ตอนที่7
ฤดูฝนที่ชุ่มฉ่ำใจ
เวลาผ่านไปรวดเร็วเมื่ออลิสคิดถึงวันที่ตำรวจชุดนี้ต้องถูกสับเปลี่ยน
“เมื่อคืนฝนตกคุณรู้ไหม”
ธนาตุลถามหญิงสาวที่เพิ่งตื่นนอนและเดินลงมาด้านล่างของบ้าน
“หลับสนิทไม่รู้เรื่องเลยค่ะ”
อลิสเริ่มชินกับที่นี่และเธอก็เหนื่อยกับการสอนนักเรียนจนหลับแบบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
“เมื่อคืนฝนตกแต่ไม่หนักเท่าไหร่ เริ่มเข้าหน้าฝนแล้ว ที่นี่เวลาฝนตกจะตกแทบทั้งวัน คุณไม่ต้องแปลกใจถ้าวันไหนฝนตกตอนกลางคืน อาจจะไม่มีนักเรียนมาโรงเรียน”
“ทำไมเหรอคะ”
อลิสไม่เข้าใจ เพราะฝนตกช่วงกลางคืนเกี่ยวอะไรกับตอนเช้าที่เด็ก ๆต้องมาโรงเรียนด้วย
“ถนนลาดยางที่คุณเห็นมันไม่ได้ตลอดนะ ถนนในหมู่บ้านเป็นดิน ถ้าฝนตกหนักมันก็จะเละไปหมด แล้วใครเขาจะเดินผ่านดินเละ ๆ มาเรียนกัน”
ธนาตุลอธิบายแต่น้ำเสียงก็ดุดันนิดหน่อย เพราะชายหนุ่มอยากให้อลิสเป็นคนที่ช่างสังเกตมากกว่านี้ การใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติต้องอาศัยการสังเกตจะได้รู้และเตรียมตัวรับกับภัยธรรมชาติต่าง ๆได้ทัน
“ทำเสียงดุเชียวนะคะ ฉันเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ยังไม่ถึงเดือนเลย คุณผู้กองจะให้ดิฉันเก่งเหมือนคุณได้อย่างไรกัน ชิ!”
อลิสแกล้งทำท่าน้อยใจไปอย่างนั้นแต่ลึกๆเธอแอบยิ้มด้วยซ้ำที่เขาพูดดุเพราะความเป็นห่วงเธอ
“อย่างเพิ่งไป กลับมาก่อไฟก่อน”
ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะเดินกลับไปที่ห้องนอนเพื่ออาบน้ำ ก็ถูกอีกฝ่ายเรียกให้มาก่อไฟ
“ได้ค่ะคุณตำรวจ”
อลิสกระแทกเสียงประชดแต่สีหน้ากลับยิ้ม เพราะเธอรู้ว่าที่ผู้กองเรียกเธอ ใจจริงคงอยากจะง้อกลัวเธอจะโกรธเขาเข้าจริง ๆ
“ทำไมมันไม่ติดล่ะ ผู้กองแกล้งกันหรือเปล่า”
อลิสจุดไฟแช็คเท่าไหร่มันก็ไม่ติดสักที จนเธอเริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมา แล้วคิดว่าที่มันไม่ติดน่าจะเป็นเพราะถูกผู้กองหนุ่มแกล้งแน่
“เมื่อคืนนี้ฝนตก แล้วเมื่อวานตอนที่คุณจุดไฟคุณเอาไฟแช็คเก็บไว้ที่ไหน” ธนาตุลยืนกอดอกทำหน้าจริงจัง
“ก็วางไว้ตรงนี้ไม่ได้เอาไหนเลย” คนตอบยังคิดไม่ได้ว่าตัวเองทำอะไรผิด
“เออ...ใช่ ฝนตกมันก็เลยเปียกฝนนนนน”
อลิสลุกขึ้นมาเกาะแขนชายหนุ่ม ทำท่าเป็นลูกแมวสำนึกผิด เมื่อรู้ตัวว่าเธอคืนต้นเหตุ
“ไปเอาอันใหม่มา อยู่ในตู้ยา แล้วต่อไปนี้ใช้แล้วก็เก็บเข้าที่ด้วย”
เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายทำท่ายอมรับผิด ผู้กองหนุ่มได้ทีก็ดุเอาจริงเอาจัง
“ทำเป็นเข้ม” อลิสพูดเสียงเบาด้วยความหมั่นไส้
“บ่นอะไร”
“เปล่าค่ะผู้กองสุดหล่อ”
คนมีความผิดตะโกนเสียงดังออกมาจากบ้าน แต่น้ำเสียงกับคำพูดดูสวนทางกัน จนผู้กองหนุ่มอดขำไม่ได้
“ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวผมทำกับข้าวให้ วันนี้ไม่น่าจะมีนักเรียนมา ถ้ามีก็คงไม่มาก”
ธนาตุลตั้งใจจะทำกับข้าวเองอยู่แล้ว แต่ที่เรียกให้หญิงสาวมาจุดไฟเพราะต้องการให้อลิสเรียนรู้ว่า เมื่อถึงฤดูฝนเธอต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
วันนี้มีนักเรียนจากในหมู่บ้านมาเพียงแค่ห้าคนเท่านั้น อลิสจึงสอนแบบรายตัวและปล่อยให้กลับบ้านครึ่งวันเพราะกลัวฝนจะตกช่วงบ่าย
“ว่างแล้วสิคุณครู”
ชายหนุ่มเดินเอากับข้าวมื้อกลางวันมาส่งหญิงสาวที่โรงเรียน แต่พบเพียงอลิสกำลังนั่งเขียนแบบฝึกหัดให้นักเรียนอยู่คนเดียว
“ค่ะ เด็ก ๆ เพิ่งกลับบ้านไป มองดูท้องฟ้าแล้ว กลัวฝนจะตกช่วงบ่าย เลยให้กลับบ้านก่อนดีกว่า”
“เริ่มเก่งแล้วนะคุณครู เมฆดำแบบนี้ดูเหมือนอยู่ไกล แต่ลมพัดแรง ไม่นานเมฆพวกนี้ก็จะมาถึงหมู่บ้าน กินข้าวกันเถอะ จะได้ช่วยกันปิดโรงเรียน”
ระหว่างที่นั่งกินข้าว ชายหนุ่มก็บอกเล่าถึงความเป็นอยู่ของคนที่นี่ในช่วงหน้าฝน เพื่อให้ผู้มาอยู่ใหม่เข้าใจ
“ฝนไม่ใช่สิ่งที่คนที่นี่กลัว แต่ที่น่ากลัวคือลมพายุ แต่ก็ไม่ได้มีทุกปี แต่ถ้ามีขึ้นมา คุณก็ต้องตั้งสติให้ดี เพราะบ้านของชาวบ้านบางคนก็ไม่ได้แข็งแรงพอจะต้านทานลมได้ พากันหลังคาปลิวก็มี ตอนนี้ทางการก็พยายามหางบประมาณมาซ่อมแซมให้แข็งแรงแต่ก็ยังไม่ทั่วถึง”
อลิสนั่งฟังด้วยความตั้งใจ เพราะเธอเองรู้ว่าอีกไม่กี่วันผู้กองก็ต้องกลับแล้ว และเธอก็ต้องอยู่คนเดียว
“แล้วบ้านพักครูล่ะคะ แข็งแรงดีไหม”
หญิงสาวกลัวว่าเมื่อพายุมาแล้วเธอนอนอยู่ หลังคาบ้านจะปลิวตามลมไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ที่นี่ปลอดภัยที่สุด เพราะไม่ได้อยู่ในทิศที่ลมผ่านและหลังคาก็เพิ่งถูกซ่อมแซมเปลี่ยนใหม่ เมื่อตอนที่รู้ว่าคุณจะมาอยู่”
ลมเริ่มพัดมา ใบไม้เริ่มปลิว เสียงกิ่งไม้ที่โยกไปมากระทบกับหลังคาของโรงเรียน ส่งเสียงดัง ทำให้ทั้งคู่ต้องรีบปิดหน้าต่าง ประตูโรงเรียนแล้วเดินกลับบ้านพักครูที่อยู่ไม่ไกลกัน
