ตอนที่14
ความจริงบางอย่าง
ตั้งแต่วันที่กลับจากดอยลงมาอยู่ที่บ้าน ธนาตุลก็แวะเวียนมาหาหญิงสาวเกือบทุกวัน และเหลืออีกเพียงแค่สองวันเขาต้องขึ้นไปบนดอยแล้ว ส่วนอลิสยังไม่เปิดเทอมจึงยังอยู่ที่บ้านต่อ
“พรุ่งนี้ผมจะขออนุญาตพาอลิสไปแนะนำกับคุณพ่อคุณแม่ของผมได้ไหมครับ”
ชายหนุ่มตัดสินใจว่าก่อนขึ้นดอยครั้งนี้เขาจะต้องทำให้ทั้งสองบ้านได้รับรู้เรื่องราวระหว่างเขากับหญิงสาวให้ได้ เขาจึงตัดสินใจขออนุญาตพ่อแม่ของอลิสเพื่อพาเธอไปกินข้าวที่บ้าน เพื่อเป็นการเปิดตัวให้พ่อแม่ของเขารู้จัก
“ได้สิ แต่อย่าให้กลับดึกกันนัก พ่อเข้าใจว่าบ้านของผู้กองอยู่ไกล เอาแบบนี้แล้วกัน พรุ่งนี้ผู้กองก็ค้างที่นี่เลย จะได้ไปต้องขับรถไปมา เดี๋ยวจะหลับในเอา”
วิทยาออกปากเอง เพราะทุกคนในบ้านได้แต่คิดแบบนี้แต่ไม่มีใครหรอกที่จะกล้าพูด
“ขอบคุณมากเลยครับ แล้วผมจะรีบพาอลิสไปและรีบพากลับ รับรองความปลอดภัยท่านทั้งสองไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
ธนาตุลสัมผัสได้ว่าบิดาของแฟนสาวเริ่มรู้สึกดีกับเขา เขาจึงตั้งใจที่จะไม่ทำให้อนาคตพ่อตาผิดหวังในตัวเขาเด็ดขาด
ขับรถเกือบสองชั่วโมง ทั้งคู่ก็มาถึงบ้านหลังใหญ่ของผู้กอง ธนาตุล
“บ้านผู้กองทั้งหลังใหญ่ ทั้งสวยแบบนี้ ทำไมถึงอยากขึ้นไปอยู่บนดอยล่ะคะ”
หญิงสาวสงสัยเพราะดูจากขนาดและการออกแบบของบ้านแล้ว แสดงว่าผู้กองต้องมีฐานะไม่ธรรมดาแน่ๆ
“บ้านสวยแต่ไม่มีธรรมชาติ ไม่ชาวบ้านที่น่ารัก ไม่มีหมอกยามเช้า ไม่มีผักปลอดสารพิษ และที่สำคัญที่สุดไม่มีคุณครูอลิส ”
“อลิสไม่เกี่ยวเลย ทำมาเป็นปากหวาน”
ถึงแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำปากหวานใส่ ทั้งที่ความจริงผู้กองตั้งใจที่จะสร้างบ้านอยู่ที่บ้านน้ำฝายก่อนที่อลิสจะได้ไปสอนที่นั่นเสียอีก แต่เธอก็ยังอดเขินไม่ได้
“ลงกันเถอะ คุณพ่อคุณแม่คงกำลังรออยู่”
หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งได้รู้ว่าฐานะของ ผู้กองเป็นอย่างไร เธอยิ่งรู้สึกไม่คู่ควรเลย
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่”
“สวัสดีจ๊ะ นั่งก่อนสิ” ศยามลส่งยิ้มแบบฝืนๆให้กับหญิงสาวทียืนอยู่ข้างๆลูกชาย
“ตุลเล่าเรื่องของหนูให้ฟังแล้ว พ่อดีใจแทนเด็กบนดอย ที่ได้หนูไปสอน เพราะคงไม่มีใครอยากลำบากขึ้นไปสอนบนนั้น”
นพดลรู้สึกชื่นชมจากใจจริง เพราะจากรูปร่างที่เล็กหน้าตาดูเป็นคุณหนุของอลิส ไม่น่าจะเป็นผู้หญิงที่เสียสละตัวเองไปอยู่กับความลำบากแบบนั้น
“มันคือความฝันของหนูเลยค่ะ และหนูก็โชคดีที่มีครอบครัวที่เข้าใจ ไม่อย่างนั้นหนูคงต้องเลือกโรงเรียนอื่นแทน ”
“พ่อแม่ของหนูทำงานอะไร” ศยามลถามด้วยท่าทางอยากรู้
“คุณพ่อเป็นอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนแต่ตอนนี้เกษียณอายุราชการแล้ว ส่วนคุณแม่เป็นคุณหมออยู่ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดค่ะ”
พอได้รู้ถึงอาชีพของบุพการีอนาคตลูกสะใภ้ ศยามลก็เปลี่ยนสีหน้าทันที
“คุณพ่อคุณแม่ของหนู ท่านเป็นข้าราชการทั้งคู่ คงเข้าใจถึงได้ยอมให้ลูกไปทำตามความฝัน”
จากตอนแรกมารดาของชายหนุ่ม ใช้น้ำเสียงแบบเน้นๆ แสดงถึงความรู้สึกที่ไม่ค่อยดี แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่นุ่มนวลแทน
“บ้านของเราดูภายนอกจากหน้าที่การงาน ใคร ๆ ก็มักจะคิดว่าเรามีฐานะที่ดี แต่ความจริงแล้ว เราก็เป็นครอบครัวหนึ่งที่มีฐานะปานกลาง เพราะพื้นฐานพ่อกับแม่ต้องมาเริ่มสร้างทุกอย่างด้วยกันสองคนค่ะ”
“กินข้าวกันดีกว่าเนาะ เย็นหมดเดี๋ยวไม่อร่อย”
นพดลพูดแทรกขึ้นมา เพราะเขาดูออกว่าหญิงสาวรู้ว่าภรรยาของเขาสนใจเรื่องฐานะของเธอมากกว่าตัวเธอ ซึ่งมันคงไม่ดีเลย ถ้าภรรยาของเขาจะแสดงมากไปจนอีกฝ่ายรู้ มันจะดูเป็นการดูถูกกัน
หลังจากพูดคุยกินข้าวกันเสร็จ ธนาตุลก็พาคนรักกลับ เพราะกลัวจะถึงบ้านดึกเกินไป
“คุณไม่โกรธแม่ผมใช่ไหม ที่ถามคุณเรื่องครอบครัว” ชายหนุ่มเป็นกังวล
“อลิสจะไปโกรธแม่คุณทำไม พ่อก็ถามผู้กองเหมือนกัน พ่อแม่ทุกคนก็ต้องเป็นห่วงลูกของตัวเองทั้งนั้น ผู้กองอย่าคิดมากเลยค่ะ”
คืนนี้ธนาตุลนอนที่บ้านของหญิงสาว เพราะกว่าจะมาถึงก็เกือบสี่ทุ่มแล้ว ถ้าจะขับกลับบ้านก็คงยิ่งดึก และวิทยาเอง อยากมีเวลาที่จะได้สังเกตอนาคตลูกเขยด้วย
“นอนที่ห้องข้างล่างนะ พ่อทำไว้เป็นห้องสำหรับให้แขกมานอน ดึกแล้วพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เช้าเราค่อยคุยกันใหม่ ขึ้นบ้านได้แล้วอลิส”
ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในครอบครัวนี้ ที่ดูจะมีมากกว่าครอบครัวของเขา อาจเป็นเพราะหน้าที่การงาน บ้านเขาทำธุรกิจ บิดาต้องคอยเดินทางไปดูแลแต่ละสาขา ส่วนมารดาของเขาก็ต้องคอยดูแลช่างทองที่โรงงาน
