“โรม.....”
“......”
“โรม.....”
“......”
“โรมีโอ!” ไมเคิลร้องเรียกชื่อเลขาคนสนิทเสียงดังเมื่อไม่ได้ยินถ้อยคำตอบรับจากอีกฝ่าย จากตอนแรกที่เป็นการเรียกธรรมดาๆ น้ำเสียงก็ค่อยๆ เข้มขึ้นแบบไต่ระดับ จนสุดท้ายความอดทนก็สิ้นสุดลงในครั้งที่ 3 นี้เอง จนทำให้ชายหนุ่มผู้มียศเป็นถึงลอร์ดต้องละปากกาในมือ เงยหน้าขึ้นมาด้วยท่าทีดุดัน
“!!!” ไมเคิลถอนหายใจแล้วยกมือขึ้นคลึงนวดขมับของตนเองพลางส่ายศีรษะไปมา ถอนหายใจแล้วก้มลงทำงานของตัวเอง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไมเคิลเป็นแบบนี้......
การทำงานในวันนี้ตลอดทั้งเช้าไมเคิลเป็นแบบนี้ไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง เมื่อร้องเรียกหาผู้ช่วยคนสนิทเมื่อต้องการเอกสาร สอบถามความเห็น หรือแม้กระทั่งต้องการเติมชา แต่ทุกครั้งจะจบลงที่ว่าภายในห้องทำงานของเขาไร้ร่างกายของผู้ช่วยหนุ่มที่คอยติดสอยห้อยตาม เพราะอาการบาดเจ็บที่ตนเป็นผู้กระทำ จนทำให้โรมีโอต้องนอนหลับพักผ่อนอยู่ที่บ้าน
ถึงแม้ไมเคิลจะเป็นพวกเซ็กส์จัดและรักรุนแรงจนเข้าข่ายซาดิสม์ แต่ทุกครั้งอยู่ในระดับที่คู่นอนรับได้ ไม่ได้ถึงกับขนาดเลือดตกยางออกแบบนี้ แต่ที่ทำกับโรมีโอนั้นมันคือการลงโทษ ตามที่ได้บอกกับเจ้าตัวไปแล้ว และเพราะแบบนั้นทำให้การทำงานของไมเคิลสะดุดอยู่หลายครั้ง จนอดคิดไม่ได้ว่าตนพึ่งพาผู้ช่วยหนุ่มคนนี้มากเกินไปหรือไม่ แต่ทำยังไงได้ เมื่อไมเคิลและโรมีโอตัวติดกันมาตั้งแต่เด็กๆ เรียกว่ารู้จักพร้อมๆ กับตอนที่รับคนตัวเล็กมาเลี้ยงดูเลยก็ว่าได้ ไมเคิลนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งแรกที่ได้เจอกับผู้ช่วยคนสนิทคนนี้ คนที่มีหน้าที่อยู่ข้างกายเขาตลอดเวลา.....
“ต่อไปนี้ เขาจะเป็นผู้ช่วยของแก” เสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจของนิโคลัสดังขึ้นขณะที่มือหนึ่งวางลงบนบ่าของเด็กชายผู้มีใบหน้าสงบนิ่ง นัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกายเย็นชาและเส้นผมสีน้ำตาลเข้มน่ามอง เด็กคนนั้นสวมใส่เสื้อผ้าเนื้อดีด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้าอ่อน และกางเกงยีนขายาวสีดำ
หลังจากที่ไมเคิลพาเอวาและเจ้าลูกเสือสีขาวกลับเข้ามาในบ้านเมื่อคืนนี้ ในเช้าวันถัดมา นิโคลัสก็เรียกให้ใครบางคนเข้ามาหาที่ห้องรับแขก ไมเคิลที่กำลังนั่งดูข่าวสารธุรกิจโดยมีเอวานั่งอยู่บนตักที่กำลังเล่นของเล่นด้วยกันกับเจ้าเสือขาวตัวเล็กจ้อย ผู้มาใหม่นั้นทำให้ไมเคิล เอวา รวมถึงเจ้ามิลาด้า หันไปมองได้อย่างพร้อมเพรียง
“ชื่อของเขา คือ โรมีโอ” ไมเคิลมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลก็มองสบมาไม่ต่างกัน แต่เมื่อเลื่อนสายตาไปหาเด็กตัวเล็กที่อยู่บนตัก ใบหน้าที่เย็นชานั้นก็เผยรอยยิ้มออกมาบางเบา ถึงกับทำให้ไมเคิลคิ้วกระตุก และรวบเด็กน้อยเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแนบแน่นยิ่งขึ้น
เอวาเงยหน้ามองคนเป็นพี่ด้วยความงุนงง แล้วจึงมองไปหาพี่ชายอีกคนที่อยู่ข้างคุณลุงตัวใหญ่น่ากลัว เด็กน้อยส่งยิ้มหวานไปหาด้วยความดีใจที่จะมีเพื่อนเล่นเข้ามาใหม่ด้วยอีกคน
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ไมเคิลและโรมีโอก็ถูกฝึกฝนมาด้วยการ ไม่ว่าจะด้านการเรียน การต่อสู้ การใช้อาวุธ และวิธีการฆ่า ทุกสิ่งนั้นไมเคิลและโรมีโอจะทำด้วยกันอยู่เสมอ แรกเริ่มเดิมทีไมเคิลรู้สึกว่าต้องการจะเอาชนะโรมีโอให้ได้ เพราะเหมือนว่าเด็กชายคนนี้จะมองเอวาของเขาด้วยสายตาแปลกๆ อยู่เสมอ จนทำให้ไมเคิลรู้สึกระแวงอยู่ตลอดเวลา
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความหวาดระแวงและความต้องการแข่งขันของไมเคิลก็ลดลง เพราะโรมีโอมักจะยอมอยู่หลังเขาหนึ่งก้าวอยู่เสมอ พยายามรักษาท่าทีด้วยความสุภาพ นอกจากไมเคิลจะต้องการวัดฝีมือจริงๆ ถึงจะออกคำสั่งให้โรมีโอใส่ได้เต็มที่แบบไม่ต้องยั้ง
ในคราแรกนั้นโรมีโอยังคงกล้าๆ กลัวๆ ที่จะลงมือ ใช้วิธีป้องกันตัวเองมากกว่าโต้กลับ จนไมเคิลโมโหถึงขั้นระเบิดอารมณ์ และต่อสู้คล้ายกับจะเอาชีวิตจริงๆ โรมีโอถึงได้ยอมฮึ้ดสู้และโต้กลับขึ้นมาบ้าง และนั่นทำให้ไมเคิลได้รู้ ว่าผู้ช่วยของเขามีฝีมือมากกว่าที่คิด
หลังจากนั้นไมเคิลก็ยอมรับโรมีโอได้มากขึ้น บวกกับที่ชายหนุ่มคอยช่วยดูแลเอวาเป็นอย่างดี ไม่มีเรื่องเกินเลยเกิดขึ้นให้เห็น ไม่มีการลวนลามหรือส่งสายตาวิบวับไปให้เด็กน้อยของเขา สิ่งที่แสดงออกคือการรักและเอ็นดูน้องน้อยอย่างใจจริง ไมเคิลจึงยอมที่จะปล่อยให้โรมีโอคอยดูแลเอวาบ้างในยามที่ตนมีงานเร่งด่วนต้องจัดการเพียงลำพัง
แต่ถึงกระนั้นไมเคิลและโรมีโอก็ตัวติดกันเกือบ 24 ชั่วโมงยิ่งกว่าเอวาเสียอีก เพราะเด็กน้อยไม่สามารถติดตามไมเคิลได้เมื่อชายหนุ่มต้องไปทำงานที่อันตราย จึงมักจะถูกทิ้งไว้เพียงลำพังในคฤหาสน์ที่มีการคุ้มกันแน่นหนา และแม้ว่าชายหนุ่มจะจัดการงานตรงหน้าได้เสร็จสิ้น เมื่อกลับมาที่บ้าน เวลาในช่วงกลางวันมักจะใช้ร่วมกันกับโรมีโอที่บริษัท และกับเอวาในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือแม้กระทั่งยามค่ำคืน......
เพราะโรมีโอจับสังเกตจากไมเคิลได้ว่าชายหนุ่มมักจะมองเอวาด้วยสายตาลึกซึ้งมากกว่าการมองเป็นพี่น้องเช่นปกติ และทุกครั้งที่ไมเคิลทำรุ่มร่ามก็มักจะมีโรมีโอเข้ามาขัดขวางอยู่เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่งที่ชายหนุ่มหมดความอดทน.....
“นายต้องการอะไรกันแน่โรม.....” ไมเคิลพูดขึ้นขณะที่เท้ามือบนโต๊ะทำงาน มือทั้งสองข้างสอดกุมประสานกันไว้นิ่ง เงยหน้ามองผู้ช่วยคนสนิทที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นด้วยสายตาดุดัน โรมีโอกุมประสานมือกันไว้ตรงหน้าด้วยท่าทีสุภาพ ก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วเอ่ยตอบออกไป
“คุณหนู..... แกยังเด็ก…..”
“ฉันรู้..... ทำไม.....” ไมเคิลพูดพร้อมเลิกคิ้วขึ้นมอง โรมีโอลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป
“ผมกลัวว่า.....”
“เหอะ... จะช้าหรือเร็ว.... ยังไงมันก็จะเกิด.....” ไมเคิลพูดอย่างไม่แยแส ความหมายก็คือ ต่อให้จะเป็นตอนนี้ หรือในอนาคตข้างหน้า อย่างไรเด็กน้อยก็ต้องเป็นของเขาเพียงคนเดียว.....
“......” โรมีโอไม่ได้พูดอะไรออกไป นอกจากก้มหน้าเม้มปากเอาไว้แน่น สายตาที่หลุบต่ำลงแสดงถึงความวิตกกังวล
ไมเคิลลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานของตัวเอง เดินเข้าไปใกล้กับผู้ช่วยคนสนิท จนกระทั่งหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ใช้มือข้างหนึ่งเชยคางของโรมีโอให้เงยหน้าขึ้น มองสบกับนัยน์ตาสีฟ้าสดใสด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะใช้ปลายนิ้วมือลูบไล้ใบหน้านั้นแผ่วเบา
“นายต้องการอะไรกันแน่ โรมีโอ.....” โรมีโอเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบกลับมาในที่สุด
“ผม.... ไม่อยากให้บอสทำกับคุณหนูในตอนนี้ครับ.... อย่างน้อย... ก็อยากให้คุณหนูโตขึ้นและรู้ความมากกว่านี้.... ให้คุณหนูได้มีสิทธิ์เลือกด้วยตัวเอง....” ไมเคิลกระตุกยิ้มมุมปาก ก้มลงมองที่กลางกายของตนเอง ทำให้โรมีโอมองตามลงไปด้วย ก่อนที่บอสหนุ่มจะเอ่ยปากเสียงเนิบช้าอยู่ในที
“แต่เจ้านี่มันไม่รู้จักการรอ.....” ใบหน้าของโรมีโอขมวดหมุน ภายในหัวสมองวิ่งหาทางออกอย่างรวดเร็ว
“ผมจะจัดหาคนมาให้ครับ”
“แต่ฉันต้องการตอนนี้.... และเดี๋ยวนี้....”
“แต่ผม....” ท่าทีของโรมีโอที่แสดงออก ทำให้ไมเคิลปล่อยมือออกจากใบหน้าของชายหนุ่มผู้ช่วย แล้วถามถึงใครอีกคนแทน
“เอวาอยู่ที่ไหน.....” ไมเคิลพูดพร้อมกับหมุนตัวหันหลัง ตั้งใจจะเดินออกจากห้อง แต่โรมีโอกลับจับคว้ามือของเจ้านายเอาไว้ เอ่ยปากด้วยความไม่มั่นใจนัก
“ผม... เป็นผม....”
“......”
“ผมจะทำหน้าที่นี้เองครับ.....” ไมเคิลมองโรมีโอด้วยสายตาเรียบนิ่ง ต่างจากชายหนุ่มผมสีน้ำตาลที่ดวงตาสั่นไหว แต่เพียงไม่นานก็สูดลมหายใจเข้าลึก และดึงสายตากลับมาสงบเรียบนิ่งตามเดิม ไมเคิลมองสบกับดวงตาแน่วแน่ นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งอย่างครุ่นคิด แล้วจึงพยักหน้ารับข้อเสนอ
“จนกว่าเอวาจะ 18.... นายจะต้องทำหน้าที่แทนเขา....” และนั่นคือข้อตกลงของคนทั้งคู่……
ในคืนนั้น เป็นครั้งแรกที่ไมเคิลและโรมีโอได้มีอะไรกัน สถานที่นั้นเป็นภายในห้องนอนใหญ่ของบอสหนุ่มผู้เย็นชา เนื่องจากห้องโพธิ์แดงยังไม่ถูกสร้างขึ้น และเป็นครั้งแรกที่ไมเคิลรู้จักรสชาติของเซ็กส์ว่ามันสุดยอดแค่ไหน แรกเริ่มเดิมทีชายหนุ่มก็ไม่คิดที่จะทำ แต่เมื่อมีคนเสนอก็ต้องมีคนสนอง ในช่วงแรกๆ ไมเคิลยังคงสนุกกับร่างกายของโรมีโออยู่บ่อยครั้ง เมื่อนานเข้า ความต้องการก็รุนแรงขึ้น ต้องการมากขึ้น และแปลกใหม่ยิ่งขึ้น จนเข้าขั้นซาดิสม์
โรมีโอยังคงเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้ทำ ยิ่งไมเคิลต้องการหนักหน่วงมากเท่าไหร่สภาพร่างกายก็เข้าขั้นอิดโรยจนแสดงออกได้ชัด และไม่สามารถขึ้นเตียงกับไมเคิลได้ในช่วงนั้น ทำให้ไมเคิลเริ่มมองหาตัวเลือกอื่นๆ เพิ่มเติม หญิงสาวที่เสนอตัวเป็นผู้ที่ถูกเลือก หรือแม้แต่บางครั้งก็ยังเป็นโรมีโอที่เป็นคนจัดหามาให้ และเรียกใช้ผู้ช่วยคนสนิทบ้างในบางครั้ง
ไมเคิลเฝ้ารอน้องน้อยเติบโตด้วยใจจดใจจ่อ คอยหยอกเย้าแทะโลมอยู่บ้างเมื่อมีโอกาส แต่ไม่เคยถึงกับขนาดที่สัมผัสตัวตนของน้องน้อยเพื่อช่วยปลดปล่อย หรือการรุกล้ำช่องทางรักสีหวานฉ่ำเลยสักครั้ง และนั่นทำให้เขาพลาดโอกาสที่จะได้ครอบครอง......
ไมเคิลถอนหายใจเมื่อถึงเรื่องนั้นขึ้นมาอีก พาลให้หงุดหงิดไปเสียหมด จนต้องหลับตาลง นั่งนิ่งๆ อยู่สักพัก แล้วถึงจะลืมตาขึ้น ตั้งใจจัดการกับเอกสารตรงหน้าต่อในทันที โดยพยายามตั้งสติคิดอยู่เสมอว่าโรมีโอไม่ได้มาทำงานด้วยในวันนี้ ไม่รู้ว่าปล่อยให้โรมีโอและเอวาอยู่ด้วยกัน จะพากันเล่นซนอะไรอีกบ้าง พอคิดถึงคนตัวเล็กขึ้นมา ใบหน้าเรียบเฉยเย็นชาก็เริ่มมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น
ไมเคิลรีบจัดการงานบนโต๊ะให้เสร็จโดยเร็ว แต่ถึงจะเร่งรีบแค่ไหนก็ยังใช้เวลาไปมากอยู่ดี ทำให้กว่าจะถึงบ้านก็เป็นเวลามืดค่ำเสียแล้ว ชายหนุ่มยื่นกระเป๋าเอกสารให้กับเมดสาวที่มายืนรอรับ เอ่ยปากถามไปพลาง
“เอวาล่ะ......”
“อยู่กับคุณโรมีโอค่ะ” ไมเคิลพยักหน้ารับเพียงเล็กน้อย เอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเดินมาทรุดตัวนั่งลงที่โต๊ะรับประทานอาหาร
“ได้ทานรึยัง? .....”
“คุณหนูสั่งให้จัดอาหารไปทานข้างบนค่ะ” หญิงสาวตอบกลับด้วยท่าทีนอบน้อมเช่นเดิม ไมเคิลสะบัดมือเบาๆ ทำให้หญิงสาวค่อยๆ ล่าถอยไป ปล่อยให้บอสใหญ่ได้ทานอาหารเพียงลำพัง
เมื่อไมเคิลทานอาหารเสร็จ ก็เข้าไปอาบน้ำแต่งตัว ชำระล้างคราบเหงื่อไคลที่ติดอยู่ตามร่างกาย แล้วจึงเดินไปหาโรมีโอที่ห้องอัศวิน ตั้งใจจะแวะไปดูสักหน่อยก่อนจะไปนอนกับน้องน้อยเจ้าของดวงใจ เมื่อเข้ามาแล้วชายหนุ่มก็พบว่าภายในห้องนั้นมืดสนิท แต่นั่นไม่เป็นปัญหาสำหรับไมเคิล เมื่อตนเองก็คุ้นเคยกับความมืดพวกนี้ดี ทั้งจากงานที่ทำ และจากการเข้าห้องของน้องน้อยในยามค่ำคืนบ่อยๆ
ไมเคิลขยับฝีเท้าแผ่วเบา เข้าใกล้เตียงมากยิ่งขึ้น จึงเห็นคนสองคนนอนกอดกันกลมดิ๊ก เอวาซุกหน้าลงกับแผ่นอกของผู้ช่วยหนุ่ม ในขณะที่โรมีโอนอนตะแคงข้าง ค่อนไปทางนอนคว่ำเพราะบาดแผลที่หลัง ไมเคิลยืนมองอยู่นิ่งๆ แล้วจึงเอ่ยปากพูดเสียงแผ่ว
“เป็นยังไงบ้าง......”
“ดีครับ” น้ำเสียงหนึ่งตอบกลับมาในทันทีพร้อมกับเปลือกตาที่เปิดขึ้น นัยน์ตาสีฟ้าสดใสคล้ายท้องทะเลกว้างเหลือบมองที่ข้างเตียง ในอ้อมแขนยังมีเด็กน้อยนอนซุกซบอยู่ไม่ห่าง เป็นธรรมดาที่โรมีโอจะประสาทสัมผัสรวดเร็ว เพราะงานที่ทำและชีวิตที่เป็นอยู่ ทำให้อันตรายเข้าถึงตัวได้ง่ายๆ แม้ว่าจะอาศัยอยู่ภายในบ้าน ดังนั้นแล้วจึงรับรู้ได้อย่างรวดเร็ว หากไมเคิลไม่ถาม เขาก็คงไม่ตอบ และปล่อยให้บอสออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ แต่เมื่อไมเคิลถาม เขาก็จำเป็นต้องลืมตาตื่น เพื่อมองสบกับคนตรงหน้าอย่างช่วยไม่ได้
“อืม” ไมเคิลครางรับในลำคอ แล้วโน้มตัวลง ตั้งใจจะอุ้มน้องน้อยขึ้นแนบอก หากแต่เอวากลับใช้มือน้อยๆ นั้นกุมกระชับเส้นผมของโรมีโอเอาไว้แน่น เพราะแผลพุพองบนแผ่นหลัง ชายหนุ่มจึงไม่ได้ใส่เสื้อนอนมาหลายคืนแล้ว มีเพียงผ้าห่มที่ปิดทับช่วงแขนยามตะแคงข้าง หรือการที่ใช้ผ้าปิดแค่ช่วงเอวยามนอนคว่ำ
แต่เมื่อเอวาจับยึดเส้นผมเอาไว้แน่น ไมเคิลจึงไม่สามารถพาเอวาออกจากห้องได้ จึงค่อยๆ วางเอวาลงบนเตียง และตัวเองก็นอนขนาบข้างอีกฝั่งอย่างไม่สนใจ
“เตียงมันแคบนะครับบอส”
“แล้วยังไง.....” นี่มันเตียงดับเบิ้ลคิงไซส์เลยนะ หากบอกว่ามันแคบก็คงจะตลกไปหน่อย....
โรมีโอเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ทำปากขมุบขมิบ แล้วจึงนอนสงบนิ่งลงตามเดิม ปิดเปลือกตาลงอย่างไม่ใส่ใจ แม้ว่าวงแขนข้างหนึ่งของไมเคิลจะพาดเข้ากับเอวของเอวา แต่ปลายนิ้วมือกลับจบลงที่แผ่นหลังของตน
“เจ็บรึเปล่า? .....” ไมเคิลลูบปลายนิ้วมือลงกับแผลพุพองที่เริ่มยุบลงแล้วเอ่ยถามไปพลาง
“ไม่ครับ” โรมีโอก็ตอบกลับไปทั้งที่ยังคงหลับตาอยู่ ไมเคิลครางรับในลำคอแล้วจึงถอนมือกลับไป ขยับไปโอบกอดเอวเล็ก ดึงให้ขยับเข้ามาชิดตัวเองให้มากขึ้นอีกหน่อย แต่ปลายนิ้วมือนั้นกลับอยู่ที่ท้องน้อยของผู้ช่วยหนุ่มที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเรียงตัวสวยสอดรับกับเอวบาง
“หึ” ไมเคิลหัวเราะในลำคอเมื่อโรมีโอเกร็งร่างมากขึ้นจนหน้าท้องขึ้นลอนกล้ามเด่นชัด ดังนั้นแล้วปลายนิ้วร้อนจึงไล้วนอยู่ที่ท้องน้อยของผู้ช่วยคนเก่ง แม้ว่าจะมีเอวานอนคั่นกลางอยู่ก็ตามที โรมีโอขยับมือมาจับเข้าที่ข้อมือแกร่ง คล้ายกับบังคับให้หยุดการกระทำ แต่นั่นไม่สามารถหยุดยั้งไมเคิลได้ เมื่อฝ่ามือหนาเริ่มล้วงเข้าไปภายใต้กางเกงนอน ใช้ปลายนิ้วพัวพันหยอกล้อกับเส้นขนนุ่มนิ่มใต้ร่มผ้า
“บอส....” โรมีโอกดเสียงต่ำ จับมือไมเคิลเอาไว้แน่น
“หึหึ....” ไมเคิลหัวเราะในลำคอ ก่อนจะยอมล่าถอยในที่สุด โรมีโอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเจ้านายของตนยอมเลิกรา
“ฝันดีนะคะตัวเล็ก” ไมเคิลพูดพร้อมกับกดจูบที่หลังคอของเอวา ทอดกายทิ้งตัวลงนอนเคียงข้าง มือข้างหนึ่งวางพาดที่หน้าท้องเนียนนุ่ม ในขณะที่แขนอีกข้างสอดเข้าไปรองคอให้กับน้องน้อย และเพราะโรมีโออยู่ที่อีกฟากฝั่งหนึ่ง ฝ่ามือยาวเลยไปจนชนกับใบหน้าของผู้ช่วยหนุ่ม ไมเคิลก็เอ่ยปากเสียงเรียบ
“ยกหัวขึ้น....” โรมีโอขมวดคิ้ว ยกหัวขึ้นตามคำสั่ง ไมเคิลก็แบมือออก แล้วเอ่ยปากสั่งอีกครั้ง
“นอนลงมา.....” ผู้ช่วยหนุ่มกะพริบตาปริบ ความหมายของบอสใหญ่นั่นก็คือให้เขานอนทับฝ่ามืออย่างนั้นหรือ? ไมเคิลที่เห็นโรมีโอยังคงนิ่ง จึงเอ่ยปากเสียงกดต่ำ แสดงออกถึงความไม่พอใจ
“โรม......” ดังนั้นแล้วโรมีโอจึงทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง โดยครั้งนี้นอนทับกับฝ่ามือที่หยาบกร้านของบอสใหญ่ แต่กลับร้อนจนอุ่นวาบไปถึงหัวใจ ไมเคิลขยับตัวอีกนิดหน่อย สั่งให้โรมีโอแบมือออก ก่อนที่ตัวเองจะนอนทับลงไปเช่นกัน
กลับกลายเป็นว่าในตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอสละแขนตัวเองคนละข้างเป็นหมอนให้เด็กน้อยได้หนุนนอน ปลายฝ่ามือถูกคนฝั่งตรงข้ามแนบแก้มลงกับฝ่ามือ ส่วนแขนอีกข้างก็พาดอยู่ที่หน้าท้องและเอวบางคอดกิ่วของเอวา
โรมีโอบดเบียดแก้มของตนแนบลงกับฝ่ามือนั้น ร้องขออุ่นไอโดยไร้เสียง แต่ไมเคิลที่เป็นเจ้าของฝ่ามือกลับคิดไปอีกทาง
“นอนไม่สบาย? ....”
“เปล่าครับ....”
“อืม... ฝันดี.....” โรมีโอเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะตอบกลับไป
“ฝันดีเช่นกันครับ.....” อย่างน้อยๆ สักเศษเสี้ยวหนึ่ง ไออุ่นของคุณ..... ความอ่อนโยนของคุณ...... ขอแค่เศษเสี้ยวเล็กๆ ที่เผื่อแผ่มาถึงผมบ้าง ก็ทำให้ผมได้มีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อไปในแต่ละวัน.....
โรมีโอคิดเช่นนั้น ก่อนที่จะปิดเปลือกตาลง หลับใหลเข้าสู่ห้วงนิทรา โดยมีฝ่ามือหนาที่หยาบกร้านมอบอุ่นไอ คอยกล่อมให้ฝันดี.....
ในสัปดาห์ต่อมา......
ตอนนี้โรมีโอสามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติแล้ว จริงๆ แล้ว แผลพุพองที่โรมีโอเป็นอยู่เริ่มยุบลงในวันที่ 3 แต่ก็มีบ้างบางส่วนที่เต่งจนแตกออกและกลายเป็นบาดแผล ที่ต้องดูแลรักษากันต่อไป ส่วนผู้ดูแลของโรมีโอก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเอวาที่ได้รับการลงโทษจากพี่ชาย ให้มาคอยดูแลคนที่ปกป้องตัวเอง
ยิ่งน้องน้อยได้เห็นแผลพุพองและตกสะเก็ดที่แผ่นหลังเนียนของโรมจ๋าก็ถึงกับน้ำตาร่วมแหมะๆ อย่างน่าสงสาร และนั่นทำให้ไมเคิลคิดว่ามันคือการลงโทษที่ดีที่สุด แม้ตัวเองจะเจ็บช้ำยามที่ได้เห็นหยาดน้ำตาของน้องน้อยก็ตามที เพราะการที่จะทำให้คนตัวเล็กรู้สำนึกขึ้นมาได้บ้าง ไม่ใช่การใช้ไม้แข็งอย่างการจับล่ามโซ่หักแข้งหักขา ไม่ใช่ไม้อ่อนที่พูดจาให้รู้คิด แต่เป็นการที่เห็นคนที่ตนรักและแคร์ได้รับผลกระทบจากการกระทำของตัวเอง และโรมีโอก็คือคนๆ นั้น
เมื่อไมเคิลเห็นน้องน้อยปาดน้ำตาปอยๆ อย่างน่าสงสาร ก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยย้ำสำทับไปอีกหนด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่งสนิท
“พี่จะไม่มีวันทำร้ายตัวเล็กอีก..... แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ตัวเล็กดื้อและไม่เชื่อฟัง คนที่จะต้องได้รับการลงโทษนั้นคือคนที่สนับสนุนตัวเล็กโดยไม่ห้ามปรามนะคะ ดังนั้นจะทำอะไรขอให้นึกถึงใจพวกเขาด้วยนะคะ” พูดจบก็ชี้นิ้วไปหาโรมีโอที่นั่งเอนหลังพิงหัวเตียงโดยมีหมอนนุ่มใบโตรองหลังไว้
“โรมีโอคือตัวอย่างที่แสดงให้เห็น ยิ่งตัวเล็กดื้อกับพี่มากเท่าไหร่ บทลงโทษก็จะรุนแรงขึ้นเท่านั้น เข้าใจนะคะ” เอวากัดริมฝีปาก ห้ามไม่ให้มันบิดเบ้และร่ำไห้ออกมา มองสบตากับคนพี่และพยักหน้าด้วยความจำใจ
“ดีค่ะ” ไมเคิลพูดพร้อมกับลูบศีรษะเล็กไปพลาง และหลังจากนั้นเอวาก็ไม่ดื้อไม่ซนอีกเลย คอยดูแลจนมั่นใจว่าโรมีโอหายดี เด็กน้อยจึงพอยิ้มออกมาได้บ้าง
ในวันนี้คือวันแรกที่โรมีโอกลับมาทำงานเต็มตัว เมื่อเดินตามบอสใหญ่เข้ามาถึงในห้องทำงาน ก็ลอบสูดลมหายใจเฮือกเมื่องานบนโต๊ะมีเยอะมากจนกลายเป็นภูเขาลูกย่อมๆ สูงท่วมหัว พอมองเลยไปทางโต๊ะของบอสใหญ่บ้างก็พบว่ามีสภาพไม่ต่างกัน ทั้งที่ปกตินั้นไมเคิลจะจัดการโต๊ะเป็นระเบียบเรียบร้อยแท้ๆ
“มาช่วยฉันก่อน......” ไมเคิลสั่งแค่นั้นแล้วก็เดินไปทรุดตัวลงนั่งประจำตำแหน่ง หยิบเอาเอกสารฉบับหนึ่งออกมา เมื่อกวาดสายตาดูคราวๆ ก็ส่งให้โรมีโอ พร้อมเอ่ยสั้นๆ ด้วยคำว่า ‘อธิบาย’ ทำให้โรมีโอเข้าใจได้ในทันที ว่างานบนโต๊ะบอสในตอนนี้คืองานที่รอให้เขามาอธิบายที่มาที่ไปหรือผลของการดำเนินการ มันจึงสะสมและคั่งค้างมาเป็นสัปดาห์
ทั้งสองช่วยกันสะสางงานตรงหน้าด้วยความรวดเร็ว แต่ถึงจะรวดเร็วอย่างไรก็ใช้เวลาไปมากโขอยู่ดี จนตอนนี้เข้าสู่ช่วงเวลายามเย็น งานบนโต๊ะบอสใหญ่ยังเหลืออยู่อีกประมาณหนึ่ง แต่ของโรมีโอกลับไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย จนเจ้าตัวได้แต่ทอดถอนใจ กอบโกยเอกสารจำเป็นขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน แล้วเดินตามหลังบอสออกจากห้องทำงาน มุ่งตรงกลับบ้านในทันที
ไมเคิลเลิกคิ้วเล็กน้อย เมื่อวันนี้สมาชิกในบ้านมีเพิ่มมากขึ้น โดยมีซีนอน เบลซ ออสการ์และมอร์แกน มาร่วมรับประทานอาหารด้วย ซึ่งทันทีที่ไมเคิลปรากฏตัว ทุกคนต่างก็ส่งเสียงทักทายกันอย่างพร้อมเพรียง ไมเคิลทำเพียงพยักหน้ารับ หันไปมองซีนอนอย่างพินิจพิเคราะห์ ขยับเข้าไปใกล้ เชยปลายคางเล็กขึ้น จับหันซ้ายทีขวาที ปลายนิ้วโป้งลูบที่มุมปากข้างหนึ่ง
“ดี.....” พูดเพียงเท่านั้นก็ละมือออก แต่ทั้งซีนอนและโรมีโอต่างก็เข้าใจการกระทำ มุมอ่อนโยนเล็กๆ ของบอสที่น้อยคนนักจะได้เห็น เพราะไมเคิลลูบไล้บริเวณที่เป็นบาดแผลจากคมมีดซึ่งตนเป็นผู้กระทำ ในบัดนี้นั้นรอยแผลหายไปแล้วคล้ายกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น สร้างความพึงพอใจให้ไมเคิลเป็นอย่างมาก
หลังจากที่ทักทายกันไปเล็กน้อย แต่ละคนก็เริ่มรายงานผลการทำงานของตัวเอง พร้อมๆ กับการทานอาหารไปด้วย บางคนก็หยิบของฝากติดมือมา บางคนก็เอาของที่เป็นเป้าหมายหลักมากองให้ บางคนก็ส่งเพียงกระดาษหนึ่งใบ แต่กลับมีค่ามหาศาล ไมเคิลเองก็ให้รางวัลกับแต่ละคน ก่อนจะปล่อยให้ไปพักผ่อนหลังจบมื้ออาหาร ไม่ลืมที่จะพาคนตัวเล็กมาอาบน้ำนอนไปด้วยกัน
“พี่จ๋า” เอวาร้องเรียกพลางเกยคางของตนบนอกแกร่งของคนเป็นพี่ มองจ้องตาแป๋วอย่างน่ารักน่าชัง
“พรุ่งนี้หนูไปเที่ยวกับพวกพี่ๆ ได้ไหม” เพียงได้ฟัง ไมเคิลก็หรี่ตามอง เอวาเข้าใจท่าทีนั้นได้ในทันที รีบร้อนร้องบอกออกไปเพื่อเป็นการอธิบายและป้องกันการเข้าใจผิด
“หนูไม่ได้จะไปหาบาร์คจ๋านะ!! หนูอยากไปเที่ยวกับพวกพี่ๆ เขาจริงๆ”
“จะไปไหนกันคะ”
“พี่ซีนอนอยากไปช็อปปิ้ง พี่ออสการ์กับพี่โอเว่นก็เหมือนกัน” เอวาร้องบอกเสียงใส ไมเคิลลูบศีรษะเล็กไปพลาง ภายในหัวสมองครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว บุคคลที่ไปในครั้งนี้เป็นระดับ S ถึง 4 คน ทำให้ชายหนุ่มพอวางใจได้บ้าง จึงพยักหน้ารับในที่สุด
“ก็ได้ค่ะ...”
“เย้!! รักพี่จ๋าที่สุดเลย!!” เอวาพูดพร้อมกับขยับเข้ามากดจูบเบาๆ สั้นๆ ที่ริมฝีปากของคนเป็นพี่เสียหลายทีเป็นการตอบแทน จนไมเคิลเกือบจะทนไม่ไหว ยกมือขึ้นกดท้ายทอย บังคับแปรเปลี่ยนจากจูบไร้เดียงสาให้กลายเป็นจูบที่เร่าร้อนแทน
แต่ยังไม่ทันได้ทำ เอวาก็ผละออกเสียก่อน มองคนพี่ด้วยดวงตาเปล่งประกาย แล้วทรุดตัวลงนอนกอดแนบแน่น จนไมเคิลได้แต่ลอบถอนหายใจ เมื่อคนตัวเล็กไม่มีทางรู้เลยว่าตบะของเขาใกล้แตกสลายลงไปทุกที ยิ่งน้องน้อยมากดจูบที่ริมฝีปากถี่ๆ แบบนี้ มานอนกอดซุกซบแบบนี้ มองจ้องด้วยดวงตาเป็นประกายแบบนี้ มันยิ่งทำให้ความอดทนของเขาสิ้นสุดลง แต่กระนั้นชายหนุ่มก็ยังพยายามหักห้ามใจ ลูบเส้นผมสีดำนุ่มมือลามเลยไปจนแผ่นหลังเล็ก กล่อมให้เข้าสู่ห้วงนิทรา
เมื่อมั่นใจว่าเด็กน้อยหลับลงไปแล้ว ไมเคิลจึงจัดท่าทางการนอนเสียใหม่ กดจูบที่หน้าผากเล็ก และกระซิบบอกรักแผ่วเบา ก่อนที่จะออกจากห้องไป มุ่งตรงไปที่อีกห้องหนึ่ง.....
แสงจากภายในยังคงปรากฏอยู่ โรมีโอที่กำลังฟุ้บหน้า หายใจเข้าออกในจังหวะสม่ำเสมอ สวมใส่ชุดนอนอย่างเช่นทุกที ในมือกำถือปากกาค้างไว้ หมอนรองศีรษะก็คือเอกสารที่นำมาจากบริษัทที่มีการลงเขียนบันทึกโน๊ตนิดหน่อยและลงนามเสร็จแล้วด้วยตัวหนังสือยึกยือเล็กๆ
ไมเคิลมองภาพนั้นนิ่งๆ ก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่เอกสารที่กองหนึ่ง แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งที่ด้านข้าง หยิบเอาเอกสารออกมาอ่านแล้วตวัดปลายปากกาลงชื่อด้วยตัวเอง เขียนคอมเม้นต์แบบที่โรมีโอทำในบางจุด แล้วจึงหยิบเล่มถัดไป
โรมีโอเป็นผู้ช่วย เป็นเลขา ดังนั้นแล้วลายเซ็นของไมเคิลจึงมีค่าและมีน้ำหนักมากกว่าเป็นไหนๆ จึงไม่ต้องกลัวว่าจะใช้งานไม่ได้ เมื่อประธานบริษัทถึงกับลงนามด้วยตนเอง
ไมเคิลนั่งทำงานไปเรื่อยๆ โดยที่มีโรมีโอนอนหลับอยู่ข้างๆ ตลอดการทำงาน และไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่เป็นคนมีความรู้สึกไวแท้ๆ จนไมเคิลอดคิดไม่ได้ว่าวันนี้คงจะใช้งานชายหนุ่มหนักเกินไปจริงๆ
จนกระทั่งแฟ้มเอกสารฉบับสุดท้ายถูกปิดลง ไมเคิลก็อุ้มโรมีโอไปวางบนเตียง ห่มผ้าให้เล็กน้อย แล้วจึงออกจากห้องไป มุ่งตรงไปที่ห้องควีน กลับเข้าไปอีกครั้ง สอดตัวใต้ผ้าห่ม ดึงเด็กน้อยมาไว้ในอ้อมกอด และปิดตาลงเพื่อพักผ่อนในที่สุด
Ava Partตอนนี้เอวากำลังหันซ้ายทีขวาทีพร้อมๆ กับการอ้าปากงับชิ้นเนื้อที่พวกพี่ๆ ผลัดกันป้อน เอวาตกอยู่กลางวงล้อมของชายหนุ่มหน้าตาดีทั้ง 4 คน จนกลายเป็นที่อิจฉาตาร้อนของคนที่เดินผ่าน คนที่เดินเข้าร้าน หรือแม้แต่พนักงานเสิร์ฟในวันนี้เอวาออกมาเที่ยวห้างกับพวกพี่ๆ ทั้ง 4 คนที่พึ่งกลับมาจากภารกิจของตัวเอง โดยที่แต่ละคนมีจุดหมายที่แตกต่างกัน อย่างโอเว่นนั้นตั้งใจไปดูอุปกรณ์ไอทีที่ออกมาใหม่เมื่อเร็วๆ นี้ ออสการ์ต้องการไปทำสปาผิวหลังจากที่กร่ำงานมาหลายสัปดาห์ เบลซนั้นอยากจะไปดูอุปกรณ์ออกกำลังกายเพิ่มเติมและจะไปหาซื้อของใช้ส่วนตัวด้วยอีกนิดหน่อย ส่วนซีนอนตั้งใจมาช็อปปิ้งโดยเฉพาะไม่ว่าจะเสื้อผ้าหน้าผม ซึ่งชายหนุ่มลั่นวาจาไว้แล้วว่าจะซื้อทุกอย่างที่อยากได้ให้คุ้มกับค่าเหนื่อยที่ลงแรงไปแต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าจะทานมื้อเที่ยงด้วยกันก่อน เพราะกลัวเด็กตัวเล็กที่สุดในกลุ่มจะปวดท้องเอาจนบอสหยิบปืนมายิงทิ้งรายคน โทษฐานที่ทำให้น้องน้อยต้องเป็นโรคกระเพาะ เพราะทานอาหารไม่ตรงเวลาดังนั้นแล้วตอนนี้เอวาจึงถูกห้อมล้อมด้วยชายหนุ่มรูปงามถึง 4 คน ซึ่งแต่ละคนพากันเอาอกเอาใจ อยากกินอะไรก็
Ava Partเอวาตื่นขึ้นอีกครั้งที่ห้องๆ หนึ่ง ห้องขนาดเล็กที่ปิดทึบทั้งสี่ด้าน มีเพียงเตียงนอนและประตูเท่านั้นเท่าที่เห็น ดวงตากลมโตกลอกกลิ้งไปมา ครางในลำคอเล็กน้อย ความเจ็บที่ข้อมือแล่นริ้วขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนต้องก้มลงมองดู“เป็นแผลเป็นแน่เลย....” เด็กน้อยเอ่ยปากพร้อมกับลูบรอยแผลที่ถูกเย็บเอาไว้อย่างหยาบๆ นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีก ไม่มีแม้แต่การทำแผลหรือพันผ้าปิดให้ ทำให้เด็กน้อยแสดงสีหน้ากังวลออกมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ตัว“ที่นี่.... ที่ไหน” คิ้วคู่งามขมวดเข้าหากันแน่น ดวงตากลมโตเริ่มเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใส เมื่อนึกถึงใครบางคนที่ทำให้ตนต้องมาอยู่ที่นี่ มาอยู่ในสภาพนี้เอวานั่งร่ำไห้เพียงลำพัง จนเมื่ออาการสะอื้นเริ่มจางไป เด็กน้อยก็ก้มลงมองสำรวจตัวเองหลังจากที่ตื่นมาในคราแรกไม่มีโอกาสได้ทำ สิ่งที่หายไปจากตัวนอกจากเครื่องมือสื่อสารและเครื่องประดับก็ไม่มีอะไรอื่นอีก เอวายังคงสวมใส่ชุดเอี๊ยมน่ารักสดใสชุดเดิม ถุงเท้าและรองเท้าผ้าใบเช่นเดิม เด็กน้อยขยับตัวเข้าไปนั่งชิดมุมห้อง นั่งรอเวลาอย่างเงียบๆเวลาไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้า จวบจนกระทั่งบานประตูถูกเปิดอ้าออก ใครบางคนก้าวเท้าเข้ามาใกล้
Romeo Partตอนนี้โรมีโอกำลังยืนอยู่ด้านนอกตามคำสั่งของบอสใหญ่ โดยกำหนดให้แบ่งคนออกเป็น 3 ทีม ทีมแรกจะเข้าไปปิดล้อมตึก ทีมที่สองจะบุกเข้าไปค้นหาคุณหนูของบ้าน และทีมที่สามจะปิดล้อมที่วงนอกสุดอีกชั้นหนึ่งเพื่อป้องกันความผิดพลาดปัง! ปัง! ปัง!โรมีโอรัวไกปืนในมืออย่างไม่ลังเล มองจ้องชาย 3 คนที่เซล้มลงบนพื้น ตัวกระตุกเล็กน้อยแล้วแน่นิ่งไป บอสของเขาวางแผนมาดี เมื่ออีกฝ่ายส่งคนมาปิดล้อมจริงๆ และนั่นทำให้โรมีโอต้องหันมาจัดการกับคนโดยรอบนี้ก่อน ในขณะเดียวกันนั้นหูก็ยังคงได้ยินเสียงจากเครื่องดักฟังที่ติดตามตัวของบอสใหญ่ไป เรื่องราวที่ได้ฟังทำให้โรมีโอถึงกับขมวดคิ้วแน่น[เอวาอยู่ที่ไหน.....][ในตึกนี้แหละ หาสิ หึหึ][......][รีบหน่อยนะ ก่อนที่มันจะหมดโอกาส]ทำไมถึงต้องรีบ? ก่อนที่จะหมดโอกาส? ภายในหัวสมองของผู้ช่วยหนุ่มหมุนเร็วจี๋ นึกแค้นใจที่ไม่ได้อยู่หน้าจอมอนิเตอร์ คนที่มองเห็นภาพเหตุการณ์ต่างๆ ได้มีเพียงแค่โอเว่นคนเดียวเท่านั้นโรมีโอเดินมุ่งตรงมาที่หน้าตึก ระหว่างทางก็ยิงปืนปามีดคร่าชีวิตไปหลายสิบคน แต่ใบหน้านั้นกลับไม่มีความเกรงกลัวหรือแยแสใดๆ ยังคงครุ่นคิด คิดไม่ตกกับถ้อยคำนั้น ในขณะที่ไม
Michael Part“อือ......” เสียงครางแหบพร่าดังขึ้นจากในลำคอของชายหนุ่ม ทำให้โรมีโอที่นั่งทำงานอยู่ตรงโซฟาเงยหน้าขึ้นมองในทันที เห็นบอสของตนแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา คิ้วขมวดหมุน ด้วยความเป็นห่วง จึงถอดแว่นออกวางลงบนโต๊ะ แล้วขยับเดินเข้ามาดูใกล้ๆ เห็นเปลือกตาของคนเป็นนายขยับไปมาคล้ายว่าจะตื่นขึ้นในไม่ช้า ทำให้โรมีโอมองจ้องด้วยใจจดใจจ่อ“อึก เอวา....” เสียงเรียกแหบพร่าแต่ทำให้คนมองเผยรอยยิ้มกว้างด้วยความโล่งใจเพราะไมเคิลไม่ได้อยู่ใกล้กับจุดระเบิด แต่ก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย แรงระเบิดนั้นอัดกระแทกร่างจนกระเด็นทะลุหน้าต่างออกมาที่ด้านนอก กระแทกเข้ากับต้นไม้และหมดสติลง ดังนั้นแล้วบาดแผลตามตัวถือว่าไม่ร้ายแรงเท่าไหร่นักถ้าเทียบกับบาดแผลจากการต่อสู้ครั้งที่ผ่านๆ มา เพียงแต่ครั้งนี้ถึงกับหมดสติ จึงใช้เวลาหนึ่งวันเต็มในการฟื้นตื่นขึ้นจากนิทราโรมีโอกุลีกุจ่อหันไปเทน้ำและเสียบหลอดใส่แก้วอย่างว่องไว ปรับเตียงของเจ้านายให้เอนขึ้นเล็กน้อย ขยับเข้าไปใกล้พร้อมร้องเรียก“บอสครับ ดื่มน้ำก่อนครับ” ไมเคิลยอมดื่มน้ำอย่างว่าง่าย เพราะยังคงมึนงงจากการนอนหลับเป็นระยะเวลายาวนาน หลังจากที่ความชุ่มฉ่ำไหลผ่านลงคอไปแล
Romeo Part“ฉันจะทำยังไงกับเธอดี.....” สุรเสียงนุ่มนวลแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความทรงพลังเอ่ยปากขึ้นขณะยกน้ำชาขึ้นจิบ ที่ด้านข้างนั้นมีชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งกำลังนั่งคุกเข่าอยู่อย่างนอบน้อม เรือนผมสีน้ำตาลเป็นยวงนั้นทิ้งตัวเรียงสวยราวกับม่านกำมะหยี่หนานุ่มน่าสัมผัส ปิดบังเสี้ยวหน้าทำให้ไม่อาจมองเห็นดวงตาสื่ออารมณ์“แล้วแต่พระองค์จะทรงกรุณาพ่ะย่ะค่ะ”“มีอย่างที่ไหนกัน ทำการปฏิวัติลอร์ดที่สืบเชื้อสายราชวงศ์ ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้วหรือ” องค์ราชินีเอ่ยปากบ่นอีกครั้ง ก่อนจะวางแก้วชาลงเบาๆ“......”“เอาเถอะ อย่างไรก็ฝากเธอด้วยแล้วกัน”“ครับ”“กลับไปดูน้องเถอะ” กล่าวจบ พระนางก็โบกพระหัตถ์เบาๆ แล้วจึงละความสนใจไป โรมีโอยกมือขึ้นทาบที่อก โน้มตัวลงแม้จะยังคงนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่กับพื้นเป็นการทำความเคารพ ก่อนจะยืดกายเหยียดตรง แล้วเดินจากไปเงียบๆ เหมือนเมื่อตอนที่มา“เธอว่าฉันควรมอบรางวัลให้เขาไหม?”“แล้วแต่พระองค์ ฝ่าบาท”“กันนาร์..... ฉันคิดจะมอบสมรสพระราชทานให้เขา.... เธอคิดเห็นอย่างไร”“ระหว่างเขากับผู้ใดหรือพระองค์” องครักษ์หนุ่มเอ่ยถามอย่างนอบน้อม ในขณะที่องค์ราชินีเหลือบสายตามอง กล่าววาจาหย
Michael Part“ใส่ชุดที่เตรียมไว้นะครับ คืนนี้คุณต้อง ปรนนิบัติ ผม.....”ตึง!บานประตูปิดลงไปแล้ว หากแต่ไมเคิลยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้อง ความโกรธาสุมอกจนแทบคลั่ง จวนเจียนจะระเบิดออกมาอยู่รอมร่อ จนอดไม่ได้ที่จะยกฝ่าเท้าขึ้นยันประตูเพื่อเป็นการระบายอารมณ์อย่างเสียกิริยา ชายหนุ่มกำมือเอาไว้แน่น หมุนกายหันหลังเดินออกเขาเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ มีหรือจะไม่รู้ว่ามีที่ใดให้นอนได้บ้าง ดังนั้นแล้วชายหนุ่มจึงเดินไปทั่วคฤหาสน์ด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง ใครก็เข้าหน้าไม่ติด ยิ่งเมื่อไมเคิลได้ลองบิดประตูลูกบิดในทุกๆ ห้อง ก็พบว่าแต่ละห้องนั้นลงกลอนไปหมดแล้ว ทำให้ไม่สามารถเปิดได้ หากไร้ซึ่งลูกกุญแจ“เหอะ” ไมเคิลแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ ในขณะที่ดวงตาคมกล้าสอดส่ายหาอุปกรณ์ไปทั่วพื้นที่ ขอแค่มีอุปกรณ์ ก็สามารถสะเดาะกุญแจได้ง่ายๆ แต่น่าเสียดายที่มันไม่มี.....ไมเคิลได้แต่เดินหงุดหงิดงุ่นง่านไปทั่วคฤหาสน์ จนสุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่ห้องคิง หยุดยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน เมื่อลองขยับลูกบิดประตูก็พบว่าถูกล็อกไว้อยู่เช่นกัน ดังนั้นแล้วจึงลองเดินไปที่ห้องอัศวิน อันเป็นห้องเดิมของโรมีโอ และผลนั้นก็คือเช่นเดิม.....ไมเค
Romeo Partโรมีโอปรือตาขึ้นช้าๆ หลังจากผ่านศึกหนักบนเตียงใหญ่ สิ่งที่เห็นไม่ใช่คนที่นอนรวมเตียง แต่เป็นความว่างเปล่าที่เย็นชืด ชายหนุ่มผุดตัวลุกนั่งช้าๆ ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยร่องรอยของความรุนแรง ตามเนื้อตัวแขนขาเป็นรอยม่วงช้ำ ผสมปนเปไปกับคราบรักที่พ่นรดร่างกายจนเหนียวเหนอะหนะโรมีโอหันมองไปรอบกายเพื่อหาใครบางคน เมื่อไม่พบจึงฝืนลากขา พาร่างที่สั่นสะท้านทุกครั้งยามก้าวเดิน ไปจนถึงห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องโพธิ์แดงประตูถูกเปิดออกช้าๆ ทำให้เห็นว่ามีใครบางคนกำลังนั่งแช่น้ำอยู่ ไมเคิลตวัดสายตาหันมามองด้วยความเฉยชา ไม่แม้แต่จะเข้ามาช่วยพยุงแม้จะเห็นว่าโรมีโอซวนเซจะล้มลงจนต้องจับกำแพงไว้เพื่อพยุงตัวก็ตามทีโรมีโอเค้นยิ้มให้ตัวเอง ก่อนจะฝืนพาร่างไปยืนอยู่ใต้ฝักบัว เปิดให้สายน้ำอุ่นร้อนรินรดกาย ความแสบสันแล่นพล่านไปทั่วกายจนชายหนุ่มต้องขบฟันเอาไว้แน่น ปล่อยให้ร่างกายเริ่มคุ้นชิน สายธารอุ่นขับไล่ความเมื่อยล้าตามเนื้อตัวและคราบคาวขุ่นออกไปจนหมดสิ้น ชายหนุ่มอาบน้ำอย่างเชื่องช้า แม้ว่าจะมีไมเคิลอยู่ในห้องน้ำด้วยก็ตามทีจนกระทั่งอาบน้ำเสร็จสิ้น โรมีโอก็ปรายตามองชายที่มีรอยสักรูปมังกรคำรามภายในอ่างน้ำ
เอวาใช้เวลารักษาตัวต่ออีก 2 สัปดาห์หลังจากฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล โดยมีโรมีโอและไมเคิลคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ส่วนบารอนนั้นต้องพักรักษาตัวต่ออีก 1 เดือน เพราะมีการตัดอวัยวะภายในออกไปบางส่วน ทำให้ไม่สามารถออกแรงได้ อาหารการกินจำกัดลดลงดังนั้นแล้วไมเคิลและโรมีโอจึงไปๆ มาๆ ระหว่างบ้าน บริษัท และโรงพยาบาล โดยเวลาในช่วงกลางวันจะอยู่ที่บริษัท มีโรมีโอคอยชี้นิ้วสั่งงาน ส่วนไมเคิลนั้นมีหน้าที่ก้มหน้าทำตามคำสั่ง เมื่อมาที่โรงพยาบาล ไมเคิลก็ปรี่เข้าไปดูแลน้องน้อย คอยถามคะขาอยู่ไม่ห่าง นั่งจับมือเอาไว้ตลอดเวลาจนกระทั่งถึงเวลาเดินทางกลับ ส่วนโรมีโอนั้นก็ผละออกไปดูแลบารอนบ้างเล็กน้อย และใช้เวลากับคนทั้งสองในการพูดคุยเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างวันในคราแรกที่เอวาตื่นมาและได้พบหน้าของไมเคิล เด็กน้อยพลันร้องไห้โฮ โผเข้ากอดคนพี่เอาไว้แน่น พร่ำบอกขอโทษไม่หยุดปาก ไม่ต่างกันกับไมเคิล ที่โทษว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นมาจากตนเอง ทำให้น้องน้อยต้องได้รับอันตรายไปด้วย ทั้งสองคนต่างพร่ำขอโทษกันและกันไปมา สลับกับเสียงสะอื้นไห้ของเอวา จนโรมีโออดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปลูบกลุ่มผมนุ่มนั้นอย่างปลอบใจ รอยยิ้มบางเบาถูกจุด
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา