Share

ฤดูฝนที่ชุ่มฉ่ำใจ

ตอนที่7

ฤดูฝนที่ชุ่มฉ่ำใจ

          เวลาผ่านไปรวดเร็วเมื่ออลิสคิดถึงวันที่ตำรวจชุดนี้ต้องถูกสับเปลี่ยน

          “เมื่อคืนฝนตกคุณรู้ไหม”

         ธนาตุลถามหญิงสาวที่เพิ่งตื่นนอนและเดินลงมาด้านล่างของบ้าน

          “หลับสนิทไม่รู้เรื่องเลยค่ะ”

          อลิสเริ่มชินกับที่นี่และเธอก็เหนื่อยกับการสอนนักเรียนจนหลับแบบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย

          “เมื่อคืนฝนตกแต่ไม่หนักเท่าไหร่ เริ่มเข้าหน้าฝนแล้ว ที่นี่เวลาฝนตกจะตกแทบทั้งวัน คุณไม่ต้องแปลกใจถ้าวันไหนฝนตกตอนกลางคืน อาจจะไม่มีนักเรียนมาโรงเรียน”

          “ทำไมเหรอคะ”

          อลิสไม่เข้าใจ เพราะฝนตกช่วงกลางคืนเกี่ยวอะไรกับตอนเช้าที่เด็ก ๆต้องมาโรงเรียนด้วย

          “ถนนลาดยางที่คุณเห็นมันไม่ได้ตลอดนะ ถนนในหมู่บ้านเป็นดิน ถ้าฝนตกหนักมันก็จะเละไปหมด แล้วใครเขาจะเดินผ่านดินเละ ๆ มาเรียนกัน”

          ธนาตุลอธิบายแต่น้ำเสียงก็ดุดันนิดหน่อย เพราะชายหนุ่มอยากให้อลิสเป็นคนที่ช่างสังเกตมากกว่านี้ การใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติต้องอาศัยการสังเกตจะได้รู้และเตรียมตัวรับกับภัยธรรมชาติต่าง ๆได้ทัน

          “ทำเสียงดุเชียวนะคะ ฉันเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ยังไม่ถึงเดือนเลย คุณผู้กองจะให้ดิฉันเก่งเหมือนคุณได้อย่างไรกัน ชิ!”

          อลิสแกล้งทำท่าน้อยใจไปอย่างนั้นแต่ลึกๆเธอแอบยิ้มด้วยซ้ำที่เขาพูดดุเพราะความเป็นห่วงเธอ

          “อย่างเพิ่งไป กลับมาก่อไฟก่อน”

          ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะเดินกลับไปที่ห้องนอนเพื่ออาบน้ำ ก็ถูกอีกฝ่ายเรียกให้มาก่อไฟ

          “ได้ค่ะคุณตำรวจ”

          อลิสกระแทกเสียงประชดแต่สีหน้ากลับยิ้ม เพราะเธอรู้ว่าที่ผู้กองเรียกเธอ ใจจริงคงอยากจะง้อกลัวเธอจะโกรธเขาเข้าจริง ๆ

          “ทำไมมันไม่ติดล่ะ ผู้กองแกล้งกันหรือเปล่า”

          อลิสจุดไฟแช็คเท่าไหร่มันก็ไม่ติดสักที จนเธอเริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมา แล้วคิดว่าที่มันไม่ติดน่าจะเป็นเพราะถูกผู้กองหนุ่มแกล้งแน่

         “เมื่อคืนนี้ฝนตก แล้วเมื่อวานตอนที่คุณจุดไฟคุณเอาไฟแช็คเก็บไว้ที่ไหน” ธนาตุลยืนกอดอกทำหน้าจริงจัง

          “ก็วางไว้ตรงนี้ไม่ได้เอาไหนเลย” คนตอบยังคิดไม่ได้ว่าตัวเองทำอะไรผิด

          “เออ...ใช่ ฝนตกมันก็เลยเปียกฝนนนนน”

          อลิสลุกขึ้นมาเกาะแขนชายหนุ่ม ทำท่าเป็นลูกแมวสำนึกผิด เมื่อรู้ตัวว่าเธอคืนต้นเหตุ

          “ไปเอาอันใหม่มา อยู่ในตู้ยา แล้วต่อไปนี้ใช้แล้วก็เก็บเข้าที่ด้วย”

          เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายทำท่ายอมรับผิด ผู้กองหนุ่มได้ทีก็ดุเอาจริงเอาจัง

          “ทำเป็นเข้ม” อลิสพูดเสียงเบาด้วยความหมั่นไส้

          “บ่นอะไร”

         “เปล่าค่ะผู้กองสุดหล่อ”

          คนมีความผิดตะโกนเสียงดังออกมาจากบ้าน แต่น้ำเสียงกับคำพูดดูสวนทางกัน จนผู้กองหนุ่มอดขำไม่ได้

          “ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวผมทำกับข้าวให้ วันนี้ไม่น่าจะมีนักเรียนมา ถ้ามีก็คงไม่มาก”

          ธนาตุลตั้งใจจะทำกับข้าวเองอยู่แล้ว แต่ที่เรียกให้หญิงสาวมาจุดไฟเพราะต้องการให้อลิสเรียนรู้ว่า เมื่อถึงฤดูฝนเธอต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

          วันนี้มีนักเรียนจากในหมู่บ้านมาเพียงแค่ห้าคนเท่านั้น         อลิสจึงสอนแบบรายตัวและปล่อยให้กลับบ้านครึ่งวันเพราะกลัวฝนจะตกช่วงบ่าย

          “ว่างแล้วสิคุณครู”

          ชายหนุ่มเดินเอากับข้าวมื้อกลางวันมาส่งหญิงสาวที่โรงเรียน แต่พบเพียงอลิสกำลังนั่งเขียนแบบฝึกหัดให้นักเรียนอยู่คนเดียว

         “ค่ะ เด็ก ๆ เพิ่งกลับบ้านไป มองดูท้องฟ้าแล้ว กลัวฝนจะตกช่วงบ่าย เลยให้กลับบ้านก่อนดีกว่า”

          “เริ่มเก่งแล้วนะคุณครู เมฆดำแบบนี้ดูเหมือนอยู่ไกล แต่ลมพัดแรง ไม่นานเมฆพวกนี้ก็จะมาถึงหมู่บ้าน กินข้าวกันเถอะ จะได้ช่วยกันปิดโรงเรียน”

          ระหว่างที่นั่งกินข้าว ชายหนุ่มก็บอกเล่าถึงความเป็นอยู่ของคนที่นี่ในช่วงหน้าฝน เพื่อให้ผู้มาอยู่ใหม่เข้าใจ

          “ฝนไม่ใช่สิ่งที่คนที่นี่กลัว แต่ที่น่ากลัวคือลมพายุ แต่ก็ไม่ได้มีทุกปี แต่ถ้ามีขึ้นมา คุณก็ต้องตั้งสติให้ดี เพราะบ้านของชาวบ้านบางคนก็ไม่ได้แข็งแรงพอจะต้านทานลมได้ พากันหลังคาปลิวก็มี ตอนนี้ทางการก็พยายามหางบประมาณมาซ่อมแซมให้แข็งแรงแต่ก็ยังไม่ทั่วถึง”

          อลิสนั่งฟังด้วยความตั้งใจ เพราะเธอเองรู้ว่าอีกไม่กี่วันผู้กองก็ต้องกลับแล้ว และเธอก็ต้องอยู่คนเดียว

          “แล้วบ้านพักครูล่ะคะ แข็งแรงดีไหม”

          หญิงสาวกลัวว่าเมื่อพายุมาแล้วเธอนอนอยู่ หลังคาบ้านจะปลิวตามลมไปอย่างไม่ทันตั้งตัว

          “ที่นี่ปลอดภัยที่สุด เพราะไม่ได้อยู่ในทิศที่ลมผ่านและหลังคาก็เพิ่งถูกซ่อมแซมเปลี่ยนใหม่ เมื่อตอนที่รู้ว่าคุณจะมาอยู่”

          ลมเริ่มพัดมา ใบไม้เริ่มปลิว เสียงกิ่งไม้ที่โยกไปมากระทบกับหลังคาของโรงเรียน ส่งเสียงดัง ทำให้ทั้งคู่ต้องรีบปิดหน้าต่าง ประตูโรงเรียนแล้วเดินกลับบ้านพักครูที่อยู่ไม่ไกลกัน

          “ลมแรงมากเลยค่ะ” อลิสต้องจับแขนคนตัวใหญ่ไว้เมื่อเดินออกมาจากตัวอาคาร

          “แบบนี้เขาเรียกแค่ลมพัดพาฝนมา ยังไม่ใช่พายุ เดี๋ยวพอฝนตกสักพักลมก็จะสงบลง”

          หญิงสาวคิดว่าที่เธอกำลังเจอคือพายุแล้ว สุดท้ายมันคือแค่ลมธรรมดา ถ้าเป็นพายุจะน่ากลัวขนาดไหนกันนี่

          “รีบไปอาบน้ำเลย ถ้าฟ้าร้องฝนตกหนัก ไฟจะถูกตัดเพื่อกันไฟฟ้ารั่ว เทียนผมเตรียมไว้ให้ทั้งในห้องนอนและห้องน้ำ อย่าบอกนะว่าไม่เคยเห็น”

          “เห็นค่ะ ผู้กองพูดเหมือนอลิสเป็นคนไม่สังเกตอะไรเลย เริ่มน้อยใจแล้วนะ”

          เมื่อรู้สึกเหมือนถูกต่อว่าเข้าบ่อยๆ จากที่งอนเล่นๆ ตอนนี้หญิงสาวรู้สึกน้อยใจเข้าจริงๆ

          จากลมก็เปลี่ยนเป็นฝน เสียงหลังคาที่ถูกน้ำฝนตกลงมากระทบ ทำให้อลิสรู้สึกทั้งกลัว ทั้งเหงา คิดบ้าน จะลงไปข้างล่างก็ยังรู้สึกน้อยใจที่โดนว่าอยู่ จึงได้แต่นั่งกอดเข่าทั้งสองข้างอยู่บนเตียงนอน

          “ถ้าง่วงทำไมไม่นอน ลงไปกินข้าวกันเถอะจะมืดแล้ว”

          เสียงที่เคยดุเธอเปลี่ยนเป็นเสียงที่ดูห่วงใยแทน เมื่อชายหนุ่มขึ้นมาเห็นหญิงสาวตัวเล็กนั่งกอดเข่าหน้าแนบแขนเหมือนคนที่กำลังง่วงแต่ไม่อยากนอน

          “คุณทำกับข้าวได้เหรอ ทั้งลมทั้งฝนแบบนี้”

          “ผมก็เอาเข้ามาทำในบ้าน แต่วันนี้กินมาม่าต้มใส่ไข่กับผักหลังบ้านไปก่อนนะ มันทำง่ายดี”

          ชายหนุ่มส่งมือมาให้หญิงสาวที่ยังคงทำหน้าแบบน้อยใจอยู่ ให้ลุกขึ้นจากเตียงและลงไปกินข้าวพร้อมเขา

          “โกรธผมเหรอที่ดุคุณ”

          “เปล่า...แต่ทีหลังก็อย่าดุบ่อย”

          “ผมไม่อยู่แล้วคุณจะคิดถึง ไม่มีใครดุ”

          ธนาตุลพูดเล่นๆ แต่กลายเป็นว่าทำเอาอลิสคว้าแขนเขามากอดแล้วร้องไห้ออกมา จนชายหนุ่มงงจนทำอะไรไม่ถูก

          “เป็นอะไรอีกคุณครู ร้องไห้ทำไม ผมยังไม่ได้ดุเลยสักคำนะ”

          “อีกสองวันคุณก็จะกลับแล้ว คิดถึง”

          หญิงสาวไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองพูดคำนั้นออกไปได้อย่างไรกัน แต่มันออกมาจากใจจริงๆ

          “อย่าทำให้ผมเป็นห่วงสิ ผมกลับไปหาพ่อกับแม่ ใช่ว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านเลย ผู้กองสุชาติจะช่วยดูแลคุณ รับรองว่าดูแลดีกว่าผมแน่นอนเพราะผู้กองเขาอยู่ที่นี่มานานกว่าผม”

          “ไม่เอาผู้กองคนอื่น จะเอาแต่ผู้กองคนนี้”

          มือหนาลูบลงบนผมหนาด้วยความเอ็นดู เขาก็ยังไม่อยากกลับ แต่ภาระหน้าที่มันทำให้ทุกอย่างต้องเป็นไปตามเวลา

          “เราเป็นข้าราชการ เราเลือกแล้วที่จะเสียสละมาอยู่บนเขาบนดอยแบบนี้ เราต้องเข้มแข็ง ผมสัญญาผมจะกลับมาหาคุณแน่ๆ และคุณต้องสัญญาว่าจะดูแลตัวเองดีๆ ไม่ทำให้ผมต้องเป็นห่วง เข้าใจไหมครับคุณครู”

          “ค่ะ ผู้กองอลิสสัญญา”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status