‘เพราะปากพล่อย พัฒน์ชนะจึงพนันขันต่อกับเพื่อนสนิทว่าจะแอ้มรุ่นน้องสาวสวยอย่างภัทรานิษฐ์ในคืนเลี้ยงรุ่น เขาทำผิดกับเธอทั้งๆ ที่ไม่ได้รักในขณะที่เธอนั้นตกหลงรักชายหนุ่มเต็มหัวใจ หลังผ่านค่ำคืนที่แสนเร่าร้อนภัทรานิษฐ์กลับพบว่าตัวเธอกำลังตั้งครรภ์!’
View Moreพัฒน์ชนะเดินทางกลับจากมาเลเซียในเช้าวันรุ่งขึ้น โดยนั่งเครื่องในเที่ยวแรกเลยก็ว่าได้ พอลงเครื่องที่สนามบิน ชายหนุ่มก็รีบตรงมายังบ้านของภัทรานิษฐ์ทันที โดยใจนั้นจดจ่อกับการได้พบหน้าทั้งสองคนมาก แต่ขณะนั้นพลอยไพลินก็แต่งตัวสวยรอจะไปทะเลภัทรานิษฐ์ยกกระเป๋าไปไว้ในรถ รวมทั้งของกินพวกนม ขนมและแซนวิชสำหรับลูกด้วย แต่ก่อนจะเดินทางคุณแม่คนเก่งก็ทำอาหารเช้าให้ลูกได้กินเสียก่อน ซึ่งพลอยไพลินก็กินได้เยอะเป็นพิเศษใจของเด็กหญิงนั้นจดจ่อกับภาพของทะเลเต็มที่แล้ว“อิ่มแล้วเหรอคะ”“ค่ะ” พลอยไพลินเอ่ยรับคำถามของแม่ ภัทรานิษฐ์นิ่วหน้าคิ้วขมวดเพราะรู้สึกเจ็บท้องน้อยด้านขวามากขึ้นกว่าเมื่อคืนนี้เธอกุมท้องตัวเอง แต่พยายามไม่แสดงออกให้ลูกเห็น จนกระทั่งความเจ็บนั้นหายไป เมื่อได้เวลาเดินทาง ภัทรานิษฐ์ก็จูงมือลูกไปที่รถเธอกลับมาล็อคประตูบ้าน ก่อนจะไปเปิดประตูรั้วรอที่จะขับรถออกไป แต่เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าลืมเอกสารสำคัญที่อุตส่าห์เตรียมไว้ สุดท้ายก็ลืมจริงๆภัทรานิษฐ์ไขกุญแจเข้าไปในบ้านอีกครั้ง ซึ่งพลอยไพลินก็ยืนรออยู่ข้างรถ ไม่ได้ไปซนที่ไหนเหมือนกัน พอเห็นแม่เดินกลั
“ครับ แต่งเงียบๆ น้อยคนที่จะรู้” พัฒน์ชนะเอ่ยรับอย่างภูมิใจ ไม่รู้เพราะอะไรเขาถึงได้บอกแบบนี้ แต่มันก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก“ยินดีด้วย” น้ำเสียงของรามันเอ่ยออกมาจากใจ แต่โจแอนกลับไม่คิดเหมือนพ่อ เพราะเธอไม่ยินดีสักนิด อุตส่าห์ได้มาเจอผู้ชายสุดเพอร์เฟกต์แต่เขากลับไม่โสดเสียแล้ว น่าเสียดาย“ขอบคุณครับ”“น่าเสียดาย” โจแอนเอ่ยกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะหยิบไวน์ในแก้วขึ้นดื่ม เธอแทบไม่มองหน้าพัฒน์ชนะอีก“โอกาสหน้า หวังว่าผมจะได้เลี้ยงข้าวคุณพัฒน์ชนะพร้อมภรรยาสักมื้อ”“ครับ ถ้างานที่นี่เสร็จเรียบร้อย ผมก็คบพาเธอกับลูกมาเที่ยวเหมือนกัน” พัฒน์ชนะเอ่ยรับ คำพูดต่อมาของชายหนุ่มยิ่งทำให้โจแอนหมดทางไขว่ขว้า“มีลูกแล้วด้วย” เสียงของโจแอนดังขึ้น ออกแนวไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ แค่รู้ว่าเขาแต่งงานแล้วเธอก็กินแห้วไปหลายกระสอบ นี่ยังมีลูกด้วยกันอีก ลูกน้องของพัฒน์ชนะก็พลอยตกใจกับข่าวที่สองไปด้วย แต
ทางด้านพัฒน์ชนะที่บินมาคุยธุรกิจที่มาเลเซีย ชายหนุ่มยังตกลงเรื่องการซื้อขายไม่ได้ เพราะต้องรอให้เจ้าของที่ดินตัดสินใจอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้ารับปากว่าจะขายให้แท้ๆ เขาจึงบินมาด้วยตัวเอง แต่พอมาถึงกลับเล่นแง่ และต่อรองเรื่องราคาอีก พัฒน์ชนะจึงต้องอยู่และแสตนด์บายให้พร้อม เพราะเจ้าของที่ดินจะนัดมาเอง ทางเขาจะไปเจาะจงไม่ได้ ปัญหานี่แหละคือสิ่งที่ชายหนุ่มไม่ชอบเอาเสียเลย เพราะรู้สึกมันเสียเวลาแต่เขาก็ต้องรอ ทั้งๆ ที่ใจนั้นอยากกลับเมืองไทยจะแย่แล้วแต่ละวันที่อยู่มาเลเซีย พัฒน์ชนะโทรศัพท์หาลูกน้องที่ให้คอยดูแลภัทรานิษฐ์หลายต่อหลายครั้ง แต่ยังดีที่หญิงสาวไม่หนีหายไปไหน กลับไปเมืองไทยคงต้องจัดการให้จบๆ ไม่ต้องมานั่งเครียดทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวแบบนี้ ทำอะไรไม่ได้นอกจากการนั่งรอเวลา ผ่านมาวันแล้ววันเล่าจนถึงวันเสาร์เข้าไปแล้ว ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อ“ทางนั้น ยังไม่ติดต่อมาอีกหรือไง” พัฒน์ชนะเอ่ยถามลูกน้องที่ส่งมาทำงานที่นี่นานแล้ว“ยังเลยครับ”“วุ่นวาย ถ้าไม่ติดว่าฉันอยากได้ที่ตรงนั้น ไม่มีทางที่ฉันจะนั่งรอแบบนี้แน่”
“เปล่า ฉันรักแกนะ”“อ้าว ไอ้นี่มาบอกรักฉันทำไม” คนฟังออกอาการเขิน จึงเอ่ยเสียงดังกลับไป เพื่อกลบความรู้สึก ที่อยากร้องไห้เหมือนกัน“ก็แกจะไปอยู่เชียงงรายแล้วนี่ไง ฉันคิดถึง”“ก็แค่เชียงราย ไม่ได้ไปตาย คิดถึงก็ขึ้นไปหาสิ ที่หลับที่นอนมีพร้อม พวกแกล่ะก็” ลักขณาส่ายหน้าให้ เพราะทั้งภัทรานิษฐ์และศิรดาทำยังไงกับจะไม่ได้เจอกันอีกแบบนั้น“ก็เราไม่ค่อยอยู่ห่างกันแบบนี้ มันรู้สึกแปลกๆ นี่หว่า” ศิรดาสูดน้ำมูก ก่อนจะยกมือปาดน้ำตา เพราะเธอร้องไห้ตั้งแต่นั่งรถมาที่นี่แล้ว“แปลกตรงไหน ทีแกหนีจากอกฉันไปซบอกพี่คริส แต่งงาน แซงหน้าฉันไป ฉันยังไม่ว่าเลย”“อ้าว...” คำอุทานของศิรดาดังขึ้น เพราะเหมือนเธอเป็นคนผิดอย่างนั้นแหละ ภัทรานิษฐ์ส่ายหน้าให้ ก่อนจะเอ่ยขึ้น“ฝน ไม่คิดจะทักลูกฉันหน่อยเหรอ นั่งมองแกตาปริบๆแล้วนั่นนะ”“โอ๋ๆ น้องพลอย มาหาแม่ฝนมาม๊ะ” ศิรดาไม่ได้ลืมพลอยไพลิน เธออ้าแขนรับเด็กหญิงตัวน้อย ที่กำลังคลานลงจากเตียง ก่อนจะลงไป
“เก๋ ขอดูตารางงานก่อนนะคะ เพราะพักนี้ยุ่งมาก” ลักขณาบอกปัดกรายๆ อย่างไว้ตัวทั้งๆ ที่ดีใจแทบบ้า ที่จะได้ไปกินข้าวกับเขา“ครับ ผมจะรอ” พูดจบชายหนุ่มก็เดินกลับออกไปจากบ้าน ลักขณาทรุดนั่งกับเก้าอี้ หัวใจเต้นโครมครามกับคำพูดที่บอกว่าผมจะรอของศุภวุฒิ มันดังก้องอยู่ในความคิด ก่อนที่เธอจะหยุดตัวเองและขึ้นไปอาบน้ำเพื่อออกไปทำงาน จะเอายังไงกับนัดครั้งนี้ดี ลักขณาชั่งใจอยู่นานก่อนจะตกลงกับตัวเองว่าไม่ไปจะดีกว่าเมื่ออาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะออกไปทำงานเรียบร้อย ลักขณาก็ขับรถภัทรานิษฐ์ไปเปลี่ยนเป็นรถเธอที่ร้านของเพื่อนสาว โดยไม่ได้บอกภัทรานิษฐ์ว่าศุภวุฒิมาหาเธอที่บ้าน แต่ก็แอบย่นจมูกให้เพื่อนที่ไปบอกชายหนุ่มว่าเธอจะไปเชียงราย ซึ่งภัทรานิษฐ์ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไป แม้ภายนอกจะปรกติแต่ภายในใจของภัทรานิษฐ์กำลังหวาดหวั่น แม้จะไม่เห็นพัฒน์ชนะมาวันสองวันแล้ว แต่เธอก็ยังไม่วางใจภัทรานิษฐ์ตัดสินใจแน่แล้วว่าเธอจะไปอยู่ที่ไหน หญิงสาวได้ข้อมูลที่แน่ชัดและคุยกับเจ้าของร้านที่เธอจะไปเซ้งต่อเรียบร้อย แม้จะเป็นที่ที่ไม่คุ้นเคยแต่มันคงไม่อยากหรอก ใกล้ๆ ร้านใหม่
“ได้กลิ่นเหรอครับ…” ศุภวุฒิขยับออกห่างภัทรานิษฐ์ เพราะกลัวเธอจะรังเกียจ แต่หญิงสาวไม่ได้คิดแบบนั้น“ค่ะ ฉันว่าคุณวุฒิน่าจะกลับไปพักอีกหน่อยนะคะ ท่าทางยังไม่ดีเลย”“ผมก็ตั้งใจจะทำแบบนั้น” สาเหตุที่ศุภวุฒิลากตัวเองออกจากบ้าน ก็เพียงเพื่ออยากพบลักขณาต่างหาก แต่เขากลับไม่ได้เห็นเธอ“หวา ขอคืนนะคะ” ภัทรานิษฐ์ยื่นแหวนให้ชายหนุ่ม ซึ่งเขาก็รับไว้“ครับ ขอโทษด้วย ถ้าทำให้อึดอัด”“ไม่เป็นไรค่ะ”“เราจะยังคงเป็นเพื่อนกันได้แบบนี้อีกใช่ไหมครับ” อีกหนึ่งสิ่งที่ศุภวุฒิกลัว คือเขากับภัทรานิษฐ์จะไม่มีแม้กระทั่งความเป็นเพื่อนให้กัน เพราะการกระทำของเขา“ได้สิคะ หวายินดี”“ขอบคุณมากครับ” แต่พอได้ฟังแบบนี้ ศุภวุฒิก็พลอยยิ้มออก“ขอโทษนะคะ เมื่อคืนเก๋ไปเป็นเพื่อนคุณวุฒิดื่มเหรอเปล่า” ภัทรานิษฐ์รู้ทั้งรู้แต่ก็ยังถาม สายตาของเธอมองใบหน้าชายหนุ่มอย่างวิเคราะห์ แต่กลับมองไม่เห็นอะไรเลย อาจจะเป็นเพราะเธอคิ
ภัทรานิษฐ์ลงมาเตรียมอาหารเช้าตามปรกติ แม้ทุกอย่างในช่วงนี้จะน่าอึดอัดและหวาดกลัวแค่ไหน แต่เธอก็ยังต้องดำเนินชีวิตต่อไป เมื่อคืนเธอแทบนอนไม่หลับเพราะกลัวพัฒน์ชนะจะบุกเข้ามาหาอีก แต่ก็ไม่เป็นแบบนั้น เพราะถ้าบุกเข้ามาครั้งนี้เธอจะสู้ไม่ถอยตายเป็นตาย แต่หญิงสาวก็ต้องหยุดเดิน เมื่อเห็นลักขณานั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก จึงเดินเข้าไปหา“เก๋… เก๋...”“หือ” ลักขณาถึงขั้นสะดุ้ง เมื่อรับรู้ว่ามีฝ่ามือของภัทรานิษฐ์วางลงมาบนบ่า“แกเป็นอะไรหรือเปล่า มานั่งตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” คิ้วของภัทรานิษฐ์ขมวด เมื่อคืนเธอไปนอนในห้องพลอยไพลิน จึงไม่เห็นว่าลักขณามานั่งตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน“เมื่อคืน”“เกิดอะไรขึ้น ท่าทางเหมือนยังไม่ได้นอน”“ก็ตามนั้น นั่งคิดอะไรเพลินๆ” ลักขณานอนไม่หลับต่างหากตาค้างเลยก็ว่าได้ เพราะอะไรถ้าไม่ใช่เพราะศุภวุฒิ สงสัยจะเข้าหน้ากันไม่ติดไปอีกนาน เป็นบ้าอะไรถึงได้พูดและทำแบบนั้นกับเธอกัน เมาแล้วบ้
“คุณเก๋...เคยแอบชอบใครไหมครับ” คำถามของชายหนุ่ม ทำให้คนฟังจ้องมองเขา สายตาบ่งบอกว่าคิดยังไง แต่คงไม่ชัดเจนเท่าคำพูด“เคย”“แล้วตอนนี้คุณเก๋กำลังคบอยู่กับเขาหรือเปล่า”“เปล่า”“แสดงว่าคุณเก๋ก็แอบชอบใครอยู่เหมือนผม”“ค่ะ เก๋แอบชอบเขา แต่เขากลับโง่ มองไม่เห็น” แววตาของลักขณามองตรงไปยังศุภวุฒิ ผู้ชายโง่ๆ ที่เธอแอบชอบ ครูใหญ่โรงเรียนอนุบาลของน้องพลอยที่เธอปิ้งเขาตั้งแต่วันแรกที่ได้เห็นหน้า แต่เธอกับเก็บความรู้สึกนั้นซะมิด ทั้งๆ ที่คิดว่าศุภวุฒิไม่ได้สนใจเธอเลย แต่คำพูดของเขาตอนอยู่ในร้านกาแฟก็ทำให้ลักขณาแปลกใจ เพราะเหมือนกับเขาคอยมองเธออย่างนั้นแหละ แต่มันคงไม่ใช่หรอก“แล้วทำไมไม่บอกเขาละครับ” ศุภวุฒิเอ่ยตามตรงๆ เพราะเขาเคยผ่านความรู้สึกของคำว่าแอบชอบมาก่อน มันอึดอัดแต่พอได้พูดออกไปแล้ว อีกฝ่ายจะรับความรู้สึกนั้นหรือไม่ เขาก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาก แม้คำตอบของเขาจะคือไม่ก็ตามที&ldqu
ภัทรานิษฐ์อยู่ด้วยความระแวง กลัวว่าพัฒน์ชนะจะบุกมาหาเธอตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้ชายหนุ่มนั้นไม่อยู่เมืองไทย เพราะบินไปดูงานด่วนที่มาเลเซียแล้ว เธอซื้อกุญแจตัวใหญ่มาหลายอันเพื่อล็อคบ้าน หวังว่ามันจะปลอดภัยมากขึ้น ภัทรานิษฐ์ดูจะไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น ยิ่งคืนนี้ลักขณาบอกว่าจะกลับดึกด้วยเธอก็ยิ่งระแวง เมื่อไปรับลูกเรียบร้อยเธอก็รีบล็อคบ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด คอยสอดส่องมองหาความไม่ปลอดภัยและตอนนี้ยังมีเครื่องช็อตไฟฟ้าติดตัวตลอดเวลาอีกลักขณาขับรถมาที่โรงเรียนอนุบาลของศุภวุฒิ เธอไม่ได้ลงไปจากรถ เอาแต่นั่งนิ่งอยู่แบบนั้น เพราะกำลังชั่งใจตัวเองว่าจะไปกับชายหนุ่มดีหรือไม่ ถึงจะตัดสินใจเด็ดขาดไม่ได้ แต่ตอนนี้เธอกลับมารอเขาแถวๆ โรงเรียนซะแล้ว ศุภวุฒิเองก็ไม่ได้ลืมนัด ชายหนุ่มรีบเคลียร์งานก่อนจะมานั่งรอหญิงสาวที่หน้าโรงเรียน เกือบสองทุ่มก็ยังไม่เห็นเธอ แต่เขานั้นจำได้ว่ารถคันที่จอดอยู่ไม่ไกลต้องเป็นรถของลักขณาแน่ๆ เห็นมาตั้งแต่เย็นแต่ทำไมเธอถึงยังไม่ยอมลงจากรถอีก ศุภวุฒิจึงเดินเข้าไปหา ก่อนจะเคาะกระจกเรียกทำเอาลักขณาสะดุ้ง กดกระจกรถลงเพื่อจะคุยกับเขา“จะนั่งในรถอีกนานไหม
Comments