว้ตลอดเวลาจนกระทั่งถึงเวลาเดินทางกลับ ส่วนโรมีโอนั้นก็ผละออกไปดูแลบารอนบ้างเล็กน้อย และใช้เวลากับคนทั้งสองในการพูดคุยเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างวันในคราแรกที่เอวาตื่นมาและได้พบหน้าของไมเคิล เด็กน้อยพลันร้องไห้โฮ โผเข้ากอดคนพี่เอาไว้แน่น พร่ำบอกขอโทษไม่หยุดปาก ไม่ต่างกันกับไมเคิล ที่โทษว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นมาจากตนเอง ทำให้น้องน้อยต้องได้รับอันตรายไปด้วย ทั้งสองคนต่างพร่ำขอโทษกันและกันไปมา สลับกับเสียงสะอื้นไห้ของเอวา จนโรมีโออดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปลูบกลุ่มผมนุ่มนั้นอย่างปลอบใจ รอยยิ้มบางเบาถูกจุด
Michael Partย้อนกลับไปตอนก่อนหน้า......ไมเคิลถูกจับแยกกับน้องน้อยตั้งแต่ที่โรงพยาบาล ทำให้หงุดหงิดขัดใจเป็นอย่างมาก ตลอดการเดินทางดวงตาคมกล้าสองสีมองจ้องรถที่น้องน้อยนั่งอยู่ไม่ละสายตาแต่แล้วคิ้วคู่คมก็ต้องขมวดเข้าหากันแน่น เมื่อพบว่ารถที่โรมีโอและน้องน้อยนั่งนั้นขับแยกไปอีกทางอย่างผิดวิสัย“หยุดรถ!” ชายหนุ่มออกปากสั่งการในทันที หากแต่รถยนต์นั้นยังคงมุ่งไปในทิศทางที่คุ้นเคยโดยที่ความเร็วไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย ไมเคิลชักปืนออกมายกขึ้นจ่อไปที่คนขับ ร้องตวาดเสียงดังก้องไปทั่ว“ฉันบอกให้หยุดรถ!!!”กึก!ในตอนนั้นเองที่หน้าต่างด้านหลังเปิดขึ้นทั้งสองบาน คนขับรถยังคงทำหน้าที่ของตนได้อย่างดีเยี่ยม ขับรถด้วยความเร็วสม่ำเสมอ หากแต่ตอนนี้ คนที่นั่งข้างคนขับ และบอดี้การ์ดสองคนที่นั่งประกบคู่กับเขายกปืนขึ้นจ่อ นอกจากนี้แล้วยังมีรถคันข้างๆ อีกคันละสองคนที่เล็งปืนมาหา เรียกได้ว่าตอนนี้ไมเคิลถูกปืนทั้ง 7 กระบอกมุ่งตรงมาที่ตนเองโดยไม่มีการยั้งมือ“คุณนั่งเงียบๆ จะดีกว่านะครับ ถ้าคุณยังยกปืนขึ้นจ่อแบบนี้ พวกผมเองก็คงลดปืนลงไม่ได้เช่นกัน” เสียงคนขับรถพูดขึ้น ทำให้ไมเคิลกัดฟันกรอด“โคลด์.....” เจ้าของชื่
ไมเคิลใช้เวลาหนึ่งเดือนเต็มในการค้นหาตัวน้องน้อย ซึ่งเป็นหนึ่งเดือนแห่งความล้มเหลว......ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่ ใบหน้าของไมเคิลยิ่งมืดครึ้ม ร่างกายที่เคยแข็งแกร่งกำยำสมส่วนกลับกลายเป็นซูบซีดผอมบางลงอีกหลายระดับ ไมเคิลถึงขั้นไม่กินไม่นอน ใต้ตาดำคล้ำใบหน้าทรุดโทรมกว่าไมเคิลจะหาคนมาทำหน้าที่กู้ข้อมูลของโอเว่นได้ก็กินเวลาไปกว่า 3 สัปดาห์ และถึงแม้จะได้คนมาก็ยังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ในการแกะรอย จนทำให้ไมเคิลความอดทนต่ำลงทุกที นอกจากนี้แล้วทางฝั่งขององค์ราชินีเองก็ไร้วี่แววว่าจะพบตัวเอวา ราวกับว่าบุคคลทั้งสองหายตัวไปเฉยๆแม้แต่กระทั่งกับบารอนเองก็ยังออกตามหาเอวาอย่างบ้าคลั่ง หอบร่างพังๆ กลับมาบัญชาการหลังจากผ่านไป 3 วัน ที่ไม่สามารถติดต่อกับเอวาได้เช่นกัน ไม่มีแม้แต่สายเรียกเข้าที่เขารอคอย ทำให้บารอนดิ้นรนออกจากโรงพยาบาล แม้ว่าตัวเองจะบาดเจ็บหนักอยู่ก็ตามที ทำให้ตอนนี้ทั้งไมเคิลและบารอนหันกลับมาร่วมมือกันในการออกตามหาเอวา จนไมเคิลอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าโรมีโอใช้วิธีใดในการกีดกันน้องน้อยเอาไว้ได้ขณะนี้ไมเคิลกำลังนั่งอยู่บนรถที่กำลังมุ่งตรงไปยังสถานที่แห่งหนึ่งอย่างมั่นคง แม้ใจของเขาจะอยากล
“โรมีโอ.......”ไมเคิลเอ่ยปากครางเรียกชื่อของอีกฝ่าย ทำให้โรมีโอหันหน้ามามองคนที่ยืนอีกฝั่งของประตูรถยนต์ อดีตผู้ช่วยหนุ่มทำเพียงเลิกคิ้วมอง แล้วจึงหันไปมององค์ราชินีเชิงเป็นคำถาม“เห็นใจฉันเถอะเด็กน้อย หลานของฉันย่ำแย่เต็มที....” องค์ราชินีลูบเส้นผมของโรมีโอเบาๆ ขณะที่เหลือบมองไมเคิลไปพลาง แล้วจึงถามหาใครอีกคนแทน“เอวาอยู่ที่ไหนเสียล่ะ”“ทำแผลให้กับบารอนอยู่พ่ะย่ะค่ะ” ไมเคิลขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เหลือบมองบุคคลทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็คลับคล้ายคับคลาว่าจะเข้าใจอะไรบางอย่างอยู่ในที“ฉันจะเข้าไปหาตัวเล็กสักหน่อย พวกเธอคุยกันเถอะ” โรมีโอก้มหน้าลงคล้ายกับการน้อมรับคำสั่ง ในขณะที่องค์ราชินีเดินเข้าไปภายในคฤหาสน์ ส่วนกันนาร์นั้นยืนละล้าละลัง ตามหน้าที่ของเขาจำต้องเดินตามพระองค์ไป หากแต่ใจของเขากลับอยากยืนอยู่ที่นี่ ที่ข้างๆ โรมีโอ คอยช่วยดูแลสอดส่อง เผื่อว่ามีการลงไม้ลงมือเกิดขึ้นโรมีโอผุดตัวลุกขึ้นโดยที่มีกันนาร์ยื่นมือให้ใช้ยึดจับยันตัว ดังนั้นแล้วชายหนุ่มจึงเอ่ยปากบอกขอบคุณเบาๆ พร้อมกับร้องบอก“ขอบคุณครับ คุณตามพระองค์ไปเถอะครับ ผมอยู่ได้” โรมีโอพูดพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนบางให้กับกันนาร์