“ลมแรงมากเลยค่ะ” อลิสต้องจับแขนคนตัวใหญ่ไว้เมื่อเดินออกมาจากตัวอาคาร
“แบบนี้เขาเรียกแค่ลมพัดพาฝนมา ยังไม่ใช่พายุ เดี๋ยวพอฝนตกสักพักลมก็จะสงบลง”
หญิงสาวคิดว่าที่เธอกำลังเจอคือพายุแล้ว สุดท้ายมันคือแค่ลมธรรมดา ถ้าเป็นพายุจะน่ากลัวขนาดไหนกันนี่
“รีบไปอาบน้ำเลย ถ้าฟ้าร้องฝนตกหนัก ไฟจะถูกตัดเพื่อกันไฟฟ้ารั่ว เทียนผมเตรียมไว้ให้ทั้งในห้องนอนและห้องน้ำ อย่าบอกนะว่าไม่เคยเห็น”
“เห็นค่ะ ผู้กองพูดเหมือนอลิสเป็นคนไม่สังเกตอะไรเลย เริ่มน้อยใจแล้วนะ”
เมื่อรู้สึกเหมือนถูกต่อว่าเข้าบ่อยๆ จากที่งอนเล่นๆ ตอนนี้หญิงสาวรู้สึกน้อยใจเข้าจริงๆ
จากลมก็เปลี่ยนเป็นฝน เสียงหลังคาที่ถูกน้ำฝนตกลงมากระทบ ทำให้อลิสรู้สึกทั้งกลัว ทั้งเหงา คิดบ้าน จะลงไปข้างล่างก็ยังรู้สึกน้อยใจที่โดนว่าอยู่ จึงได้แต่นั่งกอดเข่าทั้งสองข้างอยู่บนเตียงนอน
“ถ้าง่วงทำไมไม่นอน ลงไปกินข้าวกันเถอะจะมืดแล้ว”
เสียงที่เคยดุเธอเปลี่ยนเป็นเสียงที่ดูห่วงใยแทน เมื่อชายหนุ่มขึ้นมาเห็นหญิงสาวตัวเล็กนั่งกอดเข่าหน้าแนบแขนเหมือนคนที่กำลังง่วงแต่ไม่อยากนอน
“คุณทำกับข้าวได้เหรอ ทั้งลมทั้งฝนแบบนี้”
“ผมก็เอาเข้ามาทำในบ้าน แต่วันนี้กินมาม่าต้มใส่ไข่กับผักหลังบ้านไปก่อนนะ มันทำง่ายดี”
ชายหนุ่มส่งมือมาให้หญิงสาวที่ยังคงทำหน้าแบบน้อยใจอยู่ ให้ลุกขึ้นจากเตียงและลงไปกินข้าวพร้อมเขา
“โกรธผมเหรอที่ดุคุณ”
“เปล่า...แต่ทีหลังก็อย่าดุบ่อย”
“ผมไม่อยู่แล้วคุณจะคิดถึง ไม่มีใครดุ”
ธนาตุลพูดเล่นๆ แต่กลายเป็นว่าทำเอาอลิสคว้าแขนเขามากอดแล้วร้องไห้ออกมา จนชายหนุ่มงงจนทำอะไรไม่ถูก
“เป็นอะไรอีกคุณครู ร้องไห้ทำไม ผมยังไม่ได้ดุเลยสักคำนะ”
“อีกสองวันคุณก็จะกลับแล้ว คิดถึง”
หญิงสาวไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองพูดคำนั้นออกไปได้อย่างไรกัน แต่มันออกมาจากใจจริงๆ
“อย่าทำให้ผมเป็นห่วงสิ ผมกลับไปหาพ่อกับแม่ ใช่ว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านเลย ผู้กองสุชาติจะช่วยดูแลคุณ รับรองว่าดูแลดีกว่าผมแน่นอนเพราะผู้กองเขาอยู่ที่นี่มานานกว่าผม”
“ไม่เอาผู้กองคนอื่น จะเอาแต่ผู้กองคนนี้”
มือหนาลูบลงบนผมหนาด้วยความเอ็นดู เขาก็ยังไม่อยากกลับ แต่ภาระหน้าที่มันทำให้ทุกอย่างต้องเป็นไปตามเวลา
“เราเป็นข้าราชการ เราเลือกแล้วที่จะเสียสละมาอยู่บนเขาบนดอยแบบนี้ เราต้องเข้มแข็ง ผมสัญญาผมจะกลับมาหาคุณแน่ๆ และคุณต้องสัญญาว่าจะดูแลตัวเองดีๆ ไม่ทำให้ผมต้องเป็นห่วง เข้าใจไหมครับคุณครู”
“ค่ะ ผู้กองอลิสสัญญา”
ตอนที่8คิดถึง วันที่อลิสไม่อยากให้มาถึง แต่มันก็ต้องยอมทำใจเมื่อชุดตำรวจตระเวนชายแดนอีกชุดเดินทางมาถึงที่หมู่บ้าน ชุดของผู้กองธนาตุลก็ได้พัก ตำรวจหลายคนก็คิดถึงภรรยาและลูกๆกันจะแย่อยู่แล้ว “ดูแลตัวเองให้ดีนะคุณครู แล้วผมจะซื้อของมาฝาก ไม่งอแงนะคนเก่ง” เมื่อรถของชายหนุ่มเคลื่อนออกจากหมู่บ้าน อลิสก็หันหลังให้ทันที เพราะเธอกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว “ร้องไห้ตามผู้กองธนาตุลหรือครับคุณครู” เสียงทักทายดังมาจากด้านหลัง แต่เป็นเสียงที่น่าจะมีอายุน้อยกว่าบิดาของอลิสไปกี่ปี “สวัสดีค่ะ หนูชื่อลิสนะคะ คุณคงเป็นผู้กองสุชาติใช่ไหมคะ” “ใช่ ผมผู้กองสุชาติ ดูแล้วครูน่าจะอายุเท่าๆกับลูกสาวผม ยังเป็นเด็กสาวต้องมาอยู่ไกลพ่อไกลแม่แบบนี้ ลำบากหน่อยนะ” น้ำเสียงและท่าทางของผู้กองสุชาติ แสดงถึงความเข้มแข็งและมากด้วยประสบการณ์ ถึงแม้เขาจะส่งยิ้มให้หญิงสาว แต่เธอกลับรู้สึกทั้งเคารพและก็เกรงใจ ไม่กล้าจะตีสนิทด้วย “ขอบคุณหนูนะที่เสียสละทิ้งความสบายมาเลือกลงโรงเรียนที่นี่ หลายปีแล้วที่โรงเรียนบ้านน้ำฝายต้องให้ครูชะลอมาคอยสอน
ตอนที่9แล้วเขาก็กลับมา วันนี้แล้วที่ผู้กองจะต้องมาที่หมู่บ้าน อลิสอารมณ์ดีตั้งแต่เช้า เพราะเหมือนกับการรอคอยของเธอจะสมหวังวันนี้แล้ว “วันนนี้ครูยิ้มทั้งวันเลย” เด็กน้อยจากหมู่บ้านข้างเคียง พูดกับอลิสเมื่อมายินรอส่งแบบฝึกหัดแล้วเห็นครูของเธอนั่งยิ้มคนเดียว “วันนี้นักเรียนของครูทุกคนน่ารัก ครูก็เลยยิ้มได้ทั้งวัน” เมื่อตอบตามตรงเด็กน้อยคงไม่เข้าใจ หญิงสาวจึงคิดคำตอบที่เข้าใจง่ายๆ ตอบหนูน้อยไป เสียงรถตำรวจที่กำลังวิ่งเข้ามาในหมู่บ้าน ทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นแรง เพราะหมายความว่าเธอกำลังจะได้เจอหน้ากับ ผู้กองธนาตุล “เก็บหนังสือเข้าที่ การบ้านใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย โรงเรียนหยุดสองวัน เจอกันอีกทีวันจันทร์นะคะทุกคน” หญิงสาวไม่กล้าที่จะเดินไปในหมู่บ้านถึงแม้จะอยากไปแค่ไหน แต่ก็ได้แต่รอให้ผู้กองเสร็จธุระในหมู่บ้านแล้วคงมาที่บ้านพักครูเอง เวลาผ่านไปนาน นานจนคนรอเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีแล้ว เพราะมองไปทางเดินที่เป็นเส้นทางจากหมู่บ้านมายังบ้านพักครู เธอก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของชายหนุ่มที่เธอรอคอย “คร
ตอนที่10ทะเลหมอกและสองเรา “แบบนี้เขาไม่เรียกตื่นเช้า เขาเรียกตื่นตั้งแต่มืดต่างหาก มืดแบบนี้จะมองเห็นเหรอทะเลหมอกของผู้กอง” อลิสหงุดหงิดที่ถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่เช้ามืดแบบนี้ เพราะแค่ทุกวันนี้เธอต้องตื่นเช้าเพื่อมาเตรียมอาหารเช้า และเตรียมมาสอน ก็ต้องใช้ควาพยายามในการเปลี่ยนตัวเองมากพออยู่แล้ว “เด็กในเมืองก็แบบนี้ พอโดนปลุกให้ตื่นตอนเช้ามืดก็ทำเป็นไม่พอใจ แล้วแบบนี้จะมาเป็นครูบนดอย ผมว่าคุณทนอยู่ที่นี่ได้ไม่ถึงปี เดี๋ยวก็ต้องหาทางลงไปสอนในเมืองแน่ๆ” ธนาตุลรู้ว่าถ้าเขาพูดดี ๆ ไม่มีทางที่หญิงสาวจะหายง่วงนอน เขาเลยแกล้งพูดยั่วโมโห แล้วมันก็ได้ผลจริงๆ “คอยดูแล้วกัน ฉันก็แกล้งบ่นแกล้งง่วงไปอย่างนั้นแหละ ตอนคุณไม่อยู่ฉันก็ตื่นเช้าทุกวัน เลิกคิดว่าฉันต้องเป็นลูกคุณหนูและทนความลำบากที่นี่ไม่ได้เสียที” เมื่อเห็นอีกฝ่ายโมโห ผู้กองกลับทั้งหัวเราะและยิ้ม จนหญิงสาวต้องเอียงตัวเพื่อหันหน้ามามองเขาด้วยความสงสัย “ผู้กองขำอะไร” หญิงสาวกระแทกเสียงถาม “ขำคนที่โดนยั่วโมโหจนหายง่วงเลย เอ๊ย!..ไม่ใช่ ไม่ได้ง่วงลืมไป ผ
ตอนที่11วันเวลาที่ผ่านไป วันเวลาเดินทางไปเร็วเสมอ เมื่อผู้กองธนาตุลมาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ “อีกไม่กี่วันคุณก็ต้องกลับลงไปข้างล่างแล้ว เฮ้อ! เวลามันเดินไวจริง ๆนะคะ” “คุณคิดถึงผมใช่ไหม” คำถามที่ดูแล้วคนถามอยากรู้คำตอบจริง บวกกับบรรยากาศที่ร่มรื่นเย็นสบายริมน้ำตกที่สงบเงียบไม่มีคน ทำให้อลิสรู้สึกกล้าที่จะพูดความจริงกลับไป “คิดถึง แล้วผู้กองล่ะคะ เวลาที่ไม่เจอกัน คุณคิดถึง อลิสเหมือนกันไหม” “ไม่เหมือน” คนฟังถึงกับรู้สึกใจหาย เมื่อคำตอยที่ได้ ไม่ใช่อย่างที่เธอคาดหวังไว้ “ไม่เป็นไรค่ะ อลิสคิดถึงผู้กองอย่างเดียวก็พอ”หญิงสาวพูดด้วยเสียงน้อยใจ และหันหน้าไปอีกทางเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าตอนนี้หัวใจของเธอมันรู้กำลังรู้สึกเหมือนคนอกหัก“ที่บอกไม่เหมือน เพราะผมคิดว่า ผมคิดถึงคุณ มากกว่าที่คุณคิดถึงผม”“เหรอคะ”คนฟังหันมายิ้มมุมปากแบบไม่เชื่อ อลิสคิดว่าชายหนุ่มคงแค่ต้องการพูดให้เธอรู้สึกดีขึ้น“ทำเสียงแบบนี้แปลว่าไม่เชื่อ คุณรู้ไหมผมกลับบ้านไป ส่วนมากก็ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและอีกอย่างที่ผมทุ่มเวลาให้คือการหารซื้อ
ตอนที่12ปัญหาของหัวใจ “คราวนี้ทำไมเอารถไปเองล่ะคะพี่ตุล” ฉัตรฤดีคู่หมั้นสาวมานั่งรอธนาตุลที่บ้านของฝ่ายชายตั้งแต่บ่าย “ขนของไปหลายอย่างเลยไม่อยากเป็นภาระให้ลูกน้องต้องลำบาก” ชายหนุ่มอธิบาย “คราวนี้ลูกชายแม่เขาขนของเหมือนกับจะย้ายไปอยู่ที่นั่นเลย โทรทัศน์ ตู้ โต๊ะ เต็มรถไปหมด” ศยามลแซวผู้เป็นลูกชาย “ผมอาจจะย้ายไปอยู่ที่นู่นจริงก็ได้นะครับ คุณแม่ก็รู้ว่าผมซื้อที่ไว้แล้ว อีกไม่นานก็คงปลูกบ้าน ความฝันของผมคือการได้ไปอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติแบบนั้น” “มาเหนื่อยๆเข้าไปในบ้านกันดีกว่าค่ะ” ฉัตรฤดีเห็นสองคนแม่รู้เริ่มจะดูพูดจาจริงจังกันเกินไป เธอยังไม่อยากให้ทั้งคู่ต้องมาทะเลาะกันในวันแรกของการกลับมาของธนาตุล “หนูฉัตรเขามารอลูกตั้งแต่บ่ายแล้ว ปกติเคยเห็นเย็นๆก็มาถึง ทำไมคราวนี้มาถึงมืดเลย” ศยามลพยายามชวนคุย เพราะเห็นท่าทางที่ลูกชายแสดงกับคู่หมั้นแล้วรู้สึกไม่สบายใจ “ความจริงน้องฉัตรไม่ต้องมารอพี่ก็ได้นะ เพราะอีกหน่อยพี่อาจไม่ได้กลับตามวันเวลาปกติ ตอนนี้พี่เริ่มเตรียมปลูกบ้านแล้ว ถ้าช่างว่างเมื่อไหร่คง
ตอนที่13เปิดตัว ปัญหาที่ค้างคาใจในความรู้สึกของธนาตุลก็ได้ถูกปลดปล่อยแล้ว ชายหนุ่มก็เดินหน้าในการที่จะสร้างบ้านบนที่ดินที่เขาซื้อไว้บนดอยบ้านน้ำฝางให้สำเร็จ “ตัดสินใจดีแล้วนะลูก” นพดลเดินมานั่งข้างๆลูกชายที่กำลังดูแบบบ้านที่เพื่อนของธนาตุลเอาแบบมาให้เลือกที่น่าจะเหมาะกับการปลุกบนภูเขา “แน่ใจที่สุดเลยครับคุณพ่อ ผมก็ไม่รู้ทำไมผมถึงได้หลงรักที่นั่นมากขนาดนี้ ไว้บ้านเสร็จผมจะพาคุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวนะครับ” “นอกจากหลงรักธรรมชาติที่นั่นแล้ว ยังมีอย่างอื่นอีกไหมที่ลูกชายของพ่อหลงรัก” นพดลสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของลูกชายตั้งแต่กลับมาจากบนดอยคราวก่อนแล้ว แต่เพิ่งมาแน่ใจก็ตอนที่ธนาตุลตัดสินใจยกเลิกการหมั้นหมายกับฉัตรฤดี เขากำลังคิดว่าลูกชายของเขากำลังมีความรัก “คุณพ่อนี่ อยู่ดี ๆ ก็มาแซวผม มาช่วยผมเลือกแบบบ้านดีกว่า” ชายหนุ่มตัดสินใจว่าจะยังไม่เล่าเรื่องนี้ให้พ่อกับแม่ของเขาฟัง แต่จะพาหญิงสาวมาแนะนำถึงที่บ้านแทน เวลาผ่านไปจนใกล้เวลาที่เขาจะต้องกลับไปที่บ้านน้ำฝาย ธนาตุลจ้างรถขนอุปกรณ์ก่อสร้างบางส่วนขึ้นไปเ
ตอนที่14ความจริงบางอย่าง ตั้งแต่วันที่กลับจากดอยลงมาอยู่ที่บ้าน ธนาตุลก็แวะเวียนมาหาหญิงสาวเกือบทุกวัน และเหลืออีกเพียงแค่สองวันเขาต้องขึ้นไปบนดอยแล้ว ส่วนอลิสยังไม่เปิดเทอมจึงยังอยู่ที่บ้านต่อ “พรุ่งนี้ผมจะขออนุญาตพาอลิสไปแนะนำกับคุณพ่อคุณแม่ของผมได้ไหมครับ” ชายหนุ่มตัดสินใจว่าก่อนขึ้นดอยครั้งนี้เขาจะต้องทำให้ทั้งสองบ้านได้รับรู้เรื่องราวระหว่างเขากับหญิงสาวให้ได้ เขาจึงตัดสินใจขออนุญาตพ่อแม่ของอลิสเพื่อพาเธอไปกินข้าวที่บ้าน เพื่อเป็นการเปิดตัวให้พ่อแม่ของเขารู้จัก “ได้สิ แต่อย่าให้กลับดึกกันนัก พ่อเข้าใจว่าบ้านของผู้กองอยู่ไกล เอาแบบนี้แล้วกัน พรุ่งนี้ผู้กองก็ค้างที่นี่เลย จะได้ไปต้องขับรถไปมา เดี๋ยวจะหลับในเอา” วิทยาออกปากเอง เพราะทุกคนในบ้านได้แต่คิดแบบนี้แต่ไม่มีใครหรอกที่จะกล้าพูด “ขอบคุณมากเลยครับ แล้วผมจะรีบพาอลิสไปและรีบพากลับ รับรองความปลอดภัยท่านทั้งสองไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” ธนาตุลสัมผัสได้ว่าบิดาของแฟนสาวเริ่มรู้สึกดีกับเขา เขาจึงตั้งใจที่จะไม่ทำให้อนาคตพ่อตาผิดหวังในตัวเขาเด็ดขาด ขับรถเกือบสอง
ตอนที่15ตัดสินใจ อลิสได้ข้อมูลของฉัตรฤดีจากบิดา เธอจึงตัดสินใจที่จะมาพูดคุยเรื่องทุกอย่างด้วยตัวเอง “สวัสดีค่ะ ฉันจะมาขอพบคุณฉัตรฤดี” “นัดไว้หรือเปล่าคะ” เลขาหน้าห้องถามเพราะไม่รู้สึกคุ้นหน้า “ไม่ได้นัดค่ะ ฉันชื่อลิสเป็นเพื่อนกับผู้กองธนาตุล ช่วยรบกวนไปบอกคุณฉัตรฤดีให้หน่อยได้ไหมคะ ว่าฉันมีเรื่องอยากคุยยด้วย” เลขาหน้าห้องเปิดประตูเข้าไปที่ห้องทำงานของเจ้านาย เพื่อไปแจ้งเรื่องที่มีคนมาขอพบ ฉัตรฤดีเพิ่งมาทำงานที่บริษัทของบิดาได้แค่เพียงไม่กี่วัน เพราะก่อนหน้านี้แม่ของเธอ เอาแต่เก็บเธอไว้อยู่แต่บ้านตั้งแต่เรียนจบ แต่หญิงสาวมาคิดดูแล ถ้าเธอยังทำตัวเหมือนเก่า สักวันเธอคงต้องกลายเป็นกบในกะลาที่โง่ลงทุกวัน จึงได้ตัดสินใจมาทำงาน “เชิญค่ะ” เลขาสาวเดินมานำอลิสเข้าไปในห้องที่เธอเพิ่งเดินออกมา“สวัสดีค่ะคุณฉัตรฤดี”อลิสยกมือไหว้ เพราะคิดว่าคนตรงหน้าอาจจะอายุเท่าๆกับผู้กอง ซื่งก็น่าจะเป็นพี่เธอแน่นอน“สวัสดีค่ะ มีอะไรถึงได้อยากมาพบฉัน คุณบอกกับเลขาว่าเป็นเพื่อนกับพี่ตุล แต่ฉันคิดว่าไม่น่าจะใช่ เพราะเราโตมาด้วยกัน ฉันแน่ใจว่าไม่เ