Michael Part
“อือ......” เสียงครางแหบพร่าดังขึ้นจากในลำคอของชายหนุ่ม ทำให้โรมีโอที่นั่งทำงานอยู่ตรงโซฟาเงยหน้าขึ้นมองในทันที เห็นบอสของตนแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา คิ้วขมวดหมุน ด้วยความเป็นห่วง จึงถอดแว่นออกวางลงบนโต๊ะ แล้วขยับเดินเข้ามาดูใกล้ๆ เห็นเปลือกตาของคนเป็นนายขยับไปมาคล้ายว่าจะตื่นขึ้นในไม่ช้า ทำให้โรมีโอมองจ้องด้วยใจจดใจจ่อ
“อึก เอวา....” เสียงเรียกแหบพร่าแต่ทำให้คนมองเผยรอยยิ้มกว้างด้วยความโล่งใจ
เพราะไมเคิลไม่ได้อยู่ใกล้กับจุดระเบิด แต่ก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย แรงระเบิดนั้นอัดกระแทกร่างจนกระเด็นทะลุหน้าต่างออกมาที่ด้านนอก กระแทกเข้ากับต้นไม้และหมดสติลง ดังนั้นแล้วบาดแผลตามตัวถือว่าไม่ร้ายแรงเท่าไหร่นักถ้าเทียบกับบาดแผลจากการต่อสู้ครั้งที่ผ่านๆ มา เพียงแต่ครั้งนี้ถึงกับหมดสติ จึงใช้เวลาหนึ่งวันเต็มในการฟื้นตื่นขึ้นจากนิทรา
โรมีโอกุลีกุจ่อหันไปเทน้ำและเสียบหลอดใส่แก้วอย่างว่องไว ปรับเตียงของเจ้านายให้เอนขึ้นเล็กน้อย ขยับเข้าไปใกล้พร้อมร้องเรียก
“บอสครับ ดื่มน้ำก่อนครับ” ไมเคิลยอมดื่มน้ำอย่างว่าง่าย เพราะยังคงมึนงงจากการนอนหลับเป็นระยะเวลายาวนาน หลังจากที่ความชุ่มฉ่ำไหลผ่านลงคอไปแล้ว คล้ายว่าจะได้สติขึ้นมาบ้าง ทำให้ดวงตาคมกล้าปรับโฟกัสสายตา เห็นใบหน้าของผู้ช่วยคนสนิทชัดเจน ก่อนจะมองไปรอบๆ ห้องด้วยความไม่คุ้นเคย จนกระทั่งสายตาไปสะดุดลงกับบางสิ่ง
“ตัวเล็ก.....” เพียงเท่านั้น ชายหนุ่มก็ผุดตัวลุกนั่งอย่างรวดเร็ว หากแต่โรมีโอก็กดลงที่หน้าอกของบอสหนุ่มไว้เบาๆ
“คุณหนูปลอดภัยแล้วครับ บอสอย่าพึ่งขยับตัวดีกว่าครับ”
“ปล่อย.....” น้ำเสียงเย็นชา มาพร้อมกับสายตาคมกล้าดุดัน โรมีโอถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยปากบอกอย่างจำยอม
“บอสรอสักครู่นะครับ” ว่าจบโรมีโอก็เดินออกไปจากห้อง แต่ไมเคิลไม่ได้ทำตามคำบอกนั้น กลับกระชากสายน้ำเกลือออกจากข้อมือ ตวัดผ้าห่มไปให้พ้นทาง แล้วขยับตัวลงจากเตียง ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วกายทันทีที่ฝ่าเท้าสัมผัสกับพื้นกระเบื้องเย็นเหยียบ แต่กระนั้นชายหนุ่มก็ยังคงพยายามก้าวย่างไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปถึงเตียงที่มีคนตัวเล็กนอนหลับใหล
ไมเคิลทรุดตัวนั่งลงบนเตียงที่ด้านข้าง ยกมือลูบไล้เกลี่ยผิวแก้มขาวซีดของน้องน้อย โน้มตัวลงเล็กน้อยแล้วประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากซีดจางนั้นอย่างถนอมแผ่วเบา แล้วผละออกพร้อมพูดถ้อยคำ
“ขอบคุณที่ยังอยู่กับพี่นะคะ ขอบคุณที่ตัวเล็กยังมีชีวิต....” โรมีโอที่หายออกไปจากห้องกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมรถเข็น แล้วก็ต้องทอดถอนหายใจ เมื่อบอสไม่ฟังคำร้องขอ แต่กลับพยายามฝืนร่างกายมาจนถึงเตียงของคุณหนูตัวเล็กเสียได้ เมื่อไม่สามารถห้ามปรามได้ จึงนำรถเข็นไปเก็บไว้ที่มุมหนึ่งของห้อง แล้วจึงเดินอ้อมมาหาบอสใหญ่ที่นั่งอยู่บนเตียงเดียวกันกับเอวา
“ตัวเล็ก.... แก้วตาดวงใจของพี่.....” ไมเคิลยังคงพึมพำไม่หยุด ฝ่ามือลูบไล้ใบหน้าหวานล้ำที่บัดนี้ซีดเผือด แล้วขยับเข้าไปกดจมูกลงบนแก้มนุ่มนิ่มอีกครั้งอย่างอดใจไว้ไม่ไหว ไมเคิลเกือบจะเสียคนๆ นี้ไปแล้ว คนที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของตน
ในตอนที่ถอนใบหน้าออก หัวคิ้วของไมเคิลกลับขมวดหมุน เงยหน้าขึ้นมองโรมีโอที่ทอดมองสายตาอาทรคนตัวเล็กไม่ต่างกัน
“เอวามีแผลที่ไหนบ้าง” โรมีโอกะพริบตาหนึ่งครั้งด้วยความแปลกใจ แล้วจึงเอ่ยตอบ
“หมอแจ้งว่าไม่มีนะครับ มีแค่รอยฟกช้ำที่แผ่นหลัง” สิ้นคำนั้น ไมเคิลก็เลิกผ้าห่มของน้องน้อยออกอย่างช้าๆ ก่อนจะจับประคองให้คนตัวเล็กค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง จับศีรษะให้เอนพิงซบอกของตนเองก่อนจะเบนสายตามองไปที่แผ่นหลังเล็ก เพียงเท่านั้น บางสิ่งบางอย่างก็ปรากฏแก่สายตา ทำให้ไมเคิลร้องตะโกนสั่งเสียงดังลั่น
“ไปตามหมอมา!!!!” สิ้นคำสั่งโรมีโอก็หมุนกายหันหลังวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วด้วยหัวใจที่เต้นระรัวด้วยความหวาดกลัว สิ่งที่ไมเคิลพบนั้นไม่ใช่แผ่นหลังขาวนวลที่มีรอยม่วงช้ำ แต่กลับเป็นเสื้อผู้ป่วยที่มีรอยเลือดซึมเป็นวงกว้าง และเลือดเหล่านั้นยังซึมเปื้อนไปบนเตียงสีขาวสะอาดตาจนกลายเป็นภาพที่ไม่น่ามอง ตอนที่ก้มลงหอมแก้มน้องน้อย ชายหนุ่มได้กลิ่นคาวคลุ้งฉุนกึกลอยขึ้นจมูก จึงคาดเดาเอาว่าน้องน้อยน่าจะมีแผลใต้ร่มผ้าอาการคงจะสาหัสน่าดู แต่กลับพบว่าไม่ใช่.....
ใบหน้าของเอวาที่ซุกซบอยู่บนแผ่นอกนั้นทำให้ไมเคิลร้อนใจจนแทบบ้า ตามเนื้อตัวของน้องน้อยนั้นร้อนผะผ่าว แต่ตามผิวเนื้อกับเย็นชื้นเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ริมฝีปากซีดจางผิวหน้าไร้สีเลือด
“ตัวเล็ก! ตัวเล็กคะ! ตัวเล็กได้ยินพี่ไหมคะ!” ไมเคิลอดไม่ได้ที่จะตบมือลงบนใบหน้าหวานล้ำนั้นแผ่วเบา ได้แต่นั่งมองบานประตูนั้นอย่างร้อนใจ จนกระทั่งหมอผู้ชายคนหนึ่งรีบร้อนเดินเข้ามาหา ไมเคิลก็ตวัดสายตาไปมองโรมีโอในทันที
“ไปตามหมอแอลมา!!” คำสั่งนั้นทำให้โรมีโอหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรออกอย่างรวดเร็ว ในขณะที่หมอผู้ชายคนนั้นยืนละล้าละลัง ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะยอมให้ตนเป็นคนรักษาหรือไม่
“ยืนบื้ออยู่ทำไม!! รีบมารักษาเขาเร็ว!” ไมเคิลตวาดออกมาอีกครั้งด้วยใบหน้าถมึงทึง จนคนเป็นหมอรีบร้อนเข้ามาดูอาการ เปิดเปลือกตาที่ปิดสนิทให้ลืมขึ้นพร้อมส่องไฟ แต่เพียงเท่านั้นไมเคิลก็แทบบ้า เมื่อดวงตาของน้องน้อยในตอนนี้เต็มไปด้วยเลือดจนดวงตาแดงฉาน หลังจากนั้นคนเป็นหมอก็รีบร้อนจับตัวเอวาให้นอนลงตามเดิม ร้องสั่งนางพยาบาลเสียงดังพร้อมกับเข็นเตียงออกไปด้วยความรวดเร็ว
“เตรียมทำซีทีสแกนและเอ็มอาร์ไอเร็วครับ!!” นางพยาบาลวิ่งนำล่วงหน้าไปก่อน ในขณะที่หมอและไมเคิลช่วยกันเข็นเด็กน้อยไปตามทิศทางอย่างรวดเร็ว ใจของชายหนุ่มเต้นรัวบ้าคลั่งรุนแรง แม้จะไม่รู้ว่าเด็กน้อยของเขาเป็นอะไรแน่ แต่จากอาการแล้วค่อนข้างรุนแรงเป็นอย่างมาก ภายในหัวสมองของชายหนุ่มเต็มได้ด้วยโรคหรืออาการต่างๆ ที่อาจเป็นได้อย่างรวดเร็ว
จวบจนกระทั่งเข็นมาถึงห้องสแกนและเอวาถูกพาเข้าไปอย่างรวดเร็ว ไมเคิลที่อยู่ในชุดผู้ป่วยเช่นกันหอบหายใจแรง ทั้งร่างซวนเซเกือบจะล้มลงกับพื้นหากไม่ได้คนมาช่วยประคองเอาไว้เสียก่อน
“บอสครับ!” โรมีโอร้องเรียกเสียงดัง แล้วจึงพาบอสของตนไปนั่งพักที่เก้าอี้ข้างกำแพง เอ่ยปากสั่งการด้วยเสียงแหบพร่า หอบสะท้าน
“เล่ามา... อึก ทั้งหมด...” หลังจากนั้นเรื่องราวมากมายก็ไหลบ่าเป็นสายน้ำ พร้อมกับใจคนฟังที่ร้อนรนขึ้นเรื่อยๆ จนไฟแทบสุมอก
“ไอ้หมอเวรนั่น!! ฉันจะไล่มันออก!!” ไมเคิลกัดฟันกรอดเมื่อได้ยินว่าหมอคนแรกที่ทำการรักษาเอวาบอกว่าน้องน้อยปลอดภัยดี มีบาดแผลแค่ที่ด้านหลังนั้นอย่างเคียดแค้น รู้ทั้งรู้ว่าน้องน้อยของเขาโดนระเบิดแถมยังตกมาจากที่สูง ทั้งถูกกระแทกและถูกกดทับ แต่กลับบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก ไม่รู้ว่าเอาสมองส่วนไหนคิด หรือซื้อใบปริญญามาหรือเปล่าก็ไม่ทราบ แต่สิ่งที่รู้แน่ชัดนั้นคือตัวเล็กของเขาตกอยู่ในอันตรายจากความสะเพร่าของคนบางคน!!
ไมเคิลกัดฟันกรอด กำมือเอาไว้แน่น หลังจากนั้นไม่นานก็เห็นประตูเปิดออกอย่างรุนแรง หมอและนางพยาบาลหลายคนรุมล้อมอยู่รอบเตียงของน้องน้อย แล้วเข็นผ่านหน้าเขาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ไมเคิลทะลึ่งตัวลุกพรวดเช่นเดียวกันกับโรมีโอ ทั้งสองหันมองหน้ากันเพียงชั่วครู่ แล้วรีบวิ่งตามไปในทันที
สุดท้ายแล้วจุดหมายปลายทางของน้องน้อยก็คือห้องผ่าตัด.......
คล้ายกับมีสัญญาณบางอย่างร้องเตือนอยู่ในหัวสมองของไมเคิลอยู่ตลอดเวลา เมื่อไม่สามารถไปร้องถามกับใครได้ จึงเอาแต่เดินวนเวียนอยู่หน้าห้องผ่าตัดนั้นด้วยใบหน้ากังวลเคร่งเครียด เดี๋ยวมืดครึ้มเดี๋ยวซีดจางสลับกันไปมา ในขณะที่โรมีโอต่อสายเป็นว่าเล่น เรียกตัวคนที่จะสามารถมาช่วยคุณหนูของตนได้ในเวลานี้ แถมยังเผื่อแผ่ไปยังบารอนที่มีคำสั่งให้ตรวจสอบอาการอย่างละเอียดอีกครั้งเป็นการป้องกัน
เวลาไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้าในความรู้สึกของคนรอ ยิ่งนานยิ่งเครียด ความเงียบตกอยู่รายล้อมตัว ไม่มีใครปริปากพูดอะไร ต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง
หนึ่งคนคิดว่าเป็นความผิดของตนที่เป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องแบบนี้ ทำให้น้องน้อยต้องได้รับอันตรายเลือดตกยางออก สุ่มเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต หากไม่ใช่เพราะตน น้องน้อยคงไม่ถูกจับตัวไป เพียงแค่จับตัวไปทรมานก็นับว่าแย่มากแล้วแต่นี่ยังถูกเคราะห์ซ้ำกรรมซัดโดนแรงระเบิดอีกหนจนตกลงสู่เบื้องล่าง ทำให้อาการน่าเป็นห่วงถึงเพียงนี้
หนึ่งคนคิดว่าเป็นความผิดของคนที่เฝ้าดูแลถนอมคุณหนูตัวเล็กของบ้านได้ไม่ดีพอ ไม่เอะใจในอาการที่เป็น ไม่เอะใจต่อคำวินิจฉัยอาการ ไม่ได้ติดตามเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด แต่กลับก้มหน้าก้มตาทำงานทั้งที่คุณหนูของตนนอนเจ็บปวดอยู่บนเตียงเพียงลำพังทั้งๆ ที่ห่างกันแค่เอื้อม
ปัง!
เสียงกระแทกประตูเปิดออกอย่างรุนแรง พร้อมกับนางพยาบาลผู้ช่วยประจำห้องผ่าตัดที่วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ตามเนื้อตัวนั้นเต็มไปด้วยเลือด เป็นอีกครั้งที่ไมเคิลและโรมีโอหันมองหน้ากันด้วยความกังวล ก่อนที่จะมีหมอคนหนึ่งเดินออกมาทั้งชุดผ่าตัดด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“ใครเป็นญาติผู้ป่วยครับ?”
“ฉัน/ผมครับ” คนเป็นหมอฟังแล้วก็พยักหน้ารับ เอ่ยถามต่อในทันที
“ในคุณสองคนมีใครมีกรุ๊ปเลือดอาร์เอชลบ (Rh-) ไหมครับ?” เมื่อได้ฟัง ไมเคิลก็ถึงกับนิ่งงัน ใบหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาในทันที คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น
เขาลืมไปได้อย่างไร ว่าน้องน้อยของเขา ‘พิเศษ’ เอวาไม่ได้มีกรุ๊ปเลือดธรรมดาเช่นคนปกติทั่วไป หากแต่เป็นอาร์เอชลบ เขาที่ถึงจะถือตัวว่าเป็นญาติ แต่ก็ไม่ใช้ทางสายเลือดโดยแท้ ทำให้กรุ๊ปเลือดไม่เหมือนกัน และเพราะแบบนั้น ทำให้น้องน้อยต้องถ่ายเลือดเก็บไว้เสมอ
ถ่ายเลือด......
“โรม.... ติดต่อไปที่โรงพยาบาลใหญ่ เรียกเอาเลือดสำรองของเอวามาโดยเร็วที่สุด!”
“ครับบะ-”
“คุณหมอคะ!! ทางเราติดต่อไปทางโรงพยาบาลต้นสังกัดแล้วค่ะ เขาแจ้งว่าเลือดสำรองของผู้ป่วยไม่พอ เพราะมีการเบิกออกไปใช้ครั้งก่อนหน้าและยังไม่มีการถ่ายเลือดเก็บไว้เพิ่มเติมค่ะ!” เพียงเท่านั้นใบหน้าของไมเคิลก็พลันมืดครึ้ม นึกถึงคำพูดของหมอสาวที่เป็นพึ่งเข้ามาทำหน้าที่ได้ไม่นาน เอ่ยเตือนเขาเรื่องนี้........
“สรุปแล้วระหว่างคุณสองคนมีใครเป็นอาร์เอชลบกรุ๊ปเดียวกับคนไข้ไหมครับ?”
“น้องของฉันป่วยเป็นอะไร......” ในตอนนี้เองที่คนเป็นหมอคล้ายพึ่งนึกขึ้นได้ รีบอธิบายรัวเร็ว
“ตอนนี้คนไข้มีอาการเลือดคั่งในสมองและทรวงอกครับ เราต้องทำการเจาะระบายเลือดออก ตอนนี้ก็กำลังดูดเลือดออกอยู่ แต่เพราะผู้ป่วยเสียเลือดมากจึงต้องการเลือดทดแทน ดังนั้นแล้วตอนนี้ระหว่างคุณทั้งสองมีใครมีเลือดอาร์เอชลบไหมครับ” ไมเคิลยืนกำหมัดเอาไว้แน่นอย่างคนอับจนหนทาง ความเงียบรายล้อมตัวอยู่ชั่วครู่ คนเป็นหมอมองเห็นท่าทีนั้นจึงเอ่ยปากต่อในทันที
“หากพวกคุณไม่มีใครมีเลือดกรุ๊ปนี้ก็มีอีกวิธีที่จะช่วยได้ คือการถ่ายเลือดปกติในกรุ๊ปเดียวกันเข้าไป แต่จะสามารถทำได้เพียงแค่หนึ่งครั้ง และอาจก่อให้เกิดการแอนตี้หมู่เลือดในภายหลัง ทำให้มีอาการอื่นแทรกซ้อน หากคุณต้องการผมจะ-”
“ผมครับ” โรมีโอพูดขัดขึ้นเมื่อไม่อาจทนฟังได้อีกต่อไป คุณหนูของเขากำลังทรมาน น้องน้อยของเขากำลังแย่.......
“ผมมีเลือดกรุ๊ปเดียวกันกับคนไข้ครับ” ไมเคิลขมวดคิ้ว หันมองโรมีโอด้วยความแปลกใจ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาชายหนุ่มไม่เคยแสดงออกเลยสักครั้งว่าตนเองมีกรุ๊ปเลือดพิเศษเช่นนี้ แถมยังดาหน้าเข้าสังหารศัตรูอย่างไม่มีเกรงกลัวเลยสักนิดว่าตนจะเป็นอันตรายจากความพิเศษนั้น
“งั้นเชิญทางนี้ครับ” คนเป็นหมอหันไปพยักหน้าให้นางพยาบาลให้พาไปทำการถ่ายเลือด โรมีโอเดินเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องปลอดเชื้อด้วยความรวดเร็วไม่รั้งรอ ถูกจัดให้นอนลงบนเตียง ในขณะที่ถูกเข็มเจาะเข้าที่เส้นเลือดพร้อมกับการต่อสายยาง
ชายหนุ่มมองเส้นสายนั้นจนมันผลุบหายเข้าไปใต้ผืนผ้า ม่านกันผืนใหญ่ที่ขวางตนกับคุณหนูของบ้านเอาไว้ทำให้ไม่สามารถมองเห็นกันได้ เนื่องจากเอวากำลังผ่าเปิดกะโหลกศีรษะเพื่อระบายเลือดออก ซึ่งเป็นภาพไม่น่าดู
แต่ถึงกระนั้นโรมีโอก็ยังอยากที่จะเห็น......
“ตัวเล็ก......” ถ้อยคำที่ใช้เรียกยามเอื้อเอ็นดูถูกเปล่งออกจากริมฝีปาก โรมีโอนอนให้เลือดอยู่นานมากราวหนึ่งชั่วโมง เนื่องจากต้องถ่ายเลือดให้ในระหว่างผ่าตัดและ ต้องถ่ายเลือดให้เพื่อใช้สำหรับเก็บสำรองในยามฉุกเฉินและหลังจากออกจากห้องผ่าตัดอีกจำนวนหนึ่ง
หลังจากที่ทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วชายหนุ่มก็พาร่างอ่อนระโหยโรยแรงของตนกลับมานั่งที่เดิม เอนศีรษะพิงซบกับกำแพงห้องผ่าตัดอย่างอ่อนล้า
“ไม่เห็นนายบอก......”
“มันไม่ใช่เรื่องสำคัญนี่ครับ” โรมีโอพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนบาง ความรู้สึกง่วงงุนและวิงเวียนศีรษะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่ทันรู้ตัว ที่หัวไหล่ทั้งสองข้างก็ถูกใครบางจับตรึงดึงรั้ง ให้เอนตัวนอนหงาย จนพบกับใบหน้าของคนๆ หนึ่ง ชายผู้มีนัยน์ตาสองสีและรอยสักมังกรคำรามที่ต้นคอดูทรงพลัง
“นอนพักก่อน.....” คำว่านอนพักนั้นคือบนตักแกร่งของคนเป็นนาย ทำให้โรมีโอเผยรอยยิ้มออกมาบางเบา ไมเคิลมองใบหน้าหวานล้ำแต่สุขุมลุ่มลึกชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำแผ่วเบา
“ขอบใจที่นายช่วยตัวเล็ก”
“คุณหนูก็เป็นน้องของผมเช่นกันครับ” โรมีโอพูดพร้อมกับค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง เมื่อไม่อาจฝืนความง่วงงุนและวิงเวียนศีรษะเอาไว้ได้
เวลาไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้าอีกนานนับชั่วโมง ใบหน้าของไมเคิลเริ่มไม่น่าดูมากขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่ไหลผ่าน แม้ว่าขาของตนจะชาหนึบจนไร้ความรู้สึก ก็ไม่ได้ทำการผลักไสศีรษะของคนที่มีเรือนผมสีน้ำตาลเป็นยวงนั้นเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งระยะเวลาหนึ่ง ดวงตาเรียวคู่งามก็เปิดปรือขึ้นอย่างช้าๆ
“บอส.....” โรมีโอครางเอ่ยเรียก ก่อนจะยันกายลุกขึ้น ยกมือคลึงนวดดวงตาไล่อาการมึนงงให้จางหายไป แล้วหันไปมองทางประตูห้องผ่านตัดพร้อมเอ่ยปากเสียงแผ่ว
“คุณหนู.....” พูดได้เพียงเท่านั้นก็ต้องหันไปที่ทิศทางหนึ่ง เมื่อเสียงรองเท้าที่มีส้นดังก้องกังวานกลางทางเดินด้วยความรีบร้อน ผู้มาใหม่นั้นก็คือแอล หมอสาวประจำกายของน้องน้อยนั่นเอง ในอ้อมแขนมีกล่องโฟมใบย่อมกอดเอาไว้แน่น
“บอสคะ”
“รีบไป” ไมเคิลพยักหน้ารับก่อนจะรีบไล่อีกฝ่ายเข้าไป ในอ้อมแขนของหมอสาวนั้นคือเลือดสำรองของเอวาและโรมีโอที่ใส่ร่วมกันมา จากคำสั่งของโรมีโอที่ให้เอาเลือดมาด้วยในครั้งก่อนหน้า ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองคนเริ่มใจชื้น ความหวังเริ่มเปล่งประกายอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
เวลาไหลผ่านไปอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ใช้เวลาน้อยกว่ามาก ก่อนที่ไฟห้องผ่าตัดจะดับลง พร้อมๆ กับประตูที่ถูกเปิดออกมา บัดนี้อาการของเอวานั้นดูย่ำแย่กว่าทีแรก แต่ถ้อยคำบอกกล่าวของหมอสาวทำให้เกิดความโล่งใจและความปีติยินดี
“คุณหนูปลอดภัยแล้วค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยรอยยิ้ม ทำให้ไมเคิลพลอยพยักหน้ารับไปด้วย แม้ว่าเอวาในตอนนี้จะถูกโกนผมออกไปกระจุกหย่อมๆ มีผ้าก๊อซปิดแผลแปะไว้ บนใบหน้าเล็กมีหน้ากากออกซิเจนสวมใส่ไว้ ที่กลางลำตัวถูกพันด้วยผ้าพันแผลคล้ายมัมมี่ แต่ช่วยในเรื่องของเลือดซึมตามผิวหนัง แม้สภาพของน้องน้อยจะย่ำแย่ แต่ในความรู้สึกของคนมองราวกับนี่คือปาฏิหาริย์
เอวาถูกพาไปนอนพักที่ห้องวีไอพีอีกครั้ง พร้อมๆ กับไมเคิลที่กลับไปนั่งเฝ้าข้างๆ น้องน้อยและโรมีโอก็นั่งเฝ้าที่อีกข้างหนึ่งเช่นกัน ในขณะที่หมอสาวนั้นเข้าไปตรวจอาการของบารอน พบว่าชายหนุ่มนั้นอาการคงที่แล้ว จึงมีคำสั่งให้ย้ายเข้าห้องพักได้ หากแต่......
“ใครให้มันเข้ามา......” บุรุษพยาบาลถึงกับชะงัก เมื่อไมเคิลเอ่ยปากบอกพร้อมเหลือบสายตามองจ้องด้วยความดุดัน บรรยากาศรอบกายพลันกดต่ำเย็นยะเยือก จนไม่กล้าขยับตัว
“ผมเองครับ” โรมีโอเอ่ยตอบพร้อมกับพยักหน้าให้บุรุษพยาบาลคนนั้น ชายหนุ่มจึงเข็นบารอนมานอนเคียงที่ฝั่งตรงข้าม ระหว่างเตียงของไมเคิลและเอวาก่อนจะรีบเผ่นแหนบออกไปอย่างรวดเร็ว
“ฉันไม่ให้มันอยู่.....” ไมเคิลพูดด้วยน้ำเสียงชิงชัง แสดงออกถึงความไม่ยินยอม
“แต่ผมจะให้อยู่ครับ” โรมีโอตอบกลับด้วยความเรียบนิ่ง ทำให้ไมเคิลตวัดสายตาหันมามองในทันที
“แต่ฉันไม่ให้มันอยู่!!!”
“แต่ผมจะให้เขาอยู่ครับ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตคุณหนูจนได้รับบาดเจ็บแบบนี้ และคงจะดีหากทั้งคู่ได้ตื่นมาและพบหน้ากันและกัน”
“โรม!!” ไมเคิลร้องตะโกนพร้อมกับผุดตัวลุกขึ้นยืน เอวาคิ้วกระตุกไปชั่วครู่หลังจากที่ได้ยินเสียงนั้น และโรมีโอก็หันมาเห็นพอดี จนอดที่จะเอ่ยเตือนไม่ได้
“เบาหน่อยเถอะครับ คุณหนูกำลังหลับอยู่”
“เอามันออกไปจากห้องของฉัน....” ไมเคิลกัดฟันพูดเสียงเบา มองจ้องผู้ช่วยหนุ่มเขม็ง โรมีโอมองตอบกลับไป พร้อมกับผุดตัวลุกขึ้นยืนประจันหน้ากัน
“ผมต้องการให้เขาอยู่ครับ เขาควรได้รับการรักษาและการดูแลที่ดี เพราะเขาช่วยปกป้องชีวิตของคุณหนูเอาไว้”
“นายกล้าขัดคำสั่งของฉันงั้นหรอโรมีโอ......” ไมเคิลกัดแน่น สองมือกำแน่น
“กล้าครับ.....”
แกร๊ก!
“ผมขอทำการปฏิวัติ.....” สิ้นคำนั้นไมเคิลถึงกับชะงักนิ่ง มองจ้องปลายกระบอกปืนที่จดจ่อมาทางตนแน่วแน่ ก่อนที่โรมีโอจะเอ่ยปากต่อในทันที
“ผมทนไม่ได้อีกแล้วครับ คุณหนูต้องมารับเคราะห์เพราะบอสกี่ครั้งกี่หนแล้ว ผมทนไม่ไหวแล้ว.....”
“เหอะ.... ตัวคนเดียว..... จะทำอะไรได้......” ไมเคิลพูดเย้ยหยัน ดวงตาคมกล้ามองจ้องผู้ช่วยคนสนิทของตนเองนิ่งเงียบ มองหาร่องรอยอะไรสักอย่างที่บ่งบอกว่าเรื่องนี้เป็นเพียงแค่เรื่องล้อเล่น เรื่องนี้เป็นเพียงความคิดชั่ววูบของผู้ช่วยหนุ่ม คนที่เขามองว่าเป็นเพื่อน เป็นคู่คิด และเข้าอกเข้าใจเขามากที่สุด
“นายทำด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ฉันเข้าใจ ฉันให้อภัย......” ไมเคิลพูดพร้อมกับมองจ้องสบกับนัยน์ตาสีฟ้าสดใสไม่ละสายตา ในขณะที่โรมีโอส่ายศีรษะไปมา
“ผมไม่ได้ทำด้วยอารมณ์ชั่ววูบ.... ผมสุดจะทนแล้วจริงๆ ...... คุณทำร้าย น้องชาย ของผมทางอ้อมซ้ำไปซ้ำมา แต่ละครั้งยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ต่อจากนี้..... มันจะไม่มีอีกแล้ว.....” ไมเคิลคล้ายกับคนหูดับไปชั่วครู่ตั้งแต่ได้ยินคำว่าน้องชายจากปากของอีกฝ่าย มองหน้าโรมีโออย่างไม่เชื่อและไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก
“นายโกรธแค้นแทนตัวเล็ก..... ฉันเข้าใจ.... เพราะนายมองเขาเหมือนน้องคนหนึ่ง.....” โรมีโอส่ายหน้าช้าๆ กับคำพูดนั้น ก่อนจะเอ่ยปากออกมา
“คุณไม่ยอมเข้าใจอะไรเลย...... เอวา.... เป็นน้องชายแท้ๆ ของผม......” เพียงเท่านั้นไมเคิลก็ชะงักค้าง ต่างจากโรมีโอที่สอดมือเข้าไปใต้เสื้อสูทของตนเอง หยิบโทรศัพท์ออกมาพร้อมเอ่ยปากสั่งการ
“เริ่มการปฏิวัติ......”
[รับทราบครับ บอส] นั่นคือเสียงที่ดังออกมาจากปลายสาย ก่อนที่สายจะตัดไป และไมเคิลก็รู้ดีว่าคนๆ นี้คือใคร ทีมงานระดับ S ของเขา.... เบลซ.....
โรมีโอเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าเสื้อด้านในด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แววตาไร้แววใดปรากฏ ก่อนจะเอ่ยปากเสียงเนิบช้า
“ตอนนี้ที่คฤหาสน์และบริษัทของคุณถูกยึดไว้ทั้งหมดแล้ว ตอนนี้คุณไม่เหลืออะไรอีกแล้วไมเคิล...... หากคุณอยากได้มันคืน.... คุณก็ต้องฆ่าผม......” โรมีโอพูดพร้อมกับดึงมือออก เก็บปืนลงในซองใต้รักแร้ แล้วทรุดตัวนั่งลงที่ข้างเอวาตามเดิม เอ่ยปากอย่างไม่ใส่ใจ
“คุณจะอยู่รักษาตัวจนกว่าจะหายก็ได้ หลังจากนี้คุณก็อยู่อาศัยที่บ้านหลังนั้นได้ เพียงแต่อำนาจการตัดสินใจทุกอย่าง..... เป็นของผมเพียงคนเดียว.....” โรมีโอพูดพร้อมกับเหลือบสายตาขึ้นมองคนที่ยังคงยืนนิ่งอึ้งค้าง แล้วเลื่อนสายตาไปทางบารอน เอ่ยปากบอก
“และตอนนี้ผมต้องการให้คุณบารอน ‘อยู่’ ในห้องนี้.....”
Romeo Part“ฉันจะทำยังไงกับเธอดี.....” สุรเสียงนุ่มนวลแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความทรงพลังเอ่ยปากขึ้นขณะยกน้ำชาขึ้นจิบ ที่ด้านข้างนั้นมีชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งกำลังนั่งคุกเข่าอยู่อย่างนอบน้อม เรือนผมสีน้ำตาลเป็นยวงนั้นทิ้งตัวเรียงสวยราวกับม่านกำมะหยี่หนานุ่มน่าสัมผัส ปิดบังเสี้ยวหน้าทำให้ไม่อาจมองเห็นดวงตาสื่ออารมณ์“แล้วแต่พระองค์จะทรงกรุณาพ่ะย่ะค่ะ”“มีอย่างที่ไหนกัน ทำการปฏิวัติลอร์ดที่สืบเชื้อสายราชวงศ์ ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้วหรือ” องค์ราชินีเอ่ยปากบ่นอีกครั้ง ก่อนจะวางแก้วชาลงเบาๆ“......”“เอาเถอะ อย่างไรก็ฝากเธอด้วยแล้วกัน”“ครับ”“กลับไปดูน้องเถอะ” กล่าวจบ พระนางก็โบกพระหัตถ์เบาๆ แล้วจึงละความสนใจไป โรมีโอยกมือขึ้นทาบที่อก โน้มตัวลงแม้จะยังคงนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่กับพื้นเป็นการทำความเคารพ ก่อนจะยืดกายเหยียดตรง แล้วเดินจากไปเงียบๆ เหมือนเมื่อตอนที่มา“เธอว่าฉันควรมอบรางวัลให้เขาไหม?”“แล้วแต่พระองค์ ฝ่าบาท”“กันนาร์..... ฉันคิดจะมอบสมรสพระราชทานให้เขา.... เธอคิดเห็นอย่างไร”“ระหว่างเขากับผู้ใดหรือพระองค์” องครักษ์หนุ่มเอ่ยถามอย่างนอบน้อม ในขณะที่องค์ราชินีเหลือบสายตามอง กล่าววาจาหย
Michael Part“ใส่ชุดที่เตรียมไว้นะครับ คืนนี้คุณต้อง ปรนนิบัติ ผม.....”ตึง!บานประตูปิดลงไปแล้ว หากแต่ไมเคิลยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้อง ความโกรธาสุมอกจนแทบคลั่ง จวนเจียนจะระเบิดออกมาอยู่รอมร่อ จนอดไม่ได้ที่จะยกฝ่าเท้าขึ้นยันประตูเพื่อเป็นการระบายอารมณ์อย่างเสียกิริยา ชายหนุ่มกำมือเอาไว้แน่น หมุนกายหันหลังเดินออกเขาเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ มีหรือจะไม่รู้ว่ามีที่ใดให้นอนได้บ้าง ดังนั้นแล้วชายหนุ่มจึงเดินไปทั่วคฤหาสน์ด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง ใครก็เข้าหน้าไม่ติด ยิ่งเมื่อไมเคิลได้ลองบิดประตูลูกบิดในทุกๆ ห้อง ก็พบว่าแต่ละห้องนั้นลงกลอนไปหมดแล้ว ทำให้ไม่สามารถเปิดได้ หากไร้ซึ่งลูกกุญแจ“เหอะ” ไมเคิลแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ ในขณะที่ดวงตาคมกล้าสอดส่ายหาอุปกรณ์ไปทั่วพื้นที่ ขอแค่มีอุปกรณ์ ก็สามารถสะเดาะกุญแจได้ง่ายๆ แต่น่าเสียดายที่มันไม่มี.....ไมเคิลได้แต่เดินหงุดหงิดงุ่นง่านไปทั่วคฤหาสน์ จนสุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่ห้องคิง หยุดยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน เมื่อลองขยับลูกบิดประตูก็พบว่าถูกล็อกไว้อยู่เช่นกัน ดังนั้นแล้วจึงลองเดินไปที่ห้องอัศวิน อันเป็นห้องเดิมของโรมีโอ และผลนั้นก็คือเช่นเดิม.....ไมเค
Romeo Partโรมีโอปรือตาขึ้นช้าๆ หลังจากผ่านศึกหนักบนเตียงใหญ่ สิ่งที่เห็นไม่ใช่คนที่นอนรวมเตียง แต่เป็นความว่างเปล่าที่เย็นชืด ชายหนุ่มผุดตัวลุกนั่งช้าๆ ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยร่องรอยของความรุนแรง ตามเนื้อตัวแขนขาเป็นรอยม่วงช้ำ ผสมปนเปไปกับคราบรักที่พ่นรดร่างกายจนเหนียวเหนอะหนะโรมีโอหันมองไปรอบกายเพื่อหาใครบางคน เมื่อไม่พบจึงฝืนลากขา พาร่างที่สั่นสะท้านทุกครั้งยามก้าวเดิน ไปจนถึงห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องโพธิ์แดงประตูถูกเปิดออกช้าๆ ทำให้เห็นว่ามีใครบางคนกำลังนั่งแช่น้ำอยู่ ไมเคิลตวัดสายตาหันมามองด้วยความเฉยชา ไม่แม้แต่จะเข้ามาช่วยพยุงแม้จะเห็นว่าโรมีโอซวนเซจะล้มลงจนต้องจับกำแพงไว้เพื่อพยุงตัวก็ตามทีโรมีโอเค้นยิ้มให้ตัวเอง ก่อนจะฝืนพาร่างไปยืนอยู่ใต้ฝักบัว เปิดให้สายน้ำอุ่นร้อนรินรดกาย ความแสบสันแล่นพล่านไปทั่วกายจนชายหนุ่มต้องขบฟันเอาไว้แน่น ปล่อยให้ร่างกายเริ่มคุ้นชิน สายธารอุ่นขับไล่ความเมื่อยล้าตามเนื้อตัวและคราบคาวขุ่นออกไปจนหมดสิ้น ชายหนุ่มอาบน้ำอย่างเชื่องช้า แม้ว่าจะมีไมเคิลอยู่ในห้องน้ำด้วยก็ตามทีจนกระทั่งอาบน้ำเสร็จสิ้น โรมีโอก็ปรายตามองชายที่มีรอยสักรูปมังกรคำรามภายในอ่างน้ำ
เอวาใช้เวลารักษาตัวต่ออีก 2 สัปดาห์หลังจากฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล โดยมีโรมีโอและไมเคิลคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ส่วนบารอนนั้นต้องพักรักษาตัวต่ออีก 1 เดือน เพราะมีการตัดอวัยวะภายในออกไปบางส่วน ทำให้ไม่สามารถออกแรงได้ อาหารการกินจำกัดลดลงดังนั้นแล้วไมเคิลและโรมีโอจึงไปๆ มาๆ ระหว่างบ้าน บริษัท และโรงพยาบาล โดยเวลาในช่วงกลางวันจะอยู่ที่บริษัท มีโรมีโอคอยชี้นิ้วสั่งงาน ส่วนไมเคิลนั้นมีหน้าที่ก้มหน้าทำตามคำสั่ง เมื่อมาที่โรงพยาบาล ไมเคิลก็ปรี่เข้าไปดูแลน้องน้อย คอยถามคะขาอยู่ไม่ห่าง นั่งจับมือเอาไว้ตลอดเวลาจนกระทั่งถึงเวลาเดินทางกลับ ส่วนโรมีโอนั้นก็ผละออกไปดูแลบารอนบ้างเล็กน้อย และใช้เวลากับคนทั้งสองในการพูดคุยเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างวันในคราแรกที่เอวาตื่นมาและได้พบหน้าของไมเคิล เด็กน้อยพลันร้องไห้โฮ โผเข้ากอดคนพี่เอาไว้แน่น พร่ำบอกขอโทษไม่หยุดปาก ไม่ต่างกันกับไมเคิล ที่โทษว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นมาจากตนเอง ทำให้น้องน้อยต้องได้รับอันตรายไปด้วย ทั้งสองคนต่างพร่ำขอโทษกันและกันไปมา สลับกับเสียงสะอื้นไห้ของเอวา จนโรมีโออดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปลูบกลุ่มผมนุ่มนั้นอย่างปลอบใจ รอยยิ้มบางเบาถูกจุด
Michael Partย้อนกลับไปตอนก่อนหน้า......ไมเคิลถูกจับแยกกับน้องน้อยตั้งแต่ที่โรงพยาบาล ทำให้หงุดหงิดขัดใจเป็นอย่างมาก ตลอดการเดินทางดวงตาคมกล้าสองสีมองจ้องรถที่น้องน้อยนั่งอยู่ไม่ละสายตาแต่แล้วคิ้วคู่คมก็ต้องขมวดเข้าหากันแน่น เมื่อพบว่ารถที่โรมีโอและน้องน้อยนั่งนั้นขับแยกไปอีกทางอย่างผิดวิสัย“หยุดรถ!” ชายหนุ่มออกปากสั่งการในทันที หากแต่รถยนต์นั้นยังคงมุ่งไปในทิศทางที่คุ้นเคยโดยที่ความเร็วไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย ไมเคิลชักปืนออกมายกขึ้นจ่อไปที่คนขับ ร้องตวาดเสียงดังก้องไปทั่ว“ฉันบอกให้หยุดรถ!!!”กึก!ในตอนนั้นเองที่หน้าต่างด้านหลังเปิดขึ้นทั้งสองบาน คนขับรถยังคงทำหน้าที่ของตนได้อย่างดีเยี่ยม ขับรถด้วยความเร็วสม่ำเสมอ หากแต่ตอนนี้ คนที่นั่งข้างคนขับ และบอดี้การ์ดสองคนที่นั่งประกบคู่กับเขายกปืนขึ้นจ่อ นอกจากนี้แล้วยังมีรถคันข้างๆ อีกคันละสองคนที่เล็งปืนมาหา เรียกได้ว่าตอนนี้ไมเคิลถูกปืนทั้ง 7 กระบอกมุ่งตรงมาที่ตนเองโดยไม่มีการยั้งมือ“คุณนั่งเงียบๆ จะดีกว่านะครับ ถ้าคุณยังยกปืนขึ้นจ่อแบบนี้ พวกผมเองก็คงลดปืนลงไม่ได้เช่นกัน” เสียงคนขับรถพูดขึ้น ทำให้ไมเคิลกัดฟันกรอด“โคลด์.....” เจ้าของชื่
ไมเคิลใช้เวลาหนึ่งเดือนเต็มในการค้นหาตัวน้องน้อย ซึ่งเป็นหนึ่งเดือนแห่งความล้มเหลว......ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่ ใบหน้าของไมเคิลยิ่งมืดครึ้ม ร่างกายที่เคยแข็งแกร่งกำยำสมส่วนกลับกลายเป็นซูบซีดผอมบางลงอีกหลายระดับ ไมเคิลถึงขั้นไม่กินไม่นอน ใต้ตาดำคล้ำใบหน้าทรุดโทรมกว่าไมเคิลจะหาคนมาทำหน้าที่กู้ข้อมูลของโอเว่นได้ก็กินเวลาไปกว่า 3 สัปดาห์ และถึงแม้จะได้คนมาก็ยังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ในการแกะรอย จนทำให้ไมเคิลความอดทนต่ำลงทุกที นอกจากนี้แล้วทางฝั่งขององค์ราชินีเองก็ไร้วี่แววว่าจะพบตัวเอวา ราวกับว่าบุคคลทั้งสองหายตัวไปเฉยๆแม้แต่กระทั่งกับบารอนเองก็ยังออกตามหาเอวาอย่างบ้าคลั่ง หอบร่างพังๆ กลับมาบัญชาการหลังจากผ่านไป 3 วัน ที่ไม่สามารถติดต่อกับเอวาได้เช่นกัน ไม่มีแม้แต่สายเรียกเข้าที่เขารอคอย ทำให้บารอนดิ้นรนออกจากโรงพยาบาล แม้ว่าตัวเองจะบาดเจ็บหนักอยู่ก็ตามที ทำให้ตอนนี้ทั้งไมเคิลและบารอนหันกลับมาร่วมมือกันในการออกตามหาเอวา จนไมเคิลอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าโรมีโอใช้วิธีใดในการกีดกันน้องน้อยเอาไว้ได้ขณะนี้ไมเคิลกำลังนั่งอยู่บนรถที่กำลังมุ่งตรงไปยังสถานที่แห่งหนึ่งอย่างมั่นคง แม้ใจของเขาจะอยากล
“โรมีโอ.......”ไมเคิลเอ่ยปากครางเรียกชื่อของอีกฝ่าย ทำให้โรมีโอหันหน้ามามองคนที่ยืนอีกฝั่งของประตูรถยนต์ อดีตผู้ช่วยหนุ่มทำเพียงเลิกคิ้วมอง แล้วจึงหันไปมององค์ราชินีเชิงเป็นคำถาม“เห็นใจฉันเถอะเด็กน้อย หลานของฉันย่ำแย่เต็มที....” องค์ราชินีลูบเส้นผมของโรมีโอเบาๆ ขณะที่เหลือบมองไมเคิลไปพลาง แล้วจึงถามหาใครอีกคนแทน“เอวาอยู่ที่ไหนเสียล่ะ”“ทำแผลให้กับบารอนอยู่พ่ะย่ะค่ะ” ไมเคิลขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เหลือบมองบุคคลทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็คลับคล้ายคับคลาว่าจะเข้าใจอะไรบางอย่างอยู่ในที“ฉันจะเข้าไปหาตัวเล็กสักหน่อย พวกเธอคุยกันเถอะ” โรมีโอก้มหน้าลงคล้ายกับการน้อมรับคำสั่ง ในขณะที่องค์ราชินีเดินเข้าไปภายในคฤหาสน์ ส่วนกันนาร์นั้นยืนละล้าละลัง ตามหน้าที่ของเขาจำต้องเดินตามพระองค์ไป หากแต่ใจของเขากลับอยากยืนอยู่ที่นี่ ที่ข้างๆ โรมีโอ คอยช่วยดูแลสอดส่อง เผื่อว่ามีการลงไม้ลงมือเกิดขึ้นโรมีโอผุดตัวลุกขึ้นโดยที่มีกันนาร์ยื่นมือให้ใช้ยึดจับยันตัว ดังนั้นแล้วชายหนุ่มจึงเอ่ยปากบอกขอบคุณเบาๆ พร้อมกับร้องบอก“ขอบคุณครับ คุณตามพระองค์ไปเถอะครับ ผมอยู่ได้” โรมีโอพูดพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนบางให้กับกันนาร์
“ตัวเล็กเป็นน้องแท้ๆ ของคุณ......”“!!!”“น้องที่มีสายเลือดเดียวกัน.....”สิ้นคำพูดนั้นของอดีตผู้ช่วยหนุ่ม ทั่วทั้งห้องพลันตกอยู่ในความเงียบงัน แม้แต่เสียงลมหายใจก็แลดูคล้ายว่าจะเลือนหายไปชั่วขณะ โรมีโอพูดด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความจริงจังในน้ำเสียงนั้น และเพราะถ้อยคำนั้นเองที่ทำให้ไมเคิลถึงกับนิ่งอึ้ง ดวงตาเบิกกว้าง ไม่ต่างกันกับเอวาที่ผละตัวออกจากโรมีโอแล้วเงยหน้าขึ้นมองด้วยความรวดเร็วโรมีโอสูดลมหายใจเข้าลึก ประคองน้องน้อยให้ลุกขึ้นจากพื้น เอ่ยปากเสียงเย็นกับคนที่ยังคงนิ่งอึ้งอยู่บนเตียง“คุณออกไปก่อนนะครับ เราจะคุยกันหลังจากนี้” โรมีโอพูดด้วยเสียงเด็ดขาด ไมเคิลลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เดินตัวลอยออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบ สติของชายหนุ่มขาดหายไปแล้วในช่วงเวลานี้ ในขณะเดียวกันโรมีโอก็ประคองน้องน้อยให้กลับไปนั่งบนเตียงพร้อมกับการลูบหลังปลอบใจ กอดรัดเอาไว้แน่นกระซิบถ้อยคำปลอบโยน สลับกับการใช้มือไล้ปาดหยาดน้ำตาออกจากดวงหน้าหวานที่ฉ่ำชื้น ประตูปิดลงอย่างเงียบงัน ทิ้งไว้เพียงเสียงสะอื้นของน้องน้อยที่ลอดออกมาจากห้องไมเคิลเดินออกมาจากห้อง ก้าวขาลงบันไดอย่างสติเลื่อนลอย แล้วจึงเดินไปทรุดตัวนั่ง
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา