บทที่ 1
“เออ...เดี๋ยวข้ารีบเข้าไป อย่าเร่งนักสิวะ”เสียงที่ออกจะหงุดหงิดนิดหน่อยของพัฒน์ชนะ ชายหนุ่มวัยยี่สิบสี่เอ่ยบอกกับเพื่อนคนที่โทรศัพท์มาตามเป็นครั้งที่ร้อย เร่งให้เขาเข้าไปในงานเลี้ยงรุ่นของเพื่อนสมัยมัธยมที่จัดขึ้นยังโรงแรมชื่อดัง ซึ่งมันก็คือโรงแรมในเครือธุรกิจของเขาที่ในวันนี้คงรวมศิษย์เก่าได้หลายร้อยชีวิตและหลายรุ่นพอตัว
คิ้วดกหนาของพัฒน์ชนะกำลังขมวดกันยุ่งเนื่องจากการจราจรที่ติดเกินคาดของเมืองกรุง เขาอุตส่าห์เผื่อเวลาในการเดินทางแล้ว แต่คงไม่วายต้องเข้างานช้าแน่นอน นิ้วชี้ยาวเรียวของชายหนุ่มทั้งสองข้างเคาะพวงมาลัยรถสปอร์ตคันสวยราคาหลายสิบล้าน ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากันในบางครั้ง ก่อนจะสบถออกมาตามประสา “จะติดอะไรหนักหนาวะ”พูดจบใบหน้าหล่อๆ ของชายหนุ่มก็หันซ้ายหันขวาชะเง้อมองสัญญาณไฟจราจรที่ยังเป็นสีแดง หางตาก็เหลือบมองไปเห็นบรรดาสาวๆ ในรถที่จอดติดไฟแดงอยู่ข้างๆ กำลังแต่งหน้าทำผมกันอยู่เหมือนกำลังเดินทางไปงานที่ไหนสักงาน ก็จะไม่ให้เขาเห็นได้ยังไงเล่นเปิดไฟกลางรถไปซะแบบนั้น แต่มีหญิงสาวหนึ่งในนั้นที่เขาคุ้นตาเสียเหลือเกิน ซึ่งเขาก็จำไม่ได้ว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน สายตาของพัฒน์ชนะเพ่งมองเธอผ่านกระจกรถยนต์ที่มืดสนิทของเขาสลับกับมองดูสัญญาณไฟจราจร “หวา…เติมปากอีกไหม”เสียงใสๆ ของศิรดาเอ่ยถามเพื่อนสาว ก่อนจะยื่นลิปกลอสสีสวยยี่ห้อดังที่ถอยมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะให้กับคนที่นั่งอยู่เบาะหลัง ซึ่งหญิงสาวนั้นต่างก็รู้จักกันมาตั้งแต่มัธยมปลายจนถึงปัจจุบัน ถ้านับเวลาก็เกือบจะสิบปีเข้าไปแล้ว “ไม่ล่ะ แค่นี้พอแล้ว”ภัทรานิษฐ์ส่ายหน้า เพราะสำหรับเธอการแต่งหน้าแต่งตาเพียงเท่านี้ก็พอแล้ว เนื่องจากปรกติก็ไม่ค่อยได้แต่งหน้าทำผมแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่วันนี้มันเป็นวันพิเศษศิรดาและลักขณาเพื่อนสนิทของเธอทั้งสองคนจึงจับเธอแปลงโฉมอยู่ตั้งนานสองนาน กว่าจะยอมให้ออกจากบ้าน “คนสวยก็อย่างนี้แหละลักขณาสาวสวยแสนห้าวเพื่อนสนิทอีกคนที่มาพร้อมกันเอ่ยแซวเพื่อนอย่างไม่จริงจังนัก ส่วนภัทรานิษฐ์เมื่อได้ฟังก็รีบแก้คำพูดนั้นทันที “อย่าแซวน่า เราจะไปสวยสู้ฝนกับเก๋ได้ยังไง” “เหรอ!!”ศิรดาและลักขณาอุทานออกมาพร้อมๆ กัน เพราะภัทรานิษฐ์นั้นเป็นถึงอดีตดาวมหาวิทยาลัย ถ้าเจ้าหล่อนไม่สวยก็คงแย่แล้ว ส่วนพวกเธอถ้าลองได้เดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยตอนนี้คงมีแต่คนยกมือไหว้พร้อมคำเอ่ยเรียกว่าป้าแน่นอน “ทำเสียงแบบนี้หมายความว่าไง”คนถูกแซวอย่างภัทรานิษฐ์เอ่ยถามกลับไปบ้าง แต่หารู้ไม่ว่าท่าทางการสนทนาของพวกเธอนั้นอยู่ในสายตาของพัฒน์ชนะ “เปล๊า”ลักขณาที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถเอ่ยตอบเสียงสูง ก่อนจะมองสัญญาณไฟจราจรที่ยังเป็นสีแดงอยู่ “ไม่รู้ว่าคืนนี้จะมีใครจำพวกเราได้บ้าง”ศิรดาเอ่ยถามลอยๆ กับการไปงานเลี้ยงรุ่นสมัยมัธยมของพวกเธอ ก่อนจะวาดฝันถึงคนที่เธออยากพบ ผ่านมาตั้งหลายปีที่ไม่ได้พบหน้า เขาคนนั้นจะยังหล่อ พร้อมกับทำให้ใจของเธอเต้นแรงอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่านะ “นั่นสิ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว งานเลี้ยงรุ่นเนี่ย ตั้งแต่จบมอหกมา ฉันก็ไม่เคยไปเลยนะ”สาวสวยที่ขับรถอยู่เอ่ยขึ้นบ้าง ใช่ว่าเธอไม่อยากไปงานเลี้ยงรุ่น แต่ทุกปีที่จัดเธอไม่ว่างไปร่วมงานเลยสักครั้ง “ใช่" เสียงใสๆ ของศิรดาเอ่ยเห็นด้วย ก่อนจะเติมปาก เติมแป้งของเธอต่อ ส่วนภัทรานิษฐ์ก็พยักหน้าให้เพื่อน เพราะเธอเองตั้งแต่เรียนจบไปก็ไม่เคยได้ไปงานเลี้ยงรุ่นเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเธอนั้นไม่ว่างแต่เพราะไม่มีเพื่อนไปด้วยต่างหาก “แล้วปีนี้ คิดยังไงถึงจะไป”ภัทรานิษฐ์เอ่ยถามขึ้น “ไม่รู้สิ...ฉันรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างดึงดูด ไม่แน่พี่แพทอาจจะไปงานปีนี้ก็ได้นะ ฉันถึงได้เนื้อเต้นแบบนี้”ศิรดาออกอาการเพ้อ ชื่อที่ได้ยินทำให้หัวใจของภัทรานิษฐ์เต้นรัว “ถูกต้อง เพราะตั้งแต่พี่แกจบมอหก พี่แพทสุดฮอตสุดกรี๊ดของเราไม่เคยไปงานเลี้ยงรุ่นเลย ถ้าปีนี้พี่แกไปฉันต้องละลายแน่ๆ”ลักขณาเองก็ออกอาการเพ้อตามศิรดาไปติดๆ อีกคน ใบหน้าของชายในฝันลอยไปลอยมาในจินตนาการของทั้งสองสาว “ไป...พาเมียสองลูกสี่ไปด้วย”คำพูดของศิรดาทำให้ฝันของลักขณาแทบพัง ก่อนจะหันมาแยกเขี้ยวใส่เพื่อนสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ พร้อมเอ่ยค้านเสียงเขียว “เวอร์…พี่เขายังไม่แต่งงานหรอก” “ว่าได้เหรอจ๊ะ ผู้ชายทั้งหล่อ ทั้งรวย แบบนั้นคิดหรือว่าจะรอด”ประโยคที่สองของศิรดาเหมือนมีหินก้อนใหญ่หล่นมาปิดประตูคำว่าโอกาสของลักขณาเรียบร้อย ก่อนที่ศิรดาจะเอ่ยค้านพร้อมความมุ่งมั่น “ไม่จริง พี่แพทของฉันต้องยังโสด ป่านนี้คงเป็นหนุ่มเนื้อหอม เป็นรุ่นพี่ในดวงใจ ที่ได้เห็นเมื่อไหร่ใจฉันต้องเต้นไม่เป็นส่ำทุกทีเลย" พูดจบลักขณาก็ยิ้มคนเดียว “แล้วแกรู้ได้ไงว่าพี่เขายังไม่แต่งงาน เป็นปาปารัชซี่หรือไงจ๊ะ เอ๊ะ หรือว่าเป็นคนใช้บ้านพี่เขากันนะ”ภัทรานิษฐ์แอบหัวเราะให้กับคำพูดของศิรดา “บ้า...ฉันก็แค่เดาเอา เพราะถ้าพี่แพทแต่งงาน ฉันก็อยากเห็นภรรยาพี่เขาเหมือนกันนะว่าหน้าตาจะสวยขนาดไหน แล้วทำยังไง ถึงได้คว้าหัวใจพี่แพทสุดฮอตของพวกเราไปครองได้ ว่าไหมยี่หวา" คำถามของลักขณาทำให้ภัทรานิษฐ์สะดุ้ง เพราะเธอกำลังคิดอะไรเพลินๆ เหมือนกัน “อะ…เอ่อ อืม” “แกจะไปถามหวามันทำไมเล่า ถ้าพี่แพทมีเมียแล้ว ยี่หวาของเราก็อกหักสิ อุตส่าห์หลงรักพี่เขามาตั้งแต่อยู่มอสี่จนป่านนี้ แถมยังอ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ยากสุดๆ ของเมืองไทย เพื่อตามไปเรียนที่เดียวกับพี่แพทอีก ฉันกับแกก็รู้ เพราะร่วมชะตากรรมกันมาตั้งแต่ต้น ใช่ไหม" ศิรดาหันไปถามความคิดเห็นจากเพื่อน แต่เธอไม่เสียใจหรอกที่เลือกเส้นทางนี้ เพราะเป็นมหาวิทยาลัยที่เธอต้องการเรียนอยู่แล้ว ++++++++++++++++++++++++++ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ ฝากเป็นกำลังใจให้นักเขียนนามปากกา วรนิษฐา ด้วยนะคะบทที่ 2“ฝน...แกก็พูดเว่อร์ไป เราอยากเรียนออกแบบมากกว่า ก็เลยเลือกมหาวิทยาลัย…นั่น” ภัทรานิษฐ์เอื้อมมือมาตีหมับลงไปบนต้นแขนของศิรดาเบาๆ ที่เอ่ยเรื่องน่าอายของเธอออกมา เพระทุกอย่างมันคือความจริง แค่การได้เข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยนั่นก็ใช่ว่าเธอจะได้สานสัมพันธ์กับพัฒน์ชนะมากขึ้นเสียเมื่อไหร่เพราะชายหนุ่มก็ยังเป็นหนุ่มฮอตเหมือนเดิม มีแต่คนสนใจโดยเฉพาะสาวๆ ซึ่งก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงจะอยู่ใกล้กันแค่ไหนแต่สำหรับเธอ พัฒน์ชนะเหมือนอยู่ไกลจนเอื้อมไม่ถึง เขาไม่เคยมองเห็นเธอในสายตาด้วยซ้ำ แม้จะทำตัวเด่นก็ตาม “ไม่เว่อร์ล่ะ ถ้าแกเลิกชอบพี่แพทนานแล้ว ป่านนี้ทำไมยังโสดวะ เรียนจบมาก็ตั้งสองสามปี ไม่เห็นจะมีแฟน หน้าตาแกก็สวยจนไปประกวดนางงามยังได้เลย” คำถามของเพื่อนช่างจี้ใจดำคนโสดแบบไม่ตั้งใจโดยแท้ “อ้าว...ทำไงได้ ก็คนมันยังไม่รักใครนี่นา อยู่แบบโสดๆ อย่างนี้ชีวิตฉันก็สบายดีออก” คนโสดยักไหล่ให้ เพราะบางครั้งคนไม่โสดอย่างใครบางคนข้างหน้าก็แอบอิจฉาคนโสดอย่างเธอเหมือนกัน เพราะในกลุ่มคนที่มีแฟนและมีแววว่าจะสละโสดคนแรกนั่นคือศิรดา “เหรอ…ถามหัวใจแกก่อนค่อยตอบฉันก็ได้ ชิชิ อย่าหาว่าไม่รู้”
บทที่ 3“น้องยี่หวามาด้วยเหรอวะ ยิ่งโต ยิ่งสวย ผ่านมากี่ปีก็ยังสวยไม่เปลี่ยน”สายตาของอนุภพจับจ้องไปยังภัทรานิษฐ์แบบไม่กระพริบ บางครั้งก็แอบลามกสำรวจทรวดทรงองค์เอวของเธอ เพราะภัทรานิษฐ์ในความทรงจำนั้นใส่แค่ชุดนักเรียนและชุดนิสิต แต่วันนี้เธอเป็นสาวสะพรั่ง หน้าอกหน้าใจอวบอูม เอวคอดกิ่ว ผิวสวยๆ ที่เห็นเมื่อไหร่ก็อยากเข้าไปสัมผัสแต่ก็ทำได้เพียงแค่คิด“ไหนวะ น้องยี่หวาของเอ็ง" พัฒน์ชนะมองตามสายตาของอนุภพไปเหมือนกัน ก่อนจะเอ่ยถามว่าคนที่ทำให้เพื่อนออกอาการเพ้อได้ขนาดนี้คือใคร “นั่นไง คนที่ใส่ชุดเกาะอกสีฟ้านะ”อนุภพเอ่ยบอกพิกัดพัฒน์ชนะจึงมองตามไปก่อนจะถึงบางอ้อ ที่เขาไม่ทันเห็นเมื่อครู่ก็เพราะมีหนุ่มๆ ยืนล้อมหน้าล้อมหลังเธออยู่นั่นเอง “อ้อ...ผู้หญิงในรถนั่นเอง” “อ้อ...อุทานเหมือนไม่รู้จัก เฮ้ย...อย่าบอกนะว่าแกไม่รู้จักน้องเขา”คนขี้สงสัยเอ่ยถาม เพราะอนุภพไม่เชื่อว่าพัฒน์ชนะจะไม่รู้จักภัทรานิษฐ์ แต่ก็อาจจะไม่แน่เพราะเพื่อนของเขานั้นออกจะเป็นหนุ่มเนื้อหอมมีสาวๆ รายล้อมอยู่เป็นประจำ“ไม่รู้จัก”พัฒน์ชนะเอ่ยตอบตามตรง แม้จะไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวแต่ที่เขารู้สึกว่าคุ้นหน้า คงเป็นเพราะเคยเรียนที
บทที่ 4 ส่วนศิรดาและลักขณาซึ่งนั่งประกบซ้ายขวาขนาบข้าง ภัทรานิษฐ์อยู่ หันมามองคนตรงกลางพร้อมกันหลังจากบรรดาหนุ่มๆ ทั้งรุ่นพี่ รุ่นเดียวกัน และรุ่นน้องที่มาร่วมงานต่างก็เข้ามาทักทายภัทรานิษฐ์และทักเพื่อนอย่างพวกเธอตามมารยาทได้กลับไปนั่งที่โต๊ะหมดแล้ว เสียงตื่นเต้นและดีใจของศิรดาก็ดังขึ้น “ยี่หวา...พี่แพทมาด้วยล่ะ กรี๊ด!!!” “เหรอ หวาไม่ยักจะเห็นพี่เขาเลย” ภัทรานิษฐ์แสดงสีหน้าได้เรียบเฉยมาก แต่ใจนั้นไม่ใช่เลย “แกนี่...พี่แพทนั่งแแปลกๆ?อยู่โต๊ะนู้นไม่เห็นเหรอ” พูดจบศิรดาก็แอบมองไปยังโต๊ะที่รุ่นพี่สุดฮอตนั่งอยู่อีกครั้งด้วยท่าทีขัดเขิน ก่อนจะหุบยิ้มเมื่อเห็นว่ามีสาวนางหนึ่งไปเจ๊าะแจ๊ะกับขวัญใจของเธอ “ไม่เห็น” เสียงใสๆ ของภัทรานิษฐ์ก็ยังคงปฏิเสธ ก่อนจะหยิบแก้วที่มีน้ำพั้นช์สีสวยขึ้นดื่มแก้คอแห้ง “ผู้ชายในดวงใจที่แกแอบชอบพี่เขามานานแสนนาน นั่งอยู่ในงานแกจะไม่เห็นได้ยังไง แถมตอนนี้ยังมีชะนีนางหนึ่งไปคุยกับพี่เขาอยู่ด้วย” “ฝน...เราไม่ได้ชอบพี่เขาแล้ว เลิกพูดสักที อีกอย่างพี่เขาจะคุยกับใครมันไม่เกี่ยวกับเราสักหน่อย” ภัทรานิษฐ์เอ่ยค้าน “ตามใจ” ศิรดาเอ่ยตบอกแบบปลงๆ เพราะรู้อยู่ว่าเพื่อนส
บทที่ 5“ว่างๆ เราไปกินข้าวกันนะครับ” “อืม...ขอคิดดูก่อนนะคะ เพราะหวากลัวแฟนพี่ภพจะว่าเอา” “ครับๆ” อนุภพจำเป็นต้องเอ่ยรับ เพราะรู้ว่านั่นคือการปฏิเสธแบบอ้อมๆ อย่างถนอมน้ำใจจากเธอ เมื่ออนุภพแยกตัวออกไปชายหนุ่มก็มีสาวๆ มาขอชนแก้วและคุยด้วยไม่น้อยเลย โดยส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนๆ กันมากกว่า ชายหนุ่มพยายามปลีกตัวไปหาพัฒน์ชนะและเขาก็ทำได้สำเร็จ ทันที่ที่หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ได้ก็เอ่ยบอกในสิ่งที่ได้รู้มา “น้องเขามีแฟนแล้วว่ะ”“แล้วไง” พัฒน์ชนะเอ่ยถามอย่างเป็นเรื่องปรกติ เขาไม่สนถ้าจะมีอะไรกับผู้หญิงที่มีแฟนแล้ว เพราะพวกผู้หญิงที่ข้องเกี่ยวกับเขาส่วนใหญ่ต่างก็เป็นฝ่ายสมยอมให้กับเขาเอง เขาไม่ได้บังคับใจใครสักหน่อย“ไอ้นี่หนิ” อนุภพส่ายหน้าให้ ก่อนจะพูดเรื่องที่อยากพูดแต่ทำได้เพียงแค่อ้าปากก็ต้องหยุด เพราะมีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้น “พี่แพท พี่ภพคะ ชนแก้วกันหน่อยสิ” สาวสวยสามสี่คนล้อมหน้าล้อมหลังอนุภพกับพัฒน์ชนะจนแทบไม่มีความเป็นส่วนตัว “อย่าไปไหน เดี๋ยวข้ามาคุยต่อ” อนุภพพาสาวๆ ออกไปก่อนเพื่อหวังจะกลับมาคุยกับเพื่อนใหม่ ส่วนภัทรานิษฐ์เองก็มีหนุ่มๆ อีกหลายคนเดินเข้าไปคุย ชวนเธอชนแก้ว ถามเรื่องงานบ
บทที่ 6“แต่ก็ไม่ผิดนะที่จะบอกใครบางคนว่าเราชอบเขา” ลักขณาพยายามเสนอ เพราะไม่อยากให้ภัทรานิษฐ์เก็บความรู้สึกนี้ไว้คนเดียวจนวันตาย “ก็ไม่ผิด แต่ติดที่เราไม่กล้าเอง จบไหมเพื่อน”“เออ…จบประเด็น” พอได้ยินคำตอบของเพื่อนสาวก็ทำเอาคนฟังไปไม่เป็นเหมือนกัน แต่ยิ่งรู้แบบนี้พัฒน์ชนะก็ยิ่งอยากได้อยากจะเอาชนะภัทรานิษฐ์มากขึ้นเท่านั้น มันคือความท้าทายแบบผิดๆ ของชายหนุ่มที่จะเป็นโซ่ผูกเขาไปจนวันตาย “เออนี่เก๋…เห็นกระเป๋าเราไหม” พูดจบสายตาของภัทรานิษฐ์ก็มองหากระเป๋าตัวเอง “ไม่นี่…ลืมไว้บนโต๊ะที่ห้องจัดเลี้ยงหรือเปล่า”“ท่าทางจะเป็นแบบนั้น เดี๋ยวเราลงไปเอาก่อนนะ ฝากยายฝนด้วย” คำพูดของภัทรานิษฐ์ทำให้พัฒน์ชนะรีบหลบออกไป “อืม” ลักขณาเอ่ยรับ ก่อนจะมองภัทรานิษฐ์ที่เดินออกจากห้องไป แล้วมองคนขี้เมาที่นอนอยู่ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกไปโทรหาแฟนหนุ่มของเธอ และเลือกออกไปคุยที่ระเบียงห้องพักอย่างกระหนุง กระหนิงตามประสาคนรักเพื่อรอภัทรานิษฐ์ส่วนคนขี้ลืมทั้งๆ ที่ไม่น่าลืมก็กดลิฟต์ลงไปยังห้องจัดเลี้ยง ซึ่งตอนนี้ภายในห้องจัดเลี้ยงค่อนข้างมืดเพราะปิดไฟเกือบหมดเพื่อให้ทุกคนที่มางานออกสเต็ปแดนซ์ตามจังหวะเสียงเพลงที่ดั
บทที่ 7“ไม่อยากให้เป็นแบบนี้หรอกเหรอครับ” พัฒน์ชนะเดินเข้ามาหาภัทรานิษฐ์ที่ในตอนนี้หญิงสาวยิ่งขยับหนีเพื่อออกห่าง ดึงสติกลับมาเพราะไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของเขาว่ามันคืออะไร หรือแค่อยากลองใจเธอ ภัทรานิษฐ์รู้ว่าพัฒน์ชนะนั้นเป็นเพลย์บอยมากแค่ไหน เพราะเหตุนี้เธอจึงไม่ยอมบอกว่าชอบเขา เพียงเพื่อจะได้เป็นของเล่นของชายหนุ่มแน่ๆ แล้วที่เขาบอกว่าชอบเธอก็ใช่ว่าจะเชื่อถือมันได้ว่าคือความจริง “ไม่ค่ะ เพราะยี่หวาไม่ได้ชอบพี่แพท ขอตัวก่อนนะคะ” ภัทรานิษฐ์รวบรวมความกล้า เดินผ่านพัฒน์ชนะเพื่อตรงไปยังประตูแต่ชายหนุ่มกลับจับข้อมือบางของเธอไว้ “เดี๋ยวสิ”“พี่แพท…ปล่อยแขนยี่หวาด้วยค่ะ” ภัทรานิษฐ์พยายามออกแรงยื้อให้หลุดจากการจับของพัฒน์ชนะ แต่คำพูดของชายหนุ่มกลับทำให้ตัวของภัทรานิษฐ์รู้สึกเย็นวาบ“คงไม่ได้” “พี่แพท!” ความกลัวทำให้ภัทรานิษฐ์ตัวสั่น เธอไม่เคยกลัวพัฒน์ชนะแบบนี้มาก่อน แววตาของชายหนุ่มเหมือนจะไม่มีอะไรแต่ความรู้สึกของเธอบอกให้ออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด “รู้ไหมว่าพี่เป็นผู้ชายที่ถ้าอยากได้อะไรแล้วต้องได้”“ไม่ทราบค่ะ ปล่อย!”“พี่อยากได้ยี่หวา” คำพูดที่แสนเห็นแก่ตัวของพัฒน์ชนะทำให้ภัทรานิษฐ์
บทที่ 8“ไม่ได้” ชายหนุ่มสบตาที่สั่นระริกของภัทรานิษฐ์ แต่ไม่ได้มีความสงสารให้เธอเพียงนิด เพราะความต้องการของเขามีมากเกินจะหยุดได้แล้ว “สารเลว ปล่อยนะ อื้อ…” คำด่าทอและขอร้องถูกปิดกั้นด้วยริมฝีปากอีกครั้ง มือข้างหนึ่งของพัฒน์ชนะจับข้อมือของภัทรานิษฐ์จุดที่มีเนกไทมัดไว้ ส่วนอีกข้างกำลังสำรวจร่างกายเธอ ภัทรานิษฐ์ถึงกับสะดุ้งหนียามถูกมือหนาสัมผัส น้ำตาของความกลัวไหลอาบแก้มแต่พัฒน์ชนะไม่รับรู้เพียงนิด ชายหนุ่มถอนจูบออก ก่อนจะไซ้ซอกคอหอมๆ ของเธอ จูบต่ำลงไปเรื่อยๆ เมื่อริมฝีปากบางเป็นอิสระภัทรานิษฐ์ก็เฝ้าบอกให้เขาหยุดและปล่อยเธอ แต่มีหรือที่พัฒน์ชนะจะฟังคำพูดของเธอ ยามใดที่ริมฝีปากของชายหนุ่มสัมผัสถูกกายสาวภัทรานิษฐ์ก็สะดุ้งรับ สัมผัสวาบหวิวและเร่าร้อนซึ่งไม่เคยมีชายใดทำแบบนี้กับเธอมาก่อนมันทั้งน่าลิ้มลองและน่าหวาดกลัวไปพร้อมๆ กันชุดเกาะอกสีฟ้าของภัทรานิษฐ์ถูกพัฒน์ชนะร่นมันลงไปกองที่เอวคอดได้รูป ก่อนจะรั้งซิลิโคนที่หญิงสาวสวมแทนบราออกไปด้วย เผยให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มไร้อาภรณ์ใดๆ ปิดกั้น ริมฝีปากร้อนๆ ของชายหนุ่มทั้งเฝ้าจูบ และขบเม้มรอบฐานดอกบัวคู่สวยทั้งสองข้าง มือก็ขยำขยี้ฟอนเฟ้นจนตั้งชัน
“ไม่นะ” ภัทรานิษฐ์สะดุ้งสุดตัว เบิกตากว้าง ทั้งตัวรู้สึกเย็นวูบสลับร้อน ไม่กล้ามองด้วยซ้ำว่าพัฒน์ชนะกำลังทำอะไรกับส่วนนั้นของเธอ แต่ชายหนุ่มมีหรือจะยอมหยุด เขารู้สาเหตุที่ภัทรานิษฐ์ไม่ประสาเรื่องบนเตียงแล้ว เพราะเธอยังบริสุทธิ์นั่นเอง เยื่อบางๆ ที่กั้นไม่ให้ลิ้นและนิ้วของเขาผ่านเข้าไปในตัวเธอมันบอกแบบนั้น ยิ่งได้รู้แบบนี้ พัฒน์ชนะก็ยิ่งต้องการเธอมากขึ้นไปอีกชายหนุ่มไม่ได้สนใจถุงยางอนามัยเลย เขารีบจัดการถอดอันเดอร์แวร์ของตัวเองออก ก่อนจะก้มลงไปใช้ลิ้นสัมผัสความเป็นหญิงของเธอหนักๆ จนภัทรานิษฐ์ขาสั่นไปหมดก็ว่าได้ หญิงสาวกัดริมฝีปากจนแทบห้อเลือดกับสัมผัสวาบหวิวเร่าร้อนที่เกิดขึ้น ตอนนี้เธอไม่สามารถปฏิเสธความต้องการได้แล้ว มือที่ถูกมัดกำเข้าหากันแน่นยามที่ลิ้นของชายหนุ่มสัมผัสจุดที่ไวต่อความรู้สึกกลางตัว“อะ…พี่แพท” คนที่กำลังหลอมละลายเอ่ยเรียกชื่อพัฒน์ชนะ ไม่เต็มเสียงนัก ร่างบางของภัทรานิษฐ์บิดเร่าไปมา ท้องน้อยปั่นป่วนไปหมด ขนอ่อนบนร่างกายทุกเส้นตั้งชัน ขาทั้งสองข้างสั่นไหวเหมือนกับใจของเธอในตอนนี้ ที่มีทั้งความหวาดกลัวและอยากลิ้มลองรสเสน่