เช้านี้ทุกคนมาพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหาร บรรยากาศดู สนิทสนมกันมากขึ้น เพราะธนาตุลก็มาที่บ้านนี้แล้วหลายหน มีแต่ตัวอลิสเองที่เคยไปบ้านของผู้กองแค่ครั้งเดียว
“พรุ่งนี้เช้าจะเดินทางขึ้นดอยแล้วใช่ไหม” วิทยาเอ่ยถาม
“ใช่ครับ”
“เดินทางปลอดภัย ทำหน้าที่ของเราให้ดี เลือกที่จะเป็นข้าราชการแล้ว เราก็เป็นข้าของประชาขน พ่อขอให้เดินทางปลอดภัยนะผู้กอง”
ธนาตุลขอบคุณคำให้พรจากอนาคตพ่อตา ก่อนกลับเขาได้ลาหญิงสาว ด้วยความเป็นห่วงไม่ต่างจากตอนที่อลิสอยู่บนดอยเลย
“ตอนนี้ฉันอยู่ที่บ้านกับพ่อกับแม่ คุณไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นก็ได้ค่ะ”
หญิงสาวขำที่อีกฝ่ายทำเหมือนเธอกำลังอยู่ต่างที่ต่างทาง สั่งให้ระวังนั่นระวังนี่ ทั้งที่ตอนนี้เธออยู่ที่บ้านของตัวเองแท้ๆ
“อีกสิบสี่วันเจอกันนะคะผู้กอง ขับรถดีๆ ทำอะไรก็อย่าประมาท ไม่ต้องห่วงทางนี้ฉันดูแลตัวเองตัวเองดีแน่นอนค่ะ”
ชายหนุ่มอยากจะจูบแก้มลาสักที แต่ก็ไม่กล้ากลัวผู้ใหญ่หรือใครมาเห็น หญิงสาวจะดูไม่ดีได้ เขาจึงได้แค่เพียงโบกมือแล้วขับรถออกไป
เมื่อชายหนุ่มขับรถออกไปแล้ว วิทยาก็ทำหน้าจริงจังเรียกลูกสาวเข้าไปคุยในห้องทำงาน
“คุณพ่อทำหน้าจริงจังเลย มีอะไรหรือคะ”
หญิงสาวสัมผัสได้ว่าพ่อของเขามีเรื่องไม่สบายใจจะพูดกับเธอแน่นอน
“พ่อให้เพื่อนๆ ช่วยสืบเรื่องแฟนลูก และพ่อได้ข่าวมาว่า เขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว แต่เพิ่งเลิกกันได้ไม่นาน บางคนก็ว่ายังไม่เลิก พ่ออยากให้ลูกสืบหาความจริงเรื่องนี้ ตอนนี้ผู้กองไม่อยู่ ลูกควรจะรีบรู้จักเขาจากมุมของคนอื่นที่รู้จักเขาบ้าง”
อลิสรู้สึกทั้งโกรธทั้งเสียใจแต่ก็ต้องเก็บอารมณ์ไว้ เพราะถ้าทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวเธอก็จะไม่รู้ความจริง อีกสองวันหญิงสาวจะไปหาฉัตรฤดีด้วยตัวเอง ไปถามเธอให้รู้เรื่องราวทั้งหมด ว่าตกลงทั้งคู่ยังเป็นคู่หมั้นกันอยู่ไหม แล้วถ้าไม่เป็นแล้วเพราะอะไร หญิงสาวไม่อยากเป็นต้นเหตุทำให้คนทั้งคู่ต้องเลิกกัน
ตอนที่15ตัดสินใจ อลิสได้ข้อมูลของฉัตรฤดีจากบิดา เธอจึงตัดสินใจที่จะมาพูดคุยเรื่องทุกอย่างด้วยตัวเอง “สวัสดีค่ะ ฉันจะมาขอพบคุณฉัตรฤดี” “นัดไว้หรือเปล่าคะ” เลขาหน้าห้องถามเพราะไม่รู้สึกคุ้นหน้า “ไม่ได้นัดค่ะ ฉันชื่อลิสเป็นเพื่อนกับผู้กองธนาตุล ช่วยรบกวนไปบอกคุณฉัตรฤดีให้หน่อยได้ไหมคะ ว่าฉันมีเรื่องอยากคุยยด้วย” เลขาหน้าห้องเปิดประตูเข้าไปที่ห้องทำงานของเจ้านาย เพื่อไปแจ้งเรื่องที่มีคนมาขอพบ ฉัตรฤดีเพิ่งมาทำงานที่บริษัทของบิดาได้แค่เพียงไม่กี่วัน เพราะก่อนหน้านี้แม่ของเธอ เอาแต่เก็บเธอไว้อยู่แต่บ้านตั้งแต่เรียนจบ แต่หญิงสาวมาคิดดูแล ถ้าเธอยังทำตัวเหมือนเก่า สักวันเธอคงต้องกลายเป็นกบในกะลาที่โง่ลงทุกวัน จึงได้ตัดสินใจมาทำงาน “เชิญค่ะ” เลขาสาวเดินมานำอลิสเข้าไปในห้องที่เธอเพิ่งเดินออกมา“สวัสดีค่ะคุณฉัตรฤดี”อลิสยกมือไหว้ เพราะคิดว่าคนตรงหน้าอาจจะอายุเท่าๆกับผู้กอง ซื่งก็น่าจะเป็นพี่เธอแน่นอน“สวัสดีค่ะ มีอะไรถึงได้อยากมาพบฉัน คุณบอกกับเลขาว่าเป็นเพื่อนกับพี่ตุล แต่ฉันคิดว่าไม่น่าจะใช่ เพราะเราโตมาด้วยกัน ฉันแน่ใจว่าไม่เ
ตอนที่16ผู้กองสุดหล่อกับครูคนสวย วันที่สามของการกลับมาจากดอย ธนาตุลถึงได้เดินทางมาหาคนรัก เขาพาเธอไปไหว้พระ ไปหาของอร่อยกินและนอนพักค้างคืนที่บ้านของอลิสเลย แล้วค่อยเดินทางกลับบ้านพรุ่งนี้ เมื่อกินข้าวเย็นเสร็จทั้งสองคนจึงมานั่งเล่นที่สวนหน้าบ้าน เป็นเวลาที่อลิสตั้งใจจะพูดทุกอย่างที่เธอได้รู้มา “ผู้กองมีอะไรที่ยังไม่ได้บอกอลิสไหมคะ” หญิงสาวเลือกที่จะเปิดโอกาสให้ชายหนุ่มได้คิดทบทวนและตัดสินใจว่าเขาจะเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังไหม “คุณถามแบบนี้หมายถึงเรื่องอะไร ผมคิดไม่ออก” ชายหนุ่มทำท่าเหมือนไม่รู้จริงๆ ว่าเขามีเรื่องอะไรที่ยังไม่ได้บอกอลิส “ตอนนี้เราตกลงที่จะเป็นแฟนกัน ยังมีเรื่องอะไรที่อลิสควรจะรู้ในฐานะคนรักของผู้กองหรือเปล่าคะ” เมื่อถูกย้ำคำว่าคนรัก ผู้กองธนาตุลก็คิดขึ้นมาได้ทันที ว่าเขายังมีบางอย่างที่ยังไม่ได้เล่าให้เธอฟัง เพราะตอนแรกเขาคิดว่ามันไม่จำเป็น เพราะเรื่องราวมันจบลงแล้ว แต่ในเมื่ออลิสพูดแบบนี้ เขาก็เลือกที่จะพูด “เรื่องที่พี่มีคู่หมั้นแล้วพี่ยกเลิกการหมั้นใช่ไหม” “ใช่ค่ะ ไหนเล
ตอนที่ 1วิวาห์ตามคำสั่ง งานแต่งงานที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในตอนนี้คืองานแต่งงานระหว่างวิธานลูกชายนักการเมืองชื่อดังกับหนูนาเดียร์ลูกสาว นักธุรกิจผู้ใจบุญ วิธานชายหนุ่มอายุสามสิบกว่ารูปร่างหน้าตาดีและที่ดึงดูดใจสาว ๆ ก็คือบุคลิกภาพและคำพูดที่ดูเป็นผู้ชายที่แสนจะอบอุ่น นาเดียร์สาวสวยในวัยยี่สิบเจ็ด เธอเกิดมาเพื่อเป็นเด็กดีของพ่อกับแม่ ชีวิตของเธอไม่เคยเดินออกจากเส้นทางที่บุพการี ขีดไว้ และเธอก็มีความสุขและเต็มใจที่จะทำให้ทั้งคู่มีความสุข โฮโซทั้งสองคนถูกจับให้แต่งงานกันด้วยเหตุผลของ ความเหมาะสม และไม่มีอะไรที่จะทำให้ทั้งคู่อยากจะปฏิเสธ เพราะสำหรับวิธานแล้วการได้ภรรยาทั้งสวย รวย และดูไม่ค่อยฉลาดทันเขา มันคืออะไรที่ดีที่สุดอยู่แล้ว นาเดียร์เธอทำหน้าที่ภรรยาที่ดีตั้งแต่วันแรกของการได้ชื่อว่ามีสามี อะไรที่เธอไม่เคยทำหญิงสาวก็พยายามที่จะฝึกเพื่อให้สามีของเธอมีความสุขที่สุด หญิงสาวไม่ได้ช่วยงานธุรกิจของครอบครัวเท่าไหร่เพราะพ่อกับแม่อยากให้เธอทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุดก่อน เพราะทั้งสองคนยังอายุไม่มากยังพอทำไหว
ตอนที่ 2เมื่อทุกอย่างไม่เหมือนเดิม หลังจากกลับมาจากทะเลได้เพียงแค่ไม่ถึงเดือน นาเดียร์ก็สัมผัสได้ว่าสามีของเธอเปลี่ยนไป จากที่เคยกลับบ้านตรงเวลาตอนนี้เขาก็กลับบ้างไม่กลับบ้าง ด้วยเหตุผลที่เกี่ยวกับงานที่มีปัญหา “พี่วิธานคะ มีปัญหาอะไรที่พอจะให้พ่อของเดียร์ช่วยไหมคะ เห็นพี่ทำงานหนักทุกวันเดียร์เป็นห่วง” ภรรยาคนสวยเดินมาคล้องแขนสามีที่เพิ่งกลับมาจากทำงานเพื่อหวังเอาใจ “อยากช่วยไหม ถ้าอยากช่วย เลิกถามสักทีผมรำคาญ” วิธานไม่ได้พูดคำพูดแบบนี้กับนาเดียร์เป็นครั้งแรก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะพูดบ่อย หญิงสาวจึงให้อภัยและคิดว่าสามีคงเหนื่อยจากเรื่องงานมาจริง ๆ ชายหนุ่มทำท่ารำคาญและหงุดหงิด จากที่จะนั่งโซฟาตามปกติ เขากลับเอาขาทั้งสองข้างขึ้นมาวางบนโต๊ะ “มาถอดถุงเท้าให้หน่อย เหนื่อยไม่อยากก้ม” วิธานชี้นิ้วไปที่เท้าทั้งสองข้างด้วยกิริยาที่ดูหยาบคายเหมือนต้องการทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายให้รู้สึกต่ำต้อย นาเดียร์ทำท่าลังเลว่าเธอจะถอดหรือจะปฏิเสธ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะตัดสินใจ แก้วน้ำที่วางอยู่ข้างหน้าชายหนุ่มก็ถูกปาไปที่กำแพง
ตอนที่ 3เวลาที่ไม่มีใคร “เป็นไงบ้าง เห็นคุยกันถูกคอเชียว ติดใจบอกได้นะพรุ่งนี้ให้พามาอีกก็ได้” ส้มถามเพื่อนที่เธอเพิ่งเคยพามาเที่ยวบาร์โฮสเป็นครั้งแรก เพราะตัวเธอมาเที่ยวบ่อยมาก “เขาก็คุยสนุกดีนะ แต่เราไม่ชอบเที่ยวแบบนี้ ส้มเราไปนอนด้วยนะ พรุ่งนี้เช้าเราค่อยกลับยังไม่อยากเจอหน้าพี่วิธาน” ส้มมองนาเดียร์ด้วยความสงสารแม้แต่ชีวิตของตัวเองยังไม่มีสิทธิ์เลือกทางเดิน นาเดียร์กลับถึงบ้านด้วยสภาพที่ยังง่วงนอนเพราะเธอเองไม่ค่อยได้นอนดึกตื่นเช้าจึงตั้งใจว่าจะขึ้นไปนอนข้างบนแล้วค่อยลงมาทำงานบ้าน “ถ้าจะกลับเช้าแบบนี้หย่ากันดีไหม” วิธานเดินลงมาจากบ้านด้วยชุดที่ไม่ใช่ชุดทำงาน พร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ “เดียร์ไปนอนกับส้มมา แล้วพี่วิธานจะไปไหนคะ” หญิงสาวรู้สึกใจหายแบบบอกไม่ถูกที่อยู่ดี ๆ ก็ถูกสามีชวนหย่าและเขาก็กำลังจะเดินออกจากบ้านพร้อมกระเป๋าเดินทาง “ไม่ต้องเสือกนะคะคนดี” วิธานยื่นหน้าจนแทบจะชนกับหน้าของหญิงสาว และพูดด้วยน้ำเสียงเน้นเหมือนรู้สึกสะใจที่ได้พูด เสียงรถออกไปแล้วหญิงสาวทรุดตัว
ตอนที่ 4เพราะเธอคือกำลังใจ “เชนคุณจะพาฉันไปไหน ขับออกมานอกเมืองแบบนี้” นาเดียร์ไม่รู้หรอกว่าเส้นทางที่เชนกำลังพาเธอไปคือเส้นทางที่จะไปยังที่ไหน เธอรู้แค่เพียงว่ามันออกมาพ้นจาก ตัวกรุงเทพแล้ว รถเริ่มติดน้อยลง บรรยากาศข้างทางเริ่มดูสบายตามากขึ้น “ผมจะพาไปบ้านผม ตอนนี้มีคุณแม่อยู่คนเดียว ส่วนตัวผมเองมาเช่าคอนโดอยู่เพราะจะได้สะดวกในการทำงาน” “แล้วคุณจะพาไปบ้านทำไมคะ ป่านนี้คุณแม่คุณคงหลับแล้ว เกรงใจท่าน” ราเชนหันมาส่งยิ้มให้กับหญิงสาวที่ตอนนี้เธอหยุดร้องไห้แล้ว และดูจะสนใจปลายทางที่เขาจะพาไปจนลืมความทุกข์ไปได้พักหนึ่ง “ผมบอกแม่ไว้แล้ว ที่ผมพาคุณไปเพราะเราจะได้รู้จักกันมากขึ้นที่บ้านผมวิวดีนะอยู่ติดแม่น้ำและที่สำคัญถ้าคุณได้คุยกับแม่ของผม คุณจะรู้ว่าแม่มักจะมีทางออกที่ดีให้กับทุกคน” นาเดียร์เชื่อในคำพูดของคนที่เพิ่งรู้จักกันอีกครั้ง อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้พาเธอไปที่ที่ต้องอยู่กันสองต่อสองและคืนนี้เธอก็มั่นใจว่าเขาจะอยู่เป็นเพื่อนเธอไปจนเช้าแน่นอน บ้านของราเชนเป็นบ้านไม้ที่จัดได้ว่าสวยงามถึงจะมีขนาดไม่ใหญ่
ตอนที่ 5อยู่ดี ๆ ก็เจ็บ นาเดียร์นั่งรถกลับบ้านด้วยหัวใจที่มุ่งมั่น เธอจะขอแก้ตัว เธอพร้อมจะทำทุกอย่างตามที่สามีต้องการ ขอแค่ให้เขาไม่ไปจากเธอ ถึงแม้นาเดียร์จะรู้สึกลึก ๆ ว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เธอกลับยอมเป็นคนผิดขอแค่ไม่ให้อีกฝ่ายไป ราเชนได้แต่หันไปสบตาคนข้าง ๆ เป็นครั้งคราว เขาเป็นคนอื่นและเพิ่งเข้ามาในชีวิติของหญิงสาวได้ไม่นาน คงได้แต่อยู่ในมุมเงียบ ๆ รอเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายต้องการเขาคงมาหาเธอเอง “ขอบคุณนะเชน ที่อยู่เป็นเพื่อนในวันที่ไม่เหลือใครมาสองครั้งแล้ว ขอให้การเจอกันของเราครั้งต่อไป ขอให้เดียร์มีความสุขอย่าได้ทุกข์เหมือนทุกครั้งเลย ไว้ว่าง ๆ เจอกันนะ” หญิงสาวกำลังจะเปิดประตูรถของตัวเอง แต่กลับถูก มือหนาจับแขนเธอไว้ “ขอให้คุณโชคดี ขอให้เขากลับมาเป็นคนเดิมแต่สัญญากับผมได้ไหม ว่าคุณจะไม่รักเขาจนลืมรักตัวเอง ผมอยู่ข้าง ๆ คุณตลอดนะถึงแม้ว่าคุณอาจมองไม่เห็น” นาเดียร์โผเข้ากอดราเชนอีกครั้ง เธอรู้ความหมายดีแต่เธอก็รู้ว่าสุดท้ายที่เธอพยายามจะกลับไปทำมันคือการทำร้ายตัวเองอยู่ก็ตาม บ้านถูกปิดไว้ในสภาพเดิม หญิงส
ตอนที่ 6ทางแยก เสียงรถยนต์ของวิธานที่ขับเข้ามาในบ้าน มันไม่ได้ทำให้ นาเดียร์รู้สึกเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาเกือบสองปี แต่ครั้งนี้เธอกำลังจะรู้ทางออกของชีวิตและที่เธอยังไม่รู้คือจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอในวันนี้ เพียะ! วิธานเปิดประตูบ้านเข้ามาและตรงมายังภรรยาที่ยังไม่ทันจะพูดอะไรสักคำ เขาตบหน้าเธออย่างแรงก่อนที่จะผลักหญิงสาวลงไปนอนกับพื้นและเตะไปที่สะโพกอย่างเต็มแรง “มึงไปทำร้ายเมียกูทำไม มึงเอาเพื่อนไปรุมมึงเห็นไหมว่าเขาท้องอยู่” นาเดียร์อยากจะพูดแต่เธอพูดไม่ออกมันจุกไปหมด เธอค่อย ๆ คลานหนีด้วยความกลัว ที่เธอคิดไว้มันไม่ใช่แบบนี้ เขาทำร้ายเธอเหมือนไม่เคยเห็นเธอเป็นเมียเลย มือหนาจิกผมของคนตัวเล็กที่กำลังพยายามหนี ผมของหญิงสาวหลุดตามแรงดึง นาเดียร์ยกมือไหว้น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอกลัว กลัวจนไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรได้แต่ยกมือไหว้ ร้องขอให้อีกฝ่ายเมตตาเธอบ้าง “มึงรู้ไหมทรายเขายอมให้กูมาอยู่กับมึงถึงสองปี โดยที่เขาไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย แต่วันนี้กูแค่ต้องการอิสระกูจะไปอยู่กับลูกกับเมียกูมึงยังจะยื้อ ถ้ามึงไม่อยากตายหย่าให้กูแล้วอย่าใ