ตอนที่16
ผู้กองสุดหล่อกับครูคนสวย
วันที่สามของการกลับมาจากดอย ธนาตุลถึงได้เดินทางมาหาคนรัก เขาพาเธอไปไหว้พระ ไปหาของอร่อยกินและนอนพักค้างคืนที่บ้านของอลิสเลย แล้วค่อยเดินทางกลับบ้านพรุ่งนี้
เมื่อกินข้าวเย็นเสร็จทั้งสองคนจึงมานั่งเล่นที่สวนหน้าบ้าน เป็นเวลาที่อลิสตั้งใจจะพูดทุกอย่างที่เธอได้รู้มา
“ผู้กองมีอะไรที่ยังไม่ได้บอกอลิสไหมคะ”
หญิงสาวเลือกที่จะเปิดโอกาสให้ชายหนุ่มได้คิดทบทวนและตัดสินใจว่าเขาจะเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังไหม
“คุณถามแบบนี้หมายถึงเรื่องอะไร ผมคิดไม่ออก”
ชายหนุ่มทำท่าเหมือนไม่รู้จริงๆ ว่าเขามีเรื่องอะไรที่ยังไม่ได้บอกอลิส
“ตอนนี้เราตกลงที่จะเป็นแฟนกัน ยังมีเรื่องอะไรที่อลิสควรจะรู้ในฐานะคนรักของผู้กองหรือเปล่าคะ”
เมื่อถูกย้ำคำว่าคนรัก ผู้กองธนาตุลก็คิดขึ้นมาได้ทันที ว่าเขายังมีบางอย่างที่ยังไม่ได้เล่าให้เธอฟัง เพราะตอนแรกเขาคิดว่ามันไม่จำเป็น เพราะเรื่องราวมันจบลงแล้ว แต่ในเมื่ออลิสพูดแบบนี้ เขาก็เลือกที่จะพูด
“เรื่องที่พี่มีคู่หมั้นแล้วพี่ยกเลิกการหมั้นใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ ไหนเล่าให้อลิสฟังหน่อย”
ธนาตุลเริ่มเล่าตั้งแต่เริ่มแรกที่ครอบครัวของเขากับฉัตรฤดีอยากให้ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อเรียนจบ จึงจับให้หมั้นกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย แต่พอเรียนจบมาก็ยังไม่มีความรู้สึกอะไรที่พัฒนาทั้งคู่ยังคงรู้สึกต่อกันแค่พี่น้อง
“อลิสยอมรับนะคะ ว่าตอนแรกรู้สึกโกรธผู้กองมาก แต่คิดว่าเรื่องมันผ่านไปแล้ว แต่นับจากวันนี้ถ้าผู้กองยังมีอะไรที่ปิดบังกันอยู่ขอให้บอกมาให้หมด อย่าปล่อยให้อลิสต้องรู้เอง”
“ผมสัญญา ว่านับจากวันนี้ไป จะไม่มีอะไรปิดบัง ของสัญญาด้วยเกียรติของตำรวจครับ”
ความรักและความเข้าใจทำให้อลิสให้อภัย เพราะเธอคิดว่าการที่คนเราจะรักกันและอยู่ด้วยกันได้มันต้องมีเรื่องราวผ่านเข้ามาอีกมากมาย ถ้าเราจริงจังกับทุกเรื่องความรักคงไปไม่รอด
การกลับขึ้นดอยครั้งนี้ผู้กองของแลกเวรกับผู้กองสุชาติ เพื่อที่จะได้อยู่บ้านเกือบเดือน และจะได้เดินทางกลับพร้อมกับ อลิสเลย เพราะโรงเรียนกำลังจะเปิดเทอมแล้ว
“ดูแลตัวเองดีๆนะคะ อลิสคงไปนานหน่อย พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ผู้กองเอารถไปเอง อลิสคงได้ขับออกมาหาสัญญาณโทรหาพ่อกับแม่บ่อยขึ้น”
“ลูกก็เหมือนกันดูแลตัวเองดีๆ ฝากผู้กองด้วยนะคะ”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลคุณครูให้ดีที่สุด”
สามคนพ่อแม่ลูกกอดกัน ต่างคนต่างแอบเช็ดน้ำตาเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็น จะเกิดความไม่สบายใจเอา
การเดินทางไปหมู่บ้านครั้งนี้เป็นครั้งที่สามถ้านับรวมกับตอนกลับลงมาด้วย อลิสเริ่มชินเส้นทาง เธอกับผู้กองแวะกินก๋วยเตี๋ยวร้านเดิมและซื้อไปฝากลูกน้องของผู้กองด้วย
กว่าจะถึงที่บ้านพักครูก็เกือบมืด อลิสคิดว่าน่าจะมีไฟดวงไหนบ้างที่ถูกเปิดอยู่ เพราะผู้กองเคยตั้งแบบอัตโนมัติไว้ แต่กับเป็นว่าทั้งในบ้านและนอกบ้านมืดสนิท
“สงสัยไฟเสียแน่ๆเลยค่ะ มืดหมดเลย”
หญิงสาวใช้โทรศัพท์เปิดโหมดไฟฉาย ส่องตามทางเดินจากรถไปที่ประตูบ้าน
“อุ้ยๆ”
หญิงสาวตกใจสะดุ้งสุดตัว เมื่อเห็นว่าในนั้นมีเทียนจุดอยู่หนึ่งเล่ม เธอกำลังจะหันมาบอกชายหนุ่ม แต่พบว่าเขากำลังนั่งคุกเขาอยู่ข้างหลังเธอ
“เล่นอะไรผู้กอง ลุกขึ้น”
หญิงสาวส่งมือให้ชายหนุ่มเพื่อให้เขาดึงตัวขึ้นมา แต่มันกลายเป็นว่าเขาคว้ามือของเธอไว้แทน
“แต่งงานกับผมนะครับคุณอลิส”
คำพูดที่อลิสไม่คิดว่าจะได้ยินทำเธอถึงกลับพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไร แล้วอยู่ดีๆก็มีเสียงจากข้างบ้านดังออกมา
“แต่งเลย แต่งเลย”
“ผู้กองสวมแหวนเลย”
ฟองจันทร์ตะโกนเสียงดังออกมาจากกลุ่มชาวบ้านและบรรดาตำรวจ จนหญิงสาวอายจนหน้าแดง
“แต่งก็แต่งค่ะ”
คนตอบอายจนแทบจะบิดไปทั้งตัว อยู่ดีๆน้ำตาก็ไหลออกมา เธอกับผู้กองเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน เธอไม่คาดคิดเลย ว่าเขาจะมาขอเธอแต่งงานแบบนี้
ผู้กองสวมแหวนเพชรเม็ดเล็กแต่น้ำงามให้กับเจ้าสาวในอนาคต ไฟทุกดวงในบ้านก็ติดขึ้นทันที
“ขอบคุณทุกคนมากนะครับ ที่ช่วยผมเตรียมบรรยากาศในวันนี้”
ชายหนุ่มหันไปขอบคุณทุกคน ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้านไป
“เจ้าเล่ห์จริงๆนะคะผู้กอง”
“นอกจากจะเป็นผู้กองเจ้าเล่ห์ ยังเป็นผู้กองเจ้าเสน่ห์ด้วยนะ”
อลิสทำท่าจะอ้วกเมื่อได้ยินอีกฝ่ายกล่าวชมตัวเอง ด้วยใบหน้าที่มั่นใจตัวเองเต็มที่
“เจ้าชู้ด้วยไหมคะ”
“ไม่ครับ”
ชายหนุ่มคว้าคนตัวเล็กเข้ามากอด ใบหน้าของหญิงสาวมาบทับลงกับอกของคนที่ตัวสูงกว่า มือหนาลูบผมส่งความรักให้ผ่านไปตามสัมผัสของร่างกายที่แนบชิดกัน
“บ้านเสร็จเมื่อไหร่ เราจะจัดงานแต่งานกันนะ แต่ผมอยากจะขอให้เราจดทะเบียนสมรสกันก่อนได้ไหม”
“ทำไมล่ะคะ”
อลิสเอาหน้าของเธอออกจากอกหนามามองสบตาชายหนุ่มที่กำลังกอดเธออยู่
“ผมไม่อยากนอนคนเดียวแล้ว มันเหงา อยากให้คุณมานอนด้วยทุกคืน แต่ถ้าเรายังไม่ได้เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายกัน ผมรู้ว่าคุณคงไม่ยอม”
คนพูดทำเสียงออดอ้อน เหมือนเด็กที่กำลังรอขอให้ใครสักคนทำตามที่เขาต้องการ
“นอนเฉยๆนะคะ ห้ามทำอย่างอื่น ถ้าแบบนั้นไม่ต้อง จดทะเบียนก็ได้ค่ะ” หญิงสาวแกล้งยียวน
“พูดแบบนี้ เดี๋ยวผมอดใจไม่ไหว ปล้ำคุณครูวันนี้เลยนะ”
ผู้กองทำท่าวิ่งไล่กอดคนตัวเล็กรอบบ้าน แต่เขาก็แค่จะแกล้งไม่ได้คิดจะทำอย่างที่พูดจริงๆ เพราะเขารักหญิงสาวและพร้อมจะให้เกียรติเสมอ
หญิงสาวโทรศัพท์ไปบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พ่อกับแม่ของเธอฟัง และท่านทั้งสองก็อนุญาติให้ทั้งคู่จดทะเบียนสมรสกันก่อน และงานแต่งจะตามมาในเดือนหน้า เพราะบ้านจะสร้างเสร็จพอดี
คืนแรกหลังการจดทะเบียนก็มาถึง ผู้กองขึ้นมานอนกับ อลิสที่ชั้นสอง
“เมื่อไหร่จะมานอนครับคุณครู”
อลิสเอาแต่แกล้งเดินไปเดินมา ทาแป้งบ้าง หวีผมบ้าง จนชายหนุ่มทนไม่ไหว ต้องลุกไปอุ้มคนตัวเล็กมานอนบนเตียง
“คุณหนีผมไม่ได้หรอกอลิส หลับตานะ ผมสัญญาจะทำให้ภรรยาของผมมีความสุขที่สุด”
บทรักของการแสดงบทบาทสามีภรรยาเริ่มบรรเลงขึ้น เสื้อผ้าของทั้งคู่ถูกถอดออกอย่างไม่รู้ตัว ผิวขาวที่ถูกซ่อนไว้ใต้เสื้อผ้า เวลานี้ถูกอีกฝ่ายบรรจงจูบไปทั่วร่าง เพื่อปลุกเร้าอารมณ์
“อลิสกลัว”
เมื่อร่างกายของทั้งคู่กำลังจะรวมกันเป็นหนึ่ง หญิงสาวรู้สึกกลัวเพราะเธอไม่เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาเลย แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี ด้วยความรักที่แสดงออกเป็นความนุ่มนวล
ทั้งสองหายใจเหนื่อยหอบนอนกอดกัน ในค่ำคืนแห่งรัก ค่ำคืนที่ทั้งคู่จะไม่มีวันลืมเลือน
“ผมรักคุณนะอลิส”
“อลิสก็รักผู้กองค่ะ”
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ทันที ที่บ้านไม้แสนสวยของผู้กองที่บ้านน้ำฝายสร้างเสร็จ งานแต่ถูกจัดที่ในเมืองหนึ่งครั้งเพื่อหน้าตาของบุพการีของทั้งคู่ ส่วนงานแต่งอีกรอบถูกจัดเล็ก ๆตามแบบพิธีของคนที่นี่ เพราะทั้งคู่อยากให้ชาวบ้านได้ร่วมงานของทั้งคู่จึงเลือกที่จะจัดงานสองครั้ง
“ต่อไปนี้คุณก็ไม่ต้องเหงาเวลาที่ผมไม่ได้มาอยู่เวรที่นี่แล้ว เพราะผมจะอยู่กับคุณทุกวันและตลอดไป”
ท่ามกลางหมอกและแสงยามเช้าคู่สามีภรรยากอดกัน และสัญญาที่จะรักกันตลอดไป โดยมีขุนเขา ต้นไม้ หมอก และลม ช่วยเป็นพยานให้
จบบริบูรณ์
ตอนที่ 1วิวาห์ตามคำสั่ง งานแต่งงานที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในตอนนี้คืองานแต่งงานระหว่างวิธานลูกชายนักการเมืองชื่อดังกับหนูนาเดียร์ลูกสาว นักธุรกิจผู้ใจบุญ วิธานชายหนุ่มอายุสามสิบกว่ารูปร่างหน้าตาดีและที่ดึงดูดใจสาว ๆ ก็คือบุคลิกภาพและคำพูดที่ดูเป็นผู้ชายที่แสนจะอบอุ่น นาเดียร์สาวสวยในวัยยี่สิบเจ็ด เธอเกิดมาเพื่อเป็นเด็กดีของพ่อกับแม่ ชีวิตของเธอไม่เคยเดินออกจากเส้นทางที่บุพการี ขีดไว้ และเธอก็มีความสุขและเต็มใจที่จะทำให้ทั้งคู่มีความสุข โฮโซทั้งสองคนถูกจับให้แต่งงานกันด้วยเหตุผลของ ความเหมาะสม และไม่มีอะไรที่จะทำให้ทั้งคู่อยากจะปฏิเสธ เพราะสำหรับวิธานแล้วการได้ภรรยาทั้งสวย รวย และดูไม่ค่อยฉลาดทันเขา มันคืออะไรที่ดีที่สุดอยู่แล้ว นาเดียร์เธอทำหน้าที่ภรรยาที่ดีตั้งแต่วันแรกของการได้ชื่อว่ามีสามี อะไรที่เธอไม่เคยทำหญิงสาวก็พยายามที่จะฝึกเพื่อให้สามีของเธอมีความสุขที่สุด หญิงสาวไม่ได้ช่วยงานธุรกิจของครอบครัวเท่าไหร่เพราะพ่อกับแม่อยากให้เธอทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุดก่อน เพราะทั้งสองคนยังอายุไม่มากยังพอทำไหว
ตอนที่ 2เมื่อทุกอย่างไม่เหมือนเดิม หลังจากกลับมาจากทะเลได้เพียงแค่ไม่ถึงเดือน นาเดียร์ก็สัมผัสได้ว่าสามีของเธอเปลี่ยนไป จากที่เคยกลับบ้านตรงเวลาตอนนี้เขาก็กลับบ้างไม่กลับบ้าง ด้วยเหตุผลที่เกี่ยวกับงานที่มีปัญหา “พี่วิธานคะ มีปัญหาอะไรที่พอจะให้พ่อของเดียร์ช่วยไหมคะ เห็นพี่ทำงานหนักทุกวันเดียร์เป็นห่วง” ภรรยาคนสวยเดินมาคล้องแขนสามีที่เพิ่งกลับมาจากทำงานเพื่อหวังเอาใจ “อยากช่วยไหม ถ้าอยากช่วย เลิกถามสักทีผมรำคาญ” วิธานไม่ได้พูดคำพูดแบบนี้กับนาเดียร์เป็นครั้งแรก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะพูดบ่อย หญิงสาวจึงให้อภัยและคิดว่าสามีคงเหนื่อยจากเรื่องงานมาจริง ๆ ชายหนุ่มทำท่ารำคาญและหงุดหงิด จากที่จะนั่งโซฟาตามปกติ เขากลับเอาขาทั้งสองข้างขึ้นมาวางบนโต๊ะ “มาถอดถุงเท้าให้หน่อย เหนื่อยไม่อยากก้ม” วิธานชี้นิ้วไปที่เท้าทั้งสองข้างด้วยกิริยาที่ดูหยาบคายเหมือนต้องการทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายให้รู้สึกต่ำต้อย นาเดียร์ทำท่าลังเลว่าเธอจะถอดหรือจะปฏิเสธ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะตัดสินใจ แก้วน้ำที่วางอยู่ข้างหน้าชายหนุ่มก็ถูกปาไปที่กำแพง
ตอนที่ 3เวลาที่ไม่มีใคร “เป็นไงบ้าง เห็นคุยกันถูกคอเชียว ติดใจบอกได้นะพรุ่งนี้ให้พามาอีกก็ได้” ส้มถามเพื่อนที่เธอเพิ่งเคยพามาเที่ยวบาร์โฮสเป็นครั้งแรก เพราะตัวเธอมาเที่ยวบ่อยมาก “เขาก็คุยสนุกดีนะ แต่เราไม่ชอบเที่ยวแบบนี้ ส้มเราไปนอนด้วยนะ พรุ่งนี้เช้าเราค่อยกลับยังไม่อยากเจอหน้าพี่วิธาน” ส้มมองนาเดียร์ด้วยความสงสารแม้แต่ชีวิตของตัวเองยังไม่มีสิทธิ์เลือกทางเดิน นาเดียร์กลับถึงบ้านด้วยสภาพที่ยังง่วงนอนเพราะเธอเองไม่ค่อยได้นอนดึกตื่นเช้าจึงตั้งใจว่าจะขึ้นไปนอนข้างบนแล้วค่อยลงมาทำงานบ้าน “ถ้าจะกลับเช้าแบบนี้หย่ากันดีไหม” วิธานเดินลงมาจากบ้านด้วยชุดที่ไม่ใช่ชุดทำงาน พร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ “เดียร์ไปนอนกับส้มมา แล้วพี่วิธานจะไปไหนคะ” หญิงสาวรู้สึกใจหายแบบบอกไม่ถูกที่อยู่ดี ๆ ก็ถูกสามีชวนหย่าและเขาก็กำลังจะเดินออกจากบ้านพร้อมกระเป๋าเดินทาง “ไม่ต้องเสือกนะคะคนดี” วิธานยื่นหน้าจนแทบจะชนกับหน้าของหญิงสาว และพูดด้วยน้ำเสียงเน้นเหมือนรู้สึกสะใจที่ได้พูด เสียงรถออกไปแล้วหญิงสาวทรุดตัว
ตอนที่ 4เพราะเธอคือกำลังใจ “เชนคุณจะพาฉันไปไหน ขับออกมานอกเมืองแบบนี้” นาเดียร์ไม่รู้หรอกว่าเส้นทางที่เชนกำลังพาเธอไปคือเส้นทางที่จะไปยังที่ไหน เธอรู้แค่เพียงว่ามันออกมาพ้นจาก ตัวกรุงเทพแล้ว รถเริ่มติดน้อยลง บรรยากาศข้างทางเริ่มดูสบายตามากขึ้น “ผมจะพาไปบ้านผม ตอนนี้มีคุณแม่อยู่คนเดียว ส่วนตัวผมเองมาเช่าคอนโดอยู่เพราะจะได้สะดวกในการทำงาน” “แล้วคุณจะพาไปบ้านทำไมคะ ป่านนี้คุณแม่คุณคงหลับแล้ว เกรงใจท่าน” ราเชนหันมาส่งยิ้มให้กับหญิงสาวที่ตอนนี้เธอหยุดร้องไห้แล้ว และดูจะสนใจปลายทางที่เขาจะพาไปจนลืมความทุกข์ไปได้พักหนึ่ง “ผมบอกแม่ไว้แล้ว ที่ผมพาคุณไปเพราะเราจะได้รู้จักกันมากขึ้นที่บ้านผมวิวดีนะอยู่ติดแม่น้ำและที่สำคัญถ้าคุณได้คุยกับแม่ของผม คุณจะรู้ว่าแม่มักจะมีทางออกที่ดีให้กับทุกคน” นาเดียร์เชื่อในคำพูดของคนที่เพิ่งรู้จักกันอีกครั้ง อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้พาเธอไปที่ที่ต้องอยู่กันสองต่อสองและคืนนี้เธอก็มั่นใจว่าเขาจะอยู่เป็นเพื่อนเธอไปจนเช้าแน่นอน บ้านของราเชนเป็นบ้านไม้ที่จัดได้ว่าสวยงามถึงจะมีขนาดไม่ใหญ่
ตอนที่ 5อยู่ดี ๆ ก็เจ็บ นาเดียร์นั่งรถกลับบ้านด้วยหัวใจที่มุ่งมั่น เธอจะขอแก้ตัว เธอพร้อมจะทำทุกอย่างตามที่สามีต้องการ ขอแค่ให้เขาไม่ไปจากเธอ ถึงแม้นาเดียร์จะรู้สึกลึก ๆ ว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เธอกลับยอมเป็นคนผิดขอแค่ไม่ให้อีกฝ่ายไป ราเชนได้แต่หันไปสบตาคนข้าง ๆ เป็นครั้งคราว เขาเป็นคนอื่นและเพิ่งเข้ามาในชีวิติของหญิงสาวได้ไม่นาน คงได้แต่อยู่ในมุมเงียบ ๆ รอเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายต้องการเขาคงมาหาเธอเอง “ขอบคุณนะเชน ที่อยู่เป็นเพื่อนในวันที่ไม่เหลือใครมาสองครั้งแล้ว ขอให้การเจอกันของเราครั้งต่อไป ขอให้เดียร์มีความสุขอย่าได้ทุกข์เหมือนทุกครั้งเลย ไว้ว่าง ๆ เจอกันนะ” หญิงสาวกำลังจะเปิดประตูรถของตัวเอง แต่กลับถูก มือหนาจับแขนเธอไว้ “ขอให้คุณโชคดี ขอให้เขากลับมาเป็นคนเดิมแต่สัญญากับผมได้ไหม ว่าคุณจะไม่รักเขาจนลืมรักตัวเอง ผมอยู่ข้าง ๆ คุณตลอดนะถึงแม้ว่าคุณอาจมองไม่เห็น” นาเดียร์โผเข้ากอดราเชนอีกครั้ง เธอรู้ความหมายดีแต่เธอก็รู้ว่าสุดท้ายที่เธอพยายามจะกลับไปทำมันคือการทำร้ายตัวเองอยู่ก็ตาม บ้านถูกปิดไว้ในสภาพเดิม หญิงส
ตอนที่ 6ทางแยก เสียงรถยนต์ของวิธานที่ขับเข้ามาในบ้าน มันไม่ได้ทำให้ นาเดียร์รู้สึกเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาเกือบสองปี แต่ครั้งนี้เธอกำลังจะรู้ทางออกของชีวิตและที่เธอยังไม่รู้คือจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอในวันนี้ เพียะ! วิธานเปิดประตูบ้านเข้ามาและตรงมายังภรรยาที่ยังไม่ทันจะพูดอะไรสักคำ เขาตบหน้าเธออย่างแรงก่อนที่จะผลักหญิงสาวลงไปนอนกับพื้นและเตะไปที่สะโพกอย่างเต็มแรง “มึงไปทำร้ายเมียกูทำไม มึงเอาเพื่อนไปรุมมึงเห็นไหมว่าเขาท้องอยู่” นาเดียร์อยากจะพูดแต่เธอพูดไม่ออกมันจุกไปหมด เธอค่อย ๆ คลานหนีด้วยความกลัว ที่เธอคิดไว้มันไม่ใช่แบบนี้ เขาทำร้ายเธอเหมือนไม่เคยเห็นเธอเป็นเมียเลย มือหนาจิกผมของคนตัวเล็กที่กำลังพยายามหนี ผมของหญิงสาวหลุดตามแรงดึง นาเดียร์ยกมือไหว้น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอกลัว กลัวจนไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรได้แต่ยกมือไหว้ ร้องขอให้อีกฝ่ายเมตตาเธอบ้าง “มึงรู้ไหมทรายเขายอมให้กูมาอยู่กับมึงถึงสองปี โดยที่เขาไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย แต่วันนี้กูแค่ต้องการอิสระกูจะไปอยู่กับลูกกับเมียกูมึงยังจะยื้อ ถ้ามึงไม่อยากตายหย่าให้กูแล้วอย่าใ
ตอนที่ 7สามีที่ได้เลือก ราเชนตัดสินใจเลิกเป็นหนุ่มบาร์โฮส เขาออกหาดูทำเล ที่จะเปิดอู่แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะทำที่หน้าบ้านของตัวเอง “เชนเปิดอู่คนเดียวเหรอ เดียร์ขอหุ้นด้วยได้ไหม” หญิงสาวรู้ว่าเงินเก็บที่ราเชนมีไม่ได้เยอะสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเธอจะให้เขาก็คงไม่เอาหญิงสาวจึงเปลี่ยนเป็นขอหุ้นด้วย “ได้สิ หุ้นทั้งตัวทั้งใจเลย” อู่กำลังเริ่มก่อสร้าง นาเดียร์อยากขายข้าวแกงเธอจึงทำร้านต่ออกมาเธอทำหน้าที่ขาย ส่วนแม่สามีทำหน้าที่ทำกับข้าวให้เธอ โชคยังดีที่หน้าบ้านมีพื้นที่เหลือเยอะและเป็นที่ริมน้ำบรรยากาศดี ดารากับธงชัยทนคิดถึงลูกสาวไม่ไหวและอยากรู้ความจริงจากปากของลูกสาวจึงให้ส้มช่วยอ้อนวอนให้นาเดียร์กลับมาหาพ่อกับแม่บ้าง “เดียร์ไปค้างกับพ่อแม่สักพักนะ ไม่ต้องนอนร้องไห้ล่ะ” หญิงสาวดูออกว่าอีกฝ่ายไม่ได้กลัวจะคิดถึงแต่เขากลัวว่าเธอจะไม่กลับมามากกว่า “สัญญาได้ไหมว่าจะกลับมา” หญิงสาวพยักหน้ากอดสามีของเธอไวแน่น เธอรักเขาเต็มหัวใจแล้ววันนี้ไม่มีทางที่เธอจะไม่กลับมาแน่นอน ธงชัยเห็นภาพสภาพลูกสาว
ตอนที่ 8เธอคือของขวัญ กิจการอู่ซ่อมรถของราเชนโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะเขามีวัยรุ่นแถวบ้านเป็นผู้สนับสนุนอยู่แล้ว เวลาเด็ก ๆ มาซ่อมรถบางครั้งเขาก็ไม่เก็บเงิน เพราะเข้าใจว่าเวลาไม่มีเงินชีวิตมันเป็นอย่างไร ร้านข้าวแกงของนาเดียร์จากตอนแรกตั้งใจจะขายแค่ วันละสี่ถึงห้าอย่าง ตอนนี้กลายเป็นร้านข้าวแกงที่ใหญ่และหมดเร็วมาก วิภาต้องหาลูกจ้างมาช่วยทำเพราะเขาทำคนเดียวไม่ไหว ส่วนลูกสะใภ้ก็ต้องรีบไปเปิดร้าน ราเชนสังเกตภรรยามาหลายวันแล้ว นาเดียร์มีอาการ เวียนหัวเหมือนคนอยากจะเป็นลมตลอด และตอนนี้ที่หนักสุดคือเธอเหม็นอาหารบางอย่าง จนต้องคอยเก็บเงินอย่างเดียวและ จ้างคนมาตักแกง “เดียร์ไปหาหมอไหม ผมคิดว่าคุณไม่สบายนะ” หญิงสาวเดินมากอดสามี เธอมีคำตอบอยู่หลายวันแล้วแค่รอว่าเมื่อไหร่ราเชนจะถามว่าที่เธอมีอาการแปลกเธอเป็นอะไร “ไม่ต้องไปหาหมอหรอกค่ะ เพราะเดียร์รู้ว่าอาการที่เป็นอยู่เกิดจากอะไร รอก็แต่ช่างเชนเมื่อไหร่จะถามสักที” ชายหนุ่มยังคงไม่เข้าใจว่าภรรยาของเขาหมายถึงอะไรกัน แล้วทำไมรู้แล้วถึงไม่บอกต้องรอให้เ