‘เพราะปากพล่อย พัฒน์ชนะจึงพนันขันต่อกับเพื่อนสนิทว่าจะแอ้มรุ่นน้องสาวสวยอย่างภัทรานิษฐ์ในคืนเลี้ยงรุ่น เขาทำผิดกับเธอทั้งๆ ที่ไม่ได้รักในขณะที่เธอนั้นตกหลงรักชายหนุ่มเต็มหัวใจ หลังผ่านค่ำคืนที่แสนเร่าร้อนภัทรานิษฐ์กลับพบว่าตัวเธอกำลังตั้งครรภ์!’
View More“ดีมากจ้ะ” ภัทรานิษฐ์ลูบใบหน้าพลอยประภัสเบาๆ เด็กหญิงจึงได้ทีถามแม่เรื่องการแต่งตัว เพราะอยากให้ชม“แม่จ๋า… น้องพราวแต่งตัวเสร็จแล้ว เก่งไหมคะ”“เก่งค่ะ ว่าแต่วันนี้ใครแต่งตัวให้น้องพราวของแม่นะ” ภัทรานิษฐ์มองชุดที่ลูกสาวสวมอยู่ ไม่มีอะไรเกินความคาดหมายวันนี้พลอยประภัสมาในชุดเสื้อยืดเท่ๆ กางเกงยีนส์ขายาว คาดเข็มขัด ผมยาวเลยบ่าไปแล้ว มัดสูงขึ้นรวบตึงที่ด้านหลัง ใส่หมวกอีกใบคงเท่ขึ้นเป็นกอง“พี่พลอย”“ขอบคุณพี่หรือยังคะ”“ยังค่ะ”“หนูต้องทำยังไง” คนเป็นแม่เอ่ยถามลูก พลอยประภัสหันมองหาพลอยไพลิน เมื่อเห็นว่ากำลังเดินลงมาจากบันไดก็เข้าไปกอดและเขย่งเท้าขึ้นหอมแก้ม ก่อนจะเอ่ยบอก“ขอบคุณค่ะ พี่สาวของน้องพราว” พลอยไพลินที่ลงมาช้า เพราะพึ่งแต่งตัวเสร็จ หลังจับน้องจอมซนใส่เสื้อผ้าแล้ว เด็กหญิงยิ้มให้น้องทันที ก่อนจะจูงมือไปยังโต๊ะอาหารที่พ่อนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทั้งภัทรานิษฐ์และพัฒน์ชนะยิ้มให้ เพราะทั้งสองคนมักจะบอกลูกๆ ว่าใ
ห้าปี ต่อมาครอบครัวของพัฒน์ชนะและภัทรานิษฐ์ สมบูรณ์แบบตามคำว่าครอบครัว มีความรักลอยอบอวลอยู่รอบข้างของเหล่าสมาชิกที่ตอนนี้เพิ่มมาเป็นสี่คนและอีกหนึ่งคนกำลังเติบโตอยู่ในท้องของภัทรานิษฐ์รอเวลาลืมตาดูโลก ภาพตอนนี้ คือทั้งสี่คนกำลังยืนแปรงฟันหน้ากระจกและอ่างล่างหน้าที่ลดหลั่นเป็นขั้นบันไดไปตามความสูง เริ่มที่พัฒน์ชนะ ภัทรานิษฐ์ พลอยไพลินและพลอยประภัส สมาชิกคนที่สี่ที่ตอนนี้อายุได้สามขวบแล้ว ส่วนพลอยไพลินเป็นพี่ใหญ่อายุเจ็ดขวบครึ่ง“แปรงให้สะอาดนะคะ” เสียงอบอุ่นของแม่เอ่ยบอก ทั้งสามีและลูกๆ ของเธอ“ค่ะ/ค่ะแม่” เสียงเจื้อยแจ้วของลูกสาวทั้งสองคนเอ่ยตอบภัทรานิษฐ์กลับไป ยิ่งนานวันครอบครัวนี้ก็ยิ่งมีแต่ความสุขและความน่ารักของสมาชิก“ไหน… อ้าปากให้พ่อดูหน่อย น้องพลอย น้องพราว” พัฒน์ชนะที่แปรงฟันเสร็จแล้ว ลงไปนั่งยองๆ มองหน้าลูกทั้งสองคน“อ้า...” พลอยไพลินและพลอยประภัสอ้าปากให้ผู้เป็นพ่อดูความสะอาด ก่อนจะยิ้มแฉ่งอวดฟันซี่เล็กๆ สีขาวที่ดูแลเป็นอย่างดี“โอ้โห้...ฟันขาวสะอาดกั
“คุณเก๋!” น้ำเสียงตึงๆ ของศุภวุฒิดังขึ้นไปอีก ชายหนุ่มกำลังโกรธเพราะหึงอยู่นั่นเอง ลักขณาจึงเอ่ยดักทางไว้“ทำเสียงเข้มๆ แบบนั้นทำไมคะ หึงหรือไง”“เปล่า ไม่ได้หึง” ศุภวุฒิรีบปฏิเสธทันที ก่อนจะกลับไปทำ หน้าตาย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ลักขณาส่ายหน้าให้ผู้ชายปากแข็ง ลักขณาขี้เกียจจะซักต่อ จึงเอ่ยถามถึงที่หลับที่นอนของเขาแทน“เปล่าก็เปล่า แล้วนี่คุณวุฒิจะพักที่ไหน”“ที่นี่” ชายหนุ่มเอ่ยตอบแบบไม่รีรอ คนฟังอุทานเสียงดังทันที“เอ๋…ได้ไงคะ”“ทำไมจะไม่ได้ ผมจะนอนที่นี่”“เก๋…พึ่งรู้ว่าคุณวุฒิเอาแต่ใจ”“อืม จะว่าไปที่นี่มีโรงเรียนอนุบาลหรือยังนะ” ศุภวุฒิไม่ตอบคำถามนั้นของลักขณา ก่อนจะทำท่าคิด เรื่องที่เขาต้องการจะทำอีกอย่าง“ถามทำไมคะ”“คงต้องสำรวจตลาดกันสักหน่อย เผื่อจะมีคู่แข่ง” สีหน้าของชายหนุ่มดูจริงจังมาก ก่อนจะควานหาอะไรในกระเป๋
หลังเสร็จงานแต่งงานของพัฒน์ชนะและภัทรานิษฐ์ที่แสนเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความทรงจำที่แสนล้ำค่า พอเห็นลูกมีความสุขจรรยาและทวี รวมทั้งวสุวัสก็ขอตัวกลับบ้าน ภัทรานิษฐ์อยากให้ครอบครัวเธออยู่ต่ออีกหน่อย แต่ทุกคนกลับส่ายหน้าให้ เพราะสามสี่วันที่ได้อยู่ดัวยกันมันก็มีค่ามากพอแล้ว อีกอย่างกรุงเทพฯ - ตราดก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ ไปมาหาสู่ได้สบาย อนุภพมีงานก็ขอตัวกลับด้วยเหมือนกันส่วนศิรดาและรัชยศก็ขอตัวกลับกรุงเทพฯ เพราะศิรดามีนัดตรวจครรภ์ ลักขณาเองก็ต้องกลับโดยมีศุภวุฒิขับรถไปส่งเธอใจจริงหญิงสาวอยากอยู่นานๆ แต่ด้วยงานที่ต้องรับผิดชอบจึงทำแบบนั้นไม่ได้ ที่ชะอำในตอนนี้จึงมีแต่เหล่าสมาชิกของบ้านสุนทรโรจน์อยู่กันพร้อมหน้า พวกเขาจะอยู่ต่ออีกวัน พรุ่งเช้าค่อยกลับกรุงเทพฯ ศุภวุฒิขับรถมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ชายหนุ่มเข้าไปรับตั๋วเครื่องบินให้ลักขณา เพราะเขาจองตั๋วไว้แล้ว แต่ในมือศุภวุฒิลับมีตั๋วถึงสองใบ ก่อนที่ชายหนุ่มจะส่งตั๋วเครื่องบินใบหนึ่งให้เธอ“คุณวุฒิ… จะบินไปไหนคะ”“ผมมีงานน่ะครับ” ศุภวุฒิ ไม่ได้บอกว่าเขามีงานที่ไหน ลักขณาออกอาการงง
“พี่รักยี่หวา”“ยี่หวาก็รักพี่แพทค่ะ”“เราจะรักกันไปจนวันตาย”“ค่ะ” ภัทรานิษฐ์เอ่ยรับคำพูดนั้น ทุกคนที่ได้ยินทั้งสองเอ่ยคำรักกันและกัน ถึงกับยิ้มอย่างตื้นตัน เมื่อสวมแหวนเรียบร้อย บ่าวสาวก็เดินไปนั่งตรงซุ้มที่ประดับประดาอย่างสวยงาม ให้ทุกคนได้รดน้ำสังข์ แต่น้ำสังข์ของงานแต่งงานครั้งนี้เป็นทรายสีชมพูที่ผ่านการอวยพรมาจากทุกคนที่ทั้งสองรักบรรยากาศรดน้ำสังข์ทำเอาน้ำตาของภัทรานิษฐ์ไหลนองหน้า คำอวยพรจากพ่อแม่ของเธอ รวมทั้งพ่อและแม่ของพัฒน์ชนะ มันทำให้หญิงสาวมีความสุขจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ เพราะทุกคนล้วนอวยพรให้เธอและพัฒน์ชนะมีความสุขทั้งนั้น ลักขณาและศิรดาก็แอบปาดน้ำตาเหมือนกัน เธอดีใจที่ภัทรานิษฐ์มีวันนี้ วันที่เพื่อนเธอมีความสุข และคนรอบข้างก็อวยพรให้อย่างจริงใจและปรารถนาดีเมื่อผ่านการรดน้ำสังข์และได้รับคำอวยพรจากทุกคน ภัทรานิษฐ์ก็โยนช่อดอกไม้ โดยมีบรรดาสาวโสดที่เป็นพนักงานของรีสอร์ตมายืนรอกันไม่น้อย แต่กลับไม่มีลักขณา เพราะเธอเขินจึงยืนหลบอยู่กลังศุภวุฒิ แต่โชคชะตาก็ได้กำหนดให้ช่อกอดไม้ของภัทรานิษฐ์ มาหล่
“หวา… อย่าพึ่งร้องไห้สิ เดี๋ยวไม่สวยนะ” ศิรดาเอ่ยบอกเพื่อน ซึ่งมันดูยากที่จะห้ามเหลือเกิน เพราะเธอเคยผ่านอารมณ์การแต่งงานมาแล้ว จึงพอเข้าใจว่าตื่นเต้นมากแค่ไหน แถมพัฒน์ชนะยังทำเซอร์ไพรส์ใหญ่แบบนี้ ไม่ตกใจก็ให้มันรู้ไปสิ“ก็คนมันอดไม่ได้ แกสองคนรู้เรื่องนี้กันตั้งแต่ตอนไหน”“เรื่องอะไร ฉันไม่รู้” ลักขณาปฏิเสธตาใส ภัทรานิษฐ์จึงคาดคั้น“ฝน เก๋ เล่ามา”“เสร็จงานก่อน แล้วพวกฉันจะสารภาพนะเพื่อน” ศิรดายิ้มให้ ก่อนจะบรรจงแต่งหน้าภัทรานิษฐ์ให้สวยที่สุด ลักขณาหยิบดอกไม้สีขาวขึ้นมาปักบนเส้นผมที่จัดแต่งอย่างสวยงามของเพื่อน ตามด้วยมงกุฎเพชร ที่เข้ากับชุดแต่งงานสีขาวนั่นเป็นที่สุดเมื่อหน้าผมพร้อม ภัทรานิษฐ์ก็เปลี่ยนชุด เธอยืนมองตัวเองหน้ากระจกเป็นนาน ลูบชุดแต่งงานเกาะอกสีขาวบริสุทธิ์ที่สวมอยู่อย่างเบามือ มุกและคริสตัลทุกเม็ด รวมทั้งลูกไม้ที่ปักอยู่สวยงามไม่มีที่ติ ที่สำคัญเธอใส่มันได้พอดี จึงชวนให้คิดวันที่ศิรดาขอวัดตัวเธอ แล้วบอกว่าจะตัดชุดส่งไปให้ญาติที่ต่างประเทศ ที่แท้ก็เ
“พี่แพท” ภัทรานิษฐ์เอ่ยเรียกชายหนุ่มไม่เต็มเสียงนัก ตาปรือๆ มองสบตากันผ่านกระจก ท่วงท่ายั่วยวนของภัทรานิษฐ์แบบนี้ ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของชายหนุ่มได้ดี พัฒน์ชนะเริ่มทำให้เธอครางไม่หยุด เขาขยับเข้าออกรัวเร็ว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นช้าๆ เนิบๆ จนภัทรานิษฐ์ส่ายหน้าให้ บอกว่าไม่ไหวแล้ว“ในน้ำ” พัฒน์ชนะกระซิบข้างหูภัทรานิษฐ์ ก่อนจะพาเธอไปยังอ่างอาบน้ำที่มีน้ำอยู่เกือบเต็ม ชายหนุ่มลงไปนอนในนั้นโดยมีภัทรานิษฐ์นั่งคร่อมหันหลังให้อยู่ด้านบน เธอได้จังหวะขยับเข้าออก ยิ่งอยู่ในน้ำ ความคับแน่นก็ยิ่งมีมากขึ้น พัฒน์ชนะถึงกับกำขอบอ่างแน่น“ที่รักคะ”“ครับ… สุดยอด” ชายหนุ่มขานรับ ก่อนจะเอ่ยบอกความรู้สึก ภัทรานิษฐ์ได้ใจขยับเร่งจังหวะของสะโพกขึ้นลงหนักหน่วงขึ้น เพราะรู้ว่าตัวเองต้องการแบบไหน รวมทั้งตอบสนองความต้องการของพัฒน์ชนะด้วย รสเซ็กส์แม้จะคล้ายกัน แต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียวอยู่ที่คนเล่นว่าจะพัฒนาฝีมือ ทำให้คู่ครองชอบได้มากแค่ไหนพัฒน์ชนะรั้งตัวภัทรานิษฐ์ให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาชายหนุ่มเอื้อมมือไปสัมผัสหน้าอกข
“อากาศดีจังเลยนะคะ” ภัทรานิษฐ์เอ่ยบอก คนที่ยืนกอดซ้อนหลังเธออยู่ ทั้งสองคนออกมายืนรับลมตรงระเบียงของรีสอร์ต เสียงคลื่นซัดทราย ช่างเป็นเสียงที่ไพเราะมาก“ใช่…” เสียงทุ้มๆ เอ่ยรับ ภัทรานิษฐ์เอียงใบหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะได้ถามอะไร พัฒน์ชนะก็หอมแก้มเธอหนักๆ“จริงสิคะ หวาจะถามตั้งแต่มาถึงแล้ว ข้างหน้าเขาจะมีงานอะไรหรือเปล่า เห็นจัดสถานที่ไว้”“เห็นทางรีสอร์ตบอกจะมีงานแต่งงาน” พัฒน์ชนะเอ่ยตอบตามตรง แต่บอกไม่หมดว่ามันคืองานแต่งงานของเขากับเธอ“จริงเหรอคะ ไม่น่าละ บรรยากาศดูสวย และอบอุ่นขึ้นเป็นกอง”“ยี่หวาละ อยากมีงานแต่งงานแบบไหน”“ไม่เคยคิดค่ะ” คำถามของพัฒน์ชนะ ทำให้ภัทรานิษฐ์รู้สึกแปลกๆ เธอไม่เคยพูดเรื่องที่จะให้เขามาแต่งงานด้วย เพราะกลัวเขาจะหลงตัวเอง คิดว่าเธออยากแต่งงานด้วยมาก แต่เรื่องานแต่งงานของตัวเอง เธอยังไม่ได้คิดจริงๆ ไม่มีแผนในสมองสักนิด เพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แม้แต่ชุดแต่งงานเธอก็ไม่เคยคิดว่าอยากใส่แบบไหนอะไรยังไงด้วยซ้ำ คงเป็นเพ
“พี่แพท เป็นยังไงบ้างคะ”“ไม่มีปัญหาครับ พ่อและแม่ของยี่หวาถึงจะไม่พอใจที่พี่ทำแบบนั้นลงไป แต่พี่ก็สู้ไม่ถอย จนท่านสองคนใจอ่อนลงไปมากแล้ว” พัฒน์ชนะกุมมือของภัทรานิษฐ์ไว้ เพราะรู้ว่าเธอกังวล แต่ตัวของชายหนุ่มกลับลงไปกองบนโซฟา เมื่อถูกวสุวัสปล่อยหมัดใส่แบบไม่ทันตั้งตัว“แม็ค… ทำอะไร” ภัทรานิษฐ์ผลักอกน้องชายให้ออกห่างจากพัฒน์ชนะ ไม่รู้ว่าไปใจร้อนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นยังดีๆ อยู่เลย ศิรดาเองก็ออกอาการอึ้ง ไม่แพ้พลอยไพลิน“ต่อยไงพี่หวา อยากทำแบบนี้ตั้งแต่แรกที่เจอหน้าแล้ว”“ไม่เป็นไร” คนถูกต่อยเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม หมัดแค่นั้นมันไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวดอะไรมากมายนักหรอก“คุณเป็นผู้ชายประสาอะไร ทำไมถึงทำกับพี่สาวผมแบบนี้ ห๊า…หน้าตัวเมีย” คำพูดของวสุวัส ทำให้ภัทรานิษฐ์ตกใจ เพราะท่าทางน้องชายของเธอโกรธมาก ศิรดาดึงสติกลับมาได้ก่อน จึงเข้าไปรั้งแขนของวสุวัสไว้“แม็ค ใจเย็น…”“จะต่อยอีกไหม พี่ให้
บทที่ 1 “เออ...เดี๋ยวข้ารีบเข้าไป อย่าเร่งนักสิวะ”เสียงที่ออกจะหงุดหงิดนิดหน่อยของพัฒน์ชนะ ชายหนุ่มวัยยี่สิบสี่เอ่ยบอกกับเพื่อนคนที่โทรศัพท์มาตามเป็นครั้งที่ร้อย เร่งให้เขาเข้าไปในงานเลี้ยงรุ่นของเพื่อนสมัยมัธยมที่จัดขึ้นยังโรงแรมชื่อดัง ซึ่งมันก็คือโรงแรมในเครือธุรกิจของเขาที่ในวันนี้คงรวมศิษย์เก่าได้หลายร้อยชีวิตและหลายรุ่นพอตัว คิ้วดกหนาของพัฒน์ชนะกำลังขมวดกันยุ่งเนื่องจากการจราจรที่ติดเกินคาดของเมืองกรุง เขาอุตส่าห์เผื่อเวลาในการเดินทางแล้ว แต่คงไม่วายต้องเข้างานช้าแน่นอน นิ้วชี้ยาวเรียวของชายหนุ่มทั้งสองข้างเคาะพวงมาลัยรถสปอร์ตคันสวยราคาหลายสิบล้าน ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากันในบางครั้ง ก่อนจะสบถออกมาตามประสา “จะติดอะไรหนักหนาวะ”พูดจบใบหน้าหล่อๆ ของชายหนุ่มก็หันซ้ายหันขวาชะเง้อมองสัญญาณไฟจราจรที่ยังเป็นสีแดง หางตาก็เหลือบมองไปเห็นบรรดาสาวๆ ในรถที่จอดติดไฟแดงอยู่ข้างๆ กำลังแต่งหน้าทำผมกันอยู่เหมือนกำลังเดินทางไปงานที่ไหนสักงาน ก็จะไม่ให้เขาเห็นได้ยังไงเล่นเปิดไฟกลางรถไปซะแบบนั้น แต่มีหญิงสาวหนึ่งในนั้นที่เขาคุ้นตาเสียเหลือเกิน ซึ่งเขาก็จำไม่ได้ว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน สายตาของพัฒน์...
Comments