ตอนที่8
คิดถึง
วันที่อลิสไม่อยากให้มาถึง แต่มันก็ต้องยอมทำใจเมื่อชุดตำรวจตระเวนชายแดนอีกชุดเดินทางมาถึงที่หมู่บ้าน ชุดของผู้กองธนาตุลก็ได้พัก ตำรวจหลายคนก็คิดถึงภรรยาและลูกๆกันจะแย่อยู่แล้ว
“ดูแลตัวเองให้ดีนะคุณครู แล้วผมจะซื้อของมาฝาก ไม่งอแงนะคนเก่ง”
เมื่อรถของชายหนุ่มเคลื่อนออกจากหมู่บ้าน อลิสก็หันหลังให้ทันที เพราะเธอกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว
“ร้องไห้ตามผู้กองธนาตุลหรือครับคุณครู”
เสียงทักทายดังมาจากด้านหลัง แต่เป็นเสียงที่น่าจะมีอายุน้อยกว่าบิดาของอลิสไปกี่ปี
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อลิสนะคะ คุณคงเป็นผู้กองสุชาติใช่ไหมคะ”
“ใช่ ผมผู้กองสุชาติ ดูแล้วครูน่าจะอายุเท่าๆกับลูกสาวผม ยังเป็นเด็กสาวต้องมาอยู่ไกลพ่อไกลแม่แบบนี้ ลำบากหน่อยนะ”
น้ำเสียงและท่าทางของผู้กองสุชาติ แสดงถึงความเข้มแข็งและมากด้วยประสบการณ์ ถึงแม้เขาจะส่งยิ้มให้หญิงสาว แต่เธอกลับรู้สึกทั้งเคารพและก็เกรงใจ ไม่กล้าจะตีสนิทด้วย
“ขอบคุณหนูนะที่เสียสละทิ้งความสบายมาเลือกลงโรงเรียนที่นี่ หลายปีแล้วที่โรงเรียนบ้านน้ำฝายต้องให้ครูชะลอมาคอยสอนให้ ทั้งที่ท่านก็อายุมากแล้ว ลำบากช่วงแรกๆ เดี๋ยวนานๆไป หนูก็จะรักที่นี่เหมือนผู้กองตุล”
“คือที่หนูร้องไห้ ไม่ใช่เพราะหนูคิดอะไรกับผู้กองธนาตุลนะคะ แต่หนูแค่กลัวจะเหงาเพราะไม่มีเพื่อนเท่านั้นเอง”
สุชาติยิ้มมุมปาก ด้วยความเอ็นดูหญิงสาวคราวลูกที่อยู่ดี ๆก็ร้อนตัวขึ้นมา รีบปฎิเสธว่าไม่ได้คิดอะไรกับผู้กองที่เธอเพิ่งร้องไห้ถึง
“ผมก็ยังไม่ได้คิดแบบนั้นเลย คนอายุใกล้เคียงกัน มาอยู่ในที่แบบนี้ด้วยกัน เมื่ออีกคนต้องกลับบ้านไป ก็คงคิดถึงกันเป็นธรรมดา เอาเป็นว่ายินดีที่ได้รู้จักนะ มีอะไรก็ไปตามที่หมู่บ้านได้ ผมพักที่นั่น แต่ทุกวันจะมีตำรวจเปลี่ยนกันมาดูแลอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวไป”
อลิสเดินกลับมาที่โรงเรียนมีนักเรียนรอเธอสอนหนังสืออยู่ หญิงสาวพยายาไม่คิดเรื่องผู้กอง พยายามคิดถึงความฝันและหน้าที่ ที่เธอต้องทำมันให้ดีที่สุดในทุกๆวัน
“ครูคะพ่อบอกเย็นนี้ตอนมารับจะทำกับข้าวมาให้ครูด้วย”
ฟองจันทร์รีบบอกทันทีที่คุณครูคนสวยของเธอเดินเข้ามาในห้องเพราะกลัวจะลืม
“ขอบใจมานะจ๊ะฟองจันทร์”
วันนี้ฝนตกแต่เช้ากว่าจะหยุดก็สายแล้ว นักเรียนจึงมีแค่เพียงไม่กี่คน ส่วนมาเป็นเด็กๆในหมู่บ้าน เวลาที่มีนักเรียนมาน้องหญิงสาวจะสอนในก้าวหน้ามาก จนเด็กๆพวกนี้ช่วย อลิสสอนน้องเล็กๆที่ยังอ่านไม่ออกได้
“ครูนอนคนเดียวได้ไหม ให้หนูมานอนเป็นเพื่อนเอาไหม”
ฟองจันทร์กำลังเก็บของกลับบ้าน เมื่อพ่อผู้ใหญ่มารอรับพร้อมปิ่นโตอาหาร แต่เด็กน้อยเห็นหน้าคุณครูของเขาแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“ครูนอนได้ ไม่ต้องห่วงครูนะ กลับบ้านไปอย่าลืมท่องสูตรคูณด้วย พรุ่งนี้เจอกัน”
อลิสโกหกเพราะเธอคิดว่าเธอต้องนอนไม่หลับแน่ๆ หญิงสาวนั่งพักที่เก้าอี้หน้าบ้าน เธอมองไปที่กองไฟที่ชายหนุ่มชอบใช้ตั้งกาน้ำสำหรับชงกาแฟ แต่ตอนนี้มันเปียกฝน และคงไม่มีใครตื่นแต่เช้ามาใช้มันอีกนาน
เมื่อบ้านหลังนี้มีเพียงแค่เธออยู่คนเดียว หญิงสาวจึงปิดบ้านแล้วออกไปเดินเล่นรอบๆหมู่บ้านแต่ก็ไม่กล้าไปไกลมาก เพราะเธอยังไม่ค่อยรู้จักที่นี่ดี
“คืนนี้ฝนคงไม่ตกใช่ไหมผู้กอง”
อลิสมองขึ้นไปบนฟ้าและพูดกับก้อนเมฆที่ลอยอยู่บนนั้น เพื่อหวังจะฝากข้อความไปหาคนที่ป่านนี้คงถึงที่กองร้อยเรียบร้อยแล้ว
“ไปไหนล่ะครู” ชาวบ้านที่กำลังเก็บผักอยู่หันมาทักหญิงสาว
“เดินเล่นค่ะ อยู่บ้านเหงาๆเลยออกมาเดินออกกำลังกาย”
“ครูเอาผักไปผัดกิน มาฉันใส่ถุงให้ คนผัดให้ไม่อยู่แล้วครูผัดเป็นไหม”
เป็นคำถามที่ยิ่งทำให้ครูสาวรู้สึกคิดถึงผู้กองขึ้นไปอีก เพราะเขาเป็นคนที่ชอบทำผัดผักมากๆ
“เป็นค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ”
หญิงชาวบ้านส่งถุงที่ใส่ผักพื้นบ้านหลายชนิดให้กับคุณครูที่ใบหน้าดูเหงาหงอยเหลือเกิน
“คิดถึงผู้กองตุล แต่เดี๋ยวแกก็มา เปลี่ยนกันไปพักบ้าง แล้วครูอย่าเดินไปไกลนักนะ ที่นี่งูมันเยอะ มืดไปจะมองไม่เห็นเอา”
พระอาทิตย์เริ่มต่ำลง อลิสจึงเดินกลับบ้านเพราะกลัวจะมืดก่อน เธอรีบกินข้าวที่ผู้ใหญ่ทำมาฝาก ส่วนผักที่ได้มาพรุ่งค่อยผัดกินตอนเช้า
โชคดีที่คืนนี้ฝนไม่ตก ไม่อย่างนั้นคงยิ่งเป็นบรรยากาศที่เศร้ามาก ถึงแม้จะนอนไม่หลับ แต่ด้วยภาระหน้าที่อลิสจึงพยายามทำตามที่ผู้กองเคยสอนไว้เพื่อช่วยให้เธอหลับได้ง่ายขึ้น
เสียงนกร้องทำเอาหญิงสาวสะดุ้งสุดตัว เพราะนอนระแวงว่าจะตื่นไม่ทันสอนนักเรียน พอรู้สึกตัวแล้วก็เลยตื่นมาทำกับข้าวเลย
ผัดผักไปน้ำตาก็ไหลไป อลิสยังไม่เข้าใจตัวเองเลย ว่าเธอกำลังเป็นอะไร ผู้กองคือคนที่เธอเพิ่งรู้จักได้ไม่นาน แต่ทำไมการหายไปของเขาถึงทำให้เธอเป็นได้ถึงเพียงนี้
วันเวลาที่ผานไปแต่ละวันช้ามากเหลือเกินในความคิดของหญิงสาว ตอนนี้ก็ผ่านไปได้แค่เพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น อีกตั้งหลายวันกว่าที่เธอกับผู้กองจะได้เจอกัน
จากที่เคยนอนไม่หลับ ตอนนี้อลิสก็สามารถหลับได้เร็วขึ้น และตื่นขึ้นมาทำกับข้าวเช้ากินเองได้ทันทุกวัน
“ฉันดูแลตัวเองดีที่สุด ตามที่สัญญากับคุณแล้วนะ”
หญิงสาวพูดกับกาน้ำร้อนที่กำลังเดือดอยู่บนเตาไฟ เหมือนว่ามันเป็นตัวแทนของใครบางคนที่เธอกำลังคิดถึงอย่างสุดหัวใจ
“ครูตอนกลางคืนปิดประตูบ้านให้ดีๆนะ ทางการได้ข่าวมาว่ามีพวกขนยามันจะข้ามชายแดนมาตามเส้นทางธรรมชาติ แต่มันคงไม่มาทางนี้หรอก เพราะที่นี่มีตำรวจแต่เราก็ไม่ควรประมาท”
ผู้กองสุชาตินำลูกน้องตำรวจมาดูแลความเรียบร้อยของบ้านพักครู เพื่อป้องกันไว้ก่อน แต่ที่หมู่บ้านนี้ก็ยังไม่เคยมีพวกค้ายาหลงมา ส่วนมากมันจะไปหมู่บ้านเล็กๆที่ไม่มีตำรวจทหารดูแลมากกว่า
“เป็นไงบ้าง มาอยู่จะเดือนแล้ว คิดถึงบ้านไหม”
ผู้กองสุชาตินั่งคุยกับอลิส ตั้งแต่ผู้กองสุชาติมาแทน ธนาตุล เขาก็ไม่ค่อยได้มาที่โรงเรียน เพราะตอนนี้ตำรวจกำลังช่วยกันซ่อมแซมบ้านของชาวบ้านกัน
“คิดถึงค่ะ เป็นห่วงพ่อกับแม่ด้วย แต่ก็เริ่มทำใจได้แล้วค่ะ อีกไม่กี่เดือนก็จะปิดเทอมแล้ว”
สุชาติมองหญิงสาวตรงหน้าแล้วทำให้คิดถึงลูกสาวเขาขึ้นมาทันที
“ป่านนี้ลูกสาวกับภรรยาของผม ก็คงนับวันรอผมกลับ ปีหน้าผมก็จะไม่ต้องมาเปลี่ยนเวรอยู่ที่นี่แล้ว อายุมากเขาคงจะเอาพวกเด็กหนุ่มๆมา แต่ก็ดี ผมอยากอยู่กับครอบครัวบ้าง ทำงานรับใช้ชาติมาครึ่งคนแล้ว”
อย่างน้อยการคุยกับผู้กองสุชาติก็ทำให้อลิสรู้สึกเหมือนได้นั่งคุยกับบิดาของเธอ พอคลายเหงาได้บ้าง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอหายคิดถึงเจ้าของห้องนอนที่อยู่ชั้นล่างน้อยลงเลย
ตอนที่9แล้วเขาก็กลับมา วันนี้แล้วที่ผู้กองจะต้องมาที่หมู่บ้าน อลิสอารมณ์ดีตั้งแต่เช้า เพราะเหมือนกับการรอคอยของเธอจะสมหวังวันนี้แล้ว “วันนนี้ครูยิ้มทั้งวันเลย” เด็กน้อยจากหมู่บ้านข้างเคียง พูดกับอลิสเมื่อมายินรอส่งแบบฝึกหัดแล้วเห็นครูของเธอนั่งยิ้มคนเดียว “วันนี้นักเรียนของครูทุกคนน่ารัก ครูก็เลยยิ้มได้ทั้งวัน” เมื่อตอบตามตรงเด็กน้อยคงไม่เข้าใจ หญิงสาวจึงคิดคำตอบที่เข้าใจง่ายๆ ตอบหนูน้อยไป เสียงรถตำรวจที่กำลังวิ่งเข้ามาในหมู่บ้าน ทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นแรง เพราะหมายความว่าเธอกำลังจะได้เจอหน้ากับ ผู้กองธนาตุล “เก็บหนังสือเข้าที่ การบ้านใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย โรงเรียนหยุดสองวัน เจอกันอีกทีวันจันทร์นะคะทุกคน” หญิงสาวไม่กล้าที่จะเดินไปในหมู่บ้านถึงแม้จะอยากไปแค่ไหน แต่ก็ได้แต่รอให้ผู้กองเสร็จธุระในหมู่บ้านแล้วคงมาที่บ้านพักครูเอง เวลาผ่านไปนาน นานจนคนรอเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีแล้ว เพราะมองไปทางเดินที่เป็นเส้นทางจากหมู่บ้านมายังบ้านพักครู เธอก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของชายหนุ่มที่เธอรอคอย “คร
ตอนที่10ทะเลหมอกและสองเรา “แบบนี้เขาไม่เรียกตื่นเช้า เขาเรียกตื่นตั้งแต่มืดต่างหาก มืดแบบนี้จะมองเห็นเหรอทะเลหมอกของผู้กอง” อลิสหงุดหงิดที่ถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่เช้ามืดแบบนี้ เพราะแค่ทุกวันนี้เธอต้องตื่นเช้าเพื่อมาเตรียมอาหารเช้า และเตรียมมาสอน ก็ต้องใช้ควาพยายามในการเปลี่ยนตัวเองมากพออยู่แล้ว “เด็กในเมืองก็แบบนี้ พอโดนปลุกให้ตื่นตอนเช้ามืดก็ทำเป็นไม่พอใจ แล้วแบบนี้จะมาเป็นครูบนดอย ผมว่าคุณทนอยู่ที่นี่ได้ไม่ถึงปี เดี๋ยวก็ต้องหาทางลงไปสอนในเมืองแน่ๆ” ธนาตุลรู้ว่าถ้าเขาพูดดี ๆ ไม่มีทางที่หญิงสาวจะหายง่วงนอน เขาเลยแกล้งพูดยั่วโมโห แล้วมันก็ได้ผลจริงๆ “คอยดูแล้วกัน ฉันก็แกล้งบ่นแกล้งง่วงไปอย่างนั้นแหละ ตอนคุณไม่อยู่ฉันก็ตื่นเช้าทุกวัน เลิกคิดว่าฉันต้องเป็นลูกคุณหนูและทนความลำบากที่นี่ไม่ได้เสียที” เมื่อเห็นอีกฝ่ายโมโห ผู้กองกลับทั้งหัวเราะและยิ้ม จนหญิงสาวต้องเอียงตัวเพื่อหันหน้ามามองเขาด้วยความสงสัย “ผู้กองขำอะไร” หญิงสาวกระแทกเสียงถาม “ขำคนที่โดนยั่วโมโหจนหายง่วงเลย เอ๊ย!..ไม่ใช่ ไม่ได้ง่วงลืมไป ผ
ตอนที่11วันเวลาที่ผ่านไป วันเวลาเดินทางไปเร็วเสมอ เมื่อผู้กองธนาตุลมาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ “อีกไม่กี่วันคุณก็ต้องกลับลงไปข้างล่างแล้ว เฮ้อ! เวลามันเดินไวจริง ๆนะคะ” “คุณคิดถึงผมใช่ไหม” คำถามที่ดูแล้วคนถามอยากรู้คำตอบจริง บวกกับบรรยากาศที่ร่มรื่นเย็นสบายริมน้ำตกที่สงบเงียบไม่มีคน ทำให้อลิสรู้สึกกล้าที่จะพูดความจริงกลับไป “คิดถึง แล้วผู้กองล่ะคะ เวลาที่ไม่เจอกัน คุณคิดถึง อลิสเหมือนกันไหม” “ไม่เหมือน” คนฟังถึงกับรู้สึกใจหาย เมื่อคำตอยที่ได้ ไม่ใช่อย่างที่เธอคาดหวังไว้ “ไม่เป็นไรค่ะ อลิสคิดถึงผู้กองอย่างเดียวก็พอ”หญิงสาวพูดด้วยเสียงน้อยใจ และหันหน้าไปอีกทางเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าตอนนี้หัวใจของเธอมันรู้กำลังรู้สึกเหมือนคนอกหัก“ที่บอกไม่เหมือน เพราะผมคิดว่า ผมคิดถึงคุณ มากกว่าที่คุณคิดถึงผม”“เหรอคะ”คนฟังหันมายิ้มมุมปากแบบไม่เชื่อ อลิสคิดว่าชายหนุ่มคงแค่ต้องการพูดให้เธอรู้สึกดีขึ้น“ทำเสียงแบบนี้แปลว่าไม่เชื่อ คุณรู้ไหมผมกลับบ้านไป ส่วนมากก็ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและอีกอย่างที่ผมทุ่มเวลาให้คือการหารซื้อ
ตอนที่12ปัญหาของหัวใจ “คราวนี้ทำไมเอารถไปเองล่ะคะพี่ตุล” ฉัตรฤดีคู่หมั้นสาวมานั่งรอธนาตุลที่บ้านของฝ่ายชายตั้งแต่บ่าย “ขนของไปหลายอย่างเลยไม่อยากเป็นภาระให้ลูกน้องต้องลำบาก” ชายหนุ่มอธิบาย “คราวนี้ลูกชายแม่เขาขนของเหมือนกับจะย้ายไปอยู่ที่นั่นเลย โทรทัศน์ ตู้ โต๊ะ เต็มรถไปหมด” ศยามลแซวผู้เป็นลูกชาย “ผมอาจจะย้ายไปอยู่ที่นู่นจริงก็ได้นะครับ คุณแม่ก็รู้ว่าผมซื้อที่ไว้แล้ว อีกไม่นานก็คงปลูกบ้าน ความฝันของผมคือการได้ไปอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติแบบนั้น” “มาเหนื่อยๆเข้าไปในบ้านกันดีกว่าค่ะ” ฉัตรฤดีเห็นสองคนแม่รู้เริ่มจะดูพูดจาจริงจังกันเกินไป เธอยังไม่อยากให้ทั้งคู่ต้องมาทะเลาะกันในวันแรกของการกลับมาของธนาตุล “หนูฉัตรเขามารอลูกตั้งแต่บ่ายแล้ว ปกติเคยเห็นเย็นๆก็มาถึง ทำไมคราวนี้มาถึงมืดเลย” ศยามลพยายามชวนคุย เพราะเห็นท่าทางที่ลูกชายแสดงกับคู่หมั้นแล้วรู้สึกไม่สบายใจ “ความจริงน้องฉัตรไม่ต้องมารอพี่ก็ได้นะ เพราะอีกหน่อยพี่อาจไม่ได้กลับตามวันเวลาปกติ ตอนนี้พี่เริ่มเตรียมปลูกบ้านแล้ว ถ้าช่างว่างเมื่อไหร่คง
ตอนที่13เปิดตัว ปัญหาที่ค้างคาใจในความรู้สึกของธนาตุลก็ได้ถูกปลดปล่อยแล้ว ชายหนุ่มก็เดินหน้าในการที่จะสร้างบ้านบนที่ดินที่เขาซื้อไว้บนดอยบ้านน้ำฝางให้สำเร็จ “ตัดสินใจดีแล้วนะลูก” นพดลเดินมานั่งข้างๆลูกชายที่กำลังดูแบบบ้านที่เพื่อนของธนาตุลเอาแบบมาให้เลือกที่น่าจะเหมาะกับการปลุกบนภูเขา “แน่ใจที่สุดเลยครับคุณพ่อ ผมก็ไม่รู้ทำไมผมถึงได้หลงรักที่นั่นมากขนาดนี้ ไว้บ้านเสร็จผมจะพาคุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวนะครับ” “นอกจากหลงรักธรรมชาติที่นั่นแล้ว ยังมีอย่างอื่นอีกไหมที่ลูกชายของพ่อหลงรัก” นพดลสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของลูกชายตั้งแต่กลับมาจากบนดอยคราวก่อนแล้ว แต่เพิ่งมาแน่ใจก็ตอนที่ธนาตุลตัดสินใจยกเลิกการหมั้นหมายกับฉัตรฤดี เขากำลังคิดว่าลูกชายของเขากำลังมีความรัก “คุณพ่อนี่ อยู่ดี ๆ ก็มาแซวผม มาช่วยผมเลือกแบบบ้านดีกว่า” ชายหนุ่มตัดสินใจว่าจะยังไม่เล่าเรื่องนี้ให้พ่อกับแม่ของเขาฟัง แต่จะพาหญิงสาวมาแนะนำถึงที่บ้านแทน เวลาผ่านไปจนใกล้เวลาที่เขาจะต้องกลับไปที่บ้านน้ำฝาย ธนาตุลจ้างรถขนอุปกรณ์ก่อสร้างบางส่วนขึ้นไปเ
ตอนที่14ความจริงบางอย่าง ตั้งแต่วันที่กลับจากดอยลงมาอยู่ที่บ้าน ธนาตุลก็แวะเวียนมาหาหญิงสาวเกือบทุกวัน และเหลืออีกเพียงแค่สองวันเขาต้องขึ้นไปบนดอยแล้ว ส่วนอลิสยังไม่เปิดเทอมจึงยังอยู่ที่บ้านต่อ “พรุ่งนี้ผมจะขออนุญาตพาอลิสไปแนะนำกับคุณพ่อคุณแม่ของผมได้ไหมครับ” ชายหนุ่มตัดสินใจว่าก่อนขึ้นดอยครั้งนี้เขาจะต้องทำให้ทั้งสองบ้านได้รับรู้เรื่องราวระหว่างเขากับหญิงสาวให้ได้ เขาจึงตัดสินใจขออนุญาตพ่อแม่ของอลิสเพื่อพาเธอไปกินข้าวที่บ้าน เพื่อเป็นการเปิดตัวให้พ่อแม่ของเขารู้จัก “ได้สิ แต่อย่าให้กลับดึกกันนัก พ่อเข้าใจว่าบ้านของผู้กองอยู่ไกล เอาแบบนี้แล้วกัน พรุ่งนี้ผู้กองก็ค้างที่นี่เลย จะได้ไปต้องขับรถไปมา เดี๋ยวจะหลับในเอา” วิทยาออกปากเอง เพราะทุกคนในบ้านได้แต่คิดแบบนี้แต่ไม่มีใครหรอกที่จะกล้าพูด “ขอบคุณมากเลยครับ แล้วผมจะรีบพาอลิสไปและรีบพากลับ รับรองความปลอดภัยท่านทั้งสองไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” ธนาตุลสัมผัสได้ว่าบิดาของแฟนสาวเริ่มรู้สึกดีกับเขา เขาจึงตั้งใจที่จะไม่ทำให้อนาคตพ่อตาผิดหวังในตัวเขาเด็ดขาด ขับรถเกือบสอง
ตอนที่15ตัดสินใจ อลิสได้ข้อมูลของฉัตรฤดีจากบิดา เธอจึงตัดสินใจที่จะมาพูดคุยเรื่องทุกอย่างด้วยตัวเอง “สวัสดีค่ะ ฉันจะมาขอพบคุณฉัตรฤดี” “นัดไว้หรือเปล่าคะ” เลขาหน้าห้องถามเพราะไม่รู้สึกคุ้นหน้า “ไม่ได้นัดค่ะ ฉันชื่อลิสเป็นเพื่อนกับผู้กองธนาตุล ช่วยรบกวนไปบอกคุณฉัตรฤดีให้หน่อยได้ไหมคะ ว่าฉันมีเรื่องอยากคุยยด้วย” เลขาหน้าห้องเปิดประตูเข้าไปที่ห้องทำงานของเจ้านาย เพื่อไปแจ้งเรื่องที่มีคนมาขอพบ ฉัตรฤดีเพิ่งมาทำงานที่บริษัทของบิดาได้แค่เพียงไม่กี่วัน เพราะก่อนหน้านี้แม่ของเธอ เอาแต่เก็บเธอไว้อยู่แต่บ้านตั้งแต่เรียนจบ แต่หญิงสาวมาคิดดูแล ถ้าเธอยังทำตัวเหมือนเก่า สักวันเธอคงต้องกลายเป็นกบในกะลาที่โง่ลงทุกวัน จึงได้ตัดสินใจมาทำงาน “เชิญค่ะ” เลขาสาวเดินมานำอลิสเข้าไปในห้องที่เธอเพิ่งเดินออกมา“สวัสดีค่ะคุณฉัตรฤดี”อลิสยกมือไหว้ เพราะคิดว่าคนตรงหน้าอาจจะอายุเท่าๆกับผู้กอง ซื่งก็น่าจะเป็นพี่เธอแน่นอน“สวัสดีค่ะ มีอะไรถึงได้อยากมาพบฉัน คุณบอกกับเลขาว่าเป็นเพื่อนกับพี่ตุล แต่ฉันคิดว่าไม่น่าจะใช่ เพราะเราโตมาด้วยกัน ฉันแน่ใจว่าไม่เ
ตอนที่16ผู้กองสุดหล่อกับครูคนสวย วันที่สามของการกลับมาจากดอย ธนาตุลถึงได้เดินทางมาหาคนรัก เขาพาเธอไปไหว้พระ ไปหาของอร่อยกินและนอนพักค้างคืนที่บ้านของอลิสเลย แล้วค่อยเดินทางกลับบ้านพรุ่งนี้ เมื่อกินข้าวเย็นเสร็จทั้งสองคนจึงมานั่งเล่นที่สวนหน้าบ้าน เป็นเวลาที่อลิสตั้งใจจะพูดทุกอย่างที่เธอได้รู้มา “ผู้กองมีอะไรที่ยังไม่ได้บอกอลิสไหมคะ” หญิงสาวเลือกที่จะเปิดโอกาสให้ชายหนุ่มได้คิดทบทวนและตัดสินใจว่าเขาจะเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังไหม “คุณถามแบบนี้หมายถึงเรื่องอะไร ผมคิดไม่ออก” ชายหนุ่มทำท่าเหมือนไม่รู้จริงๆ ว่าเขามีเรื่องอะไรที่ยังไม่ได้บอกอลิส “ตอนนี้เราตกลงที่จะเป็นแฟนกัน ยังมีเรื่องอะไรที่อลิสควรจะรู้ในฐานะคนรักของผู้กองหรือเปล่าคะ” เมื่อถูกย้ำคำว่าคนรัก ผู้กองธนาตุลก็คิดขึ้นมาได้ทันที ว่าเขายังมีบางอย่างที่ยังไม่ได้เล่าให้เธอฟัง เพราะตอนแรกเขาคิดว่ามันไม่จำเป็น เพราะเรื่องราวมันจบลงแล้ว แต่ในเมื่ออลิสพูดแบบนี้ เขาก็เลือกที่จะพูด “เรื่องที่พี่มีคู่หมั้นแล้วพี่ยกเลิกการหมั้นใช่ไหม” “ใช่ค่ะ ไหนเล