“ตัวเล็กเป็นน้องแท้ๆ ของคุณ......”“!!!”“น้องที่มีสายเลือดเดียวกัน.....”สิ้นคำพูดนั้นของอดีตผู้ช่วยหนุ่ม ทั่วทั้งห้องพลันตกอยู่ในความเงียบงัน แม้แต่เสียงลมหายใจก็แลดูคล้ายว่าจะเลือนหายไปชั่วขณะ โรมีโอพูดด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความจริงจังในน้ำเสียงนั้น และเพราะถ้อยคำนั้นเองที่ทำให้ไมเคิลถึงกับนิ่งอึ้ง ดวงตาเบิกกว้าง ไม่ต่างกันกับเอวาที่ผละตัวออกจากโรมีโอแล้วเงยหน้าขึ้นมองด้วยความรวดเร็วโรมีโอสูดลมหายใจเข้าลึก ประคองน้องน้อยให้ลุกขึ้นจากพื้น เอ่ยปากเสียงเย็นกับคนที่ยังคงนิ่งอึ้งอยู่บนเตียง“คุณออกไปก่อนนะครับ เราจะคุยกันหลังจากนี้” โรมีโอพูดด้วยเสียงเด็ดขาด ไมเคิลลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เดินตัวลอยออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบ สติของชายหนุ่มขาดหายไปแล้วในช่วงเวลานี้ ในขณะเดียวกันโรมีโอก็ประคองน้องน้อยให้กลับไปนั่งบนเตียงพร้อมกับการลูบหลังปลอบใจ กอดรัดเอาไว้แน่นกระซิบถ้อยคำปลอบโยน สลับกับการใช้มือไล้ปาดหยาดน้ำตาออกจากดวงหน้าหวานที่ฉ่ำชื้น ประตูปิดลงอย่างเงียบงัน ทิ้งไว้เพียงเสียงสะอื้นของน้องน้อยที่ลอดออกมาจากห้องไมเคิลเดินออกมาจากห้อง ก้าวขาลงบันไดอย่างสติเลื่อนลอย แล้วจึงเดินไปทรุดตัวนั่ง
Romeo Partโรมีโอมองตามหลังคนที่หมุนกายเดินออกจากห้องไปเงียบๆ บนตักของตนมีน้องน้อยที่ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น กอดรัดเขาเอาไว้แน่น จนชายหนุ่มต้องยกมือขึ้นสูง ลูบแผ่นหลังเล็กบางนั้นแผ่วเบา สลับกับการกอดปลอบและโยกตัวราวกับกำลังปลอบใจเด็กน้อยที่มีอายุเพียงไม่กี่ขวบ“ฮึก! หนะ หนูเกิดมาจากความผิดพลาดหรอ...... ฮืออออ” เอวาร้องถามมือหนึ่งยกขึ้นปาดน้ำตา ในขณะที่อีกมือนั้นจับเสื้อสูทของโรมีโอเอาไว้แน่น“ไม่ใช่ค่ะ ตัวเล็กเกิดขึ้นจากความตั้งใจของคนเป็นพ่อนะ”“ฮึอ ตะ แต่ ฮือออ แต่แม่ไม่ต้องการหนู ฮือออ” เอวาพูดทั้งน้ำตา ร่ำไห้ปานจะขาดใจ ทำให้โรมีโอต้องเอ่ยปากอีกครั้งอย่างอ่อนโยน“ถ้าแม่ไม่ต้องการ ตัวเล็กจะได้เกิดมาหรอคะ ถึงแม้พ่ออาเธอร์จะช่วยพูดเอาไว้ แต่ถ้าแม่ไม่รักตัวเล็กจริงๆ หนูคงไม่ได้มานั่งอยู่บนตักพี่อย่างนี้” โรมีโอพูดพร้อมกับยกนิ้วจิ้มปลายจมูกแดงก่ำอย่างหยอกล้อ“ตัวเล็กร้องไห้ได้ค่ะ แต่พี่ให้ร้องแค่วันนี้นะ ร้องจนกว่าตัวเล็กจะพอใจเลย หลังจากนั้นยิ้มให้พี่เยอะๆ ยิ้มมากๆ เท่าที่จะมากได้ อย่าให้เป็นพี่ที่เป็นคนพรากรอยยิ้มของตัวเล็กไปเลยนะ” โรมีโอพูดพร้อมกับยกนิ้วโป้งขึ้นไล้เกลี่ยริมฝีปากบางไป
“ทรงทราบตั้งแต่เมื่อไหร่......” ไมเคิลเอ่ยถามเสียงเรียบ ดวงตามองจ้องคนตรงหน้าไม่ละสายตาไปไหนองค์ราชินีวางแก้วชาลงหลังจากที่ยกขึ้นจิบเพียงเล็กน้อย พร้อมกับทอดถอนพระทัยอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะทรงตรัสถ้อยคำเอื้อนเอ่ยบอกแก่หลานชายของตน“ตั้งแต่แรก”“.....” องค์ราชินีมองคนเป็นหลานที่มีดวงตาประกายวาวโรจน์เรืองรอง ความคุกรุ่นปรากฏอยู่ภายในดวงตาแจ่มชัด องค์ราชินีมองสบกับดวงตาสองสี อันเป็นเอกลักษณ์ของวงศ์ตระกูลวัลโด้ ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำอีกครั้ง ช้าๆ ชัดๆ“ย่ารู้ตั้งแต่แรกแล้ว หลังจากนิโคลัสเสียชีวิตได้ไม่นาน..... หลานคงไม่คิดว่าย่าจะปล่อยให้คนที่สังหารโอรสสวรรค์ได้อยู่อย่างสบายหรอกกระมัง?”“แต่เท่าที่หลานเห็น..... ชายผู้นั้นยังคงมีความสุขดี.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด พูดอย่างอดทน มองจ้องพระองค์เขม็งหลังจากที่ไมเคิลกลับมานอนพักที่บ้านเพื่อเอาแรง แม้จะนอนไปได้ไม่นานนัก แต่ก็พอเรียกให้กำลังวังชากลับคืนฟื้นขึ้นมาได้เล็กน้อย ทำให้เขาตั้งใจสะสางงานการที่คั่งค้างอย่างรวดเร็ว แล้วแจ้งข่าวแก่กันนาร์ เพื่อแจ้งให้ทราบว่าตนมีความต้องการที่จะเข้าพบองค์ราชินีดังนั้นแล้วหลังจากที่เขาจัดการงานเสร็จสิ้น จึงอาบน้ำแต
“อะ อะ อื้ออออ อึก!”ปึก! ปึก! ปึก!เสียงกายกระทบกายดังก้องกังวานไปทั่วทุกพื้นที่ภายในห้องๆ หนึ่ง โรมีโอถูกใครอีกคนกระแทกกระทั้นกายเข้าหาไม่มีหยุดพัก ริมฝีปากที่เปล่งเสียงร้องครวญครางเริ่มแหบพร่าเจือสะอื้นจากความสุขสมที่ได้รับทั่วทุกพื้นที่ภายในห้องนอนกว้างที่เคยถูกจัดเรียงไว้อย่างสวยงามพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา มาบัดนี้กลับกลายสภาพกลายเป็นไม่น่าดู คล้ายกับผ่านสมรภูมิรบตอนนี้โรมีโอกำลังถูกกระแทกกระทั้นจากชายร่างกายกำยำสมส่วน สองมือถูกจับมัดไขว้กันที่ด้านบน อย่างไม่อาจหลีกหนี มีเพียงยอมก้มหน้ารับความสุขสมและเสียวซ่านแทบขาดใจ เนื่องจากถูกพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา ทำได้เพียงบิดกายเร้าไปมาอย่างทุกข์ทรมานปะปนไปกับความสุขสม สภาพห้องที่ไม่เอื้ออำนวย ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับไมเคิลเลยสักนิดในการสรรหาขอเล่นมาใช้กับกายบางรูปร่างสูงโปร่งเนคไทที่เคยผูกอยู่ที่คอกลับกลายมาเป็นผ้าปิดตา.......เข็มขัดที่เคยคาดอยู่ที่เอวกลับกลายเป็นสายรัดข้อมือ.......ชั้นในสีดำสนิทที่เคยสวมใส่กลับกลายเป็นผ้าอุดปาก ส่งเสียงครางได้เพียงอื้ออึงในลำคอ.......นอกจากนี้แล้วไมเคิลยังใช้สายไฟจากโคมไฟข้างเตียงต่างสายรัดป้องกันไม่ใ
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา