Romeo Part
“ฉันจะทำยังไงกับเธอดี.....” สุรเสียงนุ่มนวลแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความทรงพลังเอ่ยปากขึ้นขณะยกน้ำชาขึ้นจิบ ที่ด้านข้างนั้นมีชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งกำลังนั่งคุกเข่าอยู่อย่างนอบน้อม เรือนผมสีน้ำตาลเป็นยวงนั้นทิ้งตัวเรียงสวยราวกับม่านกำมะหยี่หนานุ่มน่าสัมผัส ปิดบังเสี้ยวหน้าทำให้ไม่อาจมองเห็นดวงตาสื่ออารมณ์
“แล้วแต่พระองค์จะทรงกรุณาพ่ะย่ะค่ะ”
“มีอย่างที่ไหนกัน ทำการปฏิวัติลอร์ดที่สืบเชื้อสายราชวงศ์ ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้วหรือ” องค์ราชินีเอ่ยปากบ่นอีกครั้ง ก่อนจะวางแก้วชาลงเบาๆ
“......”
“เอาเถอะ อย่างไรก็ฝากเธอด้วยแล้วกัน”
“ครับ”
“กลับไปดูน้องเถอะ” กล่าวจบ พระนางก็โบกพระหัตถ์เบาๆ แล้วจึงละความสนใจไป โรมีโอยกมือขึ้นทาบที่อก โน้มตัวลงแม้จะยังคงนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่กับพื้นเป็นการทำความเคารพ ก่อนจะยืดกายเหยียดตรง แล้วเดินจากไปเงียบๆ เหมือนเมื่อตอนที่มา
“เธอว่าฉันควรมอบรางวัลให้เขาไหม?”
“แล้วแต่พระองค์ ฝ่าบาท”
“กันนาร์..... ฉันคิดจะมอบสมรสพระราชทานให้เขา.... เธอคิดเห็นอย่างไร”
“ระหว่างเขากับผู้ใดหรือพระองค์” องครักษ์หนุ่มเอ่ยถามอย่างนอบน้อม ในขณะที่องค์ราชินีเหลือบสายตามอง กล่าววาจาหยอกเย้า
“กับเธอเป็นอย่างไร?”
“ฝ่าบาท หากเขาผู้นั้นมีกระหม่อมสักเพียงนิดในหัวใจ กระหม่อมคงตอบว่าดี หากแต่นี่แม้แต่หางตา เขายังไม่แลกระหม่อมเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“อะไรกัน เธอน้อยใจเขางั้นหรือ”
“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ คนผู้นั้นไม่มีกระหม่อมอยู่ในหัวใจ หากผูกคนทั้งคู่ไว้แต่ไร้ใจเปรียบเสมือนตกนรกทั้งเป็น ขอฝ่าบาทตรองดูอีกครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“งั้นแสดงว่าสมรสพระราชทานนับว่าดี เพียงแต่ต้องจับคู่ให้ถูกคน เช่นนั้นดีหรือไม่”
“ฝ่าบาท......” กันนาร์ครางในลำคออย่างอ่อนใจ
โรมีโอเดินออกมาจากพระราชวังอันโอ่อ่า มุ่งตรงขึ้นรถที่ถูกนำมาจอดรอไว้ มือก็หยิบเอางานขึ้นมาทำไปพลางระหว่างเดินทาง
ตั้งแต่ข่าวการปฏิวัติของโรมีโอแพร่ออกไป ทำให้ทุกคนล้วนตกตะลึง แทนที่งานการในมือของไมเคิลจะดิ่งฮวบลงเหว กลับกลายเป็นว่าอู้ฟู่ขึ้นมากอย่างรวดเร็ว คล้ายกับว่าทุกคนต่างอยากร่วมมือกับไมเคิลในการทำธุรกิจ เพราะสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ภายในกาย แต่ถึงจะอยากมากแค่ไหนก็ไม่อาจเอื้อมถึง เพราะสูงส่งเกินไป อยู่สูงเกินไป ดุดัน เฉียบขาด และนิ่งเงียบเกินไป ทำให้การพูดคุยธรรมดาๆ กับกลายเป็นกดดันจนไม่กล้าแม้จะเอ่ยปากถาม
แต่เมื่อธุรกิจทั้งหมดถูกเปลี่ยนมือ ซึ่งมีโรมีโอผู้ช่วยคนสนิทเป็นคนดูแลเองทั้งหมด ก้าวข้ามผ่านนายของตนขึ้นมาปกครองแทน ด้วยภาพลักษณ์สุภาพอ่อนโยน เข้าถึงง่าย ฉลาดเฉลียว เป็นมือเท้าให้ไมเคิลมานานจนชื่อเสียงแพร่หลายในวงธุรกิจ หากไม่มีลอร์ดคนนั้นคอยคุ้มหัว คงไม่แคล้วโดนลักพาแย่งชิงตัวให้ไปทำงานเป็นเลขาคนสนิท หรืออาจจะเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวไม่เว้นแต่ละวัน ทำให้แทนที่โรมีโอจะมีเวลานั่งเฝ้าน้องน้อยได้มาก กลับกลายเป็นว่าต้องมานั่งสะสางเอกสารมากมายจนอยากจะปาทิ้งเสียให้หมด แล้วกลับไปนั่งกุมมือของน้องน้อยอยู่ข้างเตียงไม่จากไปไหน
และเพราะข่าวนี้เองที่ทำให้โรมีโอถูกเรียกตัวเข้าพบเป็นการด่วนจากองค์ราชินี พระองค์ทรงตำหนิเล็กน้อยเกี่ยวกับวิธีการ แต่นอกจากนั้นก็ไม่ได้เอ่ยว่าอะไรอีก พระองค์กำลังรอคอยบางสิ่ง....... ผลลัพธ์ที่พระองค์ต้องการจากกระทำของเขา......
โรมีโอนั่งรถกลับมาที่โรงพยาบาล ท่อนขาเรียวยาวภายใต้ชุดสูทเข้ารูปพอดีตัว ยิ่งทำให้ชายหนุ่มแลดูร่างกายสูงโปร่ง เส้นผมสีน้ำตาลเข้มพลิ้วไหวตามจังหวะการก้าวเดิน ในมือมีช่อดอกไม้ขนาดใหญ่ช่อหนึ่งถือเอาไว้ ชายหนุ่มมุ่งตรงไปห้องประจำที่ตนคุ้นเคยดี เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ได้พบกับภาพคุ้นตาที่ได้เห็นมันมาตลอดในช่วงนี้
ชายหนุ่มก้าวเท้าอย่างมั่นคง วางดอกไม้ลงที่ด้านข้างเตียงผู้ป่วย โน้มตัวลงเล็กน้อย แนบริมฝีปากลงบนหน้าผากเล็กแคบโหนกนูนของน้องน้อย กระซิบถ้อยคำร้องบอก
“กลับมาแล้วค่ะ” โรมีโอพูดด้วยรอยยิ้มนิดๆ แต่งแต้มริมฝีปาก แล้วจึงผละถอยออกอย่างช้าๆ ยกมือขึ้นเกลี่ยแก้มใสแผ่วเบาราวขนนกแตะสัมผัส เอ่ยปากโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง
“คุณควรจะพัก....”
“ไม่....” บุคคลตรงข้ามเอ่ยตอบกลับมาในทันที ทำให้โรมีโอเลื่อนดวงตาสีฟ้าสดใสดุจดั่งอัญมณีของตนเองไปมอง เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ
“งั้นผมสั่ง..... กลับไปนอนที่ของคุณซะไมเคิล.....” ไมเคิลเองก็เหลือบตาขึ้นมองเช่นกัน หลังจากสบตาดูเชิงกันสักพัก ก็หลุบตาลงต่ำ มองจ้องน้องน้อยที่ยังคงหลับใหล ฝ่ามือใหญ่ยังคงกอบกุมกระชับฝ่ามือเล็กเอาไว้แน่น เอ่ยตอบกลับไปด้วยถ้อยคำเดิม
“ไม่....”
แกร๊ก!
“ดูเหมือนคุณจะไม่รู้นะว่าตัวคุณอยู่ใน ‘ฐานะ’ อะไร.....” ชายผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลเข้มยกปืนขึ้นเล็ง ใบหน้าเฉยชาไร้ความรู้สึก ไมเคิลหัวเราะในลำคอหนึ่งคำ ก่อนจะเอ่ยปากพูด
“นายไม่กล้า-”
ปัง!
ยังไม่ทันที่ไมเคิลจะพูดจบประโยคดี โรมีโอก็ลั่นไกออกไปเสียแล้ว และมันก็เฉียดแก้มของอดีตเจ้านายไปจนฝารอยแผลไว้บนใบหน้า หยาดโลหิตไหลออกมาเป็นทาง ตามที่รอยกระสุนนั้นวาดผ่าน ดวงตาของไมเคิลยิ่งมืดครึ้ม ยกหลังมือขึ้นปาดหยาดเลือดเชื่องช้า มองจ้องโรมีโอดุดันไม่ละสายตา
“รู้ฐานะของตัวเองบ้างขึ้นรึยัง....” โรมีโอพูดด้วยเสียงเนิบช้าเย็นชา ก่อนจะเอ่ยย้ำอีกครั้งให้รับรู้ถึงสถานะที่ควรจะเป็นให้กระจ่างชัด
“ตอนนี้ผมเป็นนาย.... คุณเป็นบ่าว.... ถ้าทำตามคำสั่งไม่ได้ก็ไสหัวไป……” คิ้วของไมเคิลกระตุกเข้าหากันก่อนที่มันจะคลายออกอย่างรวดเร็ว ดวงตาสองสีเลื่อนมองเด็กน้อยที่ยังคงหลับใหลมาตลอด 1 สัปดาห์ ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นแม้แต่น้อย ร่างกายที่ผอมบาง มาบัดนี้กลับซูบซีดยิ่งกว่าที่เคย บนศีรษะมีร่องรอยของการพันแผลหลังการผ่าตัดปรากฏให้เห็น ที่หลังมือบางมีสายน้ำเกลือและสายยางให้เลือดเสียบเอาไว้อยู่
ไมเคิลกัดฟันกรอด ก่อนจะลุกขึ้นยืน หมุนกายหันหลังกลับ เดินจากไปอย่างเชื่องช้า มุ่งตรงไปที่เตียงตัวเอง ก้าวขาขึ้นเตียงแล้วนอนตะแคงหันมองน้องน้อยที่ยังคงหลับใหล
โรมีโอลอบถอนหายใจ หลับตาลงพร้อมกับลดปืนในมือลงอย่างช้าๆ เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งดวงตาจากที่เคยเฉยชาไร้แววใดก็กลับมาเอื้ออาทรตามเดิม ชายหนุ่มเก็บปืนใส่ซองรัดหน้าอก ก้มตัวลงหันไปจัดการกับน้องน้อย จับพลิกตัวอย่างแผ่วเบาด้วยกลัวว่าจะกลายเป็นแผลกดทับ ซึ่งชายหนุ่มเองก็ยังพอใจจะใจดีให้บ้าง โดยการจัดให้เอวาหันไปทิศทางตรงข้ามกับที่ไมเคิลหันมา จึงกลายเป็นว่าทั้งสองคนกำลังนอนมองหน้ากันและกัน หลังจากนั้นโรมีโอก็จัดผ้าห่มให้กับน้องน้อย ไม่ให้อึดอัดเกินไปนัก แต่ก็ไม่หนาวลึกบาดกระดูก ก่อนที่จะขยับไปดูแลบารอนด้วยอีกคน
ตอนนี้อาการของเอวาและบารอนค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะผ่านมา 1 สัปดาห์แล้ว แต่คนทั้งคู่กลับไม่มีท่าทีว่าจะตื่นฟื้นคืนสติแม้แต่น้อย ซึ่งอาการของบารอนและเอวาเรียกได้ว่าน่าเป็นห่วงพอๆ กัน หลังจากที่จัดผ้าห่มให้บารอนเสร็จ จึงเดินไปหาไมเคิล เพียงแค่จับผ้าห่มขึ้น น้ำเสียงเย้ยหยันก็ดังออกจากริมฝีปากของชายผู้สูงศักดิ์
“ไม่ต้อง.....” ถ้อยคำนั้น ทำให้โรมีโอชะงัก เมื่อหันไปมองจึงเห็นสายตาเฉยชาไร้ความรู้สึกใดส่งให้ โรมีโอผละมือออกจากผ้าห่ม หมุนกายหันหลังกลับ เดินไปจัดดอกไม้ที่ข้างเตียงของน้องน้อย ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงตรงหน้าของเอวา
จับยกมือน้อยๆ ที่ผอมแห้งจนเริ่มเห็นกระดูกขึ้นมาแผ่วเบา ประทับริมฝีปากกับหลังมือนั้นแผ่วเบา ก่อนจะแนบแก้มลงไปพร้อมเอ่ยถ้อยคำเว้าวอน
“รีบตื่นเร็วๆ นะคะตัวเล็ก พี่รออยู่.....”
เวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆ ท่ามกลางความเงียบสงบ จนในที่สุดศีรษะของโรมีโอก็ฟุ้บลงที่ข้างเตียงเพราะความเหนื่อยล้าที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุด ทั้งเรื่องวุ่นวายภายใน ทั้งเรื่องเอกสารที่มีมากขึ้น แต่มือนั้นยังคงจับกุมกับน้องชายเพียงคนเดียวเอาไว้ไม่ยอมปล่อยมือ ไมเคิลที่นอนมองมาเงียบๆ ตั้งแต่ต้นเห็นท่าทางนั้นมาตลอดในครรลองสายตา
แม้ดวงตาจะมองดวงหน้าของคนที่เป็นยอดดวงใจ แต่กลับได้เห็นใครอีกคนที่นั่งสัปหงก โดยที่ยังคงจับมือและแนบแก้มลงกับหลังมือของน้องน้อยเอาไว้ตลอดเวลา แม้กระทั่งจะฟุ้บหน้าหลับลงไปแล้ว ก็ยังคงจับกุมกระชับมือน้อยๆ ไม่ห่างกาย
ไมเคิลผุดตัวลุกขึ้นจากเตียง ดึงสายน้ำเกลือออกจากข้อมือของตนอย่างไม่ใส่ใจ ขยับเดินเข้าไปใกล้คนที่มีสถานะเป็นเจ้านายในตอนนี้ ใช้สองแขนโอบอุ้มประคอง ตั้งใจจะพาไปนอนแทนที่ของตนเอง หากแต่มือที่จับกันระหว่างพี่น้องนั้นไม่ยอมคลายออก กลับกัน โรมีโอกลับยิ่งกุมกระชับไว้มากขึ้นราวกับกลัวว่ามือน้อยๆ คู่นี้จะหลุดหายไปอีกครั้ง แม้ว่าจะยังคงหลับใหลตกอยู่ในห้วงนิทราก็ตามที ดังนั้นแล้วไมเคิลจึงจัดให้โรมีโอนอนลงเคียงข้างกับเอวา จัดให้นอนหันหน้าเข้าหากัน
โรมีโอขยับตัวเล็กน้อยหาท่าที่สบาย แล้วจึงหลับสนิทลงไปอีกครั้ง ไมเคิลที่เห็นเช่นนั้นก็มองที่ว่างอีกฝั่งที่ยังว่างเว้นเอาไว้อยู่ เพราะเป็นห้องพักวีไอพี เตียงนอนจึงมีขนาดใหญ่ หมอนใบโตนุ่มฟูและผ้าห่มนุ่มนิ่มมอบความอบอุ่น ไมเคิลเดินอ้อมไปที่อีกฝั่งหนึ่ง ทรุดตัวลงนอนเคียงข้างกับน้องน้อยที่ด้านหลัง ใจนึกอยากให้น้องได้นอนทับแขนตัวเอง แต่เพราะเอวาพึ่งผ่านการผ่าตัดมา จึงกลัวว่าจะยิ่งทำให้น้องบาดเจ็บมากกว่าเดิม
สุดท้ายแล้ว สิ่งที่ไมเคิลทำก็คือการวางพาดแขนข้างหนึ่งลงบนเอวบาง ขยับตัวเข้าไปแนบชิดจนแผ่นหลังน้องน้อยแนบติดกับแผ่นอกกว้าง ก้มลงกดจูบที่หลังคอของน้องน้อยแผ่วเบา
“ตัวเล็ก.....” ถ้อยคำปรารถนาไม่ได้เอื้อนเอ่ย มีเพียงการเว้าวอนอยู่ภายในใจ รับรู้อยู่เพียงผู้เดียว.....
3 วันถัดมา ในที่สุดบารอนก็รู้สึกตัว ชายหนุ่มครางในลำคอด้วยความเจ็บปวดทุกครั้งที่หายใจ โรมีโอกุลีกุจ่อเข้าไปดูแล คอยประคองขึ้นนั่งพร้อมกับป้อนน้ำเข้าสู่ริมฝีปาก เอ่ยปากถามอย่างเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้างครับ ผมจะตามหมอให้นะครับ” พูดจบก็หันไปกดอินเตอร์โฟน แจ้งให้นางพยาบาลรับทราบ เพื่อตามหมอมาดูแลอาการ บารอนที่ยังคงมึนงงอยู่เอ่ยปากพึมพำเรียกหาใครบางคนด้วยความอ่อนระโหยโรยแรง
“เอวา.....” โรมีโอที่พึ่งวางสายลงเผยรอยยิ้มบาง ก่อนจะเผยมือออก เชื้อเชิญให้หันมองตาม ในสายตาของบารอนเห็นเด็กตัวเล็กกำลังนอนหลับพักผ่อน ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก รอยยิ้มบางเบาแต่งแต้มริมฝีปาก โรมีโอจึงกล่าวต่อในทันที
“คุณหลับไปประมาณ 10 วันได้ครับ คุณหนูเองก็เช่นกัน.....” พูดแล้วก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะเริ่มร่ายอาการที่บารอนเป็นและที่เอวาเป็นให้ได้ฟัง โดยมีไมเคิลนั่งฟังอยู่เงียบๆ และในท้ายที่สุด โรมีโอก็เป็นฝ่ายถามกลับบ้าง
“ว่าแต่ในตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นครับ? คุณพบเจอคุณหนูได้ยังไง”
“เรื่องนั้น......”
บารอนที่ลักลอบเปิดประตูอาคารเข้ามาอย่างเงียบเชียบ ดวงตาคมกล้ามองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง ค่อยๆ ไล่เปิดประตูแต่ละบานอย่างรวดเร็ว แต่ตรวจตราละเอียดทุกซอกทุกมุม แต่กลับไม่พบใครหรืออะไรที่น่าผิดสังเกต จนกระทั่งได้เข้าไปที่ห้องๆ หนึ่ง......
ภายในห้องนั้นมีใครบางคนยืนนิ่ง ทำให้บารอนยกปืนขึ้นจ่อในทันที นัยน์ตาคมกล้าพร้อมสังหารหากเป็นศัตรู แต่เมื่อก้าวเท้าเข้าไปใกล้ กลับพบว่ามีบางสิ่งขวางกันทาง ไม่อาจเข้าใกล้ได้ดั่งใจ ที่บนแผ่นอก มีบางสิ่งบางอย่างพาดผ่านอยู่ 3 – 4 เส้น จนทำให้บารอนต้องถอยหลังกลับ ใช้มือสัมผัสไปตามอากาศ จนแตะลงบนเส้นเอ็นสีใสที่แฝงตัวอยู่ในความมืด
บารอนไล่มือไปมาอยู่ที่ชั่วครู่ ก็พบว่ามีช่องว่างเล็กๆ ให้พอลอดตัวผ่าน แต่เพราะเขามีขนาดตัวที่ใหญ่โต จึงไม่สามารถเข้าไปได้ นอกจากใช้มีดตัดเส้นเอ็น แต่เมื่อพิจารณาดูแล้ว ช่องวางเล็กแคบนั้นเพียงพอให้ใครบางคนรอดผ่านเท่านั้น เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ และมองคนที่ถูกตรึงร่างไร้ลมหายใจ ภายในใจของบารอนยิ่งร้อนรนด้วยความเป็นห่วง
ไม่รู้ว่าคนที่ทำเช่นนี้จะเป็นคนที่ลักพาตัวมา หรือเป็นคนที่ตนกำลังตามหากันแน่ แต่ไม่ว่าอย่างไร เมื่อไร้ร่างของเอวา เขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องใส่ใจ ดังนั้นแล้วบารอนจึงขยับเดินออกจากห้องนั้นในที่สุด เดินไปตามทางที่ทอดยาวพร้อมกับการเปิดประตูห้องเข้าไปดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในขณะที่เปิดประตูเข้าไปภายในห้องๆ หนึ่ง ใครบางคนก็พุ่งกระโจนเข้าใส่ คนๆ นั้น เตะตัดขา แล้วกลิ้งตัวหลบยามเขาล้มลง ในขณะที่บารอนเองก็หมุนตลบพลิกกายอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันจะทรงตัวได้ดี บ่ากว้างก็ถูกกระชากดึงให้หงายหลังล้มลงอีกครั้ง พร้อมกับใครบางคนที่ขยับขึ้นมานั่งทับกาย สองมือยันอยู่ที่ข้างศีรษะ แต่มีบางสิ่งพาดผ่านที่ลำคอ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็ได้สบกับดวงตาสีฟ้าส่อแววอาฆาตมาดร้ายหมายเอาชีวิต
บารอนยกมือขึ้นจับข้อมือเล็กที่อยู่ข้างศีรษะ แล้วเอ่ยปากด้วยเสียงแหบพร่า พยายามเค้นเสียงของตน ต่อสู้ดิ้นรนกับเส้นเอ็นที่พาดลำคอ
“ตัว... อึก! เล็ก...” เพียงเท่านั้นคนบนร่างก็ชะงักไป ดวงตาทอแสงอ่อนลง ก่อนที่แรงกดทับจะจางหายไปและถูกแทนที่ด้วยหยาดน้ำตา
“ฮึก! ฮืออออ” เอวาน้ำตาไหลพรากอย่างน่าสงสาร น่าแปลกที่น้ำหนักของเส้นเอ็นที่พาดผ่านลำคอหายไปแล้ว แต่กลับพบว่าน้ำตาเพียงไม่กี่หยดบนหน้าอกนั้นหนักอึ้งยิ่งกว่า จนอดไม่ได้ที่จะจับดึงแขนเด็กตัวเล็กให้ทรุดตัวลงนอนทับบนอกแกร่ง สองแขนโอบอุ้มประคองกอดรัดเอาไว้แน่น ยอมให้เด็กน้อยใช้อกของตนต่างผ้าซับน้ำตา ฝ่ามือของบารอนลูบไล้เส้นผมสีดำนุ่มมือ ริมฝีปากกระซิบถ้อยคำปลอบโยน รอจนกระทั่งเด็กน้อยสงบลง จึงยอมปล่อยตัวออกจากอ้อมแขน
“ออกไปกันเถอะค่ะ ไมค์กับโรมีโอเป็นห่วงแย่แล้ว” เอวาพยักหน้ารับรัวๆ ทั้งน้ำตา ก่อนจะพากันลุกขึ้นยืน บารอนส่งน้ำขวดเล็กที่ติดอยู่ในกระเป๋า เอาไว้ให้น้องน้อยดับกระหาย พร้อมกับซีเรียลบาร์แท่งเล็ก เพราะไม่รู้ว่าเอวาถูกสั่งให้อดข้าวหรืออาหารหรือไม่ ดังนั้นทีมค้นหาทุกคนจึงติดชุดอาหารแบบนี้เหมือนกันทุกคน เผื่อว่าได้เจอคุณหนูของบ้าน ก็ยังพอช่วยประทังความหิวโหยออกไปได้
เอวารับมาทานอย่างไม่อิดออด แม้ว่าจะถูกลักพาตัวมาไม่นาน แต่ก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหลายมื้อ พอได้ทานอะไรลงท้องเสียบ้าง หน้าท้องผอมบางก็เลิกส่งเสียงประท้วง บารอนยกนิ้วมือเกลี่ยแก้มใสอย่างหยอกล้อ แล้วจึงพากันเดินออกจากห้อง
คล้อยหลังประตูปิดลงเพียงไม่นาน เสียงสนั่นหวั่นไหวราวสายฟ้าฟาดก็ดังขึ้นไปทั่วทุกพื้นที่ จนทำให้หูนั้นอื้ออึง แต่การตอบสนองของร่างกายก็ยังมีมากกว่า เมื่อทันทีที่เสียงดังก้อง บารอนก็ตวัดแขนรับเอาเด็กน้อยเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ก่อนที่พื้นที่ยืนอยู่จะทรุดตัวลงไป พร้อมๆ กับบางสิ่งที่ตกกระทบเข้ากับแผ่นหลัง ทำให้บารอนถึงกับหมดสติไปในทันที
“เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นแบบนี้แหละครับ” โรมีโอพยักหน้ารับ พร้อมกับเอ่ยบอก
“คุณบารอนนอนพักอีกสักหน่อยก็ได้ครับ คุณพึ่งจะฟื้น น่าจะเพลียอยู่มาก ได้พักอีกสักนิดน่าจะดี”
“ผม......”
“ครับ?”
“ผมขอไปนอนข้างๆ ได้เอวารึเปล่า” คนที่บารอนพูดด้วยไม่ใช่โรมีโอ หากแต่เป็นไมเคิลที่ยังคงนั่งมองน้องน้อยนิ่งๆ ราวกับขออนุญาต โรมีโอเห็นเช่นนั้นก็พยักหน้ารับ
“ได้ครับ ผมจะจัดการให้นะครับ” สิ่งที่โรมีโอทำให้นั่นก็คือการย้ายเตียงของบารอนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม กลายมาเป็นฝั่งเดียวกันกับเอวาและไมเคิล โดยที่จัดให้บารอนได้นอนติดกับเอวา จนสามารถขยับข้ามเตียงไปนอนร่วมกันได้
ไมเคิลที่เห็นเช่นนั้นไฟโทสะในใจพลันลุกโชนโชติช่วง ตวัดสายตามองโรมีโออย่างดุดัน แสดงถึงความไม่ยินยอม ทำให้โรมีโอเลิกคิ้วขึ้น เอ่ยปากด้วยเสียงเนิบช้า
“มีอะไรรึเปล่าครับ?”
“ทำไม.....”
“ครับ?”
“ทำไมมันถึงได้นอนติดกับเอวา.......” พูดพร้อมกับชี้นิ้วไปหาบารอน ที่ไม่สามารถขยับตัวได้ แต่มือข้างหนึ่งก็กอบกุมมือเล็กเอาไว้ไม่ห่าง ในขณะที่ไมเคิลนั้นถูกจัดให้นอนเว้นระยะห่าง ตรงกลางว่างไว้ ไม่ได้นอนเตียงติดกันเช่นบารอน
“เพราะคุณไม่ใช่คนรักของเอวา..... และเพราะผมพอใจที่จะทำแบบนี้..... คุณมีปัญหางั้นหรือไมเคิล” ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงทรงพลัง ดวงตาเหลือบมองคนที่นั่งทำหน้ายักษ์อยู่บนเตียง ไมเคิลทำเพียงกำมือเอาไว้แน่น แล้วสะบัดหน้าหันหนีไปอีกทาง ไม่ยอมมองหน้าใครทั้งสิ้น
โรมีโอไม่ได้สนใจไมเคิลอีก แต่เอาใจไปดูแลเอวาและบารอนเป็นหลัก ความรู้สึกขอบคุณและสำนึกในบุญคุณยังคงหลงเหลือ เพราะบารอนช่วยชีวิตน้องของตนเอาไว้ น้องชายเพียงคนเดียวที่เหลือรอดมาได้จากการกระทำอันโหดร้ายของมนุษย์.....
หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดไมเคิลก็ได้รับอนุญาตให้กลับไปพักผ่อนที่บ้านได้ โรมีโอเป็นคนจัดการทุกอย่างให้พร้อมสรรพ รวมถึงการขับรถกลับบ้านหลังใหญ่ที่ถูกผลัดเปลี่ยนเจ้าของ โรมีโอนั่งรออยู่บนรถในตำแหน่งสารถี ไมเคิลเปิดประตูที่ด้านหลัง ก้าวขาขึ้นนั่งด้วยความเคยชิน แต่จนแล้วจนรอด รถก็ยังไม่ขยับเคลื่อน เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็ได้สบกับดวงตาสีฟ้าสดใสที่มองจ้องมานิ่งๆ เอ่ยปากเสียงเนิบช้าถึงสาเหตุที่ยังไม่ออกรถ
“ดูเหมือนว่าคุณจะลืมไปอีกแล้วนะครับ ว่าคุณเป็นใคร.... และผมเป็นใคร.....”
“.....”
“ย้ายมานั่งข้างหน้า ไม่อย่างนั้นก็ลงจากรถไปแล้วไม่ต้องเสนอหน้ามาให้เห็นอีก.....” พูดจบโรมีโอก็นิ่งเฉยอย่างใจเย็น ไมเคิลมองจ้องจนแผ่นหลังแทบทะลุ มือกำหมัดเอาไว้แน่น กัดฟันกรอด คนอย่างเขาไม่สิ้นไร้ไม้ต่อ หากเขาจะไป ย่อมมีหนทางให้เดิน เพียงแต่ใครคนหนึ่งที่ยังคงไม่ได้สติ และไมเคิลเอาแต่คำนึงหา จนอดไม่ได้ที่จะเลื่อนสายตามองที่ชั้นบนสุดของโรงพยาบาล โรมีโอก็เอ่ยขึ้นมาหนึ่งคำเป็นการดักทาง
“อย่าหวังว่าจะได้เจอเอวา หากไปแล้วก็ไปลับ ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่ยินยอมให้คุณได้พบ”
“นาย.....” ไมเคิลกัดฟันกรอดอย่างอดทน ทำให้โรมีโอเอี้ยวตัวหันไปมอง
“คุณรู้จักผมดีไมเคิล คุณรู้ว่าอะไรที่ผมสามารถทำได้และทำไม่ได้ คุณคงรู้ว่าการที่ผมจะซ่อนใครคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องยาก เวลาของผมมีไม่มาก เลือก.....” ไมเคิลกำมือจนตัวสั่น ก่อนจะหุนหันเปิดประตูรถออกไป ปิดลงดังปังเสียงดังสนั่น แล้วขยับร่างเปิดประตูข้างคนขับ ทิ้งตัวลงนั่งบนเบาะรถจนตัวรถโยกคลอน
โรมีโอกระตุกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ แล้วจึงค่อยๆ ถอยรถออกอย่างช้าๆ ขับมุ่งตรงกลับบ้านโดยมีบอดี้การ์ดคอยประกบหน้าหลังอย่างแน่นหนา เมื่อกลับมาถึงบ้าน โรมีโอก็เดินนำออกไปก่อน มุ่งตรงไปที่ห้องคิงอย่างมั่นคง โดยมีไมเคิลเดินตามหลังมาติดๆ ชายหนุ่มชะงักไปชั่วครู่ หันมามองไมเคิลที่อยู่ด้านหลัง เอ่ยปากบอกเสียงราบเรื่อยไร้ความรู้สึกใด
“ต่อไปนี้ห้องคิงคือห้องของผม ห้องควีนของเอวา ส่วนของคุณนั้นคือห้องโพธิ์แดง.....” ทันทีที่ได้ยิน ใบหน้าของไมเคิลก็พลันมืดครึ้ม ห้องนอนของเขาคือห้องโพธิ์แดงอย่างนั้นหรือ..... บังอาจเกินไปแล้ว!!!
“เหมือนนายจะลืมไป..... สายเลือดของฉัน...... มีความสำคัญอย่างไร......”
“อ้อ งั้นหรือครับ งั้นก็ไปซะสิ” โรมีโอพูดอย่างไม่ใส่ใจ เอื้อมมือเปิดประตูห้อง ก่อนที่บานประตูจะปิดลง ชายหนุ่มชะงักไปชั่วครู่เอ่ยปากสั่งการ
“ใส่ชุดที่เตรียมไว้นะครับ คืนนี้คุณต้อง ปรนนิบัติ ผม.....”
Michael Part“ใส่ชุดที่เตรียมไว้นะครับ คืนนี้คุณต้อง ปรนนิบัติ ผม.....”ตึง!บานประตูปิดลงไปแล้ว หากแต่ไมเคิลยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้อง ความโกรธาสุมอกจนแทบคลั่ง จวนเจียนจะระเบิดออกมาอยู่รอมร่อ จนอดไม่ได้ที่จะยกฝ่าเท้าขึ้นยันประตูเพื่อเป็นการระบายอารมณ์อย่างเสียกิริยา ชายหนุ่มกำมือเอาไว้แน่น หมุนกายหันหลังเดินออกเขาเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ มีหรือจะไม่รู้ว่ามีที่ใดให้นอนได้บ้าง ดังนั้นแล้วชายหนุ่มจึงเดินไปทั่วคฤหาสน์ด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง ใครก็เข้าหน้าไม่ติด ยิ่งเมื่อไมเคิลได้ลองบิดประตูลูกบิดในทุกๆ ห้อง ก็พบว่าแต่ละห้องนั้นลงกลอนไปหมดแล้ว ทำให้ไม่สามารถเปิดได้ หากไร้ซึ่งลูกกุญแจ“เหอะ” ไมเคิลแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ ในขณะที่ดวงตาคมกล้าสอดส่ายหาอุปกรณ์ไปทั่วพื้นที่ ขอแค่มีอุปกรณ์ ก็สามารถสะเดาะกุญแจได้ง่ายๆ แต่น่าเสียดายที่มันไม่มี.....ไมเคิลได้แต่เดินหงุดหงิดงุ่นง่านไปทั่วคฤหาสน์ จนสุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่ห้องคิง หยุดยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน เมื่อลองขยับลูกบิดประตูก็พบว่าถูกล็อกไว้อยู่เช่นกัน ดังนั้นแล้วจึงลองเดินไปที่ห้องอัศวิน อันเป็นห้องเดิมของโรมีโอ และผลนั้นก็คือเช่นเดิม.....ไมเค
Romeo Partโรมีโอปรือตาขึ้นช้าๆ หลังจากผ่านศึกหนักบนเตียงใหญ่ สิ่งที่เห็นไม่ใช่คนที่นอนรวมเตียง แต่เป็นความว่างเปล่าที่เย็นชืด ชายหนุ่มผุดตัวลุกนั่งช้าๆ ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยร่องรอยของความรุนแรง ตามเนื้อตัวแขนขาเป็นรอยม่วงช้ำ ผสมปนเปไปกับคราบรักที่พ่นรดร่างกายจนเหนียวเหนอะหนะโรมีโอหันมองไปรอบกายเพื่อหาใครบางคน เมื่อไม่พบจึงฝืนลากขา พาร่างที่สั่นสะท้านทุกครั้งยามก้าวเดิน ไปจนถึงห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องโพธิ์แดงประตูถูกเปิดออกช้าๆ ทำให้เห็นว่ามีใครบางคนกำลังนั่งแช่น้ำอยู่ ไมเคิลตวัดสายตาหันมามองด้วยความเฉยชา ไม่แม้แต่จะเข้ามาช่วยพยุงแม้จะเห็นว่าโรมีโอซวนเซจะล้มลงจนต้องจับกำแพงไว้เพื่อพยุงตัวก็ตามทีโรมีโอเค้นยิ้มให้ตัวเอง ก่อนจะฝืนพาร่างไปยืนอยู่ใต้ฝักบัว เปิดให้สายน้ำอุ่นร้อนรินรดกาย ความแสบสันแล่นพล่านไปทั่วกายจนชายหนุ่มต้องขบฟันเอาไว้แน่น ปล่อยให้ร่างกายเริ่มคุ้นชิน สายธารอุ่นขับไล่ความเมื่อยล้าตามเนื้อตัวและคราบคาวขุ่นออกไปจนหมดสิ้น ชายหนุ่มอาบน้ำอย่างเชื่องช้า แม้ว่าจะมีไมเคิลอยู่ในห้องน้ำด้วยก็ตามทีจนกระทั่งอาบน้ำเสร็จสิ้น โรมีโอก็ปรายตามองชายที่มีรอยสักรูปมังกรคำรามภายในอ่างน้ำ
เอวาใช้เวลารักษาตัวต่ออีก 2 สัปดาห์หลังจากฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล โดยมีโรมีโอและไมเคิลคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ส่วนบารอนนั้นต้องพักรักษาตัวต่ออีก 1 เดือน เพราะมีการตัดอวัยวะภายในออกไปบางส่วน ทำให้ไม่สามารถออกแรงได้ อาหารการกินจำกัดลดลงดังนั้นแล้วไมเคิลและโรมีโอจึงไปๆ มาๆ ระหว่างบ้าน บริษัท และโรงพยาบาล โดยเวลาในช่วงกลางวันจะอยู่ที่บริษัท มีโรมีโอคอยชี้นิ้วสั่งงาน ส่วนไมเคิลนั้นมีหน้าที่ก้มหน้าทำตามคำสั่ง เมื่อมาที่โรงพยาบาล ไมเคิลก็ปรี่เข้าไปดูแลน้องน้อย คอยถามคะขาอยู่ไม่ห่าง นั่งจับมือเอาไว้ตลอดเวลาจนกระทั่งถึงเวลาเดินทางกลับ ส่วนโรมีโอนั้นก็ผละออกไปดูแลบารอนบ้างเล็กน้อย และใช้เวลากับคนทั้งสองในการพูดคุยเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างวันในคราแรกที่เอวาตื่นมาและได้พบหน้าของไมเคิล เด็กน้อยพลันร้องไห้โฮ โผเข้ากอดคนพี่เอาไว้แน่น พร่ำบอกขอโทษไม่หยุดปาก ไม่ต่างกันกับไมเคิล ที่โทษว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นมาจากตนเอง ทำให้น้องน้อยต้องได้รับอันตรายไปด้วย ทั้งสองคนต่างพร่ำขอโทษกันและกันไปมา สลับกับเสียงสะอื้นไห้ของเอวา จนโรมีโออดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปลูบกลุ่มผมนุ่มนั้นอย่างปลอบใจ รอยยิ้มบางเบาถูกจุด
Michael Partย้อนกลับไปตอนก่อนหน้า......ไมเคิลถูกจับแยกกับน้องน้อยตั้งแต่ที่โรงพยาบาล ทำให้หงุดหงิดขัดใจเป็นอย่างมาก ตลอดการเดินทางดวงตาคมกล้าสองสีมองจ้องรถที่น้องน้อยนั่งอยู่ไม่ละสายตาแต่แล้วคิ้วคู่คมก็ต้องขมวดเข้าหากันแน่น เมื่อพบว่ารถที่โรมีโอและน้องน้อยนั่งนั้นขับแยกไปอีกทางอย่างผิดวิสัย“หยุดรถ!” ชายหนุ่มออกปากสั่งการในทันที หากแต่รถยนต์นั้นยังคงมุ่งไปในทิศทางที่คุ้นเคยโดยที่ความเร็วไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย ไมเคิลชักปืนออกมายกขึ้นจ่อไปที่คนขับ ร้องตวาดเสียงดังก้องไปทั่ว“ฉันบอกให้หยุดรถ!!!”กึก!ในตอนนั้นเองที่หน้าต่างด้านหลังเปิดขึ้นทั้งสองบาน คนขับรถยังคงทำหน้าที่ของตนได้อย่างดีเยี่ยม ขับรถด้วยความเร็วสม่ำเสมอ หากแต่ตอนนี้ คนที่นั่งข้างคนขับ และบอดี้การ์ดสองคนที่นั่งประกบคู่กับเขายกปืนขึ้นจ่อ นอกจากนี้แล้วยังมีรถคันข้างๆ อีกคันละสองคนที่เล็งปืนมาหา เรียกได้ว่าตอนนี้ไมเคิลถูกปืนทั้ง 7 กระบอกมุ่งตรงมาที่ตนเองโดยไม่มีการยั้งมือ“คุณนั่งเงียบๆ จะดีกว่านะครับ ถ้าคุณยังยกปืนขึ้นจ่อแบบนี้ พวกผมเองก็คงลดปืนลงไม่ได้เช่นกัน” เสียงคนขับรถพูดขึ้น ทำให้ไมเคิลกัดฟันกรอด“โคลด์.....” เจ้าของชื่
ไมเคิลใช้เวลาหนึ่งเดือนเต็มในการค้นหาตัวน้องน้อย ซึ่งเป็นหนึ่งเดือนแห่งความล้มเหลว......ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่ ใบหน้าของไมเคิลยิ่งมืดครึ้ม ร่างกายที่เคยแข็งแกร่งกำยำสมส่วนกลับกลายเป็นซูบซีดผอมบางลงอีกหลายระดับ ไมเคิลถึงขั้นไม่กินไม่นอน ใต้ตาดำคล้ำใบหน้าทรุดโทรมกว่าไมเคิลจะหาคนมาทำหน้าที่กู้ข้อมูลของโอเว่นได้ก็กินเวลาไปกว่า 3 สัปดาห์ และถึงแม้จะได้คนมาก็ยังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ในการแกะรอย จนทำให้ไมเคิลความอดทนต่ำลงทุกที นอกจากนี้แล้วทางฝั่งขององค์ราชินีเองก็ไร้วี่แววว่าจะพบตัวเอวา ราวกับว่าบุคคลทั้งสองหายตัวไปเฉยๆแม้แต่กระทั่งกับบารอนเองก็ยังออกตามหาเอวาอย่างบ้าคลั่ง หอบร่างพังๆ กลับมาบัญชาการหลังจากผ่านไป 3 วัน ที่ไม่สามารถติดต่อกับเอวาได้เช่นกัน ไม่มีแม้แต่สายเรียกเข้าที่เขารอคอย ทำให้บารอนดิ้นรนออกจากโรงพยาบาล แม้ว่าตัวเองจะบาดเจ็บหนักอยู่ก็ตามที ทำให้ตอนนี้ทั้งไมเคิลและบารอนหันกลับมาร่วมมือกันในการออกตามหาเอวา จนไมเคิลอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าโรมีโอใช้วิธีใดในการกีดกันน้องน้อยเอาไว้ได้ขณะนี้ไมเคิลกำลังนั่งอยู่บนรถที่กำลังมุ่งตรงไปยังสถานที่แห่งหนึ่งอย่างมั่นคง แม้ใจของเขาจะอยากล
“โรมีโอ.......”ไมเคิลเอ่ยปากครางเรียกชื่อของอีกฝ่าย ทำให้โรมีโอหันหน้ามามองคนที่ยืนอีกฝั่งของประตูรถยนต์ อดีตผู้ช่วยหนุ่มทำเพียงเลิกคิ้วมอง แล้วจึงหันไปมององค์ราชินีเชิงเป็นคำถาม“เห็นใจฉันเถอะเด็กน้อย หลานของฉันย่ำแย่เต็มที....” องค์ราชินีลูบเส้นผมของโรมีโอเบาๆ ขณะที่เหลือบมองไมเคิลไปพลาง แล้วจึงถามหาใครอีกคนแทน“เอวาอยู่ที่ไหนเสียล่ะ”“ทำแผลให้กับบารอนอยู่พ่ะย่ะค่ะ” ไมเคิลขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เหลือบมองบุคคลทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็คลับคล้ายคับคลาว่าจะเข้าใจอะไรบางอย่างอยู่ในที“ฉันจะเข้าไปหาตัวเล็กสักหน่อย พวกเธอคุยกันเถอะ” โรมีโอก้มหน้าลงคล้ายกับการน้อมรับคำสั่ง ในขณะที่องค์ราชินีเดินเข้าไปภายในคฤหาสน์ ส่วนกันนาร์นั้นยืนละล้าละลัง ตามหน้าที่ของเขาจำต้องเดินตามพระองค์ไป หากแต่ใจของเขากลับอยากยืนอยู่ที่นี่ ที่ข้างๆ โรมีโอ คอยช่วยดูแลสอดส่อง เผื่อว่ามีการลงไม้ลงมือเกิดขึ้นโรมีโอผุดตัวลุกขึ้นโดยที่มีกันนาร์ยื่นมือให้ใช้ยึดจับยันตัว ดังนั้นแล้วชายหนุ่มจึงเอ่ยปากบอกขอบคุณเบาๆ พร้อมกับร้องบอก“ขอบคุณครับ คุณตามพระองค์ไปเถอะครับ ผมอยู่ได้” โรมีโอพูดพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนบางให้กับกันนาร์
“ตัวเล็กเป็นน้องแท้ๆ ของคุณ......”“!!!”“น้องที่มีสายเลือดเดียวกัน.....”สิ้นคำพูดนั้นของอดีตผู้ช่วยหนุ่ม ทั่วทั้งห้องพลันตกอยู่ในความเงียบงัน แม้แต่เสียงลมหายใจก็แลดูคล้ายว่าจะเลือนหายไปชั่วขณะ โรมีโอพูดด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความจริงจังในน้ำเสียงนั้น และเพราะถ้อยคำนั้นเองที่ทำให้ไมเคิลถึงกับนิ่งอึ้ง ดวงตาเบิกกว้าง ไม่ต่างกันกับเอวาที่ผละตัวออกจากโรมีโอแล้วเงยหน้าขึ้นมองด้วยความรวดเร็วโรมีโอสูดลมหายใจเข้าลึก ประคองน้องน้อยให้ลุกขึ้นจากพื้น เอ่ยปากเสียงเย็นกับคนที่ยังคงนิ่งอึ้งอยู่บนเตียง“คุณออกไปก่อนนะครับ เราจะคุยกันหลังจากนี้” โรมีโอพูดด้วยเสียงเด็ดขาด ไมเคิลลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เดินตัวลอยออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบ สติของชายหนุ่มขาดหายไปแล้วในช่วงเวลานี้ ในขณะเดียวกันโรมีโอก็ประคองน้องน้อยให้กลับไปนั่งบนเตียงพร้อมกับการลูบหลังปลอบใจ กอดรัดเอาไว้แน่นกระซิบถ้อยคำปลอบโยน สลับกับการใช้มือไล้ปาดหยาดน้ำตาออกจากดวงหน้าหวานที่ฉ่ำชื้น ประตูปิดลงอย่างเงียบงัน ทิ้งไว้เพียงเสียงสะอื้นของน้องน้อยที่ลอดออกมาจากห้องไมเคิลเดินออกมาจากห้อง ก้าวขาลงบันไดอย่างสติเลื่อนลอย แล้วจึงเดินไปทรุดตัวนั่ง
Romeo Partโรมีโอมองตามหลังคนที่หมุนกายเดินออกจากห้องไปเงียบๆ บนตักของตนมีน้องน้อยที่ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น กอดรัดเขาเอาไว้แน่น จนชายหนุ่มต้องยกมือขึ้นสูง ลูบแผ่นหลังเล็กบางนั้นแผ่วเบา สลับกับการกอดปลอบและโยกตัวราวกับกำลังปลอบใจเด็กน้อยที่มีอายุเพียงไม่กี่ขวบ“ฮึก! หนะ หนูเกิดมาจากความผิดพลาดหรอ...... ฮืออออ” เอวาร้องถามมือหนึ่งยกขึ้นปาดน้ำตา ในขณะที่อีกมือนั้นจับเสื้อสูทของโรมีโอเอาไว้แน่น“ไม่ใช่ค่ะ ตัวเล็กเกิดขึ้นจากความตั้งใจของคนเป็นพ่อนะ”“ฮึอ ตะ แต่ ฮือออ แต่แม่ไม่ต้องการหนู ฮือออ” เอวาพูดทั้งน้ำตา ร่ำไห้ปานจะขาดใจ ทำให้โรมีโอต้องเอ่ยปากอีกครั้งอย่างอ่อนโยน“ถ้าแม่ไม่ต้องการ ตัวเล็กจะได้เกิดมาหรอคะ ถึงแม้พ่ออาเธอร์จะช่วยพูดเอาไว้ แต่ถ้าแม่ไม่รักตัวเล็กจริงๆ หนูคงไม่ได้มานั่งอยู่บนตักพี่อย่างนี้” โรมีโอพูดพร้อมกับยกนิ้วจิ้มปลายจมูกแดงก่ำอย่างหยอกล้อ“ตัวเล็กร้องไห้ได้ค่ะ แต่พี่ให้ร้องแค่วันนี้นะ ร้องจนกว่าตัวเล็กจะพอใจเลย หลังจากนั้นยิ้มให้พี่เยอะๆ ยิ้มมากๆ เท่าที่จะมากได้ อย่าให้เป็นพี่ที่เป็นคนพรากรอยยิ้มของตัวเล็กไปเลยนะ” โรมีโอพูดพร้อมกับยกนิ้วโป้งขึ้นไล้เกลี่ยริมฝีปากบางไป
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา